อุตุฯประกาศ’พายุฤดูร้อน’ฉบับที่7 พายุฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260418

วันพุธ ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.19 น.

15 มี.ค.60 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ “พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน” ฉบับที่ 7 ระบุว่า ในช่วงวันที่ 15 – 19 มี.ค.60 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ ซึ่งจะมีผลกระทบตามภาคต่างๆ ดังนี้

บริเวณที่เกิดพายุฤดูร้อนจะเพิ่มมากขึ้น และครอบคลุมบริเวณภาคเหนือ บริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์ พิษณุโลก และพิจิตร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีฝนตกหนัก บริเวณจังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น อุดรธานี กาฬสินธุ์ สกลนคร และนครพนม ภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี จันทบุรี และตราด และภาคกลาง บริเวณจังหวัดลพบุรี และสระบุรี แล้วอากาศจะคลายความร้อนลง

ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ในช่วงวันที่ 15 – 19 มี.ค.60 ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ประกอบกับในช่วงวันที่ 16 – 19 มี.ค.60 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ซึ่งจะส่งผลให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น

 

ไทยตอนบนอากาศร้อนจัด!! พายุฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260416

วันพุธ ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.09 น.

15 มี.ค.60 ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนในตอนกลางวันกับมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ส่วนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกจะมีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นหลายพื้นที่

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนในตอนกลางวันกับมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวจะยังคงมีพายุฝนฟ้าคะนองได้หลายพื้นที่

อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้จนถึงวันที่ 19 มี.ค.60 ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนโดยทั่วไป ประกอบกับในช่วงวันที่ 16 – 19 มี.ค.60 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยตอนบนเกิดพายุฤดูร้อนโดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกได้หลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้ เป็นดังนี้

ภาคเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวันและมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์ พิษณุโลก และพิจิตร อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น อุดรธานี กาฬสินธุ์ สกลนคร และนครพนม อุณหภูมิต่ำสุด 18-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวันและมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดลพบุรีและสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

อุตุฯเตือนพายุฤดูร้อนฉบับ5 ไทยตอนบนรับมือฝนฟ้าคะนอง14-19มี.ค.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260350

วันอังคาร ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560, 17.33 น.

14 มี.ค.60 เมื่อเวลา 17.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยา โดยนายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัยลักษณะอากาศ “พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ” ฉบับที่ 5 ระบุว่า ในช่วงวันที่ 14-19 มีนาคม 2560 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ ซึ่งจะมีผลกระทบตามภาคต่างๆดังนี้

ในช่วงวันที่ 14-15 มีนาคม 2560 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี และภาคตะวันออกบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี จันทบุรี และตราด

ในช่วงวันที่ 16-19 มีนาคม 2560 บริเวณที่เกิดพายุฤดูร้อนจะเพิ่มมากขึ้น และครอบคลุมบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง แล้วอากาศจะคลายความร้อนลง

ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาถึงประเทศลาวและประเทศเวียดนามแล้ว และคาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ในช่วงวันที่ 14-19 มีนาคม 2560 ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ประกอบกับในช่วงวันที่ 16-19 มีนาคม 2560 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ซึ่งจะส่งผลให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น

 

ร้อนตับแลบ40องศา!7วันนี้3ภาคอุณหภูมิพุ่ง/ระวัง“ฝน-ลม-ลูกเห็บ”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260299

วันอังคาร ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560, 14.52 น.

กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ช่วง 7 วันนี้ 3 ภาคของไทยอากาศร้อน อุณหภูมิพุ่งถึง 40 องศา ระวัง “พายุฝนฟ้า-ลม-ลูกเห็บ”

14 มี.ค.60 กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์สภาพอากาศช่วงวันที่ 14-20 มี.ค.นี้ ระบุว่า ในช่วงวันที่ 14-15 มี.ค. บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก

ส่วนในช่วงวันที่ 16-20 มี.ค. ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง
ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 16-20 มี.ค. ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงไว้ด้วย

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 14-19 มี.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับในช่วงวันที่ 16-20 มี.ค. จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางแห่ง

# ภาคเหนือ วันที่ 14-15 มี.ค. อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ส่วนวันที่ 16-20 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างและด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 18-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม. /ชม.

# ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วันที่ 14-15 มี.ค. อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิต่ำสุด 21-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ส่วนวันที่ 16-20 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่กับมีฝนตกหนัก ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

# ภาคกลาง วันที่ 14-15 มี.ค. อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส ส่วนวันที่ 16-20 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

# ภาคตะวันออก วันที่ 14-15 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส ส่วนวันที่ 16-20 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

# ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) วันที่ 14-16 มี.ค. มีเมฆบางส่วน ส่วนวันที่ 17-20 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

# ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) วันที่ 14-17 มี.ค. มีเมฆบางส่วน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนวันที่ 18-20 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

# กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ช่วงวันที่ 14-15 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ส่วนวันที่ 16-20 มี.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.

ฉบับที่4!กรมอุตุฯประกาศเตือนหลาย จว.ระวัง“พายุฝน-ลูกเห็บ”ถล่ม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260273

วันอังคาร ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560, 12.00 น.

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 14 มี.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา โดยนายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัยลักษณะอากาศ “พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน” ฉบับที่ 4 ระบุว่า ในช่วงวันที่ 14-19 มีนาคม 2560 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ ซึ่งจะมีผลกระทบตามภาคต่างๆดังนี้

# ในช่วงวันที่ 14-15 มีนาคม 2560 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี และภาคตะวันออกบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด

# ในช่วงวันที่ 16-19 มีนาคม 2560 บริเวณที่เกิดพายุฤดูร้อนจะเพิ่มมากขึ้น และครอบคลุมบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง แล้วอากาศจะคลายความร้อนลง

ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาถึงประเทศลาวและประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว และจะคาดว่าแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ในช่วงวันที่ 14-19 มีนาคม 2560 ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ประกอบกับในช่วงวันที่ 16-19 มีนาคม 2560 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ซึ่งจะส่งผลให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น

 

กรมอุตุฯเตือน14-19มี.ค.นี้ เตรียมรับมือพายุฤดูร้อน-ลูกเห็บ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260264

วันอังคาร ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560, 10.50 น.

14 มี.ค. 60 เวลา 8.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัยลักษณะอากาศ “พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน” ฉบับที่ 3 ระบุว่า ในช่วงวันที่ 14-19 มีนาคม 2560 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ ซึ่งจะมีผลกระทบตามภาคต่างๆดังนี้

ในช่วงวันที่ 14-15 มีนาคม 2560 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 16-19 มีนาคม 2560 บริเวณที่เกิดพายุฤดูร้อนจะเพิ่มมากขึ้น และครอบคลุมบริเวณภาคเหนือ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง แล้วอากาศจะคลายความร้อนลง

ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาถึงประเทศจีนตอนใต้และประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว และจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ในช่วงวันที่ 14-19 มีนาคม 2560 ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ประกอบกับในช่วงวันที่ 16-19 มีนาคม 2560 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ซึ่งจะส่งผลให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น

 

ประเทศไทยกลางวันอากาศร้อน ภาคใต้-ตะวันออกมีฝนตกบางแห่ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260243

วันอังคาร ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.08 น.

14 มี.ค. 60 พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนในตอนกลางวันกับมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ส่วนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางแห่ง

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยาความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนในตอนกลางวันกับมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกยังคงมีฝนฟ้าคะนองได้บางแห่ง

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาถึงประเทศจีนตอนใต้และประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว และจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ในช่วงวันที่ 14-19 มีนาคม 2560 ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนโดยทั่วไป ประกอบกับในช่วงวันที่ 16-19 มีนาคม 2560 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยตอนบนเกิดพายุฤดูร้อนโดยมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้(14 มี.ค.60) เป็นดังนี้

ภาคเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวันและมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวันและมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตรภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

‘เผาป่า’ปลูกข้าวโพด ‘หมอกควัน’อย่าโทษกันไปมา!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260197

วันอังคาร ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ดูจะกลายเป็น “เทศกาลประจำปี” ของภาคเหนือในช่วงเดือน “มีนาคม-เมษายน” ไปเสียแล้วกับ “หมอกควัน-ไฟป่า” ที่เกิดจากการ“เผา” เพื่อเตรียมพื้นที่ “ปลูกพืชไร่” โดยเฉพาะ“ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์” ดังที่เคยเป็นข่าวเมื่อปี 2559 กับกรณี “เขาหัวโล้น จ.น่าน” ที่บรรดาคนดังในวงการต่างๆ พากันเข้าไป “ปลูกป่า” หวังให้กลับมา..

อุดมสมบูรณ์!!!

วิกฤติไฟป่าและหมอกควัน ยังกลายเป็น“เรื่องใหญ่” ระดับประชาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยเมื่อปลายเดือนก.พ. 2560ที่ผ่านมา มีการประชุมร่วม 5 ชาติ เมียนมา ลาว เวียดนาม กัมพูชา และไทย ที่ จ.เชียงราย หวัง “ยุติ” วิกฤติหมอกควันในพื้นที่อาเซียนบริเวณลุ่มน้ำโขง ซึ่งพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยถึงผลการประชุมครั้งนี้ว่า

สำหรับกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว เมียนมา กัมพูชาและเวียดนาม ก่อนหน้านี้ได้มีข้อตกลงร่วมกันแล้วว่าจะให้มีจุดความร้อน (Hot spot) ไม่เกิน 50,000 จุด ซึ่งแต่ละประเทศจะต้องมีมาตรการภายในของตนเอง เพื่อควบคุมการเผาไหม้ไม่ให้เกินค่ามาตรฐานที่ตนเองกำหนดไว้ ก็จะทำให้หมอกควันข้ามแดนไม่ไปกระทบประเทศอื่น และช่วยให้ปัญหามลพิษหมอกควันของอาเซียน..

ลดลงได้ตามเป้าหมาย!!!

แต่เมื่อพลัน “สิ้นหน้าหนาวเข้าหน้าร้อน” เปลวไฟและกลุ่มควันก็กลับมาปกคลุมเช่นเดิมดังเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2560 นายฉัตรชัยพรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า 9 จังหวัดภาคเหนือประกอบด้วย เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตาก มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 70-160 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มีค่าระหว่าง 69-118 และเมื่อดูเป็นรายพื้นที่พบว่าเชียงรายกับลำปางนั้น “น่าห่วง” จากปริมาณฝุ่นที่..

เกินค่ามาตรฐาน!!!

ขณะเดียวกัน..หลายจังหวัดทางภาคเหนือยังเป็น “แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ” ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่หลายคนมัก “ขึ้นดอยรับลมหนาว” ไปจนถึงเทศกาลสงกรานต์ “รอบคูเมืองเชียงใหม่” พื้นที่ยอดนิยมของการเล่นสาดน้ำ นอกจากนี้ จ.เชียงใหม่ ยังเพิ่งถูกจัดอันดับให้เป็น “เมืองน่าเที่ยวอันดับ 2 ของโลก” จากนิตยสาร Traveland Leisure ของสหรัฐอเมริกา แน่นอนว่าภาพของหมอกควันจากไฟป่าก็เป็นภาพหนึ่งที่นักท่องเที่ยว “คุ้นเคย” อยู่ทุกปี

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและพยากรณ์ทางการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (แม่โจ้โพลล์) จึงสำรวจความคิดเห็นนักท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ “ศูนย์กลางของภาคเหนือ” ระหว่างวันที่ 20 ก.พ.-5 มี.ค. 2560 จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 1,015 คน ในหัวข้อ “ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่อมาตรการลดปัญหาหมอกควันเชียงใหม่’60” พบว่า…

1.นักท่องเที่ยว “กังวล” กับปัญหาหมอกควัน กลุ่มตัวอย่างถึง ร้อยละ 95.37 ระบุว่า สถานการณ์หมอกควันที่ปกคลุมพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มีผลต่อการตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยว ในจำนวนนี้ ร้อยละ 42.56 ตอบว่า มีผลมากที่สุด ร้อยละ 31.21 ตอบว่า มีผลมาก และร้อยละ 15.90 ตอบว่า มีผลปานกลาง

2.หมอกควัน “กระทบ” กับวิถีชีวิต กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 55.49 ตอบว่า ส่งผลต่อสุขภาพของผู้คน และร้อยละ 38.28 ตอบว่าส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว 3.การเกษตรและหาของป่า ยังคงเป็นสาเหตุสำคัญของการจุดไฟเผาป่าในมุมมองของนักท่องเที่ยว โดยร้อยละ41.98 ตอบว่า หมอกควันมาจากการเผาป่าทำการเกษตร และ ร้อยละ 35.05 ตอบว่า มาจากการเผาเพื่อหาของป่า

อย่างไรก็ตาม..นักท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ยังเชื่อมั่นในนโยบายรัฐ โดยเฉพาะโครงการ “60 วัน!ห้ามเผา..เราทำได้” ระหว่าง 20 ก.พ.-20 เม.ย. 2560 โดยกลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 61.28 มองว่าโครงการนี้น่าจะลดปัญหาหมอกควันได้บ้าง หากทุกคนทุกฝ่ายร่วมมือกัน และร้อยละ 67.74 เสนอแนะว่า การจะแก้ไขปัญหาหมอกควันได้ ต้องรณรงค์ให้ความรู้ถึงโทษภัยของการเผาป่า..

อย่างต่อเนื่อง!!!

เมื่อพูดถึงการเผาป่า บ่อยครั้งที่สังคมโดยเฉพาะ “คนในเมือง” มักกล่าวประณามว่าเพราะ “เกษตรกรเห็นแก่เศษเงิน” แต่มักลืมไปว่า “นโยบายรัฐ” ที่เอื้อประโยชน์แก่ “กลุ่มทุน” คือต้นเหตุของปัญหา ดังที่ วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ บรรณาธิการนิตยสารสารคดี เขียนบทความ “ข้าวโพด สาเหตุแห่งการทำลายป่า น้ำแล้งและหมอกควันพิษ” อ้างถึงปี 2549 ที่คณะรัฐมนตรีขณะนั้น มีมติให้ดำเนินงาน..

Contract Farming!!!

ส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจ 8 ชนิด บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ไทย-ลาว และไทย-กัมพูชา ในจำนวนนี้ “ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์” เป็นพืชที่นิยมปลูกมากที่สุด เกิดการเผาป่าขยายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง กลายเป็นปัญหาทั้งไฟป่า หมอกควัน และความแห้งแล้ง “เรื้อรัง” มาถึงปัจจุบัน

“คนในวงการทราบดีว่า ผู้ได้ผลประโยชน์สูงสุดคือบริษัทด้านการเกษตรกรรมภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงให้เห็นถึงจุดที่เกิดไฟ ตามบริเวณประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก ก็สันนิษฐานได้เลยว่า ปัญหาหมอกควันพิษเช่นเดียวกับบ้านเราคือการเผาป่า เผาซากไร่ข้าวโพดในอนาคตการทำลายป่าต้นน้ำเพื่อเปลี่ยนเป็นไร่ข้าวโพด จะทำให้แม่น้ำปิง วัง ยม น่านขาดแคลนน้ำในหน้าแล้ง” วันชัย กล่าวในบทความ

เช่นเดียวกับที่ พฤ โอโดเชา ผู้ประสานงานเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ชาวปกาเกอะญอ (กะเหรี่ยง) เคยกล่าวกับ “แนวหน้า” ว่า แม้แต่คนที่อยู่ในเมืองเองก็ต้อง “ร่วมรับผิดชอบ” กับวิกฤตินี้ด้วย เพราะ “ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปลูกนั้นถูกนำไปใช้เลี้ยงปศุสัตว์ เพื่อนำเนื้อสัตว์นั้นไปทำอาหารเลี้ยงคนอีกทอดหนึ่ง” ฉะนั้นคนในเมืองก็ต้องแสดงท่าทีให้ชัดเจน “ไม่เอาสินค้าทำลายสิ่งแวดล้อม” หากทำได้ นายทุนผู้ผลิตและผู้ที่รับจ้างนายทุนผลิต ก็จะต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตไปโดยปริยาย ดีกว่าจะ…

โทษกันไปมา!!!

อิทธิฤทธิภัยแล้ง ไฟไหม้หญ้าลามเผาบ้าน เผ่นกระเจิงที่พิษณุโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260232

วันอังคาร ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

อิทธิฤทธิภัยแล้งไฟไหม้หญ้าลามเผาบ้านเผ่นกระเจิงที่พิษณุโลกปศุสัตว์สั่งตุน‘หญ้า-น้ำ’‘รอยล’ฟันธง43จว.มีปัญหาคสช.ส่งคนลงพื้นที่เสี่ยง

ระทึก! มือบอนจุดไฟเผาหญ้าข้างทางกลางดึก ไฟลามเผาร้านขายยาง-อู่พ่นสีรถ ที่พิษณุโลก วอดทั้งหมด เถ้าแก่กับครอบครัว 5 ชีวิต ต้องหนีตายระทึก จนท.ระดมรถดับเพลิงฉีดน้ำสกัดตั้งแต่เช้ามืดนาน 3 ชม.ถึงคุมได้ สถานการณ์ภัยแล้งยังรุนแรง กระทบหลายจังหวัดผลิตน้ำประปา ขณะที่วัวเริ่มขาดแคลนหญ้าทั้งบุรีรัมย์-พิจิตร ปศุสัตว์เตรียมสำรองหญ้า “รอยล” ฟันธง 43 จังหวัด มีปัญหาแน่

เมื่อเวลา 03.03น.วันที่ 13 มีนาคม ร.ต.ท.สังเวียน เอี่ยมโซ้ รอง สว.(สอบสวน) สภ.วังนกแอ่น จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุไฟป่าลุกลามเข้าไหม้บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงบริเวณริมถนนเส้นพิษณุโลก-หล่มสัก (ขาล่อง) หมู่3 บ้านหนองขอน ต.แก่งโสภา อ.วังทองจึงแจ้งผู้บังคับบัญชาพร้อมประสานรถน้ำจาก อบต.ใกล้เคียงกว่า10 คัน เข้าสกัดไฟ

ไฟไหม้หญ้าลาม2ร้านหนีระทึก

ที่เกิดเหตุเป็นร้านขาวการยางและอู่ช่างเณรรับพ่นสีรถยนต์ เพลิงโหมลุกไหม้ ทั้ง2ร้านอย่างหนักเนื่องจากมียางรถยนต์ ทินเนอร์ และสี เป็นวัสดุติดไฟง่ายและเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำสกัดไม่ให้ลุกลามไปยังบ้านข้างเคียง ใช้เวลานานกว่า3ชั่วโมงจึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ปรากฎว่าร้านขาวการยางและอู่ช่างเณรร้านพ่นสีรถ ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต

สอบสวนนายอิทธิชัย น้ำใจเย็น เจ้าของร้านขาวการยางกล่าวว่าขณะกำลังนอนหลับภายในร้านพร้อมภรรยาและครอบครัวรวม5 ชีวิต ได้กลิ่นเหม็นไหม้ยางรถยนต์ เมื่อลุกดูพบว่าเพลิงลุกลามเข้าร้านแล้วจึงรีบพากันวิ่งหนีออกมาและเอาน้ำมาช่วยกันดับไฟ แต่ไฟลุกไหม้ยางรถที่เอาไว้ใช้ทำถังขยะอย่างรวดเร็วลามไหม้ร้านพ่นสีรถอยู่ติดกันจนวอดเสียหายทั้งหมด เบื้องต้นสันนิษฐานคาดว่าน่าจะเกิดจากสภาพอากาศที่แห้งทำให้ไฟไหม้หญ้าข้างทางลุกลามไหม้ทั้ง2ร้านซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน6 เข้ามาเก็บหลักฐานหาสาเหตุเพลิงไหม้ที่แท้จริงอีกครั้ง

เลขาคสช.ห่วงแล้ง-กำชับคุมเผาป่า

ด้าน พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เปิดเผยว่าพล.อ. เฉลิมชัย สิทธิสาท เลขาธิการคสช.เป็นประธานประชุมสำนักเลขาธิการคสช.กล่าวถึงการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆเข้าดูแลสถานการณ์ในหลายพื้นที่เข้าคลี่คลายปัญหาไฟป่าและหมอกควันในภาคเหนืออย่างต่อเนื่องกำชับกองทัพภาคที่ 3 ควบคุมสถานการณ์และเข้มงวดมาตรการ ไม่ให้มีการเผาป่า พร้อมให้เตรียมเดินหน้าโครงการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าในฤดูฝน โดยเลขาธิการ คสช.มีความเป็นห่วงสถานการณ์ภัยแล้งปีนี้ เตือนให้ทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งกองทัพ ได้เร่งดำเนินการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้เป็นรูปธรรม เน้นการบริการจัดการน้ำให้เพียงพอ

ภัยแล้งหลายจว.กระทบน้ำประปา

สถานการณ์ภัยแล้งเริ่มทวีความรุนแรง ในหลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคอีสานได้รับกระทบถึงการผลิตน้ำประปา เจ้าหน้าที่ ต้องสำรวจขุดเจาะแหล่งน้ำดิบเพื่อช่วยเหลือ โดย จ.นครพนม ระดับน้ำโขงลดลงจนเห็นสันดอนทราย สำนักงานประปาส่วนภูมิภาค สาขา อำเภอธาตุพนมจึงหาแหล่งสูบน้ำแห่งใหม่ บริเวณริมน้ำโขง บ้านแสนพัน เชื่อว่าจะผลิตน้ำได้เพิ่มอีกเท่าตัว

ในพื้นที่ หนองพรานแน เขตบ้านดอนหมู ต.พระธาตุบังพวน อ.เมือง จ.หนองคาย อยู่ในพื้นที่โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูหนองพรานแน เนื้อที่ 73 ไร่ กรมทรัพยากรน้ำให้หน่วยทรัพยากรน้ำ ภาค 3 เร่งขุดลอก ให้เสร็จทันภายในวันที่ 11มิถุนายนนี้ เชื่อจะช่วยแก้ปัญหาภัยแล้ง และป้องกันน้ำท่วมได้ในระยะยาว

ขณะที่ ในลุ่มแม่น้ำยมที่ไหลผ่านอ.สามง่าม อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.บึงนาราง อ.โพทะเล จ.พิจิตร เข้าขั้นวิกฤติมีสภาพแห้งขอด เดินข้ามระหว่างสองฝั่งแม่น้ำได้ ขณะที่น้ำใต้ดิน แหล่งน้ำสำหรับผลิตน้ำประปาลดระดับลงด้วย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 ต้องนำเครื่องสูบน้ำ ระยะไกลมาติดตั้งบริเวณฝายยางสามง่ามเพื่อสูบน้ำในแม่น้ำยมไปผลิตน้ำประปา

บุรีรัมย์แล้งรวมพลจับปลาขาย

จ.บุรีรัมย์ สถานการณ์ภัยแล้งที่ปีนี้ มาเร็วขยายวงกว้างในพื้นที่หลายอำเภอใน จ.บุรีรัมย์ ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้ง ทั่วทุกหนแห่ง น้ำในหนองน้ำขนาดเล็ก ในหลายหมู่บ้านต่างแห้งขอดรวมทั้งแหล่งน้ำข้างทาง ทำให้จับปลาได้ง่าย ชาวบ้านหนองไทร ต.หนองขมาร อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ จึงพลิกวิกฤตเป็นโอกาส รวมกลุ่มกันขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง พร้อมอุปกรณ์จับปลาพื้นทั้งสวิง ตะแกรง และถังน้ำ ตระเวนออกหาจับปลาในหนองน้ำที่ใกล้แห้ง โดยไม่ต้องใช้เครื่องสูบน้ำ ก็จับปลา กุ้ง ปู กบ โดยเฉพาะจับปลาช่อน ปู กบรวมทั้งปลาซิวได้จำนวนมาก นำมาทำเป็นอาหารเลี้ยงครอบครัว ส่วนที่เหลือนำไปขายในหมู่บ้านและตามตลาดเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัวช่วงหน้าแล้ง สามารถสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเฉลี่ยวันละ 200-500บาท

แล้งลามอาหารวัวบุรีรัมย์-พิจิตร

ภัยแล้ง นอกจากส่งผลให้น้ำแห้งขอดแล้ว มีเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ ในพื้นที่ ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เดือดร้อนอย่างหนักขาดแคลนอาหารหน้าแล้ง นายพจน์ภิรัตน์ เนียมจุ้ย ปศุสัตว์จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าจากกรณีดังกล่าวปศุสัตว์จ.บุรีรัมย์ได้เตรียมแผนเชิงรุกไว้ได้สั่งให้ปศุสัตว์อำเภอทุกอำเภอนำแผนไปบริหารจัดการในพื้นที่ ทำความเข้าใจและสอดส่องดูแลอย่างใกล้ชิด ถ้ามีเหตุการณ์ภัยแล้งจริง ปศุสัตว์จังหวัดมีคลังอาหารสัตว์ 4 แห่ง สำรองฟางฟ่อนหญ้าแห้งกว่า 253 ตันไว้ช่วยเหลือเกษตรกร พร้อมเตือนอย่าเผาทำลายตอซังข้าว ให้เก็บกักตุนไว้หากเกิดวิกฤตขาดแคลน

ที่ จ.พิจิตร สถานการภัยแล้งในพื้นที่ ได้ส่งผลกระทบเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวในต.กำแพงดิน อ.สามง่าม จ.พิจิตร เดือดร้อนขาดแคลนอาหาร ต้องนำฝูงวัวออกเดินทางไปเลี้ยงเพื่อหาอาหารระยะทางไกลขึ้นกว่าเดิม เพื่อหาหญ้าสีเขียว ที่ขึ้นอยู่กลางแปลงนาของเกษตรกรที่ทำการเก็บเกี่ยวข้าวและหยุดทำการเกษตร เป็นอาหารวัวที่เลี้ยงไว้เพื่อให้มีอาหารเพียงพอบริโภคในช่วงหน้าแล้ง

ชาวนาอ่างทองวอนช่วยขาดน้ำ

สถานการณ์ภัยแล้งใน จ.อ่างทอง ชาวนาในพื้นที่ ต.เทวราช อ.ไชยโย จ.อ่างทอง ครวญพื้นที่ทุ่งนาแหล่งสร้างรายได้ถูก ให้จัดให้เป็นทุ่งรับน้ำ เป็นแก้มลิงรับน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก

แต่ช่วงหน้าแล้ง ขาดแคลนน้ำทำนา ต้นข้าวที่ออกรวงแห้งเหี่ยวเฉา ขณะที่ในคลองชลประทานน้ำแห้งขอดคลอง ส่วนบ่อน้ำบาดาลที่ขอไปยังกรมทรัพยากรน้ำบาดาลยังไม่เคยได้ เมื่อเกิดภัยแล้งต้องอาศัยแหล่งน้ำธรรมชาติจากคลองลำท่าแดงและหนองบึงที่กำลังจะแห้งขอดคลองนำไปหล่อเลี้ยงต้นข้าวที่กำลังออกรวงอยู่ในพื้นที่นาใกล้เก็บเกี่ยวผลผลิต ปีนี้ก็ต้องลุ้นกันสุดตัวว่าจะมีน้ำใช้ล่อเลี้ยงต้นข้าวจนเก็บเกี่ยวหรือไม่

รอยลเตือน105อ.34จว.ระวังขาดน้ำ

นายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์กรมหาชน)กล่าวว่า สถานการณ์แล้งปีนี้ว่าไม่รุนแรงในส่วนอุณหภูมิที่ร้อนมากจะเป็นบางช่วงเพราะยังมีความกดอากาศต่ำจากตอนบนมาช่วยบรรเทา และคาดการณ์ว่าฝนมาเร็วก่อนเข้าหน้าฝนเดือนพฤษภาคม โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังขาดแคลนน้ำ 105 อำเภอ 34 จังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ตอนกลางลุ่มเจ้าพระยา

แนะบริหารจัดการน้ำแบบใหม่

โดยแนะการใช้น้ำ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำแหล่งน้ำเพิ่มในพื้นที่ใต้เขื่อน จัดการบริหารวิธีใช้ใหม่ เน้นการใช้อย่างประหยัดทุกภาคส่วน ชาวนาปรับเปลี่ยน อย่าอาศัยน้ำจากระบบชลประทานอย่างเดียว หันทำเกษตรผสมผสาน รู้จักใช้ประโยชน์ที่ดิน สร้างแหล่งน้ำของตนเอง ตามหลักทฤษฎีใหม่หรือร่วมกลุ่มกัน ทำเกษตรแบบ Macro management ทำหลากหลาย ไม่จำเป็น

ปภ.เผยคุณภาพอากาศภาคเหนืออยู่ระดับปานกลาง ประสาน9จว.คุมเข้มการเผาทุกพื้นที่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260114

วันจันทร์ ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560, 10.43 น.

13 มี.ค. 60 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่9 จังหวัดภาคเหนือ  ณ วันที่ 13 มีนาคม  2560 เวลา 06.00 น. พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศเฉลี่ย 24 ชั่วโมงค่า PM10 อยู่ระหว่าง 46-86 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดีถึงปานกลาง ปริมาณฝุ่นละอองไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ ปภ. ได้ประสาน 9 จังหวัดภาคเหนือ เร่งดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเข้มข้น โดยใช้กลไก “ประชารัฐ” พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามคุณภาพอากาศและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ควบคู่กับการจัดทำข้อตกลงของชุมชนประกาศเขตห้ามเผาเป็นระยะเวลา 60 วันตามสภาพความเสี่ยงภัยของพื้นที่ รวมถึงระดมวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณหมอกควันฝุ่นละอองในอากาศ เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันมิให้วิกฤตมากขึ้น

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษ  เมื่อวันที่ 13  มีนาคม 2560 เวลา 06.00 น. พบว่า  พื้นที่ภาคเหนือ  9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน  แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตาก ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10)เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 46 – 86 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ระหว่าง 54 – 79

ซึ่งคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงดี ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสาน 9 จังหวัดภาคเหนือดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเข้มข้น โดยใช้กลไก “ประชารัฐ” ขับเคลื่อนมิติเชิงพื้นที่ กำหนดมาตรการป้องกันให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาในพื้นที่ พร้อมจัดตั้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดและอำเภอ จัดเจ้าหน้าที่ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศ และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดชุดลาดตระเวนเฝ้าระวังและระงับเหตุไฟป่า พร้อมระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครภาคประชาชนจัดทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงคุมเข้มไม่ให้มีการเผาในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่เกษตรกรรม ชุมชน หมู่บ้าน และพื้นที่ริมทาง และรณรงค์ให้เกษตรกรใช้วิธีไถกลบเศษวัสดุทางการเกษตรแทนการเผา หรือใช้สารอินทรีย์ย่อยสลายตอซัง ควบคู่กับการจัดทำข้อตกลงของชุมชนประกาศเขตห้ามเผาเป็นระยะเวลา 60 วัน รวมถึงระดมวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณหมอกควันฝุ่นละอองในอากาศ อีกทั้งประชาสัมพันธ์ถึงผลกระทบจากปัญหาไฟป่าหมอกควันผ่านเสียงตามสายหมู่บ้านรถกระจายเสียง วิทยุ และโทรทัศน์ชุมชน  ตลอดจนแจกจ่ายหน้ากากอนามัยและให้คำแนะนำการปฏิบัติตนในช่วงเกิดสถานการณ์หมอกควัน ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป