ไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง!! ‘กทม.-ปริมณฑล’ตกร้อยละ60

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263873

วันพุธ ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2560, 08.03 น.

5 เม.ย.60 ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งกับมีลมกระโชกแรง ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา คลื่นกระแสลมตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งกับมีลมกระโชกแรง สำหรับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ตอนล่าง ประกอบกับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้ เป็นดังนี้

ภาคเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่และมีลมกระโชกแรง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-32 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม/ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

อุตุเตือนฉบับที่6 ภาคใต้ฝนตกหนักถึง7เม.ย.นี้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263847

วันอังคาร ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560, 19.26 น.

4 เม.ย. 60 เวลา 17.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ “ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 7 เมษายน 2560)”  ฉบับที่6 ระบุว่า บริเวณภาคใต้จะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่งดังนี้
ในช่วงวันที่ 4-5 เม.ย. 60 มีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ในวันที่ 6-7 เม.ย. 60 มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา และภูเก็ต
ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดไว้ด้วย
ทั้งนี้เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย จะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้ในช่วงวันที่ 4-6 เม.ย. ประกอบกับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง
ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลางโดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

เชือดนทท.ตะโกนยั่วช้างป่าอ่วม! ฐานผิดพรบ.อุทยานพ่วงทารุณสัตว์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263818

วันอังคาร ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560, 16.40 น.

4 เม.ย. 60 นายครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เเผยความคืบหน้ากรณีคลิปนักท่องเที่ยวขับรถเก๋งคัมรี่สีขาว พยายามแกล้งช้างป่าอุทยานฯ เขาใหญ่ ด้วยการตะโกนยั่วยุให้ช้างโกรธจนวิ่งไล่ ก่อนขับรถหนีแล้วนำมาโพสต์โชว์ในโลกโซเชียล ว่า วันนี้ตนได้มอบหมายให้นายกิตติชัย รุ่งไพบูลย์วงศ์ หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อุทยานฯ เขาใหญ่ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของรถคันดังกล่าวแล้ว จากนั้นก็ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป
นายกิตติชัย กล่าวว่า ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของรถคัมรี่ที่ สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จากการตรวจสอบคลิปที่โพสต์ในเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า อยากดังเดี๋ยวจัดให้ V.4 พบการกระทำผิดกฎหมายว่า ด้วยการป่าไม้ ของกลุ่มบุคคลโดยลักษณะกระทำการตะโกนยั่วยุ เพื่อให้ช้างป่าวิ่งไล่รถยนต์และมีการบันทึกภาพวิดีโอที่ปรากฏสื่อต่างๆ  โดยที่เกิดเหตุอยู่บริเวณถนนระหว่างสถานที่กางเต็นท์ลำตะคอง-ผากล้วยไม้ ท้องที่ ต.หมูสี ในเขตอุทยานฯ เขาใหญ่ คณะเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้วว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ 2504 มาตรา 16 (3) ฐานทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ (17) ฐานส่งเสียงอื้อฉาวหรือกระทำการอื่นเป็นการรบกวนหรือเป็นที่เดือดร้อนรำคาญแก่คนหรือสัตว์ มาตรา 18 ฐานบุคคลซึ่งเข้าไปในเขตอุทยานฯ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้สั่งให้ปฏิบัติตามระเบียบอธิบดีกำหนดโดยอนุมัติของรัฐมนตรี และเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดการสวัสดิภาพสัตว์ 2557 มาตรา 20 ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์ โดยไม่มีเหตุอันสมควร โดยมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รังสรรค์ความสามัคคี ปลุกจิตสำนึกอนุรักษ์ “พะยูน” คู่ทะเลตรัง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263766

วันอังคาร ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560, 14.46 น.

ท้องทะเลตรัง กว้างใหญ่ไพศาล เลาะเรียบชายฝั่งทะเลตรัง 119 กิโลเมตร ปรากฎให้เห็นถึงอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลอย่างพิศุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นผืนป่าชายเลน ชายหาด น้ำทะเล เกาะแก่ง ยังคงใช้เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าสัตว์น้ำทางทะเลหลากชนิด หรือแม้กระทั้งทรัพยากรทางทะเลที่ยังคงสภาพความสมดุล ไม่ว่าจะเป็นปะการัง หญ้าทะเล หรือพืชหลากชนิดใต้ท้องทะเลกว้าง เป็นความสมบูรณ์ของการดูแลทรัพยากรทางทะเลจากเหล่าชาวประมงพื้นบ้าน ที่ยึดท้องทะเลเป็นที่ทำกินและหลับนอน การใช้ชีวิตของเหล่าชาวบ้านเลียบชายทะเล และในเกาะแก่ง มีการสานสำนึกในอันที่จะช่วยกันดูแลและรักษาทรัพยากรทางทะเลด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง แม้ว่าที่ผ่านมาจะเผชิญกับการรุกรานจากคนที่หวังกอบโกยประโยชน์จากท้องทะเลอย่างขาดจิตสำนึก

เกาะลิบง ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในท้องทะเลตรัง กระจายการปกครองออกเป็นหลายหมู่บ้าน ชาวบ้านกว่า 90 % นับถือศาสนาอิสลาม ที่ยังยึดถือขนมธรรมเนียมประเพณีวิถีชีวิตท้องถิ่นอย่างแนบแน่น ชาวบ้านส่วนใหญ่มีความผูกพันกับท้องทะเล เพราะถือว่า ท้องทะเลเป็นเสมือนอาหารหน้าบ้านที่สามารถหาเลี้ยงชีพทำกิน บนวิถีแห่งความพอเพียง ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลชาวบ้านจึงมีความคิดในอันที่จะช่วยกันดูแลรักษาทรัพยากรเหล่านั้นให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
โดยเฉพาะสัตว์น้ำทางทะเล ชาวบ้านเกาะลิบงให้ความสำคัญ และช่วยกันดูแล “พะยูน”สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม เป็นสัตว์น้ำทางทะเลที่บ่งบอกถึงความสมบูรณ์ของท้องทะเล โดยสังเกตว่า หากพบฝูงพะยูนจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของทะเลตรัง กลับกันหาก ฝูงพะยูน ลดลง บ่งบอกให้รู้ว่าท้องทะเลตรังขาดความสมบูรณ์ จึงมีความจำเป็นที่ชาวบ้าน จะต้องช่วยกันดูแล อนุรักษ์ “พะยูน” ให้คงอยู่กับท้องทะเลตรัง อย่างยั่งยืน

ที่ผ่านมาจะได้รับข่าวเศร้าจากท้องทะเลตรัง อยู่เป็นเนืองๆ โดยเฉพาะข่าวการเสียชีวิตของ “พะยูน”สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ซึ่งเป็นสัตว์ทะเลที่หายากในท้องทะเล ที่มีนิสัยน่ารัก อ่อนโยน สังเกตได้จากที่ฝูงพะยูน อาศัยแหล่งหญ้าทะเลน้ำตื้นเป็นอาหารและเป็นที่อาศัยหลบภัย ไม่มีภัยกับเหล่าสัตว์น้ำด้วยกัน หรือแม้แต่มนุษย์เรา กลับกัน “พะยูน”มักจะถูกทำร้ายหรือคร่าชีวิตที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ โดยเฉพาะศัตรูตัวฉกาจ ที่ทำให้ “พะยูน” ต้องตายไปตัวแล้วตัวเล่า มาจากสาเหตุของการใช้เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย และที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ การไล่ล่าของมนุษย์เรา ที่มีความเชื่อว่า “เขี้ยวพะยูน” นำมาเป็นของขลังนำโชคให้กับผู้ครอบครองได้ แม้ว่ากระแสการอนุรักษ์พะยูน จะมาแรงแต่ก็ไม่วายที่จะได้รับข่าวเศร้าว่า พะยูนตาย พะยูนถูกไล่ล่า ดังที่ นายประจวบ โมฆรัตน์  หัวหน้าสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7 (ตรัง) แจงให้รู้ว่า “ เมื่อปี พ.ศ. 2559 พะยูนในท้องทะเลตรัง เสียชีวิตไปจำนวน 7 ตัว และในปี 2560 เสียชีวิตไปแล้ว 1 ตัว”  เป็นเรื่องที่น่าวิตก และหวั่นว่า “พะยูน” จะเสียชีวิตที่ส่วนใหญ่เกิดจากฝีมือของเครื่องมือประมงอวนลอย อวนติดตาข่ายชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอวนปลาสีเสียด อวนลอยปลากะพง อวนสามชั้น อวนจมปู อวนปลากระเบน และโป๊ะ

อีกทั้งบริเวณเกาะตะลิบง-เกาะมุกด์ เป็นแหล่ง ธุรกิจการท่องเที่ยว เรือทัวร์ต่างๆ โรงแรมและรีสอร์ทต่างๆเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน หรือธุรกิจที่พาคนออกไปดูพะยูน กิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นดูเสมือนว่าจะไม่ได้มีใครมองปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ว่าจะมีผลกระทบกับพะยูนและหญ้าทะเล  โดยเฉพาะบริเวณแหลมจุโหย เกาะลิบงซึ่งเป็นสวรรค์ของพะยูน เวลาน้ำขึ้นเต็มที่พะยูนกว่า 50 ชีวิตมารวมกันหากิน และในปีนี้ ทางจังหวัด อำเภอกันตัง และชาวบ้านเกาะลิบง หันมาให้ความสนใจมีการปลุกกระแสให้มีการช่วยกันดูแลพะยูน ด้วยการจัดกิจกรรมเสวนา “รักพะยูน”ที่เกาะลิบงขึ้นโดยมีภาคส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และชาวบ้านร่วมเสวนา ใช้สถานที่ ท่าเทียบเรือหาดยาว-เจ้าไหม ต.เกาะลิบง อ.กันตัง เป็นจุดสร้างกระแส จุดประกาย ให้ทุกคนกันมาให้ความสนใจกับพะยูนมากขึ้นกว่าเดิม

โดยมี นายกมล ประเสริฐกุล นายอำเภอกันตัง นายสิทธิพร จิเหลา นายก อบต.เกาะลิบง นายชัยพฤกษ์ ชีวะวงค์ หัวหน้าเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง นายอับดุลรอหีม ขุนรักษา กำนันตำบลเกาะลิบง นายสุเทพ ขันชัย ประธานกลุ่มพิทักษ์ดุหยงเกาะลิบง และนายมาโนช วงษ์สุรีรัตน์ หน.อุทยานแห่งชาติหาดเจ้ไหม ร่วมวงเสวนา
นายกมล กล่าวในวงเสวนาว่า  การเสวนา “รักพะยูนที่เกาะลิบง”  เป็นภารกิจของอ.กันตังในการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยว อ.กันตังเป็นจำนวนมาก และที่เป็นไฮไลต์ คือการท่องเที่ยวทางทะเล โดยมีเกาะลิบง เกาะมุกด์ เกาะกระดาน รวมทั้งถ้ำมรกตที่มีชือเสียงของ จ.ตรัง โดยเฉพาะเกาะลิบงมีแหล่งท่องเที่ยว 25 จุด แล้วยังมีจุดชมพะยูน ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเทียวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งในวันนี้ทางเครือข่ายภาคี ได้ร่วมกันให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวของเกาะลิบง แก่ผุ้มาท่องเที่ยว ซึ่งจำนวนพะยูนที่มีอยู่ในท้องทะเลตรังบริเวณเกาะลิบง มีจำนวนที่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีอยุ่ 100 ตัว  ปัจจุบันเพิมขึ้นเป็น 150 ตัว โดยการเฝ้าระวังระหว่างชาวบ้านในพื้นที่รวมทั้งภาคภาคีช่วยกันดูแลอนุรักษ์พะยูนรวมทั้งแหล่งอาหารหญ้าทะเล ซึ่งขณะนี้ทาง อ.กันตัง ได้มีการ ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวดโดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชน

ขณะที่ นายสิทธิพร ให้ความเห็นว่า ในส่วนของแหล่งท่องเที่ยวเกาะลิบง มีการประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวเป็นประจำ รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นจุดชมพะยูน หาดทุ่งหญ้าคา วิถีชีวิตของพี่น้องเกาะลิบง เป็นวิถีชีวิตของชาวมุสลิม 98 เปอร์เซ็นต์ นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวเกาะลิบงจะเกิดความประทับใจถึงความมีน้ำใจของพี่น้องชาวเกาะลิบง มิตรไมตรีของชาวบ้านเกาะลิบง นอกจากนี้เกาะลิบงยังมีอาหารทะเลสดจากทะเล คิดว่าความพร้อมดังกล่าวสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่ ในส่วนของจุดชมพะยูนมี 2 จุด เป็นหอชมวิถีชีวิตสัตว์น้ำ สร้างไว้สูงประมาณ 21 เมตร สามารถมองเห็นพะยูนได้ตลอดเวลาที่น้ำทะเลขึ้นมา อีกทั้งยังมีความสมบูรณ์ของหญ้าทะเลที่มีอยู่ 12 ชนิด และอยู่ในเกาะลิบง 11 ชนิด เป็นแหล่งหญ้าทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ฝูงพะยูนประมาณ 150 กว่าตัว อาศัยแหล่งหญ้าทะเล ในส่วนของการอนุรักษ์พะยูนในพื้นที่นอกจากชาวบ้านแล้วยังมีภาคส่วนราชการเข้ามาช่าวยดูแลด้วย อีกทั้งยังส่งเสริมให้เยาวชนเข้ามาดูแลพะยูนอีกด้วย เป็นการอนุรักษ์พะยูน

ทางด้าน นายชัยพฤกษ์ บอกว่า ในส่วนของเขตห้ามล่าเกาะลิบง จัดทำเครือข่ายดูแลพะยูนประกอบด้วยชาวบ้าน กลุ่มอนุรักษ์พะยูนในท้องถิ่นด้วยการประสานงานร่วมกัน โดยออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจเครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย เพื่อดูแลประชากรพะยูนไม่ให้ถูกล่า โดยจะมีการจัดทำข้อมูลจำนวนพะยูนแต่ละปี ว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร ซึ่งขณะนี้มีอยู่ประมาณ150 ตัว นอกจากนี้นยังมีสร้างเครือข่ายกลุ่มองค์กรอนุรักษ์ต่าง ๆ ช่วยกันดูแลพะยูน “จากการที่ปฏิบัติการมาทุกปี การเสียชีวิตของพะยูน ลดน้อยลงช่วงแรกๆ พะยูนจะเสียชีวิตประมาณปีละ 10 ตัว ได้ลดลงมาเรื่อยๆ จนถึงบัดนี้จำนวนพะยูนเสียชีวิตลดลงที่ผ่านมา สถิติการเกิดของพะยูนเพิ่มขึ้น โดยพบฝูงพะยูนแม่ลูกเพิ่มขึ้น ประมาณ 10 กว่าคู่ เป็นกลุ่ม ๆ ละ 20 กว่าตัว สาเหตุการเสียชีวิตของพะยูนมาจากเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ซึ่งทางเขตห้ามล่าฯ ได้มีการกวดขัน ตรวจสอบ ไม่ให้ชาวประมงนำเครื่องมือผิดกฎหมายมาใช้ ซึ่งจริง ๆ แล้วพะยูนที่เสียชีวิตเกิดจากสาเหตุเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ไม่ได้ถูกล่าตามที่ปรากฏเป็นข่าว” นายชัยพฤกษ์ กล่าว

นายอับดุลรอหีม กล่าวในตอนท้ายว่า ในส่วนของท้องที่มีส่วนดูแลอนุรักษ์พะยูนมาตั้งแต่ 20 กว่าปีที่ผ่านมา เริ่มทราบข่าวว่ากลุ่มพะยูนมาอาศัยอยู่บริเวณเกาะลิบง ซึ่งขณะนี้ทางชุมชนมีแนวร่วมเครือข่ายภาคี กลุ่มอนุรักษ์ดุหยง นักเรียนโรงเรีนบ้านบาตูปูเต๊ะ ซึ่งเป็นเครือข่ายช่วยอนุรักษ์?การปลูกหญ้าทะเล รวมทั้งการดูแล พะยูน นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยราชมงคลศรีวิชัยฯ ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องพะยูนอีกด้วย  ถ้าหากเกิดเหตุพะยูนตาย จะมีชาวประมงเป็นเครือข่ายแจ้งข่าวมายังผู้นำในพื้นที่ หรือแม้กระทั่งจะมีเรือประมงจากนอกพื้นที่เข้ามายังเขตท้องทะเลเกาะลิบง ก็จะมีการแจ้งข่าวมายังพื้นที่เพื่อรับทราบ สำหรับปัญหาที่ผ่านมาของการดูแลพะยูนมีไม่มากนัก เนื่องจากชุมชนร่วมมือกั้นให้การดูแลมาโดยตลอด ไม่ว่าที่ผ่านมาจะเกิดข่าวเศร้าพะยูนตาย ซึ่งมิทราบจากสาเหตุอะไรก็ต้องยอมรับว่าชุมชนเองจะต้องเข้ามาดูแลอนุรักษ์พะยูนให้อยู่คู่กับเกาะลิบงต่อไป
“ล่าสุดศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน นำโดย ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ นักวิชาการประมงชำนาญการกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก พร้อมเจ้าหน้าที่และนักบินชาวต่างชาติ นำเครื่องบินเล็ก 2 ที่นั่ง จำนวน 2 ลำ ทำการบินสำรวจพะยูนในทะเลตรัง โดยเฉพาะบริเวณ รอบเกาะลิบง เกาะมุกด์ เพื่อสำรวจนับจำนวนประชากรพะยูนที่มีอยู่พบว่า ฝูงพะยูนเพิ่มจำนวนมากขึ้นเป็นรวมฝูงใหญ่ขึ้น อีกทั้งยังพบพะยูนคู่แม่ลูก เพิ่มจำนวนขึ้นด้วยมากกว่า 10 คู่ เจอพะยูนระหว่าง 60 ตัว ถึง 150 ตัว การสำรวจบินสำรวจพะยูนทางอากาศติดต่อกันปีนี้เป็นปีที่ 10 พบพะยูนหลายฝูง และฝูงพะยูนก็มีขนาดใหญ่ขึ้น พะยูนบางฝูงอยู่รวมกันมากกว่า 30 ตัว และที่สำคัญได้พบพะยูนคู่แม่ลูกเพิ่มจำนวนขึ้น ไม่น้อยกว่า 10 คู่ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีเป็นข้อมูลที่ดีว่าพะยูนมีการเจริญเติบโตของประชากรเพิ่มขึ้น”

การจัดกิจกรรมของกลุ่มก้อนทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชาวบ้าน นักเรียน ในครั้งนี้ บ่งบอกให้สังคมได้รับรู้ว่า ภายในท้องทะเลตรัง จะต้องมี “พะยูน” อยู่คู่ การุกราน ทำร้ายพะยูนจะต้องลดน้อยลง อย่างน้อยของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จะเป็นประกายเล็กๆในอันที่จะช่วยกันอนุรักษ์พะยูนให้อยู่คู่ท้องทะเลสืบไป

พายุฤดูร้อนถล่ม’บ้านจันจว้า’เสียหายหนัก! เสาไฟฟ้าหักโค่นกว่า20ต้น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263742

วันอังคาร ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560, 13.41 น.

4 เม.ย. 60 ผู้สื่อข่าวว่า ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้าน ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย ได้ออกมาสำรวจความเสียหายและเก็บกวาดบ้านเรือนของตนเอง บางส่วนได้เร่งทำการซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนรวมทั้งตลาดบ้านป่าสักหลวง ต.จันจว้า ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 100 ปี ภายหลังถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่มในช่วงคืนที่ผ่านมา ส่งผลทำให้บ้านเรือนของประชาชนไม่ต่ำกว่า 100 หลังคาเรือนใน 5 หมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย ซึ่งส่วนใหญ่หลังคาที่มุงด้วยกระเบื้องและสังกะสีปลิวไปกับกระแสลม
นอกจากนี้ยังมีเสาไฟฟ้าแรงสูงบนถนนสายแม่จัน-เชียงแสน หักโค่นกว่า 20 ต้น ทำให้ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาเชียงรายต้องปิดการจราจรขาขึ้นไปเชียงแสน 1 ช่องทาง เป็นระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร เพื่อป้องกันอันตรายแก่ผู้สัญจรไปมา และรอเจ้าหน้าที่มาทำการซ่อมแซมติดตั้งเสาไฟฟ้าใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการระดมกำลังและอุปกรณ์ ทั้งในพื้นที่และพื้นที่ข้างเคียงเข้ามาดำเนินการแก้ไข แต่เบื้องต้นได้มีการเชื่อมต่อไฟฟ้าเพื่อให้ไฟฟ้าในพื้นที่อำเภอแม่จันและเชียงแสนใช้ได้ตามปกติแล้ว เหลือพื้นที่โดยรอบที่เสาไฟฟ้าหักโค่น ไฟยังดับอยู่เพราะต้องรอการซ่อมแซมเสาไฟฟ้าให้แล้วเสร็จ
นายสมศักดิ์ คณาคำ นายอำเภอแม่จัน ได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ประสบภัยเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือแล้ว แต่ตัวเลขความเสียอยู่ระห่างการรวบรวม

 

ปภ.เร่งสำรวจ-ช่วยเหลือ7จว. หลังได้รับผลกระทบจากวาตภัย!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263732

วันอังคาร ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560, 13.15 น.

4 เม.ย.60 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานช่วงวันที่ 31 มีนาคม – 4 เมษายน 2560 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยรวม 7 จังหวัด 11 อำเภอ 22 ตำบล 42 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 181 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือน และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยด่วนแล้ว พร้อมประสาน 15 จังหวัดภาคใต้ เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ในช่วงวันที่ 4 – 7 เมษายน 2560 โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ เฝ้าระวังสถานการณ์ภัย รวมถึงเตรียมพร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 31 มีนาคม – 4 เมษายน 2560 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 7 จังหวัด 11 อำเภอ 22 ตำบล 42 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 181 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี และขอนแก่น ภาคเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ และอุตรดิตถ์ และภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี สระบุรี และสมุทรสาคร

ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจ ประเมินและจัดทำบัญชีข้อมูลความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต

ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศมาเลเซียจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคใต้ ประกอบกับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่และฝนตกหนักมากบางแห่ง โดยวันที่ 4 – 5 เมษายน 2560 มีฝนตกหนักและฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล และในช่วงวันที่ 6 – 7 เมษายน 2560 มีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา และภูเก็ต

ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือ โดยด่วนต่อไป

ปภ.เตือน15จังหวัดภาคใต้!! เตรียมรับมือฝนตกหนัก4-7เม.ย.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263722

วันอังคาร ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560, 11.16 น.

4 เม.ย.60 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสาน 15 จังหวัดภาคใต้ เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ในช่วงวันที่ 4-7 เมษายน 2560 โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด จัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว และวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที รวมถึงสำรวจท่อระบายน้ำ ทางระบายน้ำไม่ให้มีสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณที่ราบเชิงเขา ที่ราบต่ำ ริมชายฝั่งทะเล รวมถึงพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศมาเลเซียจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคใต้ ประกอบกับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่และฝนตกหนักมากบางแห่ง

โดยวันที่ 4–5 เมษายน 2560 มีฝนตกหนักและฝนตกหนักมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

และในช่วงวันที่ 6–7 เมษายน 2560 มีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา และภูเก็ต

ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง คลื่นสูงประมาณ ๒ เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า ๒ เมตร กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสานจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ในช่วงระหว่างวันที่ 4–7 เมษายน 2560

โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญเหตุ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ทีมกู้ชีพกู้ภัยประจำตำบล ชุดกู้ชีพกู้ภัยทางน้ำและทางทะเล รวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันทีที่เกิดภัย อีกทั้งสำรวจท่อระบายน้ำ ทางระบายน้ำไม่ให้มีสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณที่ราบเชิงเขา ที่ราบต่ำ ริมชายฝั่งทะเล รวมถึงพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ สถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำ ทางทะเล สถานประกอบการ ร้านค้าบริเวณริมชายหาด เรือโดยสาร นักท่องเที่ยว เกษตรกรที่ประกอบอาชีพประมง เพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ ให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามพยากรณ์อากาศและปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

หัวหน้าอุทยานฯเตรียมลงดาบ!!! เอาผิดนทท.ตะโกนยั่วช้างป่าเขาใหญ่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263686

วันจันทร์ ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560, 20.59 น.

3 เม.ย. 60 จากกรณี เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ V.4 ได้มีการนำคลิปของนักท่องเที่ยวขับรถเก๋งสีขาว บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก่อนจะพยายามแกล้งช้างป่าด้วยการตะโกนท้าทาย จนช้างป่าเริ่มโกรธ พยายามวิ่งมาหา คนขับรถหนี จากนั้นคนขับยังตะโกนท้าทายช้าง พร้อมแสดงอารมณ์สนุกสนาน โดยพยายามถ่ายรูป และคลิป ก่อนคนขับจะตะโกนว่า “มันจะไปวิ่งเร็วกว่าคัมรี่ได้ไง”
ล่าสุด นายครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณด่านทางเข้า-ออกอุทยานแห่งเขาใหญ่ เพื่อตรวจสอบรถที่มีลักษณะตามที่ปรากฎในคลิปดังกล่าว เนื่องจากมีหลักฐานทั้งภาพและเสียง เพื่อนำไปตรวจสอบเลขทะ เบียนรถ ของนักท่องเที่ยวรายนี้ และส่งข้อมูลกับตำรวจ เพื่อแจ้งความเอาผิดข้อหารบกวนสัตว์ป่า มีโทษเปรียบเทียบปรับ 500 บาท และอีกข้อหาความผิดตามพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ข้อหาไม่ปฏิบัติตามเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ มีโทษจำคุก 1 เดือน
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ บอกอีกว่า ขณะนี้กังวลว่าพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวแบบรายที่ปรากฎในคลิป อาจจะส่งผลต่อพฤติกรรมของช้างป่าเขาใหญ่จนเกิดความก้าวร้าว และในอนาคตจะยิ่งทำให้เกิดปัญหาด้านการจัดการสัตว์ป่า ที่ผ่านมาแม้จะมีการทำป้ายเตือน และการแจ้งข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ และแจกระเบียบตั้งแต่ทางเข้าอุทยาน แต่ยังคงมีนักท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม จนอุทยานเขาใหญ่ ต้องออกมาตรการ ใหม่ให้ผู้ที่พบเห็นการกระทำผิดแจ้งผ่านโซเชียล “ทำจริง จับจริง ไล่จริง” และมีการทำป้ายไว้ที่บริเวณทางขึ้น-ลงเขาใหญ่ทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งจังหวัดปราจีนบุรี และอ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
พร้อมขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพื้นที่อาศัยของสัตว์ป่า ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ยืนยันว่า ขณะนี้มีการออกระเบียบปฏิบัติต่างๆมากมาย สำหรับการท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติ อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ที่ดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ไม่อยากให้เกิดการบาดเจ็บหรือสูญเสีย อยากให้ทั้งคนและสัตว์ป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย โดยเชิญชวนให้ผู้พบเห็นการกระทำผิดเกี่ยวกับสัตว์ป่า แจ้ง 1362 สายด่วนกรมอุทยาน

ลอบจุดไฟเผาป่า!จ.แม่ฮ่องสอน ดับไฟลำบากมีเชื้อเพลิงสะสม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263583

วันจันทร์ ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560, 15.03 น.

3 เม.ย.60. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมศักดิ์ สรรพโกศลกุล ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้พบเห็นไฟป่าบริเวณเทือกเขา ด้านหลังศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นพื้นที่ติดชุมชนบ้านห้วยโป่งแข่ ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน จึงได้แจ้งไปยังศูนย์อำนวยการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า และหมอกควันไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ต่อมาทางศูนย์ได้แจ้งแก่ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน อ.เมืองแม่ฮ่องสอน นำเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วยปกครอง อ.เมือง มส. สถานีควบคุมไฟป่า มส. ทหาร ฉก.ร17 และ ร้อย. ร. 1731 (กุงไม้สัก) อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา น้ำตกผาเสื่อ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย (ปางหมู) หน่วยป้องกันรักษาป่า มส.1 (ม่วงต๊อบ) หน่วยป้องกันรักษาป่า มส.2 (ม่อนตะแลง) หน่วยป้องกันรักษาป่า มส.3 (ห้วยโป่ง) หน่วยป้องกันรักษาป่า มส.28 (ห้วยตอง) เข้าดำเนินการในพื้นที่หลังศาลากลาง โดยใช้เวลาในการดับไฟป่ากว่า 2 ชั่วโมง

ล่าสุดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 17 ยังคงวางกำลังในที่เกิดเหตุเนื่องจากไฟป่ายังไม่ดับสนิท ซึ่งสาเหตุของไฟป่ามาจากการลอบจุดไฟเผาป่า ของราษฎรที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง เพื่อต้องการเก็บเห็ดในต้นฤดูฝนที่จะถึงนี้

อย่างไรก็ตามพื้นที่ป่าดังกล่าว เป็นพื้นที่ป่าที่มีการควบคุมห้ามเผาต่อเนื่องมากว่า 3  ปี แต่มาปีนี้มีการลอบเผาส่งผลให้ไฟป่ามีความรุนแรงและขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปริมาณเชื้อเพลิงสะสมมีอยู่เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ต่อมาเมื่อเวลา 12.30 น. ชุดปฏิบัติการดับไฟป่า ของหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่  17 ที่ยังคงวางกำลังไว้ที่จุดเกิดเหตุได้รายงานด่วนเข้ามาว่า ได้เกิดไฟป่าลุกลามขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากสะเก็ดไฟป่าได้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า และตกลงมาแนวหลังของแนวกันไฟ ที่ได้ทำไว้แต่ต้น ทำให้เกิดไฟป่าลุกลามขึ้นมาเป็นรอบที่สอง โดยเจ้าหน้าที่ได้พยายามทำการดับไฟป่าอีกเป็นรอบที่สอง และสามารถควบคุมไฟป่าได้อย่างเรียบร้อยเมื่อเวลา 13.20 น. ที่ผ่านมา

 

แฉคลิปเก๋งยั่วช้างป่าท้าวิ่งไล่ ตะโกน’จะเร็วกว่ารถได้ไง’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263572

วันจันทร์ ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560, 14.31 น.

3 เม.ย. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ V.4 ได้มีการแชร์คลิปเหตุการณ์ ขณะนักท่องเที่ยวชาวไทย ขับรถเก๋งบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พร้อมกับพยายามแกล้งช้างป่า โดยมีการกระโกนท้าทาย จนทำให้ช้างเกิดอารมณ์โกรธ และพยายามวิ่งมาหา ก่อนจะรีบขับรถหนี และตะโกนแสดงอารมณ์สนุกสนาน รวมถึงส่งเสียงหัวเราะ พยายามถ่ายรูปและคลิป โดยคนขับถึงกับตะโกนพูดขณะช้างวิ่งไล่ว่า“มันจะไปวิ่งเร็วกว่าคัมรี่ได้ไง”

โดยคลิปดังกล่าว หลังได้รับการเผยแพร่ทางสื่ออนไลน์ ได้เกิดกระแสวิจารณ์ ว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูก ทั้งยังอาจส่งผลต่ออารมณ์ช้าง และอาจเกิดอารมณ์กับนักท่องเที่ยวในภายหลังอีกด้วย

ขอบคุณ :  เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ V.4