ดังต้องมนต์ @ ยิปซี สเปลล์ บาร์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

11 พฤศจิกายน 2559 เวลา 17:52 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/464865

ดังต้องมนต์ @ ยิปซี สเปลล์ บาร์

โดย…ลีโอ เคน ภาพ กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร

ฝนตกหนักครั้งใหญ่เหมือนเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฤดูกาลใหม่กำลังคืบคลานเข้ามา ฤดูหนาวที่หลายคนเฝ้ารอกำลังเริ่มต้น ความเย็นชุ่มฉ่ำทำให้หลายคนไม่อยากเก็บเนื้อเก็บตัว ต่างวางแผนท่องเที่ยว หรือไม่ก็ออกไปหากิจกรรมสนุกสนานทำกัน

ก่อนเดินทางไปพิชิตหนาว ผมขอแนะนำว่าหาสถานที่กล่อมความสุขกันก่อนดีไหม และสถานที่นี้เองจะปลุกแรงให้คุณกระตือรือร้นต้อนรับกับฤดูกาลใหม่มากยิ่งขึ้น เสมือนดั่งโดนมนต์สะกด

 

ยิปซี สเปลล์ บาร์ (Gypsy Spells Bar & Live Music) เสน่ห์แห่งมนต์ยิปซีนี้เกิดจากความประทับใจในเรื่องราวบนแผ่นฟิลม์ของคนรักดนตรี เรื่อง The Red Violin ที่เล่าถึงการเดินทางของไวโอลินตัวหนึ่ง ผสานกับความหลงใหลในวิถีชีวิตและศาสตร์แห่งชาวยิปซี รวมไปถึงตัวโน้ตและท่วงทำนองของบทเพลงแนวบลูส์-แจ๊ซ-ยิปซี

บรรยากาศโดยรวมเริ่มต้นที่บ้านไม้ทรงโคโรเนียลโบราณอายุกว่า 80 ปี ถูกรังสรรค์ให้เป็นเสน่ห์แห่งยิปซีโบราณ ผ่านภาพเขียนกราฟฟิกสัญลักษณ์ของยิปซี ที่ตกแต่งไว้หลังบาร์เครื่องดื่ม ภาพเขียนรูปไพ่ยิปซี หรือไพ่ทาโร่ที่มีประดับให้เห็นทุกมุมมอง

 

นอกจากนี้ยังเพิ่มลูกเล่นด้วยตู้ไม้โบราณ มนต์ขลังของขวดโหลบรรจุตัวสัตว์รูปต่างๆ ให้อารมณ์ที่ขรึมขลังชวนค้นหารวมถึงเฟอร์นิเจอร์ และผ้าม่านที่เน้นงานโบราณเสมือนสะกดผู้มาเยือนได้ไม่น้อยทีเดียว

ณ บาร์แห่งนี้ยังร่ายมนต์กล่อมเกลาด้วยวงดนตรีแสดงสดสไตล์บลูส์และแจ๊ซ ในทุกค่ำคืนวันศุกร์-เสาร์ ที่ช่วยเพิ่มจังหวะแห่งชีวิต และที่ขาดไปเสียมิได้ในการเพิ่มอรรถรสแห่งค่ำคืน บาร์แห่งนี้เน้นเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มที่เตรียมเอาไว้ต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง

 

ค่ำนี้เราเริ่มต้นรองท้องด้วยหมูกรอบซอสเบอร์รี่ หมูกรอบผัดกับข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก ต่อด้วย แกงดาจา ไหล่แกะตุ๋นกับเครื่องเทศอินเดียกินกับแป้งโรตี

เมนูนี้ก็ไม่ควรพลาด ลาบปลาแซลมอน แซลมอนสดคลุกกับเครื่องลาบปั้นเป็นก้อนขนาดพอคำ นำไปทอดจิ้มกับซอสญี่ปุ่น ตบท้ายด้วยส้มตำทอด นำมะละกอไปทอดจนกรอบ พร้อมเสิร์ฟแยกกับน้ำยำส้มตำไทยและซูชิที่ทำจากขนมจีนอร่อยทีเดียว

ด้านเครื่องดื่มที่นี่จะเป็น Zodiac Cocktails เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้าน ที่ดึงเอาบุคลิกของแต่ละธาตุราศีเกิด รังสรรค์ออกมาเป็นเครื่องดื่มเฉพาะตัว ตามองค์ความรู้ของชาวยิปซี รวมไปถึงเหล้าหลากดีกรีและไวน์ให้กล่อมอารมณ์อย่างเพลิดเพลิน จนลืมว่าฝนยังกระหน่ำ หรือไม่ก็ลืมเวลากันไปเลย

ที่พิเศษสุดจะมีหมอดูยิปซีชื่อดัง ธัญจิรา พันธุ์เกิด มาทำนายดวงให้กับท่านอีกด้วยนะครับ

ยิปซี สเปลล์ บาร์ สุขุมวิท 29 (ร้านมหานากา) ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 17.30-24.00 น. โทร. 02-662-3060

 

‘อังเคิล’ ร้านเท่ บรรยากาศชิล

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

28 ตุลาคม 2559 เวลา 17:20 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/462481

‘อังเคิล’ ร้านเท่ บรรยากาศชิล

โดย…อีตติง อาร์ต ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

ยามเย็นในช่วงต้นฤดูหนาวที่อากาศดีๆ แบบนี้ มาปลดปล่อยความเครียดจากการทำงานด้วยการแวะหาร้าน อาหารกึ่งบาร์ พร้อมทั้งมองหาเมนูอร่อยๆ และค็อกเทลแก้วเด็ดดื่มซะหน่อยก็น่าจะดี

หลังจากเปิดมือถือค้นหาร้านอยู่สักพัก ในที่สุดก็มาปักหมุดยังร้านเปิดใหม่ที่ชื่อว่า “อังเคิล” (U.N.C.L.E) ซึ่งอยู่ที่โครงการ 72 คอร์ตยาร์ด ในย่านทองหล่อ

 

ร้านนี้เป็นสาขาที่ 2 ต่อจากอังเคิลสาขาแรกที่สาทร เมื่อก้าวเข้ามาภายในร้านจะพบกับการตกแต่งสไตล์นิวยอร์กคลาสสิก ที่เน้นความเรียบง่าย แต่ดูทันสมัย ตัวร้านแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ชั้น 1 เป็นส่วนของร้าน อาหารซึ่งตกแต่งได้สวยงามทีเดียว โดยส่วนนี้จะเสิร์ฟอาหารสไตล์โมเดิร์นและบาร์บีคิว ซึ่งเป็นการผสมผสานอาหารยุโรปเข้ากับวัฒนธรรมไทยเพื่อให้ลูกค้าสามารถรับประทานร่วมกันได้ นอกจากนี้ยังมีอาหารจานหลักที่น่าสนใจอีกหลากหลายเมนูไว้เป็นตัวเลือกด้วย

 

ชั้น 2 ของร้านจะเป็นเคาน์เตอร์บาร์สไตล์เก๋ๆ พร้อมที่นั่งซึ่งตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แนวโมเดิร์น-คลาสสิกเข้าด้วยกัน มีพื้นที่ทั้งในส่วนอินดอร์และเอาต์ดอร์ไว้รองรับ ยิ่งช่วงเย็นย่ำบรรยากาศบนชั้น 2 นี้ยิ่งให้ความรู้สึกชิลๆ สบายๆ วันไหนที่อากาศดีๆ ลมพัดเบาๆ ยิ่งน่ามานั่งเป็นที่สุด จะสั่งแต่เครื่องดื่มหรือสั่งสแน็กมากินด้วยก็ได้หมด

และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอสั่งเมนูเด่นๆ ที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอเลยดีกว่า จานแรก “Braised Lamb Lag” เมนูนี้เป็นเนื้อแกะตุ๋นข้ามคืนจนเนื้อนุ่ม ราดด้วยซอสเห็ด เสิร์ฟมาบนมันฝรั่งบด ตกแต่งด้วยผักร็อกเกต  รสชาติดี อร่อยแตกต่าง

 

ต่อด้วย “Grilled Pink Snapper” เนื้อปลากะพงแดงย่างบนเตาถ่านร้อนๆ จนเนื้อปลาสุกกำลังดี เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด เคียงด้วยผักสด รสชาติอร่อยแซ่บได้ใจ

ตามด้วย “Barbeque Pork Ribs” ซี่โครงหมูอบซอสบาร์บีคิว เมื่อกัดคำแรกจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มของเนื้อซี่โครงหมูและความหอมอร่อยเข้มข้นของซอสบาร์บีคิว

อีกเมนูคือ “Grilled Chicken Burger” เบอร์เกอร์ไก่ย่างราดด้วยซอสเห็ดทรัฟเฟิล เสิร์ฟพร้อมเฟรนช์ฟรายส์ เป็นอีกเมนูที่ต้องลอง ราคาอาหารเริ่มที่ 200 บาท +++

 

หลังจากอิ่มกับอาหาร บรรยากาศรอบตัวก็แสนจะเป็นใจ งั้นขอย้ายมาที่ชั้น 2 เพื่อสั่งเครื่องดื่มสไตล์คลาสสิก คราฟท์ ค็อกเทล ซึ่งเป็นเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้านมาลองดูสักหน่อยดีกว่า แก้วแรก “McGreggor” มีส่วนผสมของไอริชวิสกี้ ไซรัป ลูกแพร์ น้ำมะนาว และเหล้า แก้วนี้ดีกรีเบาๆ

แก้วที่สอง “Manhattan Latino” มีส่วนผสมของรัม วิสกี้ ลิเคียวร์กลิ่นช็อกโกแลต เหล้า และเชอร์รี่ แก้วนี้ดีกรีแรงขึ้นมาอีกหน่อย…แก้วที่สาม “Thrift Shop” มีส่วนผสมของรัม ชาสมุนไพรแอฟริกา น้ำมะนาว และเหล้า เป็นอีกแก้วซึ่งทางร้านอยากนำเสนอ

 

ปิดท้ายด้วย “Black Cherry Mule” ค็อกเทลสีชมพูใสที่เสิร์ฟมาในแก้วโลหะ มีส่วนผสมของเหล้า วอดก้า ชาดำ น้ำเชอร์รี่เข้มข้น น้ำมะนาว และจิงเจอร์เบียร์ ตกแต่งด้วยใบมินต์ แก้วนี้เป็นเครื่องดื่มที่ผสมผสานส่วนผสมได้อย่างลงตัว

ใครที่อยากจะนั่งชิลดื่มด่ำกับบรรยากาศหรือนั่งคุยสังสรรค์กับเพื่อนๆ ฟังเพลงแนวสบายๆ จากการเปิดแผ่นของดีเจมืออาชีพ สามารถมาได้ในคืนวันอาทิตย์-อังคาร ในคืนวันพุธจะเปิดเพลงแนวแจ๊ซ คืนวันพฤหัสจะมีวงไลฟ์แบนเล่นดนตรีสดแนวเร็กเก้ ส่วนคืนวันศุกร์และเสาร์ดีเจจะเปิดเพลงแนวโอลด์สกูล-ฮิปฮอป ใครชอบเพลงแนวไหนก็เลือกวันได้ตามความชอบเลย รับรองเพลิดเพลินแน่นอน

ร้านอังเคิลอยู่ที่โครงการ 72 คอร์ตยาร์ด (ระหว่างซอยทองหล่อ 16 และ 18) ร้านเปิดบริการทุกวันอาทิตย์-พฤหัสบดี เวลา 18.00-01.00 น. วันศุกร์-เสาร์ เวลา 18.00-02.00 น. โทร.02-392-7637 หรือ FB/IG : unclecocktailbar หรือ www.avunculus.com

 

เอเวอรี เดย์ อะ ฟรายเดย์ ร้านเก๋อินดัสเทรียลลอฟต์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

30 กันยายน 2559 เวลา 16:47 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/457709

เอเวอรี เดย์ อะ ฟรายเดย์ ร้านเก๋อินดัสเทรียลลอฟต์

โดย…อีตติง อาร์ต ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในร้านอาหารกึ่งผับชื่อเก๋ “เอเวอรี เดย์ อะ ฟรายเดย์ แกสโทรผับ” (Every Day A Friday Gastropub) ซึ่งชื่อร้านแฝงความหมายว่า เมื่อมาที่นี่แล้วจะรู้สึกเหมือนกับว่าทุกวันเป็นวันศุกร์ จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่โปร่งโล่งของตัวร้านที่ตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียลลอฟต์ออกแนวเท่ๆ โดยใช้วัสดุหลักอย่างเหล็ก อิฐ ไม้ และกระจก เน้นโทนสีน้ำตาล ดำ เทา ให้ความรู้สึกทันสมัยเข้ากับกระแสนิยมตอนนี้พอดี

เมนูอาหารของที่นี่เป็นแบบยูโรเปี้ยน ทวิสต์ และเอเชียน ฟู้ด ซึ่งได้รับการปรับรสชาติให้เข้ากับคนไทย หลายเมนูหน้าตาสวยงาม แถมรสชาติยังเริ่ดอีกต่างหาก เริ่มจากเมนูแรก “แซลมอนทาร์ทาร์” เมนูนี้ประกอบด้วยข้าวเกรียบดำที่มีส่วนผสมของหมึกดำหรือแบล็กอิงก์ ท็อปปิ้งด้วยเนื้อแซลมอนรมควัน ราดด้วยซอสสมุนไพรรสแซ่บ ได้ความหอม กรอบ อร่อย เป็นเมนูที่เรียกน้ำย่อยได้ดี

 

ต่อด้วย “สลัดมะเขือยาว” จานนี้ใช้มะเขือยาวย่างจนสุกหอม ราดด้วยน้ำสลัดสูตรเด็ด ท็อปปิ้งด้วยเนื้อปลาเก๋าหั่นเป็นชิ้นทอดกรอบ ไข่ออนเซน และโรยด้วยผงสาหร่าย กินแล้วได้รสสัมผัสความเป็นเอเชีย เป็นอีกจานที่ต้องลอง

ตามด้วย “เพนเน่ซอสเนื้อ” เส้นเพนเน่ต้มสุกกำลังดี ผัดกับซอสเนื้อตุ๋น (ที่นำเนื้อไปแช่ไวน์ 1 คืน แล้วนำไปตุ๋นในน้ำมันพร้อมเครื่องเทศ) โรยด้วยเห็ดทรัฟเฟิลดำและชีสพาร์เมซาน ได้รสชาติเข้มข้นอร่อยลงตัว

 

อีกจานคือ “แก้มหมูย่าง” เมนูนี้ใช้เนื้อบริเวณแก้มหมูนำไปหมักกับเครื่องเทศทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำแก้มหมูไปตุ๋นช้าๆ 1 ชั่วโมง แล้วจึงนำไปย่างอีกที จนสัมผัสได้ถึงความนุ่มหอม เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มแจ่วและสลัดผักสไตล์เอเชีย เป็นอีกเมนูที่ห้ามพลาดเด็ดขาด

นอกจากนี้ ยังมีเมนูอร่อยอื่นๆ เช่น ทูน่าทาร์ทาร์ (ซอสเซี่ยงไฮ้) หอยนางรมดูโอ เฟตตูชินีฉู่ฉี่กุ้ง ข้าวหน้าซอสแกงกะหรี่ปู พะแนงขาแกะออสเตรเลีย ฯลฯ ให้เลือกอีกเพียบ ราคาอาหาร 300-700 บาท++

มาที่เครื่องดื่มบ้าง ที่เอเวอรี เดย์ อะ ฟรายเดย์ มีเครื่องดื่มหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไวน์ชั้นดีจากทั่วโลก เบียร์ รวมทั้งค็อกเทลหรือม็อกเทลที่นี่ก็มีหมด ครั้งนี้ขอแนะนำค็อกเทลเด่นๆ 3 แก้ว 3 สไตล์ของร้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีเบสของชาผสมผสานอยู่ทุกๆ แก้ว

เริ่มจาก “TGIF!!!” หรือ Thanks God It Friday แก้วนี้มีส่วนผสมของเบอร์เบินหมักใบชา ลูกเชอร์รี่ ส้มซันคิสฝาน ตกแต่งปากแก้วด้วยสับปะรดแช่อิ่มลนไฟให้ความสดชื่น

 

แก้วที่สอง “Friday Night Out” ได้แรงบันดาลใจมาจากดาราสาว มาริลีน มอนโร มีส่วนผสมของเหล้าจีนหมักด้วยชาหมื่นลี้ ลูกกระวานต้มกับไซรัป มะนาวฝาน ตกแต่งด้านบนของค็อกเทลเป็นรูปริมฝีปากสีแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมาริลีน แก้วนี้ดีกรีไม่แรงนัก

ตบท้ายด้วย “Friday’s Child” แก้วนี้มีส่วนผสมของรัมหมักกับชากุหลาบ ลิเคียวร์ ราสพ์เบอร์รี่บด วานิลลา และไซรัปโฮมเมดกลิ่นกุหลาบ ตกแต่งด้วยเปลือกเลมอนและใบมินต์ ดีกรีแรงปานกลาง

 

ใครที่ไม่รีบร้อนไปไหน แนะนำให้นั่งชิลๆ เพลินๆ อินไปกับบรรยากาศ เพราะในวันพฤหัสบดี-ศุกร์-เสาร์ ตั้งแต่ 2 ทุ่มเป็นต้นไป จะมีวงดนตรีไลฟ์แบนด์มาเล่นเพลงแนวป๊อปให้ฟังคืนละ 2 วง รับรองว่าได้ความสุนทรีย์กลับบ้านไปแน่นอน

เอเวอรี เดย์ อะ ฟรายเดย์ อยู่ที่โครงการดีกรี สแควร์ ปากซอยเพชรบุรี 38/1 (ตรงข้ามตึกอิตัลไทย) ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เปิดบริการวันอังคาร-ศุกร์ เวลา 11.00-15.00 น. และ 17.00-24.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-24.00 น. (ร้านปิดทุกวันจันทร์) โทร.02-064-5447, 06-4014-5230 IG : everyday_afriday FB : evdafd

 

อาหารสเปนสไตล์โมเดิร์นที่ ‘อิสเลโร’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

08 เมษายน 2559 เวลา 16:44 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/425804

อาหารสเปนสไตล์โมเดิร์นที่ ‘อิสเลโร’

โดย…อีตติง อาร์ต ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ พาไปร้านใหม่แกะกล่องที่เราปักหมุดในครั้งนี้มีชื่อว่า “อิสเลโร” (Islero) ซึ่งในภาษาสเปนคือชื่อของ “วัวกระทิง” ที่สามารถโค่นมาทาดอร์ชื่อดังในปี 1947 ลงได้ (ปกติวัวกระทิงจะถูกมาทาดอร์โค่นซะมากกว่า) แหม แค่ฟังจากชื่อก็ดูน่าสนใจแล้ว

ภายในร้านตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นเรียบหรู มีดีไซน์ โดยใช้โครงเหล็กและวัสดุประเภทถาดไม้หลากเฉดสีมาประดับตามส่วนต่างๆ ของร้าน โต๊ะและเก้าอี้ส่วนใหญ่ทำจากไม้และหนัง มู้ดแอนด์โทนโดยรวมเน้นสีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่าง สีน้ำตาล สีส้ม และสีดำ ตัวร้านแบ่งเป็น 2 โซน คือ โซนที่เป็น ไดนิ่ง แอเรีย สำหรับรับประทานอาหาร และโซนทาปาส บาร์ สำหรับดื่มที่เรียกว่า “คาบา บาย อิสเลโร” (Cava by Islero) ซึ่งตกแต่งสไตล์โมเดิร์น ใช้โต๊ะและเก้าอี้ไม้ทรงสูง เน้นโทนสีอบอุ่นในธีมเดียวกันไว้รองรับลูกค้า

 

เมนูของร้านเป็นอาหารสเปนสไตล์โมเดิร์น (ที่เน้นรสชาติแบบดั้งเดิม) ซึ่งสร้างสรรค์โดยสองเชฟผู้มากประสบการณ์ และมีดีกรีมิชลินสตาร์เลือกสรรวัตถุดิบหลักจากต้นกำเนิดในสเปน เพื่อรักษาคุณภาพและรสชาติอาหาร นอกจากเมนูหลักหรือเมนคอร์สที่หลากหลายแล้ว ยังมีเมนูประเภททาปาสในรูปแบบต่างๆ ด้วย

ขอเริ่มจากเมนูทาปาสก่อนเลย Spanish Pure Iberico on Bread with Tomato Catalan Style ใช้แฮมส่วนขาของหมูวางบนขนมปัง ราดด้วยซอสมะเขือเทศสไตล์สเปน ได้รสชาติอร่อยแปลกใหม่ ต่อด้วย Homemade Canned Shellfish (Three Selections) ทาปาส 3 สไตล์ที่เสิร์ฟมาในถ้วย ตั้งแต่หอยหลอดในน้ำซิตรัส หอยแมลงภู่ในน้ำซีฟู้ดสต๊อกโรยด้วยปาปริก้า และกุ้งในน้ำมันมะกอกผสมกระเทียมและพริก ทาปาสอีกเมนู Bomba from Barcelona โครเกต์ข้าวก้อนกลมๆ ทอด ราดด้วยซอสมะเขือเทศและกระเทียมแบบสเปน กินแล้วได้รสชาติถูกปาก

มาที่เมนคอร์สกันบ้าง Grilled Octopus Tentacles Served with Beans & Traditional Castillian Stew ปลาหมึกสเปนย่าง เสิร์ฟมาในน้ำสต๊อกหมูสีขาวข้นคล้ายน้ำราดหน้า Seabass Fillet Cooked in Sea Salt Bed with Vegetable ปลากะพงขาวอบ ราดด้วยน้ำมันมะกอก เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งสไลซ์ มะเขือเทศ หอมเจียว พูดได้คำเดียวว่าสุดยอด นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเมนูที่น่าลอง ราคาอาหารเริ่มที่ 180-1,000 บาท+++

สำหรับไวน์เซลลาร์ของที่นี่ บรรจุไว้ด้วยไวน์จากสเปนมากมาย ทั้งไวน์ขาว ไวน์แดง และสปาร์กลิ้งไวน์ จึงแน่ใจได้ว่าจะจับคู่ส่งเสริมรสชาติของอาหารได้แน่นอน

 

อิ่มคาวแล้วอย่าลืมละเลียดความหวาน Fresh Cheese Pudding with Fresh Mango พุดดิ้งราดด้วยคาราเมลฮันนี่ท็อปปิ้งด้วยมะม่วงสุก Tocinillo de Cielo ขนมก้อนสี่เหลี่ยมทำจากแป้งและไข่แดง ตัดรสชาติให้เปรี้ยวนิดๆ ด้วยหยดเจลลี่ทำจากบลูเบอร์รี่และเชอร์รี่ เสิร์ฟพร้อมวิปครีมนุ่มเบา ปิดท้ายด้วย “Torrijas” ขนมปังทอดที่ซึมซับรสชาติของนมไว้อย่างชุ่มฉ่ำ กรอบนอก นุ่มใน โรยด้วยผงอบเชยหอมๆ กินคู่กับไอศกรีมเสาวรส เป็นการปิดท้ายดินเนอร์มื้อพิเศษนี้ได้อย่างน่าประทับใจ

ใครจะนั่งชิลๆ คุยกันไป ฟังเพลงเบาๆ คลอเคล้าไปด้วยก็ได้ความสุนทรีย์ไม่น้อย

 

ร้านอิสเลโร ชั้น G อาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ถนนวิทยุ (ติดกับโรงแรมพลาซ่า แอทธินี) เปิดบริการทุกวัน เวลา 17.00-24.00 น. โทร. 02-168-8100 เฟซบุ๊ก : islerobangkok

 

@โบน พัทยา ไนต์คลับสไตล์โมเดิร์นแห่งใหม่ ย่านพัทยาเหนือ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

01 เมษายน 2559 เวลา 18:01 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/424757

@โบน พัทยา ไนต์คลับสไตล์โมเดิร์นแห่งใหม่ ย่านพัทยาเหนือ

โดย…ลีโอ เคน ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข

ขยับออกไปไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ค่ำนี้ล่ะจะบอกให้ว่าจะพามากระชากวิญญาณกันอีกครั้ง ที่โบน (Bone The Beat At Its Best) ไนต์คลับสไตล์โมเดิร์นแห่งใหม่ ย่านพัทยาเหนือ ที่จะมาช่วยหลอมละลายหัวใจสิงห์เฒ่าให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

Bone แปลได้ความหมายว่า กระดูกชิ้นโต ที่จะมาถ่ายทอดความสนุกสุดเหวี่ยงด้วยระบบแสงสีที่ทันสมัย กับระบบไฟ Madrix Beam Light เลเซอร์พลังสูง ผนวกกันอย่างลงตัวกับระบบเสียง L-Acoustics K-Series คุณภาพเสียงระดับเอเชีย ซึ่งเป็นระบบเสียงแบบเดียวกับของเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่าง Tomorrowland และ Ultra Music Festival พร้อมจุดประกายความสุขอีกระดับด้วย จอ LED และโคมไฟ 4D LED ขนาดใหญ่ยักษ์ที่สุดในเมืองไทย ประดุจดั่งยานอวกาศ

โบนยังเต็มความสุขไม่รู้จบด้วยดนตรีสด รวมถึงมินิคอนเสิร์ตที่จะหมุนเวียนเปลี่ยนมาเอาใจอยู่เป็นประจำ และเตรียมตัวพบกับดีเจชื่อดังจากทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะเหล่าดีเจหนุ่มหล่อ 7 หนุ่ม 7 สไตล์ จากบ้านเราจะตบเท้ากันมาขยับแผ่นสร้างความมันส์ในทุกๆ วัน

 

นอกจากจะโชว์ลีลากันแบบสุดเหวี่ยงกลางฟลอร์ขนาดใหญ่ หายใจได้คล่องด้วยเพดานสูงโปร่งแล้ว ด้านข้างยังจัดเป็นมุมวีไอพีที่มีโซฟาให้นั่งเอนกาย โยกย้ายยามหมดแรงได้อย่างไม่ขาดจังหวะ พิเศษไปกว่านั้น ถ้าอยากแนบชิดกันแบบใกล้ๆ โซนวีไอพีด้านซ้าย-ขวา รวมถึงไฟเลเซอร์กลางฟลอร์ ยังขยับเขยื้อนบีบมาแนบชิดกันให้ใกล้ขึ้นตามใจต้องการ

ทางด้านดริงก์ลิสต์เอาใจบรรดานักดื่มแบบเต็มพิกัด ทั้งวิสกี้ ไวน์ เบียร์ รวมถึงค็อกเทล

ค่ำคืนย้อนวัยเราเริ่มต้นด้วยค็อกเทล White Russian วอดก้า คาห์ลัว ท็อปด้วยนม หรือจะเป็น Around The World รัม ดาร์ก รัม วิสกี้ มินต์ ผสมกันจนลงตัว ถ้ายังไม่สะใจเรียกหา Blue Hawaii ที่มีพระเอกอย่างเตกีลา บลู คูราเซา ทริปเปิ้ลเซค น้ำมะนาว และน้ำตาล ชวนให้คิดถึงทะเลได้ไม่ยาก

 

เมนูที่นี่เน้นเป็นสแน็กให้กินแกล้มเครื่องดื่มพอให้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น อย่างไก่ห่อสาหร่าย ถั่วแระญี่ปุ่น ไส้กรอกแฟรงก์เฟิร์ต ที่เหลือก็อยู่ที่ใจและลีลาอันพลิ้วไหวว่าใครจะโชว์ลีลาได้เด่นชัดกว่ากันแล้วล่ะครับ

การได้หวนกลับเป็นสิงห์หนุ่มอีกครั้ง ก็ทำให้สัมผัสได้ว่าเวลาแห่งความสุขที่เราจะได้สัมผัสนั้นยังมีอีกยาวไกลจริงๆ ครับ

โบน ตั้งอยู่บนถนนเพ็ชรตระกูล พัทยาเหนือ ประเดิมความสนุก เวลา 21.00-04.00 น. (หยุดวันจันทร์) โทร. 038-195-688, 038-195-699, 09-4714-7777 เฟซบุ๊ก bonepattaya

 

ดื่มชิลรับลมเย็น รูฟท็อป บาร์ ณ เมอเวนพิค

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

25 มีนาคม 2559 เวลา 17:09 น….. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/423499

ดื่มชิลรับลมเย็น รูฟท็อป บาร์ ณ เมอเวนพิค

โดย…ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ ภัทรชัย ปรีชาพานิช

ผมมีรูฟท็อปบาร์ ณ โรงแรมเมอเวนพิค กรุงเทพฯ ซอยสุขุมวิท 15 มานำเสนอสำหรับค่ำคืนวันศุกร์แบบนี้ครับ หลังจากไปมาแล้ว บอกเลยว่าประทับใจมาก ประทับใจอย่างไร ข้อแรก ด้วยความที่โรงแรมแห่งนี้ไม่สูงมาก เมื่อขึ้นไปยังบาร์แห่งนี้ (กดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้น 8) จะพบว่าเหมือนอยู่ท่ามกลางหุบเขาที่เป็นตึกคอนกรีตมากมายเต็มไปหมด ทำให้วิวทิวทัศน์ดูสวยไปอีกแบบ

สำหรับทิศทางลมพัดผ่านก็เป็นอีกข้อที่ทำให้เวลาเรานั่งชิลนั้นสุดแสนเย็นสบาย เหมือนปลดปล่อยตัวเองให้ลอยล่องไปกับสายลม ยังไม่นับว่า ที่นี่เงียบสงบ เปิดเพลงคลอเบาๆ แสงไฟเหลืองอ่อน ทำให้ดูสบายตาสบายใจ และเมื่อหยิบกล้องมาถ่ายรูป ก็ได้มุมที่ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่แถวๆ นิวยอร์กยังไงอย่างงั้น ปิดท้ายด้วยเหตุผลดีๆ ข้อสุดท้าย คือที่นั่งของบาร์นี้กว้างขวางแสนสบาย เป็นเบาะสีขาวขนาดใหญ่ จะนั่งหรือเอนกายนอน ก็ทำได้สบายมาก (อย่าเผลอหลับไปล่ะครับ)

 

บาร์แห่งนี้มีอยู่สองฝั่ง ฝั่งแรกติดกับสวนและสระว่ายน้ำ ส่วนฝั่งที่สองติดกับทางเชื่อมไปยังอีกตึกหนึ่งของโรงแรม (ผมชอบฝั่งนี้มากที่สุด) โดยทุกวันพุธ ด้านโปรดของผมจะมีการฉายภาพยนตร์ในเวลา 20.00 น. อาศัยผนังตึกสีขาวเป็นจอภาพยนตร์เสียเลย เอาเป็นว่า หากคุณอยากมานั่งชิลนั่งดื่ม ณ ที่แห่งนี้ มาได้เลยตั้งแต่เวลา 18.00 น. เรื่อยไปจนถึงเวลา 24.00 น.

ในส่วนของเครื่องดื่ม ที่นี่มีเสิร์ฟอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะค็อกเทล ผมขอนำเสนอ ต้มยำค็อกเทล ที่มีวอดก้าเป็นตัวนำ (ผสมกับวอดก้าดองพริก) คลุกเคล้าด้วยสมุนไพรไทย ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และพริกขี้หนู ดื่มแล้วรับรองว่าจินตนาการว่ากำลังซดน้ำต้มยำอยู่แน่นอน เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เสิร์ฟร้อนๆ เท่านั้นเอง

 

ต่อด้วย ไหมไทย ที่มีรัมเป็นตัวนำ และมีทั้งความเปรี้ยวความหวานของส่วนผสมอื่นๆ เข้ากันอย่างลงตัว สับปะรดมาร์ตินี่ นุ่มลิ้นลื่นคอ ตบท้ายด้วย อเพโรล สปริตซ์ เครื่องดื่มที่คนอิตาเลียนนิยมในช่วงซัมเมอร์ เข้ากับช่วงเวลานี้ในบ้านเราพอดิบพอดี

ใครลืมกินข้าวเย็น แอบหิวกันมาไม่ต้องหิ้วท้องรอไปตบข้าวต้ม ขอแนะนำเมนูหมูราดด้วยซอสเห็ด กับเครื่องเคียงที่เป็นมันฝรั่งแผ่นที่มีวิธีการทำสุดพิเศษ รับประทานคู่กัน หวานนุ่มลิ้นกำลังดี ต่อด้วย สลัดปู ที่ใช้เนื้อปูส่วนก้ามมาปรุงเป็นจานเด็ด อร่อยเหาะอย่าบอกใคร

 

ตบท้ายด้วยเมนูไทยๆ นั่นคือ ไทยทาปาส ที่มีทั้งไก่สะเต๊ะ เนื้อสะเต๊ะ ปูจ๋า และเปาะเปี๊ยะ กินเป็นคำๆ แกล้มเครื่องดื่ม ลงตัวดีมาก

รูฟท็อปบาร์ ณ โรงแรมเมอเวนพิค กรุงเทพฯ อยู่ถนนสุขุมวิท ซอย 15 บริการทุกวัน เวลา 18.00-24.00 น. โทร.02-119-3119

 

ทรงเสน่ห์ ชวนหลงใหล รีเดล ไวน์ บาร์ & เซลลาร์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

18 มีนาคม 2559 เวลา 18:14 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/422306

ทรงเสน่ห์ ชวนหลงใหล รีเดล ไวน์ บาร์ & เซลลาร์

โดย…คีตะ

ประกาศตัวเป็น “อาร์ทิซาน ไวน์บาร์” แห่งแรกและแห่งเดียวในโลก และ “รีเดล ไวน์ บาร์ & เซลลาร์” ก็เพิ่งจะเปิดเผยโฉม ณ ศูนย์การค้าเกษรเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไวน์บาร์แห่งนี้เป็นการทำงานร่วมกันของศูนย์การค้าเกษรและรีเดล ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในหมู่ไวน์เลิฟเวอร์ เพราะว่านี่คือแบรนด์แก้วไวน์ชั้นนำจากยุโรป ซึ่งมีความเป็นมานานถึง 260 ปี และได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญศาสตร์-ศิลป์ในการผลิตแก้วไวน์ที่สวยงาม ประณีต  ช่วยขับรสชาติ และอโรมาของไวน์แต่ละชนิด

 

คำว่า อาร์ทิซาน ซึ่งหมายถึง ช่างฝีมือ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่น ศิลปะ ถูกนำมาจำกัดความไวน์บาร์แห่งนี้ เหตุเพราะ รีเดล ไวน์ บาร์ & เซลลาร์ ได้รวมไวน์ซึ่งผลิตขึ้นในจำนวนจำกัด ด้วยวิธีการชีวภาพแบบดั้งเดิม โดยไม่มุ่งเน้นความเป็นอุตสาหกรรมจำนวนกว่า 200 เลเบิลจากทั่วโลก รวมถึงเมนูไวน์แบบแก้วกว่า 40 เลเบิล ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกและกดจากเครื่องอัตโนมัติ (Wine Dispenser) ที่ช่วยรักษาคุณภาพและรสชาติของไวน์ไว้ได้ยาวนาน สามารถเลือกได้หลายขนาด ทั้งแบบทดลองหรือครึ่งแก้ว หรือเต็มแก้ว โดยไวน์ลิสต์จะเปลี่ยนทุก 2-3 เดือน ทั้งยังมีซอมเมอลิเย่ร์ (Sommelier) ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์อยู่ประจำร้านเพื่อให้คำแนะนำกับลูกค้า ไม่ได้มีแค่ไวน์ ทางร้านยังมีเครื่องดื่มผสมตามสูตรพิเศษของรีเดลให้เลือก

 

ในส่วนของอาหารนั้น เป็น “อินโนเวชั่นเมนู” ในสไตล์โมเดิร์นเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งมีมากกว่า 30 เมนู หลายเมนูเกิดขึ้นมาเพื่อจับคู่กับไวน์ อาหารอร่อยด้วยวัตถุดิบชั้นดีจากผู้ผลิตชั้นนำ ไม่ว่าจะชีส แฮม ไส้กรอก เบคอน ปลาเทราต์สายรุ้ง เนื้อแบล็กแองกัส ฯลฯ โดยการสร้างสรรค์เมนูปรุงและดูแลโดยเชฟชาวอิตาเลียน

 

เมื่อย่างก้าวเข้าสู่ รีเดล ไวน์ บาร์ & เซลลาร์ ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงความงดงามในสไตล์โมเดิร์นผสมคลาสสิกตกแต่งด้วยโทนสีแดง ขาว น้ำตาล และเหลืองทอง รายรอบด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มเป็นธรรมชาติ รวมทั้งเครื่องแก้วของรีเดลและภาพผลงานศิลปะแอบสแทรกต์ ภายในแบ่งเป็นห้องส่วนตัวสำหรับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัว พื้นที่ตรงนี้ยังจะเป็นสถานที่สำหรับกิจกรรมไวน์ทอล์กและคลาสไวน์ต่างๆ ในอนาคต นอกจากนั้นยังมีเทอร์เรซเอาต์ดอร์ ซึ่งเหมาะมากสำหรับการฉลองเทศกาล เช่น เคาต์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เพราะสามารถมองเห็นพลุ หรือเหตุการณ์เบื้องล่างบนสี่แยกราชประสงค์และถนนราชดำริได้อย่างชัดเจน ในส่วนของเซลลาร์ก็มีสินค้าที่เลือกสรรไว้ให้ลูกค้าซื้อกลับบ้านได้อีกด้วย

 

รีเดล ไวน์ บาร์ & เซลลาร์ ตั้งอยู่ชั้น 2 ศูนย์การค้าเกษร เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00–24.00 น. สำรองที่นั่ง โทร. 02-656-1133

ถึงแม้จะเป็นไวน์บาร์น้องใหม่ของกรุงเทพฯ แต่ที่นี่มีเรื่องเล่าเรื่องราวมากมายยาวนาน ซึ่งล้วนมีเสน่ห์ชวนหลงใหล และชวนชักให้เข้าไปสัมผัส

 

บอน โสเหล่ ร้านชื่อเท่ เมนูโดนใจ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

11 มีนาคม 2559 เวลา 17:51 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/421035

บอน โสเหล่ ร้านชื่อเท่ เมนูโดนใจ

โดย…อีตติง อาร์ต ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

เย็นย่ำของวันศุกร์แบบนี้ หาร้านอาหารเก๋ๆ บรรยากาศดีๆ สักร้าน แล้วชวนเพื่อนๆ ไปแฮงเอาต์กันดีกว่า ได้ยินมาว่ามีร้านอาหารเปิดใหม่ตกแต่งสไตล์ลอฟต์ เพดานสูงโปร่ง แถมมีชื่อแปลกและเท่ ว่า “บอน โสเหล่” (Bon Sole) ที่ในภาษาอีสาน แปลว่า โรงเตี๊ยม อยู่ที่โครงการตลาดหัวมุม ถนนเกษตร-นวมินทร์ ฟังดูแล้วน่าสนใจดี เห็นทีคงต้องไปเยือนซะหน่อยแล้ว

ร้านบอน โสเหล่ แห่งนี้ เดิมทีเจ้าของร้านและหุ้นส่วนต้องการเปิดเป็นร้านไวน์ ไว้นัดพบปะสังสรรค์กันยามเย็น แต่ไปๆ มาๆ ได้ปรับให้กลายเป็นร้านอาหาร ซึ่งเป็นสถานที่แฮงเอาต์สำหรับคนในย่านเกษตร-นวมินทร์ และผู้ที่กำลังมองหาร้านเก๋ๆ บรรยากาศดีๆ พร้อมกับเมนูอาหารที่มีความพิเศษจริงๆ

 

เมื่อก้าวเข้ามาภายในร้านจะพบการตกแต่งในสไตล์ลอฟต์อย่างที่บอกไป นอกจากเพดานสูงแล้ว ผนังร้านยังใช้ปูนเปลือย ใช้โครงสร้างและตะแกรงเหล็กเป็นองค์ประกอบหลัก รวมทั้งใช้โต๊ะและเก้าอี้ที่ทำจากเหล็กและไม้ ตัวร้านเน้นโทนสีดำ เทา และสีน้ำตาลของไม้เป็นหลัก พื้นที่กว้างขวางมีทั้งโซนอินดอร์และเอาต์ดอร์ด้านนอกซึ่งยกพื้นและมีบันไดเดินขึ้นไปที่ชั้น 2 ของร้าน ใครชอบฟีลลิ่งไหนก็เลือกนั่งได้ตามใจ

กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงาน ศิลปินในแวดวงต่างๆ และคนทั่วไป เรียกว่าเป็นสถานที่แฮงเอาต์ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวหมาดๆ พร้อมกับตลาดหัวมุมซึ่งเป็นตลาดนัดกลางคืนที่มีเสื้อผ้า เครื่องประดับ และของกินของใช้ให้คนแถบนี้ได้มีสถานที่รื่นรมย์แห่งใหม่กัน

เมนูของร้านมีทั้งอาหารไทยและฝรั่ง แต่ความพิเศษอยู่ที่คอนเซ็ปต์ของอาหารจะเป็นแนว “อาร์ต ฟู้ด” ซึ่งสร้างสรรค์ โดย “เชฟอังเคิลณัฐ” ซึ่งหน้าตาของเมนูจะได้รับการครีเอทและตกแต่งให้สวยงาม ดูแตกต่างจากที่เราคุ้นเคย แถมเมนูที่นี่ยังเปลี่ยนไปแทบทุกเดือน และมีเมนูพิเศษออกมาเรื่อยๆ เพราะเชฟจะคอยสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ออกมาให้ลูกค้าได้ลิ้มลองตลอดเวลา

 

เริ่มจากเมนูแรก “ข้าวผัดแมว” (ข้าวผัดปลาทู) ฟังชื่อแล้วดูน่ารัก รสชาติยิ่งน่าเลิฟ เพราะได้ความอร่อยกลมกล่อมจากน้ำพริกกะปิที่นำมาคลุกเคล้าผัดลงในข้าวพร้อมกับเนื้อปลาทู กินคู่กับผักสดแล้วเข้ากัน…ตามด้วย ”ท้องปลาแซลมอนทอด” ใช้เนื้อส่วนท้องของแซลมอนหมักกับน้ำปลา ดูแล้วเหมือนรสชาติจะธรรมดา แต่บอกเลยว่าลองกินแล้วจะติดใจ…

“สปาเกตตีเส้นดำผัดฉ่า” จานนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารรสแซ่บและซีฟู้ด เพราะใส่ทั้งกุ้ง หอย และปลาหมึกมาเต็มจาน…ปิดท้ายด้วย “ไก่อบเม็กซิกัน” เนื้อไก่หมักโยเกิร์ตจนเนื้อนุ่ม คลุกเคล้าด้วยผงกะหรี่ พริกปาปริก้า และมะนาว แล้วนำไปอบ รสชาติอร่อยกลมกล่อม ได้กลิ่นเครื่องเทศเบาๆ กำลังดี

นอกจากนี้ ยังมีเมนูแนะนำอื่นๆ อาทิ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ เย็นตาโฟผัดแห้ง อกเป็ดทอดเนยจิ้มแจ่ว และอื่นๆ ราคาอาหารเริ่มต้นที่ 200-800 บาท

 

มาถึงเครื่องดื่มกันบ้าง เมื่อมาที่นี่คนรักการดื่มไวน์และเบียร์ไม่ผิดหวัง เพราะสามารถสั่งไวน์หรือเบียร์มาเคียงคู่กับเมนูอาหารทั้งไทยและฝรั่งก็สามารถเข้ากันได้หมด เริ่มจากเครื่องดื่มแก้วแรกที่รูปลักษณ์สวยแปลกตา “สาเกเจลลี่” ดีกรีเบาๆ เหมาะกับสาวๆ ตามด้วยเบียร์สดอีกสักแก้ว แล้วนั่งดื่มชิลๆ คลอเคล้าเสียงเพลงเพราะๆ จากวงไลฟ์แบนด์ (ทุกวันพุธ-ศุกร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 21.30-23.30 น.) ไปด้วย พูดได้เลยว่าราตรีนี้ยังอีกยาวไกล…เชียร์สๆๆๆๆ

ร้านบอน โสเหล่ อยู่ที่ตลาดหัวมุมถนนเกษตร-นวมินทร์ (ตรงข้าม เดอะ วอล์ค) ตัดเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์) ตั้งแต่ 18.00-24.00 น. โทร. 09-5926-0666

 

บาร์เล็กๆ ทว่าให้ความสุขกองโต แทรค 17

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

04 มีนาคม 2559 เวลา 17:14 น….. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/419720

บาร์เล็กๆ ทว่าให้ความสุขกองโต แทรค 17

โดย…ลีโอ เคน ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

แทรค 17 (Track 17) สถานที่ที่จะพาคุณได้ออกเดินทางไปกับตู้เสียงของขบวนรถไฟ ที่เติมเต็มความสุขทุกโมงยาม

เพียงก้าวผ่านประตูเล็ก เสมือนทางเชื่อมต่อของโบกี้รถไฟ เราจะได้สัมผัสกับการตกแต่งสไตล์วินเทจที่จะทำให้หลายคนนึกถึงรถไฟขบวนไฮโซอย่าง Oriental Express ซึ่งของตกแต่งส่วนใหญ่ได้มาจากการ
เดินทางของตัวเจ้าของเอง

ผ้าม่าน เก้าอี้ไม้ โซฟา แนวเรโทรต่างสอดผสานกันอย่างกลมกล่อม สะท้อนความเป็นส่วนตัว และในมุมที่เหมาะมากับก๊วนหลายๆ คน

 

มีเคาน์เตอร์บาร์ทรงเท่ ที่มีบาร์เทนเดอร์รูปหล่อโชว์ลีลาอย่างช่ำชอง เครื่องดื่มที่ผมกำลังพูดถึงก็คือ ค็อกเทลนานา เสิร์ฟทั้งในรูปแบบคลาสสิก และในแบบซิกเนเจอร์ของร้าน ที่บาร์เทนเดอร์หนุ่มตั้งใจโชว์ฝีมืออย่างสุดกำลัง และที่น่าตื่นเต้นไปก่วานั้นก็คือ ในทุกๆ 3 เดือน จะนำเสนอเดสติเนชั่นใหม่ๆ ด้วยค็อกเทลและสแน็กที่ทางร้านจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อล้อเลียนกับการจอดจุดต่างๆ ของรถไฟ ซึ่งแปลว่าเราจะได้เห็นค็อกเทลที่มีแรงบันดาลใจจากทั่วทุกมุมโลกมาให้ได้ลิ้มลองกันอยู่เสมอ

เฉกเช่นค่ำนี้โบกี้เติมสุขนี้มาจอด ณ บาร์เซโลนา แห่งสเปน จึงนำเสนอเครื่องดื่มสีสวยที่มีกลิ่นอายของสเปน แก้วแรกสีสันยวนตา Rosita ที่มีส่วนผสมของ เตกีลา สวีทเวอร์มูธ แครนเบอร์รี่ สีแดงเด่นชวนเคลิ้ม

ต่อด้วย Georgia Mint Julep ส่วนผสมหลักอย่างคอนญัก พีช ลิเคอร์ หรือจะเป็น French Martini ได้ส่วนผสมที่ลงตัวอย่าง วอดก้า แชมบอส และน้ำเสาวรส

โบกี้นี้ยังเติมความสุขด้วยเสียงเพลงในสไตล์อิเล็กทรอ เฮาส์ เสมือนกับขับกล่อมผู้โดยสารตลอดระยะการเดินทาง และพิเศษในทุกค่ำคืนวันศุกร์-เสาร์ จะมีดีเจมาเปิดแผ่นในแนวแจ๊ซ ดีพเฮาส์ ช่วยจุดความสุขให้ลุกโชน

 

แม้ว่าค่ำคืนนี้เพื่อนผมจะไม่มาแจม แต่การได้นั่งอยู่ในโบกี้อันเปี่ยมสุขนี้ ก็เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ผมรู้สึกเพลิดเพลิน หลงลืมความเหงา และได้ทบทวนสิ่งดีๆ ตลอดการเดินทางเลยล่ะครับ

แทรค 17 อยู่ที่ชั้น 2 เดอะ คอมมอนส์ ทองหล่อ 17 เคลื่อนขบวนทุกค่ำคืนตั้งแต่เวลา 17.00-24.00 น. โทร. 02-101-4525 และ 08-1250-8580

 

ดื่มกินเคล้าบรรยากาศดีๆ ที่ บลู สกาย โฉมใหม่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

26 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 16:50 น. …. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/418449

โดย…ตุลย์ จตุรภัทร/ศศิธร จำปาเทศ ภาพ ประกฤษณ์ จันทะวงษ์

ตกเย็น ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ ไปแฮงเอาต์กันที่ไหนดี?

เรามี บลู สกาย บาร์ แอนด์ ไดนิ่ง ชั้น 24 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว มานำเสนอ ว่ากันว่า นอกจากสถานที่แห่งนี้จะได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 15 บาร์วิวระฟ้าที่น่าตื่นตาที่สุดในโลก จากการสำรวจของเว็บไซต์ อาคิเทคเจอร์ อาร์ต ดีไซน์ ที่นี่ยังได้ปรับปรุงขยายพื้นที่ของร้านใหม่ โดยเพิ่มโซนไดนิ่งรูปโฉมใหม่ให้มีความทันสมัยและดูน่านั่ง น่าแฮงเอาต์กับคนรู้ใจเป็นที่สุด

เมื่อเข้ามาภายในร้านจะพบเจอมุมรับประทานอาหารหลากหลายมุม โดยเฉพาะมุมส่วนตัวที่ใช้ม่านห่วงโซ่สีทองกั้นเอาไว้ (ถึงจะมีโซ่กั้นแต่ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด) นอกจากนี้ เมื่อมองไปยังส่วนกลางของร้านก็สะดุดตาไปกับความอร่ามเรืองรองของแสงสีทองตัดกับสีขาว รวมทั้งผ้าที่พลิ้วไหวเป็นระลอกน่ามองเหลือเกิน อีกทั้งเฟอร์นิเจอร์ภายในร้านก็ออกแบบมาให้เรารู้สึกได้ถึงความหรูหรามีระดับ ซึ่งนี่ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ นอกเหนือจากบาร์วิวระฟ้าด้านนอกร้าน

 

ในส่วนของเครื่องดื่ม นอกจากที่นี่จะมีแชมเปญก็ยังมีไวน์ที่ได้รับรางวัลจาก ไวน์ สเปกเตเตอร์ นิตยสารระดับโลกของวงการไวน์ที่มอบรางวัลให้กับทางร้าน เพื่อการันตีว่าที่นี่มีรายการไวน์จากแหล่งผลิตไวน์คุณภาพดีให้ลูกค้าได้เลือกสรรมากมาย นอกจากนี้ ก็ยังมี ค็อกเทล รสชาติยอดเยี่ยมจากฝีมือของนักชงเครื่องดื่มฝีมือดี ที่มีลีลาการชงเร้าใจอย่าบอกใคร แถมรสชาติยังดีเยี่ยมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น บลู สกาย ค็อกเทล ที่มีส่วนผสมจากวอดก้า, บลู คูราโซ่, น้ำลิ้นจี่, น้ำมะนาว และน้ำเชื่อม ทำให้เราได้รับรสชาติทั้งหวานและเปรี้ยวคลุกเคล้ากันไปอย่างลงตัว อีกทั้งยังมี ไหมไทย ที่มีส่วนผสมของเหล้ารัม, เหล้าดาร์ก รัม, ออเรนจ์ คูราโซ่, น้ำสับปะรด, น้ำมะนาว, น้ำทับทิม และน้ำเชื่อม ซึ่งดื่มแล้วลื่นคอ แถมยังเพลิดเพลินใจอีกด้วย

 

มาที่เมนูอาหารกันบ้าง ที่นี่มีเมนูอาหารฝรั่งเศสในสไตล์ เฟรนช์ บิสโทร มาให้เราได้ลองลิ้มชิมรส จากฝีมือของเชฟอีริค เบริโกต์ และทีมงาน โดยเราได้ลองลิ้มเนื้อสันในย่าง เสิร์ฟพร้อมซอสพริกไทยอ่อน และมันฝรั่งทอด โดยเนื้อสันในนี้ได้นำเข้าจากออสเตรเลีย และหมัดเด็ดของเมนูนี้ก็อยู่ที่ซอสเห็ดที่ทำขึ้นมาเองด้วยสูตรลับเฉพาะ เมนูต่อมา ปลาฮามาจิ กับหอยนางรมฝรั่งเศส ทาร์ทาร์ และคาเวียร์ ขอบอกว่า เมนูนี้เชฟได้นำวัตถุดิบคุณภาพดีมาปรุงแต่งด้วยฝีมือชั้นเยี่ยม ทำให้หน้าตาและรสชาติอาหารกลมกล่อมเป็นพิเศษ

 

เมนูต่อมา ปลาแซลมอน ห่อด้วยหมูแฮมบายองเน เสิร์ฟพร้อมธัญพืช ควินัว กับข้าวรีซอตโต ว่ากันว่า แซลมอนของที่นี่สดใหม่ใช้งานวันต่อวัน ไม่แช่แข็ง เมื่อนำมาปรุงรสจึงได้รสชาติดีทั้งเค็มทั้งมันฉ่ำลิ้น เมนูต่อมา น่องเป็ดตุ๋นแบบฝรั่งเศส เสิร์ฟพร้อมซอสพริกไทยอ่อน และมันฝรั่งผัด ถือเป็นเมนูฝรั่งเศสดั้งเดิมที่เชฟอีริคภูมิใจนำเสนอ เนื้อเป็ดก็นุ่มลิ้นละลายในปาก ซอสพริกไทยอ่อนก็รสชาติเยี่ยมอย่าบอกใคร ตบท้ายด้วยเมนู สเต๊กซี่โครงแกะ เสิร์ฟพร้อมมะเขืออบยัดไส้ และซอสมะกอก ที่ต้องขอบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า เนื้อแกะดี มีคุณภาพ นุ่มลิ้น และกลิ่นไม่แรงอีกด้วย

ที่นี่เปิดบริการมื้อค่ำทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.00-02.00 น. (รับออร์เดอร์อาหารถึงเวลา 23.00 น.) สำรองที่นั่งได้ที่ 02-541-1234 ต่อ 4151