ไทยตอนบนมีอากาศร้อนจัด เสี่ยงเจอพายุฤดูร้อน-ลมแรง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260092

วันจันทร์ ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.01 น.

13 มี.ค.60 พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีกำลังอ่อน ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกยังคงมีฝนได้บางแห่งในระยะนี้

อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ช่วงวันที่ 14-18 มีนาคม 2560 ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนโดยทั่วไป ลักษณะเช่นนี้จะทำให้เกิดพายุฤดูร้อนโดยมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ซึ่งจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้(13 มี.ค.60) เป็นดังนี้

ภาคเหนือ อากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน
อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆบางส่วน อากาศร้อนในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน อากาศร้อนในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน
อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน
อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน
อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ไทยตอนบนอากาศร้อนถึงร้อนจัด!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/259986

วันอาทิตย์ ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2560, 07.57 น.

12 มี.ค.60 ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีฝนน้อยลง

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีอากาศร้อน ในตอนกลางวัน ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมีกำลังอ่อน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนน้อยลงในระยะนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้ เป็นดังนี้

ภาคเหนือ อากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆบางส่วน อากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน อากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

 

ป้อง‘แม่ฮ่องสอน’ เร่งสกัดไฟป่าระลอก2 ลำปางไล่ตะครุบ10มือเผา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/259976

วันอาทิตย์ ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ป้อง‘แม่ฮ่องสอน’เร่งสกัดไฟป่าระลอก2ลำปางไล่ตะครุบ10มือเผาตรวจค่าฝุ่นละอองยังปกติ

เมื่อเช้าวันที่ 11 มีนาคม นายครรชิต วงค์พระยา หัวหน้าหน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่า จ.แม่ฮ่องสอน จัดชุดปฏิบัติการเหยี่ยวไฟภาคกลาง ร่วมกับหน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่าฯ ของ จ.แม่ฮ่องสอน ออกปฏิบัติงาน เร่งทำแนวกันไฟรอบวัดพระธาตุดอยกองมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อป้องกันไฟป่าบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้จากการลาดตระเวนพบว่า พื้นที่แนวกันไฟเดิม ที่ได้เคยทำมาก่อนหน้านี้ประมาณ 2 สัปดาห์ ได้เกิดมีใบไม้จากต้นไม้ หล่นลงมาทับถมอีกจนแนวกันไฟหายไป จึงต้องดำเนินการทำแนวใหม่

จากนั้นเวลา 12.00 น. ศูนย์อำนวยการควบคุมการแก้ปัญหาไฟป่า และหมอกควันไฟป่า ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีไฟป่าเกิดขึ้นที่บริเวณ ดอยขอ พื้นที่บ้านไม้แงะ หมู่ 8 ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน จึงประสานให้ศูนย์ควบคุมไฟป่าแม่ฮ่องสอน ชุดปฏิบัติการเหยี่ยวไฟ และทหารจากหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 7 สนธิกำลังกันเข้าไปทำการดับไฟป่า โดยจุดดังกล่าวเป็นจุดเดิมที่หน่วยเหยี่ยวไฟเคยเข้าทำการดับไฟป่าไปแล้วหนหนึ่ง แต่ได้เกิดมีไฟป่าเกิดขึ้นอีกเป็นรอบที่ 2

เช่นเดียวกับที่ จ.ลำปาง ตำรวจภูธร จ.ลำปาง แถลงสถิติการจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการลักลอบจุดไฟเผาป่า ตั้งแต่วันที่ 3-10 มี.ค. 2560 สามารถจับกุมได้จำนวน 10 ราย ประกอบด้วย สภ.เมืองลำปาง 2 ราย แม่เมาะ 1 ราย เถิน 2 ราย ห้างฉัตร 1 รายเขลางค์ 2 รายแจ้ห่ม 1 ราย แม่ทะ 1 ราย ขณะที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) พื้นที่ภาคเหนือ ค่าฝุ่นละอองสูงสุดอยู่ที่ ต บ้านดงแม่เมาะ อ แม่เมาะ จ ลำปาง วัดค่าได้ 95 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานคือ 120 ไมโครกรัมฯ ทั้งนี้ยังไม่มีพื้นที่ใดปริมาณฝุ่นสูงถึงขั้นเป็นอันตราย

วันเดียวกัน นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.พิจิตร เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการพัฒนาบึงสีไฟ อ.เมืองพิจิตร ณ ห้องปฏิบัติการปัญญาโรจน์ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โครงการชลประทานพิจิตร โดยมีนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ให้การต้อนรับ ซึ่งการลงพื้นที่ในวันนี้ ปลัดสำนักนายกฯ ได้ปรึกษาหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทน อปท. ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และตัวแทนภาคประชาชน

โดย ผวจ.พิจิตร ได้รายงานสภาพปัญหาบึงสีไฟซึ่งมี 6 ด้าน คือ ปัญหาแหล่งน้ำแห้งขอด ปัญหาด้านวัชพืช ปัญหาแหล่งน้ำตื้นเขิน ปัญหาการบริหารจัดการ ปัญหาการบุกรุก และปัญหาทางไหลเข้าออกของน้ำ ซึ่ง จ.พิจิตร ได้วางแนวทางการพัฒนาบึงสีไฟ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 การขุดลอกแหล่งน้ำเป็นแก้ม เพื่อกักเก็บน้ำ จำนวน 3,000 ไร่ ส่วนที่ 2 คือการปรับปรุงอาคารพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ งบประมาณรวมกว่า 817 ล้านบาท จากนั้น นายจิรชัย และคณะ ได้ลงตรวจพื้นที่บึงสีไฟเพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาการพัฒนาบึงสีไฟ

ในโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบึงสีไฟ (ช่วงที่ 2-4) และ โครงการก่อสร้างปรับปรุงและพัฒนาบึงสีไฟ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (ระยะที่ 1 และ 2) พร้อมกับกล่าวว่า วันนี้เห็นภาพการเชื่อมโยงการทำงานให้แล้วเสร็จ หน่วยงานสำคัญที่จะดำเนินการออกแบบโครงสร้างจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดประสานไว้ คือ กรมทรัพยากรน้ำ ที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 15 มี.ค. ตามที่สำนักงบประมาณได้กำหนดไว้ จากนั้น กรมเจ้าท่า ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่จะเป็นผู้ดำเนินการของบประมาณต่อรัฐบาล

ขณะนี้สำนักงบประมาณรอความพร้อมด้านเอกสารของกรมเจ้าท่า เมื่อสำนักงบประมาณได้รับเอกสารครบถ้วนภายในวันที่ 15 มี.ค. จึงจะดำเนินการพิจารณา คาดว่าไม่เกิน 1 เดือน จะดำเนินการเสร็จสิ้น ซึ่งการดำเนินการจัดสรรขุดลอกบึงสีไฟจะเป็นประโยชน์กับประชาชนในการนำน้ำไปใช้ต่อภาคการเกษตร ทำให้เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย เมืองไทยจะต้องบูรณาการหน่วยงานภาครัฐให้มากขึ้น

“ส่วนงบประมาณ เฟสแรก ได้ขอมาในเรื่องการขุดลอกบึงสีไฟ งบประมาณ 300 ล้านบาท รวมทั้งบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ จะได้รับการพิจารณาด้วย ซึ่งต้องพิจารณาดำเนินการควบคู่กันไป ทำให้ประชาชนทั้ง 2 จังหวัดได้รับประโยชน์ ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำเกี่ยวกับเรื่องการบริหารจัดการดูแล เมื่อได้รับงบประมาณก่อสร้างต่างๆมาแล้ว จะต้องดำเนินการดูแลอย่างต่อเนื่องและจริงจังด้วย” นายจิรชัย กล่าว

ประเทศไทยกลางวันอากาศร้อน อีสาน-ตะวันออกมีฝนตกบางแห่ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/259869

วันเสาร์ ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.30 น.

11 มี.ค.60 พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีอากาศร้อน ในตอนกลางวัน ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในระยะนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้(11 มี.ค.60) เป็นดังนี้

ภาคเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน
อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน
อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน
อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน
อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน
อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

8จังหวัดเหนือ-อีสานอ่วม พายุพัดถล่มบ้าน-วัดพัง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/259846

วันเสาร์ ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ปภ.สรุป 8 จว.เหนือ-อีสาน เจอพายุฤดูร้อนถล่ม สั่งจนท.เร่งช่วยเหลือ ขณะที่มหาสารคาม เกิดลมหัวกุดพัดศาลาการเปรียญวัดป่าทรุดทั้งหลัง เสียหายกว่า 6 ล้านบาท ไม่ต่างจาก อ.บ้านผือจ.อุดรธานีเจอถล่มระลอกสองหลังคาปลิวว่อน ด้านลิงที่จ.เลยเริ่มขาดแคลนอาหารบุกกุฎิพระ ส่วนควาญช้างสุรินทร์เร่งปลูกพืชสำรองหวั่นอาหารขาดเคลน

เมื่อวันที่ 10มีนาคม นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แถลงสรุปสถานการณ์ภัยแล้งและพายุฤดูร้อนหลายพื้นที่ว่า ขณะนี้เกิดพายุฤดูร้อนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด รวม 20 อำเภอ 34 ตำบล แยกเป็น ภาคเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ อ.เมือง จ.ตาก อ.วังชิ้น จ.แพร่ และอ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ จ.ขอนแก่น เกิดพายุฝนใน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.อุบลรัตน์ อ.ชุมแพ อ.แวงน้อย จ.บุรีรัมย์ เกิดพายุฝนใน 9 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง นางรอง กระสัง ปะคำ พลับพลาชัย โนนสุวรรณ โนนดินแดง หนองกี่ หนองหงส์ จ.มหาสารคาม เกิดพายุฝนใน 3 อำเภอ ได้แก่ กันทรวิชัย เชียงยืน โกสุมพิสัย และจ.ชัยภูมิ เกิดพายุฝนในอ.ภูเขียว ทั้งนี้ ปภ.ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย

ลมหัวกุดพัดศาลาวัดพังทั้งหลัง

ส่วนสถานการณ์พายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ ส่งผลให้มีฝนตกหนักและลมกระโชกแรง สร้างความเสียหายให้บ้านเรือนประชาชน อาคารสิ่งปลูกสร้างอย่างหนัก อย่างที่จ.มหาสารคาม แรงลมพัดศาลการเปรียญวัดป่าบุพนิมิต บ้านหนองหิน หมู่ 4 ต.โคกก่อ อ.เมือง จ.มหาสารคาม ซึ่งเสาศาลาเป็นท่อนซุงขนาดใหญ่ พังถล่มลงมาทั้งหลัง

พระอธิการปัญญา ทัตจิตโต เจ้าอาวาสวัดเผยว่า ช่วงเย็นวันที่ 9 มีนาคม เกิดพายุฝนฟ้าคะนองหรือภาคอีสานเรียกว่า ลมหัวกุด พัดกระหน่ำศาลาการเปรียญขนาดความยาว 44 เมตร ความกว้าง12 เมตร มีเสา 44 เสา สร้างมาตั้งแต่ปี 2558 ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างพังลงมาทั้งหลัง ขณะเกิดเหตุมีพระและเณรเข้าไปทำความสะอาด ทำให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สิ่งของที่อยู่ในศาลาเสียหายทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พระพุทธรูป มูลค่าประมาณ 6 ล้านบาท

บ้านผือเจอถล่มรอบ2หลังคาว่อน

เช่นเดียวกับ ที่จ.อุดรธานี นายณฐพล วิถี นายอำเภอบ้านผือเปิดเผยว่า ช่วงเย็นวันที่ 9 มีนาคมเกิดพายุถล่มที่บ้านนาเตย หมู่ 10 และหมู่ 15 ต.โนนทอง เสียหายรอบสอง มีบ้านเรือนเสียหาย 20 หลังคาเรือน ยุ้งข้าวเสียหายอีก 6 หลัง โดยลมพายุพัดหลังคาปลิวว่อน และพัดถล่มยุ้งข้าวลงมาทับรถจักรยานยนต์ รถไถนาเสียหาย ทางอำเภอได้รายงานปภ.จังหวัด และประสานหน่วยงานท้องถิ่นเร่งช่วยเหลือตามระเบียบราชการเรียบร้อยแล้ว

เลยลิงหนีแล้งบุกรื้อกุฏิพระ

ส่วนสถานการณ์ภัยแล้งในจ.เลยที่รุนแรงขึ้น ทำให้ลิงวอกวัดถ้ำผาหมากฮ่อ ต.ศรีสงคราม อ.วังสะพุง ซึ่งถือเป็นลิงวอกฝูงสุดท้ายของประเทศไทยอพยพลงจากภูเขามาหากินด้านล่าง เพราะอาหารในป่าเริ่มขาดแคลน พระและญาติโยมที่มาทำบุญและนักท่องเที่ยวนำอาหารมาเลี้ยง ทางวัดได้ทำสระน้ำไว้ให้ลิ่งเล่นน้ำคลายร้อนด้วย แต่ฝูงมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสร้างความเดือดร้อนให้พระที่วัดถ้ำผาหมากฮ่อเป็นอย่างยิ่ง เพราะลิงบุกเข้ารื้อทำลายข้าวของในกุฏิ นอกจากนี้ ยังบุกไปหากินพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนไปตามๆกัน ซึ่งทางพระอาจารย์โสภณ สันตะจิตโต รักษาการเจ้าอาวาสวัดถ้ำผาหมากฮ่อเผยว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้ด้วย

ควาญสต๊อคอาหารปลูกพืชสำรอง

ส่วนที่จ.สุรินทร์ ซึ่งเริ่มก้าวเข้าหน้าแล้งเต็มตัว หลายพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้กันบ้างแล้ว ส่วนห้วยหนองคลองบึงต่างๆระดับน้ำเริ่มลดลงเช่นกัน ขณะที่คนเลี้ยงช้าง ควาญช้างเตรียมพร้อมรับมือภัยแล้งที่เกิดขึ้น โดยการปลูกพืชอาหารช้าง เช่น หญ้าและอ้อยสำรองไว้ เพื่อให้มีกินจนผ่านหน้าแล้งไปได้ ถือเป็นการช่วยเหลือตนเองอีกด้านหนึ่ง นอกเหนือจากอาหารช้างที่โครงการคชอาณาจักร จ.สุรินทร์ ขององค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำมาให้ช้างกินแต่ละวัน

น้ำยมแห้งขอดยาวกว่า50กม.

เช่นเดียวกับ จ.พิจิตร แม่น้ำยมลดระดับและแห้งขอดลงอย่างรวดเร็ว เป็นทางยาวประมาณ 50 กิโลเมตร โดยเฉพาะแม่น้ำยมจุดที่อยู่ใต้เขื่อนยาง ที่หน้าวัดบ้านรังนก ต.รังนก อ.สามง่าม เหลือเพียงน้ำที่ขังในจุดที่เป็นหลุมส่วนลึกของแม่น้ำยม ส่งผลกระทบกับประชาชนและเกษตรกร เนื่องจากไม่มีน้ำต้นทุนทำการเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวที่ปลูกตลอดสองฝั่งแม่น้ำ รวมไปถึงน้ำในการอุปโภค และระบบนิเวศน์สัตว์น้ำที่จะขาดที่อยู่อาศัยจากน้ำที่แห้งขอด ซึ่งทางปภ.พิจิตรและชลประทานพิจิตรนำเครื่องสูบน้ำระยะไกลสูบน้ำ 4 แสนลูกบาศก์เมตรส่งไปให้พื้นที่ใต้เขื่อน ให้ประชาชนมีน้ำใช้และรักษาระบบนิเวศ

แม่ฮ่องสอนไฟป่า-หมอกควันทุเลา

ส่วนสถานการณ์ไฟป่า ที่จ.แม่ฮ่องสอน นายครรชิต วงค์พระยา หัวหน้าหน่วยส่งเสริมปฎิบัติการดับไฟป่าแม่ฮ่องสอน ร่วมกับชุดปฏิบัติการเหยี่ยวไฟภาคกลางออกลาดตระเวนตรวจดับไฟป่าที่บ้านห้วยเดื่อ ต.ผาบ่อง อ.เมืองพื้นที่เสียหาย 4 ไร่ ในเขตป่าสงวนฯ ป่าแม่ปายฝั่งซ้าย และที่บ้านหัวน้ำแม่สะกึด ต.ผาบ่อง อ.เมือง สาเหตุมาจาการลอบเผาของราษฎรในพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในจ.แม่ฮ่องสอนทุเลาลงไปมาก หลังมีฝนตกในอ.ปาย ปางมะผ้า ขุนยอม สบเมย ส่งผลให้สภาพอากาศบนท้องฟ้าสดใส ไม่มีหมอกควันจากไฟป่า จากรายงานของ Gostda จุดไฟป่า หรือ Hotspot ประจำวันที่ 10 มีนาคมจนถึง เวลา 13.28 น.พบจุดไฟป่าที่อ.ขุนยวม อ.แม่สะเรียง

ลำตะคองฮวบ น้ำเริ่มขอด-ถนนเก่าโผล่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/259690

วันศุกร์ ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

วิกฤติภัยแล้งจ่อคอหอยเขื่อนลำตะคองน้ำลดลงจนเห็นถนนมิตรภาพสายเก่า วอนปชช.ช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด ขณะที่สถานการณ์ในหลายจังหวัดได้รับผลกระทบแล้ว ทั้งในพื้นที่ชัยนาท-อุตรดิตถ์ทำให้สัตว์เลี้ยงเริ่มอดอยาก “บิ๊กฉัตร”มั่นใจเอาวาง 5 แผนรับมือยันมีน้ำเพียงพอถึงสิงหานี้

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม สถานการณ์ภัยแล้งปีนี้หลายจังหวัดทุกภาคเริ่มส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยในส่วนของจ.นครราชสีมา นายสุทธิโรจน์ กองแก้ว ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองว่าขณะนี้น้ำมีปริมาณน้อยลดลง จนสามารถมองเห็นถนนมิตรภาพสายเก่า เมื่อ 50 ปี โผล่ขึ้นมา ถือเป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังเข้าสู่ฤดูแล้งแล้ว ขอให้ประชาชนทุกคนช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด

ล่าสุดเขื่อนลำตะคองมีปริมาณน้ำที่ใช้การได้เพียง 69 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)หรือประมาณ22%จากความจุเขื่อนทั้งหมด314 ล้าน ลบ.ม.ขณะนี้ใช้แผนบริหารจัดการน้ำให้เขื่อนลำตะคอง ปล่อยน้ำได้ไม่เกินวันละ432,000 ลบ.ม.เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศน์ในลำตะคองเท่านั้น

ส่วนสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.ชัยนาท ขยายวงกว้าง ส่งผลให้คลองส่งน้ำเกือบทุกสาย ใน อ.มโนรมย์ แห้งขอดมามากกว่า 1 เดือน ไม่มีการส่งน้ำเข้าคลองตามนโยบายของภาครัฐที่ต้องการสงวนน้ำไว้เพื่อใช้หน้าแล้งและจัดระเบียบการเพาะปลูกในฤดูนาปีให้เกษตรกรเริ่มพร้อมกันในเดือนพฤษภาคม2560 ทำให้นาข้าวชาวนาหลายตำบล ใน อ.มโนรมย์ กำลังตั้งท้องออกรวงเสี่ยงจะขาดน้ำเสียหาย

ทั้งนี้ชาวนาต้องปรับตัวด้วยการสูบน้ำจากบ่อบาดาลนำน้ำใต้ดินขึ้นมาหล่อเลี้ยงต้นข้าวไม่ให้เสียหาย ช่วงที่ต้นข้าวตั้งท้องออกรวง เป็นสำคัญ หากขาดน้ำข้าวจะฝ่อไม่ได้ผลผลิตถึงการสูบน้ำบาดาลจะเพิ่มต้นทุนอีกไร่ละ400-500บาท ก็จำเป็นดีกว่าทิ้งให้ข้าวเสียหาย

สถานการณ์ภัยแล้งในจ.อุตรดิตถ์ ขยายวงกว้างโดยเฉพาะนอกเขตชลประทานในอำเภอทางตอนเหนือ จ.อุตรดิตถ์ คือ อ.น้ำปาด อ.ฟากท่า อ.บ้านโคก และ อ.ทองแสนขัน คุกคามส่งผลกระทบเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวในอ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ต้องต้อนฝูงวัว ตั้งแต่เช้าตรู่ตะเวนหาหญ้าและแหล่งน้ำตามลำห้วยให้ฝูงวัวได้กินเป็นอาหารไปไกลกว่า10 กิโลเมตร หลังแหล่งน้ำใกล้บ้านเริ่มแห้งขอด

นายสุวิทย์ พรหมมา เกษตรกรเลี้ยงโคบ้านม่วง ต.บ้านฝาย อ.น้ำปาด เผยว่า หากไม่ทำเช่นนี้วัวกระบือจะซูบผอม ซึมเศร้าจนล้มตายในที่สุด คาดอีก2เดือนแหล่งหญ้าที่พาวัวไปหากินจะหมดไป อาจต้องซื้อหญ้ามาให้วัวกินแน่นอน ไม่เช่นนั้นต้องประกาศขาย

ด้าน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่ากรมฝนหลวงและการบินเกษตรรายงานว่าได้ปฏิบัติการฝนหลวงแเก้ไขสถานการณ์ภัยแล้งได้ผลดี ซึ่งจากการติดตามสภาพอากาศโดยหน่วยปฏิบัติการลพบุรี ทำฝนหลวงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ป่าและเติมน้ำให้เขื่อนลำตะคอง รวมทั้งในพื้นที่จ.ร้อยเอ็ด จ.มหาสารคาม กำแพงเพชร นครสวรรค์ และหนองบัวลำภู

“ช่วงฤดูแล้งนี้ยืนยันว่าปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆมีมากกว่าทุกปี เนื่องจากมีฝนตกปลายปีมากแต่ก็ยังมีความเป็นห่วง เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าภัยแล้งปีนี้กระทรวงเกษตรฯสามารถดูแลช่วยเหลือเกษตรกรให้ผ่านวิกฤตไปได้ โดยได้เตรียมแผนรองรับภัยแล้งไว้ 5 แผนคือแผนการจัดสรรน้ำให้ถึงเดือนสิงหาคม แผนการเพาะปลูกลดการใช้น้ำ เพิ่มแหล่งน้ำ ปฏิบัติการฝนหลวง และมาตรการช่วยเหลือภัยแล้ง”รมว.เกษตรฯกล่าว

อุตุฯเตือนรับมือพายุฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/259553

วันพฤหัสบดี ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560, 08.27 น.

ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และใกล้ป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบน มีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวจะเกิดพายุฤดูร้อนขึ้นโดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงบางพื้นที่ บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้ เป็นดังนี้

ภาคเหนือ ทางตอนบนของภาคอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร ตาก พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทางตอนบนของภาคอากาศเย็นและมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย นครพนม สกลนคร กาฬสินธ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วน และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

แตกใบอ่อน : ปัญหาขยะจะช้าไม่ได้ (1)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/259495

807934531

วันพฤหัสบดี ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ปัญหาขยะในประเทศไทยเริ่มน่ากลัวมากขึ้นทุกวัน

ถ้าย้อนกลับไปสักประมาณ 1-2 ปีก่อน เราอาจจะคุ้นกันเพียงภาพกองขยะหรือ “ภูเขาขยะ” ที่ถูกทิ้งให้หมักหมมตามตรอกซอกซอย หรือไม่ก็ตามคูคลองสถานที่ต่างๆ กันเท่านั้น

แต่วันนี้พวกคนไทยหลายคนคงได้เห็นแล้วกับภาพความน่ากลัวของ “ขยะ” ที่ลามไปถึงทะเล

เชื่อว่าตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลายคนคงได้เห็นภาพ “แพขยะทะเล” ยาวนับ 10 กม. ที่ถูกนำมาเผยแพร่และส่งต่อกันทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ กันอย่างอึกทึกครึกโครม พร้อมกับข้อมูลที่น่าตกใจว่า จากการสำรวจของทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2558 หรือแค่ปีเศษๆ ที่ผ่านมา พบว่าในบรรดา 192 ประเทศที่มีชายฝั่งติดทะเลประเทศไทยเป็นประเทศที่ปล่อยขยะลงสู่มหาสมุทรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของโลก

หลายคนอาจจะคิดว่า ข้อมูลที่ฝรั่งตาน้ำข้าวพวกนี้สำรวจมามัน “มั่ว” หรือเปล่า

เรื่องนี้ไม่ยากครับ เพราะหากดูจากฐานข้อมูล “ขยะทะเล” ของ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะเห็นได้ว่า ไม่ได้มั่วเลย

กรมทรัพยากรทางทะเล บอกว่า ในบรรดา 23 จังหวัดชายฝั่งของไทย มีปริมาณขยะมากถึง 10 ล้านตันในจำนวนนี้มีมากถึง 5 ล้านตัน หรือครึ่งต่อครึ่งที่ไม่ถูกนำไปจัดการอย่างถูกต้อง และมีโอกาสถูกชะและพัดพาให้ลงทะเล จนกลายเป็น “ขยะทะเล”

ทั้งนี้มีการประมาณกันว่า แต่ละปีมีขยะและพลาสติกถูกพัดลงทะเลมากถึง 5 หมื่นตัน หรือ 750 ล้านชิ้น โดยขยะที่พบส่วนใหญ่เป็น “ถุงพลาสติก” มากที่สุด 13% หลอดเครื่องดื่ม 10% ฝาพลาสติกและภาชนะบรรจุอาหาร อย่างละ 8% ส่วนที่เหลือเป็นขยะอื่นๆ เช่น เชือก ก้นบุหรี่ กระป๋อง กระดาษ โฟม และขวดเครื่องดื่ม เป็นต้น ส่วนที่มาของขยะ เกิดจาก 2 ทาง คือ 1.จากกิจกรรมบนฝั่ง คือ ขยะจากชุมชน แหล่งทิ้งขยะบนฝั่ง ขยะบริเวณท่าเรือ การท่องเที่ยวชายหาด และ 2.จากกิจกรรมในทะเล เช่น การขนส่งทางทะเล การประมง และการท่องเที่ยว

ขณะที่ภาพรวมสถานการณ์ขยะมูลฝอยของประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บอกว่า เมื่อปี 2558 มีขยะประมาณ 26.85 ล้านตัน/ปี โดยในจำนวนนี้ถูกนำไปรีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่แค่ 4.94 ล้านตัน หรือแค่ 19% และมีขยะที่ถูกนำไปกำจัดอย่างไม่ถูกต้อง 8.34 ล้านตัน หรือ 30% ส่วนที่เหลือ 7.15 ล้านตัน หรือ 27% ถูกนำไปกำจัดอย่างไม่ถูกต้อง และมีขยะมากถึง 6.22 ล้านตัน หรือ 23% ที่ถูกทิ้งให้ตกค้างในพื้นที่

นี่คือ “ภัยเงียบ” ที่น่าตกใจและกำลังคุกคามเราอยู่ในทุกวันนี้

แล้วถามว่ารัฐบาลล่ะ รู้เรื่องนี้หรือเปล่า ก็ต้องบอกว่ารู้ดีมากๆ และที่ผ่านมาก็น่าจะมีการขับเคลื่อนมาตรการหลายอย่างมาแก้ปัญหามากพอสมควร

แต่การทำงานดังกล่าวจะเกาถูกที่คัน หรือทันต่อสถานการณ์หรือไม่ สัปดาห์นี้เนื้อที่หมดแล้ว จึงขออนุญาตยกยอดไปคุยต่อสัปดาห์หน้าก็แล้วกันนะครับ

มะลิลา

พิษ‘แล้ง’ลามรพ. วิเศษชัยชาญขาดน้ำ เหนือควันพิษอื้อ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/259537

วันพฤหัสบดี ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

“ภัยแล้ง” โผล่ตั้งแต่ไก่โห่ เผย “รพ.วิเศษชัยชาญ” ขาดน้ำหนัก ต้องเร่งขุดเจาะบาดาลหาน้ำสำรองขณะที่ปัญหาไฟป่า-หมอกควันภาคเหนือส่อขยายวง พบ “ลำปาง-เชียงราย” ควันพิษอื้อ ปภ.เร่งแจ้ง 9 จังหวัดคุมเข้ม ด้านนายกฯผวาอากาศร้อนทำ “ฮีทสโตรก” สั่งยกเลิกออกกำลังกายชั่วคราว

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม สถานการณ์ปัญหาวิกฤติภัยแล้ง ในพื้นที่ จ.อ่างทอง ได้ลุกลามไปถึงน้ำอุปโภคและบริโภคแล้ว โดยเฉพาะที่ รพ.วิเศษชัยชาญ อ.วิเศษชัยชาญ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 90 เตียง เริ่มประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค เนื่องจากบ่อน้ำบาดาลขนาดความลึก 130 เมตรตื้นเขินไม่สามารถผลิตน้ำที่ใช้ภายในโรงพยาบาลได้อย่างเต็มที่ จนมีน้ำไม่เพียงพอต่อการใช้ในโรงพยาบาล

รพ.วิเศษชัยชาญร้องขาดน้ำ

เหตุดังกล่าวทำให้ นพ.องอาจ จันทร์จรัสสิน ผ.อ.โรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ ต้องร้องขอไปยัง นายสุรัตน์ บัวพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 จ.สุพรรณบุรี ให้ส่งรถขุดเจาะน้ำบาดาลมาขุดเจาะน้ำอย่างเร่งด่วนทั้งกลางวันกลางคืนที่ความลึก 180 เมตร เพื่อเสริมระบบน้ำดิบให้กับโรงพยาบาล

ชาวนาตั้งท่อสูบน้ำช่วยข้าว

ขณะเดียวกัน สถานการณ์ภัยแล้งได้คุกคามส่งผลกระทบเกษตรกรชาวนาในหมู่ที่ 4,5และ7 ต.ป่างิ้ว อ.เมือง จ.อ่างทอง ทำให้ต้นข้าวในนากว่า1,000ไร่ที่กำลังใกล้ที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตในอีก 1 เดือน ต้องแห้งเหี่ยวเฉาตาย ทำให้เกษตรกรชาวนา3 หมู่บ้าน รวมตัวกันนำท่อสูบน้ำขนาดใหญ่ ตั้งเครื่องสูบน้ำจากคลองชลประทาน ที่ยังพอมีน้ำอยู่ เพื่อสูบน้ำส่งไปตามคลองตาลแถว มีระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ช่วยเหลือต้นข้าวกว่า1,000ไร่ที่กำลังจะยืนต้นตายรวมทั้งสวนและบ่อปลาอีกด้วย

นายสุนทร ยอดมีกลิ่น รักษาการกำนันตำบลป่างิ้ว เผยว่า ปีนี้ภัยแล้งเริ่มลุกลามมากขึ้นเร็วขึ้นกว่าปกติ ชาวนาจึงต้องรวมตัวสูบน้ำมาเลี้ยงต้นข้าวที่ใกล้จะเก็บเกี่ยวอีก1เดือนเศษ เพื่อไม่ให้แห้งตาย

กระทบนกหนีหนาวบุรีรัมย์

ส่วนที่ จ.บุรีรัมย์ สถานการณ์ภัยแล้งคุกคามส่งผลกระทบกับนกประจำถิ่นและนกอพยพหนีหนาวจากต่างถิ่น เช่น นกยาง นกกาน้ำเล็ก นกกระสา และนกอื่นๆอีกหลายชนิดหลายหมื่อนตัวที่เข้ามาอาศัยหากิน ทำรังวางไข่อยู่ภายในบริเวณ เขตป่าสำนักสงฆ์ดอนใหญ่ ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เนื้อที่กว่า 30ไร่ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวชมนกที่สำคัญของจังหวัด โดยพระอาจารย์ภูวนัย กตสาโร หัวหน้าสำนักสงฆ์ดอนใหญ่ กล่าวว่า ปีนี้ภัยแล้งที่มาเร็วทำให้แหล่งน้ำลำคลองต่างๆมีสภาพแห้งขอด ส่งผลกระทบต่อนก ขาดแคลนอาหาร แหล่งน้ำลำคลองต่างๆทำให้นกหลายชนิด ต้องทิ้งรังร้าง อพยพไปหากิน ยังถิ่นอื่น ที่มีแหล่งน้ำ อาหารอุดมสมบูรณ์มากกว่าเพื่อความอยู่รอด ทำให้เหลือนก อยู่ไม่ถึง 20,000 ตัว ช่วงหน้าหนาวจะมีนกเข้ามาอาศัยทำรังวางไข่มากกว่า 70,000 ตัว

ปภ.แจ้ง9จว.เหนือรับมือควันพิษ

ส่วนสถานการณ์ปัญหาไฟป่า หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยาและตาก ที่พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน

โดยมี 2 จังหวัด มีปริมาณฝุ่นละอองหรือหมอกควันในอากาศเกินค่ามาตรฐาน คือ จ.ลำปาง พื้นที่ ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ และ จ.เชียงราย ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย จึงประสานให้ทุกจังหวัดเร่งป้องกันและแก้ไขอย่างเร่งด่วน

แม่ฮ่องสอนไฟป่ายังรุนแรงหนัก

สถานการณ์ไฟป่าในจ.แม่ฮ่องสอน ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆสาเหตุมาจากราษฎรในพื้นที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐที่ มีการประกาศโดย ผู้ว่าราชการจังหวัด เรื่องห้ามเผาป่าเด็ดขาดในห้วง 61 วันอันตรายตั้งแต่ 1 มีนาคม ไปจนถึง 30 เมษายน 2560 ทั้งที่ได้มีการประกาศบทลงโทษตามกฎหมายอย่างรุนแรงแล้วก็ตาม ส่งผลให้หน่วยงานที่รับผิดชอบต่อการแก้ไขปัญหาไฟป่า และ ราษฎรแต่ละพื้นที่ ต้องทำงานดับไฟป่า ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

นายอภิรัฐ นพกุล หัวหน้าชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟ กรมป่าไม้เผยว่าหน่วยฯได้จัดส่งกำลังพลเข้าร่วมกับเครือข่ายราษฎรบ้านแม่สะกึดและบ้านหัวน้ำแม่สะกึด ต.ผาบ่อง เข้าดับไฟป่าข้างทางหลวงบริเวณลำห้วยแม่สะกึด พบเป็นการลอบเผา ไฟป่าลุกลามไหม้ป่าประมาณ 1ไร่ ขณะที่หน่วยดับไฟป่าฯ อ.เมือง อ.ปาย อ.ปางมะผ้า อ.ขุนยวม อ.แม่ลาน้อย อ.แม่สะเรียง และ อ.สบเมย ต่างส่งกำลังออกไปดับไฟป่าในพื้นที่ของตัวเองและมีมากกว่า50เปอร์เซ็นต์ที่เข้าไปดับไฟป่าไม่ได้เพราะเป็นเทือกเขาสูงชัน

พายุฤดูร้อนถล่มอุดรฯ-ชัยภูมิ

จ.อุดรธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนภาคอีสานให้เฝ้าระวังพายุฤดูร้อน ช่วงค่ำวันที่ 7มีนาคม เกิดพายุฤดูร้อนหมุนคล้ายงวงช้างพัดถล่มบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ ต.คำบง อ.บ้านผือ บ้านหลังคาเปิดเสียหาย 16 หลัง ส่วนใหญ่เสียหายเกือบทั้งหลัง บ้านไม้สองชั้นถูกพายุพัดหลังคาเปิด บางหลังถูกพายุหมุนพัดจนบ้านถล่มยุบลงมา ชาวบ้านหลายคนต่างระทึกใจเกิดมาไม่เคยเห็นเร่งเก็บกวาดความเสียหายขนเสื้อผ้าขอย้ายไปอยู่กับญาติกลัวพายุมาอีก

ด้าน นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้สั่งทุกหน่วยงานเฝ้าระวังพายุฤดูร้อนและออกช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงทีเมื่อมีเหตุด่วนจำเป็นจากวาตภัย

จ.ชัยภูมิ ได้เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มหลายหมู่บ้านในพื้นที่ อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ เสียหายหนักโดยเฉพาะที่หมู่บ้านโนนสะอาดและหมู่บ้านโนนสงเปือย บ้านเรือนเสียหายกว่า 10 หลังรวมทั้งหลังคาอาคารเรียน ยุ้งข้าว เสาโทรศัพท์ และเสาไฟฟ้าหักโค่น ทางการไฟฟ้าต้องตัดกระแสไฟต้องดับไปหลายชั่วโมง

นายกฯสั่งงดออกกำลังกาย

วันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว โดยเฉพาะในช่วงบ่ายที่ร้อนมาก จึงได้ขอให้ชะลอโครงการออกกำลังกายตามที่เคยปฏิบัติไปก่อน แต่ไม่ได้บังคับสำหรับผู้ที่มีความแข็งแรง ถ้าจะออกกำลังกายแต่ขอให้งานอย่าเสีย มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลว่าสาเหตุที่นายกรัฐมนตรี งดออกกำลังกายประจำวันพุธที่ 8 มีนาคมนี้หลังรับทราบข้อมูลกรมอุตตุนิยมวิทยาว่าคลื่นความร้อน (heat wave) เข้ามายังประเทศไทยแล้วกลัวว่าถ้าออกกำลังกายช่วงบ่ายคนจะเป็นฮีทสโตรคโดยเฉพาะผู้สูงอายุ

อุตุฯประกาศ’พายุฤดูร้อน’ฉบับที่9 เตือน!29จังหวัดเตรียมตัวรับมือ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/259431

วันพุธ ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560, 14.18 น.

8 มี.ค.60 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ “พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน” ฉบับที่ 9 ระบุว่า ในช่วงวันที่ 8 – 10 มี.ค.60 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ซึ่งจะมีผลกระทบดังนี้

ภาคเหนือ บริเวณจังหวัด น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัด นครพนม สกลนคร มุกดาหาร อุดรธานี ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธ์ุ ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง บริเวณจังหวัด ลพบุรี และสระบุรี

ภาคตะวันออก บริเวณจังหวัด นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวหลีกเลี่ยงอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และใกล้ป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้แล้ว ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไปทำให้เกิดพายุฤดูร้อนได้