ส.ป.ก.-สพภ.บันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการวนเกษตร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261451

วันอังคาร ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560, 13.18 น.

x

ส.ป.ก. ร่วมกับ สพภ.บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การดำเนินโครงการวนเกษตรกิจกรรมป่าครอบครัวในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อการพึ่งพาตนเองและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ

21 มี.ค.60 สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กับสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (สพภ.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนิน โครงการวนเกษตรกิจกรรมป่าครอบครัวในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการพึ่งพาตนเองและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ณ ห้องประชุมไชยยงค์ ชูชาติ ส.ป.ก. ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร

โดยมีนางจุฬารัตน์ นิรัตศยกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (สพภ.และนายสมปอง อินทร์ทอง เลขาธิการ ส.ป.ก. เป็นตัวแทนร่วมลงนามทั้งสองฝ่าย

การบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ ทั้งสองหน่วยงานมีความประสงค์จะยกระดับ ความร่วมมือทางวิชาการระหว่าง ส.ป.ก.และ สพภ.เพื่อส่งเสริมและพัฒนาวนเกษตรกิจกรรม ป่าครอบครัว ภายใต้การดำเนินงานของหน่วยงาน โดยมุ่งเน้นให้เกิดความตระหนักและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการที่ดิน การอนุรักษ์และการใช้ ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร ด้วยการส่งเสริมและพัฒนาวนเกษตรกิจกรรมป่าครอบครัวเพื่อการพึ่งพาตนเอง ด้านความมั่นคงทางชีวภาพ และภูมิปัญญาท้องถิ่นในเขตปฏิรูปที่ดิน และเพื่อกระตุ้นทุกภาคส่วนให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งในด้านการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน

ทั้งนี้นายสมปอง อินทร์ทอง เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ได้กำหนดบทบาทหน้าที่ของแต่ละฝ่ายไว้อย่างชัดเจน โดยจะขยายแนวคิดนี้จัดทำเป็นโครงการนำร่องป่าครอบครัวในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นจังหวัดแรกที่ ส.ป.ก. ได้ดำเนินการจัดที่ดินให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ซึ่งมีบริเวณพื้นที่แนวเขตกันชนติดกับพื้นที่ป่าอนุรักษ์ คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ของ ส.ป.ก. และอยู่ติดกับเขตพื้นที่แนวกันชนป่าอนุรักษ์ร่วมกันดำเนินการป่าครอบครัว เพื่อเป็นแหล่งอาหาร สมุนไพร ไม้ใช้สอย เป็นการลดการพึ่งพาธรรมชาติ ป้องกัน การบุกรุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้แต่ละครอบครัว ทำให้มีพื้นที่ป่าไม้เพิ่มขึ้นในบริเวณพื้นที่จัดสรรของ ส.ป.ก. ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจัดสรรพื้นที่ ส.ป.ก. ให้แก่เกษตรกรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีจำนวนครัวเรือนที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ ในปี 2560 จำนวน 3 พื้นที่ ในเขตแนวกันชนป่าอนุรักษ์จังหวัดอุทัยธานี ประกอบด้วย อำเภอบ้านไร่ อำเภอลานสัก และอำเภอห้วยคต พื้นที่ละ 15 ครัวเรือน รวมเป็น 45 ครอบครัว และจะขยายโครงการฯ ออกไปในพื้นที่จัดสรรของ ส.ป.ก.ที่มีแนวเขตกันชนติดกับพื้นที่ป่าอนุรักษ์อื่นๆ ต่อไป

อย่างในก็ตามในส่วน ส.ป.ก. มีบทบาทหน้าที่ในการดำเนินโครงการดังกล่าว คือเสนอชุมชนเป้าหมาย และคัดเลือกสมาชิกป่าครอบครัวเพื่อเข้าร่วมโครงการ ส่งเสริมสนับสนุนให้เครือข่ายป่าครอบครัวจัดทำข้อมูลป่าครอบครัวในแต่ละครัวเรือนรวมทั้งสนับสนุนให้มีการเพาะกล้าไม้ในระดับครัวเรือนและระดับเครือข่าย ประสานงานและสนับสนุนกล้าไม้ที่ไม่สามารถขอรับสนับสนุนจากเครือข่ายอื่นได้และส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างความเข้มแข็งการดำเนินงานของสมาชิกและกลุ่มเครือข่ายพร้อมทั้งให้คำปรึกษา ติดตาม และประเมินผลด้วย

เติมสระน้ำดิบผลิตประปาช่วย7ม. ชาวบ้านวอน!รัฐขุดสระกักเก็บน้ำ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261449

วันอังคาร ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560, 13.12 น.

21 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการชลประทานจังหวัดบุรีรัมย์ได้ปล่อยน้ำ จากอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากผ่านคลองส่งน้ำ คลองซอย ให้ไหลเข้าสระน้ำกลางหมู่บ้าน 7 หมู่บ้าน มีหมู่ 1 ,  2 , 3 , 7 , 11 , 12  และหมู่ 14 ใน ต.กระสัง อ.เมืองบุรีรัมย์ ตามมติของกลุ่มผู้ใช้น้ำ หลังจากผู้นำชุมชน และชาวบ้านได้ร้องขอความช่วยเหลือ เนื่องจากสระกลางหมู่บ้าน ที่ใช้เป็นน้ำดิบในการผลิตประปา  มีสภาพตื้นเขิน ไม่เพียงพอผลิตประปาจ่ายน้ำให้ราษฎรในหมู่บ้านในช่วงหน้าแล้ง

โดยการปล่อยน้ำเติมสระน้ำดิบกลางหมู่บ้านในครั้งนี้ เป็นมติของกลุ่มผู้ใช้น้ำอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับราษฎรทั้ง 7 หมู่บ้าน กว่า 900 ครัวเรือน ได้มีน้ำอุปโภคบริโภคตลอดฤดูแล้งนี้ ทั้งยังส่งผลดีให้ชาวบ้านบางส่วนได้มีน้ำปลูกพืชผักสวนครัวไว้บริโภค และขายเป็นรายได้เสริมแทนการทำนาปรังอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านก็ได้เรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐ ได้เข้ามาสำรวจเพื่อจัดสรรงบประมาณ มาดำเนินการขุดลอกสระกลางหมู่บ้านที่ตื้นเขิน ให้ลึกลงกว่าเดิมเพื่อให้สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้อุปโภคบริโภค และทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี

นายประชิด  สาโรจน์   ผู้ใหญ่บ้านบ้านม่วงพัฒนา ม.16  กล่าวว่า ในช่วงหน้าแล้งของทุกปีผู้นำชุมชนต้องทำเรื่องร้องขอน้ำผ่านกลุ่มผู้นำใช้น้ำ เพื่อเสนอให้ทางโครงการชลประทานปล่อยน้ำมาเติมในสระน้ำดิบกลางหมู่บ้าน ที่ใช้ผลิตประปาถึง 2 หมู่บ้าน เพราะน้ำในสระไม่เพียงพอผลิตประปาเนื่องจากสระมีขนาดเล็กและตื้นเขิน บางปีหากฝนมาช้าก็จะขอให้ชลประทานปล่อยน้ำมาเติมถึง 2 ครั้ง จึงจะเพียงพอผลิตประปาจ่ายให้ราษฎรในหมู่บ้านได้ตลอดหน้าแล้ง

จึงอยากฝากถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาสำรวจและจัดสรรงบประมาณมาดำเนินการขุดลอกสระกลางหมู่บ้าน ให้สามารถกักเก็บน้ำได้มากขึ้นและเพียงพอผลิตประปาได้ตลอดทั้งปีด้วย

 

สรุปผลกระทบพายุฤดูร้อนถล่ม มหาสารคามเสียหาย5อ.พัง200หลัง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261431

วันอังคาร ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560, 11.01 น.

21 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเสน่ห์ นนทะโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมหาสารคาม ได้รายงานสรุปความเสียหายจากพายุฤดูร้อนที่พัดกระหน่ำ เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีบ้านเรือนราษฏรได้รับความเสียหายใน 5 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอโกสุมพิสัย , กันทรวิชัย , บรบือ , แกดำ และอำเภอเมืองมหาสารคาม มีบ้านเรือนราษฏรได้รับความเสียหาย 277 หลังคาเรือน

โดยเฉพาะที่บ้านของนายวีระศักดิ์ สวัสดิผล อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ 3 บ้านเสือกินวัว ต.มิตรภาพ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม แรงลมได้พัดหลังคาโรงเรือนที่ใช้เก็บฟางข้าว ปลิวไปไกลกว่า 50 เมตร ฟางข้าวที่เก็บไว้ใช้เลี้ยงวัวโดยฝนเปียกน้ำทั้งหมด ซึ่งหลังคาบางส่วนได้พัดไปถูกหลังคาที่ต่อเติมยื่นออกมาจากตัวบ้าน ทำให้โครงหลังคาพังลงมาได้รับความเสียหายตามไปด้วย

ทั้งนี้ได้เร่งรัดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและอำเภอต่างๆ เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อจัดสรรงบประมาณมาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนตามหลักเกณฑ์ ซึ่งหากเกินกำลังความสามารถขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็ให้แจ้งมายังอำเภอเพื่อแจ้งยังจังหวัด ในการดำเนินการช่วยเหลือราษฏรที่ประสบภัยต่อไป

ปภ.เผยผลกระทบวาตภัย19จังหวัด เสียชีวิต3ราย-เร่งเยียวยา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261420

วันอังคาร ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560, 09.36 น.

21 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานช่วงวันที่ 14 – 21 มีนาคม 2560  ระบุว่ามีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยรวม 19 จังหวัด 55 อำเภอ 90 ตำบล 331 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 4,137 หลัง ผู้เสียชีวิต 3 ราย

โดยทาง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหาย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือน และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯโดยด่วนแล้ว พร้อมประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เตรียมพร้อมรับมือพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะนี้

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 14 – 21 มีนาคม 2560 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 19 จังหวัด 55 อำเภอ 90 ตำบล 331 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 4,137 หลัง และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย แยกเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ เลย สกลนคร มหาสารคาม นครราชสีมา หนองคาย ร้อยเอ็ด ขอนแก่น และชัยภูมิ ภาคเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ พะเยา ภาคกลาง 6 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สุโขทัย ขัยนาท และกำแพงเพชร และภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 4,137 หลังและมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น

โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือน เป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม อีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต

ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าระยะนี้ประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งและลมกระโชกแรง ในหลายพื้นที่บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ปภ.จึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ดังกล่าวเตรียมรับมือพายุฝนฟ้าคะนอง โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัย พร้อมจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากพายุลมแรง อยู่ให้ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงในระยะนี้ไว้ด้วย

อย่างไรก็ตามประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุฤดูร้อน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ชัยนาทแล้งหนักกระทบราคาพืชผัก แตงกวาราคาพุ่งปี้ด!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261416

วันอังคาร ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560, 09.27 น.

21 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.ชัยนาท ที่ยังคงขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อพืชผักในพื้นที่ซึ่งมีป้อนตลาดลดลง ส่งผลให้ราคาผักสดเริ่มขยับตัวขึ้น

โดยเฉพาะแตงกวาที่ประตัวขึ้นสัปดาห์เดียวถึง 7 บาท ต่อกิโลกรัม จากที่สัปดาห์ก่อนขายราคากิโลกรัมละ18 บาท ปัจจุบันราคาปรับขึ้นไปที่ 25 บาท ต่อกิโลกรัม ซึ่งแม่ค้าผักบอกว่าสาเหตุที่แตงกวาขยับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น มาจากสภาพความแห้งแล้งที่ทำให้แตงกวาติดผลน้อยลง บางส่วนก็เสียหายจากโรคระบาด ทำให้ผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทำให้ราคาหน้าสวนปรับขึ้น ราคาขายหน้าแผงจึงขยับตามเช่นกัน

ส่วนผักสดรายการอื่นๆ ก็มีการปรับราคาขึ้นเฉลี่ยกิโลกรัมละ 5 บาท เช่นกัน โดยกะหล่ำปลีล่าสุดกิโลกรัมละ 20 บาท ผักกาดขาวกิโลกรัมละ 25 บาท ผักคะน้ากิโลกรัมละ 20 บาท ถัวฝักยาวกิโลกรัมละ 35 บาท และต้นหอมผักชีราคาเท่ากันที่กิโลกรัมละ 60 บาท

อย่างไรก็ตามก็ยังมีแนวโน้มที่ผักสดจะมีการปรับราคาขึ้นได้อีกจากผลกระทบภัยแล้ง

ฟ้าหลังฝน!ชาวนาศรีสะเกษยิ้ม ข้าวนาปรังเขียวขจีหลังพายุถล่ม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261415

วันอังคาร ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560, 09.17 น.

21 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานีอุตุนิยมวิทยาศรีสะเกษ รายงานอากาศว่า คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกยังคงปกคลุมภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

โดยลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นกับมีลมกระโชกแรงได้หลายพื้นที่ ซึ่งคาดว่าสภาพอากาศบริเวณจังหวัดศรีสะเกษ ในช่วงวันที่ 20 – 21 มีนาคม จะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกในระดับบนจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณจังหวัดศรีสะเกษยังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง

จากที่มีพายุฤดูร้อนพัดถล่มและมีฝนฟ้าคะนองในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ทำให้บ้านเรือนทรัพย์สินสิ่งของพังเสียหายแล้ว แต่ฝนก็ส่งผลดีต่อพืชผลทางการเกษตรหลายพื้นที่ ทั้งใน อำเภอเมือง พยุห์, ไพรบึง, ขุขันธ์ และอำเภอวังหิน ข้าวนาปรังกลับมาเขียวชอุ่มสดชื่น หลังจากที่เคยขาดน้ำแห้งเหี่ยวเฉา เกือบจะถึงกับยืนต้นตาย ทำเกษตรกรชาวนาชาวสวนดีใจกลับมายิ้มได้อีกครั้ง

ศรีสะเกษ ฝนตกส่งผลดีต่อพืชสวนไร่นา ข้าวนาปรังเขียวขจี หลังจากที่แห้งเหี่ยวมาก่อนหน้านี้

จับตา!สถานการณ์หมอกควัน-ไฟป่า เชียงใหม่ประชุมนายอำเภอ25เขต

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261357

วันจันทร์ ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560, 18.00 น.

วันที่ 20 มีนาคม  2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายพุฒิพงศ์  ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานคณะทำงานศูนย์วอร์รูมไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์หมอกควันและไฟป่า ของจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอร์เร้นท์ กับนายอำเภอทั้ง 25 อำเภอ เนื่องจากในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาพบการเผาไหม้เพิ่มขึ้นหลายพื้นที่

ขณะที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือเชียงใหม่ แจ้งว่า ทิศทางลมฝ่ายตะวันตกพัดมาจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน และประเทศพม่า ซึ่งดาวเทียมตรวจพบจุดเผาไหม้มาก ได้พัดพาหมอกควันสะสมเข้ามาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 เริ่มเพิ่มสูงขึ้น 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ที่ตำบลช้างเผือก อำเภอเชียงใหม่ ถือเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ประกาศช่วง 60 วันห้ามเผา ผ่านมาแล้ว 29 วัน และคาดว่าในช่วงนับจากนี้ไป อุณหภูมิจะเพิ่งสูงขึ้นถึง 40 – 42 องศาเซลเซียส อากาศที่ร้อนอบอ้าว โอกาสเกิดฝนน้อยมาก หากเกิดการเผาไหม้ในพื้นที่ป่าจะรุนแรงมาก จึงจำเป็นต้องทบทวนแนวทางปฏิบัติ  เฝ้าระวังพื้นที่จุดเสี่ยงที่ไม่เกิดการเผาไหม้ช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมาให้เข้มงวดเป็นพิเศษ

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกอำเภอ ทุกหน่วย จัดชุดประชารัฐอำเภอ ตำบล ออกลาดตระเวน สำรวจจุดเสี่ยง ร่วมกับประชาชนในพื้นที่และเข้าดับ โดยให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและเข้มข้น จากนี้ไป จนถึงวันที่ 20 เมษายน 2560 วันสุดท้ายช่วง 60 วันห้ามเผาของเชียงใหม่ กำลังชุดปฏิบัติการทุกอำเภอทุกหน่วยให้ประจำในพื้นที่ตลอดโดยไม่มีวันหยุด หากมีเหตุจำเป็นจริงๆขอให้มีตัวแทนรับผิดชอบ เพราะสถานการณ์ตอนนี้ถือว่าไม่ปกติ จึงพยายามควบคุมสถานการณ์ภายในให้ได้ เพื่อผ่อนเบาหมอกควันจากภายนอกที่ควบคุมได้ยาก

 

พายุพัดฤดูร้อนถล่ม!ศรีสะเกษ บ้านพังเสียหาย-เสาไฟโค่นล้ม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261352

วันจันทร์ ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560, 17.40 น.

20 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อำเภอราศีไศล จังหวัดศรีสะเกษ พื้นที่ดังกล่าวได้ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่มจนทำให้บ้านเรือน ยุ้งข้าว คอกสัตว์ เสาไฟฟ้าหักโค่น ได้รับความเสียหาย

ทั้งในพื้นที่บริเวณภายในบริเวณที่ว่าการอำเภอ มีหอประชุมของอำเภอ สถานที่สำนักงานที่ดินจังหวัดศรีสะเกษ สาขาราศีไศล โรงจอดรถได้รับความเสียหาย และมีต้นไม้โดยรอบหักโคล่น อีกทั้งยังมีอาคาร บ้านเรือน วัด โรงเรียน ในตำบลเมืองคง ตำบลดู่ และตำบลหนองแค ได้รับความเสียหาย และชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 169 ครัวเรือน

ล่าสุดเจ้าหน้าที่อำเภอราษีไศล  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ออกสำรวจความเสียหายเพิ่มเติมแล้ว พร้อมกับรีบซ่อมแซมบ้านเรือน  ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนต่อไป

 

ออกมาตรการคุมไฟป่าภาคใต้ หลังไหม้ป่าเสียหาย2ไร่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261319

วันจันทร์ ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560, 15.45 น.

20 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดไฟไหม้ป่าในพื้นที่ของเกษตรกร รวมทั้งป่ารกร้างที่อยู่ใกล้พื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดง ในพื้นที่หมู่ที่ 8 ตำบลปาเสมัส จังหวัดนราธิวาส จำนวน 2 จุด รวมพื้นที่ได้รับความเสียหายประมาณ 2 ไร่ วานนี้ นายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอสุไหงโก-ลก จึงเร่งออกมาตรการป้องกัน โดยลงพื้นที่ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนที่อาศัยอยู่ตลอดแนวขอบป่าพรุโต๊ะแดง พร้อมออกประกาศจังหวัดนราธิวาส เรื่องกำหนดเขตควบคุมไฟป่าในท้องที่จังหวัดนราธิวาส 2 ตำบลของอำเภอสุไหงโก-ลก ประกอบด้วย บ้านบาโฮสรายอ บ้านซรายอ บ้านมัรกัส บ้านน้ำตก บ้านลูโบ๊ะซามา หมู่ที่ 1 , 2 และ 8 บ้านตือระ บ้านมือบา ตำบลปาเสมัส บ้านลาแล หมู่ที่ 1 บ้านเจาะแห หมู่ที่ 2 บ้านโต๊ะเวาะ หมู่ที่ 3 บ้านโต๊ะแดง หมู่ที่ 5 ตำบลปูโยะ ที่ควบคุมให้ประชาชนต้องแจ้งขออนุญาต จากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกครั้งที่ต้องการเผาวัชพืช

อีกทั้งต้องทำแนวกันไฟ และประสานเจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่านราธิวาส มาควบคุมการดำเนินการด้วย ซึ่งหากมีการฝ่าฝืนจนปล่อยให้ไฟลุกลามเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตป่าสงวนแห่งชาติจะถูกระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-150,000 บาท และผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้ แม้จะเป็นของตัวเองจนน่าจะเป็นอันตรายต่อบุคคลอื่นและทรัพย์สินของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท

พร้อมกันนี้ นายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอสุไหงโก-ลก ได้กำชับให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมไฟป่า โดยทำแผนที่ครอบครองพื้นที่ที่ติดแนวเขตป่าพรุโต๊ะแดงของประชาชนในตำบลหมู่บ้าน และแผนที่พื้นที่เสี่ยงเกิดไฟป่า รวมทั้งขอให้เจ้าของที่ดินที่ติดกับป่าพรุต๊ะแดงทำแนวกันไฟตลอดแนวเขต และจัดเวรยามดูแลพื้นที่เสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง

พร้อมกับเช็คข้อมูลลูกบ้านที่มีประวัติชอบหาของป่า พร้อมส่งรายชื่อมาให้กับทางอำเภอ และส่งบัญชีรายชื่อผู้รับผิดชอบแต่ละหมู่บ้านเพื่อทำประกาศอำเภอ

นอกจากนี้ยังมอบหมายให้เทศบาลตำบลปาเสมัส จัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับดับไฟ มาจัดตั้งไว้ในเขตชุมชนหมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงตลอดช่วงหน้าแล้งนี้

 

ระทึก!!คลิปพายุงวงช้างทะเลพังงา นักท่องเที่ยวตื่นตาแห่ดู

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261281

วันจันทร์ ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560, 14.09 น.

20 มี.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการถ่ายคลิปภาพขณะเกิดพายุงวงช้างในทะเลอ่าวพังงา โดยนายศิวะกร ทองยวน อายุ 33 ปี นักท่องเที่ยวชาวไทย สามารถบันทึกได้ขณะเที่ยวชมธรรมชาติในเกาะไข่นอก ต.พรุใน อ.เกาะยาว จ.พังงา พร้อมกับนักท่องเที่ยวชาวจีน ในช่วงเย็นวานนี้(19 มี.ค.) เวลา 16.30 น.

ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวที่เห็นเหตุการณ์ต่างตื่นตาตื่นใจ  โดย”พายุงวงช้าง” หรือ “พายุนาคเล่นน้ำ” เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอีกชนิดหนึ่งมักจะเกิดขึ้นในน้ำ โดยเฉพาะในทะเลจะเห็นบ่อยกว่าในแหล่งน้ำจืด มีลักษณะเหมือนงวงช้างสีดำขนาดใหญ่เชื่อมต่อระหว่างท้องฟ้ากับผืนน้ำ ส่วนใหญ่ที่พบมีความยาวประมาณ 10 – 600 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลางได้ตั้งแต่ 1-10 เมตร ช่วงเวลาที่เกิดจะมีฝนฟ้าคะนองร่วมด้วย

โดยลักษณะที่ปรากฏอาจเห็นงวงช้างเพียงอันเดียว หรือจะเกิดพร้อมกันหลายอันก็ได้ หมุนด้วยอัตราความเร็ว 20 – 80 เมตรต่อวินาที สามารถเคลื่อนที่ได้แต่ช้า ถ้าความเร็วลมในพายุมีสูงก็อาจทำให้เรือเล็กๆล่มได้

ดังนั้นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ควรหนีไปในทิศทางตรงกันข้ามกับพายุ แต่ที่เคยเกิดในประเทศไทยยังไม่พบความอันตราย เหตุการณ์นี้จะปรากฏอยู่ประมาณ 2-30 นาที จากนั้นก็จะสลายตัวไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นจากความแตกต่างของอุณหภูมิอากาศที่กระจายอยู่ในบริเวณเดียวกันเป็นหย่อมๆ และอุณหภูมิที่แตกต่างกันเหล่านั้น ถูกดูดเข้าไปอยู่ในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมากเป็นพิเศษ ทำให้อากาศที่อยู่ติดกับผืนน้ำยกตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ส่งผลให้อากาศโดยรอบไหลเข้ามาแทนที่ จึงเกิดลมพัดวนบิดเป็นเกลียวขึ้นไป ในบริเวณที่มวลอากาศเย็นเคลื่อนผ่านเหนือผิวน้ำที่อุ่นกว่า เมื่ออากาศขยายตัวและเย็นลงจนถึงจุดหนึ่ง ไอน้ำก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำจำนวนมาก ทำให้เราเห็นเหมือนพายุหมุน มีลักษณะคล้ายงวงช้าง เชื่อมผืนน้ำและเมฆ

อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์นี้พยากรณ์ล่วงหน้าไม่ได้ แต่ในพื้นที่ที่มีความแตกต่างของอุณหภูมิมากๆ จะมีโอกาสเห็นได้ถ้าเทียบกับพายุทอร์นาโด ที่เกิดขึ้นที่ต่างประเทศนั้น นับว่า”พายุงวงช้าง” มีขนาดเล็กกว่ามากเลยทีเดียว