ปภ.เตือน!!ทุกภาคเตรียมรับมือพายุฤดูร้อน31มี.ค-4เม.ย.นี้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263126

วันศุกร์ ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560, 11.32 น.

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสานจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อนช่วงวันที่31 มีนาคม-2 เมษายน 2560 ในขณะที่ภาคใต้จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักหลายพื้นที่ ในช่วงวันที่ 31 มีนาคม-4 เมษายน 2560 โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด จัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว และวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที รวมถึงตรวจสอบสิ่งก่อสร้างและป้ายโฆษณาให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง ตัดแต่งกิ่งไม้และต้นไม้ที่เสี่ยงต่อการโค่นล้มบริเวณริมถนนและในพื้นที่ชุมชน เพื่อป้องกันอันตรายจากการล้มทับในช่วงที่มีลมกระโชกแรง

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าประเทศไทยมีสภาวะอากาศแปรปรวน ซึ่งจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับลูกเห็บตกบางพื้นที่ ซึ่งมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้ ช่วงวันที่ 31 มีนาคม-2 เมษายน 2560 จะมีพายุฤดูร้อนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และช่วงวันที่ 1-4 เมษายน 2560 ภาคใต้จะมีฝนตกเพิ่มขึ้น และฝนตกหนักหลายพื้นที่ ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร  กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้ประสานจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 1-18 และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือสภาพอากาศแปรปรวน พายุฤดูร้อน และ    ฝนตกหนักบางพื้นที่ในช่วงวันที่ 31 มีนาคม – 4 เมษายน 2560 โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญเหตุ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ทีมกู้ชีพกู้ภัยประจำตำบล ชุดกู้ชีพกู้ภัยทางน้ำและทางทะเล รวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยง ให้พร้อมปฏิบัติเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันทีที่เกิดภัย รวมถึงตรวจสอบสิ่งก่อสร้างในพื้นที่สาธารณะและป้ายโฆษณาให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง ตัดแต่งกิ่งไม้และต้นไม้ที่เสี่ยงต่อการโค่นล้มบริเวณริมถนนและในพื้นที่ชุมชน

เพื่อป้องกันอันตรายจากการล้มทับ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากสภาพอากาศแปรปรวน โดยดำเนินการผ่านวิทยุกระจายเสียง เสียงตามสาย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน เครือข่ายวิทยุสมัครเล่น สถานีโทรทัศน์ เคเบิ้ลทีวี และสื่อสังคมออนไลน์ สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามพยากรณ์อากาศและปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด จัดเก็บสิ่งของที่ปลิวลมได้ในที่มิดชิด ดูแลสิ่งปลูกสร้างให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง โดยเฉพาะต้นไม้ที่เสี่ยงต่อการหักโค่น เมื่อเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ให้หลบเข้าไปอยู่ในอาคารหรือบ้านเรือนที่มั่นคงแข็งแรง ปิดประตูและหน้าต่างให้มิดชิด เพื่อป้องกันแรงลมพัดสิ่งของเข้ามาในบ้าน ไม่หลบใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ป้ายโฆษณา เสาไฟฟ้า หรือ สิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรง รวมถึงไม่เข้าใกล้บริเวณที่เป็นโลหะ ไม่สวมใส่เครื่องประดับประเภทเงิน ทอง นาค รวมถึงงดเว้นการใช้เครื่องมือสื่อสารและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในช่วงที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง เพื่อป้องกันอันตรายจากการ    ถูกฟ้าผ่า

ท้ายนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนพายุฤดูร้อนสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : พายุฤดูร้อนถล่มกาฬสินธุ์ ตก4ชม.ถนนหลายสายน้ำท่วมสูง

พายุฤดูร้อน’เลย’อ่วมฝน-ลูกเห็บตกในหลายพื้นที่ ปชช.ไม่กล้าออกจากบ้าน

พายุฤดูร้อนถล่มนครพนมเช้ามืด เต้นท์ต้อนรับ’บิ๊กตู่’ลงพื้นที่พังยับ

“ผอ.จิสด้า”เผยไฟป่าหมอกควันภาคเหนือไม่รุนแรง ทุบสถิติลดลงต่ำสุดรอบ5ปี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263120

วันศุกร์ ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560, 11.01 น.

31 มี.ค.60 ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจิสด้า กล่าวถึงสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ว่า สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันปีนี้ไม่รุนแรงอย่างที่คิด โดยจิสด้าใช้ดาวเทียมไทยโชตและดาวเทียมอื่นๆอีกหลายดวง เพื่อติดตามจุดความร้อนหรือฮอตสปอต และดูพื้นที่เผาไหม้ ซึ่งจากข้อมูลทั้ง 2 ส่วนชี้ได้ชัดว่าสถานการณ์ไฟป่าตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค.2560 เมื่อเปรียบเทียบย้อนหลัง 4-5 ปีที่ผ่านมา ถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ไฟป่าจากประเทศเพื่อนบ้านยังไม่มีแนวโน้มลดลง และมีส่วนทำให้เกิดหมอกควันปกคลุมในหลายพื้นที่ตอนบนของประเทศ

“สถานการณ์โดยรวมขณะนี้ถือว่าทำได้ดีเกินคาด จำนวนจุดความร้อนและพื้นที่ความเสียหายที่เกิดจากการเผาไหม้ในหลายจังหวัดในเขตภาคเหนือมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแม่ฮ่องสอน ตาก ลำปาง เชียงใหม่ เชียงราย เป็นต้น ปัจจัยสำคัญมาจากการที่หน่วยงานทุกหน่วยทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน และกลุ่มอาสาสมัครต่างๆในพื้นที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาและร่วมมือกันอย่างจริงจัง รวมถึงการที่หน่วยงานทุกภาคส่วนเข้าใจบทบาทและวิธีการทำงานของแต่ละหน่วยงานมากขึ้น ส่งผลให้เกิดเครือข่ายที่สามารถเชื่อมโยงและประสานข้อมูลกันได้ทุกระดับ ตั้งแต่ก่อนและในช่วงฤดูไฟป่า จนทำให้พื้นที่เสี่ยงและภาวะวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด” ผู้อำนวยการจิสด้า กล่าว

ผู้อำนวยการจิสด้า กล่าวด้วยว่า เนื่องจากฤดูไฟป่าและหมอกควันจะยาวไปจนถึงเดือน เม.ย. ดังนั้นเป็นไปได้ที่ตัวเลขต่างๆอาจจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนในพื้นที่ยังคงต้องเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมกันอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับทางจิสด้าที่จะต้องติดตามและรายงานสถานการณ์แบบวันต่อวัน เพื่อเป็นข้อมูลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้การที่โครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา หรือธีออส 2 ได้รับอนุมัติให้ดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็จะเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้ระบบการติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

ประเทศไทยเตรียมรับมือฟ้าคะนอง บางพื้นที่มีอากาศร้อนตอนกลางวัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263094

วันศุกร์ ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.10 น.

31 มี.ค. 60 พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ และภาคกลางตอนบนมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก จะมีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ ส่วนภาคใต้ตอนล่างมีฝนลดลง
ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา บริเวณความกดอากาศสูงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศจีนตอนใต้แล้วคาดว่าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ในวันนี้ (31 มีนาคม) ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรงบางแห่งเกิดขึ้นได้หลายพื้นที่ในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก สำหรับภาคใต้และอ่าวไทยมีลมตะวันออกมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกลดลง
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
ภาคเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดตาก กำแพงแพชร และน่าน อุณหภูมิต่ำสุด 20-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆบางส่วน กับกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป : ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

เฮ!ฝูง’วาฬเพชฌฆาตดำ’โผล่เกาะสุรินทร์ นทท.ชื่นใจทะเลสมบูรณ์ขึ้น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263073

วันพฤหัสบดี ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560, 20.04 น.

30 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางเบ็ญจางค์ แก้วจำปา ผู้จัดการบริษัท กรีนวิวทัวร์ อ.คุระบุรี จ.พังงา เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้นำกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ไปท่องเที่ยวที่หมู่เกาะสุรินทร์ ขณะที่เรือสปีดโบ๊ทเล่นใกล้ถึงกองหินริเชลิว ซึ่งเป็นจุดดำน้ำลึกที่สวยงามของหมู่เกาะสุรินทร์ ได้พบฝูงวาฬเพชฌฆาตกว่า 30 ตัว โผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำโชว์ตัวให้นักท่องเที่ยวได้ยลโฉม ทำให้กัปตันเรือต้องเบาเครื่องยนต์ และปล่อยให้นักท่องเที่ยวเก็บภาพความประทับใจกันอย่างสนุกสนาน โดยฝูงวาฬได้ว่ายเข้ามาวนเวียนอยู่รอบเรือ อยู่ระยะหนึ่งก่อนที่ว่ายหายไป กัปตันจึงนำนักท่องไปเที่ยวต่อที่หมู่เกาะสุรินทร์

ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า จากลักษณะพบว่าวาฬดังกล่าวเป็นวาฬเพชฌฆาตดำ (False killer whale) ซึ่งเป็นชนิดที่เคยเกยตื้นแบบฝูงจำนวน 30 ตัว ที่หมู่เกาะราชา จ.ภูเก็ต เมื่อปี 2551 และเพิ่งพบที่หมู่สิมิลันเมื่อเดือนที่ผ่านมา วาฬเพชฌฆาตดำนั้นจะกินปลา หรือ หมึก เป็นอาหาร และจะหากินเป็นฝูง

วาฬชนิดนี้อาศัยอยู่บริเวณน้ำลึก ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทั้ง ทะเลอ่าวไทยและทะเลอันดามัน โดยวาฬเพชฌฆาตดำ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล เมื่อโตเต็มที่จะมีความยาว 5 – 6 เมตร และจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนและคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535  ซึ่งตนเองรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่ปีนี้มีการพบเห็นสัตว์ทะเลหายาก ในบริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา หลายครั้ง

ทั้งนี้น่าจะเกิดจากความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่กลับคืนมา จึงทำให้กลายเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของ ฝูงวาฬและโลมา จนมาอาศัยหากิน อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเวลานานกว่าทุกปี

 

สส.ปลุกกระแสอุตสาหกรรม “อัพไซเคิล” เปิดรับประเมินผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262955

วันพฤหัสบดี ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560, 12.54 น.

“กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม” เปิดเวทีทำความเข้าใจและเชิญชวน “ผู้ประกอบการ” เข้ารับการประเมินผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้ เพื่อขอรับรองภายใต้ตราสัญลักษณ์ “G-Upcycleและ “Upcycle Carbon Footprint” ตั้งเป้าปลุกกระแสภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าจากของเหลือใช้ให้เกิดการขยายตัว ส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นำประเทศไทยไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

นายสากล ฐินะกุล อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวด ล้อม (สส.) ได้ดำเนินโครงการ “ส่งเสริมการนำวัสดุเหลือใช้มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” (Upcycle) โดยร่วมกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พัฒนาเกณฑ์การประเมินผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้ภายใต้สัญลักษณ์รับรอง G–Upcycle พร้อมเปิดให้ผู้ประกอบการร่วมโครงการ เพื่อส่งเสริมการนำเศษวัสดุเหลือใช้มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีมูลค่าเชิงพาณิชย์ ซึ่งผลการดำเนินงานในปี 2557 และ 2558 ปรากฏว่า มีผลิตภัณฑ์ที่ผ่านเกณฑ์ประเมิน 112 ผลิตภัณฑ์ จาก 23 สถานประกอบการ

ขณะที่ปี 2559 กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้ลงนามความร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยเกษตร ศาสตร์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ในการพัฒนาเกณฑ์อัพไซเคิลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Upcycle Carbon Footprint) เพื่อรับรองผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีกระบวนการผลิตที่สามารถช่วยลดหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรอง 34 ผลิตภัณฑ์ จาก 21 สถานประกอบการ

ดังนั้น เพื่อเป็นการขยายผลความสำเร็จของการดำเนินโครงการในปีงบประมาณ 2560 และเพื่อให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจเกี่ยวกับการประเมินผลิตภัณฑ์จากเศษวัสดุเหลือใช้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อขอการรับรองภายใต้สัญลักษณ์ G-Upcycle และ Upcycle Carbon Footprint และส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวของอุตสาหกรรมอัพไซเคิลให้เป็นที่รู้จักและยอมรับอย่างแพร่หลาย นำไปสู่เป้าหมายการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดการอบรมส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม G-Upcycle เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2560 ที่โรงแรมเอเชีย ราชเทวี กรุงเทพมหานคร

โดยภายในงานมีการบรรยายหัวข้อ “การเตรียมความพร้อมและหลักฐานการประเมินผลิตภัณฑ์หรือวัสดุที่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้ G-Upcycle และ Upcycle Carbon Footprint” จาก ผศ.ดร.รัตนาวรรณ มั่งคั่ง ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกลยุทธ์ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีการจัดเวทีอภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์ “นำเสนอแนวคิดและแรงบันดาลใจที่ผ่านการรับรองโครงการ G-Upcycle และ Upcycle Carbon Footprint” จากผู้ประกอบการที่เคยร่วมโครงการ

“ผลการจัดกิจกรรมปรากฏว่า มีผู้แทนจากองค์กรต่างๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ องค์การมหาชน สถาบันการศึกษา เอกชน และกลุ่มผู้ประกอบการที่สนใจ มาเข้าร่วมกว่า 130 คน จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะทำให้เกิดการพัฒนาภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อัพไซเคลิด ให้เกิดความแพร่หลาย และเป็นฐานสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้ประเทศไทยต่อไป” อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าว

นายยุทธนา อโนทัยสินทวี ผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์รีไซเคิล แบรนด์ The Remaker เจ้าของ Garmento Board กล่าวว่า สินค้าที่ออกแบบเป็นสินค้าแฟชั่นที่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้ในเชิงอุตสาหกรรม เช่น กระเป๋าที่ผลิตจากยางในรถและผ้าคลุมรถบรรทุก การนำเศษผ้าหรือเสื้อผ้ามือสองมาขึ้นรูปเป็นวัสดุทดแทนไม้เพื่อทำเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งงานลักษณะนี้ทำให้เกิดประโยชน์ทันที คือ ลดขยะ และ ลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามักถูกตั้งคำถามจากลูกค้าโดยเฉพาะลูกค้าในต่างประเทศว่า วัสดุของเราเป็นวัสดุเหลือใช้จริงหรือ เพราะสินค้าที่ผลิตออกมามีความใหม่มาก ซึ่งเรื่องนี้ถือว่ามีความสำคัญเพราะเป็นเรื่องความเชื่อมั่นของคู่ค้า การได้รับการรับรอง G-Upcycle จึงเปรียบเสมือนการรับประกันว่า สินค้าของเราเป็นสินค้าที่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้จริงๆ เพราะนี่คือการรับรองจากภาครัฐ มันทำให้เราสามารถเคลียร์ตัวเองและสร้างความเชื่อมั่นได้ แม้แต่ลูกค้าในต่างประเทศก็สามารถนำไปใช้อ้างอิงกับลูกค้าของเขาที่ปลายทางได้

นายภัทรพล จันทร์คำ เจ้าของแบรนด์ “CCC OBJECTS” ผู้ผลิตที่รองแก้ว ที่รองเอนกประสงค์จากกระดาษใยสับปะรด เปิดเผยว่า สินค้าของเราเป็นสินค้าที่มีเรื่องราว โดยอย่างแรก คือ การใช้เศษวัสดุจากฟาร์มสับปะรดซึ่งแทนที่จะนำไปเผาหรือทิ้ง ก็นำมาทำกระดาษ ซึ่งเป็นกระดาษที่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดี ไม่เป็นขุย ไม่เปื่อยยุ่ยง่าย จึงถูกนำมาทำที่รองแก้วแล้วพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ที่รองเอนกประสงค์ เครื่องหอมพกพา เป็นต้น โดยสินค้าแต่ละชิ้นของเราคนที่เป็นคนพันมันขึ้นมา ก็คือ กลุ่มแม่บ้านและคนพิการ สินค้าทุกชิ้นจึงไม่ได้เป็นเพียงการนำวัสดุเหลือใช้มาผลิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยเพิ่มรายได้เสริมให้กับแม่บ้าน ผู้พิการ และยังย้อนไปถึงเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดเองด้วย

ดังนั้น การที่สินค้าของเราได้รับการรับรองสัญลักษณ์ G-Upcycle ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้เข้ามาเสริมอีก ก็ยิ่งเท่ากับเป็นการตอกย้ำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจว่า สินค้าชิ้นนี้เป็นสินค้าที่มีความเป็นอีโค่หรือสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ซึ่งเท่ากับเป็นการยกระดับและเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ขึ้นมาได้อีกระดับหนึ่งทันที ซึ่งหากต้องการรับรองว่าสินค้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากน้อยแค่ไหนก็สามารถขอรับรองสัญลักษณ์ Upcycle Carbon Footprint ได้

ชาวหนองคายเฮ!ฝนตก2ชม. ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเพิ่ม-มีน้ำใช้ในการเกษตร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262933

วันพฤหัสบดี ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560, 09.19 น.

จังหวัดหนองคายฝนตกตั้งช่วงเช้ามืดจนสาย เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ช่วยคลายอากาศร้อนที่มีมาต่อเนื่องหลายวันและเป็นผลดี ทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้น

30มี.ค.60 เวลาประมาณ 04.30 น.จนถึง 08.00 น. ได้มีฝนตกลงมาในพื้นที่จังหวัดหนองคาย เกือบทั่วทั้งจังหวัด โดยเฉพาะในเขตอำเภอเมืองจังหวัดหนองคาย เป็นระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นผลดีกับปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลายแห่งที่มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น อย่างเช่นที่อ่างเก็บน้ำบังพวน ซึ่งมีความจุอยู่ที่ 8.620 ลบ.ม. ขณะนี้มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 0.555 ลบ.ม. ส่วนอ่างเก็บน้ำในจังหวัดหนองคาย หลายแห่งก็มีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ชาวบ้านได้มีน้ำใช้ในด้านการเกษตรเพิ่มขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ ฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ยังช่วยคลายความร้อนได้เป็นอย่างดี ซึ่งจังหวัดหนองคาย มีอากาศร้อนติดต่อกันมาเป็นระยะเวลาหลายวัน จึงทำให้สร้างความชุ่มชื่นให้กับต้นไม้ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

 

ประเทศไทยตอนบนอากาศรร้อน กทม.-ปริมณฑลมีฝนฟ้าคะนอง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262925

วันพฤหัสบดี ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.10 น.

29 มี.ค. 60 พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ และภาคกลางตอนบนมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และ ภาคกลางตอนล่างรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีฝนเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนต่อเนื่อง
ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลางตอนล่างรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ สำหรับภาคใต้และอ่าวไทยมีลมตะวันออกกำลังปานกลางพัดปกคลุม ทำให้ภาคใต้มีมีฝนต่อเนื่อง อนึ่ง ในช่วงวันที่ 31 มีนาคม – 1 เมษายน 2560 บริเวณความกดอากาศสูงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรงบางแห่งเกิดขึ้นได้ ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงวันที่ 1-3 เมษายน 2560
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้ เป็นดังนี้
ภาคเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดตาก กำแพงแพชร และน่าน อุณหภูมิต่ำสุด 20-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆบางส่วน กับกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ และลพบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป : ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ทช.ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษ’ฉลามขาว’ ฟื้นผืนป่าชายเลนสุราษฎร์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262876

วันพุธ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560, 18.15 น.

29 มี.ค.60 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) โดยชุดปฏิบัติการพิเศษฉลามขาวสนธิกำลังปฏิบัติการพลิกฟื้นผืนป่าชายเลนที่ถูกบุกรุกในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ท้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นำโดยนายโสภณ ทองดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมด้วย นายอภิชัย เอกวนากุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 นายบรรเจิด สาริพัฒน์ นายอำเภอท่าฉาง และนายจงรัก ทรงรัตนพันธง ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 11 ร่วมด้วยหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย กอ.รมน.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทหารมณฑลทหารบกที่ 45 ฝ่ายปกครองอำเภอท่าฉาง สถานีตำรวจภูธรท่าฉาง กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 12,13,14,43 และประชาชน ร่วมลงพื้นที่ ณ อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

โดยการเปิดยุทธการพลิกฟื้นผืนป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้ทำการออกตรวจสอบพื้นที่ป่าชายเลน ที่ถูกบุกรุก ยึดถือ ครอบครอง ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเลนน้ำเค็มท่าฉางและป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2530 และ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2543 ซึ่งในการดำเนินการครั้งนี้ได้เข้าปฏิบัติการในท้องที่ตำบลเขาถ่าน อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ตรวจสอบและตรวจยึดพื้นที่ถูกบุกรุก จำนวน 5 แปลง

รวมเนื้อที่ 245.55 ไร่ ลักษณะเป็นการเข้าครอบครองทำประโยชน์เพื่อทำสวนปาล์มน้ำมัน และพื้นที่นากุ้งร้างขณะที่ตรวจ ไม่พบบุคคลใดในที่เกิดเหตุ จึงได้มอบเรื่องราวให้นายวิษณุ แจ้งใจหัวหน้าสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 13 ไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

คุมเข้ม65จังหวัดเสี่ยงไฟป่า ป้องกันลดวิกฤตหมอกควัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262855

วันพุธ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560, 16.48 น.

29 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงฤดูร้อนพื้นที่ภาคเหนือมักได้รับผลกระทบจากหมอกควันปกคลุม และมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศเกินค่ามาตรฐาน รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควัน  จึงได้สั่งการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ 65 จังหวัดเสี่ยงไฟป่าดำเนินการป้องกันไฟป่าและแก้ไขปัญหาหมอกควันอย่างครอบคลุมทุกมิติ ดังนี้

– จัดตั้งกองอำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับจังหวัดและอำเภอพร้อมแต่งตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัด หรือปลัดจังหวัด ทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบในการประสานการแก้ไขปัญหากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ และครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการติดตามสภาพอากาศ การประเมินสถานการณ์หมอกควัน และการคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนตัวของหมอกควัน

– แบ่งมอบพื้นที่ และกำหนดหน่วยงานปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจน

› พื้นที่ป่าไม้ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด และศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าในพื้นที่ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก หน่วยทหาร ตำรวจ อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นหน่วยสนับสนุน โดยดำเนินการจัดทำแนวป้องกันไฟ กำจัดวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิง อาทิ กิ่งไม้ ใบไม้ รวมถึงจัดชุดลาดตระเวนเฝ้าระวังและระงับเหตุไฟป่า

› พื้นที่เกษตรกรรมและชุมชน สำนักงานเกษตรจังหวัด/อำเภอ และฝ่ายปกครอง เป็นหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการ
ตามแผนปฏิบัติการจังหวัด/อำเภอ โดยใช้กลไกของกระทรวงมหาดไทย (กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน) ขับเคลื่อนภารกิจในการกำหนดกติกา ช่วงเวลาการเผา จัดระเบียบการเผา การประกาศเขตห้ามเผา รวมถึงรณรงค์การไถกลบแทนการเผา

› พื้นที่ริมทาง ให้แขวงการทางและแขวงทางหลวงชนบท เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก โดยมีฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และประชาชน เป็นหน่วยสนับสนุนในการจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันไฟป่า มุ่งคุมเข้มมิให้มีการเผาวัสดุทุกประเภทในพื้นที่ริมทาง

– ดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาวิกฤตไฟป่าและหมอกควันอย่างเข้มข้น

› คุมเข้มมิให้มีการเผาในพื้นที่ โดยใช้วิธีไถกลบเศษวัสดุทางการเกษตรแทนการเผา หรือใช้สารอินทรีย์ย่อยสลายตอซัง ควบคู่กับการประกาศเขตห้ามเผาอย่างเด็ดขาด รวมถึงเพิ่มกำลังและความถี่ในการลาดตระเวนเฝ้าระวังไฟป่า

› สร้างการรับรู้ในการป้องกันไฟป่าและหมอกควัน รณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสายหมู่บ้าน รถกระจายเสียง วิทยุและโทรทัศน์ชุมชนเกี่ยวกับผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควัน โดยเฉพาะการห้ามเผาวัสดุทางการเกษตร การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ที่ลักลอบเผาป่า เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการป้องกันไฟป่าและแก้ไขปัญหาหมอกควัน

› วางแนวทางป้องกันผลกระทบต่อการบิน โดยให้จังหวัดที่มีสนามบินพาณิชย์ประสานงานกับศูนย์ควบคุมการบิน เพื่อแจ้งสถานการณ์หมอกควัน และวางแผนรองรับกรณีหมอกควันส่งผลกระทบต่อทัศนวิสัยทางอากาศ

› กรณีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ให้แจกจ่ายหน้ากากอนามัยและให้คำแนะนำการปฏิบัติตนในช่วงเกิดสถานการณ์หมอกควัน ระดมวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อเพิ่มความชื้นและลดปริมาณฝุ่นละอองหมอกควันในอากาศ

– เพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน โดยประสานภาคเอกชนและภาคประชาสังคมที่มีโครงการช่วยเหลือสังคม (CSR) สนับสนุนการนำองค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และเทคโนโลยีมาใช้ในการลดการเผาวัสดุทางการเกษตร

ทั้งนี้ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ 65 จังหวัดเสี่ยงไฟป่าดำเนินการป้องกันไฟป่าและและแก้ไขปัญหาหมอกควันในมิติเชิงพื้นที่ ภายใต้กลไก“ประชารัฐ” โดยคุมเข้มมิให้มีการเผาในพื้นที่ควบคุมอย่างเด็ดขาด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการ “ควบคุมปัญหาไฟป่า” และ “วิกฤตหมอกควันเป็นศูนย์” ซึ่งถือเป็นแนวทางหนึ่งในการสร้างประเทศไทยปลอดภัย (Safety Thailand)

เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย!“รอยล”รับตัวแปรเยอะ-คาดเดา“ฝน”ยาก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262841

วันพุธ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560, 16.15 น.

29 มี.ค.60 ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร (กทม.) แจ้งว่า เมื่อเวลา 12.50 น. มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลางในเขตบางพลัด ลาดพร้าว ดุสิต พญาไท ราชเทวี ห้วยขวาง วังทองหลาง บางกะปิ สะพานสูง สวนหลวง ประเวศ พระโขนง บางนา คลองสามวา มีนบุรี ลาดกระบัง หนองจอก ต่อเนื่องไปยัง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา กำลังเคลื่อนตัวไปยังทิศเหนือค่อนทางตะวันตกเล็กน้อย โดยมีฝนตกหนักปริมาณสูงสุดอยู่ที่เขตหนองจอก เฉลี่ย 16.5 มิลลิเมตร และในเวลา 13.15 น. ฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลางปกคลุมพื้นที่ฝั่งธนบุรีและฝั่งพระพระนครชั้นใน

ด้านนายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศน้ำและการเกษตร(สสนก.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวว่า โดยสภาพขณะนี้ยอมรับว่าค่อนข้างจะคาดการณ์สภาพอากาศยาก โดยเฉพาะพื้นที่ในกรุงเทพ เนื่องจากมีตัวแปรหลายอย่าง เช่น ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ความชื้นจากอ่าวไทยที่ก่อตัวค่อนข้างแรง ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยในวันนี้ (29 มี.ค.) รายงานผลจากแบบจำลองสภาพอากาศ หรือ “วาฟ” (WRF: Weather Research and Forecasting Model) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์สำหรับการพยากรณ์และคาดการณ์อากาศ บอกว่า ฝนจะกระจายบางๆทั่วกรุงเทพ จะตกเฉลี่ย 5 มิลลิเมตร แต่ความจริงที่พบ คือ ฝนตกหนัก แรง ในบางพื้นที่แคบๆ เช่น ซ.รางน้ำ ฝนตกหนักมากประมาณ 10 นาที แล้วหยุดเลย ในขณะที่บางพื้นที่ฝนไม่ตกเลย

“สาเหตุมาจากข้อมูลที่ใส่ลงไปในวาฟไม่มีข้อมูลความร้อนจากตัวเมือง ปริมาณฝุ่นที่กระจายอยู่ในเมือง ดังนั้นเพื่อให้การคำนวนเรื่องการเกิดฝนในเมืองให้แม่นยำมากยิ่งขึ้น สสนก. ร่วมกับ กทม.ได้ทำข้อมูลขึ้นมาใหม่ เรียกว่า ข้อมูลเรด้า คือ การเอาเรด้า 2 มุมมาทับซ้อนกับการวิเคราะห์ฝนในแนวดิ่ง และเอาไปทำแบบจำลองแบบใหม่ ที่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ถึง 3 ชั่วโมง เรียกว่า คอมเพอร์สิทเรด้า ซึ่งเพียงพอต่อการวางแผนการระบายน้ำ คาดว่าแบบจำลองนี้จะใช้ได้ประมาณเดือน มิ.ย.นี้” นายรอยล กล่าว