จีนไม่แคร์!เสียงประท้วงขุดเจาะน้ำโขง เดินหน้าวัดระดับน้ำมุ่งสำรวจ15โซน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/267783

วันเสาร์ ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2560, 13.27 น.

29 เม.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานจากตังหวัดเชียงรายว่า เรือเฉินตง 9 ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนเรือสำรวจของบริษัท CCCC Second Habor Consultant จำกัด ที่ได้รับสัมปทานจากทางการจีนให้มีการสำรวจแม่น้ำโขง ตั้งแต่สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน ไปจนถึงแก่งผาได อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย  ตามข้อตกลงการเดินเรือพาณิชย์แม่น้ำโขงตอนบน 4 ชาติ ไทย สปป.ลาว เมียนมา และจีนตอนใต้ ตลอดแนวชายแดนติดกับประเทศไทยตั้งแต่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ อำเภอเชียงแสน ไปถึงแก่งผาได อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ระยะทางประมาณ 96 กิโเมตร มีกำหนดระยะเวลาสำรวจ 55 วัน โดยดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ยังคงเดินหน้าสำรวจแม่น้ำโขงอย่างต่อเนื่อง

โดยจอดลอยลำอยู่บริเวณชายแดนฝั่ง สปป.ลาว ตรงข้ามบริเวณชายแดนไทยระหว่างบ้านดอนที่กับบ้านหาดบ้าย ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ก่อนที่จะส่งเจ้าหน้าที่ออกทำการสำรวจ โดยปักหมุดจับค่าจีพีเอสบนฝั่งทั้งสองประเทศเพื่อกำหนดจุด และในการสำรวจของเรือเจียฟู 3 ที่เป็นเรือสำรวจขุดเจาะชั้นดิน ชั้นหินและตะกอนทรายในแม่น้ำ ซึ่งกำลังสำรวจอยู่ในพื้นที่บ้านแซว ตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสนอยู่ ซึ่งจะตามมาในภายหลัง

นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังใช้อุปกรณ์สำรวจทางชลศาสตร์ ไปวัดค่าน้ำทั้งในเรื่องการขึ้นลงของระดับน้ำและอัตตราการไหล โดยทำการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดไว้จำนวน 3 จุด กระจายไปตามร่องน้ำระยะหว่างกันประมาณ 50-100 เมตร เป็นเวลา 3 วันก่อนที่จะมีการรายงานผลแบบค่าอัตโนมัติมาสู่ผู้สำรวจ เพื่อประมงลผลทางหลักชลศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะทำการย้ายไปยังจุดอื่นๆตามแผนสำรวจทั้ง 15 โซน

ขณะที่กลุ่มอนุรักษ์ยังคงมีการติดป้ายคัดค้าน การระเบิดเกาะแก่งในแม่น้ำโขงช่วงบริเวณบ้านเมืองกาญจน์ ตำบลริมโขง อำเภอเชียง แต่อย่างยังไม่มีการเคลื่อนใดๆ หลังจากได้มาชูป้ายแสดงสัญญาลักษณ์เพื่อต่อต้านไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวานนี้ บริเวณช่วงแนวแก่งคอนผีหลง แต่ก็มีกำหนดนัดหมายกันที่จะออกมาแสดงพลังอีกครั้ง หากเรือสำรวจโดยเฉพาะเรือขุดเจาะเข้ามาสำรวจในแนวแก่งคอนผีหลง ซึ่งถือเป็นแก่งที่ใหญ่มีความยาว 8-9 กิโลเมตร และเป็นหนึ่งใน 11 จุดของทางการจีน ที่มีแผนจะทำการระเบิดเกาะแก่งหินในแม่น้ำโขง แต่ถูกคัดค้านจากกลุ่มนักอนุรักษ์จนไม่สามารถทำระเบิดได้มาจนถึงทุกวันนี้

 

 

กลุ่มต้านจีนสำรวจแม่น้ำโขงถือป้ายประท้วง! ลั่นทำหนังสือถึงรัฐบาลจีนชี้แจง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/267649

วันศุกร์ ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560, 14.35 น.

28 เม.ย.2560 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า กลุ่มเครือข่ายธรรมชาติและวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง-ล้านนา (กลุ่มรักษ์เชียงของ) ซึ่งนำโดย นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ พร้อมด้วย เครือข่ายกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มเยาวชน อ.เชียงของ กลุ่ม North องศาเหนือ ประมาณ 30 คน ถือป้ายคัดค้านการระเบิดเกาะแก่งในแม่น้ำโขงและล่องเรือเล็กจากพื้นที่ ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ทวนกระแส แม่น้ำโขงขึ้นไปยังเกาะแก่งกลางแม่น้ำโขงที่เรียกกันว่า “คอนผีหลง” เขตแดนระหว่างบ้านเมืองกาญจน์ ต.ริมโขง อ.เชียงของ และผาพระ เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว โดยจุดดังกล่าวมีเกาะแก่งเรียง รายกันอยู่หลายจุด เช่น ผากันตุง ผาเยีย ผาถาก ผาหัวขโตน ฯลฯ โดยฝั่ง สปป.ลาว เป็นผาพระ ซึ่งมีจุดชมวิวอยู่ในฝั่งไทย

ทั้งกลุ่มดังกล่าวได้ไปแสดงพลังและสัญลักษณ์คัดค้าน ด้วยการนำเรือเทียบเกาะแก่งผาเยีย ซึ่งเป็นเกาะหินขนาดใหญ่และได้ถือป้ายคัดค้านกลางแม่น้ำโขง  มีป้ายข้อความที่เป็นทั้งภาษาไทย ภาษาจีนและภาษา อังกฤษ ที่มีเนื้อหาให้หยุดการระเบิดเกาะแก่ง รวมทั้งยังมีการติดตั้งป้ายขนาดใหญ่ ที่มีข้อความและเนื้อหาในลักษณะเดียวกันเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว ตรงจุดชมวิวผาพระซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

โดยนายนิวัฒน์ กล่าวว่า จุดที่ชาวบ้านไปถือป้ายบนเกาะหิน เรียกว่า ผาเยีย ใกล้กันคือ ผากันตุง ตั้งอยู่ตรงกันข้ามผาพระในฝั่ง สปป.ลาว ซึ่งบริเวณนี้หากน้ำขึ้นจะมีสภาพเป็นโพลงใต้น้ำ เป็นเสมือนบ้านของปลาและแหล่งอาหาร ดังนั้นหากเอาเกาะแก่งนี้ออกก็เหมือนฆ่าปลา การจะกลับมาฟื้นฟูก็ทำไม่ได้อีกแล้ว ทั้งนี้ทราบมาว่าบริเวณผาเยีย จะมีการเจาะหินด้านล่างเกาะจำนวน 5 จุดและด้านบนอีก 30 จุด ซึ่งจากลักษณะพื้นที่เชื่อว่าทั้งเกาะผาเยียและผาตุง รวมถึงใกล้เคียงจะต้องถูกเอาออกแน่นอน

“จุดนี้มีความลึกของแม่น้ำโขงบริเวณประมาณ 40 เมตร จึงมีความซับซ้อนด้วยธรรมชาติของเกาะแก่งเหมือนคอนโดของปลา ดังนั้นเราจึงมาจัดกิจกรรมที่นี่เพื่อยืนยันว่าถ้าเรือขุดเจาะมาถึงจุดนี้ก็จะมาแสดงพลัง อีกครั้ง โดยจะมีพี่น้องเครือข่ายมาแสดงออกกันมากกว่านี้เพื่อให้เห็นว่าเราไม่เห็นด้วย ส่วนเขาจะสำรวจก็ปล่อยไปเราจะไม่ได้ทำอะไรแต่จะแสดงออกเพื่อให้เขารู้ ควบคู่ไปกับการทำหนังสือถึงหน่วยงานต่างๆ  และตั้งเป้าจะเขียนจดหมายไปถึงรัฐบาลจีนเพราะเขาอาจจะยังไม่เข้าใจ จึงจะทำให้เข้าใจตรงว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างไรและย่อมมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าในการใช้ทรัพยากรร่วมกัน” นายนิวัฒน์ กล่าว

ทางด้านนายจีระศักดิ์ อินทะยศ แกนนำกลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่า บริเวณแก่งคอนผีหลงมีระยะทางประมาณ 7-8 กิโลเมตร และการพัฒนาระยะแรกจะอยู่ในเขตประมาณ 1.6 กิโลเมตร แต่ในระยะต่อไปก็จะเป็น เหมือนลำคลองเพื่อการเดินเรือสินค้าได้สะดวกซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าคงจะไม่เหลือเกาะแก่งบริเวณนี้อีกเลย ทั้งนี้เมื่อมองจากภายนอกที่ชัดเจน คือเป็นเกาะแก่งบริเวณนี้เป็นเหมือนฝายกั้นน้ำและมีระบบนิเวศน์ที่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิต มีระบบการเติมอ๊อกซิเจนให้น้ำ เมื่อน้ำหลากก็ช่วยชะลอน้ำ ดังนั้นเราจึงไม่เห็นด้วยกับการสำรวจที่จะนำไปสู่การระเบิดเกาะแก่งดังกล่าว

ทั้งนี้ทางด้าน สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขา จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้เรือเจียฟู่ 3 มีกำหนดปฏิบัติงานตรงเกาะมะโนตรงกันข้ามกับบ้านท่าขันทอง ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน โดยเรือลำนี้มีหน้าที่ขุดเจาะชั้นดินและหิน ดังกล่าวโดยยังคงมีกำหนดอยู่ที่บริเวณใกล้เคียงกันนี้อีกระยะหนึ่ง แต่สำหรับเรือเฉินตง 9 มีกำหนดเคยไปสำรวจทางชลศาสตร์ที่เกาะผาเยีย ที่ชาวบ้านชุมนุมกันอยู่ไปจนถึงแก่งไก่ ซึ่งเข้าสู่เขต ต.เวียง อ.เชียงของ โดยใช้เรือเล็กร่วมด้วย แต่วันนี้เรือลำนี้ ได้กลับขึ้นมาบริเวณเหนือ เกาะผาเยียขึ้นไปยังเกาะดอนที่ บ้านดอนที่ ต.ริมโขง ทำให้ไม่เผชิญหน้ากัน

 

เรือจีนเดินหน้าสำรวจจุดที่2 ชาวบ้านยังแขวนป้ายประท้วงต่อเนื่อง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/267596

วันศุกร์ ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560, 11.12 น.

28 เม.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานจากว่า เรือเจียฟู่ 3 ซึ่งเป็นเรือขุดเจาะ ของบริษัท CCCC Second Habor Consultant จำกัด ที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลจีน ให้ดำเนินการสำรวจแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว  ตามข้อตกลงการเดินเรือพาณิชย์แม่น้ำโขงตอนบน 4 ชาติ ไทย,สปป.ลาว,เมียนมา, และจีนตอนใต้ ตลอดแนวชายแดนติดกับประเทศไทยตั้งแต่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน ไปถึงแก่งผาได อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ระยะทางประมาณ 96 กิโเมตร โดยมีกำหนดระยะเวลาสำรวจ 55 วัน ยังคงเดินหน้าทำการขุดเจาะชั้นดิน หินและทรายในแม่น้ำโขงอย่างต่อเนื่อง

โดยในวันนี้่ได้มีการย้ายจุดสำรวจมายังแม่น้ำโขงบริเวณบ้านแซว ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เป็นจุดสำรวจที่ 2 ใน 15 จุดหลักที่ทางคณะมีแผนสำรวจ หลังจากในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการสำรวจในจุดสำรวจแรกที่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ต.เวียง อ.เชียงแสน โดยการดูแลและติดตามสถานการณ์จากเจ้าหน้าที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง หรือ นรข.เขตเชียงราย และสำนักงานกรมเจ้าท่าภูมิภาคเชียงรายอย่างใกล้ชิด

โดยนายสุรนาท ศิริโชค รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขา จ.เชียงราย กล่าวว่า สำหรับการสำรวจในจุดที่ 2  ทางคณะสำรวจจะดำเนินการขุดเจาะประมาณ 10 จุดย่อย คาดว่าจะใช้เวลาในการสำรวจประมาณ 3 วัน ก่อนจะเคลื่อนย้ายไปยังจุดสำรวจหลักจุดที่ 3 ซึ่งการสำรวจจะเป็นการเน้นในการสำรวจขั้นดิน ชั้นหิน และทราย เพื่อดูความหนาแน่น ความตื้นลึกของแม่น้ำตะกอนทราย และสภาพภูมิศาสตร์โดยทั่วไปเหมือนจุดแรก เพื่อเก็บตัวอย่างของสภาพหิน ดินและทรายไปประกอบรายงานการสำรวจ  โดยจะตระเวนสำรวจโดยทั้่วบริเวณซึ่งอยู่ห่างจากท่าเรือเชียงแสนแห่ง  2 ประมาณ 3-4 กิโลเมตร โดยจะมีการเจาะในแม่น้ำความลึกระหว่าง 5 -10 เมตร โดยยืนยันว่ายังเป็นการเพียงวการเจาะเพื่อสำรวจแค่นั้นยังไม่มีการระเบิดเกาะแก่งแต่อย่างใดตามที่หลายฝ่ายมีความกังวล

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันนี้เรือเฉินตง 9 ได้เดินสำรวจตามลำน้ำโขงโดยเฉพาะเกาะแก่งซึ่งคนเรือจีนเรียกว่า “Zhong Sai”และ  “Luk Sao Chao Anuvong” ตั้งอยู่ติด ต.ริมโขง อ.เชียงของ หรือที่คนไทยรู้จักกันดีว่ากลุ่มเกาะแก่ง “คอนผีหลง” ที่กลุ่มชาวบ้านเคยแจ้งว่าจะออกมาแสดงพลังคัดค้านการปรับปรุงร่องแม่น้ำโขงของจีน โดยเรือเน้นตรวจเรื่องอุทกศาสตร์โดยมีเรือเล็กเร็วจำนวน 4 ลำพร้อมอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่สนับสนุน โดยได้มีการวัดระดับน้ำมาตลอดแนวทั้งด้วยเครื่องมือเจ้าหน้าที่และเครื่องวัดระดับที่มีการติดตั้งเอาไว้แล้วหลายจุด ในบางจุดเจ้าหน้าที่ของจีนได้ขึ้นฝั่งไทยเพื่อใช้ถนนเลาะแม่น้ำโขงในการตั้งจุดถ่ายภาพด้วยระบบกำหนดตำแหน่ง หรือ จีพีเอส

อย่างไรก็ตามพบว่าในขณะที่คณะเจ้าหน้าที่ของจีนได้ตรวจวัดระดับน้ำไปจนถึงบริเวณผาพระ ซึ่งเป็นหน้าผาตั้งอยู่เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ส่วนฝั่งไทยคือหมู่บ้านเมืองกาญจน์ ม.2 ต.ริมโขง ปรากฎว่าได้มีผู้นำป้ายผ้าสีขาวใบใหญ่ไปแขวนเอาไว้โดยมีข้อความว่า “หยุด! ระเบิดแก่งแม่น้ำโขง เคารพสิทธิคนท้องถิ่น” ซึ่งป้ายข้อความหันออกไปทางแม่น้ำโขงสู่เรือจีนที่อยู่ในแม่น้ำโขง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

เรือขุดจีนรุกคืบ! ชาวบ้านขึ้นป้ายประท้วง ‘หยุด!ระเบิดแก่งแม่น้ำโขง’

ไทยตอนบนเสี่ยง’พายุฤดูร้อน’ เตือนระวังฝนฟ้าคะนอง-ลมแรง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/267571

วันศุกร์ ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560, 08.00 น.

28 เม.ย.60 พยากรณ์อากาศในช่วงวันที่ 28-29 เมษายน 2560 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ กับมีลูกเห็บตกและฟ้าผ่าได้บางแห่ง ในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วย ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในระยะนี้

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้แล้ว และจะแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจนถึงวันที่ 29 เมษายน 2560 ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นได้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้ (28 เม.ย.60) เป็นดังนี้

ภาคเหนือ อากาศร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์
ตาก สุโขทัย พิษณุโลก และเพชบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร
อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา และชัยภูมิ
อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ ลพบุรี และสระบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา
ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม/ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อน โดยฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

แฉใบสั่งล่า”นกเงือก”ว่อนเกาะยาว ส่งตัวเจ้าบุญรอดถึงสถานีเพาะเลี้ยงพังงา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/267569

วันพฤหัสบดี ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560, 21.33 น.

เจ้าหน้าที่นำตัว “เจ้าบุญรอด” ลูกนกเงือกโชคร้ายวัย 1 เดือน ส่งให้กับสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าพังงาแล้ว เตรียมส่งตัวเข้าอนุบาลให้แข็งแรง และฝึกให้อยู่กับธรรมชาติ ก่อนนำตัวไปปล่อยต่อไป ด้านกลุ่มอนุรักษ์เกาะยาวแฉ ใบสั่งซื้อลูกนกเงือกปลิวว่อนทั่วเกาะ ให้ราคาคู่ละ 3-4 พัน วอนหยุดล่า หยุดฆ่า นกเงือก

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 27 เมษายน นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ได้นำส่งตัว “เจ้าบุญรอด” ลูกนกเงือกวัยร่วม 1 เดือน ที่แม่ถูกฆ่าและตัวเองถูกขโมยออกจากรัง ไปส่งมอบให้แก่ นายธีธัช ดำอุดม หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าพังงา เพื่อนำเข้าอนุบาลและดูแลรักษาที่ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า ต.ตากแดด อ.เมือง จ.พังงา โดยทางเจ้าหน้าที่เตรียมสถานที่ไว้อนุบาลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีการให้อาหารทั้งอาหารตามธรรมชาติ และอาหารเหลว โดยมีการเจือปนยาปฏิชีวนะผสมเข้าไปในอาหารเพื่อให้ลูกนกแข็งแรงขึ้น พร้อมกับส่องไฟปรับอุณหภูมิให้ร่างกายของเจ้าบุญรอดอบอุ่นขึ้น จากนั้นจะดูแลรักษาจนโต พร้อมฝึกให้อยู่กับธรรมชาติได้แล้ว จึงจะปล่อยตามสภาพของธรรมชาติของนกชนิดนี้

ขณะที่ทางกลุ่มอนุรักษ์เกาะยาว เผยมีใบสั่งลูกนกเงือกเพื่อการค้ามีทั้งขายเป็นตัวขายเป็นคู่ ในราคาคู่ละ 3,000 – 4,000 บาท พร้อมขอร้องให้หยุดการค้าขายลูกนกสัตว์ป่าคุ้มครอง หวั่นว่าในอนาคตจะสูญพันธุ์ โดย นางเสาวคนธ์ เริงสมุทร สมาชิกเทศบาลตำบลเกาะยาวน้อย และกลุ่มอนุรักษ์เกาะยาว กล่าวว่า ทราบว่า มีใบสั่งซื้อขายนกเงือกเกิดขึ้นในเกาะยาว โดยเฉพาะช่วงเดือนที่ผ่านมาพบมีการเลี้ยงนกเงือกอยู่คู่หนึ่ง ทางกลุ่มพยายามติดตามเพื่อไม่ให้ขายออกนอกพื้นที่เกาะยาว แต่เมื่อสมาชิกในกลุ่มมีภารกิจติดประชุมต่างจังหวัดกลับมาพบว่ามีการจำหน่ายให้คนต่างถิ่นแล้ว ตนเองกับสมาชิกในกลุ่มพยายามที่จะทำทุกทางให้คนในพื้นที่เกิดสำนึกการอนุรักษ์ หากไม่มีการอนุรักษ์ไว้ในอนาคตลูกหลานก็จะเห็นเพียงภาพเท่านั้นว่าอดีตเคยมีนกเงือกในพื้นที่เกาะยาวแต่ด้วยน้ำมือมนุษย์ทำให้นกเงือกสูญพันธุ์

ด้านนายธีธัช ดำอุดม หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าพังงา กล่าวว่า สำหรับลูกนกแก๊ก เป็นประเภทนกเงือกชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กที่สุดในตระกูลนกเงือก หลังจากที่ได้รับส่งต่อนั้นทางสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าพังงา พร้อมจะดูแล เบื้องต้นให้อยู่ในกรงอนุบาล มีการใช้ไฟส่องเพื่อปรับอุณหภูมิที่เหมาะสม พร้อมให้อาหารตามธรรมชาติผสมยาปฏิชีวนะ เพื่อให้ร่างกายลูกนกแข็งแรงซักระยะหนึ่ง เมื่อลูกนกแข็งแรงเติบโตพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ก็จะเปลี่ยนกรงให้อยู่รวมกับนกแก๊กตัวอื่นๆ และดูแลจนสามารถอาศัยอยู่กับสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติได้แล้วจึงจะปล่อยคืนธรรมชาติ ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าพังงาอยู่แล้ว

เรือขุดจีนรุกคืบ! ชาวบ้านขึ้นป้ายประท้วง ‘หยุด!ระเบิดแก่งแม่น้ำโขง’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/267415

วันพฤหัสบดี ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560, 10.15 น.

27 เม.ย. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสำรวจแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน จ.เชียงราย ของบริษัท CCCC Second Habor Consultant จำกัด จากประเทศจีน ยังคงดำเนิน การต่อไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เริ่มสำรวจมาตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. และมีกำหนดสำรวจทั้งสิ้น 55 วัน
ล่าสุดเรือเฉินตง 9 ได้เดินทางออกจากท่าเรือตั้งแต่เช้าช่วงเช้าและมุ่งหน้าสู่เกาะแก่ง ซึ่งคนเรือจีนเรียกว่า  “Zhong Sai และ Luk Sao Chao Anuvong ตั้งอยู่ติด ต.ริมโขง อ.เชียงของ โดยเป็นกลุ่มเกาะแก่ง  “คอนผีหลง” ที่กลุ่มชาวบ้านเคยแจ้งว่าจะออกมาแสดงพลังคัดค้าน  โดยเรือเฉินตง 9 มุ่งตรวจเรื่องอุทกศาสตร์ จะมีเรือเล็กเร็วจำนวน 4 ลำพร้อมอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่สนับสนุน ทั้งนี้ได้มีการวัดระดับน้ำมา ตลอดแนว โดยใช้ทั้งเครื่องมือและใช้ทั้งเจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ในบางจุดเจ้าหน้าที่ของจีนยังได้ขึ้นฝั่งไทยเพื่อใช้ถนนเลาะแม่น้ำโขงในการตั้งจุดถ่ายภาพด้วยระบบกำหนดตำแหน่งหรือจีพีเอส อย่างไรก็ตามพบว่าในขณะที่คณะเจ้าหน้าที่ของจีนได้ ตรวจวัดระดับน้ำไปจนถึงบริเวณผาพระ ซึ่งเป็นหน้าผาตั้งอยู่เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ส่วนฝั่งไทยคือ หมู่บ้านเมืองกาญจน์ ม.2 ต.ริมโขง ซึ่งมีการขึ้นเป็นจุดชมผาพระจากฝั่งไทย และชมทิวทัศน์ ของแม่น้ำโขง ปรากฎว่าได้มีผู้นำป้ายผ้าสีขาวใบใหญ่ไปแขวนเอาไว้ โดยมีข้อความว่า  “หยุด! ระเบิดแก่งแม่น้ำโขง เคารพสิทธิคนท้องถิ่น” ซึ่งป้ายข้อความหันออกไปทางแม่น้ำโขง
ทั้งนี้ในบันทึกตารางงานของเรือเฉินตง 9 ระบุว่าหากการปฏิบัติงานบริเวณเกาะแก่งทั้ง 2 จุดราบรื่นพวกเขาจะดำเนินการตรวจสอบทางอุทกศาสตร์ต่อไปอีกเรื่อยๆ ได้ ขณะที่เรืออีกลำ ชื่อเรือเจียฟู่ 3 ซึ่งเป็นเรือขุด เจาะหินยังคงอยู่ที่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำด้าน อ.เชียงแสน และเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว โดยขุดเจาะตัวอย่างหินใต้น้ำมาตรวจสอบอย่างต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มด้านเครือข่ายธรรมชาติและวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง-ล้านนา (กลุ่มรักษ์เชียงของ)   ได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ที่เข้าไปพบเพื่อหารือเกี่ยวกับกิจกรรมของกลุ่มว่าจะมีการ แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการนำป้าย ข้อความ สัญลักษณ์ ไปแสดงต่อเรือสำรวจของจีนว่าคัดค้านการระเบิดเกาะแก่งแม่น้ำโขงโดยยืนยันจะทำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

 

ตอนบนอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ มีลมกระโชกแรง-ฝนทั่วทุกภาค

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/267222

วันพุธ ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560, 08.22 น.

26 เม.ย.60 ลักษณะอากาศทั่วไปพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้

ในช่วงวันที่ 27-29 เม.ย.60 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ กับมีลูกเห็บตกบางแห่งในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากสภาวะอากาศที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วย

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ อนึ่ง ในช่วงวันที่ 27-29 เม.ย.60 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ กับมีลูกเห็บตกบางแห่งในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้

ภาคเหนือ อากาศร้อน โดยมีฝนบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียสลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานีอุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียสลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศร้อน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรีอุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 38-40 องศาเซลเซียสลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราดอุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียสลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาสอุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียสลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม/ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูลอุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียสลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม/ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อน โดยมีฝนบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียสลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ตอนบนอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/267011

วันอังคาร ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2560, 08.17 น.

ลักษณะอากาศทั่วไป พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนในตอนกลางวันและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้
ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในระยะนี้
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้
ภาคเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพะเยา น่าน แพร่ และอุตรดิตถ์ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง อากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

เสริมแกร่งเครือข่ายเยาวชนใต้ สร้างแกนหลักฟื้นฟูทรัพยากร3จังหวัดชายแดน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/266927

วันจันทร์ ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560, 16.44 น.

            จากนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเยาวชนให้มีการเรียนรู้สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตมีทักษะในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสมมีประสิทธิภาพ โดยน้อมนำ “ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตนำไปสู่การพัฒนาตนเองเกิดการยกระดับคุณภาพชีวิต สังคมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมอบหมายให้ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ “เยาวชนรักษ์สิ่งแวดล้อมพร้อมใจคืนความสุขสู่ชายแดนใต้” เพื่อส่งเสริมบทบาทเยาวชนในสถานศึกษา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีส่วนร่วมในการจัดการและแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของตัวเอง โดยสร้างกระบวนการเรียนรู้ความเข้าใจเรื่องการจัดการสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมทั้งนำองค์ความรู้มาดูแลทรัพยากรธรรมชาติให้แก่ชุมชน

นายสากล ฐินะกุล อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมเปิดเผยว่า ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ มองว่าปัจจัยที่ช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ “การพัฒนาคน” ให้มีความรู้ ความสามารถ เพื่อทำหน้าที่ในการพิทักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากการสร้างจิตสำนึกให้กับเยาวชน ซึ่งวิธีการที่ดีที่สุดวิธีการหนึ่ง คือ การสร้างกระบวนการเรียนรู้เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั้งภายในและนอกห้องเรียน เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาเป็นผู้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า และเป็นกำลังสำคัญในปกป้องดูแลสิ่งแวดล้อมในชุมชน

ดังนั้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงมอบหมายให้ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ “เยาวชนรักษ์สิ่งแวดล้อมพร้อมใจคืนความสุขสู่ชายแดนใต้” เพื่อส่งเสริมบทบาทเยาวชนในสถานศึกษา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีส่วนร่วมในการจัดการและแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของตัวเอง โดยสร้างกระบวนการเรียนรู้ความเข้าใจเรื่องการจัดการสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมทั้งนำองค์ความรู้มาดูแลทรัพยากรธรรมชาติให้แก่ชุมชน

“โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเยาวชนรักษ์สิ่งแวดล้อมฯ เป็นโครงการที่ส่งให้กลุ่มเยาวชนมีโอกาสแลกเปลี่ยนความแลกเปลี่ยนความรู้ ความเข้าใจ เพื่อพัฒนายกระดับให้มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และสังเคราะห์ (Synthesis Thinking, Logical Thinking) เพื่อเปิดโลกทัศน์ บทเรียน และกระบวนการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมทั้งเชิงองค์ความรู้และการบริหารจัดการอย่างเท่าทันสถานการณ์ ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อปี 2558 ก็สามารถทำให้เยาวชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนจำนวนมาก เกิดความคิดริเริ่มและมีการดำเนินมาตรการเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในสถานศึกษาและชุมชนของตัวเอง โดยเฉพาะการลดขยะตั้งแต่ต้นทาง เช่น โครงการกล่องข้าวและแก้วน้ำคู่กายแทนภาชนะประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง โครงการประกาศโรงเรียนเป็นเขตปลอดโฟมและถุงพลาสติกการจัดตั้งธนาคารขยะ ซึ่งสามารถลดปริมาณขยะในสถานศึกษาได้มากกว่าร้อยละ 70 และที่สำคัญยังมีการขยายผลไปสู่ท้องถิ่นและสถานศึกษาอื่นๆอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน”

อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมกล่าวต่ออีกว่า เพื่อเป็นการขยายผลความสำเร็จและขยายแนวคิดการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กว้างขวางขึ้น รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้เยาวชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สามารถเป็นแกนนำในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง  กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ “เยาวชนรักษ์สิ่งแวดล้อมพร้อมใจคืนความสุขสู่ชายแดนใต้” ประจำปี 2560 โดยนำครูและเยาวชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 120 คน เดินทางมาเข้ารับการอบรมและศึกษาดูงานที่ จ.เชียงใหม่ ในระหว่างวันที่ 20-24 เมษายน 2560

 

โดยรูปแบบการอบรม จะประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ 1.การศึกษาดูงานนอกสถานที่ อาทิ สวนสัตว์เชียงใหม่, อุทยานหลวงราชพฤกษ์, ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ,การศึกษาเส้นทางธรรมชาติกิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์, ศึกษาการจัดการขยะอย่างมีส่วนร่วมของชุมชนบ้านป่าบุก 2.การจัดเวทีบรรยายและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทั้งระหว่างกลุ่มเยาวชนและในพื้นที่สูง เช่น การแลกเปลี่ยนความรู้ วัฒนธรรมและวิถีชีวิต และ 3.กิจกรรมฐานความรู้ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาทิ ฐานศึกษาเรียนรู้การฟื้นฟูดินด้วยปุ๋ยหมักใบไม้และน้ำหมักชีวภาพ ฐานศึกษาเรียรู้การปลูกผักปลอดสารพิษ ฐานศึกษาเรียนรู้การเพาะเห็ดฟางในตระกร้า ฐานศึกษาเรียนรู้พันธุ์พืช และการจัดการขยะ เป็นต้น

“ตลอดระยะเวลา 5 วันของการศึกษาอบรม เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า เยาวชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคนจะได้เรียนรู้ถึงบทเรียน ประสบการณ์และแนวคิดที่ดีๆ ใหม่ๆ ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่สามารถนำไปเติมเต็มเพื่อนำประสบการณ์ไปใช้ปรับปรุงในพื้นที่ตัวเอง โรงเรียนและชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ” อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าว

          ที่สำคัญ จะนำไปสู่การสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของเยาวชนเพื่อเป็น “แกนหลัก” ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป

พายุฝนถล่มอ.หล่มสักหนักสุดรอบ10ปี พัดหลังคาปลิวเสาไฟฟ้า-ต้นไม้โค่น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/266894

วันจันทร์ ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560, 15.08 น.

24 เม.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดพายุฝนพัดกระหน่ำอย่างรุนแรงในพื้นที่อำเภอหล่มสัก มีลมพายุพัดกระหน่ำและฝนตกและมีลูกเห็บตกลงมาอย่างรุนแรง ทำให้บ้านเรือนของราษฎร์ในหลายตำบล รวมทั้งสถานที่ราชการได้รับความเสียหาย เช่น ต้นไม้ และเสาไฟฟ้าหักโค่น ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก จากนั้นได้มีฝนตกลงมาอย่างรุนแรงภายในบริเวณศาลจังหวัดหล่มสัก  โรงเรียนอาชีวะ  โรงเรียนบ้านหยกฟ้า ถูกลมพักหักโค่นลงมาทับรั้วและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย

นอกจากนี้บ้านพักนายอำเภอ ถูกกระแสลมพัดหอบหลังคาปลิวกระเจิง ส่วนที่โรงพยาบาลหล่มสักต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกแรงลม พายุพัดจนหักโค่นลงมาทับอาคารที่จอดรถ และอาคารให้บริการด้านทันตกรรมเสียหายและทับรถยนต์ของเจ้าหน้าที่เสียหาย 2 คัน

ในขณะที่บริเวณโรงน้ำแข็งเของเอกชนรายหนึ่ง ในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ได้มีหลังคาบ้านขนาดใหญ่ปลิวมาทับรถกระบะอีซูซุที่ใช้ขนส่งน้ำแข็ง ได้รับเสียหายจำนวน 1 คัน และที่บริเวณสถานที่ก่อสร้างน้ำมันลม ได้พัดกระหน่ำทำให้หลังคาที่จอดรถพังลงมาทับรถยนต์ได้รับความเสียหายหลายคัน อีกทั้งบ้านทรงไทยหลังหนึ่งมูลค่าหลายล้านบาท ได้ถูกลมพายุพัดล้มพังลงมากองอยู่กับพื้นทั้งหลัง และที่บริเวณถนนวิจียังมีต้นไม้ถูกลมพายุพัดหักโค่นทับสายไฟฟ้า และทับรถยนต์เก๋งฮอนด้าซีอาร์วี 1 คัน และ ต้นไม้ที่หักโค่นยังปิดขวางถนนอีกทำให้รถที่สัญจรผ่านไปมาด้วยความลำบาก ขณะเดียวกันยังมีเสาไฟฟ้าหักโค่นอีก 2 ต้น ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าดับไปทั่วเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก

ด้านนายชนก มากพันธุ์ นายอำเภอหล่มสัก ได้สั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเร่งสำรวจความเสียหายอย่างเร่งด่วนซึ่งในเบื้องต้นพบว่ามีพื้นที่ประสบภัยได้แก่ ต.ตาลเดี่ยว จำนวน  73 หลังคาเรือน ต.หนองไขว่ จำนวน 60 หลังคาเรือน ต.สักหลง จำนวน 20 หลังคาเรือน ต.บ้านหวาย จำนวน 62 หลังคาเรือน ต.ฝายนาแซง จำนวน 78 หลังคาเรือน ต.บ้านติ้ว จำนวน 160 หลังคาเรือน ต.น้ำก้อ จำนวน 70 หลังคาเรือน ต.ปากช่อง จำนวน 8 หลังคาเรือน รวมทั้งสิ้น 531 หลัง ส่วน ต.วัดป่า และตำบลหล่มสัก ซึ่งได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากอยู่ระหว่างการสำรวจ และในขณะนี้ได้ประกาศให้พื้นที่อำเภอหล่มสักเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ