ร้านอาหารแลบาร์แห่งใหม่ที่ท่านจะประทับใจ ซี้ด (Seed) เมล็ดพันธุ์แห่งความสุข

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

07 ธันวาคม 2558 เวลา 17:30 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/403741

ร้านอาหารแลบาร์แห่งใหม่ที่ท่านจะประทับใจ ซี้ด (Seed) เมล็ดพันธุ์แห่งความสุข

โดย…ลีโอ เคน

หอบลมหนาวบางเบาที่ค่อยๆ ขยับมาในเวลายามค่ำ จะปล่อยให้ช่วงเวลาดีๆ เช่นนี้หนีหายไปไหน ลืมสะสางงานแล้วโทรศัพท์นักก๊วนสนิทไปหาที่แฮงเอาต์ต้อนรับลมเพิ่งเริ่มหนาวกันดีกว่าครับ

ค่ำนี้ผมขอต้อนรับกับร้านอาหารแลบาร์แห่งใหม่ที่ท่านจะประทับใจ นั่นคือร้าน ซี้ด (Seed) ซึ่งเป็นร้านอาหารเปิดใหม่มาแทนที่ The Library ในซอยสุขุมวิท 39 ในคอนเซ็ปต์เก๋ๆ ที่ตกแต่งให้ดูเหมือนโรงนาในต่างประเทศ ให้สัมผัสทั้งความอบอุ่นและความรัสติกเล็กๆ สอดรับกับลมหนาวอ่อนๆ

 

บรรยากาศของร้านตกแต่งด้วยไม้เนื้อด้านสีน้ำตาลเข้ม ด้านในโดดเด่นด้วยผนังจากอิฐสีเทาๆ และโครงไม้ ประดับอยู่บนเพดานพร้อมกับเชือกปอมะนิลาห้อยลงมาเพิ่มความรัสติก เฟอร์นิเจอร์ที่ทางร้านเลือกใช้ก็ออกแบบมาพิเศษให้เข้ากันร้าน ผสานด้วยแสงไฟที่ดูสบายตา และด้วยชื่อนาม Seed ที่แปลความหมายว่า “เมล็ดพันธุ์” ด้านในสุดจึงเป็นโหลแก้วทรงเท่ที่ภายในบรรจุเมล็ดพันธุ์พืชวางเรียงราย ช่วยเพิ่มกิมมิกของร้านให้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น

เรื่องอาหารของที่นี่พิถีพิถันไม่แพ้กัน โดยเชฟได้แรงบันดาลใจมาจากเมนูคลาสสิกของฝรั่งเศส นำดัดแปลงโดยผสมผสานกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นและเอเชียลงไป ที่พิเศษอีกประการด้วยความเรียบง่ายของความอร่อยถูกรังสรรค์จากวัตถุดิบจากท้องถิ่นที่สดใหม่เสมอ ผสานกับความเป็นเอกลักษณ์ของสไตล์การทำอาหารที่ชวนให้คุณหลงใหลได้ไม่ยาก

 

ค่ำนั้นเราเริ่มต้นด้วยเมนูเบาๆ กับขนมปังเชียบัตต้าโฮมเมด สูตรพิเศษของทางร้านที่ใส่มะเขือเทศอบแห้ง กินกับเนยต้นหอมและกระเทียมเพื่อเรียกน้ำย่อย ก่อนจะไปลองจานแนะนำของร้านอย่าง Crispy Tofu เต้าหู้ทอดกรอบ เสิร์ฟคู่กับซอสเห็ดหอม และทรัฟเฟิลออยล์ ท็อปด้วยต้นหอมญี่ปุ่น

ขอแนะนำจานหนัก Whole Sea Crab เนื้อปูทะเลสดๆ ทั้งตัวและมันปูมาผัดกับกระเทียม พริกไทยดำ พริกขี้หนูสวนให้ได้รสชาติเผ็ดๆ เพื่อตัดความเลี่ยน

 

เครื่องดื่มของที่นี่ มีรองรับทั้งไวน์ New World ราคาเบาๆ และยังมีคลาสสิกค็อกเทลและซิกเนเจอร์ค็อกเทลอย่าง Sexy Lychee ประกอบไปด้วย วอดก้า เหล้าลิ้นจี่ น้ำส้ม มะนาว น้ำเชื่อม ที่พิเศษแอบรับรสถึงความจัดจ้านจากการที่นำวอดก้าไปอินฟิวส์กับพริก Lychee Liqueur น้ำมะนาว น้ำส้ม หรือจะเป็นแก้วนี้ Miss Penelopy ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนางงามจักรวาล ที่มีส่วนผสมของบาคาร์ดี้เลมอน เพรชฟู้ด น้ำส้ม แล้วก็แมนดารินไซรัป

 

ยิ่งดึกเสียงเพลงยุคประมาณ 80 ค่อยบรรเลงขับกล่อมเบาๆ ไม่ทำให้บทสนทนาอันสนุกสนานสะดุดแต่อย่างใด ยิ่งได้เครื่องดื่มแก้วโปรดและเมนูถูกใจคละเคล้ากันไป ใครจะเชื่อว่าน่าจะเริ่มก้าวเข้าสู่วันใหม่แล้วสิพวกเรา!!!!

ซี้ด ซอยพร้อมจิต สุขุมวิท 39 เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 17.30-24.00 น. โทร. 02-662-3562, 09-9283-6363

 

ประสบการณ์ใหม่ในการแฮง เซเว่นทเวนตี้ทู

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

27 พฤศจิกายน 2558 เวลา 20:16 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/402077

ประสบการณ์ใหม่ในการแฮง เซเว่นทเวนตี้ทู

โดย…โจ-ลิฟวิ่ง

22 เลขดี เลขสวย ไม่ได้มาใบ้หวย แต่กำลังจะมาบอกให้ทุกคนได้รู้ว่า “เซเว่นทเวนตี้ทู” คือที่สิงสถิตแห่งใหม่บนดาดฟ้าโรงแรมพาราไดซ์ สุขุมวิท

คลำทางไป จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย พิกัดของโรงแรมอยู่ที่เอกมัย 12 ตรงดิ่งเข้ามาเกือบสุดซอย หรือจะเข้าฝั่งสุขุมวิท 71 ซอยปรีดีพนมยงค์ 31 บวกลบประมาณ 100 เมตร สังเกตป้ายให้ดี ซ้ายมือจะเจอโรงแรม จากนั้นกดลิฟต์ขึ้นชั้น 8 ต่อด้วยเดินอีก 1 ชั้น เซเว่นทเวนตี้ทู ยินดีต้อนรับ

ปรับโฉมชั้นดาดฟ้าโรงแรมให้กลายเป็นที่แฮง สระว่ายน้ำถูกแต่งแต้ม กำแพงอิฐประดับประดาด้วยดวงไฟ สอดคล้องกับเฟอร์นิเจอร์ไม้โทนสีน้ำตาล ลมพัดเย็นสบาย มองบนชั้นลอย เลข 722 ปรากฏอยู่กลางสระพอดิบพอดี วิว 360 องศา ควรค่าแก่การมาฟินและชิล ฝั่งเมืองก็เอกมัย ฝั่งชานเมืองก็พระโขนง เป็นสองอารมณ์บนดาดฟ้าที่น่าหลงใหล

 

สามหุ้นส่วนเห็นพ้องที่เลือก 722 นำมาตั้งเป็นชื่อร้าน ก็เพราะฉากหนึ่งในหนังรถซิ่ง Fast & Furious แก๊งพระเอกนั่งจิบเบียร์อยู่หลังบ้าน คุยเล่นหัวหยอกล้อกัน คล้ายนั่งปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อน บรรยากาศไม่ต้องอะไรมาก มีแค่เครื่องดื่ม อาหารจานโปรด และผองเพื่อน

ยิ่งเมื่อพวกเขาสืบสาวราวเรื่อง 722 คือเลขที่บ้านที่มีอยู่จริงในลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ซึ่งหนังไม่ได้กล่าวถึงหรืออ้างอิง ก็ยิ่งเป็นความเซอร์ไพรส์เกินจะบรรยาย ทำให้สิ่งที่พวกเขาชอบเหมือนกันต้องนำมาใส่ไว้เพื่อจารึกไว้ในความประทับใจ

 

ความที่ทั้งสามปลื้มปริ่มในรสชาติเบียร์คราฟต์ ทำน้อยแต่มีเอกลักษณ์ คำว่า “คราฟต์ เอ็กซ์พีเรียนซ์”(Craft Experience) จึงถูกนำมาห้อยท้ายไว้ เพราะพวกเขาอยากหลอมรวมให้ที่นี่อัดแน่นไว้ด้วยเบียร์คราฟต์หลายยี่ห้อ มาจากหลากแหล่งผลิต เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการจิบเบียร์คราฟต์นั่นเอง

ฟังพวกเขายังอดทึ่งไม่ได้ พูดไปเดี๋ยวจะหาว่าอวยกันเปล่าๆ เราขอบุกเข้าห้องเย็น 17 ตร.ม. ที่สร้างเพื่อการนี้ดีกว่า ว้าว!!! ละลานตาเบียร์คราฟต์ อุณหภูมิเย็นเจี๊ยบเหมาะสำหรับการแช่เบียร์ รวมทั้งเครื่องดื่มอื่นๆ โดยแท้ ลูกค้าที่อยากเห็นกับตา เขายินดีเปิดห้องให้ชม

 

นอกจากนี้ คนที่ชอบเบียร์สดก็มีให้เลือกถึง 12 หัวจ่าย ตามใจรักและภักดีในแต่ละยี่ห้อ แกล้มกับอาหารอเมริกันฝีมือเชฟชาวอเมริกัน และเจ้าของร้านอาหารดังย่านแจ้งวัฒนะ (BBQ Sandwich King) ที่จะเข้าครัวปรุงกันสดใหม่ทุกวัน

ให้แนะนำก็นี่เลย “ซี่โครง เซเว่นทเวนตี้ทู” ซี่โครงหมูอบกับไม้ฮิกโครี สูตรเด็ดจากเทกซัส ซอสบาร์บีคิวซึมเข้าเนื้อ ได้ความนุ่มหวานและหอมมาก หรือจะ “เมโทร เบอร์เกอร์” พอร์ชั่นใหญ่ เนื้อ หมู ไก่ รังสรรค์ตามคนสั่ง เครื่องเคราไม่ขี้เหนียว

อยากลองเมนูลูกครึ่งอเมริกัน-เม็กซิกัน ต้องเป็น “เท็กซ์-เม็กซ์ ชิคเกิน เคสดิญ่า” กลิ่นเครื่องเทศโดดเด้ง แต่รับประกันว่าสูตรที่นี่เห็นแล้วอยากน้ำลายสอชิมแล้วชิ้นเดียวไม่เคยพอ

 

คอค็อกเทลเรียนเชิญที่หน้าบาร์ อยากจิบอะไร ชอบหรือไม่ชอบรสไหน บาร์เทนเดอร์บริการเต็มที่ กระทั่งจะถือของโปรดติดมือมาจากบ้าน อาจเป็นมะม่วงเปรี้ยวกับกะปิ เขาสามารถจัดแจงแปลงร่างเป็นเครื่องดื่มแก้วพิเศษในพริบตา

เว้นแต่ขี้เกียจออกไอเดียก็จิ้มตามดริงก์ลิสต์อันเป็นซิกเนเจอร์ค็อกเทล เช่น Orgy Grandy, Secret Garden อีกแก้วอลังการงานสร้างหน่อย กว่าทุกอย่างจะสวยเสร็จสมบูรณ์ Vocalno เพราะต้องต่อแก้วเป็นชั้นๆ จากนั้นโหมด้วยไฟอันเร่าร้อน

 

ไม่ชอบบรรยากาศหน้าบาร์ โอเพ่นแอร์ริมสระว่ายน้ำในธีมพูลปาร์ตี้ก็ไม่เลว โดยสามหุ้นส่วนแพลนไว้เดือนละครั้ง ต้องมี!!! ใครอยากสนุกสนานไม่กลัวเปียกโดนใจแน่ๆ

ที่นั่งด้านในก็สำหรับนั่งชมและเชียร์กีฬา หรือเล่นพูล ชั้นลอยหญ้าเทียมมีไม่กี่โต๊ะ นั่นคือไฮไลต์ของที่นี่ อยากฟินและชิลต้องสำรองโต๊ะไว้ล่วงหน้า เพราะไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะได้สัมผัส

เซเว่นทเวนตี้ทู เปิดบริการตั้งแต่ 18.00 น. นั่งยาวไปเรื่อยๆ จนถึงตี 1 โทร. 09-3426-3591 Facebook.com/722craftexperience

 

ชงเจริญ พื้นที่แห่งความสุนทรีย์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

20 พฤศจิกายน 2558 เวลา 17:31 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/400817

ชงเจริญ พื้นที่แห่งความสุนทรีย์

โดย…กิจจา อภิชนรจเรข

ถือเป็นอีกหนึ่งร้านสุดฮิปในย่านเกษตร-นวมินทร์ สำหรับ “ชงเจริญ” ด้วยหน้าตาและการตกแต่งที่ดูเก๋อย่างกับร้านในย่านทองหล่อ จึงทำให้กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก แถมเจ้าของร้านยังเป็นคนดังระดับ “แม่บ้านมีหนวด” ที่เห็นการตกแต่งแบบมีสไตล์ รวมไปถึงบรรยากาศและอาหาร ที่รวมกันเป็นคำว่า เลิศ

ร้านขนาดกะทัดรัดหากจัดการกับพื้นที่ได้ลงตัว วันไหนคนเยอะๆ ก็สามารถรองรับได้เป็นร้อยที่นั่ง ด้วยความที่โลเกชั่นด้านนอกกว้างและตัวร้านเป็นวงกลม บริเวณด้านนอกเหมาะสำหรับนั่งรับลมชิลๆ บรรยากาศใต้แสงเทียนสลัวๆ นั่งสบาย ส่วนในร้านตกแต่งแนวๆ ไชนีสคอนเท็มโพรารี ในคอนเซ็ปต์การพบปะพูดคุยของคนในชุมชนชาวจีน

ภายในร้านจัดวางเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ แบบจีน ซึ่งสั่งทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ออกแบบให้โต๊ะสามารถนั่งได้สบายๆ ไม่เบียด มุมบาร์ใหญ่นั่งได้ชิลๆ หากมาคนเดียวทั้งยังออกแบบเวทีเล็กๆ ไว้กลางร้านให้คนที่นั่งโดยรอบมองเห็น ส่งให้บรรยากาศภายในร้านดูเป็นกันเอง อบอุ่นด้วยการวางแสงไฟสลัวๆ ในมุมต่างๆ และดูสนุกสนานด้วยกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ ของความเป็นจีน

นอกจากสวยงามเลอค่าตามแบบฉบับของแม่บ้านมีหนวดแล้ว อาหารของที่นี่ถือว่าทำออกมาได้ดีเข้ากับสไตล์ของร้านซึ่งจะเน้นเมนูอาหารฟิวชั่นกลิ่นอายจีน เมนูเด็ดมีตั้งแต่ ลาบเป็ดชงเจริญ เมนูหยุดไม่อยู่ (รวมปลาหมึกกรอบ ปลากรอบ ถั่ว หลายๆ อย่างไว้) เมี่ยงคะน้ากากหมู เบรกแตกอีกหนึ่งเมนู แล้วก็ยังมีราดหน้าแซลมอนกรอบ กรรเชียงปูทอดกรอบ กับอีกเกือบๆ ร้อยเมนูทีเดียว

 

มาที่เครื่องดื่ม ร้านนี้ก็จัดเต็ม อย่างเช่น ค็อกเทลที่ชื่อว่า “Drunken Master” มากันในแบบน้ำเต้าแสนอลังการ ราวอยู่ในหนังจีนกำลังภายใน “GenderPotion” สวยงามด้วยการจัดวางในภาชนะ แถมกลิ่นของสมุนไพรเครื่องยาจีน ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ไชนิสคอนเท็มโพรารีเอาไว้อย่างดี ค็อกเทล “สุมหัว” มาในโถใหญ่โต ลองลิ้มชิมรสกันทั้งกลุ่ม

ในภาคดนตรี ร้านก็ใช่ย่อย มีทั้งดนตรีสดและดีเจ ซึ่งจะสลับกันมาสร้างความสนุกแบบไม่มีเบรก เหมาะมากมายสำหรับคนที่อยากมารื่นรมย์กับการสังสรรค์ ซึ่งสุดท้ายแม่บ้านมีหนวดฝากร้านไว้ว่า เป็นร้านชิลๆ ที่มีทุกอย่างดีงามไปหมดในราคาสบายกระเป๋า ไปมาก็สะดวก มีที่จอดรถกว้างขวาง ร้านอยู่ในคอมมูนิตี้มอลล์ เฟสติวัล เกษตร-นวมินทร์ เปิดบริการทุกวัน เวลา 18.00-01.00 น. โทร. 09-5120-8866

 

ชิลชายทะเลกลางกรุง ซูเปอร์โฟลว์ ซิตี้ บีช คลับ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

13 พฤศจิกายน 2558 เวลา 18:06 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/399600

ชิลชายทะเลกลางกรุง ซูเปอร์โฟลว์ ซิตี้ บีช คลับ

เรื่อง…คีตะ ภาพ…กิจจา อภิชนรจเรข

เมื่อย่างก้าวเข้าสู่อาณาบริเวณของ “ซูเปอร์โฟลว์ ซิตี้ บีช คลับ” คุณอาจจะตั้งคำถามว่าที่นี่คือ สมุย หรืออิบิซา กันนะ ก่อนที่จะตระหนักได้ว่า …เราอยู่ตรงนี้ที่ถนนข้าวสารต่างหาก

เพิ่งเปิดให้บริการมาเพียง 3 เดือน แต่คนมากมายเริ่มรู้จักและกล่าวขานถึง ส่วนหนึ่งเพราะความแตกต่างจากร้านรอบข้าง หรือจะเรียกว่าไม่เหมือนร้านใดในกรุงเทพฯ ก็อาจจะพูดได้

ร้านโอเพ่นแอร์สไตล์บีชคลับที่มาเปิดอยู่กลางกรุง ซูเปอร์โฟลว์ ซิตี้ บีช คลับปวารณาตัวเป็นสถานที่สำหรับแฮงเอาต์หรือปาร์ตี้ทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นเลานจ์ผสมร้านกาแฟและร้านอาหาร สำหรับดื่ม กิน แดนซ์ และสนุกสนานกับเพื่อนฝูง

ด้วยการตกแต่งทำให้เรารู้สึกว่ากำลังผ่อนคลายอยู่ริมทะเล มีกระทั่งทรายนุ่มๆ ให้สัมผัส รวมทั้งเก้าอี้ชายหาด ชิงช้าใต้ต้นมะพร้าว หลังคามุงจาก ฯลฯ ด้วยดนตรีจากลีลาการเปิดแผ่นของดีเจหนุ่มกล่อมเกลาบรรยากาศให้ที่นี่ราวกับเป็นสวรรค์แห่งการปาร์ตี้อย่างอิบิซาในสเปน อาจเพราะว่าผู้ก่อตั้งและเอ็มดีที่นี่มีประสบการณ์ทำงานในบาร์ที่อิบิซามาเป็นสิบปี ทั้งดนตรี การจัดการดูแลร้าน รวมทั้งปาร์ตี้ต่างๆ ที่จัดขึ้นในร้านล้วนได้รับอิทธิพลมากหลายส่วน

ด้านในสุดของบริเวณนี้เป็นบ้านทรงไทยย้อนยุคหลังสวยให้บริการอาหารไทยจานเด็ดที่เหมาะกับมื้ออิ่มทั้งมื้อกลางวันและค่ำ ของรับประทานเล่นคู่เครื่องดื่มก็มีให้สั่ง ในเวลาอันใกล้ทางร้านกำลังจะปรับเปลี่ยนเมนูให้เป็นนานาชาติและหลากหลายมากขึ้น เครื่องดื่มแนะนำเป็นค็อกเทลหลากหลายรสชาติสีสันมีทั้งที่เสิร์ฟเป็นแก้วและในบักเก็ต มีให้เลือกทั้งโมฮิโต้, มาการิต้าแพชชั่นฟรุต, คิวบา ลิเบร, กามิกาเซ่, เตอร์กิลา ซันไรส์, เซ็กส์ ออน เดอะ บีช, ลอง ไอส์แลนด์ ไอซ์ ที ฯลฯ ส่วนสาวๆ หนุ่มๆ ที่โนแอลกอฮอล์แนะนำเป็นสมูทตี้อย่าง ครีมมี่ ออเรนจ์, สตรอเบอร์รี่ ช็อกเค้ก, กีวี่ ไลม์ ไพน์ ฯลฯ

 

ตามเจตนารมณ์ของเจ้าของตั้งใจให้ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับนักท่องเที่ยวย่านข้าวสาร แต่ด้วยคอนเซ็ปต์และสถานที่ซึ่งโดนใจ ทำให้ทุกวันนี้มีหนุ่มสาวชาวไทยรวมทั้งชาวต่างชาติที่มาใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ มาเป็นลูกค้ามากขึ้น ซึ่งร้านกว้างขวางใหญ่โตนี้ก็สามารถรับไหว ด้วยเคยจัดงานปาร์ตี้และจุคนได้มากถึง 800 คน

ถ้ามากลางวันก็สามารถนั่งชิลดื่มกาแฟ หัวค่ำมานั่งรับประทานอาหาร ดื่มเครื่องดื่มแก้วโปรด และคุยกันเพลินๆ ก่อนที่จังหวะดนตรีสไตล์เฮาส์นั้นก็จะเร่งเร้ามากขึ้นเรื่อยๆ และแสงสีภายในร้านเปลี่ยนให้ความรู้สึกเป็นคลับบาร์มากขึ้น นั่นก็คงจะถึงเวลาแดนซ์กันแล้วสินะ

 

ในวันนี้ (ศุกร์ 13 พ.ย.) ทางร้านจัด Open Air White Party ให้ทุกคนแต่งสีขาวไปวาดลีลาลวดลายกับดนตรีจากดีเจชั้นนำและนักดนตรีมีฝีมือ ชมการแสดงมากมาย และกระทบไหล่กับคนเก๋ๆ ในงาน ส่วนในวันที่ 21 พ.ย. พบกับ โดนา นักร้องสาวจากอินโดนีเซีย และแมตต์ คาเซลิ ดีเจชื่อดังระดับตำนานแห่งอิบิซา

ซูเปอร์โฟลว์ ซิตี้ บีช คลับเปิดตั้งแต่เที่ยงวันถึงตีสอง ร้านตั้งอยู่บนท้ายถนนข้าวสาร ถ้ามาจากทางด้านถนนจักรพงษ์หรือทางด้านวัดและสถานีตำรวจชนะสงคราม เข้าซอยมาไม่กี่เมตร เงยหน้าสูงๆ หน่อยจะมองเห็นป้าย “Superflow” ตัวโตๆ อยู่ขวามือ เดินเข้าซอยไปนิดเดียวร้านตั้งอยู่ตรงนั้นเอง ไปไม่ถูกโทร. 08-6088-0129 ขาปาร์ตี้ที่ไม่อยากพลาดความสนุกจากการจัดของแบรนด์ปาร์ตี้แห่งอิบิซาก็ติดตามความเคลื่อนไหวได้ทาง facebook.com/superflowbeachclub

 

ค่ำคืนนี้ถ้าคุณคิดถึงทะเลและปาร์ตี้ …ซูเปอร์โฟลว์ ซิตี้ บีช คลับอาจจะเป็นคำตอบที่ใช่ ใกล้ๆ แค่ข้าวสารนี่เอง

 

เดอะ ดรันเคน เลพริคอน ชิลๆ สไตล์ ไอริช ผับ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

06 พฤศจิกายน 2558 เวลา 17:16 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/398308

เดอะ ดรันเคน เลพริคอน ชิลๆ สไตล์ ไอริช ผับ

โดย…อีตติง อาร์ต

ถ้าพูดถึงผับสไตล์ไอริชแล้วละก็ชื่อของ “เดอะ ดรันเคน เลพริคอน” (The Drunken Leprechaun) ดูจะคุ้นหูกันเป็นอย่างดีและตอนนี้ “เดอะ ดรันเคน เลพริคอน” ได้เปิดตัวขึ้นในกรุงเทพฯ แล้ว (เป็นสาขาที่สองในเมืองไทยต่อจากสาขาแรกที่ภูเก็ต) เพื่อเป็นสถานที่แฮงเอาต์ให้หนุ่มๆ ที่ชอบเชียร์กีฬาได้มาสังสรรค์กัน

เมื่อก้าวเข้ามาภายในร้านจะพบกับการตกแต่งที่เน้นสไตล์ไอริชผับ หรือสปอร์ตบาร์ในโทนสีขรึมๆ โดยใช้สีดำและสีน้ำตาลเข้มเป็นหลัก พร้อมกับแสงไฟสลัวๆ ให้บรรยากาศคล้ายๆ กับกำลังนั่งอยู่ในผับแถบเกาะอังกฤษหรือไอร์แลนด์

 

ลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านจะเป็นก๊วนหนุ่มสาวชาวต่างชาติและชาวไทย ที่มักจะนัดมารวมตัวกันนั่งดื่มกินและเชียร์กีฬา เช่น ฟุตบอล รักบี้ คริกเก็ต กอล์ฟ และเทนนิส ตามทัวร์นาเมนต์ของแต่ละฤดูกาลแข่งขัน เพราะที่นี่มีทั้งทีวีจอบิ๊กสกรีนและจอเล็กติดอยู่ตามมุมต่างๆ ของร้าน

โดยทั่วไปแล้วผับสไตล์ไอริชมักจะโดดเด่นในเรื่องเบียร์จากทั่วโลก ที่ร้านจึงมีทั้งเบียร์ไอริช เยอรมนี เบลเยียม อังกฤษ ญี่ปุ่น เม็กซิโก ลาว และไทย ซึ่งมีทั้งเบียร์สดและดราฟต์เบียร์พร้อมรอให้บริการ ไหนๆ ก็ได้มาเยือนทั้งทีขอสั่งเครื่องดื่มแนะนำของร้านก่อนเลย

 

แก้วแรก “Dirty Hoe” เป็นเบียร์ค็อกเทลที่ผสมผสานเบียร์สองชนิดจนเกิดเป็นเลเยอร์ 2 ชั้นดูแปลกใหม่ ตามด้วย “Leprechaun Bomb” มีส่วนผสมของเบียร์ดำเป็นพื้นฐาน และยังมีไอริช วิสกี้+คอฟฟี่ ลิเคียวร์ ซึ่งผสมกันลงไปในแก้วเล็กๆ แล้วจึงหย่อนลงไปในเบียร์ดำอีกที ปิดท้ายด้วย “Very Berry” เบียร์ไอศกรีมรูปลักษณ์น่ารักๆ นอกจากนี้ยังมีมิลก์เชกอีก 5 รสชาติ ไว้เป็นทางเลือกสำหรับสาวๆ ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ด้วย

มาดูเมนูอาหารกันบ้าง คอนเซ็ปต์ของเมนูในร้านจะเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลฟู้ด มีทั้งเมนูที่กินกับเครื่องดื่มและเมนูหลัก เช่น ซอสเซจ เฟรนช์ฟรายส์ ชิกเกนวิงก์ พิซซ่า สเต๊กเนื้อ สเต๊กปลา รวมทั้งพายและสตู แล้วยังมีเมนูไทยๆ อย่าง ลาบหมูทอด หมูกรอบจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด ไก่ทอด และอื่นๆ ให้เลือกเช่นกัน

 

เริ่มที่เมนูแนะนำ “Beef & Guiness Pie” พายที่เนื้อแป้งกรอบนอกนุ่มใน ไส้พายทำจากเนื้อวัวหมักเบียร์แล้วนำไปตุ๋นจนได้รสชาติที่แตกต่าง…ต่อด้วย “Smoked Salmon” เมนูนี้เป็นแซลมอนรมควันกินคู่กับครีมชีสและขนมปังโฮลเกรนถูกใจคนรักแซลมอน…ตบท้ายด้วย “Grilled Sausages Platter” เมนูที่รวมไส้กรอกหมูย่างหลายชนิดไว้ด้วยกันกินคู่กับผักดองและเบคอนได้รสชาติอร่อยเข้ากันดี นอกจากเมนูหลักแล้วยังมี Dip & Dash หรืออาหารเรียกน้ำย่อยจานเล็กๆ ตั้งโต๊ะไว้บริการฟรีระหว่างรออาหารที่สั่งไปอีกด้วย

ที่สำคัญ “เดอะ ดรันเคน เลพริคอน” ยังมีดนตรีเพราะๆ ที่บรรเลงโดยวงไลฟ์แบนในแนวเพลงที่หลากหลายหมุนเวียนกันไปในแต่ละคืน โดยวันจันทร์จะเป็นคืนเปิดไมค์แบบฟรีสไตล์ที่ลูกค้าสามารถเดินเข้ามาร่วมร้องเพลงได้ วันอังคารเป็นเพลงแนวป๊อป-ร็อกจากสองนักร้องคุณภาพ ไมเคิล สวัสดิ์เสวี และจอห์นนี่

 

วันพุธเป็นเพลงในยุค’90 รวมทั้งเพลงแนวป๊อป-ร็อกจากวง “ทรีโอ ซานโตส” วันพฤหัสบดีเป็นเพลงแนวคลาสสิกผสมเพลงร็อกที่ได้รับความนิยม วันศุกร์เป็นเพลงร็อกและเพลงคลาสสิกในตำนาน วันเสาร์จะเป็นเพลงแนวป๊อป-ร็อกจังหวะสนุกสนานและเพลงในยุค ’90 โดยไลฟ์แบนจะเริ่มเล่นตั้งแต่เวลา 20.00-23.00 น. ส่วนวันอาทิตย์จะเป็นวันสำหรับดูและเชียร์กีฬาโดยเฉพาะ

“เดอะ ดรันเคน เลพริคอน” อยู่ในซอยสุขุมวิท 15 หน้าโรงแรมโฟร์พอยต์ (60 เมตรจากปากซอย)เปิดบริการทุกวันเวลา 10.00-01.00 น. ที่ร้านมีโซนแยกสำหรับจัดงานอีเวนต์และงานไปรเวตปาร์ตี้ด้วย โทร. 02-309-3255 Facebook.com/thedrunkenleprechaunbkk, www.thedrunkenleprechaun.com

 

สตูดิโอลำ ค่ำนี้เพลงอินดี้เป็นใจ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

30 ตุลาคม 2558 เวลา 17:39 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/397007

สตูดิโอลำ ค่ำนี้เพลงอินดี้เป็นใจ

โดย…ลีโอ เคน

ค่ำนี้ผมเป็นสุขยิ่ง หลังจากกินอาหารมื้อค่ำกับพรรคพวก แล้วชวนมาหาที่นั่งต่อเพื่อฟังเพลง และที่นี่ล่ะคือเป้าหมายแห่งการพักผ่อนที่เราต้องการ

สตูดิโอลำ (Studio Lam) บาร์เล็กๆ ในซอยสุขุมวิท 51 ที่เจ้าของอย่าง เบน-สรวรรธน์สุวิพร และดีเจมาฟท์ไซ-ณัฐพล เสียงสุคนธ์ เจ้าของร้านขายแผ่นเสียงสุดแรงม้าและผู้ก่อตั้ง “เดอะ พาราไดซ์ แบงค็อก” วงหมอลำที่โด่งดังไปทั่วยุโรป รวมใจมาเปิดสตูดิโอที่อัดแน่นไปด้วยเพลงหมอลำและเพลงอินดี้ในยุค 60-70 ในแนวที่เขาถนัด

 

เข้ามาบาร์แห่งนี้อย่าตกใจ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวต่างชาติที่อยากมาสัมผัสความสนุกสนานแบบไทยๆ จากดนตรีสนุกๆ และเครื่องดื่มพื้นบ้านอย่างยาดองของบ้านเรา ที่นำมามิกซ์ใหม่กับเหล้าสากล กลายเป็นยาดองฟิวชั่น

ผสานกับการตกแต่งแบบง่ายๆ ใช้โต๊ะเก้าอี้เก่าให้ลุควินเทจ และประดับตกแต่งร้านด้วยแผ่นเสียงทั้งเพลงไทยและเพลงสากล มีบูธดีเจและลำโพงคู่ใหญ่ตั้งอยู่กลางร้านที่ทำผนังเป็นซี่ๆ เพื่อให้ดูดซับเสียงได้ดี

ในทุกค่ำคืนบาร์แห่งนี้จะมีดีเจมาเปิดแผ่นเพลงแนวอินดี้ ทั้งหมอลำบ้านเราที่ไปดังไกลถึงอังกฤษ และเปลี่ยนจากเสียงพิณ เสียงแคน แล้วใส่เสียงกลองและเบสลงไปฟังแล้วดูเข้าท่าเข้าทาง รวมไปถึงเพลงอินดี้จากต่างชาติทั้งอินเดีย อินโดนีเซีย ไปถึงฝั่งยุโรปในยุค 60-80

ใครที่ชอบดนตรีแสดงสด แนะนำให้มาในค่ำคืนวันพุธ เพราะบาร์แห่งนี้จะมีคอนเสิร์ตในแนว Experimental ให้ได้ซื้อตั๋วเข้าไปชมกัน

พิเศษไปกว่านั้น ในทุกค่ำคืนของวันศุกร์และเสาร์ จะมีดีเจมาเปิดเพลงแนว World Music ที่มีความหลากหลายเรื่องสัญชาติ ยิ่งฟังยิ่งกระตุ้นความสุขให้ลุกโชน

มาถึงทีเด็ดของที่นี่บาร์แห่งนี้อีกประการ ที่นอกจากมีทั้งเหล้า ไวน์ เบียร์ เสิร์ฟพร้อมแล้ว พระเอกของที่นี่ยังเป็นยาดอง ที่มีให้เลือกเกือบ 20 ชนิด แต่ละโหลใช้เวลาหมัก 1-2 สัปดาห์ โดยบาร์เทนเดอร์มากฝีมืออย่าง กฤช จิราจินต์ ที่ได้หยิบยาดองไทยขึ้นมามิกซ์กับเหล้าสากลอย่างลงตัว

 

ประเดิมแก้วแรกด้วย สตูดิโอลำ โมจิโต้ หน้าละม้ายคล้ายโมจิโต้ ทว่าได้เพิ่มความมันด้วยยาดองใบเตย น้ำตาลทรายแดง ไซรัปซินนามอน ดื่มแล้วชวนให้นึกถึงทะเล

บาร์เทนเดอร์หนุ่มนึกสนุกขยับลีลาผสมให้อีกแก้วชื่อว่า Bartender Specials ที่มีส่วนผสมของยาดองมะขาม ว่านหางจระเข้ มะนาว ไซรัปเสาวรส รสชาติสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของลมหนาว

 

อีกสักแก้วยังไม่ทันตั้งชื่อ บาร์เทนเดอร์ภูมใจเสนอ Bartender Specials อีกสูตร ยาดองสมุนไพรกำลังเสือโคร่ง ลูกกระวาน ซินนามอน เมล็ดผักชี และวอดก้าท็อปด้วยน้ำตาลทรายแดง โอวว์…จะต่ออีกแก้วคงต้องคิดก่อน

สตูดิโอลำ ซอยสุขุมวิท 51 เปิดบริการ (หยุดทุกวันอังคาร) ตั้งแต่เวลา 18.30-02.00 น. โทร. 02-661-6161

 

เดอะ บาร์ มุมพิเศษสำหรับคนพิเศษ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

16 ตุลาคม 2558 เวลา 17:15 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/394276

เดอะ บาร์ มุมพิเศษสำหรับคนพิเศษ

โดย…คีตะ ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

ตอนนั้นเป็นเวลาใกล้เที่ยงคืน หลังจากน้ำสีสวยแก้วสุดท้ายถูกดื่มลงคอ ผู้มาเยือนเตรียมตัวกล่าวคำอำลากับสถานที่และผู้คนซึ่งแสนสวยงามภายใน “เดอะ บาร์ (The Bar)”

เมื่อ เดอะ เฮาส์ ออน สาทร (The House on Sathorn) เปิดตัวขึ้น สถานที่แห่งนี้ก็กลายมาเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ จนทำให้ใครๆ ตั้งใจจะไปเยือนให้ได้สักครั้ง นอกจากร้านอาหาร เดอะ ไดน์นิ่งรูม แล้ว ส่วนหนึ่งของ เดอะ เฮาส์ ออน สาทร แห่งโรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ ยังแบ่งพื้นที่ให้สำหรับคนที่อยากจะใช้เวลาสำหรับการแฮงเอาต์ในชื่อ เดอะ บาร์

ตั้งอยู่ในอาคารสไตล์โคโลเนียลอายุ 126 ปี เดอะ บาร์ เป็นมุมพิเศษสำหรับการดื่มสังสรรค์หลังเลิกงาน หรือที่พบปะในช่วงระหว่างวัน บรรยากาศดีงามท่ามกลางการตกแต่งในสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิกอันหรูหราสง่างาม ทั้งยังให้กลิ่นอายความเป็นไทยผสมผสานในรายละเอียด

 

อาคารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 เดิมเป็นบ้านพักของครอบครัวหลวงสาทรราชายุกต์ นักธุรกิจผู้มั่งคั่งและเป็นผู้ริเริ่มขุดคลองสาทร กระทั่ง พ.ศ. 2463 ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นโรงแรมหรู โฮเทล รอยัล ต่อมาก็กลายเป็นที่ทำการสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ต่อมาทางกรมศิลปากรเข้ามาช่วยบูรณะให้กลับมาสวยสง่าดังเดิม โดยรักษาโครงสร้างเดิมไว้

ที่ เดอะ บาร์ มีเมนูเครื่องดื่มหลากหลาย โดยเฉพาะ “คราฟท์ ค็อกเทล” สร้างสรรค์ขึ้นตามฤดูกาลจากสมุนไพรและเครื่องเทศท้องถิ่น โดยได้รับอิทธิพลทางแนวคิดเรื่องการสร้างสรรค์อาหารของเชฟ ฟาติห์ ทูทัค จากตุรกี ผู้อำนวยการด้านอาหารของ เดอะ เฮาส์ออน สาทร ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเดินทางท่องไปทั่วเอเชียและประเทศอื่นๆ ทำให้ค็อกเทลที่นี่มีกลิ่นอายความเป็นเอเชียผสมผสานอยู่ด้วย

ค็อกเทลเด่นคือ เดอะ ฟลายอิ้ง พิก (The Flying Pig) ผสมจาก จอห์นนี่วอล์กเกอร์โกลด์เลเบิ้ลกับกรองด์ มาร์นิเยร์ เสาวรส และ ซินนามอน อีกหนึ่งแก้วเป็น ดิว่า (DIVA) ผสมด้วย เบลเวเดียร์วอดก้า พาตรงซิตรง (สุรารสส้ม) น้ำมะพร้าว น้ำเชื่อมกลิ่นกุหลาบและมะลิ

นอกจากค็อกเทลแล้ว เดอะ บาร์ ยังมีแชมเปญ สาเก ไวน์ ฯลฯ พร้อมเสิร์ฟคู่กับแกล้มที่น่าลิ้มลองเพื่ออุ่นเครื่องสำหรับปาร์ตี้ในตอนดึก (ที่ อัพสแตร์ส (Upstairs) คลับเลานจ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีทั้งดนตรีสดและดีเจ) หนึ่งใน “บาร์ไบท์” ที่น่าลองคือ มูสตับไก่กับขนมปังไรย์และชัตนีย์ลูกแพร์ นอกจากนั้นยังมีอาหารรับประทานง่ายๆ สไตล์เอเชียอีกหลากหลายเมนูให้เลือกสั่ง

 

ด้วยองค์ประกอบทั้งมวลทำให้ เดอะ บาร์ เป็นมุมพิเศษสำหรับคนพิเศษ เป็นสถานที่ซึ่งเหมาะสมกับการพบปะสังสรรค์พูดคุยแบบสบายๆ ในบรรยากาศคึกคักมีชีวิตชีวา ไม่ว่าจะด้วยบทเพลงไพเราะ เครื่องดื่ม หรือ อาหาร ที่นี่ทำให้ผู้มาเยือนผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยเคร่งเครียดได้อย่างดี

เดอะ บาร์ เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน ที่โรงแรม ดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ ถนนสาทรเหนือ โทร. 02-344-4000 หรือ www.thehouseonsathorn.com

หลังลุกจากโซฟากว้างใหญ่หนานุ่มอย่างอาลัย เราเดินผ่านพนักงานสาวสวย เธอเอื้อนเอ่ยสวัสดีและ “แล้วพบกันอีกนะคะ…” เราตอบกลับด้วยรอยยิ้มพร้อมความมุ่งมั่นในใจที่จะสนองตอบคำเชื้อเชิญของเธออย่างจริงจัง

 

นั่งชิลในสวนหลังบ้าน ฮิดเด้น แบคยาร์ด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

09 ตุลาคม 2558 เวลา 18:03 น….. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/392919

โดย…ณัฐดนัย คุณกมุท

ต้องบอกเลยว่ายังไม่ทันครบปี ก็สามารถครองใจนักดื่มไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับร้านฮิดเด้น แบคยาร์ด (Hidden Backyard) แลนด์มาร์คสุดชิกแหล่งใหม่เอาใจวัยรุ่นวัยทำงาน ด้วยบรรยากาศที่แสนจะชิล สถานที่ให้ผู้คนแวะมานั่งเฮฮาอยู่ในสวนหลังบ้าน และพร้อมจะชักชวนเพื่อนฝูงมาพูดคุยกันแบบเป็นกันเอง

ด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลายน่าหลงใหล งานนี้ขาดื่มจะเลือกนั่งมุมยอดฮิตในสวน หรือจะเลือกนั่งในห้องแอร์เย็นฉ่ำ ก็ได้บรรยากาศที่ดีเช่นเดียวกัน เพราะร้านนี้เขามีการตกแต่งในสไตล์คันทรี่ ลอฟท์ ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติสีเขียวของต้นไม้ มองไปทางไหนก็รู้สึกสบายตา อีกทั้งมีมุมที่สามารถยกกล้องถ่ายเก๋ๆ ดูดีแบบฮิปสเตอร์สุดๆ

ร้านแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ บริเวณเอาต์ดอร์ ที่จะเน้นเป็นบรรยากาศคล้ายสวนจริงๆ ซึ่งให้บรรยากาศเหมาะกับคนที่ชอบความโล่ง และความพิเศษของบริเวณด้านนอกคือจะมีโซนริมน้ำ ที่ให้บรรยากาศความโรแมนติกอย่างมากหากพาสาวๆ มาเดท ส่วนโซนด้านในจะเน้นความดิบเท่ใช้โครงเหล็กสีดำสนิทกรุกระจกฉาบเป็นผนัง ซึ่งในโซนด้านในจะออกไปในโทนสีหม่น และด้วยการวางแสงสีส้มสลัวๆ ให้ความโรแมนติกไปอีกแบบ

สำหรับอาหารเน้นแบบฟิวชั่น ซึ่งเป็นเมนูที่คิดสูตรเองและปรุงขึ้นใหม่ รับประกันความอร่อย เริ่มกันกับจานเด็ดอย่าง “ริบอายสเต๊ก” เป็นเมนูที่สาวกเนื้อต้องยกนิ้วให้ เพราะนำเนื้อวัวคัดพิเศษไปหมักให้เครื่องเทศเข้าเนื้อก่อนนำไปย่าง เสิร์ฟมาเป็นชิ้นแบบพอดีคำคู่กับมันบด ราดด้วยน้ำเกรวี่ซอสสูตรลับยั่วยวนให้รับประทาน

 

อีกหนึ่งเมนูฮิตของทางร้านอย่าง “สลัดปูนิ่ม” เป็นการใช้ผักไฮโดรโปนิกส์มาเป็นวัตถุดิบผสมกับมะเขือเทศ พริกหวาน ให้สีสันน่ารับประทาน เสิร์ฟมาคู่กับปูนิ่มชุบแป้งทอดกรอบทั้งตัว ก่อนโรยหน้าด้วยไข่กุ้งและน้ำสลัดสูตรเฉพาะ ต่อกันที่เมนูสุดท้ายอย่าง “พาสต้ามันกุ้ง” ที่ปรุงรสกุ้งตัวโตกันมาได้อย่างกลมกล่อมกับครีมและมันกุ้งได้อย่างเหมาะลิ้นคนไทย ดีงามมากถึงมากที่สุดกับเมนูนี้

 

มาถึงเครื่องดื่มสุดพิเศษก็จะมีให้เลือกมากมาย ในส่วนของเบียร์ที่นี่มีให้เลือกดื่มมากกว่า 60 ชนิด ทั้งยังมีเบียร์สดซิกเนเจอร์จากประเทศเช็ก ที่สามารถหาดื่มได้เพียงสองร้านในประเทศนี้ นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งตัวเลือกที่เป็นที่นิยม ขายดิบขายดีในหมู่นักดื่มสาวๆ นั่นคือ “Hidden Sangria” โดยที่นี่จะใช้น้ำแอปเปิ้ลผสมกับไวน์ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ผสมน้ำสตรอเบอร์รี่และเหล้าเพื่อให้ดีกรีเพิ่มเล็กน้อย

ใครที่อยากมาลิ้มลองความชิลสไตล์สวนหลังบ้านคันทรี่ ลอฟท์ แบบเฉพาะของร้านฮิดเด้น แบคยาร์ด สามารถเดินทางกันมาได้อย่างสะดวก ร้านตั้งอยู่ถนนริมคลองประปา ฝั่งแจ้งวัฒนะ อยู่ห่างจากแยกเข้าไปเพียง 200 เมตร ร้านอยู่ในซอยสังเกตป้ายให้ดี ทางร้านแอบกระซิบมาว่าวันศุกร์-เสาร์ คนจะเต็มเร็วมาก ถ้ามัวแต่ช้า อดมาชิลไม่รู้ด้วย โทร. 09-9053-7323

 

เดอะ เลานจ์ แฮงเอาต์อารมณ์รีสอร์ท

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

02 ตุลาคม 2558 เวลา 17:47 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/391676

เดอะ เลานจ์ แฮงเอาต์อารมณ์รีสอร์ท

โดย…อีตติง อาร์ต

นานๆ จะมีโอกาสได้มานั่งแฮงเอาต์ท่ามกลางบรรยากาศรีสอร์ทในอารมณ์สบายๆ ณ “เดอะ เลานจ์” (The Lounge) สถานแฮงเอาต์สุดชิกแอนด์ชิล ตั้งอยู่บนโลเกชั่นริมฝั่งทะเลระยอง ที่ควรต้องลองมาสัมผัสดูสักครั้ง

ไม่ว่าคุณจะเป็นแขกที่มาพักที่โรงแรมระยอง แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา หรือคุณจะเป็นลูกค้าที่มาจากข้างนอก เพียงแค่คิดที่จะมานั่งสังสรรค์ชิลๆ ที่ เดอะ เลานจ์ คุณก็ได้รับสิทธินั้นทันที เพราะเมื่อก้าวเข้ามาด้านในจะรู้สึกผ่อนคลายไปกับบรรยากาศการตกแต่งในสไตล์เลานจ์แอนด์บาร์ ที่มีทั้งความเป็นโมเดิร์นผสมผสานกับความเป็นวินเทจ ซึ่งสังเกตได้จากรูปแบบและลวดลายของโต๊ะ เก้าอี้ และโซฟา ที่ออกแบบมาให้ลุกนั่งสบาย แถมยังหายใจได้อย่างโล่งปอดด้วยเพดานสูงโปร่งในสไตล์รีสอร์ทอีกด้วย

สำหรับสาวๆ ที่มากันเป็นก๊วนกับแก๊งเพื่อนๆ และกำลังมองหาสถานที่ดื่มชายามบ่าย ก็สามารถเดินเข้ามาจับจองมุมนั่งเมาท์ตามประสาเพื่อนสาวได้เลย เพราะที่ เดอะ เลานจ์ เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่บ่ายสองโมงเป็นต้นไป ซึ่งในช่วงบ่ายๆ จะมีชุดน้ำชา (High Tea) ไว้รอต้อนรับคุณสาวๆ อยู่แล้ว โดยชุดไฮทีนี้ประกอบด้วย ชาชั้นดี แซนด์วิชหลากหลาย ของหวานแบบฝรั่งเศส และสโคน

 

นอกจากมุมที่นั่งด้านในแล้ว ยังมีระเบียงด้านนอกที่บรรยากาศเป็นแบบโอเพ่นแอร์ ซึ่งสามารถมองวิวริมทะเลระยองในตอนกลางวัน  หรือแม้แต่วิวยามค่ำคืนพร้อมลมพัดเย็นๆ ก็ให้ความรู้สึกที่ดีไปคนละแบบ ไม่ว่าคุณจะมากับเพื่อนๆ หรือมากับคนรักก็ดื่มด่ำกับบรรยากาศอันแสนรื่นรมย์นี้ได้ตั้งแต่ตอนบ่ายๆ ไปจนถึงยามค่ำคืนเลยละ ส่วนใครที่มาเดี่ยวแล้วอยากนั่งดื่มชิลๆ คนเดียวก็สามารถเลือกนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์สุดเก๋ได้เช่นกัน

เมนูอาหารของ เดอะ เลานจ์ ส่วนใหญ่จะเป็นทาปาสหรืออาหารว่างแบบเบาๆ ที่กินคู่กับเครื่องดื่มต่างๆ ซะมากกว่า ที่นี่จะไม่เน้นเมนูหนักๆ สักเท่าไร จะเน้นฟิลลิ่งแบบนั่งดื่มชิลๆ คุยกันไป ดริงก์กันไป ฟังเพลงสากลเพราะๆ จากนักร้องอินเตอร์ฯ ที่ขนเพลงแนวอีซี่ลิสนิ่งในยุคเอทตี้ส์-ไนน์ตี้ส์ มาขับกล่อมให้เพลิดเพลินไป แค่นี้ก็ได้ความสุนทรีย์แล้วละ

เอ้า! บิลท์อารมณ์กันซะขนาดนี้ งั้นลองมาดูซิกเนเจอร์ค็อกเทลกันเลยดีกว่า ยิ่งตอนนี้แดดร่มลมตก บรรยากาศรอบข้างเป็นใจด้วยแล้ว จะมัวรีรออยู่ทำไม

เริ่มจากแก้วแรก “Phupha Life” สีขาวซ่า แก้วนี้มีส่วนผสมของวอดก้ากลิ่นส้ม ลิเคียวร์กลิ่นมินต์ และส้มซันคิสฝาน โดยเพิ่มรสชาติความหวานธรรมชาติด้วยการโรยน้ำตาลปาล์มลงไปนิดหน่อย

แก้วที่สอง “Destination” สีเหลืองใสแก้วนี้ดีกรีแรงขึ้นมาอีกนิด มีส่วนผสมของเตอกีล่า และเหล้ากลิ่นเมลอน โดยเสิร์ฟมาพร้อมกับมิกเซอร์แก้วเล็กที่มีส่วนผสมของชเวปโซดา เลมอน โรสแมรี และขิง ซึ่งมิกเซอร์แก้วเล็กนี้มีไว้เพื่อเติมลงในเครื่องดื่มแก้วหลักให้ได้รสชาติมากขึ้น

ปิดท้ายด้วย “The Closing” แก้วนี้มีส่วนผสมของโรสแมรี เหล้าวิสกี้ผสมน้ำผึ้ง และลิเคียวร์สมุนไพร ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับไอซ์บอล ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเย็นฉ่ำของเครื่องดื่มให้ยาวนานยิ่งขึ้น

“เดอะ เลานจ์” อยู่ที่โรงแรมระยอง แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา จ.ระยอง เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 14.00-01.00 น. โทร. 038-998-000 เว็บไซต์ www.marriottrayongresort.com

 

เครซี่ แครบ ค่ำนี้ผมคลั่งปู

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

25 กันยายน 2558 เวลา 16:50 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/nightlife/390287

เครซี่ แครบ ค่ำนี้ผมคลั่งปู

โดย…ลีโอ เคน ภาพ กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร

ค่ำคืนนี้ใครที่ชอบหอย ชอบปู ชอบล็อบสเตอร์ พร้อมร่ำสุรา และฟังบทเพลงแจ๊ซขับกล่อมเบาๆ ผมว่าเรามีที่นัดหมายเดียวกันนะครับ

ผับ บาร์ และร้านอาหารทะเลน้องใหม่ เครซี่ แครบ (Crazy Crab) ของกลุ่มเจ้าของร้านอาหารวัยหนุ่มอย่าง ภูริรักษ์ วงศ์วรรณ ที่มีประสบการณ์การเป็นเจ้าของร้านอาหารไทย Grand Pu Bah ในซานฟรานซิสโก สหรัฐ มากว่า 8 ปี เลยนึกอยากนำประสบการณ์การดื่มกินแบบนิวออร์ลีนส์อันสนุกสนาน มาให้คนบ้านเราได้สัมผัสกันบ้าง

เพียงเดินขึ้นมาที่ชั้นสามของโครงการ Seenspace เราก็จะได้สัมผัสกับร้าน เครซี่ แครบ ที่ภายในตกแต่งในสไตล์รัสติกด้วยโครงเหล็กสีดำ เพดานไม้และพื้นปูนเปลือยแบบดิบๆ

 

ด้วยทำเลที่ตั้งใจกลางเมืองทางร้านจึงยังคงแฝงความหรูหราเข้ากับบรรยากาศด้วยเก้าอี้เบาะหนังสีเปลือกมังคุด การจัดวางแก้วไวน์ตามแต่ละโต๊ะ ส่วนผนังใช้กระจกรอบร้านเพิ่มความโปร่งสบาย พร้อมสัมผัสกับบริเวณเอาต์ดอร์ที่เปิดไว้คอยท่าที่หน้าร้านให้นั่งชิลกันอย่างสบายใจ

เมนูอาหารที่นี่เป็นสไตล์อเมริกันเสียเป็นส่วนใหญ่ ไฮไลต์ของที่นี่จะเป็นซีฟู้ดที่เสิร์ฟมาแบบนิวออร์ลีนส์แท้ๆ โดยทางเจ้าของร้านได้สูตรมาจากร้านซีฟู้ดชื่อดังที่ซานโฮเซ

ค่ำนี้เราลองสั่ง Boiling Shrimp มาดับความต้องการ ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ Maine Lobster Jumbo Tiger Prawn Crawfish กุ้งแม่น้ำไซส์ใหญ่ และกุ้งขาว โดยใส่มาในถุงพลาสติกก่อนจะเทลงบนชามให้ได้หม่ำกันสนุกๆ โดยไม่ต้องกลัวเลอะเพราะทางร้านมีทั้งผ้ากันเปื้อน ถุงมือ และอุปกรณ์การกินบริการครบครัน

 

ใครที่ชอบปูไม่ควรพลาด Boiling Crab ที่มีปู 2 ชนิดให้เลือกทั้ง Dungeness Crab และ Alaskan King Crab Legs หรือหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์โดยเสิร์ฟมาคู่กับน้ำซอส 3 ชนิด น้ำซอสสีแดงที่หอมกลิ่นเครื่องเทศและมีรสออกเปรี้ยวนิดๆ แต่ถ้าใครชอบรสจัดจ้านเราแนะนำ House Special Singha Crazy Sauce ที่มีรสแซ่บคล้ายน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบบ้านเรา แต่มีส่วนผสมของเบียร์สิงห์เพิ่มรสชาติเข้มข้นขึ้น

เมนูสุดท้ายที่เราเรียกหา Woke Wake Baby Back Rib ซี่โครงตุ๋นไวน์แดงที่นำไปทอดจนกรอบ แล้วผัดกับซีอิ๊วหวาน กระเทียมและใบโหระพา ทั้งหอม ทั้งร่อน เคี้ยวเพลินจนลืมอิ่ม

 

สำหรับเครื่องดื่มของที่นี่เข้าขั้นฟูลบาร์ มีให้เลือกหลายขนาน หลายดีกรี ทั้งไวน์ เบียร์ วิสกี้ ล้วนเข้าขากับอาหารซีฟู้ด กระทั่งเครื่องดื่มสีสวยลวงตาของที่นี่ก็มีหลายขนาน ขอแนะนำซิกเนเจอร์อย่าง Bah Bah Noom ที่ใส่เครื่องต้มยำไว้ครบครันไม่ว่าจะเป็น หอมแดง ตะไคร้ ใบมะกรูด และน้ำมะนาว ที่ลงไปผสมกับ จิน ส่วนอีกตัวที่ทางร้านแนะนำ เป็น Sly Thai ที่มีวอดก้า ลิ้นจี่ เกลือ มะนาว พริกขี้หนู

พิเศษไปกว่านั้นในทุกค่ำคืนวันพุธ-วันอาทิตย์ ที่นี่ยังมีไลฟ์แบนด์ที่ได้นักร้องเสียงดีจากเวทีเดอะวอยซ์ มาขับกล่อมย้อมอารมณ์ทุกค่ำคืน

เครซี่ แครบ ชั้น 3 โครงการ Seenspace ซอยทองหล่อ 13 เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-01.00 น. โทร. 09-4174-2656