พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อสัตว์เลี้ยงและสัตว์น้ำ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_crop_animal_forecast.php

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อสัตว์เลี้ยงและสัตว์น้ำ
ระหว่างวันที่ 7 – 13 มีนาคม 2559
ผลกระทบต่อพืชและสัตว์เศรษฐกิจ
ระยะนี้ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน เกษตรกรที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานานควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิดเพื่อป้องกันผิวหนังไหม้เกรียม รวมทั้งควรดื่มน้ำบ่อยๆ ป้องกันร่างกายขาดน้ำ และในช่วงวันที่ 10-13 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับอาคารบ้านเรือนและผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งไม่ควรปล่อยสัตว์เลี้ยงไว้ในที่โล่งแจ้งอาจได้รับอันตรายจากสภาวะดังกลว่า สำหรับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารซึ่งมักระบาดในช่วงฤดูร้อน
เนื่องจากอากาศในตอนกลางวัน เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ ควรควบคลุม อุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้สูงเกินไป โดยปรับปรุงโรงเรือนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก หากมีน้ำเพียงพอควรฉีดน้ำบริเวณหลังคา หรือใช้ระบบละอองน้ำฝอยพ่นในโรงเรือนเพื่อลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน ป้องกันสัตว์เครียด อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งควรเพิ่มปริมาณน้ำสำหรับกินให้แก่สัตว์เลี้ยงด้วย นอกจากนี้เกษตรกรควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดในช่วงฤดูร้อนให้กับสัตว์เลี้ยงและควรหมั่นสังเกตหากพบสัตว์ป่วยควรรีบแยกออกจากกลุ่มแล้วทำการรักษา เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไปยังตัวอื่นๆ
สัตว์น้ำ ระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย เนื่องจากบางช่วงจะมีฝนฟ้าคะนอง เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยนสัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนผู้ที่เลี้ยงปลาในกระชังหากปริมาณน้ำมีน้อยควรย้ายกระชังลงไปในที่ซึ่งมีน้ำเพียงพอ และมีการไหลเวียนของน้ำสม่ำเสมอ
ออกประกาศ วันที่ 07 มีนาคม 2559

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อสัตว์เลี้ยงและสัตว์น้ำ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_crop_animal_forecast.php

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อสัตว์เลี้ยงและสัตว์น้ำ
ระหว่างวันที่ 1 – 7 กุมภาพันธ์ 2559
ผลกระทบต่อพืชและสัตว์เศรษฐกิจ
ระยะนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไปกับมีฝนบางแห่ง และในบางช่วงอาจมีลมแรงโดยเฉพาะทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับบริเวณยอดดอยจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ เกษตรกรควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และในบางช่วงอาจมีลมแรง เกษตรกรควรทำแผงกำบังลมหนาวให้แก่สัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันลมโกรกโรงเรือน ทำให้สัตว์หนาวเย็น โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งแจ้งตอนกลางคืน เพราะอาจทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงตายได้ และควรหมั่นสังเกตสัตว์เลี้ยงหากพบสัตว์ป่วยควรรีบแยกออกจากกลุ่มและทำการรักษา เพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่ไปยังตัวอื่นๆ
ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ปีกอาจเป็นโรคหวัดได้ เกษตรกรควรหมั่นสำรวจหากพบสัตว์ที่เป็นโรคให้แยกทำการรักษา ก่อนจะระบาดไปยังตัวอื่นๆ
ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำ ในช่วงที่อากาศเย็น สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยลงอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย และเนื่องจากปริมาณน้ำระเหยมีมาก ผู้เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำให้เหมาะสมกับชนิดของสัตว์น้ำที่เลี้ยง และควรควบคุมปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยงหากน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายสัตว์น้ำเพราะจะทำให้สัตว์เครียดได้
ออกประกาศ วันที่ 01 กุมภาพันธ์ 2559

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อสัตว์เลี้ยงและสัตว์น้ำ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_crop_animal_forecast.php

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อสัตว์เลี้ยงและสัตว์น้ำ
ระหว่างวันที่ 4 – 10 มกราคม 2559
ผลกระทบต่อพืชและสัตว์เศรษฐกิจ
ระยะนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไปโดยทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอากาศหนาวเย็นกว่าบริเวณอื่นๆ สำหรับบริเวณยอดดอยและยอดภูจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางด้านการเกษตรโดยหลีกเลี่ยงการให้น้ำพืชในช่วงเย็นเพราะอาจทำให้ท่อลำเลียงน้ำของพืชเสียหายได้เมื่อเกิดน้ำค้างแข็ง ในช่วงที่อากาศเย็น เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับในช่วงฤดูหนาวอากาศจะจมตัว เกษตรกรไม่ควรเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เนื่องจากควันไฟจะไม่สามารถลอยขึ้นไปในบรรยากาศได้แต่จะแผ่ปกคลุมบริเวณใกล้เคียง ทำให้ทัศนวิสัยลดลงเป็นอุปสรรคต่อการใช้รถใช้ถนน และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ระยะนี้ปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อยประกอบกับน้ำระเหยมีมากทำให้ความชื้นในดินลดลง เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางด้านการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รวมทั้งควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยๆครั้งและควรให้น้ำพืชในช่วงเย็น เพื่อลดการสูญเสียน้ำโดยการระเหย สำหรับเกษตรกรที่จุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยง ควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย ส่วนในบางพื้นที่อาจมีหมอกในตอนเช้าโดยเฉพาะในภาคเหนือ เกษตรกรควรไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้ รวมทั้งควรระวังและป้องกันโรคราน้ำค้างที่อาจเกิดกับพืชไร่ ไม้ดอก และพืชผัก สำหรับภาคใต้ทางตอนบนของภาคจะมีอากาศเย็น เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง เกษตรกรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร และควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงที่มีฝนตกน้อย
สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ในบางช่วงอาจมีลมแรง เกษตรกรควรทำแผงกำบังลมหนาวให้แก่สัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันลมโกรกโรงเรือน ทำให้สัตว์หนาวเย็น โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งแจ้งตอนกลางคืน เพราะอาจทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงตายได้ และควรหมั่นสังเกตสัตว์เลี้ยงหากพบสัตว์ป่วยควรรีบแยกออกจากกลุ่มและทำการรักษา เพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่ไปยังตัวอื่นๆ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่ป่วยโดยตรง หากมีความจำเป็นต้องสัมผัสควรสวมถุงมือยางและสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด ทุกครั้ง เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำ ในช่วงที่อากาศเย็น สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยลงอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย เนื่องจากปริมาณน้ำระเหยมีมาก ผู้เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำให้เหมาะสมกับชนิดของสัตว์น้ำที่เลี้ยง และควรควบคุมปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยงหากน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายสัตว์น้ำเพราะจะทำให้สัตว์เครียดได้
ออกประกาศ วันที่ 04 มกราคม 2559