พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อพืชไร่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_crop_animal_forecast.php

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อพืชไร่
ระหว่างวันที่ 22 – 28 กุมภาพันธ์ 2559
ผลกระทบต่อพืชและสัตว์เศรษฐกิจ
ระยะนี้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป โดยเฉพาะทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณอื่น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และเนื่องจากระยะนี้แม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจายของฝน ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต และกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช สำหรับอากาศแห้งและลมแรง ชาวไร่อ้อยที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ควรเลือกวิธีการเผาก่อนตัด จะทำให้ค่าน้ำตาลในอ้อยลดลง นอกจากนี้ไฟอาจจะลุกลามทำให้เกิดอัคคีภัยและไฟป่าได้ รวมทั้งควันไฟจากการเผาไหม้จะทำให้ทัศนะวิสัยลดลง และเกิดเป็นมลพิษทางอากาศ ส่วนผู้ที่ปลูกมันสำปะหลังควรระวังการระบาดของเพลี้ยแป้งและไรแดง เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ หากพบควรเก็บไปเผาทำลายนอกแปลง
สำหรับสภาพอากาศเย็นและแห้งในระยะนี้ เกษตรกรที่ปลูกถั่วเขียวที่อยู่ในระยะออกดอกและติดฝักควรระวังป้องกันการระบาดของราแป้ง ซึ่งจะทำให้ต้นแคระแกร็น ติดฝักน้อย เมล็ดและฝักมีขนาดเล็กลง ฝักที่มีเชื้อราปกคลุมจะบิดเบี้ยว แคระแกร็น และเมล็ดไม่สมบูรณ์ เกษตรกรควรหมั่นสำรวจหากพบควรรีบกำจัดก่อนระบาดเป็นบริเวณกว้าง
สำหรับภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกน้อย และระยะต่อไปจะยังคงมีปริมาณและการกระจายของฝนน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชไร่ที่อยู่ระยะเจริญเติบโตอย่างเหมาะสม หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช
ออกประกาศ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2559

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อพืชไร่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_crop_animal_forecast.php

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อพืชไร่
ระหว่างวันที่ 22 – 28 กุมภาพันธ์ 2559
ผลกระทบต่อพืชและสัตว์เศรษฐกิจ
ระยะนี้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป โดยเฉพาะทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณอื่น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และเนื่องจากระยะนี้แม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจายของฝน ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต และกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช สำหรับอากาศแห้งและลมแรง ชาวไร่อ้อยที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ควรเลือกวิธีการเผาก่อนตัด จะทำให้ค่าน้ำตาลในอ้อยลดลง นอกจากนี้ไฟอาจจะลุกลามทำให้เกิดอัคคีภัยและไฟป่าได้ รวมทั้งควันไฟจากการเผาไหม้จะทำให้ทัศนะวิสัยลดลง และเกิดเป็นมลพิษทางอากาศ ส่วนผู้ที่ปลูกมันสำปะหลังควรระวังการระบาดของเพลี้ยแป้งและไรแดง เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ หากพบควรเก็บไปเผาทำลายนอกแปลง
สำหรับสภาพอากาศเย็นและแห้งในระยะนี้ เกษตรกรที่ปลูกถั่วเขียวที่อยู่ในระยะออกดอกและติดฝักควรระวังป้องกันการระบาดของราแป้ง ซึ่งจะทำให้ต้นแคระแกร็น ติดฝักน้อย เมล็ดและฝักมีขนาดเล็กลง ฝักที่มีเชื้อราปกคลุมจะบิดเบี้ยว แคระแกร็น และเมล็ดไม่สมบูรณ์ เกษตรกรควรหมั่นสำรวจหากพบควรรีบกำจัดก่อนระบาดเป็นบริเวณกว้าง
สำหรับภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกน้อย และระยะต่อไปจะยังคงมีปริมาณและการกระจายของฝนน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชไร่ที่อยู่ระยะเจริญเติบโตอย่างเหมาะสม หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช
ออกประกาศ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2559

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อพืชไร่ ไม้ดอก และพืชผัก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_crop_animal_forecast.php

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อพืชไร่ ไม้ดอก และพืชผัก
ระหว่างวันที่ 8 – 14 กุมภาพันธ์ 2559
ผลกระทบต่อพืชและสัตว์เศรษฐกิจ
ระยะนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป โดยเฉพาะทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณอื่น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอสำหรับบริเวณเทือกเขายอดดอยและยอดภูจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร ส่วนเกษตรกรที่จุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยง ควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย อนึ่งผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมหนาวเพื่อป้องกันลมโกรกโรงเรือน และเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนเพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งตอนกลางคืน เพราะอาจทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงตายได้ ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดปริมาณอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิน้ำที่ต่ำทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อให้น้ำผสมเป็นเนื้อเดียวกันและเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้แก่น้ำ และในช่วงวันที่ 10-14 ก.พ. บางพื้นที่จะมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง สำหรับภาคใต้ทางตอนบนของภาคอากาศเย็น เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงโดย ในช่วงวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ ทะเล จะมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงดังกล่าว
สำหรับผู้ที่ปลูกพืชไร่ ไม้ดอก และพืชผักในระยะนี้ เนื่องจากปริมาณฝนมีน้อย ประกอบกับ ปริมาณน้ำระเหยมีมาก ทำให้ความชื้นในดินลดลง เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต และผลิดอกออกผลอย่างเหมาะสม เพราะหากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง ถ้าขาดน้ำจะทำให้สูญเสียผลผลิตโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ควรคลุมบริเวณพื้นที่เพาะปลูกและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน ส่วนบริเวณที่มีอากาศหนาวถึงหนาวจัดโดยเฉพาะทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุสีเข้ม เพื่อรักษาอุณหภูมิดิน สำหรับในช่วงวันที่ 10-14 ก.พ. บางพื้นที่จะมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราโดยเฉพาะโรคราน้ำค้าง ในพืชไร่ ไม้ดอก และพืชผัก ซึ่งอาจเข้าทำลาย ทำให้พืชเสียหาย ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรไม่ควรตากไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายเนื่องจากหมอกและน้ำค้างได้ นอกจากนี้ควรวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ และใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัดโดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยๆครั้ง และควรให้น้ำพืชในช่วงเย็นและค่ำเพื่อลดการสูญเสียน้ำโดยกา รระเหย เว้นแต่บริเวณเทือกเขาและยอดดอยที่มีโอกาสเกิดน้ำค้างแข็ง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการให้น้ำพืชในช่วงเย็นและค่ำเนื่องจากขณะเกิดน้ำค้างแข็งจะทำให้ท่อลำเลียงน้ำของพืชเสียหายได้ เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นช่วงแล้ง ผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองให้แก่พืชในระยะเจริญเติบโต โดยเฉพาะในช่วงออกดอกออกผลเป็นช่วงที่พืชมีความต้องการน้ำสูงกว่าระยะอื่นๆถ้าได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลผลิตลดลง หากขาดน้ำจะทำให้ไม่ได้รับผลผลิตเลย
ออกประกาศ วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2559

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อพืชไร่และผัก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_crop_animal_forecast.php

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อพืชไร่และผัก
ระหว่างวันที่ 18 – 24 มกราคม 2559
ผลกระทบต่อพืชและสัตว์เศรษฐกิจ
ในช่วงวันที่ 18-19 ม.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเกิดขึ้นและมีอากาศหนาวเย็น ส่วนในช่วงวันที่ 20-22 ม.ค. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะมีกำลังอ่อนลงทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 23- 24 ม.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะแรกหลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง
ระยะนี้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไปโดยทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอากาศหนาวเย็นกว่าบริเวณอื่นๆ ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภูจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด สำหรับฝนที่ตกบริเวณประเทศไทยตอนบนในระยะนี้ยังคงมีปริมาณและการกระจายของฝนน้อย ประกอบกับน้ำระเหยมีมากทำให้ความชื้นในดินลดลง โดยสมดุลน้ำในช่วง 7 วันที่ผ่านมา มีค่าประมาณ (-10) – (-20) ซึ่งแสดงว่าปริมาณฝนที่ตกน้อยกว่าปริมาณน้ำที่สูญเสียโดยการระเหยและการคายน้ำของพืช ดังนั้นเกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมโดยเฉพาะพืชไร่และผักชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นพืชที่มีระบบรากตื้น หากขาดน้ำจะ ทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช และคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดินและรักษาความชื้นภายในดิน นอกจากนี้ควรระวังการระบาดของศัตรูพืช เช่น หนอนใยผัก โดยจะพบการระบาดมากในช่วงเดือน มกราคม – เมษายน ของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีอุณหภูมิเหมาะสมต่อการขยายพันธุ์ พืชอาหารหลักของหนอนชนิดนี้คือพืชตระกูกะหล่ำ ได้แก่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก กวางตุ้ง ผักกาดเขียว คะน้า ผักกาดขาว ผักกาดหัว เป็นต้น
สำหรับภาคใต้ตอนบนช่วงที่ผ่านมามีฝนตกน้อย และในระยะต่อไปจะยังคงมีปริมาณและการกระจายของฝนน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่ปลูกเพิ่มเติม เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโตและแคระแกร็น ส่วนทางตอนล่างของภาคปริมาณและการกระจายของฝนในช่วงที่ผ่านมาเพียงพอกับความต้องการของพืชประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้ายังคงมีฝนตกอยู่ในเกณฑ์เป็นแห่งๆถึงกระจายและจะมีฝนตกหนักบางแห่งทางฝั่งตะวันออกของภาค ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการเจริญเติบชองพืชโดยเฉพาะผักชนิดต่างๆ
ออกประกาศ วันที่ 18 มกราคม 2559