HPL Hotels & Resorts เข้าบริหารโรงแรม Boathouse บนหาดกะตะ จ.ภูเก็ต

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ http://www.infoquest.co.th/contactus/

 

สิงคโปร์–15 ธ.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

          HPL Hotels & Resorts บริษัทย่อยของ Hotel Properties Limitedในสิงคโปร์ และเป็นผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประกาศการเข้าบริหารกิจการของ Boathouse by Montara เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา

          โรงแรมจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “The Boathouse Phuket” ซึ่งอยู่ภายใต้แบรนด์ The Boutique Collection by HPL Hotels & Resorts ร่วมกับโรงแรมชั้นนำอื่นๆ อาทิ Casa del Mar Langkawi, Casa del Rio Melakaและ The Lakehouse Cameron Highlands

          “The Boutique Collection เป็นแบรนด์ที่มุ่งนำเสนอบริการที่เป็นส่วนตัว และทำให้แขกผู้เข้าพักรู้สึกราวกับอยู่บ้าน ซึ่งการได้ Boathouseเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งจะยิ่งช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับแบรนด์ของเรา”Stephen Lau ประธาน HL Hotels & Resorts กล่าว “การเทคโอเวอร์ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะพัฒนาธุรกิจในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค”

          HPL Hotels & Resorts ยืนยันว่า ทางโรงแรมจะดำเนินธุรกิจไปตามปกติ “แขกทุกท่านที่จองห้องพักภายหลังการเปลี่ยนแปลงการบริหาร สามารถมั่นใจได้ว่า ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการจองห้องพักยังคงเหมือนเดิมทุกประการ และทีมงานของเราพร้อมที่จะต้อนรับทุกท่านเป็นอย่างดี”Max Chin ผู้จัดการทั่วไปของ The Boathouse Phuket กล่าว

          Boathouse ซึ่งตั้งอยู่บนหาดกะตะ ทางชายฝั่งตะวันตกของเกาะภูเก็ต ได้เริ่มต้นกิจการเมื่อกว่า 27 ปีที่แล้วจากการเป็นร้านอาหาร ก่อนที่จะปรับโฉมเป็นโรงแรมขนาด 38 ห้องพัก ประกอบด้วยห้องสวีท 11 ห้อง บีชคลับ สปา ซันเซ็ทเลานจ์ รวมถึงห้องเก็บไวน์ระดับรางวัล บาร์ และห้องอาหารชื่อดัง Boathouse Wine & Grill

          The Boathouse Phuket เป็นโรงแรมและรีสอร์ทลำดับที่ 12 ที่บริหารงานโดย HPL Hotels & Resorts บริษัทบริหารจัดการโรงแรมจากสิงคโปร์ สำหรับแบรนด์อื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทฯ ได้แก่Concorde Hotels & Resorts, Hard Rock Hotels และรีสอร์ทรักษ์โลกสุดหรูในมัลดีฟส์อย่าง Gili Lankanfushi

          ที่อยู่ 

          The Boathouse, Phuket

          182 ถนนกกโตนด หาดกะตะ จังหวัดภูเก็ต 83100 ประเทศไทย

          โทร. +66-76-330-015-7

          แฟ็กซ์: +66-76-330-561

          อีเมล: info@boathouse–phuket.com

          เว็บไซต์: www.boathouse-phuket.com

          เกี่ยวกับ HPL HOTELS & RESORTS

          HPL Hotels & Resorts เป็นบริษัทบริหารจัดการโรงแรม ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินการโดย Hotel Properties Limited (HPL) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ HPL Hotels & Resorts ดูแลการดำเนินงานของโรงแรมและรีสอร์ท 12 แห่งในเอเชียแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ได้แก่ Concorde Hotel Singapore, Concorde Hotel Kuala Lumpur, Concorde Hotel Shah Alam, Concorde Inn Kuala Lumpur International Airport, Hard Rock Hotel Bali, Hard Rock Hotel Pattaya, Hard Rock Hotel Penang, Casa del Mar Langkawi, The Lakehouse Cameron Highlands, Casa del Rio Melaka, The Boathouse Phuket และ Gili Lankanfushi Maldives

          รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hplhotels.com

          สื่อมวลชนติดต่อ

          Angeline Loh

          Director of Marketing Communications

          อีเมล: angeline.loh@hplhotels.com

          โทร. +65-6731-4902, +65-6734-5250 | แฟ็กซ์: +65-6235-3216

          HPL Hotels & Resorts

          50 Cuscaden Road, #05-02 HPL House, Singapore 249724

“IE expo” มหกรรมแสดงสินค้าด้านสิ่งแวดล้อมชั้นนำแห่งเอเชีย ปิดฉากลงด้วยยอดผู้เข้าชมเกือบสองหมื่นราย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ http://www.infoquest.co.th/contactus/

 

กว่างโจว, จีน–14 ธ.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

มหกรรม IE expo Guangzhou 2016 ปิดฉากลงพร้อมความสำเร็จเหนือความคาดหมาย

ผู้จัดแสดงสินค้า 301 ราย และผู้เข้าชมงานอีก19,923 ราย

เต็มอิ่มด้วยการประชุมและงานสัมมนามากมาย

ช่องทางการจับคู่ทางธุรกิจที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ซื้อและผู้ขาย

มหกรรม IE expo Guangzhou 2016 ปิดฉากลงเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ณ ศูนย์แสดงสินค้า China Import and Export Fair Complex นครกว่างโจว พร้อมทำสถิติใหม่ด้วยจำนวนผู้จัดแสดงสินค้าและบริการจาก 15 ประเทศ301 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 50% บนพื้นที่จัดงานขนาด 19,000ตารางเมตร ขณะที่จำนวนผู้เข้าร่วมชมงานขยายตัวขึ้น 32% เทียบกับปี 2015 แตะที่ 19,923 ราย ทั้งนี้ ความสำเร็จของมหกรรม IE expo Guangzhou ทั้งในด้านการจัดแสดงนวัตกรรมเกี่ยวกับการจัดการน้ำ ขยะ อากาศ และดิน ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาของวงการอุตสาหกรรมสีเขียวในภูมิภาคจีนตอนใต้ได้เป็นอย่างดี

สืบเนื่องจากความสำเร็จของมหกรรม IE expo ในเซี่ยงไฮ้ งานมหกรรม IE expo Guangzhou จึงมีความได้เปรียบในแง่ของชื่อเสียงของแบรนด์ ทั้งยังได้ประโยชน์จากทรัพยากรระดับโลกของบริษัทจัดงานแสดงสินค้าชื่อดังอย่าง Messe Munchen ส่งผลให้จำนวนผู้จัดแสดงสินค้าและผู้เข้าร่วมชมงานจากนานาชาติปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ หน่วยงานส่งเสริมการค้า-การลงทุนของเกาหลีใต้ยังได้ผนึกกำลังกับสมาคมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกาหลี ร่วมกันจัดโซน National Pavilion ขึ้น โดยรวบรวมบริษัทสัญชาติเกาหลีใต้ 19 แห่งเข้าไว้ด้วยกันเป็นครั้งแรก ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมชมงานหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย มาเลเซีย บราซิล อินเดีย และแอลเบเนีย

นอกจากนี้ ยังมีรายการสมทบอื่น ๆ มาร่วมสร้างความโดดเด่นให้แก่มหกรรม IE expo Guangzhou อีกด้วย นั่นคือการประชุมและสัมมนา 15รายการที่ประกอบไปด้วยประเด็นร้อนต่าง ๆ รวมถึงเทรนด์ใหม่ ๆ ในแวดวงอุตสาหกรรมการปกป้องสิ่งแวดล้อมทางตอนใต้ของจีน อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญและบุคคลสำคัญกว่า 100 รายมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์แก่ผู้เข้ารับชมรับฟัง โดยหัวข้อที่ได้รับความสนใจได้แก่ การประชุมสุดยอดการป้องกันและควบคุมมลพิษทางน้ำทางตอนใต้ของจีน, การสัมมนาเทคโนโลยีการควบคุมและติดตามสารอินทรีย์ระเหย (VOCs) ของอุตสาหกรรมหลักในมณฑลกวางตุ้ง, การสัมมนาวิชาการเรื่องการบำบัดและยกระดับการจัดการน้ำเสียในนิคมอุตสาหกรรมประจำปี 2016 และงานโรดโชว์เทคโนโลยีเครื่องมือการประเมินสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ มหกรรม IE expo Guangzhou 2016 จัดขึ้นพร้อมกับงานWasteMET Asia 2016 ซึ่งมี SingEx และ WMRAS เป็นผู้จัด โดยรวมเอาสมาคมด้านการจัดการของเสียทั้ง 9 แห่งจากกลุ่มพันธมิตรด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและของเสียแห่งเอเชียแปซิฟิก (APWEA) เข้าร่วมในงานครั้งนี้ด้วย ซึ่งนับเป็นการรวมเอา 2 งานใหญ่ที่เกี่ยวกับการจัดการของเสียและการรีไซเคิลมาไว้เพื่อผู้จัดแสดงและผู้เข้าชมในที่เดียว อนึ่ง ภายในงานยังมีกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมป้องกันสิ่งแวดล้อม และกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แห่งมณฑลกวางตุ้ง โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 50 ราย อีกทั้งผู้ออกร้านกว่า 100 รายยังได้แนะนำโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพและประหยัดกว่าที่ลูกค้าใช้บริการอยู่ในปัจจุบัน

โปรแกรมต่าง ๆ ภายในงาน IE expo Guangzhou 2016

รายงานฉบับสมบูรณ์ของงาน IE expo Guangzhou 2016

สำหรับงานครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในวันที่ 20-22 ก.ย. 2017 China Import and Export Fair Complex นครกว่างโจว ประเทศจีน

IE expo China 2017 มุ่งสานต่อความสำเร็จยิ่ง ๆ ขึ้นไป

จากผลสัมฤทธิ์ของงาน IE expo China 2016 และความต้องการเทคโนโลยีสีเขียวรุ่นล่าสุดที่ปรับตัวขึ้น พื้นที่จัดแสดงในปีหน้าจะขยายครอบคลุมโถงจัดแสดงรวม 8 แห่งด้วยกัน ซึ่งขณะนี้พื้นที่กว่า 60% ถูกจับจองไว้แล้ว 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาคลิกตามลิงค์ด้านล่างนี้

รายชื่อผู้จัดแสดงงาน IE expo 2016

แผ่นพับงาน IE expo China 2017

แบบฟอร์มใบสมัครเข้าร่วมแสดงงาน IE expo China 2017

F5 เน็ตเวิร์กส์ แต่งตั้ง “วัชระ จิระเจริญสุวรรณ” ผู้จัดการประจำประเทศไทย มุ่งนำการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตสู่ธุรกิจในยุค Digital Thailand

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ http://www.infoquest.co.th/contactus/

 

eywwb5wu57mynkovyi3r412rlcwsezmstu75ceeirj8fzi7ml7kl2q

กรุงเทพ (วันที่ 14 ธันวาคม พ.2559) – บริษัท F5 เน็ตเวิร์กส์  (F5 Networks) (NASDAQ: FFIV) ผู้นำระดับโลกด้านระบบเครือข่ายเพื่อการทำงานของแอปพลิเคชันและระบบรักษาความปลอดภัยประกาศแต่งตั้ง นายวัชระ จิระเจริญสุวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้จัดการประจำประเทศไทย  ซึ่งจะรับผิดชอบการขับเคลื่อนธุรกิจของ F5 และการวางกลยุทธ์การตลาด โดยวัชระขึ้นตรงกับนายวิชาล ซิงห์ รองประธานฝ่ายขายประจำภูมิภาคอาเซียนของ F5 เน็ตเวิร์กส์

นายวิชาล ซิงห์ รองประธานฝ่ายขายประจำภูมิภาคอาเซียนของ F5 เน็ตเวิร์กส์  กล่าวว่า ความนิยมแพร่หลายของการใช้งานแอปพลิเคชันในธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกส่งผลให้ความต้องการโซลูชั่นด้านการบริการแอปพลิเคชันเติบโตขึ้นสูงมาก โดยเฉพาะประเทศไทยที่กำลังเร่งผลักดันสู่เป้าหมายการเป็น Digital Thailand เพื่อสร้างสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลในอีก 20 ปีข้างหน้า คุณวัชระมีประสบการณ์ยาวนานในการผลักดันนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในองค์กรธุรกิจ ผมจึงมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าคุณวัชระจะเป็นกำลังสำคัญของ F5 ที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนลูกค้าและพันธมิตรของเราให้สามารถใช้งานแอปพลิเคชันอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโตต่อไป”

นายวัชระ กล่าวว่า “องค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากประเทศไทยเรากำลังสร้างเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ผมรู้สึกยินดีที่ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งในช่วงของการเชื่อมต่อที่สำคัญนี้รวมทั้งการบริหารทีมงานของ F5 ในประเทศไทยให้เป็นพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าโซลูชั่นของ F5 จะช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับปรุงและพัฒนาองค์กรรวมทั้งขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น สามารถใช้โซลูชั่นและงานบริการนำธุรกิจให้มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและขีดความสามารถในการแข่งขันให้สูงขึ้นอีกด้วย”

นายวัชระเข้าร่วมงานกับ F5 เน็ตเวิร์กส์ ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 25 ปี ในหลากหลายบทบาทของผู้บริหารที่พัฒนาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแวดวงอุตสาหกรรมไอที ก่อนที่จะร่วมงานกับ F5 เน็ตเวิร์กส์ นายวัชระ ดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายอาวุโสประจำภูมิภาคสำหรับธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรซ์ของบริษัท ซิสโก้ ซิสเต็มส์ โดยรับผิดชอบงานด้านการบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้าในระยะยาวและผลักดันแผนงานและกลยุทธ์การทำงานกับลูกค้ารายสำคัญขององค์กร

          เกี่ยวกับ F5

          F5 (NASDAQ: FFIV) คือผู้ให้บริการโซลูชั่นเพื่อการทำงานของแอปพลิเคชันที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ F5 ช่วยให้องค์กรขนาดใหญ่สามารถเข้าถึงการใช้งาน คลาวด์, ดาต้า เซ็นเตอร์, เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับระบบเครือข่าย (SDN) เพื่อส่งมอบแอปพลิเคชันและการบริการให้เข้าถึงผู้ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา โซลูชั่นของF5 สามารถประสานการทำงานกับระบบไอทีในวงกว้างผ่านเฟรมเวิร์กแบบเปิด เพิ่มขยายได้ไม่จำกัดและยังเป็นพันธมิตรที่มีระบบนิเวศน์ทางธุรกิจที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีชั้นนำและผู้จำหน่ายและให้บริการแต่ละราย  ด้วยการเข้าถึงดังกล่าว F5 จึงช่วยวางรูปแบบโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรมากที่สุด  องค์กรระดับโลก เซอร์วิส โพรวายเดอร์ องค์กรภาครัฐและบริษัทชั้นนำหลายแห่งไว้วางใจเลือกใช้บริการของ F5 เพื่อการเข้าถึง คลาวด์  ระบบความปลอดภัยและโมบิลิตี้  ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ F5.com

สามารถติดตามข่าวสารของ F5 พันธมิตร และเทคโนโลยี ได้ทางทวิตเตอร์ @F5NetworksAPJ หรือ LinkedIn และ Facebook

ขอขอบพระคุณที่กรุณาเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ

คุณพรปวีณ์ กุลมา (ตุ๋ม), คุณอาฑิตยา นาคทอง (ตุ๋ม) บริษัท ออพติมอล คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด

โทรศัพท์ มือถือ 087-589-6319, 088-055-0168 อีเมล์pornpavee@optimal-com.com ; nakthong.ammy@gmail.com

Anaplan เปิดตัว Application Lifecycle Management บนคลาวด์ EPM ช่วยให้การจัดการประสิทธิภาพในองค์กรง่ายยิ่งกว่าที่เคย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ http://www.infoquest.co.th/contactus/

 

ซานฟรานซิสโก–14 ธ.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

ผู้ใช้งานสามารถสร้าง รวบรวม ตลอดจนแสดงแผนธุรกิจได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วย EPM เวอร์ชั่น 2016.4

Anaplan ต่อยอดการนำเสนอโซลูชั่นการวางแผนและจัดการประสิทธิภาพภายในองค์กร ด้วยการเพิ่ม Application Lifecycle Management (ALM)เข้าไปในแพลตฟอร์ม Enterprise Performance Management (EPM)เวอร์ชั่น 2016.4 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในตลาดที่มีการเพิ่ม ALM ขั้นสูงเข้าในระบบ EPM แบบคลาวด์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการควบคุมเมื่อมีการจัดการแอปพลิเคชั่น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา ทดสอบ หรือสร้างสภาพแวดล้อมในการผลิต จึงทำให้เกิดความยืดหยุ่นมากขึ้นในการปรับตัวให้สอดคล้องตามเงื่อนไขที่มีการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้แอปพลิเคชั่นใหม่นี้ยังมีการยกระดับในด้านการติดตามประวัติการปรับโมเดลธุรกิจ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแสดงผลและการตรวจสอบให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ประโยชน์ของแอปพลิเคชั่น ALM ของ Anaplan ได้แก่:  

        – ช่วยให้การจัดการในด้านการพัฒนา การทดสอบ การใช้งาน ตลอดจนการรักษาแผนงานและแอปพลิเคชั่นต่างๆ ทั่วทั้งองค์กรธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มของ Anaphan นั้น สามารถทำได้ง่ายขึ้น  ผู้ใช้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงและปรับใช้โมเดลได้อย่างอัตโนมัติ

        – ปรับปรุงความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจากหน้าที่ในการสร้างโมเดล การบริหารงาน และการนำไปใช้งานนั้น ถูกแบ่งแยกและควบคุมอย่างเป็นเอกเทศ

        – ควบคุมการปรับปรุงแก้ไข ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ดูแลระบบสามารถเข้าไปกำกับสถานะการปรับปรุงโครงสร้างโมเดลที่พร้อมสำหรับการทดสอบหรือการนำไปปรับใช้เพื่อการผลิตได้

        – ปรับปรุงระบบการตรวจสอบ โดยใช้ข้อสรุปของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ซึ่งสร้างขึ้นก่อนที่ระบบจะนำไปปรับใช้

        – เพิ่มความปลอดภัยเพื่อให้สามารถ lockdown ระบบที่มีการใช้งาน เพื่อป้องกันการปรับเปลี่ยนโดยที่ไม่ตั้งใจหรือที่ไม่พึงประสงค์ได้

มีเพียง Anaplan เท่านั้นที่นำเสนอแพลตฟอร์มจัดการประสิทธิภาพภายในองค์กรที่มีความรอบรู้และประสิทธิภาพในระดับนี้ ซึ่งสามารถช่วยร่นระยะเวลาในการผลิตจากจำนวนหลายวันเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมงไมเคิล กูลด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและผู้ก่อตั้ง Anaplan กล่าวในฐานะที่เราเป็นแพลตฟอร์มคลาวด์เนทีฟ Anaplan จึงเป็นผู้นำตลาดด้วยความสามารถต่างๆมากมาย ซึ่งรวมถึง ALM ที่สามารถตอบสนองความต้องการและข้อกำหนดของลูกค้า ทั้งในเรื่องการรักษาความปลอดภัย การกำกับดูแล และประสิทธิภาพ

การอัพเดทแพลตฟอร์มครั้งนี้ยังมีการปรับปรุงในส่วนของการรักษาความปลอดภัยและความพร้อมที่จะให้ตรวจสอบบัญชี ด้วยการเพิ่มประวัติการเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจ ซึ่งผู้ใช้สามารถติดตามได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรในโมเดล ใครเป็นผู้เปลี่ยน และเปลี่ยนแปลงเมื่อใด นอกจากนี้Anaplan ยังประกาศเปิดตัวแอปและความสามารถใหม่ๆ ดังต่อไปนี้

        – การรวบรวมข้อมูลที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย Anaplan HyperConnect ซึ่งสนับสนุนโดย Informatica เปิดทางให้ผู้ใช้ในธุรกิจสามารถดึงและแปลงข้อมูล และกำหนดเวลารวมข้อมูลโดยใช้อินเทอร์เฟสที่เป็นมีตรกับผู้ใช้

        – ตัวเลือกการแสดงผลข้อมูลและการรายงานที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนระหว่าง Anaplan และ Tableau Softwareลูกค้าของ Anaplan และ Tableau สามารถป้อนข้อมูลใน Anaplan เข้าไปในระบบของ Tableau ได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้ระบบแสดงผลข้อมูลและนำเสนอรายงาน

        – แอปพลิเคชั่นใหม่ อาทิ Long-Range Planning, Asset Management และ P&L Forecasting พร้อมให้ดาวน์โหลดได้แล้วที่Anaplan App Hub ซึ่งเป็นศูนย์รวมแอปพลิเคชั่นเจาะจงอุตสาหกรรมกว่า150 แอปที่พัฒนาโดย Anaplan หุ้นส่วนและลูกค้าของเรา

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าชมได้ที่https://www.anaplan.com/4th-release-of-2016

เกี่ยวกับ Anaplan

Anaplan คือแพลตฟอร์มการวางแผนและการจัดการประสิทธิภาพชั้นนำเพื่อธุรกิจอัจฉริยะวิสัยทัศน์กว้างไกล Anaplan นำเสนอเครื่องมือวางแผนและกำหนดโมเดลธุรกิจที่เหนือชั้น ตลอดจนเครื่องมือวิเคราะห์เชิงทำนาย ความร่วมมือผ่านคลาวด์ และอินเทอร์เฟสที่เรียบง่ายสำหรับผู้ใช้ในธุรกิจAnaplan เป็นบริษัทเอกชนซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานย่อยกระจายอยู่ใน 16 ประเทศ รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ anaplan.com และติดตามเราได้ทางทวิตเตอร์ ลิงค์อิน ยูทูบ และเฟซบุ๊ก

Miral ประกาศแผนพัฒนาสวนสนุก SeaWorld บน “เกาะยาส” ในอาบูดาบี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ http://www.infoquest.co.th/contactus/

 

อาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–14 ธ.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

          – Miral จับมือ SeaWorld สร้างสวนสนุกธีมโลกใต้ทะเลสุดล้ำ พร้อมจัดตั้งศูนย์วิจัย ให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู และส่งสัตว์ทะเลคืนสู่ธรรมชาติเป็นแห่งแรกของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ภายในปี 2022

          Miral และ SeaWorld Entertainment, Inc. (NYSE: SEAS) ประกาศความร่วมมือเพื่อพัฒนา “SeaWorld Abu Dhabi” สวนสนุกธีมโลกใต้ทะเลแห่งแรกบนเกาะยาส ทั้งยังประกอบไปด้วยศูนย์วิจัย ให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู และส่งสัตว์ทะเลคืนสู่ธรรมชาติแห่งแรกของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและทรัพยากรระดับเวิลด์คลาสสำหรับการดูแลและอนุรักษ์สัตว์ทะเลในพื้นที่ ทั้งนี้ SeaWorld Abu Dhabiจะเป็น SeaWorld ใหม่แห่งแรกที่ไม่มีวาฬเพชฌฆาต และจะเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับสัตว์ทั้งหลายอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังมีจุดที่น่าสนใจขนาดใหญ่และอควาเรียมระดับโลก โดยจะใช้เทคโนโลยีล่าสุดที่ช่วยให้ผู้มาเยือนได้มีส่วนร่วมมากขึ้น

          รับชมข่าวในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่

          http://www.multivu.com/players/uk/8002251-miral-announces-seaworld-yas-island

          ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการผสานความเชี่ยวชาญของ Miral ในการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะยาส เข้ากับประสบการณ์ที่ SeaWorld ได้สั่งสมมายาวนานกว่า 50 ปีในแวดวงสวนสนุก สัตวแพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ทางทะเล และสัตววิทยา

          โมฮัมเหม็ด คาลิฟา อัล มูบารัค ประธานบริษัท Miral กล่าวว่า “อาบูดาบีกำลังกลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับแรกของนักท่องเที่ยวทั้งในภูมิภาคและจากทั่วโลก ด้วยการผสมผสานวัฒนธรรม ประเพณี และประสบการณ์การผักผ่อนที่ไม่เหมือนใคร จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดดึงดูดใจ และโครงการ SeaWorld Abu Dhabi จะช่วยยกระดับเกาะยาสในฐานะแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลก”

          “ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนถึงเป้าหมายของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในการสร้างเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและยั่งยืน โดยมีการท่องเที่ยวเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่ง อาบูดาบียังคงเดินหน้าสร้างความร่วมมืออย่างยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ 2030 Vision เพื่อพลิกโฉมและบุกเบิกจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ซึ่งควรค่าต่อการยกย่องทั้งในเรื่องคุณภาพ อัตลักษณ์ และนวัตกรรมระดับโลกในทุกระดับ”

          โจเอล แมนบี ประธานและซีอีโอของ SeaWorld กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ประกาศแผนขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับการเป็นพันธมิตรกับ Miral เพื่อสร้างสรรค์ SeaWorld ยุคใหม่ที่ให้ทั้งประสบการณ์ ความรู้ และแรงบันดาลใจ อันเป็นแม่แบบที่ถือกำเนิดขึ้นในอาบูดาบี โดยสวนสนุกแห่งใหม่ รวมถึงศูนย์วิจัย ให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู และส่งสัตว์น้ำคืนสู่ธรรมชาติ ซึ่งเน้นในเรื่องของการดูแลและอนุรักษ์สัตว์น้ำนั้น จะสานต่อสิ่งที่ SeaWorld ทำมาตลอด 50 ปีในการให้ความช่วยเหลือสัตว์น้ำ โครงการนี้จะก่อให้เกิดความร่วมมือและความเข้าใจถึงการปรับตัวของสัตว์น้ำนานาพันธุ์ให้เข้ากับสภาพทางทะเลที่มีลักษณะเฉพาะในภูมิภาคนี้ และจะสร้างเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ ทั้งผู้มาเยือน นักอนุรักษ์ และผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสัตว์”

          ศูนย์วิจัย ให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู และส่งสัตว์ทะเลคืนสู่ธรรมชาติ ภายใน SeaWorld Abu Dhabi บนเกาะยาส จะเป็นศูนย์แห่งแรกของประเทศที่ดำเนินงานในเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกสุดล้ำสมัยสำหรับบรรดานักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และนักอนุรักษ์ทางทะเล ทั้งในพื้นที่และจากทั่วโลก เพื่อช่วยให้มีความเข้าใจและได้เรียนรู้เกี่ยวกับถิ่นที่อยู่และสภาพแวดล้อมจริงของสัตว์น้ำในภูมิภาคนี้ ศูนย์ดังกล่าวมีแผนเปิดตัวก่อนสวนสนุกธีมโลกใต้ทะเล โดยจะมอบทรัพยากรที่จำเป็นให้กับทุกคนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ต้องการพัฒนาหรือเสริมสร้างความเชี่ยวชาญในเรื่องของวิทยาศาสตร์สัตว์ทะเล และจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางความร่วมมือกับบรรดาองค์กรและโครงการด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในพื้นที่และในระดับนานาชาติ

          โมฮัมเหม็ด อับดุลลา อัล ซาบี ซีอีโอของ Miral กล่าวว่า “SeaWorld Abu Dhabi เป็นโครงการที่มีความโดดเด่นในระดับภูมิภาค ซึ่งจะช่วยเติมเต็มโครงการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวของเรา และยังยกระดับให้เกาะยาสกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดสำหรับผู้มาเยือน ในฐานะที่เราเป็นผู้พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นและน่าตื่นเต้นของอาบูดาบี การได้รับโอกาสในการสร้างสวนสนุกธีมโลกใต้ทะเลร่วมกับ SeaWorld จึงนับว่าสุดยอดและน่าตื่นตาตื่นใจมาก เราจะเดินหน้าพัฒนาและสร้างสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำให้กับเกาะยาสต่อไป เพื่อนำเสนอประสบการณ์แปลกใหม่ เร้าใจ และตื่นตาให้แก่ผู้มาเยือนทุกคน”

          การพัฒนา SeaWorld Abu Dhabi จะช่วยเพิ่มจำนวนแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะยาสที่ Miral เป็นผู้พัฒนา และคาดว่าจะมีผู้มาเยือนเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าเป็น 48 ล้านคนภายในปี 2022 อันเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ของอาบูดาบีในการขับเคลื่อนให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กลายเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวของโลก ที่เปี่ยมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสุดพิเศษ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานรองรับการท่องเที่ยวระดับเวิลด์คลาส

          SeaWorld Abu Dhabi มีกำหนดเปิดตัวภายในปี 2022 และจะช่วยเติมเต็มสวนสนุกบนเกาะยาสที่มีอยู่แล้ว 4 แห่ง ได้แก่ Ferrari World Abu Dhabi, Yas Waterworld รวมถึง Warner Bros. World Abu Dhabi และClymb ที่มีกำหนดเปิดตัวในปี 2018 นอกจากนี้ เกาะยาสยังนำเสนอประสบการณ์ด้านกีฬาและความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นYas Marina Circuit โรงแรม 7 แห่ง กิจกรรมร่วมสนุกตลอดปี พื้นที่จัดการแสดงสดและคอนเสิร์ต สนามกอล์ฟระดับแชมเปียนชิป 18 หลุม ท่าจอดเรือ ชายหาด ตลอดจนแหล่งช้อปปิ้งที่กำลังได้รับความนิยมอย่าง Yas Mall

          เกี่ยวกับ Miral

          Miral เป็นผู้เนรมิตสถานที่ท่องเที่ยวในอาบูดาบี และดึงดูดผู้คนด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าตื่นตาตื่นใจ Miral เป็นผู้พัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์บนเกาะยาส ตั้งแต่แหล่งบันเทิง โรงแรม สถานที่พักผ่อนและเล่นกีฬา ร้านอาหาร ห้างร้าน ไปจนถึงสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ปัจจุบัน เกาะยาสเป็นที่ตั้งของ Ferrari World Abu Dhabi, Yas Waterworld, Yas Links Golf Course, Yas Mall, Yas Marina Circuit, Yas Marina และโรงแรม 7 แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Yas Viceroy รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.miral.ae

          เกี่ยวกับ SeaWorld Entertainment, Inc.

          SeaWorld Entertainment, Inc. (NYSE: SEAS) เป็นบริษัทสวนสนุกและความบันเทิงชั้นนำที่มอบประสบการณ์สุดแสนประทับใจ ทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้มาเยือนช่วยกันการอนุรักษ์สัตว์ทั่วไปและสัตว์ป่าหายากทั่วโลก SeaWorld Entertainment, Inc. เป็นองค์กรด้านสัตววิทยาชั้นแนวหน้าของโลก รวมทั้งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการสงเคราะห์ การฝึก และการเลี้ยงดูสัตว์ นอกจากนั้นยังให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูสัตว์น้ำและสัตว์บกที่มีอาการป่วย ได้รับบาดเจ็บ กำพร้า หรือถูกทอดทิ้ง โดยมีเป้าหมายเพื่อปล่อยสัตว์เหล่านี้คืนสู่ธรรมชาติ SeaWorld Entertainment, Inc. เป็นเจ้าของหรือผู้ให้สิทธิแบรนด์ชั้นนำต่างๆ ทั้ง SeaWorld, Busch Gardens(R) และ Sea Rescue(R) โดยตลอดการดำเนินงานกว่า 50 ปีที่ผ่านมา ทางบริษัทได้สร้างสวนสนุกระดับภูมิภาคหลากหลายรูปแบบรวมกัน 12 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยเครื่องเล่น การแสดง และสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ สำหรับคนทุกเพศทุกวัย เพื่อมอบประสบการณ์ที่ควรค่าแก่การจดจำให้ผู้มาเยือนทุกคนกลับบ้านด้วยความประทับใจ รับชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SeaWorld Entertainment, Inc. ได้ที่http://www.seaworldentertainment.com

          สื่อมวลชนติดต่อสอบถามได้ที่:

          Aimee Jeansonne Becka

          SeaWorld Corporate Communications

          Aimee.Jeansonne-Becka@SeaWorld.com

          1.407.226.5258

          Ghaith Nazzal

          communications@miral.ae

          +971.50.611.7930

 

          วิดีโอ: http://www.multivu.com/players/uk/8002251-miral-announces-seaworld-yas-island

 

          (รูปภาพ:http://mma.prnewswire.com/media/448911/SeaWorld_Abu_Dhabi.jpg)

ซีบอร์น เน็ตเวิร์คส เปิดตัว SeaSpeed(TM) โซลูชั่นเคเบิลใต้น้ำความหน่วงต่ำสุดที่เชื่อมอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ http://www.infoquest.co.th/contactus/

 

บอสตัน–13 ธ.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

ซีบอร์นเป็นผู้จัดจำหน่าย SeaSpeed(TM) แต่เพียงผู้เดียว

ซีบอร์น เน็ตเวิร์คส (Seaborn Networks) ผู้พัฒนา เจ้าของ และผู้ดำเนินการระบบเคเบิลใยแก้วนำแสงใต้น้ำ ประกาศเปิดตัว SeaSpeed(TM)โซลูชั่นแบบจุดต่อจุด (Point-to-point) ความหน่วงต่ำสุดซึ่งเชื่อมระหว่างเมืองคาร์เทอเร็ต รัฐนิวเจอร์ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา และเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล โดยบริการรูปแบบใหม่นี้มีจำหน่ายผ่านทางซีบอร์นเท่านั้น และถือเป็นการวางบรรทัดฐานใหม่ด้านการเชื่อมต่อความหน่วงต่ำพิเศษระหว่างศูนย์กลางทางการเงินในอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้

 

http://photos.prnewswire.com/prnvar/20150311/181074LOGO

เคเบิลใต้น้ำ Seabras-1 ของซีบอร์นเป็นองค์ประกอบหลักที่สนับสนุนการทำงานของ SeaSpeed โดย Seabras-1 เป็นระบบเคเบิลแบบจุดต่อจุดระบบแรกที่เชื่อมต่อตรงระหว่างนิวเจอร์ซี/นิวยอร์ก และเซาเปาโล ซึ่งตั้งเป้าพร้อมให้บริการในเดือนมิถุนายน 2560

ทั้งนี้ SeaSpeed เปิดให้สั่งซื้อโดยตรงจากซีบอร์นเท่านั้น โดยนำเสนอการเชื่อมต่อหลายมิลลิวินาทีในความหน่วงต่ำสุดซึ่งเชื่อมระหว่างสถาบันการเงินในสหรัฐและบราซิล นอกจากนี้ SeaSpeed ยังมาพร้อม (1) สัญญาการรักษาระดับคุณภาพการให้บริการชั้นนำในอุตสาหกรรม (2) วงจรที่เปิดใช้งานได้ภายในไม่กี่วัน และ (3) ช่องทางตรงสำหรับติดต่อซีบอร์นในฐานะที่เป็นทั้งผู้พัฒนา เจ้าของ และผู้ดำเนินการระบบเคเบิลใต้ทะเลสำหรับลูกค้า

พอล ครีลแมน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และหัวหน้าแผนก Low Latency Sales เปิดเผยว่า เราวางเป้าหมายไว้แล้วว่า Seabras-1 จะช่วยปรับปรุงความหน่วงในโซลูชั่นเชื่อมต่อหลายจุด (multi-point) ซึ่งปัจจุบันมีการใช้งานในเส้นทางเชื่อมต่อสายนี้ ขณะที่ SeaSpeed ซึ่งเป็นโซลูชั่นเอ็นด์ทูเอ็นด์ที่อยู่ภายใต้กรรมสิทธิ์นั้น จะเข้ามายกระดับการเชื่อมต่อให้เร็วถึงขีดสุด

สำหรับโครงการระดมทุนมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับ Seabras-1 นั้นเสร็จสิ้นไปเมื่อปี 2558 ซึ่งเป็นการเพิ่มทุนจากก่อนหน้านี้ที่ได้มีการลงทุนกว่า 20 ล้านดอลลาร์เพื่อการวิจัยและพัฒนาโครงการ ส่วนการผลิตเคเบิลนั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว 100% และจะเริ่มดำเนินการวางสายเคเบิลในช่วงต้นไตรมาสแรกของปี 2560 อนึ่ง ซีบอร์นเป็นผู้พัฒนาอิสระ เป็นผู้นำดำเนินการ และเป็นเจ้าของร่วมของ Seabras-1 โดย Partners Groupบริษัทบริหารจัดการการลงทุนในหุ้นนอกตลาดระดับโลกซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการกว่า 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นเจ้าของร่วมอีกรายในนามของลูกค้าของบริษัท

เกี่ยวกับซีบอร์น เน็ตเวิร์คส

ซีบอร์น เน็ตเวิร์คส (Seaborn Networks) เป็นผู้พัฒนา เจ้าของ และผู้ดำเนินการระบบเคเบิลใยแก้วนำแสงใต้น้ำ Seabras-1  ซึ่งถือเป็นระบบเคเบิลแบบจุดต่อจุดที่เชื่อมต่อตรงระบบเดียวในเส้นทางระหว่างสหรัฐและบราซิล ซีบอร์นก่อตั้งโดยผู้บริหารกิจการสื่อสารโทรคมนาคมและเคเบิลใต้น้ำที่ประสบความสำเร็จหลายท่านที่มีประสบการณ์ด้านการออกแบบ สร้าง และดำเนินการโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำและภาคพื้นดินขนาดใหญ่ที่สุดของโลกหลายโครงข่าย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่www.seabornnetworks.com

ช่องทางติดต่อซีบอร์น เน็ตเวิร์คสสำหรับสื่อมวลชน:

อีเมล: media-relations@seabornnetworks.com

 

http://photos.prnewswire.com/prnvar/20161209/447526

สหพันธ์เชียร์นานาชาติลุยดันกีฬาเชียร์ลีดดิ้งสู่เวทีโอลิมปิก หลัง IOC มีมติให้การรับรองชั่วคราว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ http://www.infoquest.co.th/contactus/

 

เมมฟิสเทนเนสซี—13 ธ.ค.พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

สหพันธ์เชียร์นานาชาติ
 (ICU) แสดงความขอบคุณต่อคณะกรรมการบริหารของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ที่ได้มีมติให้การรับรองชั่วคราว(provisional recognition) แก่ ICU ในสัปดาห์นี้ 
 ICU Logo / International Cheer Union Logo (PRNewsFoto/International Cheer Union)

http://photos.prnewswire.com/prnh/20161209/447505LOGO

ICU ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา สหพันธ์ฯได้เริ่มดำเนินงานจนกระทั่งเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ IOC เมื่อหกปีที่แล้ว โดยมีพันธกิจในการพัฒนากีฬาเชียร์ลีดดิ้งทั่วโลก ทางองค์กรได้เดินหน้าขยายจำนวนสมาชิกอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันมีสมาชิกเป็นสหพันธ์เชียร์ระดับชาติทั้งสิ้น 110 ราย
  
เจฟฟ์ เวบบ์ ประธานสหพันธ์เชียร์นานาชาติ กล่าวว่า
คำตัดสินของ IOC ถือเป็นความสำเร็จก้าวสำคัญสำหรับวงการกีฬาเชียร์เชียร์ลีดดิ้ง เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการบริหารของ IOC ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความพยายามของเราได้อย่างดีเยี่ยม ในขณะที่เราเดินหน้าสร้างโอกาสให้กับนักกีฬาเชียร์ลีดดิ้งหลายล้านคนทั่วโลกในการเข้ามามีส่วนร่วมกับกีฬาและการแข่งขัน”

คาร์ล โอลสัน เลขาธิการ ICU กล่าวว่า เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับทราบคำตัดสินของ IOC และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก เพราะนี่ถือเป็นโอกาสสำคัญในการเดินหน้าทำงานเพื่อพัฒนาวงการกีฬาเชียร์ลีดดิ้งบนเวทีระดับโลก

ICU ได้พัฒนาโครงการให้ความรู้และฝึกอบรมสำหรับนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และเจ้าหน้าที่ ตลอดจนมีบทบาทสำคัญในการจัดทำกฎระเบียบที่ได้มาตรฐาน เช่นเดียวกับโครงการด้านความปลอดภัยและข้อบังคับต่างๆ ICU ได้ร่วมมือกับบรรดาสหพันธ์เชียร์ของประเทศต่างๆที่เป็นสมาชิก เพื่อจัดการแข่งขันและสนับสนุนการแข่งขันระดับทวีปและภูมิภาคตลอดทั้งปี โดยผลักดันให้เกิดการแข่งขันรายการใหญ่ประจำปีอย่าง World Championship ซึ่งการแข่งขันประจำปี 2016 นี้มีนักกีฬาเข้าร่วมกว่า 10,000 คนจาก 70 ประเทศ สำหรับ World Championship 2017 จะจัดขึ้นในเดือนเม.ย. ที่เมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา

เกี่ยวกับ สหพันธ์เชียร์นานาชาติ

สหพันธ์เชียร์นานาชาติ (International Cheer Union – ICU)  จัดตั้งขึ้นในฐานะองค์กรกำกับดูแลไม่แสวงผลกำไรที่มีพันธกิจในการพัฒนาการกีฬาเชียร์ลีดดิ้งให้ก้าวไกลในระดับโลก ICU มีส่วนร่วมในกีฬาเชียร์ลีดดิ้งทั่วทุกพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ผ่านประเทศสมาชิกกว่า 100 ราย นอกจากนี้ ICU ยังส่งเสริมการแข่งขันกีฬาที่ดี การพัฒนากฎระเบียบ และการให้ความรู้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน และผู้ปกครอง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.cheerunion.org ผู้ที่สนใจสามารถขอภาพถ่ายและคลิปวิดีโอได้

 

เอพีอาร์ เอ็นเนอร์จี คว้าสัญญาผลิตไฟฟ้าจากก๊าซ LPG ในหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ http://www.infoquest.co.th/contactus/

 

แจ็คสันวิลล์, ฟลอริดา–13 ธ.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

เตรียมนำกังหัน TM2500+ ที่ใช้พลังงานจากก๊าซ LPG มาใช้ในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก

เอพีอาร์ เอ็นเนอร์จี (APR Energy) ผู้นำระดับโลกด้านการผลิตไฟฟ้าแบบฟาสท์แทร็ค ประกาศว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาระยะเวลา 12เดือนร่วมกับการไฟฟ้าและประปาแห่งหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา (WAPA) เพื่อดำเนินการผลิตไฟฟ้า 25 เมกะวัตต์จากก๊าซธรรมชาติเหลว(LPG) โดยจะมีการนำกังหันก๊าซเคลื่อนที่ GE TM2500+ ที่ได้รับการปรับแต่งให้ใช้เชื้อเพลิง LPG มาใช้งานเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในการช่วยให้ลูกค้าได้เข้าถึงการผลิตไฟฟ้าที่ถูกและสะอาดกว่าการใช้เชื้อเพลิงปิโตรเลียม

 APR Energy Gas Turbine / APR Energy's new 25MW power plant for the U.S. Virgin Islands Water and Power Authority will be the world's first in commercial operation to use a TM2500+ mobile gas turbine retrofitted to run on liquid petroleum gas - enabling WAPA to leverage the cost and environmental advantages of LPG-fired generation compared with the diesel-reciprocating engines that are common in the Caribbean. (PRNewsFoto/APR Energy)

รูปภาพ – http://photos.prnewswire.com/prnh/20161209/447572

โครงการดังกล่าวเป็นการคว้าสัญญาครั้งล่าสุดของเอพีอาร์ เอ็นเนอร์จี นับตั้งแต่แปรรูปเป็นบริษัทเอกชนในช่วงต้นปีนี้ ส่งผลให้กำลังการผลิตรวมจากการได้รับสัมปทานทั้งหมดในปี 2559 พุ่งทะลุ 1 กิกะวัตต์แล้ว นอกจากนั้นยังเป็นโครงการที่ 6 ในปีนี้ที่มีการนำกังหันก๊าซมาใช้

จอห์น แคมเปียน ประธานบริหารของเอพีอาร์ เอ็นเนอร์จี กล่าวว่าโครงการบุกเบิกนี้จะช่วยให้หมู่เกาะเวอร์จินสามารถนำโครงสร้างพื้นฐานด้าน LPG ที่ลงทุนไปมหาศาล มาใช้ในการลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าและลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีนัยสำคัญ ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า ราคาเชื้อเพลิงดีเซลจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 15% ในอีก 2 ปีข้างหน้า ในขณะที่ราคา LPG จะคงที่ ดังนั้น การใช้ LPG จะช่วยให้ WAPA สามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้อย่างมากเมื่อเทียบกับการผลิตไฟฟ้าโดยใช้เชื้อเพลิงดีเซล ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้อย่างแพร่หลายในแถบแคริบเบียน”

จูลิโอ ไรเมอร์ ซีเนียร์ กรรมการบริหารและซีอีโอของ WAPA กล่าวว่า การเปลี่ยนมาใช้ LPG ที่เผาไหม้ได้สะอาดหมดจดกว่าและมีต้นทุนถูกกว่าเป็นแหล่งพลังงานหลักในการผลิตไฟฟ้าในหมู่เกาะเวอร์จิน ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ WAPA เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้จำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าในราคาที่ถูกลง และพึงพอใจที่เอพีอาร์ เอ็นเนอร์จี จะเข้ามามีส่วนในการผลิตไฟฟ้าในหมู่เกาะเวอร์จิน โดยในช่วงหลายปีมานี้ WAPA มีความสัมพันธ์อันดีกับเอพีอาร์ เอ็นเนอร์จี มาโดยตลอด และเรายินดีที่จะได้จับมือกันก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าระดับสาธารณูปโภครายแรกที่นำเอากังหัน TM2500+ ที่ใช้เชื้อเพลิง LPG มาใช้ในเชิงพาณิชย์”

คุณแคมเปียนคาดว่า โครงการนี้จะเป็นแม่แบบสำหรับผู้ให้บริการสาธารณูปโภครายอื่นๆ ที่ต้องการใช้ประโยชน์จาก LPG ในฐานะพลังงานทางเลือกที่ถูกกว่า โดยเขากล่าวว่า “LPG กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นในตลาดต่างๆทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบแคริบเบียน รวมถึงบางส่วนของแอฟริกาและเอเชีย ซึ่งมีพลังงาน LPG พร้อมใช้เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กังหัน TM2500+ เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีฟาสท์แทร็คที่ทำงานได้ด้วยเชื้อเพลิง LPG ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถสลับมาใช้เชื้อเพลิงที่มีต้นถูกกว่าและหาง่ายกว่าได้อย่างรวดเร็วและไร้อุปสรรค”

ทั้งนี้ เอพีอาร์ เอ็นเนอร์จี ได้ติดตั้งโรงไฟฟ้ากังหันเชื้อเพลิงดีเซลขนาด 25 เมกะวัตต์ ให้กับ WAPA เมื่อปี 2555 และโครงการล่าสุดนี้จะทำให้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 50 เมกะวัตต์

เกี่ยวกับเอพีอาร์ เอ็นเนอร์จี

เอพีอาร์ เอ็นเนอร์จี คือผู้นำระดับโลกด้านการผลิตไฟฟ้าแบบฟาสท์แทร็คจากกังหันก๊าซแบบเคลื่อนย้ายได้ โซลูชั่นพลังงานที่รวดเร็ว ยืดหยุ่น และครบวงจรของเรา ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงพลังงานไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วทุกที่ทุกเวลาตามความต้องการ โรงไฟฟ้าแบบเทิร์นคีย์ของเราซึ่งผสมผสานเทคโนโลยีประหยัดพลังงานที่ทันสมัยเข้ากับความเชี่ยวชาญระดับผู้นำในอุตสาหกรรม ได้ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรม เมือง และประเทศต่างๆทั่วโลก ทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.aprenergy.com

 APR ENERGY LOGO / APR Energy. (PRNewsFoto/APR Energy) (PRNewsFoto/)

โลโก้ – http://photos.prnewswire.com/prnh/20120207/FL48583LOGO

คลังภาพสำหรับสื่อ [http://www.aprenergy.com/press-photo-gallery]

มหกรรม International Signs and LED Exhibition เปิดฉากที่กว่างโจว กุมภาพันธ์ 2560 ชูเทคโนโลยี Fine Pitch เป็นไฮไลท์เด่น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ http://www.infoquest.co.th/contactus/

 

กว่างโจว, จีน–13 ธ.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

          International Signs and LED Exhibition (ISLE) มหกรรมป้ายโฆษณาและไฟ LED ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของจีน พร้อมเปิดพื้นที่โซนB ของ Canton Fair Complex ต้อนรับผู้เข้าชมงานระหว่างวันที่ 15 – 18 ก.พ. 2560 โดยมีจอ LED แบบ Fine pitch ซึ่งจัดแสดงอยู่ในโซน LED Display และ LED Lighting เป็นสินค้าไฮไลท์ของงานในครั้งนี้

          จอ LED แบบ “Fine pitch” ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีจอ LED ที่ทันสมัยที่สุดในโลก ด้วยระยะห่างระหว่างพิกเซลที่น้อยกว่า 2.5 มม. พร้อมระดับความสว่างที่เหนือกว่า และจอภาพไร้รอยต่อ ในราคาที่ต่ำกว่าจอDLP และจอ LCD ทั่วไป

          จอ LED แบบ Fine pitch ส่วนใหญ่นำเทคโนโลยีควบคุมระดับระดับจุดพิกเซลมาใช้ในการควบคุมความละเอียดต่อหน่วยของภาพ การอ่านค่าเม็ดสี และการประสานภาพ ซึ่งจะช่วยยืดเวลาในการรับชมตลอดจนอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น

          นายหลี่ หยิงเจี๋ย ผู้อำนวยการของ ISLE เปิดเผยว่า การพัฒนาการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีประเภทชิปจะช่วยลดต้นทุนและขนาดของชิ้นส่วนลง จึงช่วยลดระยะห่างระหว่างพิกเซลตามไปด้วย ทั้งยังยกระดับความละเอียดคมชัด ตลอดจนประสิทธิภาพให้กับจอ LED แบบFine pitch อีกมากมาย

          สำหรับงาน ISLE 2560 นั้นจะรวบรวมบริษัทชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจอ LED แบบ Fine pitch จากทั่วโลกมาไว้ด้วยกัน อาทิ Absen, Leyard, LianTronics และ Chipshow เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ LED ล่าสุด โดยสินค้าแนะนำได้แก่ หน้าจอรุ่น TW, จอขนาดใหญ่ TVH และจอประหยัดพลังงาน TWA ของ Leyard ผลิตภัณฑ์รุ่นV.Me series, ผลิตภัณฑ์ LED เพื่อการศึกษาที่มาพร้อมเทคโนโลยี VR+,จอ LED แบบ Fine pitch ใหม่ ขนาด VL1.6 และ VH1.4 ของ LianTronicsผลิตภัณฑ์ในตระกูล leopard สุดโด่งดังของ Chishow และจอ LED แบบFine pitch รุ่น N2 ของ Absen ที่ได้รับรางวัล InAVation Awards ในงานISE (Integrated Systems Europe) ประจำปี 2559 จากประเทศเนเธอร์แลนด์มาแล้ว

          “จอ LED แบบ Fine pitch ส่วนใหญ่มักถูกปรับใช้ในบริบทเชิงพาณิชย์ระดับสูง เช่น สื่อโฆษณา สนามกีฬา พื้นหลังเวที วิศวกรรมในเขตเทศบาล โดยสามารถนำเสนอศักยภาพแห่งอนาคต ซึ่งคาดว่าจะขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การประชุม โรงแรม และการรักษาความปลอดภัยในที่สาธารณะ เราหวังว่างาน ISLE ครั้งนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมในการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ รวมถึงความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมนี้ไปพร้อม ๆ กัน” นายหลี่กล่าวทิ้งท้าย

          เกี่ยวกับ ISLE

          มหกรรม International Signs and LED Exhibition (ISLE) ประจำปี 2560 จะจัดขึ้นโดย Canton Fair Advertising Co., Ltd. และ China Foreign Trade Guangzhou Exhibition General Corp (CFTE) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นเวทีนำเสนอโซลูชั่น LED ครบวงจรซึ่งครอบคลุมอุตสาหกรรมป้ายโฆษณาที่มีความเป็นมืออาชีพ มีความน่าดึงดูดและเป็นอัจฉริยะ

          ติดต่อ:

          ลินดา เฉิน (Linda Chen)

          อีเมล: chenyanhui@cantonfairad.com

          โทร: +86-20 89268256

DHL eCommerce ใช้ความเชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ช่วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทยส่งข้าวตรงถึงมือผู้บริโภคทั่วประเทศ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ http://www.infoquest.co.th/contactus/

 

กรุงเทพฯ ประเทศไทย–13 ธ.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

 

http://photos.prnasia.com/prnvar/20161209/8521608082

คำบรรยายภาพ:DHL eCommerce ช่วยเกษตรกรไทยส่งข้าวตรงถึงมือผู้บริโภคทั่วประเทศ

 

http://photos.prnasia.com/prnvar/20150811/8521505246LOGO

●     DHL eCommerce ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ให้ความช่วยเหลือสหกรณ์ชาวนาทั่วประเทศโดยใช้บริการด้านอีคอมเมิร์ซสร้างโอกาสใหม่ๆ และเพิ่มช่องทางการขายข้าวให้เกษตรกรท่ามกลางสถานการณ์ข้าวล้นตลาด

DHL eCommerce ประเทศไทย ซึ่งเป็นธุรกิจในกลุ่มบริษัท Deutsche Post DHL Group (DPDHL Group) ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ นำความเชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์มาให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทยเพื่อเพิ่มช่องทางการขายข้าวให้กับเกษตรกรผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ โดยให้บริการส่งข้าวฟรีเป็นเวลา 4 เดือนท่ามกลางภาวะข้าวล้นตลาด และสถานการณ์การส่งออกข้าวที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง

DHL eCommerce ร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)กระทรวงพาณิชย์ แนะนำวิธีการติดตั้ง วิธีการใช้งาน และวิธีการบริหารจัดการสินค้าบนเว็บไซต์ออนไลน์ รวมถึงกระบวนการจัดส่งสินค้าไปยังผู้บริโภคในประเทศไทยให้กับสหกรณ์ชาวนาทั่วประเทศ ผู้เชี่ยวชาญจากDHL eCommerce ยังให้คำแนะนำและสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทยด้วยการเชื่อมโยงกระบวนการขายเข้ากับ E-Commerce Portal (ระบบอีคอมเมิร์ซพอร์ทัล) บนระบบร้านค้าออนไลน์ของผู้ให้บริการด้านอีคอมเมิร์ซสัญชาติไทย – BentoWeb (เบนโตะเว็บ) ที่ได้ผสานการทำงานเข้ากับ DHL eCommerce Customer Web Portal (ระบบเว็บพอร์ทัล) ไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเกษตรกรจะสามารถบริหารจัดการการสั่งซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วเพียงปลายนิ้ว จากนั้น DHL eCommerce จะเป็นผู้ไปรับข้าวจากเกษตรกรและจัดส่งไปยังผู้บริโภคทั่วประเทศไทย

ความร่วมมือครั้งนี้ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ BentoWeb ประกอบกับประสบการณ์ด้านโลจิสติกส์ระดับโลกของ DHL และความรู้ทางด้านการทำธุรกิจออนไลน์ในประเทศของ DHL eCommerce ประเทศไทย จะช่วยให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากโซลูชั่นที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของเกษตรกรโดยเฉพาะ กระทรวงพาณิชย์จะช่วยผลักดันและส่งเสริมโครงการนี้ และช่วยเกษตรกรลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ www.thaitrade.com/rice ในขณะที่ BentoWeb จะดูแลกระบวนการสั่งซื้อออนไลน์และการบริหารจัดการสินค้าออนไลน์ให้กับเกษตรกร โดย DHL eCommerce จะเป็นผู้ไปรับสินค้าจากแหล่งผลิตและส่งตรงไปยังผู้บริโภคที่สั่งซื้อโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

นายเกียรติชัย พิตรปรีชา กรรมการผู้จัดการ DHL eCommerceประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสใช้ความเชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ของเราให้เกิดประโยชน์กับการประกอบอาชีพและชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทย ในฐานะบริษัทในประเทศไทยที่ให้บริการจัดส่งสินค้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เรามีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและร่วมสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนต่างๆ”

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก โดยคาดว่าจะมีการส่งออกข้าว 25 ล้านตันในปีพ.ศ. 2559 และปีพ.ศ. 25601 นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำโครงการต่างๆ ที่มีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในประเทศมาอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในนั้นคือความร่วมมือกับ DHL eCommerce ประเทศไทยในการช่วยเกษตรกรขายผลิตผลผ่านช่องทางออนไลน์ เราทำงานร่วมกันมาตลอด 3 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มช่องทางให้เกษตรกรได้ทำธุรกิจผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ซึ่งผู้บริโภคในประเทศสามารถสั่งซื้อข้าวออนไลน์ และ DHL eCommerce จะเป็นผู้จัดส่งสินค้าตรงถึงมือของผู้บริโภค เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ DHL eCommerceได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนการช่วยเหลือกลุ่มสหกรณ์ชาวนา”

สหกรณ์ชาวนาอย่างเช่น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง ซึ่งเผชิญกับสถานการณ์ข้าวล้นตลาด ได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนจาก DHL eCommerce กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสงอธิบายว่า “อินเทอร์เน็ตได้เปิดโอกาสในการทำธุรกิจให้เรามากขึ้น เราสามารถติดต่อและเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง ซึ่งวิธีการแบบเก่าที่เราใช้อยู่ก่อนหน้านี้ทำไม่ได้ นอกจากนี้เราไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดส่งเพราะได้รับการดูแลโดยผู้มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และอีคอมเมิร์ซช่วยให้เรามีทางเลือกมากขึ้น ทำให้เราได้รับผลกระทบจากอิทธิพลในตลาดน้อยลงและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการขายของเราในรูปแบบใหม่ๆ ได้อย่างอิสระ”

นอกจากขีดความสามารถในการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศแล้ว DHL eCommerce ยังมีบริการการจัดส่งสินค้าภายในประเทศมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมานี้ เนื่องด้วยประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตอย่างรวดเร็ว DHL eCommerce จึงได้เพิ่มบริการจัดส่งสินค้าภายในประเทศและต่างประเทศครบวงจรให้กับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซไทยDHL eCommerce มีศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้าใหญ่ในกรุงเทพฯ ขนาด 3,000 ตารางเมตร และมีเครือข่ายของศูนย์กระจายสินค้าย่อยมากกว่า 40 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศเพื่อรองรับการขนส่งทั่วทุกภูมิภาค2 ภายในปีพ.ศ. 2560 DHL eCommerce มีเป้าหมายที่จะเพิ่มศูนย์กระจายสินค้าให้มากขึ้นกว่าสองเท่าของที่มีอยู่ในปัจจุบัน และจะขยายความสามารถในการจัดส่งโดยจะเพิ่มจำนวนรถจัดส่งที่สามารถส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้า3 ท่ามกลางปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการขนส่งที่หลากหลายในประเทศไทย

คุณสามารถอ่าน ดาวน์โหลดและค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข่าวประชาสัมพันธ์นี้ได้ที่

http://www.dhl.co.th/th/press/releases

ติดต่อสอบถาม:

DHL eCommerce
Media Relations
Cheryl Han / Monica Ng
โทร.: +65 6879 8012 / +65 6879 8011
อีเมล์: cheryl.han@dhl.com / monica.ng@dhl.com

เว็บไซต์: www.dpdhl.de/press

ติดตามเราได้ที่: www.twitter.com/dhlecommerce 

DHL – The logistics company for the world 

DHL เป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ซึ่งมอบบริการและความเป็นเลิศทางด้านโลจิสติกส์ทั้งการขนส่งภายในและระหว่างประเทศ การขนส่งทางบก ทางเรือ และการขนส่งด่วนทางอากาศ ตลอดจนการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานในภาคอุตสาหกรรมผ่านกลุ่มธุรกิจต่างๆ ด้วยบุคลากรกว่า 340,000 คนใน 220 ประเทศและพื้นที่ต่างๆทั่วโลก DHLเชื่อมโยงผู้คนและธุรกิจด้วยบริการที่น่าเชื่อถือและปลอดภัย ซึ่งเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศด้วยความเชี่ยวชาญและโซลูชั่นด้านโลจิสติกส์ที่ครบครันครอบคลุมตลาดและอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต ซึ่งหมายรวมถึงอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ชีวภาพ อุตสาหกรรมด้านสุขภาพ พลังงาน ยานยนต์และการค้าปลีก อีกทั้งความมุ่งมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมและการสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ในตลาดที่กำลังพัฒนา DHL จึงมั่นใจว่าเราเป็น “The logistics company for the world

DHL เป็นส่วนหนึ่งของ Deutsche Post DHL Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่มีรายได้มากกว่า 59,000 ล้านเหรียญยูโรในปีพ.ศ. 2558

[1] http://af.reuters.com/article/commoditiesNews/idAFL4N1D12Q2

[2]DHL eCommerce eyes Thailand’s fast-growing online retail sector with the launch of its domestic delivery serviceDHL, January 2016.

[3] Ibid.

Photo – http://photos.prnasia.com/prnh/20161209/8521608082
Logo – http://photos.prnasia.com/prnh/20150811/8521505246LOGO