ตะลอนเที่ยว : ร่วมไถ่ชีวิตโค-กระบือ กับหนังสือพิมพ์แนวหน้า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/198902

วันอาทิตย์ ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
เด็กไทยในเมืองใหญ่ในยุคนี้จำนวนไม่น้อยไม่รู้จักโคและกระบือแล้ว เด็กบางคนแยกไม่ได้ว่าตัวไหนคือโค และตัวไหนคือกระบือ (น่าประหลาดยิ่งกว่าที่เด็กบางคนถามว่าวัวกับโคคือสัตว์ชนิดเดียวกันหรือไม่)

น่าอัศจรรย์ที่คนในสังคมไทยบางกลุ่มละเลยและหลงลืมความสำคัญของสัตว์สองชนิดนี้ ทั้งๆ ที่ทั้งโคและกระบือคือเพื่อนสี่ขาที่คนไทยใช้แรงงานของพวกเขามาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ สังคมไทยและสังคมในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้โคและกระบือช่วยทำไร่ไถนาให้กับมนุษย์มาโดยตลอด บางก็อาศัยนมจากวัวและกระบือเป็นอาหาร

ส่วนบางประเทศในเอเชีย เช่น อินเดียและเนปาลนั้นนับถือว่าวัวคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะเป็นพาหนะของพระศิวะ ดังนั้นผู้ที่นับถือฮินดูจึงไม่ตี ไม่ฆ่า ไม่กินวัว บางคนบอกว่าไม่กินเนื้อวัว เพราะนับถือพระพิฆเนศ เนื่องจากพระพิฆเนศทรงดื่มน้ำนมวัว ดังนั้นเมื่อเคารพบูชาเทพแห่งศิลปวิทยาการและเทพแห่งความสำเร็จพระองค์นี้แล้วจึงไม่กินเนื้อวัว ส่วนคนที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมก็ไม่บริโภคเนื้อวัวเช่นกัน (และไม่บริโภคเนื้อสัตว์ใหญ่ด้วย)

สำหรับคนไทยจำนวนมากก็ไม่กินเนื้อวัวและเนื้อควาย สาเหตุก็เพราะถูกอบรมสั่งสอนมาว่า เขาช่วยเราทำไร่ไถนาปลูกข้าวให้เราได้กิน เขามีบุญคุณต่อเรา ดังนั้นจึงไม่กินไม่ฆ่าเขา คนไทยยุคเก่าก่อนจะคุ้นเคยกับวิถีชีวิตและความผูกพันระหว่างชาวนากับวัวควาย  การใช้วัวและควายไถ่นา คราดนา และการใช้ควายเดินเพื่อนวดข้าวให้เมล็ดข้าวหลุดจากรวง

Mr.Flower สาธยายเรื่องของวัวและควายมาพอประมาณ สาเหตุที่ต้องสาธยายนำมาก็เพราะจะประชาสัมพันธ์โครงการ “ไถ่ชีวิตโค-กระบือร่วมกับหนังสือพิมพ์แนวหน้า” โดยโครงการนี้ได้กระทำมาระยะหนึ่งแล้ว และได้ไปไถ่ชีวิตโค-กระบือจากโรงฆ่าสัตว์ที่จังหวัดปทุมธานีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2559 จำนวน 5 ชีวิต คือโค 2 ตัว กระบือ 3 ตัว

มีผู้ถามว่าเมื่อไถ่ชีวิตเขาออกมาแล้ว เอาเขาไปไว้ไหน เอาไปทำอะไร ดูแลเขาอย่างไร ใครดูแล

คำตอบคือ นำเขาไปให้กับชาวไร่ชาวนารายเล็กซึ่งผ่านการคัดสรรแล้วว่าสามารถดูแลเลี้ยงดูเขาได้ดี ไม่ฆ่าเขา ไม่ขายเขา ไม่ทิ้งเขา ไม่ปล่อยให้เขาอดอยาก ไม่ปล่อยให้เขาโดดเดี่ยวเดียวดาย ไม่ปล่อยให้เขาเจ็บป่วยจนล้มตาย

ผู้ที่รับโค-กระบือจากโครงการไถ่ชีวิตไปเลี้ยงต้องทำสัญญากับคณะผู้จัดทำโครงการนี้ก่อน และหากผิดสัญญาจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้มอบโค-กระบือให้

ทั้งนี้ทางผู้จัดทำโครงการได้ร่วมมือกับคณาจารย์และนิสิตจากคณะสัตวแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยจะออกไปเยี่ยมเยียนชาวไร่ชาวนาที่รับโค-กระบือไปเลี้ยง และตรวจสุขภาพ ฉีดยา ฉีดวัคซีนให้โดยไม่คิดค่าบริการ และจะอบรมกรรมวิธีผสมเทียม ทำคลอดให้กับชาวไร่ชาวนาที่รับโค-กระบือไปเลี้ยงด้วย

สำหรับโค-กระบือที่ทางโครงการของเราได้ไปไถ่ชีวิตมาทั้ง 5 ชีวิตนี้จะส่งมอบให้กับชาวนารายเล็กในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาต่อไป (ซึ่งคอลัมน์ตะลอนเที่ยว และคอลัมน์อื่นๆ ในหนังสือพิมพ์แนวหน้าจะติดตามรายงานความเป็นอยู่ของเขามาให้คุณผู้อ่านที่ร่วมสมทบทุนกับโครงการนี้ได้รับทราบอย่างใกล้ชิดเป็นระยะๆ)

มีผู้ถามว่า โครงการนี้จะดำเนินต่อไปใช่หรือไม่ คำตอบคือ ใช่ครับ โครงการจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ และเราจะจัดทริปรวมกลุ่มไปเยี่ยมเยียนพวกเขา พร้อมๆ กับจัดทริปชวนคุณๆ ไปไหว้พระ ทำบุญ ท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยากันเป็นครั้งเป็นคราไป เพื่อจะได้ใช้โอกาสนี้พบปะสังสรรค์ร่วมกันในหมู่ผู้อ่านแนวหน้าและผู้ร่วมบริจาคสมทบทุน

ขอขอบคุณผู้อ่านหนังสือพิมพ์แนวหน้าที่ร่วมสนับสนุนโครงการนี้ และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วย

สำหรับท่านที่ต้องการร่วมสนับสนุนโครงการนี้โปรดติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ 091-7233615

 

1 thought on “ตะลอนเที่ยว : ร่วมไถ่ชีวิตโค-กระบือ กับหนังสือพิมพ์แนวหน้า

  1. ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า เพราะเหตุใด ต้องทำบุญไถ่ชีวิตโค-กระบือ เข้าใจว่า เพื่อไม่ให้มันถูกฆ่า หรือเปล่าไม่ทราบได้ แต่คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น แต่คิดว่า ถึงเป็นอย่างนั้น คนกินโค-กระบือ ก็ยังกินอยู่เหมือนเดิม เท่าเดิม การฆ่าก็เท่าเดิม แล้วจะไถ่ชีวิตได้อย่างไร ผมว่า ทั้งพระ และฆาราวาาส น่าจะปฏิญาณตน หรือป่าวประกาศว่า จะไม่กินเนื้อโค-กระบือ หรือสัตว์อื่นอีก ผมว่าน่าจะตรงประเด็นมากกว่านะครับ และเห็นผลทันทีครับ ขอบคุณที่ให้โอกาศออกความคิดเห็น

    Like

Leave a reply to k Cancel reply