ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา
http://www.tmd.go.th/agromet_3month_forecast.php
| พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรราย 3 เดือน |
| ระหว่างเดือน มกราคม – มีนาคม 2559 |
| ลักษณะอากาศทั่วไป |
ประเทศไทยตอนบน (ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก)เดือนมกราคม บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระยะๆ โดยจะมีกำลังค่อนข้างแรงเป็นส่วนมากและต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวเย็นทั่วไป โดยเฉพาะตอนบนของภาค กับมีหมอกหนาหลายพื้นที่ในบางวัน ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกจะมีอากาศเย็นเกือบทั่วไป และมีอากาศหนาวบางพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค กับมีหมอกหนาหลายพื้นที่ในบางวัน สำหรับยอดดอย ยอดภู รวมทั้งบริเวณเทือกเขาจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และอาจมีน้ำค้างแข็งได้ในบางวัน กับมีหมอกหนาหลายพื้นที่
จากนั้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ลักษณะอากาศค่อนข้างจะแปรปรวน จะมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ในบางวัน โดยบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระยะๆ แต่จะมีกำลังอ่อนลงและไม่ต่อเนื่อง ส่งผลให้เริ่มมีอากาศอุ่นขึ้น กับมีหมอกหนาหลายพื้นที่ และจะมีอากาศร้อนในตอนกลางวันส่วนมากในระยะครึ่งหลังของเดือน แต่หลายพื้นที่ของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า
เดือนมีนาคม บริเวณความกดอากาศสูงยังคงแผ่ลงมาปกคลุมตอนบนของทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นระยะๆ แต่จะมีกำลังอ่อน กับจะมีลมใต้หรือลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนเกือบตลอดช่วง นอกจากนี้ในบางช่วงยังมีหย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะดังกล่าวทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนอบอ้าวโดยทั่วไป และมีอากาศร้อนจัดหลายพื้นที่ในบางวัน โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของเดือนมีนาคม อุณหภูมิสูงสุดอาจสูงถึง 43 – 44 °ซ. แต่จะมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ในบางช่วง ซึ่งจะช่วยคลายความร้อนลงได้บ้าง
ปริมาณฝนรวมส่วนใหญ่จะใกล้เคียงค่าปกติ ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงกว่าค่าปกติ |
ภาคใต้ในช่วงประมาณครึ่งแรกของเดือนมกราคม มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้ ซึ่งจะทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนมากทางฝั่งตะวันออก สำหรับคลื่นลมในทะเลอ่าวไทยยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง โดยจะมีคลื่นสูง 2 – 3 เมตรในบางช่วง ส่วนทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
จากนั้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ จะเปลี่ยนเป็นลมตะวันออกหรือลมตะวันอออกเฉียงใต้พัดปกคลุม ส่งผลให้ภาคใต้มีฝนลดลงอีก และเริ่มมีอากาศร้อนในบางวัน สำหรับคลื่นลมทั้งทะเลอ่าวไทยและอันดามันจะมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ปริมาณฝนรวมจะต่ำกว่าค่าปกติเล็กน้อย ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย |
| ข้อควรระวัง |
เดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ อาจมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนจากประเทศพม่า ผ่านประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงบางพื้นที่ และอาจมีลูกเห็บตกลงมาได้
เดือนมีนาคม มักจะเกิดพายุฤดูร้อนบ่อยครั้ง โดยจะมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือน และเรือกสวนไร่นาได้ ประชาชนจึงควรติดตามข่าวพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด |
| คาดหมาย |
|
|
มกราคม |
กุมภาพันธ์ |
มีนาคม |
| ภาคเหนือ |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) |
31 – 33 |
34 – 36 |
36 – 38 |
|
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) |
16 – 18 |
18 – 20 |
21 – 23 |
|
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) |
8 – 9 |
7 – 9 |
7 – 8 |
|
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) |
3 – 4 |
3 – 5 |
3 – 6 |
|
ปริมาณฝน (มม.) |
10 – 20 |
5 – 15 |
20 – 40 |
|
จำนวนวันฝนตก (วัน) |
2 – 3 |
1 – 2 |
2 – 4 |
|
| ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) |
31 – 33 |
33 – 35 |
36 – 38 |
|
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) |
17 – 19 |
20 – 22 |
21 – 23 |
|
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) |
7 – 9 |
7 – 8 |
6 – 8 |
|
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) |
4 – 6 |
4 – 6 |
4 – 6 |
|
ปริมาณฝน (มม.) |
0 – 10 |
10 – 20 |
30 – 50 |
|
จำนวนวันฝนตก (วัน) |
1 – 2 |
2 – 3 |
4 – 6 |
|
| ภาคกลาง |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) |
33 – 35 |
35 – 37 |
36 – 38 |
|
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) |
21 – 23 |
23 – 25 |
25 – 27 |
|
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) |
8 – 9 |
8 – 9 |
7 – 8 |
|
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) |
4 – 6 |
4 – 6 |
5 – 7 |
|
ปริมาณฝน (มม.) |
0 – 10 |
10 – 20 |
30 – 50 |
|
จำนวนวันฝนตก (วัน) |
1 – 2 |
2 – 3 |
3 – 5 |
|
| ภาคตะวันออกรวมทั้งชายฝั่ง |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) |
32 – 34 |
33 – 35 |
34 – 36 |
|
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) |
22 – 24 |
24 – 26 |
25 – 27 |
|
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) |
7 – 8 |
6 – 8 |
6 – 7 |
|
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) |
4 – 5 |
4 – 5 |
4 – 6 |
|
ปริมาณฝน (มม.) |
10 – 20 |
20 – 40 |
50 – 80 |
|
จำนวนวันฝนตก (วัน) |
2 – 3 |
3 – 4 |
4 – 6 |
|
| ภาคใต้ฝั่งตะวันออก |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) |
30 – 32 |
31 – 33 |
32 – 34 |
|
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) |
22 – 24 |
23 – 25 |
24 – 26 |
|
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) |
6 – 8 |
7 – 9 |
7 – 8 |
|
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) |
3 – 5 |
4 – 5 |
4 – 5 |
|
ปริมาณฝน (มม.) |
40 – 60 |
20 – 40 |
50 – 80 |
|
จำนวนวันฝนตก (วัน) |
5 – 8 |
3 – 5 |
4 – 6 |
|
| ภาคใต้ฝั่งตะวันตก |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) |
32 – 34 |
34 – 36 |
34 – 36 |
|
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) |
22 – 24 |
23 – 25 |
24 – 26 |
|
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) |
8 – 9 |
8 – 9 |
8 – 9 |
|
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) |
4 – 5 |
4 – 5 |
5 – 6 |
|
ปริมาณฝน (มม.) |
15 – 30 |
15 – 30 |
70 – 100 |
|
จำนวนวันฝนตก (วัน) |
3 – 5 |
3 – 5 |
6 – 9 |
|
|
| ผลกระทบทางการเกษตร |
| ประเทศไทยตอนบน (ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก)เดือนมกราคม เดือนนี้เป็นช่วงปลายฤดูหนาว สภาพอากาศจะหนาวเย็นโดยทั่วไป โดยเฉพาะในช่วงที่บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุม หรือมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนเข้ามาสู่ประเทศไทย ทำให้ในระยะแรกจะมีฝนฟ้าคะนองและอาจมีลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ต่อจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงและมีอากาศหนาวเย็น กับมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดในบางพื้นที่ เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง สำหรับบริเวณยอดดอยและยอดภูจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และอาจมีน้ำค้างแข็งได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งแจ้งตอนกลางคืน เพราะอาจทำให้สัตว์ที่อ่อนแอตายได้ สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดปริมาณอาหารลง เนื่องจากในช่วงที่อุณหภูมิลดลงสัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย นอกจากนี้เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุสีเข้ม เพื่อรักษาอุณหภูมิดิน และเนื่องจากระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับในระยะปลายเดือนโดยเฉพาะในช่วงที่บริเวณความกดอากาศสูงมีกำลังอ่อนลงอาจ ทำให้มีหมอกและมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง สำหรับยานพาหนะทางการเกษตรหากต้องวิ่งบนถนนหลวงในเวลากลางคืนควรดูแลไฟหน้าและไฟท้ายให้สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ดอก ไม้ผล และพืชผัก เช่น ราน้ำค้างในพืชผัก และราดำในมะม่วง เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ผลผลิตด้อยคุณภาพ การติดผลลดลง สำหรับโรคราดำในมะม่วงหากพบการระบาด เกษตรกรควรฉีดพ่นด้วยน้ำจะทำให้ลดการระบาดลงไปได้ และทำให้การติดผลดีขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยและไฟป่า โดยหลีกเลี่ยงการจุดไฟในพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะสวนยางพาราควรทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก หากมีความจำเป็นต้องจุดไฟเพื่อใช้งานควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้ เพื่อป้องกันไฟลุกลามจนเป็นอัคคีภัย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกาตรกรควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อยแทนการปลูกข้าวนาปรัง สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะแทงช่อดอก โดยเฉพาะลำไย เกษตรกรควรงดให้น้ำ จนกว่าจะเห็นดอกชัดเจนแล้วจึงค่อยลงมือให้น้ำโดยเริ่มจากให้ในปริมาณที่น้อยก่อนแล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้น สำหรับผู้ที่ปลูกกล้วยไม้ในโรงเรือนควรเพิ่มความชื้นโดยใช้วัสดุอุ้มน้ำชุบน้ำแล้วนำไปไว้ในโรงเรือน รวมทั้งควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกปากดูดซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ
เดือนกุมภาพันธ์ เดือนนี้เป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูหนาวกับฤดูร้อนอุณหภูมิในตอนกลางวันและกลางคืนจะแตกต่างกันมาก เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน อย่าให้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย เนื่องจากในบางช่วงอาจมีหมอก โดยเฉพาะในช่วงที่บริเวณความกดอากาศสูงอ่อนกำลังลง เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง ขณะผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา ส่วนรถหรือเครื่องจักรกลที่ใช้ในการเกษตร หากมีความจำเป็นต้องวิ่งบนถนนหลวงในเวลากลางคืนควรดูแลโคมไฟหน้าและไฟท้ายให้ใช้การได้ดี และเปิดไฟให้สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนน นอกจากนี้ผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากไว้กลางแจ้งข้ามคืนในระยะนี้ เพราะอาจให้เปียกชื้นเสียหายเนื่องจากหมอกและน้ำค้างได้ และเนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยและไฟป่า โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูกและหลีกเลี่ยงการจุดไฟในพื้นที่เพาะปลูกและบริเวณอาคารบ้านเรือนหากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน โดยเฉพาะในบริเวณสวนยางพาราควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะไฟอาจลุกลามเป็นอัคคีภัยได้ง่าย และระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมากประกอบกับฝนที่ตกมีน้อย เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดปริมาณการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองเอาไว้ให้แก่พืชในระยะเจริญเติบโตโดยเฉพาะในช่วงที่ผลิดอกออกผลเป็นช่วงที่พืชต้องการน้ำมาก หากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลผลิตลดลง ถ้าขาดน้ำจะทำให้สูญเสียผลผลิตโดยสิ้นเชิง สำหรับในระยะครึ่งหลังของเดือนจะเป็นช่วงต้นฤดูร้อน อากาศจะเริ่มร้อนอบอ้าว เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดในช่วงฤดูร้อนให้กับสัตว์เลี้ยง รวมทั้งควรเพิ่มปริมาณน้ำกินให้กับสัตว์ และลดอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์เลี้ยงด้วย นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักด้วย ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นพืชทำให้ต้นทรุดโทรมผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ
เดือนมีนาคม เดือนนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อนในระยะต้นเดือนสภาพอากาศจะแปรปรวน โดยอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากระหว่างกลางวันและกลางคืน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย เนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงแล้ง เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง และควรให้น้ำพืชในช่วงเย็น เพื่อลดการสูญเสียน้ำเนื่องจากการระเหย เนื่องจากปริมาณน้ำที่ระเหยมากในระยะนี้ เกษตรกรควรคลุมดินด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นเสียหาย ผลผลิตลดลง ส่วนผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองให้แก่พืชในระยะเจริญเติบโต เพราะหากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ถ้าขาดน้ำจะทำให้สูญเสียผลผลิตโดยสิ้นเชิง เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย ในพื้นที่เพาะปลูกและที่อยู่อาศัยโดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะบริเวณสวนยางพาราควรหลีกเลี่ยงการจุดไฟในแปลงปลูกหากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันไฟลุกลามจนเกิดเป็นอัคคีภัย นอกจากนี้ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้ขาดความสมดุล สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สำหรับในระยะครึ่งหลังของเดือนอุณหภูมิจะสูงขึ้น ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน โดยนำวัสดุอุ้มน้ำชุบน้ำแล้วนำไปไว้ในโรงเรือน รวมทั้งควรเพิ่มปริมาณน้ำกินให้กับสัตว์ หากมีน้ำมากพอควรฉีดน้ำบริเวณหลังคาจะช่วยลดอุณหภูมิภายในโรงเรือนได้ นอกจากนี้ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดในช่วงฤดูร้อนให้กับสัตว์เลี้ยงด้วย ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล เช่น มะม่วง ลำไย และลิ้นจี่ เป็นต้น เกษตรกรควรให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ |
| ภาคใต้เดือนมกราคม เดือนนี้เป็นช่วงปลายฤดูหนาว ทางตอนบนของภาคจะมีอากาศเย็น เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับบางพื้นที่จะมีหมอก เกิดขึ้น เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะขณะผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา รวมทั้งระวังและป้องกันโรคราน้ำค้างในพืชผัก สำหรับปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลงโดยเฉพาะทางตอนบนและตอนกลางของภาค เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงที่มีฝนตกน้อย แม้ปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลงกว่าระยะที่ผ่านมา แต่ปริมาณความชื้นภายในดินยังคงมีอยู่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่า ใน ไม้ผล เช่น เงาะ ทุเรียน และกองกอง เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย และพืชอาจตายได้ ส่วนพื้นที่ซึ่งถูกน้ำท่วมในระยะที่ผ่านมา เกษตรกรควรฟื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำให้ใช้ได้ดีดังเดิม สำหรับทางตอนล่างของภาคในบางช่วงอาจยังคงมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ส่วนในช่วงที่มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง หากสัตว์น้ำโตได้ขนาดควรทะยอยจับขายไปก่อนบางส่วน เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงที่ทะเลมีคลื่นจัด โดยติดตามข่าวพยากรณ์อากาศ ข่าวอากาศเพื่อการเกษตร อุตุนิยมวิทยาทะเล และประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
เดือนกุมภาพันธ์ เดือนนี้อุณหภูมิจะเริ่มสูงขึ้นกว่าเดือนที่ผ่านมา โดยอุณหภูมิต่ำสุดและสูงสุดจะเริ่มแตกต่างกันมาก เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง สำหรับปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง โดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้งและควรให้น้ำพืชในช่วงเย็น เพื่อลดการสูญเสียน้ำเนื่องจากการระเหย สำหรับทางตอนบนของภาคสภาพอากาศจะแห้ง เกษตรกรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ใน พืชไร่ ไม้ ผล และพืชผัก ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช ทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นช่วงแล้ง เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน เนื่องจากในระยะครึ่งหลังของเดือนจะเข้าสู่ ฤดูร้อน สภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะบริเวณสวนยางพารา ควรหลีกเลี่ยงการจุดไฟหากมีความจำเป็นต้องจุดไฟ เพื่อใช้งานควรดับให้สนิททุกครั้งหลังจากเสร็จภารกิจ เพื่อป้องกันไฟลุกลามจนกลายเป็นอัคคีภัย สำหรับพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต โดยเฉพาะพืชสวนที่ปลูกในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา เกษตรกรควรให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา (หากมีการให้น้ำจะทำให้พืชสามารถฟื้นขึ้นมาได้) ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานจะทำให้พืชเหี่ยวเฉาถาวร(แม้จะมีการให้น้ำจะไม่ทำให้พืชสามารถฟื้นขึ้นมาได้)ทำให้พืชตายได้ ส่วนในช่วงที่มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังแรงโดยเฉพาะในระยะครึ่งแรกของเดือน ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง หากสัตว์น้ำโตได้ขนาดควรทะยอยจับขายไปก่อนบางส่วน เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงที่ทะเลมีคลื่นจัด โดยติดตามข่าวพยากรณ์อากาศ ข่าวอากาศเพื่อการเกษตร อุตุนิยมวิทยาทะเล และประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
เดือนมีนาคม เดือนนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อน อุณหภูมิจะสูงขึ้น เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร โดยรับประทานอาหารที่สะอาดและปรุงใหม่ๆ สำหรับปริมาณฝนที่มีน้อย เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัดโดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง และควรวางแผนการใช้น้ำทางด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งในเดือนนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูกตลอดจนอาคารบ้านเรือน และหลีกเลี่ยงการจุดไฟ หากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน โดยเฉพาะบริเวณสวนยางพาราชาวสวนควรระวังเกี่ยวกับอัคคีภัยเป็นพิเศษ เนื่องจากปริมาณฝนมีน้อยประกอบกับน้ำระเหยมีมากทำให้ความชื้นในดินลดลง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา(ถ้าได้รับน้ำพืชสามารถฟื้นกลับคืนมาได้)ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานจะทำให้พืชเหี่ยวเฉาถาวร(ถึงได้รับน้ำพืชก็ไม่สามารถฟื้นกลับคืนมาได้)ทำให้ต้นพืชตายได้ รวมทั้งควรคลุมดินบริเวณต้นไม้ผลด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้และหญ้าแห้ง เพื่อป้องกันน้ำบริเวณผิวหน้าดินระเหย รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับพืชต้นอ่อนที่ปลูกใหม่ เกษตรกรควรพรางแสงหรือทำร่มเงาให้แก่พืช เพื่อลดความเข้มของแสง นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆในพืชสวนและพืชผัก ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นพืชทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต หากพบควรรีบกำจัด เพื่อป้องกันการระบาดเป็นบริเวณกว้าง ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรควบคุมสภาพน้ำให้เหมาะกับสัตว์ที่เลี้ยง รวมทั้งดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอาศัยอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย |
| ออกประกาศ วันที่ 01 มกราคม 2559 |