สระแก้วแล้งหนัก!แจกน้ำช่วยเหลือ แนะปลูกพืชอายุสั้นใช้น้ำน้อย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262578

วันอังคาร ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560, 13.27 น.

28 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 1 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว รวม 3 อำเภอ 13 ตำบล 85 หมู่บ้าน ซึ่ง ปภ.ได้จัดรถบรรทุกน้ำแจกจ่ายน้ำบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน พร้อมประสานจังหวัดสำรวจปริมาณน้ำต้นทุน ในพื้นที่จัดทำบัญชีแหล่งน้ำ และพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งให้เป็นปัจจุบัน พร้อมกำหนดจุดแจกจ่ายน้ำที่เข้าถึงประชาชนทุกพื้นที่ รวมถึงวางแผนบริหารจัดการน้ำและจัดสรรน้ำอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด ส่วนเกษตรกรให้วางเพาะปลูกพืชอายุสั้นและใช้น้ำน้อย เพื่อให้มีน้ำอุปโภคบริโภคเพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้ง

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำ พบว่า เขื่อนหลักทั่วประเทศมีปริมาณน้ำมากกว่าปี พ.ศ.2559 ขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บางแห่งมีปริมาณน้ำจำกัด จึงจำเป็นต้องจัดสรรน้ำไว้อุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศเป็นหลัก ทำให้หลายพื้นที่มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำ ในภาคการเกษตร โดยปัจจุบันมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 1 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว รวม 3 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอตาพระยา อำเภอโคกสูง และอำเภอวัฒนานคร 13 ตำบล 85 หมู่บ้าน ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง โดยระดมเครื่องสูบน้ำ จำนวน 11 เครื่อง สนับสนุนการสูบน้ำเข้าสู่ระบบประปาหมู่บ้านและถังน้ำกลางประจำหมู่บ้าน พร้อมจัดรถบรรทุกน้ำแจกจ่ายน้ำบรรเทาความเดือดร้อน แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคไปแล้ว 1,068,000 ลิตร อย่างไรก็ตาม ปภ.ได้ประสานจังหวัดเตรียมพร้อม แก้ไขปัญหาภัยแล้งไว้ล่วงหน้าครอบคลุมทุกด้าน

ทั้งการจัดชุดปฏิบัติการสำรวจข้อมูลสถานการณ์น้ำ ข้อมูลแหล่งน้ำและประมาณการใช้น้ำในพื้นที่หมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ โดยแยกเป็นน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร พร้อมประเมินความต้องการใช้น้ำ จำนวนครัวเรือนที่อาจได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำ เพื่อวางมาตรการแก้ไขปัญหากรณีน้ำไม่เพียงพอต่อการใช้งาน รวมถึงสำรวจและจัดทำบัญชีแหล่งน้ำ ควบคู่กับการปรับปรุงบัญชีพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งให้เป็นปัจจุบัน โดยแยกเป็น อำเภอ ตำบล หมู่บ้านให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด รวมถึงตรวจสอบภาชนะกักเก็บน้ำให้ใช้การได้เพียงพอ อีกทั้งกำหนดจุดแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคที่เข้าถึงประชาชนทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม อีกทั้งประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์น้ำ แผนการจัดสรรน้ำ และมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้ประชาชนทราบ ตลอดจนรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัด และเกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนเกษตรกรให้ปรับวิถีทำการเกษตรให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ โดยปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย และมีตลาดรองรับผลผลิต

นอกจากนี้ ให้วางแผนการจัดสรรน้ำอย่างทั่วถึง โดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาน้ำอุปโภคบริโภคเป็นหลัก ด้วยการจัดรถบรรทุกน้ำและระดมรถสูบน้ำระยะไกลสูบน้ำดิบจากแหล่งน้ำต่างๆ ไปเติมยังถังน้ำกลางประจำหมู่บ้านและแหล่งน้ำสำหรับผลิตน้ำประปา ใช้ประโยชน์จากน้ำทุกแหล่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยขุดลอกและปรับปรุงแหล่งน้ำตามมาตรการ “1 ตำบล 1 แหล่งกักเก็บน้ำ” ขุดเจาะและเป่าล้างบ่อบาดาล พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำส่งน้ำไปยังพื้นที่ขาดแคลน รวมถึงประสานจัดทำฝนหลวงในช่วงที่สภาพอากาศเอื้ออำนวย ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยแล้ง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

 

ปภ.เร่งช่วยผู้ประสบภัยทั้ง28จังหวัด เฝ้าระวังภาคใต้28-29นี้มีฝนเพิ่ม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262560

วันอังคาร ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560, 11.28 น.

 

28 มี.ค.60 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานช่วงวันที่ 14-28 มี.ค.60
มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยรวม 28 จังหวัด 101 อำเภอ 199 ตำบล 589 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 5,837 หลัง ผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือน และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยด่วนแล้ว

ในช่วงวันที่ 28-29 มี.ค.60 พื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง
มีแนวโน้มที่จะเกิดพายุฝนฟ้าคะนองลดลง ขณะที่ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น และฝนตกหนักบางแห่ง ปภ. จึงได้ประสานจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ และเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงเตรียมพร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 14-25 มี.ค. 60 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยรวม 28 จังหวัด 101 อำเภอ 199 ตำบล 589 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 5,837 หลัง ผู้เสียชีวิต 3 ราย แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ เลย สกลนคร มหาสารคาม นครราชสีมา หนองคาย ร้อยเอ็ด ขอนแก่น ชัยภูมิ บึงกาฬ อำนาจเจริญ อุดรธานี บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ และหนองบัวลำภู ภาคเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ พะเยา เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร และเชียงใหม่ ภาคกลาง 5 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี  นครสวรรค์ สุโขทัย ชัยนาท และสระแก้ว และภาคตะวันออก 2 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว และตราด โดยเมื่อวันที่ 27 มี.ค.60 เกิดวาตภัยในอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ บ้านเรือนเสียหาย 7 หลัง ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจ ประเมินและจัดทำบัญชีข้อมูลความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าในช่วงวันที่ 28-29 มี.ค.60 พื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีแนวโน้มที่จะเกิดพายุฝนฟ้าคะนองลดลง ขณะที่ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น และฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล

ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดเตรียมรับมือสภาพอากาศแปรปรวน โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัย อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากพายุลมแรง อยู่ให้ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงในระยะนี้ไว้ด้วย ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสภาพอากาศแปรปรวนสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

‘บิ๊กป๊อก’เผยสถานการณ์ภัยแล้งน่าห่วง เร่งผู้ว่าฯทุกจว.ทำความเข้าใจปชช.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262550

วันอังคาร ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560, 10.29 น.

28 มี.ค. 60 เวลา 08.45 น. วันที่ 28 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้งว่า สถานการณ์ปีนี้จังหวัดทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางบางส่วนน่าเป็นห่วง

โดยได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ดูแลประชาชน ทั้งเรื่องน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและด้านการเกษตร โดยเน้นย้ำให้ใช้น้ำอย่างมีแผนการ และมีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ พร้อมสร้างความเข้าใจประชาชนว่าน้ำอาจไม่เพียงพอต่อการทำนาปรัง

ผจก.ประปาชัยนาทยันน้ำพอใช้แน่!! วอนสงกรานต์นี้ขอเล่นน้ำแบบประหยัด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262539

วันอังคาร ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560, 09.21 น.

28 มี.ค. 60 นายกิตติ พุ่มศรีธร ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค สาขาชัยนาท เปิดเผยว่าจากสถานการณ์น้ำในปัจจุบันที่น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วง อ.เมืองชัยนาท มีระดับที่สูงกว่าปี59 เมื่อเทียบแบบรายวัน โดยปัจจุบันวัดได้ 14.68 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง สูงกว่าวันนี้ของปี59 อยู่ประมาณ 15 เซนติเมตร ทำให้ยังสามารถให้ความมั่นใจกับประชาชนได้ว่า จะมีน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาได้ไปจนตลอดฤดูแล้งนี้อย่างแน่นอน อีกทั้งการประปาชัยนาทเองได้เตรียมแผนรองรับกรณีน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลงต่ำไว้แล้ว โดยจะใช้แท่นสูบน้ำครั่วคราวที่ติดตั้งไว้ในแม่น้ำแทนแท่นสูบปกติได้ทันที หากระดับน้ำลดต่ำลงไปใกล้เคียงระดับวิกฤต 13.50 เมตร

ส่วนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ความต้องการใช้น้ำจะมีสูงกว่าเวลาปกติถึง 3 เท่านั้น การประปาชัยนาทยังมั่นใจว่าจะสามารถผลิตน้ำประปาได้ทันต่อความต้องการของประชาชน แต่ก็ยังคงต้องขอความร่วมมือในการประหยัดน้ำ เพราะหากชุมชนเมืองใช้น้ำมากเกินไปก็จะกระทบกับน้ำประปาที่จะต้องนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งรอบนอก ที่ในแต่ละปีการประปาชัยนาทต้องจัดสรรน้ำส่วนนี้กว่าปีละ 20,000 คิวได้

 

หลายพื้นที่มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ10 กทม.-ปริมณฑลปริมาณฝนลดลง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262526

วันอังคาร ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.02 น.

28 มี.ค.60 พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้าง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีปริมาณฝนลดลง ส่วนภาคใต้จะมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 28-29 มี.ค.2560

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้เริ่มมีกำลังอ่อนอง ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและประเทศลาว ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบน มีฝนลดลง สำหรับลมตะวันออกกำลังปานกลางพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง
ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ตาก อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก พิจิตร และกำแพงเพชร อุณหภูมิต่ำสุด 18-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป : ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

พายุฤดูร้อนกระหน่ำสุรินทร์หนัก บ้านเรือนพังยับ-จนท.เร่งช่วยเหลือ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262491

วันจันทร์ ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560, 19.51 น.

พายุฤดูร้อนกระหน่ำหนัก บ้านเรือนและยุ้งข้าว ประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์พังยับราบเป็นหน้ากลอง 2 หมู่บ้าน 35 หลังคาเรือนไร้ที่พักพิง โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะที่ อบต.เร่งให้การช่วยเหลือเบื้องต้นอย่างเร่งด่วน

27 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ่าสิบตำรวจธวัชชัย รัตนสงคราม นายก อบต.ตาเมียง ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พร้อมด้วยสมาชิกและผู้ใหญ่บ้านได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย จากกรณีที่มีพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำลงมาอย่างหนัก เมื่อหัวค่ำของวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้หลังคาบ้านเรือนของประชาชน ที่พักอาศัยอยู่ตามแนวชายแดนที่หมู่บ้านโนนมะยาง หมู่ที่ 6 ได้รับความเสียหาย หลังคาบ้านพังปลิวว่อนลงมากองกับพื้นดิน จำนวน 20 หลังคาเรือน และที่ 11 หมู่บ้านเกษตรสมบูรณ์ หลังคาบ้านพังจำนวน 14 หลัง และฉางข้าว 1 หลัง ข้าวเปลือกในฉางได้รับความเสียหายด้วย ซึ่งรวมแล้ว จำนวน 35 หลังคาเรือน

จ่าสิบตำรวจธวัชชัย รัตนสงคราม นายก อบต.ตาเมียง บอกว่าวันนี้ได้มาสำรวจความเสียหายที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากพายุฤดูร้อนในครั้งนี้ 2 หมู่บ้าน จำนวน 35 หลังคาเรือน โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งทาง อบต.จะมาให้การช่วยเหลือเบื้องต้นในวันพรุ่งนี้ พร้อมกับจะนำสิ่งของมาช่วยเหลือในระยะแรกก่อน

ด้าน คุณปู่เงิน สุมุตชาดี พ่อเฒ่าวัย 97 ปี พิการทางหูไม่ค่อยได้ยิน บอกว่า ที่บ้านพักอยู่กับยาย 2 คนด้วยกัน ฝนตกลงมาอย่างหนัก หลังจากนั้นก็มีพายุมา ตนเองกับยายอยู่ข้างล่าง ตกใจมากพากันหลบเพราะกลัวหลังคาพังลงมา

 

เล็งเพิกถอนป่าชายเลน!สร้างที่พัก-สนามกีฬา-ซูเปอร์มาร์เก็ต ผุด“วิลล่า…ต่างด้าว”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262459

วันจันทร์ ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560, 16.36 น.

27 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้มีหนังสือถึงกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เรื่องการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ 13 จังหวัด ประกอบด้วย จ.ระนอง ปทุมธานี สมุทรปราการ นครปฐม นนทบุรี ระยอง สมุทรสาคร เชียงใหม่ สงขลา ภูเก็ต ตาก สุราษฎร์ธานี และชลบุรี โดยขอใช้พื้นที่ป่าชายเลนเป็นการเฉพาะ เพื่อสร้างอาคารชุดใน จ.ระนอง ซึ่งมีแรงงานต่างด้าว รวม 64,212 คน แบ่งเป็นได้รับการพิสูจน์สัญชาติและนำเข้าตามข้อตกลงระหว่างประเทศไทยกับเมียนมา จำนวน 39,850 คน และได้รับการผ่อนผัน จำนวน 24,036 คน ส่วนใหญ่มีที่พักอาศัยตามสลัมหรือที่พักที่นายจ้างจัดให้

โดย จ.ระนองได้กำหนดพื้นที่อยู่อาศัยหรือจัดโซนนิ่งไว้ 2 แห่ง คือ พื้นที่ป่าชายเลนบริเวณหลังป้อมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หมู่ที่ 5 (ซ.หลังโรงเจ)  ต.บางริ้น อ.เมือง จำนวน 120 ไร่ และที่ดินบริเวณบ้านปากคลอง หมู่ที่ 1 (ซ.แพแหวนทอง)  ต.ปากน้ำ อ.เมือง อีกประมาณ 73 ไร่

ทั้งนี้ ขอให้ ทช. เพิกถอนสภาพป่าชายเลนทั้ง 2 พื้นที่ และมอบให้เป็นพื้นที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ เพื่อให้เอกชนมาลงทุนก่อสร้าง โดยสัมปทานหรือเช่าพื้นที่ทำโครงการในรูปแบบวิลล่า แบ่งเรือนที่พักเป็นโซน ห้องละ 4 คน มีการดูแลรักษาความปลอดภัย พื้นที่พักผ่อน สนามกีฬา ร้านซุปเปอร์มาเก็ต เป็นต้น รวมทั้งขอยกเว้นกฎหมายผังเมือง เนื่องจากเป็นพื้นที่สีเขียว พร้อมทั้งระบุด้วยว่าหากได้รับอนุมัติโครงการจะแล้วเสร็จภายใน 10 เดือน

ด้าน น.ส.สุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ อธิบดี ทช. กล่าวว่า เรื่องทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนการนำเสนอ และปรึกษาหารือสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ยังไม่เข้าสู่กระบวนการนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อผ่อนผันให้สามารถเข้าไปใช้พื้นที่ป่าชายเลนได้ โดยขั้นตอนขอเพิกถอนป่าชายเลนต้องไปชี้หรือพิจารณาพื้นที่ก่อนว่าจะใช้พื้นที่ตรงไหนบริเวณใด จากนั้นนำเสนอ ครม.เพื่อขอเพิกถอน เมื่อได้รับการผ่อนผันจะต้องนำเข้าสู่คณะกรรมการพิจารณาการใช้พื้นที่ป่าชายเลน คงต้องใช้เวลาอีกระยะ เพราะต้องผ่านขั้นตอนอีกหลายขั้นตอนด้วยกัน

“สภาพพื้นที่ป่าชายเลนในบริเวณที่ขอเพิกถอน ขณะนี้ไม่มีสภาพของความเป็นป่าชายเลนแล้ว น้ำทะเลก็เข้าไม่ถึงมานานแล้ว อีกทั้งมีประชาชนจำนวนหนึ่งเข้าไปบุกรุกสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัยอีกด้วย คือเปลี่ยนสภาพจากป่าชายเลนเดิมไปหมดแล้ว การพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตนั้น หลักการสำคัญ คือ ต้องมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ และสังคมเป็นหลัก นอกจากนี้แม้พื้นที่จะเป็นป่าชายเลนที่ค่อนข้างเสื่อมโทรม แต่หาก ครม.อนุมัติ ให้เพิกถอนให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวได้จริง ครม.จะต้องจัดงบประมาณเพื่อชดเชย ให้มีการปลูกป่าชายเลน เป็นจำนวน 20 เท่าของพื้นที่เดิม หรือไม่ต่ำกว่า 4,000 ไร่ ด้วย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีเรื่องใดๆแจ้งมายังกรมฯอย่างเป็นทางการ เป็นเพียงผลการประชุมและนำเสนอโครงการของกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น” อธิบดี ทช.กล่าว

พายุฤดูร้อนพัดถล่มกาฬสินธุ์อ่วม บ้านเรือนพังเสียหายกว่า60หลัง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262432

วันจันทร์ ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560, 15.23 น.

เกิดเหตุพายุฤดูร้อน พัดถล่มพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ 5 อำเภอ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเร่งสำรวจความเสียหาย เบื้องต้นเสียหายกว่า 60 หลังคาเรือน ขณะที่เหล่ากาชาดจังหวัดนำถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบวาตภัย
27 มี.ค.60 ที่บ้านหนองแวง หมู่ 16 ต.หนองแวง อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ นางนภัสสร สุวรรณประทีป นายกเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ และคณะกรรมการเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายวิชาญ แท่นหิน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จ.กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จ.กาฬสินธุ์ นำถุงยังชีพไปช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย โดยมีนายนิยม โยหาสิทธิ์ นายก อบต.หนองแวง ผู้นำชุมชน ชาวบ้าน ต้อนรับและรายสถานการณ์

นายวิชาญ แท่นหิน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าจากการที่พื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลพายุฤดูร้อนช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ที่ทำให้เกิดฝนตกหนักและวาตภัยพัดบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง จากการสำรวจได้รับความเสียหาย 5 อำเภอ คือ อำเภอสมเด็จ อำเภอห้วยเม็ก อำเภอนามน อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และอำเภอสหัสขันธ์ รวมบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหาย จำนวน 62 หลังคาเรือน วัด 1 แห่ง คอกสัตว์เลี้ยง 1 แห่ง ยุ้งฉางเก็บข้าว 2 แห่ง

ขณะที่นางนภัสร  สุวรรณประทีป นายกเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าหลังได้รับรายงานประชาชนได้รับความเดือดร้อน จากปัญหาวาตภัยพัดบ้านเรือนได้รับความเสียหาย ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ท้องถิ่น ท้องที่ และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.กาฬสินธุ์ ในการนำถุงยังชีพช่วยเหลือ ร่วมทั้งเครื่องอุปโภคบริโภค ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต รวมทั้งพิจารณาให้เงินเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ
ด้านนายสุพจน์ ปั้นทรัพย์ ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยา จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูแล้งสู่ฤดูฝน ที่จะเกิดสภาพอากาศแปรปรวนและเกิดพายุฤดูร้อน จึงประกาศเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวัง หมั่นติดตามการพยากรณ์อากาศ ตรวจสอบบ้านเรือนให้แข็งแรง เพื่อที่จะสามารถรับแรงพายุได้หากเกิดซ้ำขึ้นอีก

ทั้งนี้สำหรับสภาพอากาศวันนี้ บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้แล้ว ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศร้อน ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบน จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า และลูกเห็บตกบางพื้นที่ ได้ในช่วงวันที่ 27-29 มี.ค.60 ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และระวังอันตรายที่เกิดจากลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า และลูกเห็บตกไว้ด้วย

นางนภัสสร สุวรรณประทีป นายกเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ และคณะกรรมการเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายวิชาญ แท่นหิน ปภ.จ.กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำถุงยังชีพไปช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัย โดยมีนายนิยม โยหาสิทธิ์ นายกอบต.หนองแวง ผู้นำชุมชนและชาวบ้าน ต้อนรับหลังประสบเหตุพายุฤดูร้อนพัดเสียหายกว่า 60 หลังคาเรือน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

กรมอุตุฯออกประกาศเตือน!!! เตรียมรับมือลมแรง-ฟ้าผ่า-ลูกเห็บตก

พายุฤดูร้อนกระหน่ำเมืองช้าง ชายแดนบ้านพังยับ-ไทยลีกงดแข่ง

ปภ.รายงานจังหวัดได้รับผลกระทบวาตภัย26จว. สั่งรับมือพายุฤดูร้อนช่วง27-29มี.ค.นี้

เตรียมร่ม!เย็นนี้“ฝนถล่มกรุง”60% อุตุฯเตือน ฉ.19อากาศแปรปรวนทุกภาค

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262387

วันจันทร์ ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560, 13.37 น.

เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (27 มี.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ “อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทย (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 29 มีนาคม 2560)” ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 27 มีนาคม 2560 ระบุว่า ประเทศไทยมีสภาวะอากาศแปรปรวน ดังต่อไปนี้

1)ประเทศไทยตอนบน วันที่ 27 มีนาคม 2560 มีฝนฟ้าคะนองบริเวณ

# ภาคเหนือ : บริเวณจังหวัด พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และกำแพงเพชร

# ภาคตะวันออก: บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

# ภาคกลาง : บริเวณจังหวัด สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

# ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีแนวโน้มฝนลดลง : บริเวณจังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และ สุรินทร์

จากนั้นวันที่ 28-29 มีนาคม 2560 ฝนฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นบริเวณประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มลดลง

2)ภาคใต้ วันที่ 27-29 มีนาคม 2560 จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ภูเก็ต และพังงา

ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น

ขณะที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ตั้งแต่ 12.00 น.วันนี้-12.00 น.วันพรุ่งนี้ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา จะออกประกาศฉบับต่อไป ในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.00 น.

ปภ.รายงานคุณภาพอากาศภาคเหนือ คุมเข้มห้ามมีการเผาในที่โล่ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/262357

วันจันทร์ ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560, 10.44 น.

27 มี.ค.60 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ ณ วันที่ 27 มี.ค.60 เวลา 05.00 น. ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน มีค่าระหว่าง 44-131 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มีค่าระหว่าง 60 -105 ในภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลางถึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีปริมาณฝุ่นละอองในอากาศเกินค่ามาตรฐานและส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสาน 9 จังหวัดภาคเหนือดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศ และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่การเกษตร และพื้นที่ริมทางหลวงอย่างเคร่งครัด เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันมิให้วิกฤตมากขึ้น

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 27 มี.ค.60 เวลา 05.00 น. พบว่า พื้นที่ภาคเหนือ 9 จังหวัดมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 44 -131 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มีค่าระหว่าง 60-105 ในภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลางถึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยมี 8 จังหวัดที่คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ได้แก่ น่าน พะเยา แพร่ ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และตาก ขณะที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีปริมาณฝุ่นละอองในอากาศส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน
10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่า 131 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มีค่า 105

อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์หมอกควันในหลายจังหวัดของภาคเหนือปริมาณฝุ่นละอองไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเข้มข้น โดยใช้กลไก “ประชารัฐ” ขับเคลื่อนการทำงานในมิติเชิงพื้นที่ พร้อมจัดตั้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดและอำเภอเป็นศูนย์กลางในการอำนวยการ สั่งการ ควบคุมปัญหาไฟป่าและหมอกควัน จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จัดกำลังอาสาสมัครเฝ้าระวังไฟป่าและเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน รวมถึงดำเนินมาตรการควบคุมการเผาอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะพื้นที่ป่าไม้ เน้นการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบจุดไฟเผา พื้นที่เกษตรกรรม ให้กำหนดช่วงเวลาและจัดระเบียบการเผา ประกาศเขตห้ามเผา ส่งเสริมการจัดทำแนวกันไฟ และรณรงค์การไถกลบแทนการเผา ส่วนพื้นที่ริมทางหลวง ให้เฝ้าระวัง การเผาในเขตริมทางหลวงอย่างเข้มข้น อีกทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์ดับเพลิงให้พร้อมปฏิบัติการระงับไฟป่า ระดมรถบรรทุกน้ำและเครื่องมือฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ พร้อมประชาสัมพันธ์ผลกระทบของหมอกควันต่อ สุขภาพอนามัย และข้อมูลคุณภาพอากาศ รวมถึงคำแนะนำในการปฏิบัติตนแก่ประชาชน ตลอดจนขอความร่วมมือประชาชน งดเว้นการเผาขยะและเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันมิให้วิกฤตมากขึ้น

สำหรับประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุมให้หลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน เพราะจะสูดดมฝุ่นละอองจำนวนมากเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เจ็บป่วยได้ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว หากเจ็บป่วยจะมีอาการรุนแรงกว่าปกติ รวมถึงใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันมิให้สูดดมฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย ส่วนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนเป็นพิเศษ เพราะทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางอยู่ในระดับต่ำ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์หมอกควัน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป