ภัยแล้งลามหนัก!คลองแห้งขอด ชาวนาเดือดร้อน-แจกน้ำช่วยเหลือ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261745

วันพฤหัสบดี ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.56 น.

23 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.ชัยนาท ยังคงขยายวงกว้างส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร ทำให้ชาวนาส่วนใหญ่ตัดสินใจทิ้งร้าง เนื่องจากไม่มีน้ำเพียงพอในการเพาะปลูก

โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.เขาแก้ว อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ที่สำรวจจะทำให้เห็นพื้นที่นาข้าวงกว้าง กำลังเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลจากความแห้งแล้ง รวมทั้งน้ำในคลองเขาแก้ว-นมโฑ แหล่งน้ำสาธารณะที่ 2 หมู่บ้านใช้ในการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ กำลังแห้งขอดจนถึงก้นคลอง บางจุดเหลือเพียงโคลนติดก้นคลอง พืชน้ำอย่างบัวและสาหร่ายกำลังแห้งเหี่ยว สัตว์น้ำทั้งกุ้งหอยปูปลาก็ทะยอยตายจากสภาพอากาศที่ร้อนรุนแรง ส่วนในอีกหลายๆจุดยิ่งรุนแรงกว่า เพราะลำคลองแห้งจนเห็นดินแตกระแหง

โดยสภาพดังกล่าวปรากฏให้เห็นตลอดความยาว 8 กิโลเมตร ของลำคลอง ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า พื้นที่ ต.เขาแก้ว เป็นพื้นที่ประสบภัยแล้งรุนแรงทุกปี และปีนี้เองชาวบ้านก็พยายามเตรียมตัวรับมืออย่างเต็มที่ เพราะช่วงเดือนเมษายนของทุกปี จะเป็นช่วงที่รุนแรงที่สุด

ด้านนายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผวจ.ชัยนาท เปิดเผยว่าปัจจุบันพื้นที่ จ.ชัยนาท จะมีบางพื้นที่อาจจะเริ่มได้รับผลกระทบจากความแห้งแล้ง แต่ยังไม่รุนแรงถึงขนาดขาดน้ำดื่มน้ำใช้ แต่แหล่งน้ำสาธารณะหรือลำคลองต่างๆ อาจจะมีแห้งลงตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนเข้าสู่ฤดูแล้ง ซึ่งทางจังหวัดได้สั่งการให้แต่ละอำเภอพื้นที่ เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว

โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ให้เตรียมแผนให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งเรื่องของการจัดจุดผลิต แจก น้ำดื่มและน้ำใช้แล้ว รวมทั้งเรื่องของอาหารสัตว์ ที่หน่วยงานปศุสัตว์ก็เตรียมสำรองไว้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรในพื้นที่ ที่พืชอาหารสัตว์อาจจะขาดแคลนในอนาคตด้วย

 

ไทยตอนบนอากาศร้อน-ฟ้าหลัว เสี่ยงพายุ-ลมแรงและลูกเห็บตก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261739

วันพฤหัสบดี ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.00 น.

23 มี.ค.60 พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อนึ่ง ในช่วงวันที่ 25-29 มี.ค. 60 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลาง จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดพายุฤดูร้อนขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้จะมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้ (23 มี.ค.60) เป็นดังนี้

ภาคเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
อุณหภูมิต่ำสุด 16-24 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ
อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

อุตุฯเตือน25-29มี.ค.อากาศแปรปรวน รับมือฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261728

วันพุธ ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560, 20.41 น.

22 มี.ค.60 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ “อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทย ” ฉบับที่ 1 ระบุว่า ในช่วงวันที่ 25-29 มีนาคม 2560 ประเทศไทยมีสภาวะอากาศแปรปรวน บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ซึ่งจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ และอากาศจะคลายความร้อนลง ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ซึ่งสภาวะอากาศดังกล่าวจะเกิดขึ้นตามภาคต่างๆ ดังนี้

วันที่ 25 มีนาคม 2560 จะมีพายุฤดูร้อนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก

วันที่ 26-28 มีนาคม 2560 บริเวณที่เกิดพายุฤดูร้อนจะเพิ่มมากขึ้น และครอบคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่วนภาคใต้จะมีฝนตกหนักบางแห่ง

ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และระวังอันตรายที่เกิดจากลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก ไว้ด้วย

ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ในช่วงวันที่ 25-29 มีนาคม 2560 ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ประกอบกับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ส่วนลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นในระยะนี้

 

เจ้าหน้าที่โค่น!ต้นยางป่าดงแม่เผด เดินหน้ายึดคืนผืนป่านายทุน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261662

วันพุธ ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560, 15.43 น.

22 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. พ.อ.มานพ ไขขุดทด รองผอ.กอ.รมน.กาฬสินธุ์ นายนิยม กิตติวงศ์ตระกูล ผอ.ส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ ร.ท.ธวัชชัย เห็มวัง นายอำเภอดอนจาน พ.ท.อวยชัย เอกะกุล รองเสธนาธิการกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.กาฬสินธุ์ นายวีระ ใสแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่กส.2(ดงแม่เผด) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า เจ้าหน้าที่สังกัดสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ ทหารกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่กอ.รมน.กาฬสินธุ์ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอป.พร.

ร่วมกันนำเครื่องไม้ เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ เข้าปฏิบัติการยึดคืนผืนป่าจากนายทุน จำนวน 2 ราย 2 แปลง โดยการตัดโค่นต้นยางพาราที่บุกรุกในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงแม่เผด บริเวณบ้านสายป่างแดง ม.4 ต.สะอาดไชยศรี อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งแปลงแรกเนื้อที่ 78 ไร่ และแปลงที่ 2 เนื้อที่  18 ไร่ รวม 96 ไร่ ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว

พ.อ.มานพ ไขขุดทด รองผอ.กอ.รมน.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การปฏิบัติการดังกล่าว เป็นการบูรณาการร่วมกันของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย เพื่อเดินหน้ายึดคืนผืนป่าจากนายทุน ที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติให้ได้อย่างน้อย 40 % ตามนโยบายของรัฐบาลและคสช.ซึ่งการตัดโค่นต้นยางยึดคืนผืนป่าครั้งนี้ มีจำนวน 2 แปลง รวมเนื้อที่ 96 ไร่ ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว และจะมีการตามยึดคืนผืนป่า ที่ถูกนายทุนบุกรุกตามป่าสงวนแห่งชาติต่างๆในพื้นที่ รวมทั้งดำเนินการฟื้นฟู เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับป่าต่อไป

ด้านนายนิยม กิตติวงศ์ตระกูล ผอ.ส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงแม่เผดปัจจุบันจากการตรวจสอบเบื้องต้นมีนายทุนเข้ามาทำการบุกรุก เพื่อปลูกยางพาราและมันสำประหลังประมาณ 10,000 ไร่ ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกดดันและร่วมกันยึดคืนผืนป่าตามคำสั่งศาล คดีถึงที่สุดแล้วจำนวน 196 ไร่  และทำการฟืนฟู โดยการปลูกป่าทดแทนไปแล้ว 300 ไร่ ส่วนเนื้อที่ผืนป่าที่ถูกบุกรุกในส่วนที่เหลือนั้นเจ้าหน้าที่จะทำการยึดคืนและทำการฟืนฟูให้ป่าคงกลับมาสภาพเดิมให้มากที่สุดต่อไป

 

ชาวพังงาขอบคุณทหารเร่งขุดคลอง ป้องกันขาดน้ำหน้าแล้ง-น้ำท่วมฤดูฝน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261657

วันพุธ ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560, 15.08 น.

22 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.วัลลภ ฐิติกุล ผู้บัญชาการ กองพลพัฒนาที่ 4 จ.สงขลา ลงพื้นที่ตรวจติดตามการขุดลอกคลองสาธารณะ ของทหารพัฒนาในโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ ตามนโยบายของรัฐบาล ในพื้นที่ลำคลองสาธารณะ ม.9 ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง และป้องกันปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝน

โดยมีนายสมบัติ จินดาพล นายก อบต.โคกกลอย พร้อมด้วยนายสืบศักดิ์ จินดาพล กำนันตำบลโคกกลอย และกลุ่มชาวบ้านร่วมต้อนรับ และ ชื่มชมกับการตรวจสอบโครงการของทางทหาร ที่กระโดดลงไปในลำคลอง ตรวจความลึกความกว้างของการขุดลอก

นายสมบัติ จินดาพล เปิดเผยว่า คลองสาธารณะสายนี้เป็นลำคลองสายหลักที่รับน้ำจากพื้นที่และพื้นที่ตำบลหล่อยูง ก่อนจะไหลลงสู่ทะเล ที่ผ่านมามีการสะสมของตะกอนดิน จนลำคลองตื้นเขินน้ำระบายได้ลำบาก จนเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้น้ำท่วม ในหลายจุดของตำบลโคกกลอยเมื่อปีที่ผ่านมา และในหน้าแล้งก็ไม่มีน้ำเหลืออยู่ในลำคลอง ชาวบ้านต้องขอขอบคุณทางกองทัพบกที่ได้เข้ามาช่วยขุดลอกคลองได้อย่างมีมาตรฐานในระยะทางยาว 4 กิโลเมตร กว้าง 8 เมตร ลึก 3.5 เมตร

พล.ต.วัลลภ ฐิติกุล กล่าวว่า โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบตามนโยบายของรัฐบาลที่มอบให้กองทัพบกโดยทหารพัฒนา เข้าช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้มีน้ำใช้ในหน้าแล้ง และช่วยในการระบายน้ำในหน้าฝน  เป็นความห่วงใยของนายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้ทางกองทัพบกเข้ามาช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศ

 

ไฟไหม้!บ่อขยะโคราชยังไม่ดับ ระดมรถฉีดน้ำ23คัน-เฝ้าระวัง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261635

วันพุธ ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560, 14.43 น.

22 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุไฟไหม้ บ่อขยะของเทศบาลเมืองปากช่อง บริเวณบ้านโนนป่าติ้ว ม. 2 ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตั้งแต่ช่วงเที่ยงวานนี้ และเมื่อเวลา 09.00 น. ที่ผ่านมาสามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว หลังใช้เวลานานเป็นวันที่ 2 แต่ยังมีกลุ่มควันออกมาอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ยังคงระดมกำลังดับไฟที่คุกรุ่นอย่างต่อเนื่อง

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า การดับไฟไหม้บ่อขยะของเทศบาลเมืองปากช่อง วันนี้ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ รถบรรทุกน้ำกว่า 10  คัน รถรถแทรกเตอร์  รถไถ และรถแบ็คโฮ เข้าทำการดับไฟที่คุกรุ่นอยู่ด้านล่าง

โดยเฉพาะต้องเข้าไปให้ถึงจุดกึ่งกลางของบ่อขยะให้ได้ แต่อุปสรรคคือ เจ้าหน้าที่ได้ทดสอบนำรถแทรคเตอร์เข้าไปดันกองขยะตามแนวเส้นทางเดิมเพื่อให้รถดับเพลิงเข้าไปฉีดน้ำได้  แต่เนื่องจากพื้นดินอ่อนตัวรถดับเพลิงไม่สามารถเข้าได้ จึงใช้วิธีลากสายยางฉีดน้ำเข้าไปดับเพลิงแทน และในจุดเกิดเหตุยังมีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมามาก รวมถึงมีความร้อนสูงเป็นปัญหาต่อการทำงานอย่างยิ่ง  ซึ่งคาดว่าคงต้องใช้เวลาตลอดทั้งวันนี้เพื่อดับไฟให้สนิทให้ได้

ส่วนสาเหตุเบื้องต้นจากการสอบถามทางเทศบาลเมืองปากช่อง ซึ่งเป็นเจ้าของบ่อขยะดังกล่าว ทราบว่ามีประชาชนเผาหญ้าใกล้กองขยะ และลุกลามเข้ามาไหม้บ่อขยะดังกล่าว เนื่องจากขยะมีปริมาณมากและกองทับถมกันมานาน จึงเป็นอุปสรรคทำให้การดับไฟใช้เวลานาน อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียดเพื่อหากสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ด้านนายสุเทพ รื่นถวิล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า พื้นที่บ่อขยะของเทศบาลเมืองปากช่องทั้งหมดมี 56 ไร่ แต่ไฟได้ไหม้บ่อขยะกองใหญ่ 1 กองเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ การดับเพลิงเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากมีกลุ่มควันหนา เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการเข้าดับเพลิง

โดยเมื่อคืนนี้นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นายธนพล จันทรนิมิ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และนายอำเภอปากช่อง ได้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยการสั่งการในการดับเพลิงครั้งนี้ และได้สั่งระดมสรรพกำลังหน่วยงานในพื้นที่เข้าระงับเหตุเพลิงไหม้บ่อขยะ ได้แก่ เทศบาลปากช่อง อบต.หนองสาหร่าย อบต.ขนงพระ และท้องถิ่นใกล้เคียงรวมถึงหน่วยทหาร ได้สนับสนุนรถดับเพลิง และรถบรรทุกน้ำ จำนวน  23 คัน ระดมฉีดน้ำสกัดเพลิง และสามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว พร้อมทั้งเฝ้าระวังเพื่อไม่ให้เกิดการลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียง แต่เนื่องจากกองขยะมีปริมาณมาก และไฟยังคุกรุ่นอยู่ด้านล่าง จึงยังมีกลุ่มควันออกมาจำนวนมาก และช่วงสายวันนี้จะระดมดับเพลิงให้ดับสนิทอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตแต่อย่างใด สาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน

 

มอบบ้านเยียวยา!ผู้ประสบอุทกภัย หนุนงบสนับสนุนช่วยเหลือ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261630

วันพุธ ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560, 14.26 น.

22 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานมอบบ้านพักอาศัยให้ผู้ประสบกอุทกภัยที่บ้านนายจำนงค์ ใจหัาว เลขที่ 68/2 หมู่ที่ 6 ตำบลเขาน้อย อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งก่อสร้างโดยข้าราชการการตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี พล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 นายสกล จันทรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอำเภอสิชล ข้าราชการตำรวจ ผู้บริหารท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน และประชาชน ร่วมในพิธีและให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับมอบหมายจาก ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เข้ามาช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยบ้านพักอาศัยพังเสียหาย โดยทำการฟื้นฟูสร้างบ้านพักอาศัยในพื้นที่อำเภอสิชล 10 หลัง และอำเภอนบพิตำ 17 หลัง รวมทั้งสิ้น 27 หลัง ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนในการก่อสร้างจาก จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 23 หลัง ๆ ละ 230,000 บาท ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ.191 พร้อมเพื่อนนพต.รุ่น 47 จำนวน 4 หลัง งบประมาณ 1 ล้านบาท โดยตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ตั้งศูนย์อำนวยการฟื้นฟูขึ้นที่วัดถ้ำภูเขาเหล็ก หมู่ที่ 2 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ โดย พระครูภัทรธรรมาภรณ์ ขณะนี้ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว จำนวน 8 หลัง ส่วนที่เหลือได้ทำการก่อสร้างมีความคืบหน้าในการก่อสร้างประมาณ 80 เปอร์เซ็นซึ่งคาดว่าน่าจะดำเนินการสร้างแล้วเสร็จภายใน 31 มีนาคม 2560

โอกาสนี้ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบบ้านกุญแจบ้านพร้อมเครื่องนอน เครื่องครัว และพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร แก่เจ้าของบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย
พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า ในช่วงเดือนธันวาคม 2559 และมกราคม 2560 ที่ผ่านมา ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นบริเวณกว้างทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก

ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยและตระหนักถึงความเดือดร้อน ของพี่น้องประชาชน จึงให้การสนับสนุนงบประมาณ จัดสร้างบ้านพักอาศัย ให้ผู้ประสบอุทกภัยผ่านทางจังหวัด สำหรับตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการสร้างบ้านพักอาศัยแก่ผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งสิ้น 27 หลัง ถือว่าเป็นเกียรติที่ได้รับมอบภารกิจนอกเหนือจากการปฏิบัติหน้าที่ประจำในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนจากการประสบอุทกภัยและได้ให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ด้วยการมาตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญและให้กำลังใจ ตลอดถึงได้แจกถุงยังชีพในช่วงเกิดสถานการณ์เบื้องต้นส่วนหนึ่งแล้ว

แม้บัดนี้สถานการณ์ได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังมีความห่วงใยและปรารถนาดีต่อพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอขอบคุณ ส่วนราชการ หน่วยงานทุกส่วนที่ได้ทุ่มเท เสียสละปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนจนผ่านพ้นวิกฤตการณ์ไปได้ด้วยดี

อย่างไรก็ตามได้ให้ตำรวจภูธรภาค 8 และ ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปสำรวจดูว่ายังมีประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยอีกหรือไม่ ซึ่งตนพร้อมสนับสนุนงบประมาณให้เพิ่มเติมอีกจำนวน 5 หลัง

โปรยฝนเทียมแก้ภัยแล้งอีสาน!! หวังกักเก็บน้ำเขื่อนลำตะคอง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261628

วันพุธ ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560, 14.15 น.

22 มี.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา11.30 น. นายสินชัย พึ่งตำบล ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำหัวหน้าส่วนและเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จังหวัดนครราชสีมา ลงพื้นที่พบปะเยี่ยมเยียนและตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง และความเสียหายของต้นมันสำปะหลังเกษตรกร ในตำบลบึงอ้อ อำเภอขามทะเลสอ จังหวัดนครราชสีมา ที่ศาลาสวนผักผ่อนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา องค์การบริหารส่วนตำบลบึงอ้อ อำเภอขามทะเลสอ จังหวัดนครราชสีมา

นายสินชัย พึ่งตำบล เปิดเผยว่า การปฏิบัติการฝนหลวงแก้ปัญหาภัยแล้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดนครราชสีมา กรมฝนหลวงได้จัดทำแผนไว้โดยเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2560 มีการตั้งหน่วยฝนหลวงขึ้นที่ จ.บุรีรัมย์  โดยมีหน่วยเติมสารไว้ที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งปกติจะตั้งหน่วยฝนหลวงไว้ที่ จ.นครราชสีมา แต่เนื่องจากสนามบินกองบิน 1 ติดภารกิจการฝึกร่วมผสมระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา และการฝึกคอบไทเกอร์ช่วงนี้ ทำให้หน่วยฝนหลวงเราไม่สามารถที่จะตั้งฐานปฏิบัติการเพื่อที่จะเครื่องบินได้บินไปในพื้นที่เป้าหมายได้ และที่ผ่านมาก็มีการตั้งฐานปฏิบัติการฝนหลวงขึ้นที่ จ.อุดรธานี

นอกจากนี้แผนช่วงเดือนเมษายน 2560 ที่ทางอุตุนิยมคาดการณ์ว่าสภาพอากาศจะร้อนทะลุ 43 องศาฯนั้น เราจะมีการปรับให้หน่วยฝนหลวง จ.บุรีรัมย์ มาตั้งฐานปฏิบัติการฝนหลวงที่กองบิน 1 จ.นครราชสีมา เพื่อเร่งปฏิบัติการฝนหลวงให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนลำตะคองต่อไป และปรับหน่วย จ.บุรีรัมย์ให้เป็นหน่วยเติมสาร และในช่วงเดือนมิถุนายน 2560 จะมีการตั้งหน่วยเพิ่มขึ้นอีก 1 หน่วยที่ จ.อุบลราชธานี ให้คลุมดูแลพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อย่างไรก็ตามกรมฝนหลวงและการบินเกษตร มีแผนตามยุทธศาสตร์ที่จะตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงเพิ่มขึ้นอีก 1 ศูนย์เพื่อดูแลพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง โดยประมาณ 2 ปี ก็จะมีศูนย์ 2 ศูนย์ทั้งภาคอีสานตอนบนและภาคอีสานตอนล่าง ให้ครอบคลุมพื้นที่ 20 จังหวัด

ทั้งนี้พื้นที่เป้าหมายการทำฝนหลวงเป็นที่ทราบดีว่า ปีนี้น้ำต้นทุนค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน จ.นครราชสีมา แหล่งน้ำขนาดใหญ่อย่างเขื่อนลำตะคอง ตอนนี้มีน้ำต่ำกว่าเกณฑ์ไม่ถึง 50% ซึ่งได้รับการประสานจากกรมชลประทาน โดยเจ้าหน้าที่ส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง และนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา โดยจะมีการประสานเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำตะคองอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้จากการปฏิบัติการที่ผ่านมานอกจากหน่วยฝนหลวง จ.บุรีรัมย์ ที่อยู่ในภาคอีสานแล้ว ยังมีการประสานการทำงานบูรณาการกับหน่วยฝนหลวงภาคกลาง ก็ได้ตั้งหน่วยฝนหลวงที่ จ.ลพบุรี เพื่อให้มาร่วมบินปฏิบัติการฝนหลวง ให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำที่เขื่อนลำตะคอง ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จ

โดยเริ่มมีน้ำที่จะเข้าเขื่อนลำตะคอง ส่วนปัญหาอุปสรรคในการบินคงเป็นเรื่องการฝึกผสม แต่ก็ได้ปรับแผนตามที่ว่าไปแล้ว ส่วนการขึ้นบินทำฝนหลวงจำนวนเที่ยวขึ้นอยู่กับภาวะอากาศ แต่ในช่วงนี้ยังมีความเหมาะสมอยู่ ซึ่งมีหน่วยเคลื่อนที่เร็ว พร้อมกับที่ผ่านมาหน่วย จ.บุรีรัมย์ ได้บินไปแล้ว 34 เที่ยวบิน 50 ชั่วโมงบิน ส่วนของ จ.อุดรธานีบินแล้วกว่า 12 เที่ยวบิน นายสินชัยฯ กล่าว

 

3จ.ภาคเหนือวิกฤตหมอกควัน!! ชี้ส่งผลเสียสุขภาพ-คุมไฟป่า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261608

วันพุธ ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560, 12.55 น.

22 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงาน 3 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ ลำปาง เชียงราย และตาก คุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

ปภ.ได้ประสาน 9 จังหวัดภาคเหนือดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเข้มข้น โดยใช้กลไก “ประชารัฐ” พร้อมจัดตั้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดและอำเภอ จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่การเกษตร และพื้นที่ริมทางหลวงอย่างเคร่งครัด อีกทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์ดับเพลิงให้พร้อมปฏิบัติการระงับไฟป่า ระดมรถบรรทุกน้ำฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ตลอดจนขอความร่วมมือประชาชนงดเว้น การเผาขยะและเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันมิให้วิกฤตมากขึ้น

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2560 เวลา 05.00 น. พบว่า 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตาก ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 76 – 169 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มีค่าระหว่าง 73 – 122 ซึ่งคุณภาพอากาศในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยมี 3 จังหวัด คุณภาพอากาศเกินเกณฑ์มาตรฐานและอยู่ในระดับส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ได้แก่ จังหวัดลำปาง ในพื้นที่ตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะ ค่า PM10 169 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่า AQI 122 จังหวัดเชียงราย ในพื้นที่ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย ค่า PM10 123 ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร ค่า AQI 102 จังหวัดตาก ในพื้นที่ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด ค่า PM10 123 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร  ค่า AQI 102 ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประสาน 9 จังหวัดภาคเหนือ ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเข้มข้น

โดยใช้กลไก “ประชารัฐ” ขับเคลื่อนการทำงานในมิติเชิงพื้นที่ พร้อมจัดตั้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดและอำเภอ เป็นศูนย์กลางในการอำนวยการ สั่งการควบคุมปัญหาไฟป่าและหมอกควัน จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จัดกำลังอาสาสมัครเฝ้าระวังไฟป่าและเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน รวมถึงดำเนินมาตรการควบคุมการเผาอย่างเคร่งครัด

โดยเฉพาะพื้นที่ป่าไม้ เน้นการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบ จุดไฟเผา พื้นที่เกษตรกรรม ให้กำหนดช่วงเวลาและจัดระเบียบการเผา ประกาศเขตห้ามเผา ส่งเสริมการจัดทำแนวกันไฟ และรณรงค์การไถกลบแทนการเผา ส่วนพื้นที่ริมทางหลวง ให้เฝ้าระวังการเผาในเขตริมทางหลวงอย่างเข้มข้น

อีกทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์ดับเพลิงให้พร้อมปฏิบัติการระงับไฟป่า ระดมรถบรรทุกน้ำฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้นและ ลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ พร้อมประชาสัมพันธ์ผลกระทบของหมอกควันต่อสุขภาพอนามัย และข้อมูลคุณภาพอากาศ รวมถึงคำแนะนำในการปฏิบัติตนแก่ประชาชน ตลอดจนขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเผาขยะและเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันมิให้วิกฤตมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม ให้หลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน เพราะจะสูดดมฝุ่นละอองจำนวนมากเข้าสู่ร่างกายอาจทำให้เจ็บป่วยได้ รวมถึงใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันมิให้สูดดมฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย ส่วนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนเป็นพิเศษ เพราะทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางอยู่ในระดับต่ำ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควัน สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานแก้ไขปัญหาโดยด่วนต่อไป

ปภ.เผยผลกระทบ!!!วาตภัย21จ. ประสานเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261604

วันพุธ ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560, 12.44 น.

22 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานช่วงวันที่ 14 – 22 มีนาคม 2560 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยรวม 21 จังหวัด 60 อำเภอ 101 ตำบล 362 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 4,483 หลัง ผู้เสียชีวิต 3 ราย

ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหาย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยด่วนแล้ว พร้อมประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ เตรียมพร้อมรับมือพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะนี้

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 14 – 22 มีนาคม 2560 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 21 จังหวัด 60 อำเภอ 101 ตำบล 362 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 4,483 หลัง ผู้เสียชีวิต 3 ราย แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 12 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ เลย สกลนคร มหาสารคาม นครราชสีมา หนองคาย ร้อยเอ็ด ขอนแก่น ชัยภูมิ และบึงกาฬ ภาคเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ พะเยา ภาคกลาง 6 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สุโขทัย ชัยนาท และกำแพงเพชร และภาคตะวันออก 2 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว และตราด

ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคาและวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต

ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ระยะนี้ประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง และลมกระโชกแรงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ดังกล่าวเตรียมรับมือพายุฝนฟ้าคะนอง

โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัย พร้อมจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากพายุลมแรง อยู่ให้ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงในระยะนี้ไว้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุฤดูร้อน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป