ทัพบกจัดเต็มตั้งกองร้อยรับมือน้ำท่วมหนองคายขนของหนีผวาแม่น้ำโขงล้นตลิ่ง
กองทัพบกเตรียมกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย200 ชุดรับมือน้ำท่วมฉับพลัน ขณะที่กรมอุตุฯ เตือน 22-26 พ.ค. นี้ จ่อมีฝนตกหนักอีกระลอก ด้าน จ.หนองคาย ระส่ำขนของย้ายหนีหลังแม่น้ำโขงจ่อล้นตลิ่ง
วันที่ 20 พฤษภาคมที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) พล.ท.ธเนศ กาลพฤกษ์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก กล่าวว่า หลังเกิดฝนตกอย่างต่อเนื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ได้สั่งการให้กองทัพบกเตรียมกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย 200 ชุดเพื่อปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนที่จะประสบภัยน้ำท่วม ทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง โดยบูรณาการร่วมกับ กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย กรมชลประทาน และกรมทางหลวง ร่วมมือกันช่วยเหลือประชาชน
เพื่อให้สามารถคลี่คลายสถานการณ์อย่างรวดเร็ว
ส่วนพื้นที่ กทม. ทางกองทัพภาคที่ 1 ได้เตรียมความพร้อมรับมือปัญหาอุทกภัยที่กำลังจะมาถึง ซึ่ง พล.ต.สันติพงษ์ ธรรมปิยะ รองแม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวเสริมว่า กองทัพภาคที่ 1 ได้จัดกำลังพล 1 กองพันประกอบด้วย 1 กองร้อยบรรเทาสาธารณภัย จัดกำลังพล พร้อมอุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติต่างๆ รวมถึงมีเรือท้องแบน รถบรรทุกที่มีความสูง 1.40 เมตร ที่ถือเป็นพระเอกของกองทัพบกสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทุกแห่ง หน่วยทหารในพื้นที่กับสำนักงานเขตก็ร่วมกันแก้ไขปัญหา
“ส่วนกำลังพลของหน่วยจะเสริมสร้างให้เข้าใจต่อการแก้ปัญหาช่วยเหลือประชาชนที่ประสบสาธารณภัยต่างๆ อย่างไรก็ตาม ทาง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้สั่งการให้หน่วยในกองทัพภาคที่ 1 ที่ดูแลพื้นที่ภาคกลาง 26 จังหวัดให้ทุกหน่วยเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ทั้งหมด เพื่อให้กำลังพลเกิดความมั่นใจและมีความพร้อมในอุปกรณ์ ตลอดจนประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ส่วนเรื่องการจราจรติดขัดจากฝนตก อย่างเมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่เกิดมีฝนตกและจราจรติดขัดที่ถนนแจ้งวัฒนะ เราใช้เวลา 2 ชั่วโมงสถานการณ์ก็คลี่คลาย” พล.ต.สันติพงษ์ ระบุ
ขณะที่สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ ในวันเดียวกัน ที่ จ.หนองคาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับน้ำในแม่น้ำโขงจุดที่ไหลผ่าน จ.หนองคาย ยังมีระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น ที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำ อ.เมือง จ.หนองคาย วัดได้ที่ระดับ 6.36 ม. เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเช้าของวันที่ 19 พ.ค. อีกกว่า 1.23 ม. และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ เนื่องจากน้ำทางตอนเหนือ คือที่ อ.เชียงคาน จ.เลย รวมทั้งน้ำสาขาใน สปป.ลาว ก็มีระดับที่สูงขึ้นเช่นเดียวกัน จากฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องตลอดหลายวันที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นได้ท่วมองค์พระธาตุกลางน้ำ ในแม่น้ำโขง บริเวณชุมชนวัดธาตุ ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย ที่โผล่พ้นน้ำในช่วงหน้าแล้งที่ผ่านมา เห็นเพียงคลื่นน้ำที่เกิดจากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวประทะกับองค์พระธาตุที่จมอยู่ในน้ำเท่านั้น ทำให้การเดินเรือต้องระมัดระวังไม่ให้ชนกับองค์พระธาตุกลางน้ำ รวมถึงบรรดาผู้ประกอบการดูดทรายในแม่น้ำโขงทั้งชาวไทยและลาว ต้องหยุดการดูดทรายในช่วงนี้ไว้ก่อน ต่างเร่งขนย้ายเครื่องมือและเครื่องจักรในการดูดทรายออกเพื่อไม่ให้ถูกน้ำท่วมเสียหาย หรือถูกพัดจมไปกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก
ที่ อ.เมือง จ.เลย ตั้งแต่ช่วงเช้า ระดับน้ำในแม่น้ำเลยลดลงประมาณ 50 ซม. จาก 11.20 ม. เหลือ 10.70 ม. และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศโดยรอบแม่น้ำมีประชาชนเดินทางมาสังเกตระดับน้ำเป็นระยะๆ ขณะที่ ถ.เจริญ บริเวณหน้าไปรษณีย์จังหวัดเลย รถยนต์สามารถสัญจรไปมาได้แล้ว เช่นเดียวกับระดับน้ำที่ท่วมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเลย และสำนักงานเทศบาลเมืองเลย ที่อยู่ในที่ลุ่มขณะนี้ลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับสนามกีฬากลาง เลยริเวอร์ไซด์ นั้น ยังมีน้ำท่วมสูงประมาณ 1 ม. ไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้
กรมทางหลวงชนบท ออกประกาศเส้นทางควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากมีน้ำท่วมขัง โดยมี 4 เส้นทางในพื้นที่ จ.เลย ที่ไม่สามารถใช้สัญจรได้ ประกอบด้วย ทางหลวงชนบทสาย ลย.4017 ลย.3005 ลย.3049 , ลย.3011 จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะพื้นที่ที่ประสบกับอุทกภัย ขอให้สังเกตป้ายจราจรเตือนระดับน้ำหรือป้ายหลีกเลี่ยงเส้นทาง ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือแจ้งเหตุอุทกภัยได้ที่สายด่วนทางหลวงชนบท 1146 ตลอด 24 ชั่วโมง
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำไหลหลากระหว่างวันที่ 16-20 พ.ค. ว่า เกิดฝนตกตั้งแต่วันที่ 16-20 พ.ค. จนถึงปัจจุบันใน 12 จังหวัด ทำให้เกิดน้ำท่วม ซึ่งยังคงมีสถานการณ์ใน 5 จังหวัด บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 1,285 หลัง เสียชีวิต 2 ราย ที่ จ.กำแพงเพชร และ จ.สุโขทัย โดยมีจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 7 จังหวัด คือ พะเยา อุบลราชธานี ลำพูน อุตรดิตถ์ ตาก กำแพงเพชร และอุดรธานี นอกจากนี้ยังมีจังหวัดที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ดังนี้
1.สุโขทัย น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ 42 ตำบล 306 หมู่บ้าน ปัจจุบันน้ำลดลง 2.เลย น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 11 อำเภอ 27 ตำบล 164 หมู่บ้าน ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัวและเริ่มลดลง 3.พิษณุโลก น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ 16 ตำบล 44 หมู่บ้าน ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว 4.เพชรบูรณ์ น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ 15 ตำบล 54 หมู่บ้าน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง และ 5.เชียงใหม่ น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ 4 ตำบล 7 หมู่บ้าน ปัจจุบันระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง
กรมอุตุนิยมวิทยา เผยแพร่ประกาศพยากรณ์อากาศ 7 วัน ระหว่างวันที่ 20-26 พ.ค. 2560 ระบุว่า ช่วงวันที่ 20-21 พ.ค. ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังมีฝนตกหนักได้บางพื้นที่ ในบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก และภาคตะวันออก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ แต่ในช่วงวันที่ 22-26 พ.ค. ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขณะที่คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
ดังนั้นข้อควรระวัง คือระหว่างวันที่ 22-26 พ.ค. ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณที่ลาดเชิงเขา และพื้นที่ลุ่ม ในบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ที่อาจเกิดน้ำท่วมฉลับพลันน้ำป่าไหลหลากที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย