หลวงพระบาง ตรงกลางระหว่างความสุขและดิบ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

06 พฤษภาคม 2560 เวลา 10:56 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/493551

หลวงพระบาง ตรงกลางระหว่างความสุขและดิบ

โดย….กาญจน์ อายุ

 ความเป็นหลวงพระบางถูกรักษาไว้ตั้งแต่ปี 2538 หลังจากที่ยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลก ซึ่งตำแหน่งนี้ย่อมมาพร้อมเงื่อนไขเพื่อรักษาและอนุรักษ์เมืองไว้ไม่ให้หลวงพระบางเปลี่ยนแปลงไปนัก

ทั้งการก่อสร้างหรือบูรณะอาคารบ้านเรือน ต้องขออนุญาตและได้รับการอนุมัติจากยูเนสโก อย่างเงื่อนไขที่เห็นได้ชัดคือ ห้ามสร้างอาคารเกิน 2 ชั้นเพื่อรักษาภูมิทัศน์เมือง สีหลังคา หรือกระทั่งแบบผังภูมิอาคารที่จะทำตามอำเภอใจไม่ได้

ทว่า เงื่อนไขเหล่านี้เป็นสิ่งผูกมัดคนหลวงพระบางหรือไม่? เสียงหนึ่งในฐานะคนท้องถิ่นจาก “ปิ่นแก้ว” คุณครูลาวที่ใช้เวลาว่างมาเป็นไกด์ให้ข้อมูล ตอบว่า “ไม่”

พระสงฆ์เดินบิณฑบาตข้าวเหนียว

 เพราะปัจจุบันคนหลวงพระบางประกอบอาชีพอยู่อย่างเดียวคือ การท่องเที่ยว

“หากยูเนสโกไม่เข้ามาก็คงไม่มีนักท่องเที่ยว และบ้านเมืองคงจะเปลี่ยนไปจนไม่เหลือความดั้งเดิม เพราะหลวงพระบางตอนนี้เหมือนเมืองไทยเมื่อ 40-50 ปีก่อน ทั้งบ้านเรือน วิถีชีวิต การแต่งกายของเราที่ยังไม่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ซึ่งเป็นเรื่องดี”

หลวงพระบางเป็นหัวเมืองทางเหนือของ สปป.ลาว เป็นดินแดนที่ไม่มีทางออกทะเล ที่ตั้งของเมืองอยู่ในหุบเขาล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชัน โดยมีแม่น้ำคานและแม่น้ำโขงไหลผ่าน มีภูเขาพูสีเป็นหัวใจของหลวงพระบาง และเป็นเมืองพุทธศาสนานิกายเถรวาท มีวัดมากถึง 32 แห่ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นพระสงฆ์และเณรนุ่งห่มจีวรสีเหลืองแซฟฟรอนไปทั่วเมือง

ทัวร์วัด

ปิ่นแก้ว รับหน้าที่เป็นหัวขบวนนำเดินทัวร์วัด โดยสตาร์ทที่วัดเชียงทองกับจุดที่น่าสนใจในโรงราชรถหรือที่เก็บโกศของกษัตริย์ลาว หนึ่งในนั้นคือโกศใหญ่ตรงกลางเป็นของเจ้าศรีสว่างวงศ์

เมืองมรดกโลกใต้หมอกยามเช้า

 รวมถึงองค์พระม่านในหอไตร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่คนหลวงพระบางนับถือ โดยได้ไหลล่องน้ำมากับแพไม้ไผ่จากเมียนมา ซึ่งแม้ว่าจะผลักออกไป แพนั้นก็ยังกลับมาวนเวียนเหมือนเดิม ประตูที่ปิดรักษาองค์พระม่านจะเปิดออกปีละครั้งในวันที่ 22 เม.ย. และจะอัญเชิญองค์พระม่านมาประดิษฐานอยู่หน้าวิหารเป็นเวลา 5 วัน 5 คืน จากนั้นจะอัญเชิญกลับไปประดิษฐานไว้ที่เดิม

อีกสถานที่สำคัญต้องกล่าวถึง หอพระบาง (ภายในรั้วพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ) ปิ่นแก้ว เล่าว่า พระบางเคยพลัดพรากไปอยู่ที่อื่น แต่ก็ยังมีโอกาสได้กลับคืนมาให้ประชาชนลาวได้บูชากราบไหว้ และถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของหลวงพระบาง

ตามที่ประวัติเล่ากันมาว่า พระบางทำจากทองคำแท้ 90 เปอร์เซ็นต์ น้ำหนัก 54 กก. มีความสูง 83 ซม. หล่อหลอมขึ้นในช่วงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปได้ 436 ปี และได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ 5 ธาตุประดิษฐานไว้ในพระบาง ที่หน้าผาก คาง อก และมือทั้งสองข้าง ลักษณะเป็นปางห้ามญาติ (ไทยเรียกว่าปางห้ามสมุทร)

หลังจากหล่อหลอมเสร็จได้นำไปประดิษฐานที่ประเทศลังกาเป็นเวลา 900 กว่าปี จากนั้นย้ายไปอยู่ที่เขมรเป็นเวลา 500 กว่าปี จนกระทั่งถึงรัชสมัยของพระเจ้าฟ้างุ่มได้อัญเชิญพระบางมาอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์เป็นเวลา 100 กว่าปี สมัยพระเจ้าวิชุนราชได้อัญเชิญมาอยู่ที่วัดวิชุนเป็นเวลา 200 กว่าปี จากนั้นมาเมื่อถึงรัชกาลของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่เมืองหลวงพระบางจวบจนปัจจุบัน

หอพระบาง

 แต่หากใครต้องการชมวิวแบบแอดวานซ์ ขอท้าให้ขึ้นไปดูซันเซตบนวัดพระธาตุพูสี (ตรงข้ามกับหอพระบาง) ที่สูงกว่าระดับพื้นดิน 328 ขั้นบันได ขึ้นไปจะได้สูดอากาศหายใจเข้าเต็มปอดและปล่อยออกยาวๆ รับชมทิวทัศน์บ้านเมืองยามอัสดง บรรจงมองโค้งแม่น้ำโขง และแนวเทือกเขาสุดโว้งว้างที่พระอาทิตย์จะลับหายไป เหลือไว้เพียงแสงสุดท้ายและภาพซิลลูเอทขององค์พระธาตุ เช่นเดียวกับยามเช้า ตะวันจะโผล่แย้มหลังภูเขาอีกฝั่งหลังจากโลกหมุนรอบตัวเอง ซึ่งไม่อาจตัดสินว่ายามใดสวยกว่ากัน เพราะตะวันนั้นไม่เคยไม่เหมือนเดิม

ทัวร์วัง

หลังจากพรรณนาไปยืดยาวโดยไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเหนื่อย (กับบันได) หรือความงดงาม วันต่อมา ปิ่นแก้วก็ยังทำหน้าที่เป็นไกด์พาเดินชมบ้านเรือน เธอเล่าว่า สถาปัตยกรรมหลวงพระบางได้รับอิทธิพลด้านการออกแบบจากฝรั่งเศสและเวียดนามในช่วงศตวรรษที่ 19 และ 20 และได้รับนวัตกรรมจากยุโรปและจีนในเวลาต่อมา ทำให้อาคารมีความหลากหลาย และหลายแห่งมีประวัติศาสตร์ที่ชาวหลวงพระบางเองอาจหลงลืม

อย่างวังของกษัตริย์ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไปแล้วนั้น นับเป็นวังที่มีความเรียบง่ายทว่าวิจิตรงดงาม ประกอบด้วยห้องรับแขก ผนังทั้งสี่ด้านมีจิตรกรรมจากศิลปินชาวฝรั่งเศส บอกเล่าเรื่องราวชีวิตประจำวันของชาวลาวและพระราชกรณียกิจของพระเจ้าแผ่นดินลาว ซึ่งลาวมีกษัตริย์ทั้งสิ้น 72 พระองค์ องค์สุดท้ายคือพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ จากนั้นระบอบกษัตริย์ของลาวก็สิ้นสุดลงเมื่อ 42 ปีที่แล้ว หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

พระอาทิตย์ขึ้นจากจุดชมวิวพระธาตุพูสี

 จากห้องรับแรกได้เชื่อมต่อกับห้องท้องพระโรง ที่ตั้งบัลลังก์ของเจ้าศรีสว่างวัฒนา (บุตรชายของพระเจ้าศรีสว่างวงศ์) สร้างขึ้นจากไม้แกะสลักห่อหุ้มด้วยทองคำ และห้องท้องพระโรงยังถูกประดับด้วยแก้วโมเสกจากประเทศญี่ปุ่น ใช้เวลาประดับมากกว่า 3 ปี เพื่อเตรียมสำหรับงานราชาภิเษกของพระองค์ แต่สุดท้ายลาวเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองเสียก่อน นอกจากนี้ยังมีห้องทรงอ่านหนังสือ ห้องบรรทมของพระมหากษัตริย์ และโถงพักผ่อนที่ทั้งหมดล้วนเรียบง่าย

ทัวร์เมือง

ถนนสว่างวงศ์ถือเป็นถนนสายหลักของเมือง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าถนนข้าวเหนียว ซึ่งต่างจากถนนข้าวสารที่เมืองไทยอย่างสิ้นเชิง (ปิ่นแก้วกล่าว) โดยสองข้างทางเป็นตึกสไตล์โคโลเนียลและแบบจีน บ้านเรือนถูกแปรเปลี่ยนเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านนวด ดังนั้นในช่วงเย็นถนนทั้งสายจะมีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติ

แต่หากต้องการบรรยากาศแบบโลคัลต้องไปเดินตลาดเช้าที่เปิดตั้งแต่ 05.30 น. และจะวายประมาณ 10.00 น. ในตลาดมีของขายทุกอย่าง ยกเว้นอาหารทะเล ตั้งแต่ของพื้นฐานอย่างผัก ผลไม้ ปลาแม่น้ำโขง ไปจนถึงงู ตัวเงินตัวทอง และนกฮูก

แม่ค้าขายนกฮูกแถลงว่า ได้ไปจับนกฮูกจากในป่ามาขายตัวละประมาณร้อยบาทให้ซื้อไปปล่อยเป็นสิริมงคล ส่วนตัวเงินตัวทองจะขายทั้งตัวเพื่อกินเนื้อ เช่นเดียวกับงูที่ถ้านำไปผัดเผ็ดจะอร่อยกว่าเนื้อทุกชนิดที่เคยกินมา

พระพุทธรูปไม้เก่าแก่ในวัดวิชุน

 ความตื่นตาตื่นใจในตลาดเช้ามันเป็นเช่นนี้ ซึ่งแต่ละวันสินค้าในตลาดจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ว่าแม่ค้าจะจับอะไรมาได้ สมกับเป็นตลาดสดพร้อมของสดใหม่ทุกวัน และความคึกคักทุกเช้าที่พูดได้เต็มปากว่า นี่คือความเป็นหลวงพระบาง 100 เปอร์เซ็นต์

ปิ่นแก้วก้มลงเก็บดอกลีลาวดีหน้าวัดพูสี พลันพูดว่า ดอกจำปาลาว (ดอกลีลาวดี) เป็นดอกไม้ประจำชาติ ประกอบด้วย 5 กลีบ เปรียบเสมือนศีล 5 และคนเราที่มี 5 นิ้ว เมื่อรวมตัวสามัคคีกันก็สามารถปั้นข้าวเหนียวให้เป็นข้าวเหนียวที่แข็งแกร่งได้ฉันใด ลาวนั้นมีหลายเผ่าเมื่อมารวมตัวสามัคคีกันก็สามารถหลุดพ้นจากการเป็นประเทศด้อยพัฒนาได้ฉันนั้น

กล่าวได้ว่าหลวงพระบางไม่เพียงรักษาตัวตนภายใต้ตำแหน่งเมืองมรดกโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นมรดกแห่งวัฒนธรรม และมรดกแห่งประวัติศาสตร์อันล้ำค่า ที่กาลเวลาไม่อาจทำลายความเชื่อ ความศรัทธา และความเป็น “คน” หลวงพระบาง แม้ว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้มากก็ตาม

สายการบินบางกอกแอร์เวย์สให้บริการเส้นทางบิน กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)-หลวงพระบาง ทุกวัน วันละ 2 เที่ยวบิน ติดตามโปรโมชั่นพิเศษได้ที่ www.bangkokair.com

 

ร้านขายอาหารในตลาดมืด

 

ท่าน้ำริมฝั่งโขงหลังพระอาทิตย์ตกดิน

ตัวเงินตัวทองก็มีขายกันเป็นๆ

 

พระม่านในหอไตรเมื่อมองจากช่องประตู

 

ร้านขายนกฮูกในตลาดเช้า

 

ชาวหลวงพระบางออกมาจับจ่ายอาหารสด

ปลาแม่น้ำโขงตัวโตในตลาดเช้า

 

นักท่องเที่ยวถ่ายภาพมุมสูงบนพระธาตุพูสี

 

 

“ไทยสมายล์” เปิดเส้นทาง “มณฑลเหอหนาน” ชมประวัติศาสตร์จีนพันปี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

26 เมษายน 2560 เวลา 19:17 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/492020

"ไทยสมายล์" เปิดเส้นทาง "มณฑลเหอหนาน" ชมประวัติศาสตร์จีนพันปี

โดย…วิรวินท์ ศรีโหมด

มณฑลเหอหนาน ตั้งอยู่ทางภาคกลางของสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากเป็นศูนย์กลางทางด้านการเมือง อุตสาหกรรม เศรษฐกิจ เทคโนโลยี การศึกษา เสน่ห์อีกอย่างที่น่าสนใจของมณฑลแห่งนี้คือ เป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ของชาติจีนมายาวนานนับพันปี มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากมาย แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกรวมถึงชาวจีน ต่างเดินทางมาชมความสวยงามไม่ขาดสาย

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวของมณฑลเหอหนาน อาทิ วัดเส้นหลิน หรือ เสี้ยวลิ้มยี่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเทือกเขาซงซาน ในเขตอำเภอเติงฟง เมืองเจิ้งโจว เป็นวัดพุทธนิกายมหายานที่เก่าแก่มากกว่า 1,500 ปี มีชื่อเสียงเรื่องการสอนศิลปะมวยจีนและกังฟูมาเป็นเวลานาน

สถานที่ท่องเที่ยวภายในวัดแห่งนี้น่าชมเกือบทุกจุด เช่น วิหารสหัสพุทธ สถานที่ประดิษฐานประติมากรรมรูปพระพุทธเจ้าขนาดใหญ่ ป่าเจดีย์ 248 องค์ หรือ ถ่าหลิน ซึ่งเป็นสถานที่บรรจุอัฐิอดีตเจ้าอาวาสและพระตำแหน่งสูงของวัดเส้าหลิน บริเวณโดยรอบวัดจะมีร่องรอยการฝึก บริเวณต้นไม้และพื้นของวิหาร

 

 

อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของเมืองเหอหนานที่น่าสนใจไม่เเพ้กันก็คือ “อำเภอไคฟง” เป็นที่ตั้งของศาลไคฟง หรือ ศาลเปาบุ้นจิ้น สถานที่ทำงานของอดีตผู้ว่าของเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องความยุติธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต ในสมัยราชวงศ์ซ่ง มาจนถึงปัจจุบัน ภายในศาลไคฟง มีการจัดแสดงภาพวาดรูปร่างจริงของเปาบุ้นจิ้นและสิ่งของจำลอง เช่น เสื้อผ้า เกี้ยวของเปาบุ้นจิ้น เครื่องประหารหัวมังกร หัวพยัคฆ์ หัวสุนัข ที่ใช้ลงโทษผู้กระทำความผิด

 

 

นอกจากนี้ มณฑลเหอหนาน ยังมีสถานที่ทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ในยุคราชวงค์ถังและซ่ง อายุกว่า 1,500 ปี คือ ถ้ำผาหลงเหยิน หรือ ถ้ำประตูมังกร ที่ชาวจีนมักเรียกว่า หลงเหมินสือคู เป็น 1 ใน 4 หน้าผาที่มีการแกะสลักปฎิมากรรม เรื่องราวพระพุทธศาสนา รูปพระพุทธเจ้า เจ้าแม่กวนอิม ฯลฯ อยู่ภายในช่องหน้าฝา ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ.2543

 

 

ไม่เพียงเท่านั้นที่นี่ยังมีอุทยานทางธรรมชาติหยุนไถซาน เนื้อที่กว่า 190 ตารางกิโลเมตร ทำให้เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงสิ่งแรกจะเห็นความยิ่งใหญ่ของภูเขาที่สูงตระหง่า ขณะที่การท่องเที่ยวของอุทยานหยุนไถซาน เป็นการเดินลัดเลาซอกหิน ข้ามลำธารธรรมชาติระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่อชมน้ำตก แอ่งน้ำ และธรรมชาติที่สวยงามของอุทยานแห่งนี้

ทั้งนี้บริเวณดังกล่าวช่วงหน้าหนาวอุณหภูมิจะติดลบจนทำให้น้ำ กลายเป็นน้ำแข็ง

ผู้ที่สนใจเดินทางไปท่องเที่ยวสถานที่ประวัติศาสตร์และธรรมชาติของมณฑลเหอหนาน ปัจจุบันสายการบินไทยสมายล์แอร์เวย์ ได้มีเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถึง ท่าอากาศยานนานาชาติเจิ้งโจว ใจกลางเมืองเอกของมณฑลเหอหนาน

 

 

 

 

ใจสู่ใจสไตล์ญี่ปุ่น โรงแรมอิมพีเรียล โตเกียว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

22 เมษายน 2560 เวลา 11:06 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/491385

ใจสู่ใจสไตล์ญี่ปุ่น โรงแรมอิมพีเรียล โตเกียว

โดย…คีตะ

ฤดูกาลดอกไม้บานทำให้ญี่ปุ่นคึกคักและมีชีวิตชีวา สำหรับลูกค้าของโรงแรมอิมพีเรียล โตเกียว เพียงย่างออกจากห้องพักไม่กี่ก้าวก็จะได้ร่วม “ฮานามิ” (ชมดอกไม้) เพราะสวนสาธารณะฮิบิยาซึ่งอยู่อีกฟากถนนมีนานาดอกไม้รอคอยอยู่ ไม่ไกลจากนี้ยังมีสถานที่สำคัญอย่างพระราชวังอิมพีเรียล โรงละคร แกลเลอรี่ รวมทั้งถนนสายช็อปปิ้งชั้นนำของโลกอย่างกินซ่าและตลาดปลาซึคิจิ ทั้งหมดล้วนอยู่ในระยะที่เดินไปถึงได้

ตลอด 127 ปีโรงแรมแห่งนี้ ได้ให้การต้อนรับผู้นำและบุคคลสำคัญของนานาประเทศ ด้วยที่ตั้งซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการค้าจึงเป็นตัวเลือกที่สะดวกสบายสำหรับนักธุรกิจ เพราะบรรยากาศและการเอาใจใส่ดูแลที่แสนอบอุ่น อิมพีเรียล โตเกียว จึงเหมือนเป็นบ้านสำหรับนักเดินทางทั้งคู่รักหนุ่มสาวและครอบครัว

โรงแรมแบ่งเป็นเมนบิวดิ้งและอิมพีเรียลทาวเวอร์ มีพื้นที่ใช้สอยรวมกัน 24,379 ตารางเมตร ห้องพักทั้งหมด 931 ห้อง นอกจาก 56 ห้องสูทแล้วยังมีห้องพรีเมียมดีลุกซ์, ดีลุกซ์, สุพีเรียร์ และสแตนดาร์ด (ราคาเริ่มต้นที่ 41,800 เยน) ตกแต่งในบรรยากาศคลาสสิกและร่วมสมัย มีกลิ่นอายอดีต-ปัจจุบันผสม พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ห้องพักที่เรียกว่า เดอะ แฟรงก์ ลอยด์ ไรต์ สูท สะท้อนบรรยากาศที่งดงามในทศวรรษ 1920 เมื่อครั้งที่อาคารซึ่ง แฟรงก์ ลอยด์ ไรต์ สถาปนิกคนสำคัญของโลกออกแบบยังเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยตึกหลังใหม่ อิทธิพลในงานออกแบบของสถาปนิกคนดังยังคงอยู่ในรายละเอียดของห้องสูท ซึ่งสะท้อนกลิ่นอายชนเผ่าอินเดียนรวมทั้งอาร์ตเดโคออกมา

หนึ่งศตวรรษแห่งประสบการณ์ทำให้โรงแรมแห่งนี้เป็นสถานที่จัดงานแต่งยอดนิยม ที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมความอร่อยติดอันดับต้นๆ ของโตเกียว นอกจากอาหารญี่ปุ่นทั้งแบบดั้งเดิมและสร้างสรรค์ใหม่แล้วยังมีอาหารจีน ฝรั่งเศส ฯลฯ ให้บริการ ในส่วนของช็อปปิ้งอาเขตซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1922 ยังคงสร้างความปลาบปลื้มให้นักช็อป ด้วยสินค้าไฮแบรนด์จากทั่วโลกและสินค้าชั้นนำของญี่ปุ่น

วัฒนธรรมการต้อนรับและดูแลแขกในสไตล์ญี่ปุ่นที่เรียกว่า “โอโมเตะนาชิ” เป็นหัวใจของการให้บริการ ห้องพักในชั้นอิมพีเรียลและชั้นพรีเมียร์จะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากพนักงานดูแลแขกในชุดกิโมโน ซึ่งสืบทอดประเพณีดั้งเดิมของโรงแรมญี่ปุ่นเอาไว้ มีหลากหลายเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่สร้างความประทับใหญ่หลวง อย่างเช่น ดอกกุหลาบสีชมพูสวยงามสดชื่นในลิฟต์ทุกตัว หรือนกกระดาษที่พับมาวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียงทุกๆ คืน เป็นต้น

โรงแรมอิมพีเรียลตั้งอยู่ในแขวงชิโยดะใจกลางมหานครโตเกียว ซึ่งเป็นพื้นที่ของหน่วยงานราชการ สถานที่สำคัญ รวมทั้งสถานทูต และศูนย์กลางธุรกิจ โทร. (03) 3504-1111 แฟกซ์ (03) 3581-9146 www.imperialhotel.co.jp

ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ด้วยการบริการจากใจสู่ใจทำให้ที่ โรงแรมอิมพีเรียล โตเกียว อบอุ่นเสมอ

 

 

‘โลกภายนอก’ คือห้องเรียนรู้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

08 เมษายน 2560 เวลา 10:21 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/489174

‘โลกภายนอก’ คือห้องเรียนรู้

โดย…โยโมทาโร่

 “เวลาที่เราพาครอบครัวออกไปเที่ยวข้างนอกช่วงวันหยุด ความรู้สึกเหมือนกับว่าเราได้ใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวมากขึ้น โดยเฉพาะน้องของขวัญจะชอบมาก

“เราจะรู้สึกได้เลยว่าลูกมีความสุข และเมื่อเราเห็นเวลาเห็นลูกยิ้ม ลูกหัวเราะ เราก็จะรู้สึกมีความสุขไปกับเขาด้วย ได้รู้ว่าลูกอยากเล่นอยากแสดงออกอะไร จะแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดในช่วงเวลานี้” รัตนา จารุวัตร คุณแม่ของน้องของขวัญ ด.ญ.ขวัญนรา จารุวัตร เล่าอย่างมีความสุข

 รัตนา เล่าต่อว่า “ถ้าเที่ยวกันจริงๆ ส่วนใหญ่จะชอบพาไปที่แปลกๆ ที่ไม่ซ้ำ เช่น สวนสนุก ทะเล หรือสถานที่เปิดใหม่อยู่ในกระแสที่คนนิยมไป โดยมีเกณฑ์ในการเลือกสถานที่เที่ยวก็คือเลือกใกล้บ้าน เดินทางสะดวก หรือไม่ก็เลือกไปตามที่ลูกอยากจะไป เช่น ช่วงหนึ่งมีกระแสพาไปเที่ยวไดโนซอร์ แพลนเน็ต เราก็พาไปกัน ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าไปแล้วลูกจะกลัว ซึ่งก็กลัวจริงๆ เวลาที่ไดโนเสาร์วิ่งเข้ามาหา แต่ในส่วนกิจกรรมอื่นๆ ก็ถือว่าจัดได้ดีเหมาะสำหรับให้เด็กๆ ได้เข้ามาเล่นพร้อมเรียนรู้เรื่องของไดโนเสาร์ และถ้าได้สอนลูกเกี่ยวกับไดโนเสาร์มาก่อน เด็กๆ ก็จะรู้สึกสนุกและมีส่วนร่วมมากขึ้น

บางครั้งน้องของขวัญอยากจะไปเที่ยวทะเล ก็พาไปเที่ยวใกล้ๆ อย่างพัทยาหรือหัวหิน รัตนา ก็บอกว่า ครอบครัวก็จะพาไป ไม่ขัดความต้องการของลูก

 “เพราะน้องของขวัญชอบเล่นน้ำ ไปตอนแรกคิดว่ากลัวน้ำทะเล แต่พอไปแล้วไม่ใช่เลย น้องชอบมาก พอไปถึงแล้วตอนแรกเราคิดว่าจะเล่นแค่ชายหาด แต่เปล่าเลยน้องของขวัญวิ่งลงไปเล่นน้ำทะเลแบบไม่กลัวเลย ที่เหลือเราก็ปล่อยเวลาให้คุณพ่อ (นรา จารุวัตร) คอยดูแลลูกเวลาเล่นน้ำทะเล พอกลับมาบ้านก็ร้องอยากจะไปอีก โดยเฉพาะเวลาที่เห็นรายการโทรทัศน์มีภาพทะเล หรือเวลาที่เราเปิดรูปเพื่อนๆ ของน้องของขวัญเล่นน้ำ เขาก็บอกเลยว่าอยากไปเล่นด้วย

เธอมองว่าสิ่งที่เราคิดว่าลูกได้รับมากที่สุด จากการพาเขาออกไปเที่ยวนอกบ้าน ก็น่าจะเป็นเรื่องทักษะทางสังคมหลายๆ อย่าง

“เช่น การพูดจา การแบ่งปันของเล่นกับเพื่อนๆ โดยเฉพาะการควบคุมอารมณ์ตัวเอง เพราะมีสถานที่ที่หนึ่งซึ่งครอบครัวเราไปเป็นประจำทุกสัปดาห์ก็คือ สวนลุมพินี เพราะคุณพ่อมีซ้อมแข่งบาสเกตบอลที่นี่ เราก็ถือโอกาสได้พาลูกมาเที่ยวด้วย ซึ่งที่สวนลุมฯ จะมีพื้นที่ทำกิจกรรมหลายอย่างให้เลือก และมีเด็กๆ มาเล่นเยอะ โดยเฉพาะเด็กต่างชาติก็มาเที่ยวเล่นที่นี่บ่อย บางทีเราก็เห็นลูกไปพูดคุยกับเด็กฝรั่ง ต่างคนต่างพูดภาษาตัวเองแต่ก็เล่นกันได้ดี ซึ่งน้องของขวัญก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มควบคุมตัวเองได้ดี รู้จักแบ่งของ ไม่ได้สำคัญว่าจะต้องไปเที่ยวไกลๆ จะสนุกแค่ได้ออกไปเที่ยวเล่นด้วยกันข้างนอกก็สนุกแล้ว”

 

 

ท่องเที่ยวสะดุดตากับคู่รักสะดุดใจ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

08 เมษายน 2560 เวลา 10:14 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/489172

ท่องเที่ยวสะดุดตากับคู่รักสะดุดใจ

โดย…รอนแรม ภาพ : สะดุดตา

 ประสบการณ์ท่องเที่ยวสุดสะดุดตาของคู่รัก บอย-นิวัฒน์ อนันตริยะเวช และ เอนจอย-ขวัญชนก อนันตริยะเวช ถูกถ่ายทอดผ่านข้อความ ภาพ และวิดีโอ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ท่องเที่ยวสะดุดตา Sadoodta

เว็บไซต์ www.sadoodta.com และยูทูบ www.youtube.com/boyniwat โดยทั้งคู่ช่วยกันปลูกปั้นมาได้ 6 ปีกว่า กับผลลัพธ์ 1.8 ล้านไลค์ในเพจเฟซบุ๊ก

จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นจากการที่บอยต้องการหาพื้นที่ระบายประสบการณ์ท่องเที่ยว เขาจึงตัดสินใจเปิดเว็บไซต์สะดุดตาเพื่อเป็นที่ปล่อยของ โดยเริ่มทุกอย่างจากศูนย์คือไม่มีแฟนคลับ ไม่ใช่คนดัง แต่เขาเน้นนำเสนอเนื้อหาการเดินทางจริงที่แตกต่างจากเว็บ อื่นที่มักเล่าเรื่องราวส่วนตัว

“สมัยก่อนคนส่วนใหญ่จะโพสต์แค่เรื่องราวในชีวิตประจำวันเหมือนไดอารี่ พอผมทำเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลจริงๆ ขึ้นมา คนก็เข้ามาใช้ข้อมูลเพื่อวางแผนการเดินทาง จึงทำให้สะดุดตาเป็นที่น่าสนใจในตอนนั้น” บอย กล่าว

 

“และตัดสินใจใช้ดอทคอม (.com) เพราะผมตั้งใจจะใช้มันเป็นเส้นทางในอนาคต เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมเริ่มเห็นเทรนด์อินเทอร์เน็ตและคิดว่ายังไงมันต้องบูม และสุดท้ายมันก็เป็นสิ่งที่ทุกคนใช้จริง”

จากนั้นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ยุคเฟซบุ๊กเริ่มโด่งดัง ซึ่งแน่นอนว่า “สะดุดตา” จำเป็นต้องสร้างเพจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะเดียวกัน เอนจอยก็เริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของบอย ทั้งคู่จึงร่วมกันสร้างเพจสะดุดตาตั้งแต่ยุคแรกๆ ของการมีเฟซบุ๊ก โดยนำเสนอความน่าสนใจระหว่างทาง คือมองว่าทุกอย่างมีเรื่องราวน่าเล่า แม้ว่าจะเป็นที่ซ้ำๆ ก็ตาม แต่ทุกครั้งที่ไปจะมีเรื่องใหม่ให้สะดุดตาเสมอ

“ทุกครั้งที่ออกเดินทาง เราจะลองใส่รองเท้าคู่เดียวกับคนอื่น คือพยายามรู้สึกอย่างที่คนอื่นรู้สึก เวลามองก้อนหินก้อนเดียวกันแต่คนคิดไม่เหมือนกัน ดังนั้น เราจะไม่นำความรู้สึกของเราเป็นที่ตั้ง แต่จะรู้สึกไปกับคนอื่นด้วย” เอนจอย กล่าวเพิ่มเติม

“โดยเราจะพยายามกันพื้นที่ระหว่างทริปเชิญกับทริปไปเองแบบ 50-50 เพราะเราอยากแชร์ประสบการณ์จริงของเรา อยากไปเที่ยวในแบบของเรา และอยากคงความเป็นสะดุดตาไว้ให้มากที่สุด ดังนั้น ทุกช่องทางของสะดุดตาจะไม่เป็นเชิงพาณิชย์มากเกินไป เพราะเราค่อนข้างแคร์คนติดตามเรามากๆ ด้วย”

 

นอกจากนี้ ช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา ทั้งคู่เริ่มไปจับการทำคลิปวิดีโอเพื่อลงในยูทูบมากขึ้น อย่างเดือนที่ผ่านมามีคนติดตาม (Subscribe) มากขึ้นถึง 1,000 เปอร์เซ็นต์ และมีแนวโน้มที่จะเป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย ซึ่งสถิติที่เกิดขึ้นนี้เป็นความจริงที่วัดจากฝีมือการทำเนื้อหาทั้งสิ้น

“พวกเราอยากฝากถึงคนอื่นๆ ที่อยากเป็นบล็อกเกอร์ว่า อยากให้ทำอะไรก็ได้ที่เป็นตัวของตัวเอง เมื่อทำแล้วจะมีความสุข เพราะทุกอย่างจะดีได้เมื่อเริ่มจากสิ่งที่เราเป็น อย่าเลียนแบบคนอื่น เราทำทุกอย่างมีความสุข เราจะทำได้เรื่อยๆ แต่ถ้าทำเพราะอยากเที่ยว อยากได้เงิน มันจะทำได้ไม่นาน” บอย กล่าวเสริม

“ถ้าเราไม่มีโอกาสดัง เช่น ยอดไลค์ไม่ถึงพันไม่ถึงแสนสักที คุณอาจจะถอดใจ แต่สำหรับคนที่อยากทำเพราะรัก เขาจะไม่นับยอดไลค์เป็นความพึงพอใจ แต่จะทำเพราะเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ดังนั้น ควรให้คุณค่ากับสิ่งที่เราทำ ไม่ใช่แค่เทรนด์ ควรทำเพราะรักจะดีที่สุดและยั่งยืนที่สุด” เอยจอย ทิ้งท้าย

 ติดตามเรื่องราวการเดินทางทั้งในประเทศและเที่ยวต่างประเทศ ทั้งข่าวสารการท่องเที่ยว กิจกรรม เทศกาล และงานประเพณีน่าสนใจกับเพจ “สะดุดตา” และทั้งคู่จะพาทุกคนไปทุกจุดที่สะดุดใจ

 

เสียงหัวเราะและความสนุก เกิดได้ที่ ‘โอเชียนปาร์ก ฮ่องกง’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

08 เมษายน 2560 เวลา 10:11 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/489171

เสียงหัวเราะและความสนุก เกิดได้ที่ ‘โอเชียนปาร์ก ฮ่องกง’

โดย…วราภรณ์

 นอกจากฮ่องกงจะเป็นสรวงสวรรค์ของนักช็อปจากทั่วโลกแล้ว ที่นี่ยังเป็นดินแดนแห่งความสุขและเสียงหัวเราะ หากได้มาเยือนโอเชียนปาร์ก ฮ่องกง ก็จะได้รับความสนุกกลับไป และสถานที่แห่งนี้ยังตราตรึงผู้คนจากทั่วโลก เพราะครองใจแฟนคลับและสร้างความสนุกสนานและสร้างความทรงจำแสนอบอุ่นให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชมนานกว่า 40 ปีแล้ว

สวนสนุกแห่งนี้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2520 เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เพราะสร้างโดยเงินทุนของรัฐบาล แม้จะอายุ 40 ปีแล้ว แต่สวนสนุกแห่งนี้ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกที่เชื่อมระหว่างผู้คนกับธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งยังได้รับการยอมรับเกี่ยวกับการดูแลสัตว์ การอนุรักษ์ และความพยายามในการทำวิจัย รวมถึงความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนมาโดยตลอด

ก่อนเข้าชมต้องเข้าใจสุขภาพของแพนด้าเสียก่อน

 ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา มีผู้คนมากกว่า 140 ล้านคน เข้ามาเยี่ยมชมโอเชียนปาร์กแห่งนี้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง มีศุูนย์การเรียนรู้เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้การอยู่กับธรรมชาติ และวิถีชีวิตของสัตว์นานาชนิด

โอเชียนปาร์กตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะฮ่องกง โดยมีพื้นที่ครอบคลุมมากกว่า 91.5 เฮกตาร์ (572 ไร่) ของเกาะฮ่องกง และมีสถานที่ที่น่าสนใจมากกว่า 80 แห่ง โดย 2 สถานที่ที่น่าสนใจที่สุดคือ บริเวณริมฝั่งและบริเวณยอดภูเขาสูง ทั้งสองที่นี้ถูกเชื่อมต่อกันโดยกระเช้าลอยฟ้าและรถไฟโอเชียน (The Ocean Express) และทุกๆ ปี โอเชียนปาร์กจะจัดงานที่ไม่เหมือนใครเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

โดยในแต่ละฤดูกาลจะมีเทศกาลทั้งหมด 5 งาน ใช้ชื่อว่า ซัมเมอร์ สแปช, ฮัลโลวีน เฟส, คริสต์มาส เซนซาชั่น, ลัคกี้ ลูน่า เฟียชต้า และแอนิมอล ดิสคัฟเวอรี่ เฟส ทำให้แฟนคลับโอเชียนปาร์กไม่มีเบื่อกันเลย

ทำอาหารให้แพนด้ารับประทานก่อนเข้าชมแพนด้าอย่างใกล้ชิด

 ที่แห่งนี้นอกจากมีเครื่องเล่นที่สนุกตื่นเต้นแล้ว ยังเหมาะมากๆ กับผู้ปกครองหรือโรงเรียนที่จะพาเด็กๆ มาเปิดความรู้ในโลกกว้าง อาทิ การผจญภัยในออสเตรเลีย คือสถานที่ที่จำลองตอนใต้ของออสเตรเลียมาอยู่ในฮ่องกงเป็นครั้งแรก ตั้งอยู่บริเวณโรงหนัง The Great Entertainment ในฮ่องกงเก่า มีมุมถ่ายภาพมากมายเหมาะกับวัยรุ่นจะมาถ่ายภาพอัพเดทโลเกชั่นกันที่นี่

หากเข้าไปภายในแล้ว จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชนบทของออสเตรเลีย ด้วยการเดินลอดอุโมงค์เพื่อไปยังทุ่งหญ้า สถานที่ที่ทุกคนจะได้พบกับสัตว์สายพันธุ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของออสเตรเลียตอนใต้ ทั้งหมีโคอาลาสายพันธุ์ใต้ จิงโจ้แคระคอแดง (Red-necked Wallaby) และนกขยันหัวเราะ (Laughing Kookaburra) และเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของชาวพื้นเมืองและปรัชญาการใช้ชีวิต สุขภาพ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

เด็กๆ จะได้สัมผัสกับบ้านของลิงสีทองสองตัว “Le Le” กับ “Qi Qi” และแพนด้าตัวยักษ์ “An An” ซึ่งสัตว์ทั้งสองชนิดนี้เป็นตัวแทนทางการทูตที่สำคัญของสวนสนุกแห่งนี้ และยังมีพื้นที่อื่นๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ไปเที่ยวเล่นอย่างจุใจ

ป้อนอาหารแพนด้า

 สงกรานต์นี้หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาสถานที่ที่จะพาลูกๆ ไปเปิดหูเปิดตา ลองไปแวะโอเชียนปาร์ก ไม่น่าจะทำให้ผิดหวัง หรือจะไปเยี่ยมแพนด้าดาราเอกของสวนสนุกอย่างใกล้ชิดก็สามารถทำได้

แม้พื้นที่สวนสนุกจะกว้างใหญ่ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะเดินทางภายในโอเชียนปาร์ก สามารถใช้ได้หลายการขนส่ง อาทิ กระเช้าลอยฟ้า หรือเคเบิลคาร์ ถือเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นสัญลักษณ์ของโอเชียนปาร์ก ซึ่งมีความสูงถึง 205 เมตรเหนือทะเลจีนใต้ ใครขึ้นก็จะได้เห็นทัศนียภาพสวยงาม หรือจะลองนั่งรถไฟลอดอุโมงค์ซึ่งเป็นการเจาะภูเขาให้รถไฟผ่านใช้เวลาโดยสารเพียงแค่ 3-5 นาทีเท่านั้น ถือว่ารวดเร็วประหยัดเวลามากๆ

สำหรับราคาบัตรทั่วไป ผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) 1,971 บาท เด็ก (อายุ 3-11 ปี) 986 บาท บัตรเข้าชมสวนสนุกประเภทราคา 1,125 บาท จะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าเล่นเครื่องเล่นทั้ง 7 เครื่องเล่นก่อนใคร

ถ่ายภาพกับแพนด้า

 การเดินทางไปเยือนโอเชียนปาร์กก็ง่าย สามารถเดินทางโดย MTR เพียง 4 นาทีจากสถานี Admiralty Station ถึงสถานี Ocean Park Station โดย 100 เหรียญฮ่องกง จะนำไปบริจาคแก่มูลนิธิอนุรักษ์สัตว์และสิ่งแวดล้อมของโอเชียนปาร์ก ฮ่องกงต่อไป

พิเศษสุดๆ คือช่วงกลางเดือน มี.ค.-กลางเดือน เม.ย.นี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีของโอเชียนปาร์ก จึงมีเทศกาลไวน์นานาชาติ และลิ้มรสชาติอาหารโบราณที่ขึ้นชื่อของเกาะฮ่องกงที่มารวบรวมไว้ในงานนี้ในราคาจำหน่ายตั๋วที่พิเศษสุด

สนใจสอบถามไปได้ที่ (852) 3923-2323 หรือแวะเข้าไปดูข้อมูลได้ที่เฟซบุ๊กของโอเชียน ปาร์ก ฮ่องกง

สัมผัสโลมาอย่างใกล้ชิด

5 สถานที่ที่หากเยือนโอเชียนปาร์กแล้วไม่ไปไม่ได้ ได้แก่

 1 เดอะ แกรนด์ อะควาเรียม

จะนำคุณเดินทางจากชายฝั่งไปจนถึงบริเวณที่ลึกที่สุดของมหาสมุทร ที่นี่เป็นโดมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ถึง 5.5 เมตร รวมไปถึงอุโมงค์โขดหินที่มีแผ่นอะครีลิกขนาดใหญ่กว้างถึง 13 เมตรให้นักท่องเที่ยวได้ใกล้ชิดกับปลาหลายสายพันธุ์แหวกว่ายอยู่ด้านบนตื่นตาตื่นใจมากๆ

 2 ผจญภัยในขั้วโลกเหนือ หรือ Polar Adventure

สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนเขาต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไป ถือเป็นสถานที่แห่งใหม่ที่ก่อสร้างได้เพียง 3 ปีเท่านั้น เมื่อเข้าไปด้านในจะพบกับสัตว์นานาชนิดที่อาศัยอยู่บริเวณขั้วโลกที่มีอากาศหนาวเหน็บ

ที่แห่งนี้วิทยากรจะสาธิตการให้อาหารแก่สิงโตทะเล และยังแฝงเล่าเรื่องการอนุรักษ์บอกเล่าถึง ชะตากรรมของสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่บริเวณขั้วโลกภายใต้การคุกคามของสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงและภาวะโลกร้อน

เด็กๆ จะได้เรียนรู้วิถีชีวิตของสัตว์และสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติของทั้งขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ผ่านนิทรรศการ เพื่อให้เข้าใจการอยู่ร่วมกันของสัตว์โลกมากขึ้น

เรียนรู้อวัยวะต่างๆ ของโลมา

 3 นอร์ท โพล เอนเคาน์เตอร์ 

ที่แห่งนี้เป็นบ้านของแมวน้ำลายจุด (Spotted Seals) และสิงโตทะเลเหนือ ทำให้ได้สัมผัสกับทั้งภาพและเสียงวิถีชีวิตของพวกมัน ท่านสามารถชมการเคลื่อนไหวใต้น้ำที่สวยงามของพวกมันได้ในอุโมงค์ใต้น้ำแห่งนี้

 4 ทริล เมาน์เทน 

เมื่อเยี่ยมชมชีวิตสัตว์โลกจนเต็มอิ่มแล้ว มาสร้างความตื่นเต้นให้กับชีวิตด้วยการมาเยือน ทริล เมาน์เทน (Thrill Mountain) คือบริเวณที่ตกแต่งด้วยธีมงานเฉลิมฉลอง ประดับประดาด้วยไฟกะพริบสีสันสดสวย และเพลงประกอบจังหวะสนุกสนาน ราวกับอยู่ในบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง

โดยพื้นที่แห่งนี้มีเครื่องเล่นที่น่าตื่นเต้น 5 ชนิด อาทิ สนุกและเสียวสุดๆ ต้องเครื่องเล่นแฮร์ เรสเซอร์ (Hair Raiser) รถไฟเหาะไร้พื้น ขอบอกว่าหวาดเสียวสุด นอกจากจะให้ความรู้สึกอันน่าหวาดเสียวแล้ว ยังจะได้เห็นวิวอันสวยงามของทะเลจีนใต้อีกด้วย ผู้เล่นจะได้ตีลังกากลับหัวด้วยความแรงอย่าง 4.0 G และด้วยความเร็วกว่า 88 กิโลเมตร/ชั่วโมงของรถไฟเหาะนี้ เรียกได้ว่าเร็วและแรงที่สุดของรถไฟเหาะในฮ่องกงก็ว่าได้

อีกหนึ่งเครื่องเล่นที่มาแล้วไม่ควรพลาด ได้แก่ เดอะ แฟลช (The Flash) เครื่องเล่นที่มีวงเหวี่ยงสูงถึง 22 เมตร แรงโน้มถ่วง 3.9 G และความเร็วสูงสุดถึง 60 กิโลเมตร/ชั่วโมงนี้ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ เพราะในระหว่างเล่นนั้น ผู้เล่นจะทะยานสู่ท้องฟ้าในขณะที่หมุน 360 องศาไปพร้อมๆ กัน รับรองหากได้เล่นเครื่องเล่นที่ทริล เมาน์เทน จะลืมความแก่ไปเลย

ถ่ายภาพกับโลมา

 5 เยี่ยมชมโลมา

 หาโอกาสได้ยากมากที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสความน่ารักของโลมาได้ใกล้ๆ แค่เพียงขอบสระกั้น นอกจากจะได้สัมผัสและเรียนรู้อวัยวะต่างๆ ของโลมาแล้ว ยังได้เรียนรู้คำสั่งง่ายๆ ที่ใช้ควบคุมโลมาให้ทำตามคำสั่งได้อย่างน่ารัก เมื่อชมความน่ารักเสร็จยังได้ถ่ายภาพกับโลมาน้อยเป็นที่ระลึกอีกด้วย

แมวน้ำน่ารักที่ North pole Encounter

สนุกสนานที่ทริล เมาน์เทน

รับประทานอาหาร ที่ห้อง Neptune’s Restaurant

พบแพนด้าแดงที่ Amazing Asian Animals

เคเบิลคาร์พาขึ้นเขาไปพบกับเครื่องเล่นนานาชนิด

มาแล้วต้องลอง Hair Raiser

สัมผัส Old Hong Kong

อุโมงค์แผ่นอะครีลิกขนาดใหญ่กว้างถึง 13 เมตร ในแกรนด์ อะควาเรียม

 

มาเที่ยวโอเชี่ยนพาร์ค ฮ่องกง ให้นึกถึงโรงแรม Ovolo Southside

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

01 เมษายน 2560 เวลา 11:14 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/488044

มาเที่ยวโอเชี่ยนพาร์ค ฮ่องกง ให้นึกถึงโรงแรม Ovolo Southside

โดย…วราภรณ์ ผูกพันธ์

 โรงแรมสุดชิค 1 แห่งของฮ่องกงต้องมีชื่อ Ovolo Southside รวมอยู่ด้วย เหมาะมากกับผู้ที่มีโปรแกรมมาสวนสนุกโอเชี่ยนพาร์ค ฮ่องกง เพราะโรงแรมแห่งนี้ถือเป็นโรงแรมแห่งใหม่ที่เปิดได้เพียง 2 ปี และอยู่ใกล้กับโอเชี่ยนพาร์คเดินเพียง 10 นาทีก็ถึงแล้ว

และหากใครอยากเข้าไปช็อปปิ้งในเมืองก็สามารถนั่งรถโดยสารประจำทาง หรือจะนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย New South Island ใหม่ล่าสุดก็สามารถนั่งเข้าไปในเมืองเพื่อช็อปปิ้งหรือเดินทางไปสนามบินก็สะดวกสบายมากๆ

หากใครจะมาที่โรงแรมแห่งนี้ให้ลงที่สถานีหว่อง จุ๊ก ฮั้ง (Wong Chuk Hang) เดินอีกนิดเดียวก็ถึงโรงแรมแล้ว

ข้อมูลการเดินทางของเอ็มทีอาร์ คอร์ปอเรชั่น ระบุว่า โดยปกติการเดินทางจากย่านเซ็นทรัล (Central) แอดมิรัลตี้ (Admiralty) หว่านไจ๋ (Wan Chai) และคอสเวย์ เบย์ (Causeway Bay) ไปสู่หว่อง จุ๊ก ฮั้ง (Wong Chuk Hang) จะใช้เวลาประมาณ 20 ถึง 40 นาที โดยแท็กซี่หรือรถเมล์

 แต่ปัจจุบันสามารถเดินทางไปถึงได้ภายใน 10 นาที และสำหรับผู้มาเยือนการเดินทางออกจากสนามบินโดย MTR ใช้เวลาเท่าๆ กันกับรถแท็กซี่เลยทีเดียว

เสน่ห์อีกอย่างของโรงแรม Ovolo Southside ฮ่องกง นอกจากการเดินทางที่สะดวกแล้วคือ การตกแต่งที่ปรับโฉมจากโกดังเก่าให้กลายเป็นโรงแรมตกแต่งสไตล์ industial chic ที่เป็นที่นิยมทั้งชาวฮ่องกงและนักท่องเที่ยว เพราะที่นี่จะจัดโปรโมชั่นมานอนพักและรวมอาหารเช้าให้ในราคาสุดพิเศษ

การตกแต่งที่สะดุดตาอีกจุดคือเมื่อถึงโรงแรมแล้ว ให้กดลิฟต์ไปที่ล็อบบี้ของโรงแรมซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 3 เมื่อเข้าเช็กอินสังเกตการตกแต่ง ของ Lobby เป็นผนังอิฐ ปูนเปลือย พื้นไม้ ใช้เทคนิคการจัดไฟได้ยอดเยี่ยมอารมณ์เหมือนกำลังจะเดินเข้า PUB หรูๆ ไปนั่งสังสรรค์กับเพื่อนอย่างนั้นเลย

สิ่งที่เตะตาอีกชิ้นที่ล็อบบี้คือ หุ่นรูปคนทำด้วยโซ่จักรยานสุดเก๋ สร้างสรรค์โดยอาร์ตทิสชาวออสเตรเลียมูลค่าประมาณ 3 แสนบาท ตั้งเด่นเป็นสง่า ใครชื่นชมชีวิตตอนกลางคืนลองแวะไปบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรม ก็มีบาร์สุดเก๋ชื่อ Above วิวสวย เครื่องดื่มรสชาติดีถือเป็นที่เช็กอินสุดเก๋มีไว้คอยบริการด้วย

สำหรับวิวทิวทัศน์ของโรงแรมก็น่าสนใจ เพราะชั้นหนึ่งมีห้องพักเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น ห้องพักแต่ละด้านจะเห็นวิวไม่เหมือนกัน บางมุมสามารถมองเห็นสนามกีฬากลางแจ้งหลากหลายชนิด อีกมุมก็มองเห็นโอเชี่ยนพาร์ค

 หากใครชื่นชอบการดื่มไวน์ และไม่อยากไปช็อปปิ้งในย่านใกล้ๆ อย่าง คอสเวย์ เบย์ ก็สามารถจิบรสชาติของเบียร์ท้องถิ่น อย่าง Black Kite และ Young Master Ales โรงผลิตเบียร์ขนาดเล็กทั้งสองนี้ ตั้งอยู่ห่างจากโรงแรมเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น โดยเปิดให้แขกสามารถเข้าชมและจิบได้

เมื่อลิ้มลองรสชาติเบียร์เสร็จแล้ว ก็สามารถไปชิมอาหารต่อได้ที่ Cirqle ร้านอาหารของโรงแรมที่มีห้องครัวส่วนตัวขนาด 4,000 ตารางฟุต ที่ตั้งอยู่แยกจากอาคารอุตสาหกรรมได้ด้วย

ใครชอบโรงแรมเก๋ๆ แนะนำให้แวะมาที่ Ovolo Southside รับรองไม่ผิดหวัง

ที่ตั้งโรงแรมอยู่ที่ 64 Wong Chuk Hang Road, Southside, Hong Kong โทร. +852 3460 8100 หรือติดต่อผ่านไลน์ @OvoloSouthside หรือเข้าไปดูที่เฟซบุ๊กของโรงแรมก็ได้

 

แฮปปี้แฟมิลี่ทริป

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

01 เมษายน 2560 เวลา 11:05 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/488042

แฮปปี้แฟมิลี่ทริป

โดย…ฤดูกาล

 ครอบครัวนักเดินทางนำทีมโดยคุณพ่อ จ๊อบ-นิธิ สมุทรโคจร กรรมการผู้จัดการบริษัท สานฟ้า ขยันยกโขยงพาลูกชายคนโต น้องเคนโด้ และลูกสาวคนเล็ก น้องเคด้า ออกเดินทางร่วมกันเพื่อถ่ายทำรายการสมุดโคจร On The Way

อย่างล่าสุดทั้งสามได้ออกตะลุยฮ่องกงในบรรยากาศสนุกและสุดน่ารัก ที่ใครเห็นก็ต้องพูดว่าครอบครัวสมุทรโคจรเป็นแฮปปี้แฟมิลี่ทริป ของจริง!

กูรูนักเดินทางอย่างพ่อจ๊อบเดินทางมาแล้วรอบโลก แต่ไม่ใช่ทุกประเทศที่เขาสามารถพาลูกทั้งสองไปได้ ด้วยความปลอดภัยและความสะดวกสบายของการออกทริป แต่สำหรับประเทศที่เป็นมิตรกับเด็กอย่างญี่ปุ่นหรือฮ่องกง แน่นอนว่าคุณพ่อคนนี้ไม่พลาดกระเตงลูกไปแน่นอน

อย่างเทปที่รายการสมุดโคจรออกอากาศอยู่นี้คือ ฮ่องกง ที่เขาแท็กทีมพาครอบครัวไปพักผ่อน โดยเน้นเอาใจลูกๆ มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะลูกชาย น้องเคนโด้ ที่ขอยึดรายการมาเป็นผู้ดำเนินรายการเองทั้งหมด

 สถานที่แรกที่ครอบครัวสมุทรโคจรไม่พลาดคือ ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ ดินแดนในฝันของเด็กๆ ที่น้องเคนโด้ได้พานั่งรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ ต่อด้วยชมพาเหรดของเหล่าการ์ตูนดิสนีย์ และตื่นตากับการแสดงดอกไม้ไฟ (Disney Fireworks) ที่ทั้งพ่อจ๊อบและลูกๆ ต่างตาค้างไปกับความอลังการ

จากนั้นได้ยกโขยงไปบุกใจกลางเมือง ณ บันไดเลื่อนกลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลก (Central Mid-Levels Escalators) มีความยาว 800 เมตร สร้างต่อเนื่องกันรวมทั้งหมด 20 อัน และมีทางเลื่อนเท้าอีก 3 อัน ซึ่งบันไดเลื่อนนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพราะภูมิประเทศบริเวณนั้นเป็นเนินเขา ถ้าเดินทางด้วยรถยนต์จะต้องนั่งรถบนถนนที่ซิกแซ็กไปมาหลายกิโลเมตร

บุกกันต่อที่ย่านคลาสสิกของเมืองที่ผสมผสานระหว่างความเก่าแก่ของตึกรามบ้านช่องกับงานศิลปะตามท้องถนน นั่นคือ ตึกพีเอ็มคิว (PMQ-Police Married Quarters) แหล่งพบปะแห่งใหม่ของวัยรุ่นฮ่องกง โดยได้ดัดแปลงอาคารมาจากแฟลตเก่าของตำรวจให้เป็นหนึ่งในฮับของวงการดีไซน์ในฮ่องกง ซึ่งเต็มไปด้วยสตูดิโอและร้านขายของสุดฮิปเอาใจสาวกฮิปสเตอร์

สามพ่อลูกยังไปกินดะที่ ย่านเล่ยหยูหมุน แหล่งรวมอาหารทะเลจากทั่วทุกมุมโลก ลองอาหารมื้อเช้าสุดฮิตของคนฮ่องกงที่ร้านไคกี่ และไปซ่ากันต่อบนถนนพอตติงเกอร์สตรีท หรือถนนแผ่นหิน ในอดีตได้ใช้เป็นถนนแบ่งโซนระหว่างชุมชนชาวยุโรป (ทิศตะวันออก) และชุมชนชาวจีน (ทิศตะวันตก)

 ปัจจุบันได้กลายเป็นถนนคนเดินที่มีความลาดชัน พื้นปูด้วยแผ่นหินแกรนิตหลายๆ แผ่นต่อกัน และที่สำคัญคือมีแห่งเดียวในฮ่องกง

นอกจากนี้ ลูกชายตัวแสบยังได้มันกับการแข่งรถใจกลางเมืองที่ไซด์เวย์ส (Sideways Driving Club) กับการขับรถแข่งเสมือนจริงที่สามารถแข่งพร้อมกันได้ทีละหลายคน

ปิดท้ายด้วยการเอาใจลูกสาวสุดรักที่ย่านหว่านไจ๋ ตลาดที่เต็มไปด้วยของเล่นทั้งของเล่นสมัยใหม่และของเล่นโบราณที่อาจไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนทั้งตุ๊กตาบาร์บี้ ตัวต่อเลโก้ หรือเกมกระดานชนิดต่างๆ ในราคาย่อมเยา

ทริปนี้เรียกว่า ครอบครัวไหนที่มีแผนจะเดินทางไปฮ่องกงกับเจ้าตัวน้อยก็สามารถตามรอยครอบครัวสมุทรโคจรได้ เพราะทุกที่คิดมาแล้วว่าเหมาะกับเด็กและรถเข็นเด็ก แถมด้วยความสนุกสนามที่ตอบโจทย์ทั้งเด็กและผู้ใหญ่แบบทั้งครอบครัว

ทั้งนี้ ติดตามรายการสมุดโคจร On The Way ได้ทุกวันเสาร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 3SD (28)

 

ฝาแฝดท่องดินแดนสุดแปลก (แต่ไม่ประหลาด) ‘ทวิน ทราเวลเลอร์’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

01 เมษายน 2560 เวลา 11:03 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/488041

ฝาแฝดท่องดินแดนสุดแปลก (แต่ไม่ประหลาด) ‘ทวิน ทราเวลเลอร์’

โดย…รอนแรม ภาพ : ทวิน ทราเวลเลอร์

 ฝาแฝดเหมือนกัน ชอบเดินทางเหมือนกัน จึงเกิดเป็นเพจเฟซบุ๊กท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใครในชื่อ Twin Traveller : Travel and Lifestyle ของแฝดผู้พี่ ใหม่-ธนทัต พงษ์พิบูล และ นัท-ณัฐพงษ์ พงษ์พิบูล วัย 25 ปีที่ออกเดินทางท่องโลกเมื่อสองปีก่อน พร้อมกล้องและมุมมองการถ่ายภาพที่แปลกตาโดยเฉพาะสถาปัตยกรรม

ใหม่เล่าว่า ตนและนัทเริ่มโพสต์เรื่องท่องเที่ยวในเฟซบุ๊กส่วนตัว แล้วปรากฏว่ามีคนติดตามมากขึ้นๆ จนทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเพจเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการ เพื่อเปิดกว้างให้คนที่สนใจเข้ามาติดตามและแบ่งปันข้อมูลกันได้มาก

“ใหม่กับนัทชอบเที่ยวแบบแบ็กแพ็กเกอร์ ชอบไปประเทศแปลกๆ อย่างประเทศแรกที่ไปคือ ตุรกี เพราะอยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่คนไทยยังไม่ค่อยได้ไป ซึ่งตุรกีเป็นประเทศที่สวยงามเกินคาดมากๆ เป็นดินแดนที่สวยมาก คนเฟรนด์ลี่ไม่น่ากลัว ไม่เหมือนกับข่าวที่นำเสนอถึงสงครามและความรุนแรง พื้นที่เสี่ยงตรงนั้นเป็นแค่จุดๆ หนึ่ง แต่พอไปจริงๆ แล้วรู้สึกปลอดภัยมาก”

 นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังเคยออกพ็อกเกตบุ๊คเรื่อง Twin Traveller in Istanbul ที่บอกเล่าถึงความสวยงามในเมืองอิสตันบูล

ด้านการสร้างเพจเฟซบุ๊กให้เป็นที่รู้จัก ใหม่กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญคือ คุณต้องเป็นตัวของตัวเองก่อน ให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา แชร์จากประสบการณ์จริง ไม่ตามกระแสก็ได้หากความชอบส่วนตัวไม่ใช่แบบนั้น เพราะผู้ติดตามเพจจะได้อ่านสิ่งที่เกิดขึ้นจริงและสามารถนำไปปรับใช้ในทริปของพวกเขาได้

ทวิน ทราเวลเลอร์ เปิดมานาน 2 ปีด้วยใจรักของทั้งคู่ ทว่าอาชีพหลักของใหม่และนัทไม่ใช่บล็อกเกอร์ท่องเที่ยวอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่พวกเขาเป็นช่างภาพสถาปัตยกรรมมือฉมังที่หารายได้ได้เป็นกอบเป็นกำ และเป็นทุนในการเดินทางครั้งต่อไปด้วย

 “เพจและการเดินทางถือเป็นงานอดิเรก อย่างงานรีวิวที่ไม่เข้ากับสไตล์ของพวกเราหรือไม่ตรงกับเป้าหมายของลูกเพจ เราก็จะไม่รับ ที่จริงเราสามารถหารายได้เยอะๆ จากเพจก็ได้ แต่ผมคิดว่า มันจะกลายเป็นเพจขายของไปและไม่ใช่จุดประสงค์ที่เราตั้งใจไว้แล้ว” ใหม่กล่าวเพิ่มเติม

ฝาแฝดคู่นี้ เลือกเดินทางด้วยตัวเองเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ของทริปทั้งหมด ซึ่งพวกเขาประทับใจประเทศในแถบตะวันออกกลางมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม คนน่ารัก และคนไทยมักมองข้าม รวมถึงจอร์เจีย สเปน โปรตุเกส และรัสเซีย ในทริปต่อไป โดยแต่ละทริปจะใช้เวลาอย่างน้อย 15 วัน หรือมากสุดคือ 1 เดือน เพราะพวกเขาต้องถ่ายภาพที่ดีที่สุด และอยากเที่ยวให้เข้าถึงที่สุด

ใหม่ยังกล่าวด้วยว่า เงินที่ได้จากการถ่ายภาพสามารถใช้โดยไม่รู้สึกเสียดาย หากใช้ไปกับการเดินทาง เพราะวัยนี้คือช่วงเก็บเกี่ยวประสบการณ์และเป็นวัยที่ต้องเห็นโลกกว้าง ดังนั้นถ้าอยากไปไหนก็จะไปให้ได้ก่อนที่จะหมดแรงเที่ยว

“ในอนาคต เรายังไม่แน่ใจว่าจะก้าวไปเป็นบล็อกเกอร์เต็มตัวหรือเปล่า ในตอนนี้แม้ว่าเพจจะมีคนกดไลค์ไม่มากมาย แต่เราอยากให้มันเป็นคอมมูนิตี้ของคนที่ชอบเดินทางเหมือนกัน มาคุยกันมากกว่า และเราจะยังเน้นเนื้อหาเน้นรูปภาพตามความตั้งใจเดิม เพราะเราอยากให้คนที่มาอ่านเกิดแรงบันดาลใจให้พวกเขาออกเดินทางหาประสบการณ์ใหม่ๆ ได้จริง”

ติดตามการเดินทางไกลของฝาแฝดใหม่และนัทได้ที่เพจเฟสบุ๊ก Twin Traveller : Travel and Lifestyle และเว็บไซต์ twintravellerblog.com

 

 

เที่ยวเสริมทักษะสังคม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

25 มีนาคม 2560 เวลา 10:38 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/486884

เที่ยวเสริมทักษะสังคม

โดย…โยโมทาโร่

 “ครอบครัวเราทำงานขายสินค้าผ่านออนไลน์ ทำให้มีเวลามากพอที่จะพาลูกออกข้างนอกค่อนข้างบ่อย แต่การไปแต่ละครั้งก็ค่อนข้างจะกระชั้นมีเวลาเตรียมตัวไม่มาก เพราะสถานที่เราไปนั้นจะเป็นสถานที่ที่ใกล้กับที่ส่งของให้ลูกค้าเสียเป็นส่วนใหญ่ แล้วดูว่าแถวนั้นมีที่ไหนที่น่าเที่ยวบ้างเราก็จะไป

“ทุกครั้งที่ออกนอกบ้านน้องบาบัส จะดูตื่นเต้นมีความสุขมากเป็นพิเศษสังเกตจากแววตาที่เป็นประกายของลูกอย่างเห็นได้ชัด” ปนัดดา ศรีสุกใส คุณแม่น้องบาบัส วัย 2 ขวบกว่า (ศุภวิชญ์ จองศิริเลิศ) เล่าถึงประสบการณ์การพาลูกไปเที่ยวในรูปแบบที่ไม่มีการวางแผนล่วงหน้านานนัก

“ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยพาไปเที่ยวที่ไหนไกลมากนัก เต็มที่ส่วนมากจะไปตามเทศกาลที่หยุดยาว เพราะลูกยังเล็กมากเรายังไม่อยากพาไปไหน ยกเว้นเราตามคุณพ่อไปทำงานแบบเช้าไปเย็นกลับ แบบอาศัยตามคุณพ่อ (คัมภีร์ จองศิริเลิศ) เวลาไปส่งของลูกค้าแล้วเห็นว่าใกล้ปลายทางนั้นมีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจ ก็จะตามไป

“เราก็จะมีการเตรียมขวดนม เสื้อผ้าสำรอง เผื่อจะต้องเปลี่ยน และจะพยายามทำทุกอย่างจะอยู่ในกระบวนการที่จะอยู่ในรถ ตอนเช้าก่อนออกจากบ้านเราจะบอกลูกว่าวันนี้เราจะไปนอกบ้านกันนะ ไปหยิบรองเท้ามา น้องบาบัสก็จะไปหยิบรองเท้ามาให้เราใส่”

 ความปลอดภัยในการเดินทางโดยรถยนต์จะเป้นเรื่องที่ให้ความสำคัญเป้นลำดับแรก แต่ก็ต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าตามอารมณ์ของลูกด้วยเช่นกัน เนื่องจากวัยที่โตขึ้น

“เวลาเดินทางปกติเราจะมีคาร์ซีตให้ลูกนั่งในรถระหว่างเดินทาง แต่พอลูกเริ่มโตเริ่มเกาะยืนได้ เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วขึ้นก็ไม่ยอมนั่งในคาร์ซีตแล้ว พยายามเอาตัวออกจากคาร์ซีตตลอดเวลา ก็นั่งให้แม่กอดอยู่หน้ารถ แต่เขาจะไม่ไปวุ่นวายการขับรถของคุณพ่อ เพราะเขารู้หน้าที่ดีว่าพ่อต้องขับรถ ตัวน้องเองก็เกาะกระจกมองวิวไป”

การพาลูกเที่ยวแบบไม่เสียงานของผู้เป็นพ่อ และได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพ เรียกว่าได้เที่ยวได้งานแบบทูอินวัน

“พอไปถึงที่ส่งสินค้าคุณพ่อก็ทำงานไป ส่วนเราก็พาลูกไปเดินเล่น ยิ่งได้ไปเจอเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันตาจะเป็นประกายจะมีเสียงหัวเราะดีใจ

“อย่างสถานที่ที่ไปแล้วอยากจะกลับไปมากที่สุด ก็คือทริป อนันตรา หัวหิน รีสอร์ท จะมีจุดให้เด็กวิ่งเล่นในสนามหญ้าสวนหย่อม ก็เป็นจุดที่เด็กๆ ซึ่งไปเที่ยวที่นี่ชอบมาวิ่งเล่นกัน น้องบาบัสก็ชอบ พอไปถึงเห็นเพื่อนๆ พี่ๆ เล่นอยู่ก่อนก็จะวิ่งเข้าไปเล่นกับเขาด้วย ไม่สนใจว่าเขาจะเล่นด้วยหรือเปล่า หรืออาจจะเป็นเพราะเป็นเด็กผู้ชายแล้วเป็นลูกเพียงคนเดียวไม่มีเพื่อนเล่น ก็จะพยายามเข้าหาเพื่อนๆ มากเป็นพิเศษ”

 ปนัดดาเฝ้าสังเกตลูกเวลาไปเที่ยวและได้เข้าสังคม เจอกับเด็กคนอื่นๆ ทำให้เห็นความเจริญเติบโตและพัฒนาการที่น่าพอใจสำหรับคนเป็นแม่

“เท่าที่สังเกตลูกมาตลอดรู้สึกว่าเราได้เห็นพัฒนาการในส่วนของความจำ และการเข้าสังคมจะมีมากเป็นพิเศษ อย่างตอนที่ไปเที่ยวบางแสน น้องไปเจอเด็กที่โตกว่าเล่นก่อกองทราย ด้วยความที่ลูกอยากจะเล่นกับเขาด้วย ก็เดินมาจูงมือแม่เดินไปหาพี่ๆ ที่กำลังเล่นก่อกองทรายกันอยู่

“มือหนึ่งถือที่พลั่วตักทรายของเล่น อีกมือจับมือแม่ให้มาอยู่ใกล้ๆ แล้วก็ไปตักทรายใกล้ๆ กับพี่เขา พี่ๆ ก็ไม่สนใจ แต่พอน้องเห็นที่ตักทรายในมือพี่ๆ เขาจำได้ว่าของเขาก็มีแบบนี้เหมือนกัน เลยเดินจูงมือแม่กลับไปเปลี่ยนอีกอันที่เหมือนกับพี่ๆ แล้วกลับไปเล่นกับพี่ๆ ใหม่ ทำให้เราเห็นว่าพัฒนาด้านความจำของลูกและการเข้าสังคมดีมาก

 “เราไม่คิดเลยว่าลูกจะจำได้ว่ามีของเล่นแบบเดียวกันนี้อยู่ และยังมีความคิดของตัวเองที่จะเปลี่ยนไปเอาอันใหม่เพื่อให้เหมือนกับของพี่ๆ เพื่อนที่จะขอเล่นด้วยกันได้ ตรงนี้ทำให้เราเห็นว่าการที่พาลูกออกไปวิ่งเล่นไปเที่ยวนอกบ้าน นอกจากจะลูกจะมีความสุขและยังช่วยเสริมพัฒนาการของเด็กได้ดีอีกด้วย”