สส.ติวเข้มขรก.ต้านทุจริต สกัดประโยชน์ทับซ้อน สร้างองค์กรโปร่งใส

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261277

วันจันทร์ ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560, 13.58 น.

“กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม” จัดอบรม “ต่อต้านการทุจริตและผลประโยชน์ทับซ้อน” ติวเข้มผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด ขยายผลการสร้างจิตสำนึก ค่านิยม ให้ตระหนักรู้เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต พร้อมยึดคุณธรรม จริยธรรม เป็นหลักในการปฏิบัติราชการ ร่วมป้องกันปราบปรามการทุจริต สร้างความโปร่งใสให้องค์กร ขจัดภัยร้ายบ่อนทำลายชาติและประชาชน
นายสากล ฐินะกุล อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการนับเป็นภัยร้ายแรงเป็นบ่อนทำลายประเทศชาติและประชาชน ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรม ตลอดจนส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศในทุกด้าน รัฐบาลจึงได้ประกาศยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะที่ 3 (พ.ศ.2560-2564) เป็นกรอบทิศทางให้หน่วยงานส่วนราชการต่างๆนำไปสู่การปฏิบัติ เพื่อสร้างความโปร่งใส รวมทั้งป้องกันและแก้ปัญหาดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นในหน่วยงาน และเพื่อให้ข้าราชการเป็นที่เชื่อถือศรัทธาและเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน
นายสากล กล่าวต่อว่า กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบภายในองค์กร โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินมาตรการสำคัญหลายอย่างเพื่อให้หน่วยงานในสังกัดทั้งหมดมีการดำเนินงานที่ซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใสและตรวจสอบได้ รวมทั้งมีการส่งเสริมปลุกจิตสำนึกให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่มีวินัย ยึดมั่นในจริยธรรม เสริมสร้างจิตสำนึกที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทุ่มเทให้กับราชการ และเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ซึ่งผลจากการดำเนินการดังกล่าว ทำให้ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ได้รับผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในระดับสูงมาก จากโครงการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ ประจำปีงบประมาณ 2559 โดยคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.)
ดังนั้น เพื่อเป็นการขยายผลและสร้างวัฒนธรรมองค์กร ในเรื่องการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการทุกรูปแบบ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จึงได้ดำเนินโครงการอบรมต่อต้านการทุจริตและผลประโยชน์ทับซ้อน ในระหว่างวันที่ 9-10 มีนาคมที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ อาคารกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริตและผลประโยชน์ทับซ้อนให้กับบุคลากรในองค์กร รวมทั้งเพื่อสร้างจิตสำนึก ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม ของบุคลากรให้ตระหนักรู้เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต การป้องกันปราบปรามการทุจริตในการปฏิบัติงาน เกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมในการทำงานให้มีความสุจริตโปร่งใส
สำหรับเนื้อหาตลอดหลักสูตร 2 วันของการอบรม มีทั้งภาคการบรรยายและการศึกษาดูงาน โดยได้รับเกียรติจาก นางจันทวรรจ์ หรรษาภิรมย์โชค ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นผู้บรรยายในหัวข้อ “การต่อต้านการทุจริตและผลประโยชน์ทับซ้อน” และการวิเคราะห์ความเสี่ยง ขั้นตอน แนวทางปฏิบัติงานหรือระเบียบ เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน ขณะที่การศึกษาดูงานเป็นการเดินทางไปดูงาน ณ พิพิธภัณฑ์ต้านโกง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถ.พิษณุโลก กทม.
“การอบรมครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง โดยมีกลุ่มเป้าหมายทั้งระดับผู้บริหาร ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ พนักงานราชการ และเจ้าหน้าที่ จากกลุ่มงานพัฒนาระบบบริหาร กลุ่มตรวจสอบภายใน สำนักงานเลขานุการกรม กลุ่มการคลัง กลุ่มนิติการ และเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานในสังกัดทั้งหมดกว่า 160 คน ให้ความสนใจมาเข้ารับการอบรม ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้เข้าร่วมอบรมทุกคน จะเกิดความตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในวงราชการไทย มีการนำหลักคุณธรรม จริยธรรม มาเป็นหลักในการประพฤติปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งช่วยเฝ้าระวังและตรวจสอบการทุจริต ซึ่งไม่เพียงจะช่วยหนุนเสริมให้ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นองค์กรที่โปร่งใสเท่านั้น แต่ยังถือเป็นการขจัดภัยร้ายที่คอยบ่อนทำลายชาติและประชาชนให้หมดสิ้นไปอย่างยั่งยืนด้วยเช่นกัน” อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าว

ซ่อมเสาไฟฟ้า7ต้นล้มทับ!!!บ้าน หลังพายุฤดูร้อนซัดหลังคาเปิด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261258

วันจันทร์ ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560, 13.09 น.

20 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดมหาสารคาม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งซ่อมแซม สายไฟฟ้าและเสาไฟฟ้าแรงสูงที่หักโค่นล้มลงมาข้างทาง บริเวณถนนสายมหาสารคาม-โกสุมพิสัยช่วง หลักกิโลเมตรที่ 38  ต.แก้งแก  อ.โกสุมพิสัยจ.มหาสารคาม ภายหลังจากถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่มเมื่อคืนที่ผ่านมา (19 มี.ค.60)  ส่งผลให้เสาไฟฟ้าล้มจำนวน 7 ต้นโค่นล้มทับหลังคาบ้านเรือน

โดยเสาไฟฟ้าดังกล่าวเป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง ส่งไปยังตัวอำเภอโกสุมพิสัยและอำเภอเมืองมหาสารคามบางส่วน ทำให้ไฟฟ้าดับในเขตตัวอำเภอโกสุมพิสัย และอำเภอเมืองมหาสารคามในบางตำบล ซึ่งคาดว่าวันนี้เจ้าหน้าที่จะเร่งซ่อมแซมแล้วเสร็จในช่วงเย็น

นอกจากนี้แรงลมยังทำให้หอพักแห่งหนึ่ง ที่อยู่บริเวณดังกล่าวหลังคาสังกะสีปลิวไปตามแรงลมเสียหาย หลังคาเปิดทั้งแถบ 4 ห้อง และบางส่วน 4 ห้อง อีกทั้งยังมีต้นไม้ล้มขวางถนน ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยพุทธธรรม 245 โกสุมพิสัย เจ้าหน้าที่ อบต.แก้งแก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน อ.โกสุมพิสัย ได้ตัดแต่งกิ่งไม้ให้พ้นทาง พร้อมกับเร่งให้ความช่วยเหลือราษฏรในเบื้องต้นแล้ว

เตรียมเปิด’เกาะตาชัย’รับนักท่องเที่ยว หวังคนคึกคัก!!ไฮซีซั่น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261252

วันจันทร์ ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560, 12.58 น.

วันที่ 20 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เกาะตาชัย ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา แหล่งท่องเที่ยวอันดับ1 ที่มีนักท่อเที่ยวเดินทางมาจังหวัดพังงา เพื่อไปทำกิจกรรมการท่องเที่ยว ดำน้ำตื้น ดำน้ำลึก และกิจกรรมบนเกาะจำนวนมาก จนส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติบนเกาะ ที่ประกาศเป็นเขตสงวนสภาพธรรมชาติ ตามแผนแม่บทการจัดการพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน จึงเป็นสาเหตุให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้สั่งปิดบริเวณพื้นที่บนหาด และแนวปะการังรอบเกาะตาชัย ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา ตั้งแต่ปี 2559 โดยไม่มีกำหนดเปิด

ยกเว้นบริเวณแหล่งดำน้ำลึก 2 แห่ง ทำให้ส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด ต่อปริมาณนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามาชมหาดทรายสีขาว และปะการังน้ำตื้นของจังหวัดพังงา ได้ลดลงจนส่งผลให้ที่พักขนาดกลางและเล็ก รวมถึงผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวที่ไม่สามารถเดินทางมาทำกิจกรรมบนเกาะตาชัยได้ จนมีผู้ประกอบการนำเที่ยวได้ร้องเรียนไปที่กระทรวงและกรม เพื่อให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชทำการเปิดแหล่งท่องเที่ยวเกาะตาชัย ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา อีกครั้ง

ล่าสุด นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จึงได้เดินทางลงพื้นที่เกาะตาชัย อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เพื่อตรวจสอบการฟื้นตัวของทรัพยากรธรรมชาติรอบเกาะตาชัย ซึ่งพบว่าปะการังบางส่วนได้มีการฟื้นคืนสภาพขึ้นมา แต่บางส่วนก็อยู่ในช่วงที่กำลังฟื้นคืนสภาพ จึงยังไม่สามารถเปิดเกาะตาชัยได้ในเร็ววันนี้ แต่สักระยะหนึ่งเมื่อมีการปรับปรุงสิ่งสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำหรือบ้านพัก ให้มีความพร้อมที่จะเปิดได้เสียก่อน จากนั้นก็จะร่วมมือกับนักวิชาการลงพื้นที่เกาะตาชัยอีกครั้ง เพื่อสำรวจในปี 2561 หากพบว่ามีความพร้อมในการให้บริการก็สามารถจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปทำกิจกรรมได้อีก

ทั้งนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในอนาคตนั้น กรมอุทยานฯ จะมีการควบคุมปริมาณของนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปเยี่ยมชมเข้มข้นขึ้น เนื่องจากกรมอุทยานฯ มิได้คำนึงถึงปริมาณแต่คำนึงถึงคุณภาพ ส่วนรายได้ก็มิใช่เป้าหมายหลัก แต่เป้าหมายหลักของกรมอุทยานฯ คือการรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ยั่งยืนตลอดไปชั่วลูกชั่วหลาน

ขณะที่นางสาวนันทิดา อติเศรษฐ์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดพังงา เผยว่าเกาะตาชัยก่อนปิดนั้น ถือได้ว่าเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยให้เข้ามาในจังหวัดพังงา จนทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวขนาดกลางและเล็ก ไม่ว่าจะเป็นห้องพัก ร้านอาหาร รถตู้บริการ มีความคึกคักตามลำดับ แต่ในช่วงไฮซีซั่นของปีนี้พบว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่รองรับนักท่องเที่ยวชาวไทยซบเซาลง อันเนื่องจากไม่มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่จะมาทดแทนได้ และก็ยังพบอีกสาเหตุที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเข้ามาในจังหวัดพังงาน้อยลง หลังจากปิดเกาะตาชัยนั้น สืบเนื่องจากความหนาแน่นของนักท่องเที่ยว ก็เกิดขึ้นในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน

โดยส่วนตัวรู้สึกสนับสนุน หากกรมอุทยานฯ สามารถเปิดเกาะตาชัยให้นักท่องเที่ยวเข้าไปทำกิจกรรมได้อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในจังหวัดพังงา ที่รองรับกลุ่มลูกค้าชาวไทย และลดความแออัดของนักท่องเที่ยว ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ให้กระจายตัวออกไป แต่ก็อยากให้เกิดการตกผลึกความคิดด้านการบริหารจัดการการอนุรักษ์ ให้ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยว ระหว่างกรมอุทยานฯ นักวิชาการ และผู้ประกอบการ ก่อนที่จะเปิดให้บริการ

 

เชียงใหม่พบจุดร้อนสูงเกินเป้า ชาวบ้านลอบเผาป่าล่าสัตว์!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261245

วันจันทร์ ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560, 11.53 น.

20 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงาน สรุปรายงานสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ผ่านมาดาวเทียม Terra และ Aqua ระบบ MODIS พบจุดความร้อน(Hotspot)  25 จุด สูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ไม่ให้เกินวันละ 14 จุด โดยพื้นที่รุนแรงอยู่ที่อำเภอแม่วาง ศูนย์วอร์รูมไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ ได้กำชับให้ทุกพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ไฟป่าอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ต้องเฝ้าระวังเข้มข้นเนื่องจากยังมีเชื้อเพลิงไม่มีการเผาไหม้ ได้แก่ เชียงดาว  แม่แตง ฮอด และดอยเต่า ซึ่งสาเหตุยังพบว่ามาจากการเผาเผื่อล่าสัตว์ในป่า

นายสิทธิศักดิ์ อภิกุลชัยสุทธิ์ นายอำเภอเวียงแหง รายงานว่า เมื่อ18 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้กำลังอาสาสมัครรักษาดินแดน อำเภอเวียงแหง ร่วมกับทหาร ร้อย. ม.1, ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านห้วยหก หมู่ที่ 5 ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง เข้าตรวจสอบติดตามตัวผู้กระทำความผิด กรณีลักลอบเผาป่าจากเหตุไฟไหม้ป่าใกล้หย่อมบ้านห้วยหญ้าไทร บ้านห้วยหก หมู่ที่ 5 ต.เมืองแหง  ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 ราย นำไปตรวจเช็คร่างกาย ที่โรงพยาบาลเวียงแหง เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ คาดว่ามาจากการวิ่งหลบหนีในวันเกิดเหตุ จากนั้นได้นำตัวเข้าปรับทัศนคติ ที่ฐานทหาร ร้อย. ม.1 และจะได้สืบหาผู้กระทำผิดที่เหลือเพื่อมาดำเนินคดีต่อไปเหตุดังกล่าวสืบ

โดยเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้บริเวณดังกล่าว เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ ผ่านมา จึงนำกำลังชุดปฏิบัติการประชารัฐ เข้าดับไฟ  จุดแรก ประมาณ เวลา 12.00 น. จนสามารถควบคุมเพลิงได้ ในเวลา 14.30 น. ขณะที่จะเดินทางกลับก็ได้เกิดไฟไหม้ขึ้นอีกในบริเวณใกล้กัน ไฟได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว และได้เห็นกลุ่มชาย 3 คน สะพายอาวุธปืนยาวไม่ทราบยี่ห้อ ขับรถจักรยานยนต์ 2 คัน ออกจากจุดที่เกิดไฟไหม้ดังกล่าว  เจ้าหน้าที่จึงเข้าแสดงตัวเพื่อตรวจค้น/จับกุม  แต่ชายทั้ง 3 คน ทิ้งรถจักรยานยนต์ วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า  แม้จะพยายามไล่ติดตามแต่ไม่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ จึงได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์และอาวุธปืนลูกซองยาว(ไทยประดิษฐ์) ไว้เป็นหลักฐานและเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันดับไฟ ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ รวมเนื้อที่ความเสียหายทั้ง 2 จุด ประมาณ 100 ไร่

 

พายุฤดูร้อน!!!กระหน่ำนครศรีฯ ตกหนักนับช.ม.ท่วมเมืองทุ่งใหญ่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261237

วันจันทร์ ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560, 10.48 น.

20 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงดึกวานนี้ ที่ตลาดเทศบาล ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้เกิดพายุฝนหลงฤดูตกลงมาอย่างหนักนานนับ 1 ชั่วโมง ประกอบลมพัดกรรโชกแรงตลอดเวลา ส่งผลให้น้ำท่วมขัง เนื่องจากไหลลงท่อระบายน้ำไม่ทัน ทำให้เกิดท่วมถนนหลายสาย

โดยแชเฉพาะถนนสายทุ่งใหญ่ – กรุงหยัน บริเวณหน้าตลาดสดเทศบาลท่ายาง หมู่ 2 ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ และถนนสายสี่แยกไปหน้าธนาคารกรุงไทย เกิดน้ำท่วมสูงเกือบ 30 เซนติเมตร ทำให้รถยนต์เล็กและรถจักรยานยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ต้องจอดรอให้น้ำลดระดับระบายลงท่อระบายน้ำ

นอกจากนี้หลายหมู่บ้านในอำเภอทุ่งใหญ่ได้เกิดไฟดับ ซึ่งเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลท่ายาง และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาทุ่งใหญ่ เร่งให้การช่วยเหลือประชาชน

 

เขื่อนเจ้าพระยาน้ำต่ำกว่ามาตรฐาน ผวจ.สั่งคุมเข้มห้ามทำนาเพิ่ม!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261231

วันจันทร์ ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560, 10.03 น.

20 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.ชัยนาท ก็ยังคงขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรนับแสนไร่ที่จำต้องทิ้งร้าง ขณะที่ระดับน้ำในเขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าจุดมาตรฐาน กักเก็บ 15 เมตร

โดยวันนี้วัดได้ 14.84 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ขณะที่ระดับน้ำท้ายเขื่อนเองวัดได้ 5.65 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ต่ำมากจนสามารถมองเห็นท้องแม่น้ำ และสันดอนทรายที่โผล่ขึ้นเป็นจุดๆ ตลอดความยาวของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านหลายจังหวัดภาคกลาง โดยเขื่อนเจ้าพระยายังคงระบายน้ำคงที่ 70 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อรักษาระบบนิเวศและผลักดันน้ำเค็ม

ด้านนายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผวจ.ชัยนาท ได้พูดคุยกับหัวหน้าส่วนราชการ ในการหารือแบบสภากาแฟล่าสุดว่า ขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันทำความเข้าใจกับเกษตรกร ในการขอให้งดการทำนารอบที่ 3 อย่างเด็ดขาด เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำและการแก้ปัญหาราคาข้าวเป็นไปตามแผนของรัฐบาล โดยเฉพาะตามแนวทางการทำงานที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมต.เกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายสั่งการ และคาดโทษผู้ว่าราชการจังหวัดไว้ หากพบการทำนารอบที่ 3 จะมีการพิจารณาประสิทธิภาพการทำงานและมีบทลงโทษด้วย

 

อีสานมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ60 เตือนปชช.เลี่ยงอยู่พื้นที่โล่งแจ้ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261219

วันจันทร์ ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.00 น.

20 มี.ค.60 พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลยังคงมีฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรงได้หลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณา ที่ไม่แข็งแรง ในขณะที่เกิดฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับภาคใต้จะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางแห่ง

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา บริเวณความกดอากาศสูงยังคงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาได้เคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น กับมีลมกระโชกแรงได้บางพื้นที่

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้ (20 มี.ค.60) เป็นดังนี้

ภาคเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัด อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 16-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงหลายพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม
มุกดาหาร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา
อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี และราชบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

พายุฤดูร้อนพัดถล่ม!นครพนม ไม้ต้นทับบ้านเรือน-เร่งซ่อมไฟฟ้า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261167

วันอาทิตย์ ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560, 18.08 น.

19 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ได้มีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้นภายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงนี้ โดยจะเกิดพายุฤดูร้อน มีลมกันโชกแรงและฝนฟ้าคะนอง ซึ่งในพื้นที่จังหวัดนครพนมบริเวณ ตำบลดอนเตย  อำเภอนาทม ก็ได้รับผลกระทบจากพายุฝนฟ้าคะนองเช่นกัน ซึ่งพายุได้พัดบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้าง พังเสียหาย จำนวนกว่า 15 หลังคาเรือน

นายวิมาร โพธะโสม กำนันตำบลดอนเตย อำเภอนาทม เปิดเผยว่า สภาพอากาศในจังหวัดนครพนมในช่วงนี้มีความแปรปรวนมาก ซึ่งทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม ตลอดจนสถานีอุตุนิยมวิทยานครพนม ได้มีประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ได้เฝ้าระวังจากพายุฤดูร้อนในระยะนี้แล้ว โดยทุกคนต่างก็มีการตัดต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้บ้านเรือนไปจำนวนมากแล้ว แต่เมื่อพายุเข้าจริงๆก็ยังสร้างผลกระทบได้จำนวนมาก เบื้องต้นพบมีต้นไม้หักโค่นล้มลงมาทับบ้านเรือน และลมพายุที่พัดเอาหลังคาบ้านบ้านเรือนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตำบลดอนเตย สร้างความเสียหายรวมทั้งสิ้น  15 หลัง  พื้นที่การเกษตร และสวนยางพาราอีกจำนวนหนึ่ง  โดยขณะนี้ตนเองและทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบความเสียหายเพิ่มเติมอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ได้มีหน่วยงานของทางไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาอำเภอนาทม เข้ามาแก้ไขระบบไฟฟ้าให้สามารถใช้งานได้ตามปกติเป็นบางจุดแล้ว และบางจุดก็อยู่ในระหว่างดำเนินการ สวนทางชุมชน ทางผู้นำชุมชนก็ได้ร่วมกับชาวบ้านเร่งตัดกิ่งไม้และซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายในเบื้องต้นไปบ้างส่วนแล้วเช่นกัน ส่วนบ้านหลังไหนที่เสียหายมาก ก็ได้ให้ย้ายไปพักอาศัยที่บ้านญาติก่อน

นายอนุสรณ์ วงษา อายุ  61 ปี ชาวบ้านบ้านหมูม่น ตำบลดอนเตย หนึ่งในผู้ประสบภัยในครั้งนี้ กล่าวว่า พายุเข้ามาในหมู่บ้านประมาณ 17.00 น. ลมพัดมาจากทางทิศใต้โดนเป็นพายุหมุนประมาณ 2 ครั้ง โดยครั้งแรกบ้านยังไม่แรงเท่าไหร่ แต่ก็สร้างความเสียหายให้กับพืชผักที่ปลูกไว้ โดยตนเองและครอบครัวก็มายืนหลบอยู่ข้างกำแพงบ้าน เพื่อเตรียมความพร้อม และสังเกตจากต้นมะละกอที่อยู่ข้างบ้านว่าจะโค่นล้มเมื่อไหร่ โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นในรอบ 20 ปีที่ตนเองพบเจอ

 

พายุงวงช้าง-ลูกเห็บถล่มอุดร!!! ซัดหลังคาบ้าน-รีสอร์ทเสียหาย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261099

วันอาทิตย์ ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560, 13.37 น.

19 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ได้เกิดพายุถล่มในหลายอำเภอของจังหวัดอุดรธานี คือ อ.หนองหาน อ.ประจักษ์ศิลปาคม อ.ทุ่งฝน อ.บ้านดุง และไชยวาน ส่งผลให้บ้านเรือนในแต่ละอำเภอเสียหาย อำเภอละ 10-15 หลังคาเรือน และยังมีลูกเห็บตกมาในหลายพื้นที่ แต่ที่หนักสุดคือที่ อ.ประจักษ์ศิลปาคม ในพื้นที่ ต.นาม่วง บ้านเรือนประชาชนถูกพายุพัดเสียหาย มากกว่า 50 หลัง

โดยบ้านของดาบตำรวจดอนันตกุล ภูปัญญา ผบ.หมุ่งานป้องกันและปรามสภ.ประจักษ์ศิลปาคม เลขที่ 229 หมู่ 6 บ้านหนองลุมพุก ต.นาม่วง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านและเพิ่งเปิดเป็นรีสอร์ทได้เพียง 1 ปี ได้ถูกพายุงวงช้างพัดเอาบ้านและรีสอร์ทเสียหายจนหลังคาเปิดตกลงไปในกลางทุ่งนา ส่วนบริเวณตัวบ้านพายุพัดหลังคาบ้านเสียหายไปทั้งแถบ

ด.ต.อนันตกูล บอกว่า ช่วงเมื่อวานนี้เวลาประมาณ 17.00 น.ท้องฟ้าครึ้มมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีฝนพร้อมพายุสีแดงมา ตนพร้อมภรรยาและลูก ได้หลบอยู่ในบ้าน จากนั้นก็มองเห็นพายุงวงช้างหมุนมาตรงบ้านพอดี ตนเองต้องพาภรรยาและลูกหมอบ ลงกับพื้น เมื่อแหงนมองดูหลังคาบ้าน ก็เห็นเปิดกระเจิงตามแรงพายุประมาณ 10 นาทีพายุก็สงบลง จากนั้นเดินดูบ้านและรีสอร์ทที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆได้เพียง 1 ปี ได้พังยับเยินขาดทุนย่อยยับ

อย่างไรก็ตาม นอกจากฝนตกลมแรงแล้ว ก็ยังมีลูกเห็บขนาดเท่าไข่ไก่ตกลงมาอีกด้วย

 

อุตุฯประกาศ’พายุฤดูร้อน’ฉบับ23 รับมือ’ฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261071

วันอาทิตย์ ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.23 น.

19 มี.ค.60 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ “พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน” ฉบับที่ 23 ระบุว่า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ ซึ่งจะมีผลกระทบตามภาคต่างๆ มีดังนี้

– ภาคเหนือ บริเวณจังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

– ภาคกลาง บริเวณชัยนาท นครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี และราชบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดเลย อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา

– ภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง

ในช่วงวันที่ 19 – 20 มี.ค.60 พายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นบริเวณภาคเหนือ และภาคกลาง มีแนวโน้มลดลง ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ยังคงมีต่อเนื่องในระยะนี้

ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงยังคงแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น