พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อพืชไร่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_crop_animal_forecast.php

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อพืชไร่
ระหว่างวันที่ 22 – 28 กุมภาพันธ์ 2559
ผลกระทบต่อพืชและสัตว์เศรษฐกิจ
ระยะนี้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป โดยเฉพาะทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณอื่น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และเนื่องจากระยะนี้แม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจายของฝน ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต และกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช สำหรับอากาศแห้งและลมแรง ชาวไร่อ้อยที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ควรเลือกวิธีการเผาก่อนตัด จะทำให้ค่าน้ำตาลในอ้อยลดลง นอกจากนี้ไฟอาจจะลุกลามทำให้เกิดอัคคีภัยและไฟป่าได้ รวมทั้งควันไฟจากการเผาไหม้จะทำให้ทัศนะวิสัยลดลง และเกิดเป็นมลพิษทางอากาศ ส่วนผู้ที่ปลูกมันสำปะหลังควรระวังการระบาดของเพลี้ยแป้งและไรแดง เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ หากพบควรเก็บไปเผาทำลายนอกแปลง
สำหรับสภาพอากาศเย็นและแห้งในระยะนี้ เกษตรกรที่ปลูกถั่วเขียวที่อยู่ในระยะออกดอกและติดฝักควรระวังป้องกันการระบาดของราแป้ง ซึ่งจะทำให้ต้นแคระแกร็น ติดฝักน้อย เมล็ดและฝักมีขนาดเล็กลง ฝักที่มีเชื้อราปกคลุมจะบิดเบี้ยว แคระแกร็น และเมล็ดไม่สมบูรณ์ เกษตรกรควรหมั่นสำรวจหากพบควรรีบกำจัดก่อนระบาดเป็นบริเวณกว้าง
สำหรับภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกน้อย และระยะต่อไปจะยังคงมีปริมาณและการกระจายของฝนน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชไร่ที่อยู่ระยะเจริญเติบโตอย่างเหมาะสม หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช
ออกประกาศ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2559

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อไม้ผล

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_crop_animal_forecast.php

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อไม้ผล
ระหว่างวันที่ 15 – 21 กุมภาพันธ์ 2559
ผลกระทบต่อพืชและสัตว์เศรษฐกิจ
ระยะนี้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป โดยเฉพาะทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณอื่น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และเนื่องจากระยะนี้ไม่มีฝนตก ทำให้ไม้ผลที่อยู่ในระยะดอกบานและติดผลอ่อน ขาดแคลนน้ำ ชาวสวนควรให้น้ำเพิ่มเติมให้เพียงพอกับความต้องการของพืช หากขาดน้ำจะทำให้ดอกและผลอ่อนร่วงหล่นการติดดอกออกผลลดลง สำหรับอากาศเย็นและชื้นในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเหมาะต่อการแพร่ระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ชาวสวนลิ้นจี่และลำไยควรระวังป้องกันการระบาดของหนอนเจาะกิ่งลำต้น และหนอนเจาะดอก รวมทั้งมวนลำไย ที่จะทำให้ผลผลิตเสียหาย และด้อยคุณภาพ ส่วนบริเวณที่มีหมอกในตอนเช้าบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออกชาวสวนมะม่วงควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคราดำ โดยหากพบโรคดังกล่าวควรฉีดพ่นด้วยน้ำหรือน้ำส้มควันไม้จะทำให้ลดการระบาดของโรคได้
สำหรับสภาพอากาศร้อนและแห้งในตอนกลางวัน ชาวสวนทุเรียน และมังคุดในภาคตะวันออกควรระวังการระบาดศัตรูพืชจำพวกปากดูดที่จะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชทรุดโทรม และผลผลิตเสียหาย โดยเฉพาะเพลี้ยไก่แจ้ในทุเรียน และเพลี้ยไฟในมังคุด ชาวสวนควรหมั่นสำรวจหากพบควรรีบกำจัดก่อนระบาดเป็นบริเวณกว้าง
สำหรับภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกน้อย และระยะต่อไปจะยังคงมีปริมาณและการกระจายของฝนน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่ไม้ผลที่อยู่ระยะออกดอกอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะทุเรียน เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ดอกร่วง การติดผลลดลง และหากปริมาณดอกมีมากเกินไปควรตัดแต่งช่อดอกให้เหลือพอดีกับขนาดของกิ่ง เพื่อลดการแย่งอาหารและน้ำของดอก นอกจากนี้ชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยไฟ เพลี้ยไก่แจ้ และไรแดงเป็นต้น ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ผลผลิตลดลงและเสียหาย ส่งผลกระทบต่อผลผลิตในระยะต่อไป
ออกประกาศ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อพืชไร่ ไม้ดอก และพืชผัก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_crop_animal_forecast.php

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อพืชไร่ ไม้ดอก และพืชผัก
ระหว่างวันที่ 8 – 14 กุมภาพันธ์ 2559
ผลกระทบต่อพืชและสัตว์เศรษฐกิจ
ระยะนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป โดยเฉพาะทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณอื่น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอสำหรับบริเวณเทือกเขายอดดอยและยอดภูจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร ส่วนเกษตรกรที่จุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยง ควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย อนึ่งผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมหนาวเพื่อป้องกันลมโกรกโรงเรือน และเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนเพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งตอนกลางคืน เพราะอาจทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงตายได้ ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดปริมาณอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิน้ำที่ต่ำทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อให้น้ำผสมเป็นเนื้อเดียวกันและเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้แก่น้ำ และในช่วงวันที่ 10-14 ก.พ. บางพื้นที่จะมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง สำหรับภาคใต้ทางตอนบนของภาคอากาศเย็น เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงโดย ในช่วงวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ ทะเล จะมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงดังกล่าว
สำหรับผู้ที่ปลูกพืชไร่ ไม้ดอก และพืชผักในระยะนี้ เนื่องจากปริมาณฝนมีน้อย ประกอบกับ ปริมาณน้ำระเหยมีมาก ทำให้ความชื้นในดินลดลง เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต และผลิดอกออกผลอย่างเหมาะสม เพราะหากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง ถ้าขาดน้ำจะทำให้สูญเสียผลผลิตโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ควรคลุมบริเวณพื้นที่เพาะปลูกและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน ส่วนบริเวณที่มีอากาศหนาวถึงหนาวจัดโดยเฉพาะทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุสีเข้ม เพื่อรักษาอุณหภูมิดิน สำหรับในช่วงวันที่ 10-14 ก.พ. บางพื้นที่จะมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราโดยเฉพาะโรคราน้ำค้าง ในพืชไร่ ไม้ดอก และพืชผัก ซึ่งอาจเข้าทำลาย ทำให้พืชเสียหาย ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรไม่ควรตากไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายเนื่องจากหมอกและน้ำค้างได้ นอกจากนี้ควรวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ และใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัดโดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยๆครั้ง และควรให้น้ำพืชในช่วงเย็นและค่ำเพื่อลดการสูญเสียน้ำโดยกา รระเหย เว้นแต่บริเวณเทือกเขาและยอดดอยที่มีโอกาสเกิดน้ำค้างแข็ง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการให้น้ำพืชในช่วงเย็นและค่ำเนื่องจากขณะเกิดน้ำค้างแข็งจะทำให้ท่อลำเลียงน้ำของพืชเสียหายได้ เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นช่วงแล้ง ผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองให้แก่พืชในระยะเจริญเติบโต โดยเฉพาะในช่วงออกดอกออกผลเป็นช่วงที่พืชมีความต้องการน้ำสูงกว่าระยะอื่นๆถ้าได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลผลิตลดลง หากขาดน้ำจะทำให้ไม่ได้รับผลผลิตเลย
ออกประกาศ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2559

สถาณการณ์ภัยแล้ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_drought_situation.php

สถาณการณ์ภัยแล้ง ณ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559
ปริมาณฝนสะสม
ปริมาณฝนสะสม
ปริมาณฝนสะสม 1 – 20 กุมภาพันธ์ 2559 บริเวณที่มีสีเขียวในบางพื้นที่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง ยะลา และนราธิวาส เป็นบริเวณที่มีฝนตกในช่วงที่ผ่านมาโดยมีฝนสะสม 50 ถึง 100 ม.ม. ซึ่งจะช่วยบรรเทาภัยแล้ง ส่วนบริเวณที่มีสีน้ำตาล และสีเหลือง เป็นบริเวณที่มีฝนตกน้อย โดยมีปริมาณฝนสะสมน้อยกว่า 50 มิลิเมตร ซึ่งสอดคล้องกับค่าดรรชนีความชื้นในดินที่ระดับความลึก 30 ซม. และ60 ซม. ที่แสดงถึงความชื้นที่ดินสะสมไว้ พบว่าบริเวณที่มี สีแดงและสีส้ม ซึ่งเป็นบริเวณที่มีฝนน้อย ในประเทศไทยตอนบน และบางพื้นที่ของภาคใต้ มีสภาพแล้งปานกลางถึงแล้งรุนแรง ส่วนบริเวณที่มีสีเขียวและสีเหลือง คือบริเวณที่ดินมีความชื้นสะสมมากเพียงพอกับการเกษตร ในระยะนี้ หากไม่มีฝนตกเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าว ก็จะเป็นบริเวณที่เกิดแล้งทางเกษตรในระยะต่อไป
สมดุลน้ำ
สมดุลน้ำ
สมดุลน้ำระหว่างวันที่14 – 20 กุมภาพันธ์ 2559 ทั่วทั้งประเทศไทยมีปริมาณฝนน้อยกว่าการระเหยน้ำของพืช ทำให้พืชขาดน้ำฝนในช่วงที่ผ่านมา หรือเป็นบริเวณที่มีแนวโน้มที่เกิดสภาวะแล้งทางด้านเกษตร

สถาณการณ์ภัยแล้ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_drought_situation.php

สถาณการณ์ภัยแล้ง ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559
ปริมาณฝนสะสม
ปริมาณฝนสะสม
ปริมาณฝนสะสม 1 – 10 กุมภาพันธ์ 2559 บริเวณที่มีสีเขียว เป็นบริเวณที่มีฝนตกในช่วงที่ผ่านมาโดยมีฝนสะสม 50 ถึง 100 ม.ม. ซึ่งช่วยบรรเทาภัยแล้งในช่วงที่ผ่านมา ส่วนบริเวณที่มีสีน้ำตาล และสีเหลือง เป็นบริเวณที่มีฝนตกน้อย โดยมีปริมาณฝนสะสมน้อยกว่า 50 มิลิเมตร ซึ่งสอดคล้องกับค่าดรรชนีความชื้นในดินที่ระดับความลึก 30 ซม. และ60 ซม. ที่แสดงถึงความชื้นที่ดินสะสมไว้ พบว่าบริเวณที่มี สีแดงและสีส้ม ซึ่งเป็นบริเวณที่มีฝนน้อย ในประเทศไทยตอนบน และบางพื้นที่ของภาคใต้ มีสภาพแล้งปานกลางถึงแล้งรุนแรง ส่วนบริเวณที่มีสีเขียวและสีเหลือง คือบริเวณที่ดินมีความชื้นสะสมมากเพียงพอกับการเกษตร ในระยะนี้ หากไม่มีฝนตกเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าว ก็จะเป็นบริเวณที่เกิดแล้งทางเกษตรในระยะต่อไป
สมดุลน้ำ
สมดุลน้ำ
สมดุลน้ำระหว่างวันที่4 – 10 กุมภาพันธ์ 2559 บริเวณที่มีสีเขียว แสดงถึงปริมาณฝนมากกว่าน้ำระเหย ซึ่งเป็นบริเวณที่พืชได้รับน้ำฝนพอเพียง ส่วนบริเวณที่มีสีส้มถึงเหลืองเหลือง ซึ่งเป็นบริเวณที่พืชขาดน้ำฝนในช่วงที่ผ่านมา หรือเป็นบริเวณที่มีแนวโน้มที่เกิดสภาวะแล้งทางด้านเกษตรในระยะต่อไป

พยากรณ์รายปักษ์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_forecast.php

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรปักษ์หลัง เดือนกุมภาพันธ์ 2559
ระหว่างวันที่ 16 – 29 กุมภาพันธ์ 2559
สภาวะอากาศ      ในระยะครึ่งหลังของเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงเปลี่ยนฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูร้อน ลักษณะอากาศจะแปรปรวน โดยบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระยะ ๆ ยังคงทำให้มีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้าส่วนมากทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนในตอนกลางวันเริ่มมีอากาศร้อนขึ้น สำหรับบริเวณยอดดอยและยอดภูยังคงมีอากาศหนาวและมีหมอกในหลายพื้นที่ อนึ่งมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ อ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร
คำเตือน      ในระยะครึ่งหลังของเดือนนี้บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระยะ ๆ ทำให้ยังคงมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้าส่วนมากทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอให้เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย เนื่องจากอากาศที่แปรปรวน
ผลกระทบทางการเกษตร      ในระยะนี้บริเวณประเทศไทยจะเป็นช่วงต้นฤดูร้อน สภาพอากาศจะแปรปรวน โดยมีอากาศเย็นในตอนเช้าและมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย สำหรับในบางช่วงอาจมีหมอกหนาในบางพื้นที่ เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืช และโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อรักษาความชื้นภายในดิน พร้อมทั้งเกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรตลอดช่วงแล้ง

สัตว์เลี้ยง เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดในช่วงฤดูร้อนให้กับสัตว์เลี้ยงด้วย

พืชไร่และพืชผัก ระยะนี้บางช่วงอาจมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคราน้ำค้างใน พืชไร่ และพืชผัก ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ หากพบการระบาดของโรคดังกล่าวควรีบกำจัด เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไปยังต้นอื่นๆ

ไม้ผล ในระยะนี้สภาพอากาศแห้งไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลอ่อน เกษตรกรควรให้น้ำอย่างเหมาะสม เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ดอกและผลอ่อนร่วงหล่น การติดผลลดลง พร้อมทั้งควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นทรุดโทรม

ออกประกาศ 16 กุมภาพันธ์ 2559

ผลกระทบทางการเกษตรระยะ 7 วัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_7dayforecast.php

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 02 มีนาคม 2559 – 08 มีนาคม 2559
ภาคเหนือ
การคาดการณ์ฝน ไม่มีฝน
การคาดการณ์อุณหภูมิ อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส ทางตอนบนของภาค อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-20 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-16 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาปริมาณฝนที่ตกน้อยกว่าค่าการคายระเหยน้ำของพืช โดยค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่มีค่าเป็นลบอยู่ระหว่าง (-10) ถึง (-30) มม. เว้นแต่บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ที่มีค่าสมดุลน้ำเป็นบวกอยู่ระหว่าง (1) ถึง (20) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า ไม่มีฝนตก ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม และให้น้ำอย่างประหยัด โดยให้น้ำเฉพาะบริเวณทรงพุ่ม หรือวิธีน้ำหยด รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะติดผลอ่อน และพัฒนาทางผล หากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลร่วงหล่น และแคระแกร็นไม่ได้ขนาด
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
การคาดการณ์ฝน ไม่มีฝน
การคาดการณ์อุณหภูมิ อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-16 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาไม่มีฝนตก ค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่มีค่าเป็นลบอยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-40) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้าจะไม่มีฝน ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติม โดยเฉพาะพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตและให้ผลผลิต เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโตและผลผลิตด้อยคุณภาพ นอกจากนี้ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
ภาคกลาง
การคาดการณ์ฝน ในช่วงวันที่ 5-8 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งร้อยละ 10 ของพื้นที่
การคาดการณ์อุณหภูมิ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาไม่มีฝนตก ค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่มีค่าเป็นลบอยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-40) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า แม้จะมีฝนแต่ปริมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช ดังนั้นเกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมอย่างเหมาะสม และใช้น้ำที่กักเก็บไว้อย่างประหยัด รวมทั้งคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
ภาคตะวันออก
การคาดการณ์ฝน ในช่วงวันที่ 5-8 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่
การคาดการณ์อุณหภูมิ อากาศเย็นกับหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาปริมาณฝนที่ตกน้อยกว่าค่าการคายระเหยน้ำของพืช โดยค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่มีค่าเป็นลบอยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-40) มม. เว้นแต่บริเวณจังหวัดระยองที่มีค่าสมดุลน้ำอยู่ระหว่าง (-10) ถึง (-20) มม. และในช่วง 7 วันข้างหน้า แม้จะมีฝนแต่ปริมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช ดังนั้นเกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล รวมทั้งระวังป้องกันศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเพลี้ยไฟในมังคุด และเพลี้ยไก่แจ้ในทุเรียน ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ผลผลิตลดลงและเสียหาย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
การคาดการณ์ฝน มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
การคาดการณ์อุณหภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง (-10) ถึง (-40) มม. โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี มีค่าสมดุลน้ำอยูที่ (-30)ถึง (-40) มม. ยกเว้นบริเวณจังหวัดสุราษฏร์ธานีและนครศรีธรรมราชที่มีค่าสมดุลน้ำเป็นบวกอยู่ที่ (10) ถึง (20) มม. และในช่วง 7 วันข้างหน้า แม้จะมีฝนแต่ปริมาณฝนน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลอ่อน หากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ดอกร่วงหล่น การติดผลลดลง รวมทั้งควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
การคาดการณ์ฝน มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตลอดช่วง
การคาดการณ์อุณหภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาสมดุลน้ำมีค่าอยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-40) มม. และในช่วง 7 วันข้างหน้า แม้จะมีฝนแต่ปริมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช และควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
หมายเหตุ สมดุลน้ำ คือ ปริมาณฝน – ปริมาณการคายระเหยน้ำของพืช, การคายระเหยน้ำ คือ น้ำระเหย + การคายน้ำของพืช แผนที่สมดุลน้ำสามารถดาวน์โหลดได้ตามลิงค์ http://www.arcims.tmd.go.th/DailyDATA/PET7day.php สำหรับแผนที่สมดุลน้ำคิดที่สถานีตรวจอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ส่วนในบริเวณอื่นเป็นการประมาณค่า (Interpolation)
ออกประกาศ 02 มีนาคม 2559 00:00 น.

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อสัตว์เลี้ยงและสัตว์น้ำ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_crop_animal_forecast.php

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อสัตว์เลี้ยงและสัตว์น้ำ
ระหว่างวันที่ 1 – 7 กุมภาพันธ์ 2559
ผลกระทบต่อพืชและสัตว์เศรษฐกิจ
ระยะนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไปกับมีฝนบางแห่ง และในบางช่วงอาจมีลมแรงโดยเฉพาะทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับบริเวณยอดดอยจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ เกษตรกรควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และในบางช่วงอาจมีลมแรง เกษตรกรควรทำแผงกำบังลมหนาวให้แก่สัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันลมโกรกโรงเรือน ทำให้สัตว์หนาวเย็น โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งแจ้งตอนกลางคืน เพราะอาจทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงตายได้ และควรหมั่นสังเกตสัตว์เลี้ยงหากพบสัตว์ป่วยควรรีบแยกออกจากกลุ่มและทำการรักษา เพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่ไปยังตัวอื่นๆ
ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ปีกอาจเป็นโรคหวัดได้ เกษตรกรควรหมั่นสำรวจหากพบสัตว์ที่เป็นโรคให้แยกทำการรักษา ก่อนจะระบาดไปยังตัวอื่นๆ
ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำ ในช่วงที่อากาศเย็น สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยลงอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย และเนื่องจากปริมาณน้ำระเหยมีมาก ผู้เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำให้เหมาะสมกับชนิดของสัตว์น้ำที่เลี้ยง และควรควบคุมปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยงหากน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายสัตว์น้ำเพราะจะทำให้สัตว์เครียดได้
ออกประกาศ วันที่ 01 กุมภาพันธ์ 2559

สถาณการณ์ภัยแล้ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_drought_situation.php

สถาณการณ์ภัยแล้ง ณ วันที่ 01 กุมภาพันธ์ 2559
ปริมาณฝนสะสม
ปริมาณฝนสะสม
ปริมาณฝนสะสม 1 – 31 มกราคม 2559 บริเวณที่มีสีเขียว เป็นบริเวณที่มีฝนตกในช่วงที่ผ่านมาโดยมีฝนสะสม 50 ถึง 200 ม.ม. ซึ่งช่วยบรรเทาภัยแล้งในช่วงที่ผ่านมา ส่วนบริเวณที่มีสีน้ำตาล และสีเหลือง เป็นบริเวณที่มีฝนตกน้อย โดยมีปริมาณฝนสะสมน้อยกว่า 50 มิลิเมตร ซึ่งสอดคล้องกับค่าดรรชนีความชื้นในดินที่ระดับความลึก 30 ซม. และ60 ซม. ที่แสดงถึงความชื้นที่ดินสะสมไว้ พบว่าบริเวณที่มี สีแดงและสีส้ม ซึ่งเป็นบริเวณที่มีฝนน้อย ในประเทศไทยตอนบน และบางพื้นที่ของภาคใต้ มีสภาพแล้งปานกลางถึงแล้งรุนแรง ส่วนบริเวณที่มีสีเขียวและสีเหลือง คือบริเวณที่ดินมีความชื้นสะสมมากเพียงพอกับการเกษตร ในระยะนี้ หากไม่มีฝนตกเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าว ก็จะเป็นบริเวณที่เกิดแล้งทางเกษตรในระยะต่อไป
สมดุลน้ำ
สมดุลน้ำ
สมดุลน้ำระหว่างวันที่25 – 31 มกราคม 2559 บริเวณที่มีสีเขียวและสีฟ้า แสดงถึงปริมาณฝนมากกว่าน้ำระเหย ซึ่งเป็นบริเวณที่พืชได้รับน้ำฝนพอเพียง ส่วนบริเวณที่มีสีส้มถึงเหลืองเหลือง ซึ่งเป็นบริเวณที่พืชขาดน้ำฝนในช่วงที่ผ่านมา หรือเป็นบริเวณที่มีแนวโน้มที่เกิดสภาวะแล้งทางด้านเกษตรในระยะต่อไป

พยากรณ์รายปักษ์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_forecast.php

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรปักษ์แรก เดือนกุมภาพันธ์ 2559
ระหว่างวันที่ 1 – 15 กุมภาพันธ์ 2559
สภาวะอากาศ      ช่วงนี้ประเทศไทยเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูจากฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูร้อน ลักษณะอากาศค่อนข้างจะแปรปรวนโดยจะมี ฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ในบางวัน โดยบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระยะๆ แต่จะมีกำลังอ่อนลงและไม่ต่อเนื่อง ทำให้เริ่มมีอากาศอุ่นขึ้น กับมีหมอกหนาหลายพื้นที่ และจะมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน แต่หลายพื้นที่ของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับภาคใต้จะมีลมตะวันออกเฉียงใต้หรือลมตะวันออกพัดปกคลุม ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ และเริ่มมีอากาศร้อนในบางวัน คลื่นลมทั้งทะเลอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
คำเตือน      ช่วงนี้อาจมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนจากประเทศเมียนมา ผ่านประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมี ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงบางพื้นที่ และอาจมีลูกเห็บตกลงมาได้ เกษตรกรจึงควรติดตามข่าวพยากรณ์อากาศของ กรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดต่อไปด้วย
ผลกระทบทางการเกษตร      ช่วงนี้อากาศแปรปรวน เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้เกษตรกรไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งข้ามคืนเพราะจะเสียหายเนื่องจากหมอกและน้ำค้างได้

พืชไร่และผักชนิดต่างๆ เนื่องจากช่วงนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศเย็นในตอนเช้าและมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ ส่วนในตอนกลางวันอากาศร้อนขึ้น เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่และผักชนิดต่างๆ เช่น พืชตระกูลแตง ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคราน้ำค้าง ซึ่งจะทำให้ใบมีแผล ใบแห้งและเหี่ยว อาการจะปรากฏบนใบแก่โคนเถาก่อน ในเวลาที่อากาศชื้นโรคจะระบาดรวดเร็วมาก ทำให้เถาแตงเหี่ยวตายหมดทั้งเถาได้ เกษตรกรจึงควรหมั่นสำรวจแปลงปลูก หากพบพืชเป็นโรคดังกล่าวควรรีบป้องกันกำจัด เพื่อมิให้แพร่ระบาด

ไม้ผล เนื่องจากระยะนี้แม้ในบางช่วงจะมีฝนตกแต่ปริมาณฝนยังน้อยอยู่ ประกอบกับช่วงนี้มีแสงแดดจัดทำให้การคายระเหยน้ำของพืชเพิ่มขึ้น ดังนั้นผลไม้ เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุดและมะม่วง ซึ่งอยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรให้น้ำแก่พืชตามความเหมาะสม เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ผลแคระแกร็นและด้อยคุณภาพ รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆด้วย

ออกประกาศ 01 กุมภาพันธ์ 2559