อีสานแล้งจัด!!ทำฝนหลวงบรรเทา เติมน้ำ’เขื่อนลำตะคอง’แก้วิกฤต

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262828

วันพุธ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560, 15.30 น.

29 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสินชัย พึ่งตำบล ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่าขณะนี้ทางศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้วางแผนขึ้นบินทำฝนหลวงให้ตกลงมา ในทุกพื้นที่ที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้ง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยมีเป้าหมายหลักในการเติมปริมาณน้ำในเขื่อนลำตะคอง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา และช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่เสียหาย เนื่องจากปัจจุบันปริมาณน้ำใช้การในเขื่อนลำตะคอง เหลือเพียง 64 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 21% ของความจุเขื่อน

โดยทางศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคอีสาน ได้ประสานงานไปยังศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลางที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งมีพื้นที่ติดกับจังหวัดนครราชสีมา ให้ทำการขึ้นบินทำฝนหลวงเติมน้ำในเขื่อนลำตะคองแทนในระยะนี้ เนื่องจากช่วงนี้ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมายังคงติดภารกิจการฝึกโคปไทเกอร์ ซึ่งจะทำการฝึกแล้วเสร็จในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ ทำให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคอีสานไม่สะดวกที่ขึ้นบินทำฝนหลวงได้

นายสินชัย พึ่งตำบล ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ขณะนี้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เริ่มปฏิบัติการทำฝนหลวงมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ฐานปฏิบัติการอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ขอนแก่น และอุดรธานี เนื่องจากช่วงนี้จังหวัดนครราชสีมาติดภารกิจการฝึกโคปไทเกอร์ ทำให้ยังไม่สามารถตั้งศูนย์ทำฝนหลวงที่จังหวัดนครราชสีมาได้ แต่ในช่วงต้นเดือนเมษายนก็จะดำเนินการย้ายฐานปฏิบัติการฝนหลวงจากจังหวัดบุรีรัมย์ไปที่กองบิน 1 นครราชสีมา

ทั้งนี้เป้าหมายหลักของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคอีสานก็คือ การเติมปริมาณน้ำในเขื่อนลำตะคอง เนื่องจากปัจจุบันมีปริมาณน้ำเหลืออยู่น้อยกว่าเกณฑ์ โดยทางศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคอีสาน ได้ประสานการทำงานกับศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง ที่จังหวัดลพบุรี ให้ขึ้นบินทำฝนหลวงแทนในช่วงระยะนี้ ที่สภาพอากาศเหมาะสมบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำลำตะคอง และที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จ โดยขณะนี้เริ่มมีน้ำไหลเข้าเขื่อนลำตะคองบ้างแล้ว

ระยองจมบาดาลน้ำท่วมกลางเมืองหนัก (ชมคลิป)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262783

วันพุธ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560, 13.52 น.

29 มี.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุฝนตกหนักติดต่อกัน หลายชั่วโมง ตกตั้งแต่ 8.00 น. -11.00 น.  ทำให้น้ำไหลระบายไม่ทัน เกิดมีน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่ เป็นพื้นที่ที่เคยท่วมซ้ำซาก เช่นที่ในศูนย์การค้าสตาร์ มีน้ำท่วมถนนภายในตลาด และถนนสายจันทอุดม เขตเทศบาลนครระยอง มีน้ำท่วมสูงกว่า 50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้
นอกจากนี้ ที่ ถนนสายบายพาสหน้าสำนักงานขนส่งใหม่(เพลินใจ5)เขตเทศบาลตำบลทับมา ซึ่งเป็นแอ่งกระทะ รถยนต์ของชาวบ้านได้รับความเสียหายเนื่องจากถูกกระแสน้ำพัดตกถนนจมน้ำหลายคัน เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงระยอง มูลนิธิกู้ภัยสว่างพรกุศลระยอง เข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน และปิดเส้นทางสัญจรให้ชาวบ้านหลีกเลี่ยงใช้เส้นทางอื่น  ส่วนในพื้นที่อำเภอ บ้านฉาง ก็ ได้เกิดน้ำท่วม บนถนน สายสุขุมวิท ฝั่งขาเข้าระยอง หน้าโรงเรียน อักษรบริหารธุรกิจ และสามแยกห้วยโป่ง การจราจร ติดขัด
ล่าสุด หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งทำการระบายน้ำ อย่างเร่งด่วน ในเวลา 13.00 น. สถานการณ์ ในทุกพื้นที่ เข้าสู่ภาวะปกติ น้ำลดระดับลง เจ้าหน้าที่เร่งทำความสะอาด ถนน ส่วนท้องฟ้า ยังคงมืดครึ้ม

ขอบคุณคลิป : อนุพงษ์ วงษ์สูง 

 

ร้อนจัด!เขื่อนแม่งัดน้ำระเหยลดลง ฝากเกษตรกรปลูกพืชน้ำน้อยฤดูแล้ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262777

วันพุธ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560, 13.38 น.

29 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจานุวัตร เลิศศิลป์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 1 เปิดเผยว่า เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากสภาพอากาศร้อนจัดต่อเนื่องในช่วงเดือนมีนาคม 2560 ซึ่งเป็นเพียงต้อนฤดูร้อน สำนักงานชลประทานเชียงใหม่ ได้มีการระบายน้ำลงแม่น้ำปิง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ชาวนา และการรักษาระบบนิเวศ ให้กับแม่น้ำปิงเป็นรอบสัปดาห์แบ่งเป็น 17 สัปดาห์ ไปสิ้นสุดราวกลางเดือนพฤษภาคม จากสภาพของขอบดินเนินเขาภายในจะเห็นคาบของน้ำ ที่มีก่อนหน้านี้ของในเขื่อนที่สะสมไว้ แต่เพียงระยะเวลาผ่านไป 7 สัปาดห์ของการระบายน้ำในแม่น้ำปิงรวม 23.79 ล้าน ลบ.ม. แต่สภาพอากาศร้อนจัดต่อเนื่องทำให้การระเหยของน้ำบนผิวจากการตรวจวัด 6-8 มิลลิเมตร เกือบ 1 แสน ลบ.ม. ต่อวัน ส่วนเขื่อนแม่กวงอุดมธารา อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ก็มีการระเหยแต่จะน้อยของกว่าแม่งัดเพราะสภาพพื้นที่จะตกที่ 3 -5 หมื่นลบ.ม. ต่อวัน  รวมไปถึงอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็ก ที่มีการระเหยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามการระเหยไปนั้นกลับมีความโชคดีของน้ำ ที่ไหลเข้าจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ที่เริ่มคลายน้ำลงมาตามลำธารลำน้ำ ที่มีการสะสมตัวไว้ในดินเริ่มคลายน้ำออกมา ทำให้มีน้ำไหลเข้าใกล้เคียงกับปริมาณน้ำที่ระเหยออกไป แต่จะสภาพของขอบอ่างจะเห็นการลดตัวของน้ำมาก ทำให้หลายคนที่เห็นอาจจะตกใจที่น้ำหายไปจำนวนมาก จากขอบสูงลดลงมาถึงขอบตัวน้ำเกือบ 1 เมตรเศษ แต่นั้นเป็นขอบการกักเก็บน้ำก่อนหน้านี้ แต่มีการระบายน้ำออกทำให้ดูว่าหายไปจำนวนมากดังกล่าว แต่ปริมาณน้ำในเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลล่าสุด 127 ล้านลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 48 ส่วนเขื่อนแม่กวงอุดมธาราจำนวน 62 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 23 แต่การระบายน้ำลงแมน้ำปิงรอบที่ 8 ของสัปดาห์ลดลงเหลือ 5 ลบ.ม.และขอฝากเตือนไปถึงเกษตรกร ขอให้ติดตามสถานการณ์น้ำ เพื่อจะได้เตรียมการปลูกพืชผลที่ใช้น้ำน้อยในช่วงฤดูแล้งอย่างได้ผล

 

เฝ้าระวัง!ใต้ฝนตกหนัก29-30มี.ค. ปภ.เผยผลกระทบวาตภัย28จ.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262764

วันพุธ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560, 13.01 น.

29 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานช่วงวันที่ 14 – 29 มีนาคม 2560 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยรวม 28 จังหวัด 104 อำเภอ 204 ตำบล 603 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 5,999 หลัง ผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือน และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยด่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม พื้นที่ภาคใต้จะมีฝนตกหนัก บางแห่งในช่วง 1 – 2 วันนี้ ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ และเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงเตรียมพร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 14 – 29 มีนาคม 2560 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 28 จังหวัด 104 อำเภอ 204 ตำบล 603 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 5,999 หลัง ผู้เสียชีวิต 3 ราย แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ เลย สกลนคร มหาสารคาม นครราชสีมา หนองคาย ร้อยเอ็ด ขอนแก่น ชัยภูมิ บึงกาฬ อำนาจเจริญ อุดรธานี บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ และหนองบัวลำภู ภาคเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ พะเยา เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร และเชียงใหม่ ภาคกลาง 5 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี นครสวรรค์ สุโขทัย ชัยนาท และสระบุรี และภาคตะวันออก 2 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว และตราด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจ ประเมิน และจัดทำบัญชีข้อมูลความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต

ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าในช่วงวันที่ 29 มีนาคม 2560 พื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีปริมาณฝนลดลง ส่วนภาคใต้จะมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วง 1 – 2 วันนี้ จึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมรับมือฝนตกและฝนตกหนักในบางพื้นที่ โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัย อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที รวมทั้งตรวจสอบท่อและทางระบายน้ำในเขตเมืองมิให้มีสิ่งของหรือวัสดุอุดตัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ

ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากวาตภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

‘โลมาปากขวด’ถูกคลื่นซัดเข้าริมหาด ชาวบ้านช่วยยื้อสุดท้ายไม่รอด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262749

วันพุธ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560, 11.25 น.

29 มี.ค.60 เวลา 09.00 น. นายวีระ เจริญพักตร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งนครศรีธรรมราช  ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีโลมาจำนวน 1 ตัว หลงฝูงหมดแรง ว่ายน้ำอยู่ริมหาด  อาการน่าห่วง  จึงเดินทางไปให้การช่วยเหลือพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยใต้เต็กตึ้งและกู้ภัยสยามรวมใจปู่อินทร์ อำเภอสิชลสิชล ที่เกิดเหตุบริเวณหาดปิติ  ม.5  ต.สิชล จ.นครศรีธรรมราช พบว่าโลมาดังกล่าว เป็นโลมาพันธุ์ปากขวด ความยาว 1 เมตร 40 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 40 กิโลกรัม ว่ายน้ำอยู่ห่างจากริมหาดประมาณ 10 เมตร สภาพอ่อนแรง  เจ้าหน้าที่และกู้ภัยลงไปเอาโลมาขึ้นมาจากทะเล ซึ่งอยู่ในสภาพผอมโซ มีเลือดออกทางปาก และมีบาดแผลตามลำตัว จึงได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการกระตุ้นหัวใจ กระตุ้นกล้ามเนื้อ และนำตัวมาทำการรักษาที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งนครศรีธรรมราช ซึ่งอยุ่ห่างจากจุดที่พบโลมาประมาณ 2 กิโลเมตร แต่ด้วยสภาพที่บอบช้ำ จึงทำให้โลมาตัวดังกล่าวตายในเวลาต่อมา

นายวีระ เจริญพักตร์  คาดการณ์ว่าสาเหตุที่ทำให้โลมาตัวดังกล่าวน่าจะเสียชีวิตจากถูกคลื่นซัด ในช่วงนี้ได้เกิดคลื่นลมแรงในอ่าวไทย เมื่อวานที่ผ่านมาพบว่า มีฝูงโลมาฝูงใหญ่มาว่ายน้ำเล่นกันโลมาตัวนี้น่าจะพลัดหลงจากฝูงแล้วถูกคลื่นซัดจนทำให้มีอาการน๊อคน้ำได้ ส่วนซากโลมาจะทำการส่งมอบให้เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่างสงขลา เพื่อทำการผ่าพิสูจน์ เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป

ปภ.เร่งช่วยผู้ประสบภัยทั้ง28จังหวัด พร้อมเฝ้าระวังฝนตกหนักภาคใต้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262742

วันพุธ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560, 10.28 น.

29 มี.ค.60 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานช่วงวันที่ 14-29 มี.ค.60 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยรวม 28 จังหวัด 104 อำเภอ 204 ตำบล 603 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 5,999 หลัง ผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือน และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยด่วนแล้ว อย่างไรก็ตาม พื้นที่ภาคใต้จะมีฝนตกหนัก  บางแห่งในช่วง 1-2 วันนี้ ปภ. จึงได้ประสานจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ และเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงเตรียมพร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 14-29 มี.ค. 60 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 28 จังหวัด 104 อำเภอ 204 ตำบล 603 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 5,999 หลัง ผู้เสียชีวิต 3 ราย แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ เลย สกลนคร มหาสารคาม นครราชสีมา หนองคาย ร้อยเอ็ด ขอนแก่น ชัยภูมิ บึงกาฬ อำนาจเจริญ อุดรธานี บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ และหนองบัวลำภู ภาคเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ พะเยา เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร และเชียงใหม่ ภาคกลาง 5 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี นครสวรรค์ สุโขทัย ชัยนาท และสระบุรี และภาคตะวันออก 2 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว และตราด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจ ประเมิน และจัดทำบัญชีข้อมูลความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าในช่วงวันที่ 29 มี.ค.60 พื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีปริมาณฝนลดลง  ส่วนภาคใต้จะมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วง 1-2 วันนี้

ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมรับมือฝนตกและฝนตกหนักในบางพื้นที่ โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัย อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที รวมทั้งตรวจสอบท่อและทางระบายน้ำในเขตเมืองมิให้มีสิ่งของหรือวัสดุอุดตัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากวาตภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

พายุฤดูร้อนถล่ม’เขาหลัก’น้ำท่วมขังซ้ำซาก ปชช.2ข้างทางวอนผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262727

วันพุธ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.47 น.

29 มี.ค. 60 เมื่อช่วงเย็นของวันที่28มี.ค.60 บริเวณซอยชายทะเลบางเนียง ม.5 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา หลังจากเกิดฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก ทั่วแหล่งท่องเที่ยวเขาหลักจนเกิดน้ำท่วมเส้นทางจราจรหลายจุด ความสูงประมาณ 20 เซนติเมตร รถเล็กผ่านไม่สะดวก ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเขาหลัก ต้องระดมกำลังออกอำนวยความสะดวกด้วยการเปิดไฟสัญญาณเตือนให้กับประชาชน นำขยะออกจากปากท่อและปากคูระบายน้ำเพื่อลดปริมาณน้ำที่ท่วมขังบนผิวการจราจร แต่กลับพบหลายจุดเกิดน้ำท่วมขังซ้ำซากเจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามนำทรายออกจากคูระบายน้ำกลางถนนแต่พบขุดอย่างไรก็เจอแต่ทรายทำให้น้ำไม่สามารถระบายได้

ด้านประชาชน 2 ข้างทาง เปิดเผยว่าบริเวณดังกล่าวเมื่อเกิดฝนตก จะเกิดน้ำท่วมขังทั้งที่อยู่ห่างกับทะเลไม่ถึง 200 เมตร เมื่อรถวิ่งไปมาทำให้น้ำไหลเจ้ามาในร้านค้าและบ้านเรือนจนข้าวของเกิดความเสียหาย หากเป็นช่วงฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำที่สูงและมากกว่าช่วงนี้ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่หาวิธีแก้ไขปัญหาเป็นการด่วน ก่อนฤดูฝนจะมาถึง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ตั้งแต่ฤดูฝนที่ผ่านมา พบว่า มีรถจำนวนหลายคันที่วิ่งผ่านเส้นทางดังกล่าวและเกิดความเสียหายเนื่องจากน้ำเข้าเครื่องยนต์

ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง ‘กทม.-ปริมณฑล’อากาศร้อน!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262720

วันพุธ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.01 น.

29 มี.ค.60 ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีปริมาณฝนลดลง ส่วนภาคใต้จะมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วง 1 – 2 วันนี้

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาปกคลุมประเทศลาว ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง สำหรับลมตะวันออกกำลังปานกลางพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้ เป็นดังนี้

ภาคเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป : ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

 

เล่นน้ำร้อนนี้อย่างไรให้ปลอดภัย ระวังเล่นน้ำนานเสี่ยง!ตะคริว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262625

วันอังคาร ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560, 15.37 น.

28 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะข้อควรปฏิบัติในการท่องเที่ยวทะเลอย่างปลอดภัย โดยตรวจสอบสภาพอากาศ หากมีประกาศเตือนภัยควรงดหรือเลื่อนการเดินทาง ตรวจสอบสภาพแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยว หากเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย ให้หลีกเลี่ยงการท่องเที่ยวบริเวณดังกล่าว พร้อมจัดเตรียมอุปกรณ์และเครื่องใช้ที่จำเป็นให้พร้อมใช้งาน ที่สำคัญ ควรเลือกเล่นน้ำในบริเวณที่ปลอดภัยสวมเสื้อชูชีพหรือใช้ห่วงยางทุกครั้งที่เล่นน้ำ รวมทั้งไม่เล่นน้ำใกล้เครื่องเล่นทางน้ำ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการท่องเที่ยวทะเล

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ฤดูร้อนเป็นช่วงที่ประชาชนนิยมท่องเที่ยวทะเล แต่หากขาดความระมัดระวังในการเล่นน้ำ ประกอบกับสภาพอากาศแปรปรวนและคลื่นลมทะเลมีกำลังแรง ทำให้เสี่ยงต่อการได้รับอันตราย เพื่อความปลอดภัย  ปภ.ขอแนะข้อควรปฏิบัติในการท่องเที่ยวทะเลอย่างปลอดภัย ดังนี้ เตรียมพร้อมเที่ยวทะเลปลอดภัย ตรวจสอบสภาพอากาศ โดยติดตามพยากรณ์อากาศ หากมีประกาศเตือนคลื่นซัดฝั่ง พายุลมแรง หรือฝนตกหนัก ควรงดหรือเลื่อนการเดินทาง เปลี่ยนสถานที่ท่องเที่ยว ตรวจสอบสภาพแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยว อาทิ ระดับความลึก ความสูง และความแรงของคลื่น กระแสลม หากเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย ให้หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำ หรือท่องเที่ยวบริเวณดังกล่าว  จัดเตรียมอุปกรณ์และเครื่องใช้ที่จำเป็น อาทิ ยารักษาโรค เสื้อชูชีพ ห่วงยางยาบรรเทาอาการแมลงสัตว์กัดต่อย สำหรับใช้งานในยามฉุกเฉิน รู้ทันอันตราย

ส่วนการเล่นน้ำทะเลให้ปลอดภัย เลือกเล่นน้ำในบริเวณที่ปลอดภัย ไม่เล่นน้ำบริเวณที่มีระดับน้ำลึก กระแสน้ำไหลวน มีคลื่นสูงซัดฝั่ง บริเวณที่มีป้ายหรือธงสัญลักษณ์เตือนอันตราย รวมถึงเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์มีพิษ ไม่เล่นน้ำในพื้นที่หรือช่วงเวลาเสี่ยงอันตราย โดยเฉพาะบริเวณที่มีร่องน้ำลึก มีโขดหินใต้น้ำ อีกทั้งในขณะหรือภายหลังฝนตก เพราะทะเลมีคลื่นสูงและซัดฝั่งรุนแรง จึงเสี่ยงต่อการจมน้ำเสียชีวิต หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำบริเวณที่มีเครื่องเล่นทางน้ำ อาทิ สกู๊ตเตอร์ บานาน่าโบ๊ท เจ็ตสกี เพราะเสี่ยงต่อการได้รับอันตราย ไม่เล่นน้ำในบริเวณที่ห่างจากกลุ่มคน เพราะหากเป็นตะคริว หรือเกิดเหตุฉุกเฉินจะไม่สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที สวมเสื้อชูชีพหรือห่วงยางที่ได้มาตรฐานอย่างถูกวิธี

กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้สามารถลอยตัวรอการช่วยเหลือ ดูแลการเล่นน้ำของเด็กอย่างใกล้ชิด โดยให้เด็กสวมใส่เสื้อชูชีพตลอดเวลาที่เล่นน้ำ ไม่ให้เด็กเล่นน้ำหรืออยู่บริเวณชายหาดตามลำพัง หากเกิดเหตุฉุกเฉิน เด็กจะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้อย่างปลอดภัย หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย โดยไม่เล่นน้ำหลังรับประทานอาหาร และไม่เล่นน้ำเป็นเวลานาน เพราะอาจเป็นตะคริว ทำให้จมน้ำเสียชีวิตได้

ทั้งนี้ การเตรียมพร้อมก่อนเดินทาง โดยตรวจสอบสภาพอากาศ เลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่ปลอดภัย รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการเล่นน้ำหรือประกอบกิจกรรมทางทะเลจะช่วยให้การท่องเที่ยวทะเลเป็นไปด้วยความปลอดภัย

 

แม่น้ำกกตอนล่างเริ่มแห้งขอด ชลประทานเตือนงดปลูกพืชใช้น้ำมาก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262608

วันอังคาร ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560, 14.59 น.

28 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า ปัจจุบันสภาพของแม่น้ำกก ตั้งแต่บริเวณด้านหลังเขื่อนบ้านป่าบง ตำบลรอบเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งจะมีปลายทางไหลลงสู่แม่น้ำโขง ด้านอำเภอเชียงแสน โดยไหลผ่านพื้นที่อำเภอเวียงชัย เวียงเชียงรุ้ง และดอยหลวง อยู่ในสภาพที่น้ำแห้งขอดบางช่วงเป็นเนินทรายผุดขึ้นมาอย่างเห็นได้ โดยมีน้ำเป็นลำธารไหลผ่านเป็นร่องเล็กๆ สามารถเดินข้ามสัญจรไปมาได้ ทำให้ชาวบ้านและเด็กๆ ที่อยู่ริมแม่น้ำต่างพากันนำอุปกรณ์หาปลาโดยเฉพาะแห ออกมาจับปลากันอย่างคึกคัก  เนื่องจากทางชลประทานได้มีการปิดประตูระบายน้ำโดยเปิดเพียง 2-3 บานจากที่มีอยู่ 11 บาน และก็เปิดเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้เพราะสภาพภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ทำให้ทางชลประทานต้องกักเก็บน้ำเพื่อหล่อเลี้ยงต้นข้าวทางพื้นที่ทางการเกษตรตอนบนของเขื่อนที่มีการเพาะปลุกกันหลายหมื่นไร่ให้เพียงพอตลอดฤดูแล้ง

โดยนายกฤตย์  สวาสดิ์มิตร ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย กล่าวว่าจังหวัดเชียงรายมีพื้นที่ทั้งหมด 7,298,981 ไร่ เป็นพื้นที่ทางการเกษตร 2,584,165 ไร่  จังหวัดเชียงรายแล้วโดยพบว่ามีปริมาณน้ำที่กักเก็บไว้ตามแหล่งต่างๆ รวมทั้งสิ้น 217.65  ล้านลูกบาศน์เมตร มากกว่าปีที่ผ่านมา 28% ซึ่งเพียงพอต่อพื้นที่เกษตรกรรมและการอุปโภคบริโภคในบริเวณพื้นที่โครงการและชลประทานรวม 1,725,136 ไร่ แต่จะมีปัญหาในพื้นที่นอกเขตชลประทาน ซึ่งไม่ควรปลูกพืชที่ใช้น้ำมากหรือเป็นไปได้ควรงดปลูกพืชทุกชนิดเพราะอาจทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำได้