อุตุฯเตือน!’เหนือ-อีสาน-กลาง-ตอ.’รับมือพายุฤดูร้อน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/261070

วันอาทิตย์ ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.16 น.

19 มี.ค.60 ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนล่างด้านตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกได้หลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณา ที่ไม่แข็งแรง ในขณะที่เกิดพายุฤดูร้อนไว้ด้วย สำหรับภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางแห่ง

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา บริเวณความกดอากาศสูงยังคงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาได้เคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นกับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกได้บางพื้นที่

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้ เป็นดังนี้

ภาคเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดพะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 16-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆมาก กับมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ไทยตอนบนระวังพายุฤดูร้อน ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260947

วันเสาร์ ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.21 น.

18 มี.ค.60 ในช่วงวันที่ 17-19 มี.ค. ประเทศไทยตอนบนยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง สำหรับภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 20-23 มี.ค. ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นข้อควรระวัง   ในช่วงวันที่ 17-19 มี.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนไว้ด้วย

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา   ในช่วงวันที่ 17-19 มี.ค. บริเวณความกดอากาศสูงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 20-23 มี.ค. ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่วนลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก อ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 17-19 มี.ค. 60 อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างและด้านตะวันออกของภาค

อุณหภูมิต่ำสุด 14-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส

ส่วนในช่วงวันที่ 20-23 มี.ค. อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

อุณหภูมิต่ำสุด 16-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม. /ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 17-19 มี.ค. 60 มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนัก ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส

ส่วนในช่วงวันที่ 20 – 23 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.
ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 17-19 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส

ส่วนในช่วงวันที่ 20-23 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.
ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 17-19 มี.ค. 60 มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส

ส่วนในช่วงวันที่ 20-23 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่

อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ในวันที่ 17-18 มี.ค.60 มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 มี.ค. 60 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่

อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) ในวันที่ 17-20 มี.ค.60 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่
ส่วนในช่วงวันที่ 21-23 มี.ค. 60 มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่

อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 17-19 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง
อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส

ส่วนในช่วงวันที่ 20-23 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่

อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

รัฐบาลกระจายน้ำให้ทั่วถึงด้วยพลังแสงอาทิตย์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260865

วันศุกร์ ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560, 16.27 น.

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเดินเครื่องเต็มพิกัด “โครงการพัฒนาระบบกระจายน้ำ” เร่งติดตั้งปั้มน้ำพลังแสงอาทิตย์พร้อมวางระบบท่อกระจายน้ำสู่ชุมชน ให้คนไทยมีสิทธิเข้าถึงน้ำอุปโภคบริโภคและทำการเกษตรอย่างเท่าเทียมทุกพื้นที่ ตั้งเป้าปี 2560 ครอบคลุม 87 แหล่งน้ำผิวดินใน 28 จังหวัด และแหล่งน้ำบาดาลอีก 3,888 แห่งใน 73 จังหวัด ช่วยให้คนไทยเข้าถึงน้ำลดความเหลื่อมล้ำ
พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการสร้างความมั่นคงด้านน้ำ ทั้งเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชน ภาคการเกษตร อุตสาหกรรม รวมทั้งการรักษาระบบนิเวศและคุณภาพน้ำ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน อย่างไรก็ตามการสร้างความมั่นคงด้านน้ำ ไม่ได้มีเพียงมิติด้านการจัดหาแหล่งน้ำสำรองให้ภาคส่วนต่างๆใช้ได้อย่างพอเพียงเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งสำคัญ คือ การทำให้ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่นอกเขตชลประทาน สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์
ดังนั้น นายกรัฐมนตรี จึงได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปร่วมกันหาแนวทางพัฒนาระบบกระจายน้ำควบคู่ไปกับการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อให้สามารถส่งน้ำไปถึงประชาชนมากที่สุด เนื่องจากปัจจุบันแหล่งน้ำธรรมชาติต่างๆโดยเฉพาะที่อยู่นอกเขตชลประทาน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ำที่มีอยู่เดิม แหล่งน้ำที่พัฒนาขึ้นใหม่ หรือแหล่งน้ำใต้ดิน ส่วนใหญ่เมื่อได้รับการพัฒนาขึ้นมาแล้ว แต่ยังมีข้อจำกัด คือ อยู่ห่างไกลจากชุมชนหรือพื้นที่การเกษตรของประชาชน ทำให้ยากต่อการเข้าถึง การจะนำน้ำมาใช้แต่ละครั้งเป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องใช้ปี๊บใส่รถเข็นไปตักน้ำ หรือต้องลงทุนซื้อเครื่องสูบน้ำมาใช้ ซึ่งถือว่าไม่ตอบโจทย์เรื่องการจัดสรรน้ำให้ประชาชน
ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย กรมทรัพยากรน้ำ และ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาระบบการกระจายน้ำขึ้นทั่วประเทศ โดยติดตั้งเครื่องปั้มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อดึงน้ำจากแหล่งน้ำทั้งจากน้ำผิวดิน คือ ห้วย หนอง คลอง บึง และจากแหล่งน้ำบาดาล มาเก็บไว้ที่หอพักน้ำ ก่อนปล่อยน้ำกระจายผ่านระบบท่อส่งไปให้ประชาชนใช้อุปโภคบริโภค รวมถึงใช้สำหรับทำการเกษตรน้ำน้อย โดยในปี 2560 มีเป้าหมายดำเนินการ 87 แห่ง ในพื้นที่ 28 จังหวัดสำหรับน้ำผิวดิน ส่วนน้ำบาดาลมีเป้าหมายดำเนินการ 3,888 แห่ง ในพื้นที่  73 จังหวัด ขณะที่ในปี 2561 จะขยายผลดำเนินการให้เต็มพื้นที่ทั้งหมด เพื่อให้ครอบคลุมและตอบสนองความต้องการของประชาชนให้ได้มากที่สุด
“การดำเนินโครงการพัฒนาระบบกระจายน้ำนี้หากแล้วเสร็จตามเป้าหมาย นอกจากจะช่วยส่งน้ำต้นทุนจากแหล่งน้ำในพื้นที่ห่างไกลมายังระบบประปาหมู่บ้านและพื้นที่เกษตรกรรมได้แล้ว ยังสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตพืชเศรษฐกิจใช้น้ำน้อยในช่วงฤดูแล้ง ขณะเดียวกันยังเป็นการสะท้อนถึงการสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงน้ำได้อย่างเท่าเทียม ไม่ว่าในเขตชนบทหรือเขตเมือง”
รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวต่อว่า กรมทรัพยากรน้ำ และ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้นำร่องดำเนินโครงการพัฒนาระบบการกระจายน้ำไปแล้วหลายพื้นที่ โดยขยายผลจากโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเดิมที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เช่น โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำเริงไม้งาม อ.ประทาย จ.นครราชสีมา ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำ ได้จัดทำแก้มลิงเก็บกักน้ำกว่า 6 แสนลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) และพัฒนาระบบกระจายน้ำโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดและประชาชนไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้า โดยดึงน้ำมาไว้ที่ถังพักน้ำ แล้วใช้วิธีกระจายน้ำไปตามท่อที่เชื่อมต่อกับพื้นที่เกษตรกรรมสาธารณะของชุมชนเนื้อที่กว่า 24 ไร่ ทำให้จากเดิมที่เกษตรกรมีน้ำไม่พอใช้ ก็สามารถปลูกพืชผักสวนครัว อาทิ ต้นหอม ผักชี ดอกดาวเรือง สร้างรายได้ได้มากกว่าเดิมถึงเท่าตัว เนื่องจากสามารถเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี
ขณะที่ตัวอย่างพื้นที่นำร่องอีกแห่งหนึ่ง คือ พื้นที่โครงการน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ซึ่ง กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้เข้าไปสำรวจพื้นที่แห้งแล้งแต่มีศักยภาพในการขุดเจาะแหล่งน้ำบาดาลโดยได้ขุดเจาะน้ำบาดาลลึกว่า 120 เมตร จำนวน 2 บ่อ พร้อมติดตั้งระบบกระจายน้ำโดยสูบน้ำมาไว้ที่หอพักน้ำ ก่อนกระจายผ่านระบบท่อความยาว 3,000 เมตร ซึ่งใช้วิธีต่อท่อแบบหยดน้ำขนาด 2-4 นิ้ว เข้าสู่พื้นที่เกษตรกรรมได้อย่างเพียงพอและทั่วถึงกว่า 213 ไร่
นายสากล ฐินะกุล อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ในฐานะรองโฆษกกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อเรามีน้ำใช้อย่างทั่วถึง การร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดเป็นหัวใจของการจัดการและมีน้ำใช้อย่างยั่งยืน รวมทั้งอยากเชิญชวนให้คนไทยฟื้นฟูรักษาแหล่งต้นน้ำลำธารเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อเป็นแหล่งต้นน้ำให้มีน้ำใช้ตลอดไปด้วย

ทหารยืนมือช่วยซ่อมแซมบ้านเรือน หลังพายุฤดูร้อนถล่มเสียหาย!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260848

วันศุกร์ ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560, 15.44 น.

17 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตรี อัครเดช บุญเทียม ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25  นำกำลังพลเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน ในพื้นที่ 6 หมู่บ้าน ของตำบลสนม อำเภอสนม จังหวัดสุรินทร์ หลังถูกพายุลูกเห็บพัดกระหน่ำบ้านเรือนเสียหายกว่า 82 หลังคาเรือน เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า บ้านเรือนประชาชนหลายหลังคา ถูกกระแสลมพัดสังกะสีหลังคาปลิวไปไกลกว่า 200 เมตร เจ้าหน้าที่ต้องกระจายกำลังออกช่วยเหลือในการเก็บสังกะสี มาซ่อมแซมบ้านเรือนให้กับประชาชน ในจำนวนนี้เสียหายโดยสิ้นเชิง 6 หลัง และเจ้าหน้าที่ทหารต้องเร่งทำงานอย่างหนักตลอดทั้งวัน เพื่อช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน ให้อยู่ในสภาพปกติให้ได้เร็วที่สุด สร้างความประทับใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ เนื่องจากถ้าหากไม่ได้รับการสนับสนุนกำลังพลจากจังหวัด มณฑลทหารบกที่ 25 การซ่อมแซมบ้านเรือนคงต้องใช้เวลาอีกหลายวัน

พลตรี อัครเดช บุญเทียม ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 กล่าวว่า ‘มณฑลทหารบกที่ 25 โดยกองทัพภาคที่ 2 ก็ได้มีความห่วงใยประชาชน ที่ประสบเหตุวาตภัยในครั้งนี้ ซึ่งมณฑลทหารบกที่ 25 จะได้นำกำลังพลในสายงานของช่าง เข้ามาช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสีย จนกว่าจะแล้วเสร็จ’

อย่างไรก็ตาม นายสุริยา บุตรจินดา นายอำเภอสนม ได้เป็นตัวแทนชาวบ้านแสดงความขอขอบคุณพลตรี อัครเดช บุญเทียม  ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 ที่ได้นำกำลังพลเข้าช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบวาตภัย ซึ่งนับได้ว่ารุนแรงที่สุดตั้งแต่เกิดมา ทำให้ชาวบ้านผู้ประสบภัยทุกคนประทับใจเป็นอย่างมาก ที่ทหารเข้ามาช่วยบำบัดทุกข์ให้กับชาวบ้านในครั้งนี้ทีเดียว

 

ปภ.แนะปปช.รับมือพายุฤดูร้อน ลดเสี่ยง!อันตรายลมแรงฟ้าผ่า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260813

วันศุกร์ ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560, 13.53 น.

17 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะประชาชนเตรียมพร้อมรับมือและป้องกันอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยให้ติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และตรวจสอบอาคารบ้านเรือนให้อยู่ในสภาพแข็งแรง พร้อมทั้งจัดเก็บสิ่งของที่ปลิวลมได้ไว้ในที่มิดชิด และปรับปรุงสิ่งปลูกสร้างบริเวณรอบบ้านให้อยู่ในสภาพปลอดภัย ซึ่งในขณะเกิดพายุฤดูร้อน ควรอยู่ให้ห่างจากสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรง ไม่อยู่บริเวณพื้นที่โล่งแจ้ง ไม่เข้าใกล้วัตถุที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า หลีกเลี่ยงการพกพาและสวมใส่เครื่องประดับที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า งดใช้เครื่องมือสื่อสารและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด เพื่อป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ระยะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูร้อน หลายพื้นที่มักเกิดพายุฤดูร้อน ซึ่งมีลักษณะอากาศของพายุฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรงและฟ้าผ่า สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิตเพื่อความปลอดภัย จึงขอแนะข้อควรปฏิบัติเตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อน ติดตามพยากรณ์อากาศ หากมีประกาศเตือนพายุฤดูร้อน ให้เตรียมพร้อมรับมือและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบอาคารบ้านเรือนให้อยู่ในสภาพแข็งแรง โดยเฉพาะประตู หน้าต่าง และหลังคาบ้าน รวมถึงใช้วัสดุก่อสร้างที่แข็งแรงทนทาน และติดตั้งสายล่อฟ้า จัดเก็บสิ่งของที่ปลิวลมได้ในที่มิดชิด ป้องกันสิ่งของถูกพายุพัดเสียหายและได้รับอันตรายจากการถูกสิ่งของพัดกระแทกปรับปรุงสิ่งปลูกสร้างบริเวณรอบบ้านให้อยู่ในสภาพปลอดภัย

นอกจากนี้ยังเพิมเติมอีกว่า กรณีอยู่กลางแจ้ง อยู่ให้ห่างจากสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรง อาทิ ต้นไม้ ป้ายโฆษณา เสาไฟฟ้า เพื่อป้องกันการถูกล้มทับ ไม่อยู่บริเวณพื้นที่โล่งแจ้ง อาทิ สระน้ำ สนามกอล์ฟ ทุ่งนา เพราะเสี่ยงต่อการถูกฟ้าผ่าไม่อยู่ใกล้วัตถุที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า อาทิ รางรถไฟ เพิงสังกะสี เพราะเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกฟ้าผ่า หลีกเลี่ยงการพกพาและสวมใส่เครื่องประดับที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า อาทิ เงิน ทอง นาคทองแดงและร่มที่มียอดเป็นโลหะงดใช้เครื่องมือสื่อสารและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด

กรณีอยู่ในรถ ให้จอดรถในบริเวณที่ปลอดภัย ห่างจากต้นไม้ ป้ายโฆษณา เสาไฟฟ้า ที่เสี่ยงต่อการถูกล้มทับ ปิดประตูและกระจกให้สนิท เพื่อป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า ไม่สัมผัสส่วนที่เป็นโลหะ เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าไหลผ่านตัวถังรถลงสู่พื้นดิน ทำให้ได้รับอันตราย

ทั้งนี้ การเตรียมพร้อมรับมือ และเรียนรู้การปฏิบัติตนเมื่อเกิดพายุฤดูร้อน จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการได้รับอันตราย ทำให้การดำเนินชีวิตในช่วงที่เกิดภัยเป็นไปด้วยความปลอดภัย

3จว.ภาคเหนือยังมีฝุ่นละอองต่อเนื่อง กำชับจนท.คุมเข้มการเผาทุกพื้นที่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260766

วันศุกร์ ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560, 10.09 น.

17 มี.ค. 60 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่9 จังหวัดภาคเหนือ ณ วันที่ 17 มีนาคม  2560 เวลา 06.00 น. พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศเฉลี่ย 24 ชั่วโมงค่า PM10 อยู่ระหว่าง 64 – 220 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพ  โดยมี 3 จังหวัด ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศเกินค่ามาตรฐานและส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ขณะที่อีก 6 จังหวัดมีปริมาณฝุ่นละอองในระดับปานกลาง ซึ่ง ปภ. ได้ประสานทุกจังหวัดภาคเหนือดำเนินมาตรการคุมเข้มมิให้มีการเผาในพื้นที่โล่ง  โดยใช้กลไก “ประชารัฐ” ควบคู่กับการจัดทำข้อตกลงของชุมชนประกาศเขตห้ามเผาเป็นระยะเวลา 60 วัน รวมถึงระดมวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณหมอกควันในอากาศ เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่มิให้วิกฤตมากขึ้น

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษ  เมื่อวันที่ 17  มีนาคม 2560 เวลา 06.00 น. พบว่า  พื้นที่ภาคเหนือ  9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน  แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตาก ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10)เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 64 – 220 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ระหว่าง 73 – 144

ซึ่งคุณภาพอากาศในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยมี 3 จังหวัด ที่ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศเกินค่ามาตรฐานและส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ได้แก่ ลำปาง แม่ฮ่องสอน และตาก โดยลำปาง ในพื้นที่ตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะ มีคุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐานและอยู่ในระดับส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่า 220 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มีค่า 144  แม่ฮ่องสอน ในพื้นที่ตำบลจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่า 164 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มีค่า 120 ตาก ในพื้นที่ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่า 133 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มีค่า 106 ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประสาน 9 จังหวัดภาคเหนือดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเข้มข้น

โดยใช้กลไก “ประชารัฐ” ขับเคลื่อนการทำงานในมิติเชิงพื้นที่ กำหนดมาตรการป้องกันให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาในพื้นที่ พร้อมจัดตั้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และอำเภอ จัดเจ้าหน้าที่ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศ และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดชุดลาดตระเวนเฝ้าระวังและระงับเหตุไฟป่า พร้อมระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครภาคประชาชนจัดทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงคุมเข้มไม่ให้มีการเผาในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่เกษตรกรรม ชุมชน หมู่บ้าน และพื้นที่ริมทาง และรณรงค์ให้เกษตรกรใช้วิธีไถกลบเศษวัสดุทางการเกษตรแทนการเผา หรือใช้สารอินทรีย์ย่อยสลายตอซัง ควบคู่กับการจัดทำข้อตกลงของชุมชนประกาศเขตห้ามเผาเป็นระยะเวลา 60 วัน ให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาในพื้นที่ รวมถึงระดมวัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมือฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อเพิ่มความชื้นและลดปริมาณฝุ่นละออง หมอกควันในอากาศ อีกทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสายหมู่บ้าน รถกระจายเสียง วิทยุ และโทรทัศน์ชุมชนถึงผลกระทบจากปัญหาไฟป่าหมอกควัน ตลอดจนแจกจ่ายหน้ากากอนามัยและให้คำแนะนำการปฏิบัติตนในช่วงเกิดสถานการณ์หมอกควัน ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสานแก้ไขปัญหาโดยด่วนต่อไป

ประเทศไทยเสี่ยงพายุฝน-ลมแรง หลีกเลี่ยงอยู่ที่โล่งแจ้ง-ใต้ต้นไม่ใหญ่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260756

วันศุกร์ ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.21 น.

17 มี.ค. 60 พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือด้านตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงในหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ในขณะที่เกิดพายุฤดูร้อนไว้ด้วย สำหรับภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางแห่ง

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่บริเวณประเทศไทย มีอากาศร้อน ประกอบกับคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนได้เคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนบนแล้ว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 17-18 มีนาคม 2560 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นกับมีลูกเห็บตกได้บางพื้นที่
.
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้(17 มี.ค.60) เป็นดังนี้

ภาคเหนือ มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 16-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น เลย อุดรธานี กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด สกลนคร นครพนม นครราชสีมา บุรีรัมย์ หนองบัวลำภู และบึงกาฬ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

น้ำขอดโอ่ง!บุรีรัมย์แล้งหนัก”บ่อบาดาล-แหล่งผลิตประปา”ตื้นเขิน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260629

วันพฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2560, 14.32 น.

วันที่16 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหน้าร้อนนี้สถานการณ์ภัยแล้งเริ่มขยายวงกว้าง ล่าสุดองค์การบริหารส่วนตำบลสนวน  อำเภอห้วยราช   จังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำรถบรรทุกน้ำสะอาดออกแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎรบ้านพลวงน้อย  ม.8 ตำบลสนวน หลังได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากผู้นำชุมชนว่าราษฎรในหมู่บ้านทั้ง 131 หลังคาเรือน ประชากรกว่า 500 คน กำลังประสบปัญหาเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เนื่องจากสระกลางหมู่บ้านที่ใช้ผลิตประปานั้น มีสภาพตื้นเขินน้ำระเหยลดลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับบ่อบาดาลที่ขุดเจาะไว้สำรองก็ไหลไม่ทัน เนื่องจากสภาพความแห้งแล้ง
นอกจากนี้ทาง อบต.ยังได้หมุนเวียนบรรทุกน้ำไปแจกจ่ายให้กับราษฎรอีก 11 หมู่บ้าน ที่ประสบปัญหาเดือดร้อนไม่มีน้ำอุปโภคบริโภคด้วย โดยเฉลี่ยต้องบรรทุกน้ำไปแจกจ่ายวันละ 4 เที่ยวๆ ละ 6,000 ลิตร รวมปริมาณน้ำที่ต้องนำไปแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎรวันละ 24,000 ลิตร ซึ่งแต่ละวันก็จะมีทั้งเด็ก  ผู้ใหญ่  และผู้สูงอายุ นำภาชนะใส่รถเข็นมาเข้าคิวรถรับน้ำจำนวนมาก   ทั้งนี้ทาง อบต.ยังได้นำน้ำไปเติมใส่โอ่งตามบ้านเรือนของราษฎร เพื่อสำรองไว้บริโภคช่วงหน้าแล้งด้วย
นายฉลอง กอยรัมย์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านพลวงน้อย ม.8 กล่าวว่า ชาวบ้านได้ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคมาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมแล้ว เนื่องจากน้ำฝนที่เก็บไว้ในโอ่งเหือดแห้ง ขณะที่น้ำในสระกลางหมู่บ้านและบ่อบาดาลก็ไหลไม่ทัน เนื่องจากสภาพความแห้งแล้ง จึงได้ทำเรื่องขอสนับสนุนน้ำจากทาง อบต.สนวน เพื่อนำน้ำมาแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อนให้กับราษฎรในหมู่บ้าน อีกทั้งยังได้หมุนเวียนไปแจกจ่ายน้ำให้กับราษฎรอีก 11 หมู่บ้านด้วย

 

ภาคเหนือหมอกควันเกินมาตรฐาน ‘ปภ.’เร่งเฝ้าระวังไฟป่า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260626

วันพฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2560, 14.08 น.

วันที่ 16 มี.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 3 จังหวัดภาคเหนือ ลำปาง แม่ฮ่องสอน และตาก ในช่วงนี้มีปริมาณฝุ่นละอองในอากาศเกินค่ามาตรฐาน และส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งทาง ปภ. ได้ประสาน 9 จังหวัดภาคเหนือเพื่อดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเข้มข้น โดยใช้กลไก “ประชารัฐ” พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ เพื่อติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศ และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมคุมเข้มไม่ให้มีการเผาป่าในพื้นที่เสี่ยง ควบคู่กับการจัดทำข้อตกลงของชุมชนประกาศเขตห้ามเผาเป็นระยะเวลา 60 วัน ตามสภาพความเสี่ยงภัยของพื้นที่ รวมถึงระดมวัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมือฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันมิให้วิกฤตมากขึ้น
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษ พบว่า พื้นที่ภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตาก มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10)  เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 68 – 153 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มีค่าระหว่าง 61 – 130 ซึ่งคุณภาพอากาศในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยมี 3 จังหวัด ที่มีปริมาณฝุ่นละอองในอากาศเกินค่ามาตรฐานและส่งผลกระทบ ต่อสุขภาพ ได้แก่ ลำปาง แม่ฮ่องสอน และตาก โดยลำปาง ในพื้นที่ตำบลสบป้าด อำเภอแม่เมาะ มีคุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐานและอยู่ในระดับส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่า 108 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มีค่า 130 แม่ฮ่องสอน ในพื้นที่ตำบลจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่า 153 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มีค่า 115 ตาก ในพื้นที่ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่า 136 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มีค่า 107
อย่างไรก็ตามยังมีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสายหมู่บ้าน รถกระจายเสียง วิทยุ และโทรทัศน์ชุมชนถึงผลกระทบจากปัญหาไฟป่าหมอกควัน ตลอดจนแจกจ่ายหน้ากากอนามัยและให้คำแนะนำการปฏิบัติตนในช่วงเกิดสถานการณ์หมอกควัน ซึ่งประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานแก้ไขปัญหาโดยด่วนต่อไป

ไทยตอนบนเสี่ยงพายุฝน-ลมแรง ภาคเหนืออากาศร้อนจัดบางพื้นที่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260586

วันพฤหัสบดี ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.00 น.

16 มี.ค.60 พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนในตอนกลางวันกับมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ส่วนภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ไว้ด้วย

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมภาคเหนือ ส่งผลให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ประกอบกับช่วงวันที่ 16-19 มีนาคม 2560 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เกิดพายุฤดูร้อนเพิ่มมากขึ้นกับมีลูกเห็บตกได้บางพื้นที่

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้(16 มี.ค.60) เป็นดังนี้

ภาคเหนือ มีอากาศร้อนในตอนกลางวันและมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่
โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย
พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน
โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น เลย อุดรธานี กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม และ นครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน
โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง
ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.