รองอธิบดีกรมป่าไม้แจกพันธ์กล้าสมุนไพร สนับสนุนปลูกต้นไม้-ลดภาวะโลกร้อน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/264620

วันอาทิตย์ ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2560, 17.17 น.

9 เม.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้  มอบหมายให้นายจเรศักดิ์ นันตะวงษ์ รองอธิบดีกรมป่าไม้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมชม  และพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นพื้นที่ปาชุมชนบ้านอาลอ-โดนแบน ท้องที่ตำบลนาดี อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์  พร้อมปลูกต้นกำลังเลือดม้าพะยูง กันเกรา โดยมีนายจำเริญศักดิ์  สารทิมา หัวหน้าผู้พิพากษาศาลอาญาภาค 6   ร่วมเดินทางเยี่ยมชมป่าชุมชน ฯ  ตลอดจนเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ป่าไม้  ตำรวจ  กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และ ประชาชนชาวตำบลนาดี ให้การต้อนรับอย่างอบอบอุ่น

นายจเรศักดิ์ กล่าวว่า ” ป่าชุมชนบ้านอาลอ-โดนแบน เป็นป่าชุมชนที่ได้รับธงพระราชทานราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า(รสทป.) จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ” ในอดีตป่าอาลอ โดนแบน แห่งนี้เป็นที่เก็บหาของป่า ไม้ฟืน ไว้ใช้สอยของชาวบ้าน ในช่วงต้นฤดูฝน เห็ดผึ้งในป่าทามจะออกดอกก่อนเห็ดผึ้งที่อยู่บนป่าบก ชาวบ้านจะเก็บหาไปเพื่อการบริโภค ช่วงต้นฤดูฝน น้ำสีแดงจากเทือกเขาพนมดงรักจะไหลทะลักลงสู่แม่น้ำมูน กลิ่นของรสของสายน้ำสีแดงเป็นเหมือนเสน่ห์ที่ล่อให้ปลาจากแม่น้ำมูนขึ้นมาเกี้ยวกันในป่าทาม ชาวบ้านก็จะไปดักจับปลาจากลำน้ำมาเป็นอาหาร

‘ด้วยชีวิตที่อยู่กับความอุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ชาวบ้านจึงตกลงกันว่า จะต้องรักษาป่าผืนน้ำไว้ให้ลูกหลานได้ใช้ประโยชน์ แม้จะต้องต่อสู้กับนายทุนที่จะมาขอพื้นที่ทำสัมปทานทำท่าทรายและขุดทราย โดยให้ผลตอบแทนเป็นเงินหลายแสนบาท แต่ด้วยความรักผืนป่าแห่งนี้ จึงได้รวบรวมชาวบ้านป้องกันดูแลรักษาป่ามายาวนาน ใช้การพูดคุย และ  สายสัมพันธ์การเป็นคนชาติพันธุ์เดียวกันของคนในชุมชน โดยไม่ต้องรอการสนับสนุนจากหน่วยงานใด ๆ ชุมชนจึงได้รักษาป่าแห่งนี้ไว้ได้ถึง 2,000 ไร่  จนได้รับรางวัลจากลูกโลกสีเขียว เมื่อปี 2546  ที่ผ่านมา’

นายจเรศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า ป่าอาลอโดนแบน ปัจจุบันเป็นแหล่งเรียนรู้ เรื่องการจัดการป่าของชุมชน ของสถาบันราชภัฎสุรินทร์ นักศึกษาจากสถาบันศึกษาหลายแห่งมาทำวิทยานิพนธ์จนจบปริญญาโท แหล่งเรียนรู้เรื่องป่าทามของหน่วยงานของรัฐ ทั้งสำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุรินทร์ กรมป่าไม้ องค์กรเอกชนที่ทำงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุที่ป่าอาลอ โดนแบน  เป็นระบบนิเวศของป่าทามดั้งเดิม มีความอุดมสมบูรณ์สูงที่หาได้ยากยิ่งของลุ่มน้ำมูน ป่าอาลอโดนแบน เป็นตัวอย่างของกลุ่มคนเล็กๆ ในสังคมอีสาน ที่มีสำนักการอนุรักษ์และเคารพในธรรมชาติเป็นแบบอย่างที่ควรยกย่อง

ในโอกาสนี้รองอธิบดีกรมป่าไม้ ยังได้กล่าวชื่นชมในความสามัคคี และขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันรักษาป่าจนกลับคืนสู่ความสมบูรณ์ จนมีความหลากหลายของพรรณไม้ เป็นป่าที่สมบูรณ์ที่สุดของภาคอีสาน

นอกจากนี้ยังได้แจกพันธ์กล้าไม้(จากศูนย์ส่งเสริมวนศาสตร์ชุมชนที่ 4  (ศรีสะเกษ) และ โครงการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาป่าไม้ท่าสว่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ) ให้กับผู้นำชุมชนและประชาชน รวม 37 ชนิด จำนวน 370 ต้น อาทิ ฯ ผักหวานป่า ว่านตะขบ รางจิต กำลังเลือดม้าเป็นต้น

 

เร่งทำ’ฝนหลวง’ แก้หมอกควันภาคเหนือ-เติมน้ำในเขื่อน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/264605

วันอาทิตย์ ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2560, 16.37 น.

9 เม.ย.60 นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยถึงสถานการณ์หมอกควันในภาคเหนือ ว่าได้ทำฝนหลวงช่วยคลี่คลายมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ จนขณะนี้เหลือพื้นที่ที่มีค่าหมอกควันเกินมาตรฐาน เพียง 2 จังหวัดคือ เชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน โดยวันนี้มีสภาพอากาศเหมาะสม ช่วงบ่ายได้เร่งให้ขึ้นปฎิบัติการทำฝนแก้ไขสถานการณ์แล้ว รวมทั้งมีอิทธิพลพายุฤดูร้อน ทำให้เอื้อต่อการทำฝนหลวงด้วย โดยได้สั่งการให้ทุกหน่วยฝนหลวงทั่วประเทศ ขึ้นปฏิบัติการทุกโอกาส ที่เรดาร์ตรวจจับกลุ่มเมฆที่เข้าโจมตีให้เกิดฝนตกในพื้นที่เป้าหมายได้ เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้ป่าให้ผืนดิน และมีฝนบางส่วนตกในเขื่อนโดยตรง ซึ่งได้ทำต่อเนื่องเพื่อให้ผืนดินชุ่มตัว เมื่อมีฝนจากพายุฤดูร้อนเข้ามาจะช่วยให้น้ำไหลเข้าเขื่อนมากขึ้น เพราะดินมีความชุมชื้นพอไม่ดูดน้ำไว้

“สถานการณ์ฝนดีกว่าปีสองสามปีที่ผ่านมา แต่ว่าปริมาณน้ำในเขื่อนบางแห่งมีน้อย เช่น เขื่อนลำตะคอง เขื่อนลำแซะ เขื่อนมูลบน เขื่อนลำเพลิง เขื่อนแก่งกระจาน เป็นพื้นที่ปริมาณน้ำต้นทุนไม่เพียงพอการเกษตร  โดยพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้เน้นย้ำให้ฝนหลวงเติมน้ำ รวมถึงภาคตะวันออก ที่มีนิคมอุตสาหกรรมจำนวนมาก ประสบปัญหาน้ำเขื่อนมีน้อยเช่นกัน ขณะนี้ไปทำฝนหลวงให้ภาคอุตสาหกรรมพึ่งพอใจ และขอให้ดำดนินการต่อไป”อธิบดีกรมฝนหลวงฯกล่าว

นายสุรสีห์ กล่าวว่า การทำฝนหลวงช่วยเหลือจังหวัดสระแก้ว ที่ประกาศเขตภัยแล้งได้ทำฝนหลวงช่วยบรรเทาภัยแล้งได้ดี ซี่งแผนปฎิบัติการฝนหลวงปีนี้ตั้งเป้าหมายทั่วประเทศแก้ไขภัยแล้ง 80% ในพื้นที่ขาดแคลนน้ำฝน   ทั้งนี้ปริมาณน้ำใช้การเขื่อนภูมิพลยังน่าห่วง มีน้ำใช้การน้อย ร้อยละ 20 ได้ขึ้นทำฝนหลวงไปแล้วแต่ได้น้ำไม่มาก เพราะดินดูดซับไปหมด โดยช่วงเดือน มิ.ย. – ส.ค. จะเป็นช่วงเหมาะสมเติมน้ำเขื่อนภูมิพลจากอิทธิพลลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ พร้อมกับจะทดสอบยิงจรวดฝนหลวง โดยเร็วที่สุดประมาณเดือน ส.ค.จะทดลองยิงในสถานที่จริงเป็นครั้งแรก

ปภ.สรุป31มี.ค.-7เม.ย.‘วาตภัย’ถล่ม13จังหวัด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/264540

วันอาทิตย์ ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2560, 09.58 น.

9 เม.ย.60 นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)  เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 31 มี.ค.-7 เม.ย.ที่ผ่านมา มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 13 จังหวัด 22 อำเภอ 42 ตำบล 71 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 296 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ขอนแก่น และเลย , ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี สระบุรี สมุทรสาคร และนนทบุรี และภาคเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ เชียงราย แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร และพะเยา

ทั้งนี้ ปภ. ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือน เป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต

อธิบดี ปภ. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในวันที่ 9 เม.ย. ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง สำหรับภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด และระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ ซึ่งประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ประเทศไทยตอนบนอากาศร้อนจัด อีสาน-กลางฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/264533

วันอาทิตย์ ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2560, 08.27 น.

9 เม.ย.60 พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง สำหรับภาคใต้มีฝนลดลงแต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมทะเลอันดามันแล้ว และลมตะวันออกที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนลดลง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้

ภาคเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-42 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีอากาศร้อนจัดและฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราชอุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียสลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

‘บิ๊กฉัตร’สั่งทำฝนหลวงช่วยสวนผลไม้ ดันสระแก้วเป็น’โคบาลบูรพา’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/264287

วันศุกร์ ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2560, 14.53 น.

7 เม.ย.60 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ จ.สระแก้ว เพื่อตรวจเยี่ยมเกษตรกรที่ประสบภัยแล้งว่า ในปีนี้มีความรุนแรงไม่มากนัก มีการประกาศเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยแล้ง ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. 59 จำนวน 1 จังหวัด 3 อำเภอ 13 ตำบล 85 หมู่บ้าน คือ จ.สระแก้ว ในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ อ.โคกสูง และ อ.ตาพระยา เป็นพื้นที่แล้งซ้ำซากทุกปี ได้สั่งทำฝนหลวงช่วยบรรเทาภัยแล้ง เติมน้ำอ่างเก็บน้ำ ซึ่งยังมีพื้นที่นาข้าวเสียหายสิ้นเชิง 100,476.50 ไร่ เกษตรกร 6,106 ราย โดยวันนี้มอบเงินช่วยเหลือตามระเบียบ 111.83 ล้านบาท ให้เกษตรกร ซึ่งได้มอบกรมชลประทานจัดหาเร่งแหล่งน้ำเพิ่มเติม มีการปลูกข้าว 853,992 ไร่ อยู่นอกเขตชลประทาน ข้าวที่ปลูกมีผลผลิต ประมาณ 300 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งถือว่าน้อย โดยจูงใจให้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสมปลูกข้าว 2 แสนไร่ให้ไปทำปศุสัตว์

รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า มอบหมายกรมพัฒนาที่ดิน กรมปศุสัตว์ ร่วมบูรณาการจังหวัด ทำแผนปรับเปลี่ยน วางแผน 3 ปี ตนมีความแนวคิดตั้ง จ.สระแก้ว เป็นปศุสัตว์ที่สำคัญของประเทศ “โคบาลบูรพา” ในอนาคตสามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวมาดูชีวิตโคบาล เหมือนกับ หมวกเหล็ก จ.สระบุรี ให้เกษตรกรมาเลี้ยงวัว ปลูกหญ้าเนเปีย และปลูกอ้อยโรงงาน ที่มีรายได้ดีกว่าปลูกข้าวไร่ละ 300 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งอ้อยมีผลผลิต 10 ตันต่อไร่ ตันละ 1,050 บาท

“เกษตรกรเป็นจุดสำคัญ สมัครใจร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ สร้างความเข้าใจ มีศูนย์เรียนรู้พัฒนาประสิทธิภาพการผลิต (ศพก.) เชิญชวนสร้างความมั่นให้เกษตรกร พร้อมปรับเปลี่ยนมาทำปศุสัตว์มีอนาคตดี ยกระดับรายได้เกษตรกรได้ดี ซึ่งการเลี้ยงปศุสัตว์ในไทยยังมีน้อยไม่พอการบริโภค ต้องนำเข้าเนื้อสัตว์ และยังเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน เชื่อมั่นส่งออกเนื้อสัตว์ได้” รมว.เกษตรฯ กล่าว

ด้าน นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า รมว.เกษตรฯ สั่งให้ทำฝนหลวงช่วยพื้นที่บรรเทาภัยให้เกษตรกร จึงได้ปรับแผนจากหน่วยฝนหลวงจันทรบุรี มาตั้งหน่วยฝนหลวง จ.สระแก้ว ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย  โดยที่ผ่านมาทำฝนหลวงภาคตะวันออก ช่วยพื้นที่เกษตรสวนผลไม้ ประสานกรมชลประทาน เติมน้ำเขื่อนมีปริมาณน้อย เพิ่มน้ำต้นทุนภาคอุตสาหกรรม โดยขึ้นปฏิบัติการ 34 เที่ยวบิน ที่ จ.สระแก้ว ได้ช่วยภัยแล้งไประดับหนึ่ง จ.ฉะเชิงเทรา 66 เที่ยว ชลบุรี 24 เที่ยว ระยอง 24 เที่ยว จันทรบุรี 48 เที่ยว ปราจีนบุรี 8 เที่ยว และตราด 6 เที่ยวบิน

เขื่อนลำปาวจ่อปิดส่งน้ำฤดูแล้ง เตือนผู้เลี้ยงกุ้งปลาระวังน็อคตาย!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/264158

วันพฤหัสบดี ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560, 15.59 น.

6 เม.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว (เขื่อนลำปาว)  นายฤาชัย จำปานิล ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว เป็นประธานประชุมผู้เลี้ยงสัตว์น้ำในเขื่อนลำปาว เพื่อชี้แจงการประกาศปิดน้ำฤดูแล้งประจำปี 2560 โดยมีนายอำพล จินดาวงศ์ ประมง จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยหัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ผู้ประกอบการเลี้ยงสัตว์น้ำ ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามและผู้เลี้ยงปลากระชัง ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

นายฤาชัย จำปานิล ผู้อำนวยการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว กล่าวว่า เขื่อนลำปาวมีความจุอ่าง 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ำประมาณ 614.40 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 31.03 %  ขณะที่ห้วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วมีปริมาณ 444.35 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 22.44 % อย่างไรก็ตามเพื่อให้การบริหารจัดการน้ำ ของโครงการเกิดประสิทธิภาพสูงสุด แก่ผู้ใช้น้ำทั้งในกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ ที่กุ้งก้ามกราม และปลากระชัง  รวมทั้งการอุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งเขื่อนลำปาวมีพื้นที่บริการในเขตชลประทานทั้งหมด 306,963 ไร่  ข้าว 263,378 ไร่  บ่อกุ้ง 2,922 ไร่ บ่อปลา 1,577 ไร่  พืชผัก 1,096 ไร่ และที่เหลือเป็นพื้นที่การเกษตรอื่นๆ

ในจัดประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องครั้งนี้ เพื่อร่วมหารือแนวทางในการบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้ง ทั้งในส่วนของโครงการและในบ่อกุ้งก้ามกรามและกระชังเลี้ยงปลา เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในฤดูแล้ง โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ได้กำหนดปิดน้ำในฤดูแล้งตามปฏิทินปฏิบัติ ประมาณ 90 วัน ระหว่างวันที่ 28 เมษายน – 30 กรกฎาคม 2560 เพื่อทำการซ่อมบำรุงคูคลองที่ชำรุด และรักษาระบบนิเวศ ขอให้เกษตรกรผู้ใช้น้ำใช้น้ำอย่างประหยัด คุ้มค่าและแบ่งปัน เพื่อให้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอและทั่วถึง

นายอำพล จินดาวงศ์ ประมง จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในฤดูแล้งโดยเฉพาะช่วงโครงการบำรุงและรักษาเขื่อนลำปาว จะปิดการส่งน้ำ อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อบ่อกุ้งก้ามกรามและกระชังเลี้ยงปลา เพื่อลดความสูญเสียได้กำชับให้เกษตรกรจัดหาแหล่งน้ำสำรอง ลดพื้นที่ และลดจำนวนในการเลี้ยงลง ทั้งนี้เพื่อลดความแออัดและป้องกันการเกิดน้ำเสีย ที่จะเป็นสาเหตุให้เกิดการน็อคตายได้
สำหรับเกษตรกรที่ใช้เครื่องตีน้ำในบ่อ เพื่อสร้างออกซิเจนให้กุ้งนั้น  ระดับบ่อควรมีความลึกประมาณ 1.5 – 2.0  เมตร หากความลึกบ่อไม่ได้ขนาด เมื่อเปิดเครื่องตีน้ำจะทำให้เกิดตะกอนหรือสารแขวนลอย ที่อาจเป็นอันตรายและเป็นสาเหตุให้กุ้งน็อคได้ เพื่อความปลอดภัย เกษตรกรควรเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ ด้วยการขุดบ่อให้มีความลึก และสำรองน้ำไว้ใช้ ก็จะสามารถพ้นผ่านวิกฤตแล้งไปได้อย่างปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม กระจายในพื้นที่ ต.บัวบาน ต.เขาพระนอน ต.นาเชือก อ.ยางตลาด ประมาณ 1,000 ราย เลี้ยงปลากระชังเหนือเขื่อนลำปาว ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก ต.เสาเล้า อ.หนองกุงศรี อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ประมาณ 600 ราย ในฤดูแล้งของทุกปีประสบปัญหาอากาศวิปริต เกิดการน็อคตายได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก มูลค่าไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีปัญหาในการเลี้ยงที่ต้นทุนสูง ทั้งค่าพันธุ์ลูกกุ้ง ลูกปลา และอาหาร จึงอยากวิงวอนให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือด้วย เพื่อเกษตรกรจะได้มีอาชีพที่ยั่งยืน เพราะเกษตรกรเลิกกิจการไปมาก เนื่องจากประสบปัญหาขาดทุน

 

เตือน!ภาคใต้-ตะวันออกรับมือ ฝนตกหนักเสี่ยงท่วม-น้ำป่าหลาก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/264079

วันพฤหัสบดี ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560, 09.55 น.

6 เม.ย.60 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานช่วงวันที่ 31 มีนาคม – 5 เมษายน 2560 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยรวม 9 จังหวัด 17 อำเภอ 35 ตำบล 55 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 200 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือน และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยด่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศ พบว่า ในช่วงวันที่ 6 – 7 เมษายน 2560 จะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดภาคใต้ และภาคตะวันออก ปภ.จึงได้ประสานให้จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ เฝ้าระวังสถานการณ์ภัย รวมถึงเตรียมเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 31 มีนาคม – 5 เมษายน 2560 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 9 จังหวัด 17 อำเภอ 35 ตำบล 55 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 200 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ขอนแก่น ภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย และอุตรดิตถ์ และภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี สระบุรี สมุทรสาคร และนนทบุรี ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น

โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจ ประเมินและจัดทำบัญชีข้อมูลความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต

ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า บริเวณภาคใต้และภาคตะวันออกจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ในช่วงวันที่ 6 – 7 เมษายน 2560 ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง คลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด และระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในระยะนี้

ปภ.จึงได้ประสาน 8 จังหวัดภาคใต้และภาคตะวันออก ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักในระยะนี้ไว้ด้วย

ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มสามารถติดต่อ ขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง-ลมแรง เตือนภาคใต้ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/264070

วันพฤหัสบดี ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560, 08.21 น.

6 เม.ย.60 พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคใต้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ สำหรับประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมตอนล่างของอ่าวไทยและภาคใต้ประกอบกับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลางสำหรับคลื่นกระแสลมตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้ (6 เม.ย.60) เป็นดังนี้

ภาคเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
และมีลมกระโชกแรง ส่วนมากบริเวณจังหวัดตาก สุโขทัย
กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรง ส่วนมากบริเวณจังหวัดขอนแก่น ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี
ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ
อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่และมีลมกระโชกแรง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี
สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี และนครปฐม
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช
อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-32 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

มาหนักแน่!!ปภ.เตือนภาคใต้-ตะวันออกรับมือฝนกระหน่ำ5-7เม.ย.นี้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263948

วันพุธ ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2560, 14.58 น.

5 เม.ย.60 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานช่วงวันที่ 31 มี.ค-5 เม.ย.60 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยรวม 8 จังหวัด 16 อำเภอ 34 ตำบล 54 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 200 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือน และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยด่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศ พบว่า ในช่วงวันที่ 5-7 เม.ย.60 จะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และฝนตกหนักมากบางแห่ง บริเวณ 19 จังหวัดภาคใต้ และภาคตะวันออก ปภ.จึงได้ประสานให้จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ เฝ้าระวังสถานการณ์ภัย รวมถึงเตรียมเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 31 มี.ค.-5 เม.ย.60 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 8 จังหวัด 16 อำเภอ 34 ตำบล 54 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 200 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ขอนแก่น ภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย และอุตรดิตถ์ และภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี สระบุรี และสมุทรสาคร  ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจ ประเมินและจัดทำบัญชีข้อมูลความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม  อีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า บริเวณภาคใต้และภาคตะวันออกจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 5-7 เม.ย.60 ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด  ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด และระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในระยะนี้

ปภ.จึงได้ประสาน 19 จังหวัดภาคใต้และภาคตะวันออก ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักในระยะนี้
ไว้ด้วย

ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

อุตุฯเตือน’ใต้’ฝนตกหนักฉบับที่8 ประชาชนรับมือ’น้ำท่วมฉับพลัน’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263874

วันพุธ ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2560, 08.11 น.

5 เม.ย.60 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ “ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 7 เม.ย.60)” ฉบับที่ 8 ระบุว่า บริเวณภาคใต้จะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดไว้ด้วย

ทั้งนี้ เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ตอนล่าง ประกอบกับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง

ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลางโดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง