ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ราชการแนวหน้า : สิทธิประโยชน์และสวัสดิการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.

(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)

การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กลับมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านและเรียกค่าเช่าบ้านคืนจากผู้ฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้นำเงินค่าเช่าบ้านที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 อนุมัติเบิกจ่ายให้ใช้ไม่หมดสิ้นแล้ว จึงเป็นกรณีที่ผู้ฟ้องควรได้ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านด้วยความเชื่อโดยสุจริต และมิได้แสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง ข่มขู่หรือชักจูงโดยการให้ทรัพย์สินหรือให้ประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และผู้ปฏิบัติราชการแทนผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีคำสั่งอนุมัติให้ผู้ฟ้องคดีเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านได้ตามสิทธิ โดยผู้ฟ้องคดีไม่รู้ถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งดังกล่าว จึงถือว่าผู้ฟ้องคดีได้รับค่าเช่าบ้านมาโดยชอบ เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งให้เรียกคืนเงินค่าเช่าบ้านทั้งหมดอันถือว่าเป็นการเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งเป็นการให้เงินหรือให้ทรัพย์สินหรือให้ประโยชน์ที่อาจแบ่งแยกได้ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 การคืนเงินค่าเช่าบ้านจึงต้องนำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 412 มาใช้บังคับโดยอนุโลม เมื่อผู้ฟ้องคดีได้รับเงินค่าเช่าบ้านมาโดยสุจริตและได้ใช้เงินดังกล่าวไปจนหมดแล้ว ผู้ฟ้องคดีจึงไม่ต้องคืนเงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 51 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง พ.ศ. 2539

ในส่วนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 นั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้แจ้งเพิกถอนสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านของผู้ฟ้องคดีและเรียกคืนเงินที่เบิกจ่ายไปทั้งหมด เป็นกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ปฏิบัติราชการแทนผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 การอุทธรณ์จึงต้องยื่นอุทธรณ์ต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ตามมาตรา 44 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ เมื่อผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ส่งคำอุทธรณ์ไปให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 พิจารณาหากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี ต้องส่งคำอุทธรณ์และความเห็นไปให้ประธานศาลปกครองสูงสุดผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวประกอบกับ ข้อ 2(14) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 และมาตรา 78 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ เป็นผู้วินิจฉัยอุทธรณ์แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 กลับทำการพิจารณาและวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีอันเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน และวิธีการอันเป็นสาระ

(อ่านต่ออาทิตย์หน้า)

Leave a comment