ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเส้นทางเศรษฐี
http://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07036010958&srcday=2015-09-01&search=no
| วันที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 21 ฉบับที่ 380 |
แฟรนไชส์โซน
พารนี
บ้านรักภาษา เจ้าของรางวัล…ดาวเด่นแฟรนไชส์
“…ธุรกิจนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร ไม่รวยเร็วเหมือนซื้อขายหุ้น แต่ถามว่ายั่งยืนมั้ย ขอบอกว่ากราฟเกี่ยวกับธุรกิจการศึกษาไม่เคยตก ขอแค่จุดไฟติดเถอะ ผู้เรียนจะซื้อซ้ำบอกต่อแน่นอน”
โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษและภาษาจีน “บ้านรักภาษา” เกิดขึ้นมาภายใต้แนวคิดแนวการเรียนสมัยใหม่ เรียนสนุก ได้ความรู้ บูรณาการ มีจุดเด่นตรงที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 12 ปี ในฐานะโรงเรียนสอนภาษาแบบครบวงจรคุณภาพ
เมื่อเปิดทำแฟรนไชส์ได้เพียง 2 เดือน สามารถขยายได้ถึง 10 สาขา จนได้รับการจดทะเบียนในสมาคมแฟรนไชส์ และขึ้นเป็นดาวเด่นแฟรนไชส์ ปี พ.ศ. 2557 มอบให้โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
ดร.มุขรินทร์ หวง ประธานกรรมการบริหาร ในฐานะผู้รับใบอนุญาต โรงเรียนสอนภาษา บ้านรักภาษา ให้ข้อมูลว่า ย้อนไปเมื่อ 12 ปีที่แล้ว เธอและ Mr.Jack Huang หรือ “ครูซุ่น” ผู้เป็นคู่ชีวิต ได้ร่วมกันเปิดบ้านพักย่านไทรม้า รัตนาธิเบศร์ สอนภาษาอังกฤษและภาษาจีนให้เด็กๆ ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์
เปิดสอนได้ไม่นาน มีนักเรียนมากขึ้น จนบ้านพักรองรับไม่ไหว จึงต้องย้ายไปเปิดสอนกันที่สโมสรของหมู่บ้าน จากนั้นชื่อเสียงของบ้านรักภาษาจึงกลายเป็นที่ยอมรับเรื่อยมา
เกี่ยวกับเทคนิคที่ดึงดูดทำให้มีเด็กมาเรียนกันเป็นจำนวนมากนั้น เจ้าของกิจการท่านนี้ กล่าวว่า น่าจะเป็นเพราะ บ้านรักภาษา เน้นการเรียนรูปแบบสมัยใหม่ ไม่เน้นการท่องจำ จะประยุกต์และให้นักเรียนสามารถสื่อสารและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เสริมให้นักเรียนศึกษาทั้งในและนอกห้องเรียน นำภาษาไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและสร้างสรรค์
นอกจากนี้ บ้านรักภาษา ยังใช้หลักการและทฤษฎีการสอนภาษาแบบ TPR (Total Physical Response) โดยใช้ท่าทางผู้เรียนฟังคำสั่ง แล้วทำตาม เป็นการประสานงานระหว่างการเคลื่อนไหวของร่างกายและตอบรับ ผู้เรียนอาจไม่ต้องพูด เป็นวิธีการเรียนที่มีประสิทธิภาพสำหรับการเรียนในช่วงแรกได้ดี ดึงดูดความสนใจ ทั้งยังส่งผลให้เด็กนักเรียนมีความคงทนในการเรียนรู้ที่ยาวนาน
ดังนั้น ครูจะเป็นต้นแบบในการพูดและการสาธิต นักเรียนจะเคลื่อนไหวประกอบกับการโต้ตอบ ทั้งนี้ จะเป็นการสร้างความสมดุลในการเรียนภาษา นักเรียนได้ใช้ทักษะของการบริหารสมองซีกซ้ายและซีกขวาไปพร้อมกัน นอกจากนั้น การใช้ TPR-S (Story Telling) เป็นการเรียนรู้โดยท่าทางประกอบกับการสื่อให้นักเรียนเข้าใจเรื่องราว มีความคิดรวบยอดที่ดีในการสื่อให้ผู้อื่นเข้าใจถึงเหตุการณ์ต่างๆ ว่า ใครทำอะไร ที่ไหน ทำอย่างไร เป็นบ่อเกิดให้ผู้เรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์ และต่อยอดในการเรียนภาษา
ส่วนระบบการเรียนการสอนภาษาจีนนั้น ดร.มุขรินทร์ กล่าวว่า ภาษาจีนเป็นภาษาที่มีรากฐานมายาวนานกว่า 2,000 ปี และเป็นภาษาที่มีลักษณะเหมือนรูปภาพ ดังนั้น บ้านรักภาษา จึงใช้ระบบการเรียนการสอนผ่านสื่อต่างๆ โดยให้ผู้เรียนเป็นจุดศูนย์กลาง อาทิ สื่อวีดิทัศน์ บัตรคำ ฯลฯ ที่ช่วยให้นักเรียนสามารถจำคำศัพท์ภาษาจีนได้ การเล่านิทานเกี่ยวกับตัวอักษรจีนเพื่อให้ผู้เรียนสามารถจดจำคำศัพท์ภาษาจีนได้ การเล่านิทานเป็นภาษาจีนโดยให้เด็กแสดงท่าทางประกอบตามคำศัพท์หรือตามรูปประโยคต่างๆ เพื่อให้เด็กสามารถจำรูปประโยคและนำไปใช้ในการสนทนาในชีวิตประจำวันได้
สำหรับการขยายกิจการในรูปแบบของแฟรนไชส์นั้น เพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อปี 2557 โดยผู้ปกครองของนักเรียนบ้านรักภาษากลุ่มหนึ่ง เล็งเห็นถึงความสำคัญของภาษาที่สอง-ที่สาม ในยุค AEC ประกอบกับเคยสัมผัสประสบการณ์การดำเนินงานของบ้านรักภาษามาก่อน จึงชวนกันลงทุนเพื่อต่อยอดความสำเร็จ
ตัวเธอเองและครูซุ่น ในฐานะแฟรนไชซอร์ จึงพยายามนำสิ่งที่เคย “อาบน้ำร้อนมาก่อน” มาถ่ายทอดให้ฟังกัน เพื่อที่แฟรนไชซี จะได้ไม่ต้องมาลองผิดลองถูกให้เสียเวลา
“บ้านรักภาษา มีแนวทางบริหารจัดการยังไง เราต้องสื่อสารให้แฟรนไชซีทราบ เพื่อจะได้เรียนรู้ในทุกกระบวนการ นับตั้งแต่การอบรมผู้ประกอบการ การจัดตั้งโรงเรียน การบริหารงานเรื่องครูและหลักสูตร ซึ่งประกอบด้วยการประเมินผล แบบฝึกหัดวัดเด็ก การพาเด็กไปใช้ภาษาจริงในโครงการทัศนศึกษาต่างๆ” ดร.มุขรินทร์ บอกอย่างนั้น
และว่า คนที่จะมาเป็นแฟรนไชซีของบ้านรักภาษา ไม่ต้องมีประสบการณ์ด้านการสอน ก็สามารถทำได้ แต่ต้องมีใจรักด้านการศึกษาและพร้อมจะนำประสบการณ์ดังกล่าวไปใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
“แฟรนไชซีบ้านรักภาษา ต้องมีใจรักด้านการศึกษา มีเมตตาสูง ไม่ต้องมีความรู้สูงแต่ต้องรักและเมตตาผู้เรียน มีความอดทนความมุ่งมั่น เพราะธุรกิจนี้ทำแล้วสิ่งที่ได้รับกลับมาอาจไม่ใช่ตัวเงินอย่างเดียว แต่ได้อนาคตของตัวผู้เรียนด้วย” ดร.มุขรินทร์ บอกจริงจัง
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจก็คือการดำเนินกิจการที่ต้องคำนึงในแง่ผลตอบแทนบ้าง ประเด็นนี้ เจ้าของสถาบันบ้านรักภาษา เผยตรงไปตรงมา
“บอกเลยว่า 6 เดือนแรกขาดทุนแน่นอน จะอยู่ได้ก็ตั้งแต่เดือนที่ 7-12 พอเข้าปีที่ 2 เริ่มมีกำไร โดยปกติแล้วถ้ามีนักเรียน 50 คนขึ้นไป ผู้ประกอบการจะอยู่ได้ด้วยเงินเดือน 40,000 บาท ธุรกิจนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร ไม่รวยเร็วเหมือนซื้อขายหุ้น แต่ถามว่ายั่งยืนมั้ย ขอบอกว่ากราฟเกี่ยวกับธุรกิจการศึกษาไม่เคยตก ขอแค่จุดไฟติดเถอะ ผู้เรียนจะซื้อซ้ำบอกต่อแน่นอน”
เมื่อถามถึงการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน ที่ดูจะรุนแรงไม่น้อย ดร.มุขรินทร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า โรงเรียนสอนภาษามีหลายแบรนด์ทั้งของคนไทยและต่างประเทศ แต่เชื่อว่าบ้านรักภาษามีการบริการที่โดดเด่นด้านสภาพแวดล้อม ส่วนครูผู้สอน ก็มีเทคนิคน่าสนใจ ระบบการเรียนการสอนที่ไม่เหมือนใคร ตรงตามบุคลิกนิสัยของเด็กไทยแน่นอน
แฟรนไชส์ บ้านรักภาษา
ค่าแฟรนไชส์ หลักสูตรละ 290,000 บาท
มี 3 หลักสูตรให้เลือก ได้แก่
– หลักสูตรภาษาจีน
– หลักสูตรภาษาอังกฤษ
– หลักสูตรภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ
สิทธิประโยชน์
1. สิทธิในการใช้ชื่อและเครื่องหมายการค้า (โลโก้)
2. สิทธิในการใช้หลักสูตร ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และกิจกรรมบูรณาการต่างๆ
3. หนังสือหลักสูตรภาษาจีน และภาษาอังกฤษแสนสนุก สำหรับนักเรียน 1 ชุด และสำหรับครู 1 ชุด
4. จัดผู้บริหาร ผู้มีประสบการณ์การสอน และประสบการณ์การบริหาร
5. ให้คำปรึกษาผู้ประกอบการ ฟรี ตลอดอายุสัญญา
6. อุปกรณ์ Multimedia
7. Job Description พนักงาน และอบรม ให้คำปรึกษา
8. ให้คำปรึกษา วางแผน และออกแบบการเรียนการสอนในกรณีจัดการเรียนการสอนนอกสถานที่
9. สิทธิในการใช้ภาพกิจกรรมต่างๆ ของบ้านรักภาษา (Banrakpasa)
10. รูปแบบการจัดการ Course Summer, Course October Camp
11. หลักสูตรการสอน Language Training ให้กับสถาบัน โรงเรียน และองค์กร
12. โบรชัวร์ 2,000 แผ่น
13. โปสเตอร์โฆษณาหลักสูตรต่างๆ 2 ชุด
14. โปสเตอร์ผลงานของสถาบัน 5 ชุด
15. โปรแกรมบริหารจัดการสถาบันสอนภาษา ที่จะช่วยให้ระบบการจัดการต่างๆ เป็นเรื่องง่ายๆ
16. ป้ายสถาบันติดหน้าอาคาร ขนาด 4×1.5 เมตร
17. ป้ายญี่ปุ่น ตั้งหน้าร้าน 2 อัน
18. เว็บไซต์ของสาขา และโฆษณาทาง Google Adword, Facebook และเว็บไซต์อื่นๆ ฟรี
19. เสื้อ Banrakpasa สำหรับผู้ใหญ่-ครู 5 ตัว
20. สมุดคัดภาษาจีน-สมุดโน้ต Banrakpasa 50 เล่ม
21. ช่วยจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด
สนใจติดต่อแฟรนไชส์ บ้านรักภาษา ติดต่อสำนักงานใหญ่ เลขที่ 1131 อาคารไวท์มอลล์ ชั้น 2 (ข้างวัดสร้อยทอง) ถนนประชาราษฎร์ แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ 10800
โทรศัพท์ (02) 912-8866, (083) 009-4999 เว็บไซต์ http://www.banrakpasa.com Facebook/Banrakpasa และ LINE : kaes19999