แหวกฟ้าหาฝัน : Karl Nordstrom in Thiel Gallery

แหวกฟ้าหาฝัน : Karl Nordstrom in Thiel Gallery

แหวกฟ้าหาฝัน : Karl Nordstrom in Thiel Gallery

วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

แหวกฟ้าหาฝัน : Karl Nordstrom in Thiel Gallery

นอกจาก Bruno Liljefors และ Eugene Jansson ศิลปินชาวสวีดิชที่ชื่นชอบการวาดทิวทัศน์แล้ว ใน Thiel Gallery ยังมีผลงานของ Karl Nordstrom ศิลปินชาวสวิดิชอีกผู้หนึ่งที่ถนัดในการวาดทิวทัศน์อีกเป็นอย่างมาก Karl Nordstrom เกิดวันที่ 11 กรกฎาคม 1855 ในครอบครัวที่บิดาเป็นผู้บัญชาการตำรวจ เขาเติบโตบนกาะ Tjorn จนอายุ 20 ปีจึงเข้าไปศึกษาต่อที่ Royal Swedish Academy of Fine Arts กรุงสต็อคโฮมกับ Edvard Perseus หลังจากนั้นเขาไปศึกษาต่อที่ปารีส และเข้าเยือนมิวเซียมใน Antwerp และ Brussels เบลเยี่ยมบ่อย ๆ จนได้รับอิทธิพลจากงานแนว Impressionism ซึ่งกำลังโด่งดังในเวลานั้น ปี 1882 เขาสามารถส่งงานเข้าจัดแสดงใน Salon ได้เป็นครั้งแรก ก่อนย้ายไปอยู่ Normandy ฝรั่งเศส ปี 1885 เขาร่วมกลุ่มกับศิลปินราว 85 เขาที่เรียกว่ากลุ่ม Opponenterna เรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงแนวทางศิลปะให้ทันสมัยขึ้น และปฏิรูปการศึกษาด้านศิลปะต่อ Royal Academy of Fine Arts อีกทั้งยังแต่งงานกับ Tekla Lindestrom ช่างแกะสลักที่เขาได้พบทางตอนเหนือของฝรั่งเศสก่อนกลับบ้านในปี 1886

ปี 1889 เขาได้มีโอกาสจัดนิทรรศการที่ Exposition Universelle และได้มีโอกาสขายผลงานชิ้นหนึ่งให้กับ Prince Eugen คหบดีที่สนับสนุนทางด้านศิลปะ ต่อมาเขาย้ายไปอยู่ทางตอนใต้ของสวีเดนและได้ร่วมกันกับ Nils Kreuger และ Richard Bergh พัฒนาแนวทางศิลปะที่เรียกว่า Varberg School ซึ่งก็คือแนวทางศิลปะแบบ Romanticism ที่เน้นการรังสรรค์งานแนวทิวทัศน์ สัตว์ และทุ่งหญ้าจากอิทธิพลของ Impressionism ฝรั่งเศส นอกจากนี้เขายังร่วมก่อตั้งและดำรงตำแหน่งหัวหน้า  Konstnarsforbundet หรือสมาคมศิลปะที่ต่อต้าน Royal Academy of Fine Arts Sweden อีกต่างหากด้วย ยิ่งกว่านั้นต้นทศวรรษที่ 1900 เขายังเป็นอาจารย์สอนที่ Association of Artist School ซึ่งเปิดทำการระหว่างปี 1890-1908

หลังปี 1910 เขาหันเหออกจากแนวทางศิลปะแบบ Impressionism เข้าหา Synthetism หรือ Post Impressionism อันได้รับอิทธิพลมาจาก Van Gogh และ Gauguin ที่เขาได้เห็นเมื่อไปเยือนปารีส รวมทั้งศิลปะแบบญี่ปุ่นที่เขาได้เรียนรู้ในช่วงเวลาเดียวกัน ในปี 1913 เขาเริ่มมีปัญหาสุขภาพและต้องผ่าตัดถุงน้ำดีในปี 1914 ซ้ำร้ายไม่เพียงมารดาเขาจะเสียชีวิต สมาคมที่เขาก่อตั้งยังสลายตัวด้วย ปี 1920 เขากับภรรยาเลยเดินทางไปฝรั่งเศส งานของเขาเป็นที่นิยมและได้รับการยกย่องอย่างสูงตลอดชีวิตจนถูกซื้อไปเข้าไว้ในห้องภาพมากมาย อาทิ National Museum, Prin Eugens Waldemarsudde, Goteborgs Knostmuseum, Isabella Stewart Gardner Museum ในบอสตัน เขาเสียชีวิตที่ Drottningholm ในปี 1923 และถูกฝังที่ Norra Begravningsplantsen นักท่องเที่ยวจะเห็นว่า แม้ผลงานของเขาเป็นทิวทัศน์ที่อาจดูไม่ค่อยมีรายละเอียด ใช้โทนสีซ้ำ ๆ ฟ้า ส้ม และติดไปในทางหม่นหมอง แต่ก็มีอัตลักษณ์ของตัวเอง

Leave a comment