พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรราย 3 เดือน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_3month_forecast.php

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรราย 3 เดือน
ระหว่างเดือน มีนาคม – พฤษภาคม 2559
ลักษณะอากาศทั่วไป
ประเทศไทยตอนบน (ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก)ช่วงครึ่งแรกของเดือนมีนาคม บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมตอนบนของทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ประกอบกับจะมีลมใต้หรือลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะดังกล่าวทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยเฉพาะตอนบนของภาค ส่วนในตอนกลางวันประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนอบอ้าวเกือบทั่วไป และจะมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ในบางวัน จากนั้นจนถึงเดือนเมษายน ลมใต้หรือลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนเกือบตลอดช่วง ประกอบกับจะมีหย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระยะๆ ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนอบอ้าวโดยทั่วไป กับมีอากาศร้อนจัดหลายพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน อุณหภูมิสูงสุดอาจสูงถึง 43 – 44 °ซ. แต่ในบางวันจะมีฝนฟ้าคะนองในหลายพื้นที่ ซึ่งจะช่วยคลายความร้อนลงได้บ้าง สำหรับเดือนพฤษภาคม ประมาณครึ่งแรกของเดือน จะอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงฤดูกาล ลักษณะอากาศจะแปรปรวน โดยจะมีฝนฟ้าคะนองในหลายพื้นที่ กับมีอากาศร้อนอบอ้าวโดยทั่วไป และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ จากนั้น มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะเริ่มพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย กับจะมีร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออกในบางช่วง ลักษณะดังกล่าวทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น และคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ความสูงของคลื่น 2 – 3 เมตร
ปริมาณฝนรวมส่วนใหญ่จะต่ำกว่าค่าปกติเล็กน้อย ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงกว่าค่าปกติ
ภาคใต้ช่วงเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนเมษายน ลมตะวันออกหรือลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนน้อย โดยจะมีฝนบางพื้นที่ถึงเป็นแห่งๆ กับมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ในบางวัน สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร จากนั้นจนถึงเดือนพฤษภาคม มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะเริ่มพัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้ โดยจะมีกำลังแรงขึ้นและต่อเนื่องมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ รวมทั้งคลื่นลมในทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น ความสูงของคลื่น 2-3 เมตร ส่วนทะเลอ่าวไทยจะมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ปริมาณฝนรวมจะต่ำกว่าค่าปกติเล็กน้อย ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย
ข้อควรระวัง
เดือนมีนาคมและเมษายน มักจะเกิดพายุฤดูร้อนบ่อยครั้ง โดยจะมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือน และเรือกสวนไร่นาได้ ประชาชนจึงควรติดตามข่าวพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
ช่วงปลายเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม อาจจะมีหย่อมความกดอากาศต่ำก่อตัวขึ้นบริเวณทะเลอันดามัน ซึ่งอาจทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชั่นและพายุไซโคลนได้ โดยมีการเคลื่อนตัวทางทิศเหนือค่อนไปทางตะวันออกและอาจเข้าใกล้ด้านตะวันตกของประเทศไทย ซึ่งจะทำให้บริเวณด้านตะวันตกของทั้งภาคเหนือและภาคกลาง รวมทั้งภาคใต้จะมีฝนเพิ่มมากขึ้น
คาดหมาย
มีนาคม เมษายน พฤษภาคม
ภาคเหนือ อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 36 – 38 37 – 39 35 – 37
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 21 – 23 24 – 36 24 – 26
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 7 – 8 7 – 9 5 – 8
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 3 – 6 4 – 6 4 – 6
ปริมาณฝน (มม.) 15 – 30 40 – 70 140 – 180
จำนวนวันฝนตก (วัน) 2 – 3 4 – 6 13 – 16
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 35 – 37 36 – 38 35 – 37
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 23 – 25 25 – 27 25 – 27
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 6 – 8 6 – 8 5 – 8
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 4 – 6 5 – 6 4 – 6
ปริมาณฝน (มม.) 30 – 50 60 – 90 150 – 190
จำนวนวันฝนตก (วัน) 3 – 4 6 – 8 13 – 16
ภาคกลาง อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 36 – 38 37 – 39 35 – 37
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 25 – 27 26 – 28 26 – 28
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 7 – 8 8 – 9 6 – 8
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 5 – 7 5 – 7 5 – 6
ปริมาณฝน (มม.) 20 – 40 50 – 80 140 – 180
จำนวนวันฝนตก (วัน) 3 – 4 4 – 6 12 – 15
ภาคตะวันออกรวมทั้งชายฝั่ง อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 34 – 36 35 – 37 34 – 36
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 25 – 27 26 – 28 26 – 28
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 6 – 7 6 – 8 5 – 7
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 4 – 6 4 – 5 4 – 5
ปริมาณฝน (มม.) 40 – 70 70 – 100 190 – 230
จำนวนวันฝนตก (วัน) 4 – 6 6 – 8 13 – 16
ภาคใต้ฝั่งตะวันออก อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 32 – 34 33 – 35 35 – 37
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 24 – 26 25 – 27 24 – 26
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 7 – 8 7 – 8 5 – 7
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 4 – 5 4 – 5 4 – 5
ปริมาณฝน (มม.) 40 – 70 50 – 80 110 – 150
จำนวนวันฝนตก (วัน) 4 – 6 6 – 8 12 – 15
ภาคใต้ฝั่งตะวันตก อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 34 – 36 34 – 36 32 – 34
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 24 – 26 24 – 26 24 – 26
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 8 – 9 8 – 9 5 – 7
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 5 – 6 4 – 5 4 – 5
ปริมาณฝน (มม.) 60 – 90 130 – 170 150 – 300
จำนวนวันฝนตก (วัน) 6 – 8 9 – 12 17 – 20
ผลกระทบทางการเกษตร
ประเทศไทยตอนบน (ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก)เดือนมีนาคม เดือนนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อนในระยะต้นเดือนสภาพอากาศจะแปรปรวน โดยอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากระหว่างกลางวันและกลางคืน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย เนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงแล้ง เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง และควรให้น้ำพืชในช่วงเย็น เพื่อลดการสูญเสียน้ำเนื่องจากการระเหย และเนื่องจากปริมาณน้ำที่ระเหยมากในระยะนี้ เกษตรกรควรคลุมดินด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับสภาพอากาศที่แห้งในช่วงเดือนนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ ส่วนผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองให้แก่พืชในระยะเจริญเติบโต เพราะหากพืชได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ชะงักการเจริญเติบโต ถ้าขาดน้ำจะทำให้ต้นพืชตาย สูญเสียผลผลิตโดยสิ้นเชิง เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย ในพื้นที่เพาะปลูกและที่อยู่อาศัยโดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะบริเวณสวนยางพาราควรชาวสวนหลีกเลี่ยงการจุดไฟในบริเวณแปลงปลูกหากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันไฟลุกลามจนเกิดเป็นอัคคีภัย นอกจากนี้ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้ขาดความสมดุล สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สำหรับในระยะครึ่งหลังของเดือนอุณหภูมิจะสูงขึ้น ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน โดยนำวัสดุอุ้มน้ำชุบน้ำแล้วนำไปไว้ในโรงเรือน รวมทั้งควรเพิ่มปริมาณน้ำกินให้กับสัตว์ หากมีน้ำมากพอควรฉีดน้ำบริเวณหลังคาจะช่วยลดอุณหภูมิภายในโรงเรือนได้ นอกจากนี้ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดในช่วงฤดูร้อนให้กับสัตว์เลี้ยงด้วย สำหรับผู้ที่เลี้ยงโคนมการอาบน้ำให้โคจะทำให้สัตว์คลายเครียดส่งผลให้ผลลิตนมเพิ่มขึ้นได้ ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล เช่น มะม่วง ลำไย และลิ้นจี่ เป็นต้น เกษตรกรควรให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะหากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ ถ้าขาดน้ำจะทำให้ผลผลิตลดลง นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นพืชทรุดโทรมผลผลิตลดลง

เดือนเมษายน เดือนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน สภาพอากาศจะร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน หากมีความจำเป็นต้องทำงานในที่โล่งตอนกลางวันควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด เพื่อป้องกันผิวหนังไหม้เกรียม และควรดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากเชื้อโรคจะเจริญเติบโตได้ดี อาหารจะบูดเสียเร็วขึ้น ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน โดยฉีดน้ำบริเวณหลังคาโรงเรือน หรือนำวัสดุอุ้มน้ำชุบน้ำแล้วนำไปวางไว้ในบริเวณโรงเรือน รวมทั้งควรเพิ่มปริมาณน้ำกินให้แก่สัตว์เลี้ยง และควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดในช่วงฤดูร้อนให้กับสัตว์เลี้ยงด้วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงโคนมการอาบน้ำให้แก่สัตว์จะทำให้คลายเครียดและจะเพิ่มผลผลิตนมได้ นอกจากนี้ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่กันอย่างแออัดส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย เนื่องจากสภาพอากาศแห้งเกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักต่างๆ ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นทรุดโทรม ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยในพื้นที่เพาะปลูกและอาคารบ้านเรือน โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะสวนยางพารา ควรหลีกเลี่ยงการจุดไฟภายในบริเวณสวน หากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันไฟลุกลามจนกลายเป็นอัคคีภัยได้ ระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยจะมีมากกว่าปริมาณฝนที่ตกทำให้ความชื้นในดินลดลง เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืช และโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับในระยะปลายเดือนปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้น เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงฤดูฝนควรเตรียมดินสำหรับเพาะปลูกพืชเอาไว้ให้พร้อม เมื่อดินมีความชื้นเพียงพอ หรือการกระจายของฝนเสม่ำเสมอ ก็สามารถเพาะปลูกพืชได้ และควรเตรียมดินให้มีการระบายน้ำที่ดี และทำทางระบายน้ำออกจากแปลงปลูกเอาไว้ด้วย เพื่อป้องกันน้ำขังในแปลงปลูกในช่วงฤดูฝน และในระยะปลายเดือนนี้สภาพอากาศจะเริ่มแปรปรวน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หากร่างกายปรับตัวไม่ทัน เนื่องจากในช่วงปลายฤดูร้อนอาจมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้มีความมั่นคงและแข็งแรง และควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาสูงๆ และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ขณะฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง

เดือนพฤษภาคม เดือนนี้เป็นช่วงเปลี่ยนจากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝนสภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หากร่างกายปรับตัวไม่ทัน สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึงนี้ควรจัดเตรียมดินเอาไว้ให้พร้อม รอจนกว่าดินมีความชื้นเพียงพอหรือมีฝนตกสม่ำเสมอแล้วค่อยลงมือปลูก และควรเตรียมดินให้มีการระบายน้ำที่ดีรวมทั้งทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตรเมื่อมีฝนตกหนักในช่วงฤดูฝน สำหรับในระยะครึ่งแรกของเดือนเป็นช่วงปลายฤดูร้อนอุณหภูมิจะสูงในตอนกลางวันเกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน หากมีความจำเป็นต้องอยู่ในที่โล่งตอนกลางวันควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด และดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ สำหรับในบางวันอาจมีฝนตกซึ่งจะมีลักษณะฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาสูงๆขณะลมแรง นอกจากนี้ควรซ่อมแซมโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ อาคารเก็บพืชผลทางการเกษตรให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันความเสียหาย เมื่อมีลมกระโชกแรง ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดในช่วงหน้าฝนให้กับสัตว์เลี้ยง และควรจัดเตรียมพื้นที่สูงน้ำท่วมไม่ถึงเอาไว้สำหรับอพยพสัตว์เลี้ยงหากเกิดสภาวะน้ำท่วม รวมทั้งดูแลหลังคาโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้รั่วซึม เพื่อป้องกันสัตว์เปียกชื้นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย และละควรหมั่นสังเกตสัตว์เลี้ยงหากพบสัตว์ป่วยควรรีบแยกออกจากกลุ่ม และทำการรักษา เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไปยังตัวอื่นๆ รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่ป่วยโดยตรงหากมีความจำเป็นต้องสัมผัสควรสวมถุงมือยางทุกครั้ง เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายและในช่วงที่มีฝนตกใหม่ๆ เกษตรกรไม่ควรรองรับน้ำฝนที่ตกใหม่มาบริโภค แต่ควรนำไปใช้ทางด้านการเกษตรแทน เนื่องจากน้ำฝนจะชะล้างสิ่งสกปรก ฝุ่นละอองในอากาศ และบนหลังคาปะปนลงมากับน้ำฝน ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรจัดเตรียมวัสดุและอุปกรณ์สำหรับกั้นขอบบ่อเอาไว้ให้พร้อมใช้งาน รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับสูบน้ำเอาไว้ด้วย สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่ายและในช่วงที่ฝนตกใหม่ๆ เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อให้น้ำผสมเป็นเนื้อเดียวกันป้องกันน้ำแยกชั้น และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้แก่น้ำ

ภาคใต้เดือนมีนาคม เดือนนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อน อุณหภูมิจะสูงขึ้นในตอนกลางวัน เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร โดยรับประทานอาหารที่สะอาดและปรุงใหม่ๆ สำหรับปริมาณฝนที่มีน้อย เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัดโดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้งเพื่อลดการสูญเสียน้ำโดยการระเหย และควรวางแผนการใช้น้ำทางด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งในเดือนนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูกตลอดจนอาคารบ้านเรือน และหลีกเลี่ยงการจุดไฟโดยเฉพาะบริเวณสวนยางพารา เนื่องจากใบและต้นยางพาราเป็นเชื้อไฟที่ดี หากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เนื่องจากปริมาณฝนมีน้อยประกอบกับปริมาณน้ำระเหยมีมากทำให้ความชื้นในดินลดลง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา(ถ้าได้รับน้ำพืชสามารถฟื้นกลับคืนมาได้)ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานจะทำให้พืชเหี่ยวเฉาถาวร(ถึงได้รับน้ำพืชก็ไม่สามารถฟื้นกลับคืนมาได้)ทำให้ต้นพืชตายได้ รวมทั้งควรคลุมดินบริเวณโคนต้นไม้ผลด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ และหญ้าแห้ง เพื่อป้องกันน้ำบริเวณผิวหน้าดินระเหย รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับพืชต้นอ่อนที่ปลูกใหม่ เกษตรกรควรพรางแสงหรือทำร่มเงาให้แก่พืช เพื่อลดความเข้มของแสง ป้องกันพืชเหี่ยวเฉา นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆในพืชสวนและพืชผัก ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นพืชทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโตการผลิดอกออกผลอาจลดลง หากพบควรรีบกำจัด เพื่อป้องกันการระบาดเป็นบริเวณกว้าง ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรควบคุมสภาพน้ำให้เหมาะกับสัตว์ที่เลี้ยง รวมทั้งดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอาศัยอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย

เดือนเมษายน เดือนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ซึ่งมักระบาดในช่วงฤดูร้อนเนื่องจากอาหารจะบูดเน่าได้ง่าย สำหรับปริมาณการระเหยของน้ำจะมากกว่าปริมาณฝนที่ตกทำให้ปริมาณน้ำในดินมีน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานจะทำให้พืชตายได้ และใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง และควรให้น้ำพืชในช่วงเย็นและค่ำ เพื่อลดการสูญเสียน้ำเนื่องจากการระเหย นอกจากนี้ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน และเนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้างแห้งในเดือนนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ในพืชผักและไม้ผล โดยเฉพาะ เพลี้ยไก้แจ้ในทุเรียน เป็นต้น ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรมการผลิดอกออกผลลดลง และอาจทำให้พืชต้นอ่อนตายได้ ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรดูแลสภาพน้ำให้เหมาะกับสัตว์น้ำเนื่องจากการระเหยมีมากทำให้ความเข้มข้นของสารละลายในน้ำมีมากขึ้น และดูแลจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยงให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่กันอย่างแออัดส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกัน การเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวป้องกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก และหลีกเลี่ยงการจุดไฟ หากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันไฟลุกลามจนกลายเป็นอัคคีภัย สำหรับในช่วงปลายเดือนปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้น เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชรุ่นใหม่ควรเตรียมดินเอาไว้ให้พร้อม เมื่อความชื้นในดินมีเพียงพอ ก็สามารถลงมือปลูกพืชได้เลย และในบางพื้นที่อาจมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างให้แข็งแรง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาสูงๆ และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ขณะลมแรง

เดือนพฤษภาคม เดือนนี้เป็นช่วงเปลี่ยนจากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝนโดยลมจะเริ่มเปลี่ยนจากลมใต้เป็นลมตะวันตกเฉียงใต้ สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน สำหรับในระยะครึ่งแรกของเดือนจะมีอุณหภูมิสูงในตอนกลางวันและในบางวันอาจมีฝนตกโดยมีลักษณะฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ต้นไม้ใหญ่และป้ายโฆษณาสูงๆขณะลมแรง สำหรับ เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึงควรเตรียมดินเอาไว้ให้พร้อม เมื่อมีฝนตกสม่ำเสมอ หรือดินมีความชื้นเพียงพอแล้วค่อยลงมือปลูก และเตรียมพื้นที่เพาะปลูกให้มีการระบายน้ำที่ดี เพื่อป้องกันน้ำขังในพื้นที่เพาะปลูกเมื่อมีฝนตกหนัก สำหรับในระยะครึ่งหลังของเดือนจะเข้าสู่ช่วงต้นฤดูฝน เกษตรกรไม่ควรรองรับน้ำฝนที่ตกใหม่มาบริโภคแต่ควรนำไปใช้ทางด้านการเกษตร เนื่องจากฝนจะชะล้างสิ่งสกปรกในอากาศและบริเวณหลังคาลงมาเจือปนกับน้ำฝน ส่วนผู้ที่ปลูกพืชสวนควรดูแลบริเวณสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวนป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา และไม่ควรปล่อยให้บริเวณโคนต้นพืชมีวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ และกิ่งไม้แห้ง เพราะอาจเป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืช โดยเฉพาะโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราอาจลุกลามจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่เน่าเปื่อยมาสู่ต้นพืชได้ในช่วงที่ดินและอากาศมีความชื้นสูง สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในช่วงที่ฝนตกเกษตรกรไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย และขณะฝนตกใหม่ๆอาจทำให้อุณหภูมิของน้ำในระดับบนและน้ำในระดับที่ลึกลงไปมีความแตกต่างกัน เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อให้น้ำผสมเป็นเนื้อเดียวกันป้องกันน้ำแยกชั้น และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้แก่น้ำ

ออกประกาศ วันที่ 01 มีนาคม 2559

พยากรณ์ราย 3 เดือน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_3month_forecast.php

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรราย 3 เดือน
ระหว่างเดือน มกราคม – มีนาคม 2559
ลักษณะอากาศทั่วไป
ประเทศไทยตอนบน (ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก)เดือนมกราคม บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระยะๆ โดยจะมีกำลังค่อนข้างแรงเป็นส่วนมากและต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวเย็นทั่วไป โดยเฉพาะตอนบนของภาค กับมีหมอกหนาหลายพื้นที่ในบางวัน ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกจะมีอากาศเย็นเกือบทั่วไป และมีอากาศหนาวบางพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค กับมีหมอกหนาหลายพื้นที่ในบางวัน สำหรับยอดดอย ยอดภู รวมทั้งบริเวณเทือกเขาจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และอาจมีน้ำค้างแข็งได้ในบางวัน กับมีหมอกหนาหลายพื้นที่
จากนั้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ลักษณะอากาศค่อนข้างจะแปรปรวน จะมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ในบางวัน โดยบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระยะๆ แต่จะมีกำลังอ่อนลงและไม่ต่อเนื่อง ส่งผลให้เริ่มมีอากาศอุ่นขึ้น กับมีหมอกหนาหลายพื้นที่ และจะมีอากาศร้อนในตอนกลางวันส่วนมากในระยะครึ่งหลังของเดือน แต่หลายพื้นที่ของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า
เดือนมีนาคม บริเวณความกดอากาศสูงยังคงแผ่ลงมาปกคลุมตอนบนของทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นระยะๆ แต่จะมีกำลังอ่อน กับจะมีลมใต้หรือลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนเกือบตลอดช่วง นอกจากนี้ในบางช่วงยังมีหย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะดังกล่าวทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนอบอ้าวโดยทั่วไป และมีอากาศร้อนจัดหลายพื้นที่ในบางวัน โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของเดือนมีนาคม อุณหภูมิสูงสุดอาจสูงถึง 43 – 44 °ซ. แต่จะมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ในบางช่วง ซึ่งจะช่วยคลายความร้อนลงได้บ้าง
ปริมาณฝนรวมส่วนใหญ่จะใกล้เคียงค่าปกติ ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงกว่าค่าปกติ
ภาคใต้ในช่วงประมาณครึ่งแรกของเดือนมกราคม มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้ ซึ่งจะทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนมากทางฝั่งตะวันออก สำหรับคลื่นลมในทะเลอ่าวไทยยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง โดยจะมีคลื่นสูง 2 – 3 เมตรในบางช่วง ส่วนทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
จากนั้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ จะเปลี่ยนเป็นลมตะวันออกหรือลมตะวันอออกเฉียงใต้พัดปกคลุม ส่งผลให้ภาคใต้มีฝนลดลงอีก และเริ่มมีอากาศร้อนในบางวัน สำหรับคลื่นลมทั้งทะเลอ่าวไทยและอันดามันจะมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ปริมาณฝนรวมจะต่ำกว่าค่าปกติเล็กน้อย ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย
ข้อควรระวัง
เดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ อาจมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนจากประเทศพม่า ผ่านประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงบางพื้นที่ และอาจมีลูกเห็บตกลงมาได้
เดือนมีนาคม มักจะเกิดพายุฤดูร้อนบ่อยครั้ง โดยจะมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือน และเรือกสวนไร่นาได้ ประชาชนจึงควรติดตามข่าวพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
คาดหมาย
มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม
ภาคเหนือ อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 31 – 33 34 – 36 36 – 38
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 16 – 18 18 – 20 21 – 23
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 8 – 9 7 – 9 7 – 8
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 3 – 4 3 – 5 3 – 6
ปริมาณฝน (มม.) 10 – 20 5 – 15 20 – 40
จำนวนวันฝนตก (วัน) 2 – 3 1 – 2 2 – 4
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 31 – 33 33 – 35 36 – 38
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 17 – 19 20 – 22 21 – 23
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 7 – 9 7 – 8 6 – 8
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 4 – 6 4 – 6 4 – 6
ปริมาณฝน (มม.) 0 – 10 10 – 20 30 – 50
จำนวนวันฝนตก (วัน) 1 – 2 2 – 3 4 – 6
ภาคกลาง อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 33 – 35 35 – 37 36 – 38
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 21 – 23 23 – 25 25 – 27
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 8 – 9 8 – 9 7 – 8
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 4 – 6 4 – 6 5 – 7
ปริมาณฝน (มม.) 0 – 10 10 – 20 30 – 50
จำนวนวันฝนตก (วัน) 1 – 2 2 – 3 3 – 5
ภาคตะวันออกรวมทั้งชายฝั่ง อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 32 – 34 33 – 35 34 – 36
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 22 – 24 24 – 26 25 – 27
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 7 – 8 6 – 8 6 – 7
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 4 – 5 4 – 5 4 – 6
ปริมาณฝน (มม.) 10 – 20 20 – 40 50 – 80
จำนวนวันฝนตก (วัน) 2 – 3 3 – 4 4 – 6
ภาคใต้ฝั่งตะวันออก อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 30 – 32 31 – 33 32 – 34
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 22 – 24 23 – 25 24 – 26
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 6 – 8 7 – 9 7 – 8
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 3 – 5 4 – 5 4 – 5
ปริมาณฝน (มม.) 40 – 60 20 – 40 50 – 80
จำนวนวันฝนตก (วัน) 5 – 8 3 – 5 4 – 6
ภาคใต้ฝั่งตะวันตก อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 32 – 34 34 – 36 34 – 36
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 22 – 24 23 – 25 24 – 26
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 8 – 9 8 – 9 8 – 9
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 4 – 5 4 – 5 5 – 6
ปริมาณฝน (มม.) 15 – 30 15 – 30 70 – 100
จำนวนวันฝนตก (วัน) 3 – 5 3 – 5 6 – 9
ผลกระทบทางการเกษตร
ประเทศไทยตอนบน (ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก)เดือนมกราคม เดือนนี้เป็นช่วงปลายฤดูหนาว สภาพอากาศจะหนาวเย็นโดยทั่วไป โดยเฉพาะในช่วงที่บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุม หรือมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนเข้ามาสู่ประเทศไทย ทำให้ในระยะแรกจะมีฝนฟ้าคะนองและอาจมีลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ต่อจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงและมีอากาศหนาวเย็น กับมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดในบางพื้นที่ เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง สำหรับบริเวณยอดดอยและยอดภูจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และอาจมีน้ำค้างแข็งได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งแจ้งตอนกลางคืน เพราะอาจทำให้สัตว์ที่อ่อนแอตายได้ สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดปริมาณอาหารลง เนื่องจากในช่วงที่อุณหภูมิลดลงสัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย นอกจากนี้เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุสีเข้ม เพื่อรักษาอุณหภูมิดิน และเนื่องจากระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับในระยะปลายเดือนโดยเฉพาะในช่วงที่บริเวณความกดอากาศสูงมีกำลังอ่อนลงอาจ ทำให้มีหมอกและมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง สำหรับยานพาหนะทางการเกษตรหากต้องวิ่งบนถนนหลวงในเวลากลางคืนควรดูแลไฟหน้าและไฟท้ายให้สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ดอก ไม้ผล และพืชผัก เช่น ราน้ำค้างในพืชผัก และราดำในมะม่วง เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ผลผลิตด้อยคุณภาพ การติดผลลดลง สำหรับโรคราดำในมะม่วงหากพบการระบาด เกษตรกรควรฉีดพ่นด้วยน้ำจะทำให้ลดการระบาดลงไปได้ และทำให้การติดผลดีขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยและไฟป่า โดยหลีกเลี่ยงการจุดไฟในพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะสวนยางพาราควรทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก หากมีความจำเป็นต้องจุดไฟเพื่อใช้งานควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้ เพื่อป้องกันไฟลุกลามจนเป็นอัคคีภัย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกาตรกรควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อยแทนการปลูกข้าวนาปรัง สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะแทงช่อดอก โดยเฉพาะลำไย เกษตรกรควรงดให้น้ำ จนกว่าจะเห็นดอกชัดเจนแล้วจึงค่อยลงมือให้น้ำโดยเริ่มจากให้ในปริมาณที่น้อยก่อนแล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้น สำหรับผู้ที่ปลูกกล้วยไม้ในโรงเรือนควรเพิ่มความชื้นโดยใช้วัสดุอุ้มน้ำชุบน้ำแล้วนำไปไว้ในโรงเรือน รวมทั้งควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกปากดูดซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ

เดือนกุมภาพันธ์ เดือนนี้เป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูหนาวกับฤดูร้อนอุณหภูมิในตอนกลางวันและกลางคืนจะแตกต่างกันมาก เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน อย่าให้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย เนื่องจากในบางช่วงอาจมีหมอก โดยเฉพาะในช่วงที่บริเวณความกดอากาศสูงอ่อนกำลังลง เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง ขณะผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา ส่วนรถหรือเครื่องจักรกลที่ใช้ในการเกษตร หากมีความจำเป็นต้องวิ่งบนถนนหลวงในเวลากลางคืนควรดูแลโคมไฟหน้าและไฟท้ายให้ใช้การได้ดี และเปิดไฟให้สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนน นอกจากนี้ผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากไว้กลางแจ้งข้ามคืนในระยะนี้ เพราะอาจให้เปียกชื้นเสียหายเนื่องจากหมอกและน้ำค้างได้ และเนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยและไฟป่า โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูกและหลีกเลี่ยงการจุดไฟในพื้นที่เพาะปลูกและบริเวณอาคารบ้านเรือนหากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน โดยเฉพาะในบริเวณสวนยางพาราควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะไฟอาจลุกลามเป็นอัคคีภัยได้ง่าย และระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมากประกอบกับฝนที่ตกมีน้อย เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดปริมาณการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองเอาไว้ให้แก่พืชในระยะเจริญเติบโตโดยเฉพาะในช่วงที่ผลิดอกออกผลเป็นช่วงที่พืชต้องการน้ำมาก หากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลผลิตลดลง ถ้าขาดน้ำจะทำให้สูญเสียผลผลิตโดยสิ้นเชิง สำหรับในระยะครึ่งหลังของเดือนจะเป็นช่วงต้นฤดูร้อน อากาศจะเริ่มร้อนอบอ้าว เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดในช่วงฤดูร้อนให้กับสัตว์เลี้ยง รวมทั้งควรเพิ่มปริมาณน้ำกินให้กับสัตว์ และลดอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์เลี้ยงด้วย นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักด้วย ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นพืชทำให้ต้นทรุดโทรมผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ

เดือนมีนาคม เดือนนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อนในระยะต้นเดือนสภาพอากาศจะแปรปรวน โดยอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากระหว่างกลางวันและกลางคืน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย เนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงแล้ง เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง และควรให้น้ำพืชในช่วงเย็น เพื่อลดการสูญเสียน้ำเนื่องจากการระเหย เนื่องจากปริมาณน้ำที่ระเหยมากในระยะนี้ เกษตรกรควรคลุมดินด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นเสียหาย ผลผลิตลดลง ส่วนผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองให้แก่พืชในระยะเจริญเติบโต เพราะหากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ถ้าขาดน้ำจะทำให้สูญเสียผลผลิตโดยสิ้นเชิง เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย ในพื้นที่เพาะปลูกและที่อยู่อาศัยโดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะบริเวณสวนยางพาราควรหลีกเลี่ยงการจุดไฟในแปลงปลูกหากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันไฟลุกลามจนเกิดเป็นอัคคีภัย นอกจากนี้ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้ขาดความสมดุล สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สำหรับในระยะครึ่งหลังของเดือนอุณหภูมิจะสูงขึ้น ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน โดยนำวัสดุอุ้มน้ำชุบน้ำแล้วนำไปไว้ในโรงเรือน รวมทั้งควรเพิ่มปริมาณน้ำกินให้กับสัตว์ หากมีน้ำมากพอควรฉีดน้ำบริเวณหลังคาจะช่วยลดอุณหภูมิภายในโรงเรือนได้ นอกจากนี้ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดในช่วงฤดูร้อนให้กับสัตว์เลี้ยงด้วย ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล เช่น มะม่วง ลำไย และลิ้นจี่ เป็นต้น เกษตรกรควรให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ

ภาคใต้เดือนมกราคม เดือนนี้เป็นช่วงปลายฤดูหนาว ทางตอนบนของภาคจะมีอากาศเย็น เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับบางพื้นที่จะมีหมอก เกิดขึ้น เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะขณะผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา รวมทั้งระวังและป้องกันโรคราน้ำค้างในพืชผัก สำหรับปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลงโดยเฉพาะทางตอนบนและตอนกลางของภาค เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงที่มีฝนตกน้อย แม้ปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลงกว่าระยะที่ผ่านมา แต่ปริมาณความชื้นภายในดินยังคงมีอยู่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่า ใน ไม้ผล เช่น เงาะ ทุเรียน และกองกอง เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย และพืชอาจตายได้ ส่วนพื้นที่ซึ่งถูกน้ำท่วมในระยะที่ผ่านมา เกษตรกรควรฟื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำให้ใช้ได้ดีดังเดิม สำหรับทางตอนล่างของภาคในบางช่วงอาจยังคงมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ส่วนในช่วงที่มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง หากสัตว์น้ำโตได้ขนาดควรทะยอยจับขายไปก่อนบางส่วน เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงที่ทะเลมีคลื่นจัด โดยติดตามข่าวพยากรณ์อากาศ ข่าวอากาศเพื่อการเกษตร อุตุนิยมวิทยาทะเล และประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด

เดือนกุมภาพันธ์ เดือนนี้อุณหภูมิจะเริ่มสูงขึ้นกว่าเดือนที่ผ่านมา โดยอุณหภูมิต่ำสุดและสูงสุดจะเริ่มแตกต่างกันมาก เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง สำหรับปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง โดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้งและควรให้น้ำพืชในช่วงเย็น เพื่อลดการสูญเสียน้ำเนื่องจากการระเหย สำหรับทางตอนบนของภาคสภาพอากาศจะแห้ง เกษตรกรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ใน พืชไร่ ไม้ ผล และพืชผัก ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช ทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นช่วงแล้ง เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน เนื่องจากในระยะครึ่งหลังของเดือนจะเข้าสู่ ฤดูร้อน สภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะบริเวณสวนยางพารา ควรหลีกเลี่ยงการจุดไฟหากมีความจำเป็นต้องจุดไฟ เพื่อใช้งานควรดับให้สนิททุกครั้งหลังจากเสร็จภารกิจ เพื่อป้องกันไฟลุกลามจนกลายเป็นอัคคีภัย สำหรับพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต โดยเฉพาะพืชสวนที่ปลูกในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา เกษตรกรควรให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา (หากมีการให้น้ำจะทำให้พืชสามารถฟื้นขึ้นมาได้) ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานจะทำให้พืชเหี่ยวเฉาถาวร(แม้จะมีการให้น้ำจะไม่ทำให้พืชสามารถฟื้นขึ้นมาได้)ทำให้พืชตายได้ ส่วนในช่วงที่มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังแรงโดยเฉพาะในระยะครึ่งแรกของเดือน ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง หากสัตว์น้ำโตได้ขนาดควรทะยอยจับขายไปก่อนบางส่วน เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงที่ทะเลมีคลื่นจัด โดยติดตามข่าวพยากรณ์อากาศ ข่าวอากาศเพื่อการเกษตร อุตุนิยมวิทยาทะเล และประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด

เดือนมีนาคม เดือนนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อน อุณหภูมิจะสูงขึ้น เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร โดยรับประทานอาหารที่สะอาดและปรุงใหม่ๆ สำหรับปริมาณฝนที่มีน้อย เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัดโดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง และควรวางแผนการใช้น้ำทางด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งในเดือนนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูกตลอดจนอาคารบ้านเรือน และหลีกเลี่ยงการจุดไฟ หากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน โดยเฉพาะบริเวณสวนยางพาราชาวสวนควรระวังเกี่ยวกับอัคคีภัยเป็นพิเศษ เนื่องจากปริมาณฝนมีน้อยประกอบกับน้ำระเหยมีมากทำให้ความชื้นในดินลดลง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา(ถ้าได้รับน้ำพืชสามารถฟื้นกลับคืนมาได้)ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานจะทำให้พืชเหี่ยวเฉาถาวร(ถึงได้รับน้ำพืชก็ไม่สามารถฟื้นกลับคืนมาได้)ทำให้ต้นพืชตายได้ รวมทั้งควรคลุมดินบริเวณต้นไม้ผลด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้และหญ้าแห้ง เพื่อป้องกันน้ำบริเวณผิวหน้าดินระเหย รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับพืชต้นอ่อนที่ปลูกใหม่ เกษตรกรควรพรางแสงหรือทำร่มเงาให้แก่พืช เพื่อลดความเข้มของแสง นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆในพืชสวนและพืชผัก ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นพืชทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต หากพบควรรีบกำจัด เพื่อป้องกันการระบาดเป็นบริเวณกว้าง ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรควบคุมสภาพน้ำให้เหมาะกับสัตว์ที่เลี้ยง รวมทั้งดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอาศัยอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย

ออกประกาศ วันที่ 01 มกราคม 2559