สาวออฟฟิศนักไตรกีฬา กับการแบ่งเวลาเพื่อกีฬาที่รัก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

27 มกราคม 2560 เวลา 17:59 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/women/478001

สาวออฟฟิศนักไตรกีฬา กับการแบ่งเวลาเพื่อกีฬาที่รัก

สาวๆ สมัยนี้ นอกจากจะทำงานเก่งแล้ว ใครจะรู้ว่า สาวออฟฟิศธรรมดาๆ ที่เดินสวนกันในที่ทำงานทุกวัน อาจเป็นนักไตรกีฬาชั้นนำในสนามแข่งก็ได้

อย่างเลขานุการสาวลุคใสๆ คนนี้ ลีลาพรรณ ลีลาภัทร์ หรือ คุณบี ที่หากมองเผินๆ ในช่วงวันทำงาน หรือใช้ชีวิตประจำวัน คงไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นนักไตรกีฬา ที่เคยคว้าถ้วยรางวัลในสนามไตรกีฬาทั่วประเทศมาแล้วมากมาย เธอแบ่งเวลาในการซ้อม และการทำงานอย่างไร กว่าจะแข็งแกร่งแบบทุกวันนี้ได้มาติดตามกัน

“ก่อนที่จะเล่นไตรกีฬาคือวิ่งมาระยะหนึ่งจนรู้สึกว่าหมดความท้าทายแล้ว เพราะได้ลองหลายระยะ วิ่งทั้งมินิมาราธอน (10.5กม.) วิ่งฮาล์ฟมาราธอน (21กม.) วิ่งฟูลมาราธอน (42กม.) รู้สึกว่าอิ่มตัวกับงานวิ่ง จนมีเพื่อนงชวนไปลงแข่งงานไตรกีฬาที่บางแสนปี 2015 ครั้งแรกที่ได้เข้าไปสัมผัสงานไตรกีฬา รู้สึกตื่นเต้นมาก บรรยากาศคึกคัก และทุกคนดูมุ่งมั่นกับการแข่งขันมากๆ ทำให้ความท้าทายของเรากลับมาอีกครั้ง แม้จะลงเป็นประเภททีมในผลัดวิ่งก็ยังรู้สึกแปลกใหม่ กลับจากการแข่งขันครั้งนี้เลยตัดสินใจไปซื้อจักรยาน ตั้งเป้าจะลงไตรกีฬาเดี่ยวสักครั้ง”คุณบี เล่าถึงจุดเริ่มต้นสู่การเป็นนักไตร

ถามถึงเรื่องการแบ่งเวลาซ้อมกับการทำงานให้ลงตัว นักไตรกีฬาสาว เล่าให้ฟังว่า ตอนเริ่มเล่นไตรกีฬาแรก ใช้วิธีตื่นเช้าไปสวนเบญจกิติเพื่อซ้อมปั่นจักรยาน เพราะตอนนั้นยังไม่มีอุปกรณ์เทรนเนอร์ไว้ซ้อมปั่นที่ห้อง ซ้อมปั่นครั้งละประมาณ1-2ชั่วโมง แล้วค่อยกลับมาอาบน้ำ แต่งตัว เพื่อไปทำงาน พอตอนเย็นเลิกงานค่อยมาซ้อมวิ่งต่อที่สวนลุมพินี ส่วนการว่ายน้ำยอมรับว่าช่วงแรกๆ ซ้อมน้อยมาก เพราะคิดว่าตัวเองว่ายได้อยู่แล้ว เนื่องจากเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำเมื่อสมัยเรียนมัธยม แม้จะนานมากแล้วแต่ก็ยังมีพื้นฐาน ซึ่งพอเอาเข้าจริงเรื่องนี้ถือเป็นความคิดที่ผิด ทำให้การว่ายน้ำที่คิดว่าน่าจะเป็นจุดแข็งยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรในสนามแรก

“หลังจบงานไตรกีฬาเดี่ยวครั้งแรก รู้สึกสนุกมากและอยากพัฒนาศักยภาพตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อสนามต่อไป เลยตัดสินใจหาโค้ชเพื่อเข้าตารางซ้อมจริงจัง ช่วงที่มีโค้ชถือเป็นการซ้อมที่หนักมาก ชีวิตเราแทบจะอยู่แค่ออฟฟิศกับสนามซ้อม เพราะในหนึ่งสัปดาห์จะซ้อม 6 วันและพัก 1 วัน โดยช่วงแรกจะซ้อมแค่ 1 ช่วงเวลาต่อวัน สลับกันไปทั้ง 3 ชนิดกีฬา แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็น 2 ช่วงเวลาต่อวัน ซึ่งเรารู้สึกว่าหนักและจริงจังเกินไป ทำให้เริ่มเหนื่อยและไม่สนุกส่งผลต่อการทำงาน เลยตัดสินใจกลับมาซ้อมด้วยตัวเองอีกครั้ง แต่สอบถามเทคนิคจากเพื่อนๆ ที่เก่งในกีฬาแต่ละชนิดให้มากขึ้น เพื่อนำความรู้ต่างๆ มาประยุกต์เป็นตารางซ้อมส่วนตัว ความสนุกก็ค่อยๆ กลับมา และคิดว่าการซ้อมแบบนี้น่าจะเหมาะกับตัวเองมากที่สุด”

หลังจากผ่านสนามไตรกีฬามาหลายสนาม และคว้าถ้วยรางวัลมาได้เกือบทุกสนาม เมื่อถามถึงประโยชน์ที่ได้จากการเล่นไตรกีฬา ลีลาพรรณ ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่าการเล่นไตรกีฬาช่วยสร้างวินัยให้ตัวเอง เพราะต้องมีตารางซ้อมชัดเจนว่าแต่ละวันจะทำอะไร เวลาไหน แล้วต้องโฟกัสตามนั้นเพื่อผลการซ้อมที่ดี แบ่งเวลาการซ้อมกับการทำงานให้สมดุล ผลพลอยได้ถัดมาคือความอดทน เพราะแค่ซ้อมกีฬาประเภทเดียวก็เหนื่อยอยู่แล้ว แต่นี่ต้องซ้อมกีฬาถึง3ประเภทหมุนเวียนกัน ถ้าไม่อดทนไม่มีทางซ้อมได้อย่างต่อเนื่องแน่นอน ซึ่งจะรู้สึกมีความสุขทุกครั้งเมื่อทำเวลาในการซ้อมต่างๆ ได้อย่างที่ตั้งเป้าไว้

ส่วนในช่วงที่เหนื่อย ท้อ ขี้เกียจตื่นเช้าที่จะออกมาซ้อม นักไตรสาวแกร่ง พูดถึงคติเตือนใจตัวเองง่ายๆ ว่า มีคำพูดของโค้ชที่จำได้ดีว่าให้คิดไว้เสมอว่าตอนที่เราขี้เกียจหรืออยากหยุดซ้อม คู่แข่งทุกคนเขาซ้อมกันอยู่ เป็นคำพูดปลุกใจง่ายๆ ที่ช่วยกระตุ้นให้ออกไปซ้อมได้เสมอ เพราะถ้าขี้เกียจหรือไม่ยอมซ้อม ก็จะพัฒนาตัวเองไม่ได้ ในขณะที่คนอื่นๆ เขาค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้า เวลาคิดแบบนี้ก็จะมีแรงในการออกมาซ้อมทุกครั้ง

 

“สำหรับคนกำลังอยากหันมาออกกำลังกาย หรือเพิ่งเริ่มต้นวิ่ง ช่วงแรกเราอาจวิ่งแล้วเหนื่อย ว่ายน้ำแล้วเมื่อย ปั่นจักรยานแล้วท้อ อยากให้ลองมองที่ผลลัพธ์ในอนาคต ที่เราจะได้จากการออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ รูปร่าง การพัฒนาศักยภาพตัวเอง แล้วค่อยๆ ฝึกฝนต่อไป แล้วสักวันเราจะพัฒนาขึ้นและสนุกกับมันได้เอง ส่วนคนที่อยากก้าวเข้าสู่สนามไตรกีฬา หากมีพื้นฐานด้านกีฬาสามประเภทนี้อยู่บ้าง เริ่มฝึกซ้อมได้เลยค่ะ ไม่ต้องลังเล ไม่ต้องกลัว อยากให้ลองก้าวออกจากcomfort zoneมาสัมผัสความสนุก และท้าทายแบบนี้ดูสักครั้ง ไม่แน่คุณอาจกลายเป็นนักไตรกีฬาที่เก่งมากๆ ก็ได้”

ใครที่อยากชมเรื่องราวการซ้อม การแข่งขัน หรือเทคนิคสู่การเป็นนักไตรกีฬาของเธอ สามารถติดตามได้ที่www.facebook.com/BBPowerupgirl/

 

เมื่อโลกคือผู้หญิงครึ่งหนึ่ง สุวิตา สิงห์สัจจเทศ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

17 ตุลาคม 2559 เวลา 14:02 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/women/460718

เมื่อโลกคือผู้หญิงครึ่งหนึ่ง สุวิตา สิงห์สัจจเทศ

โดย…วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข

เรื่องของผู้หญิง คือ เรื่องของคนครึ่งหนึ่งบนโลกใบนี้ บทความนี้มิใช่จะสะท้อนถึงครึ่งหนึ่งของสรรพสิ่ง หากกำลังจะสะท้อนถึง “ผู้หญิง” คนหนึ่ง ถึงแง่มุมความเป็นหญิงผ่านธุรกิจและครอบครัวของเธอ “สุวิตา สิงห์สัจจเทพ” ผู้บริหารแบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิง ลิน อราวด์ (Lyn Around) เธอคือใครในมุมของนักบริหาร ภรรยาและแม่ของลูก แล้วจะพบว่า “ความเป็นผู้หญิง” สร้างและเติมเต็มโลกใบนี้อย่างไร

สุวิตา นามสกุลเดิม จันทร์ศรีชวาลา เริ่มเข้ามาดูแลบริหารงานในยัสปาลกรุ๊ป เมื่อสมรสกับยศเทพ สิงห์สัจจเทศ ตระกูลใหญ่เจ้าของบริษัทแฟชั่นรีเทลแถวหน้าของไทยอย่างยัสปาล จากนั้นจึงเริ่มเข้ามาดูแลสินค้าในไลน์แอกเซสซอรี่ของเครือ ทั้งแบรนด์ดังอย่าง CPS CHAPS, CC DOUBLE O และแบรนด์รองเท้ากระเป๋าอันดับต้นๆ ของไทย ”Lyn” รวมทั้งแบรนด์น้องใหม่อย่าง Quinn ด้วย

ในมุมของนักธุรกิจ เธอเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ Lyn Around ในปี 2554 หรือเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา การทำงานของสุวิตาเน้นความทุ่มเทและดำเนินการด้วยตนเองในเกือบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคุยกับดีไซเนอร์ การผลิต เมอแชนไดซิ่งโอเปอเรชั่น การดูแลฝ่ายขายและฝ่ายการตลาด เรียกได้ว่าดูด้วยตนเองตั้งแต่ต้นจนจบ ปัจจุบันลิน อราวด์ขยายสาขาทั่วประเทศไปแล้วกว่า 30 แห่ง ยอดขายปีที่แล้วคิดเป็นรายได้กว่า 800 ล้านบาท อัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 5-6%

ในมุมของความรัก เธอพบรักกับสามี ซึ่งจะกล่าวว่าเป็นรักแรกก็ไม่น่าจะผิด สุวิตาจบประถมศึกษาที่ ร.ร.วัฒนาวิทยาลัย ก่อนจะย้ายไปเรียนไฮสกูลที่ St.Leonards Mayfield School, UK ที่ไฮสกูลนี้เองเธอได้รู้จักและเป็นเพื่อนกับลูกพี่ลูกน้องของสามี ช่วงหยุดฤดูร้อนกลับเมืองไทยจึงได้เจอกับพี่ชายของเพื่อนสาว แม้ช่วงแรกจะไม่ได้คบหากันจริงจัง หากในเวลาต่อมาเป็นฝ่ายชายเองที่มุ่งมั่นและบอกกับสุวิตาว่า “คือเธอนี่แหละ”

“เพราะความมุ่งมั่นของเขา ทำให้เราแน่ใจว่า อาจเป็นเขานี่ก็ได้” สุวิตาเล่าด้วยรอยยิ้ม

ทุกครั้งที่ปิดภาคฤดูร้อน กลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย ก็เป็นทุกครั้งกับที่ได้มีโอกาสสานความสัมพันธ์ จากนั้นก็คบหากันมาโดยตลอด จากไม่จริงจังก็เริ่มจริงจังขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อสุวิตาเรียนจบมหาวิทยาลัยได้ 1 ปีพอดี สาวสวยจบปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากนั้นศึกษาต่อปริญญาโท Master of Science in Financial Analysis ที่มหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก

“ตอนเรียนจบใหม่ๆ ทั้งที่สนใจธุรกิจจิวเวลรี่มาก ได้ลองไปศึกษาเกี่ยวกับจิวเวลรี่อยู่นาน คิดว่าอยากทำเครื่องประดับ กำลังจะเรียนดูพลอยอยู่ทีเดียว ก็บังเอิญว่าแต่งงานเสียก่อน”

เมื่อแต่งงานกับหนึ่งในทายาทของยัสปาล ก็ไม่แปลกที่ความสนใจของสุวิตาจะหันเหมาที่ธุรกิจแฟชั่น โดยขณะนั้นสามีรับผิดชอบดูแลบิซิเนสยูนิตของตระกูลด้านแฟชั่น ทำรองเท้า Lyn Shoes ซึ่งได้รับความนิยมสูงมาก สะใภ้คนสวยต่อยอดเป็นสินค้าเครื่องหนังและช่วยดูในแอกเซสซอรี่อื่นๆ เช่น รองเท้า กระเป๋า นาฬิกา และแว่นตา รวมทั้ง Lyn Around ที่ทำเสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิงในอีกหลายปีต่อมา

“เป็นช่วงสนุกของชีวิต ที่ทำงานด้วย เรียนปริญญาโทด้วย และทำธุรกิจด้วย ช่วงนั้นเราทั้งคู่เดินทางรอบโลก ดูตลาดเครื่องหนังและทำเครื่องหนังออกมาให้ดูดีและโดดเด่นที่สุด” สุวิตาเล่า

ในมุมของความเป็นแม่ สุวิตาแต่งงานแล้วมีลูกชายคนแรก “อาร์วี” เมื่ออายุ 27 ปี หากก็เป็นท้องแรกที่ยังมีพลัง และเดินทางไม่ (ยอม) หยุดอยู่นั่นเอง เมื่อลูกคนแรกอายุ 1 ขวบครึ่งก็เป็นตอนที่สุวิตาจะเปิดธุรกิจใหม่เสื้อผ้าแบรนด์แรกของเธอ Lyn Around พุ่งเป้าที่กลุ่มไฮเอนด์ เสื้อผ้าเน้นในรายละเอียดความเป็นผู้หญิง บอกเล่าความเป็นผู้หญิง มิกซ์แอนด์แมตช์สำหรับผู้หญิงที่ชอบหยิบจับปรับแต่ง สวยน่ารักและมีสไตล์

“ก็เพราะเราจะทำเสื้อผู้หญิง ก็เป็นตอนเดียวกับที่ต้องถามตัวเองว่า เราเป็นคนแบบไหน เราชอบอะไร เราชอบรายละเอียด ชอบคุยชอบเขียน ชอบเล่าบอกในสิ่งที่เป็นเรา ชอบครีเอทีฟ ชอบวาดฝัน ไม่เฉพาะแค่เรื่องแต่งตัว แต่กับทุกเรื่อง” สุวิตาเล่า

ชอบทุกอย่างที่มีดีเทลหรือรายละเอียด สุวิตานำสิ่งที่คิดมาใส่ไว้ในลิน อราวด์ ลุคคือผู้หญิง เพราะผู้หญิงจะเป็นผู้สวมใส่ แบรนดิ้งมาจากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียด ทั้งจากบุคลิกของตัวร้านเองด้วย สุวิตาเล่าว่า ภาพของแบรนด์มีความชัดเจนมาก โดยเมื่อหัวใจของแบรนด์ชัด ก็วาดกรอบได้ง่าย โดยรวมแล้วเธออยากสร้างความแตกต่าง ทุกคนเห็นแล้วอยากให้รู้จักและจำ ลิน อราวด์ ได้ทันที

 

“เด็กผู้หญิงฝันเยอะนะคะ เด็กผู้หญิงมีความฝันเสมอ”

เมื่อพูดถึงเด็กผู้หญิง ลูกคนที่สองเป็นผู้หญิงชื่อน้องเอวา ในมุมของผู้หญิงทำงานเลี้ยงลูก สุวิตาบอกว่า ผู้หญิงที่เป็นแม่และทำงานทุกคน แบ่งเวลายังไงก็ไม่พอ เธอก็เช่นเดียวกัน สำหรับเธอแล้วใช้วิธีว่าหากช่วงไหนเบรกได้ก็เบรก รวมทั้งวางแผนการบริหารเวลาล่วงหน้า ช่วงเวลาใดดูแลลูกดูแลครอบครัว ช่วงเวลาใดเป็นช่วงเวลาทำงาน

“เวลาของเรายังมีไม่พอสำหรับทำงาน มีไม่พอสำหรับที่จะต้องไปดูในแต่ละจุดในแต่ละรายละเอียด ดีไซน์ยังไงให้สวย ทำยังไงเพิ่มอะไรตรงไหน มีซัมธิงตลอดเวลา มีอะไรที่ต้องคิดต้องทำต่อเนื่องตลอดเวลา แต่ถ้าเราวางแผนล่วงหน้า จะทำได้นะ แต่เราต้องเป๊ะ ถึงเวลาต้องทำตามแผน ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นรูทีนทั้งลูกและงาน”

เวลาทำงานคือเวลาทำงาน แต่ก็ทำงานที่บ้านและประชุมที่บ้านบ่อยครั้ง บ้านกับที่ทำงานระยะทางไม่ห่างกันมาก เวลาใดที่สุวิตามาทำงานที่ออฟฟิศ เธอจะใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่า ใครจะเข้าพบหรือเข้ามาคุย ต้องลุยเข้ามาเลย เพราะถ้าออกจากที่ทำงานแล้วจะแล้วกัน ในแต่ละสัปดาห์จะปลีกเวลาบางส่วนเพื่อไปรับส่งลูกที่โรงเรียน พาลูกไปว่ายน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน

“ตอนเป็นเด็กเป็นนักกีฬาว่ายน้ำค่ะ ตอนนี้ไม่ค่อยมีเวลาว่ายน้ำเท่าไหร่ แต่จัดการให้ตัวเองพาลูกไปว่ายน้ำอาทิตย์ละครั้ง” สุวิตาเล่า

สุวิตาเล่าว่า เด็กมีชีวิตเป็นของตัวเอง ก็ใช่เหมือนกันที่ต้องมีพี่เลี้ยงที่ดี แต่บางอย่างบางเรื่องก็คือแม่เท่านั้น สำหรับสุวิตาแล้วคนเป็นแม่ต้องนอนกับลูก คุยกับลูก พูดกับลูก ดูแลเลี้ยงดูสั่งสอนลูก ตระกูลสิงห์สัจจเทศเป็นตระกูลใหญ่ ซึ่งดีตรงนี้เพราะเราช่วยกันดูแลเด็กๆ ของเรา ทุกเย็นที่สนามหญ้าหน้าตึก เด็กทุกคนในบ้านจะออกมาเล่นกัน ลูกๆ เล่นกันที่กลางสนาม ส่วนผู้ใหญ่ก็ใช้เวลาร่วมกัน

ตอนนี้อาร์วี 7 ขวบ ส่วนเอวา 3 ขวบ คุณแม่วางใจได้เปลาะหนึ่งแต่ก็ยังดูแลใกล้ชิด เป็นคุณแม่ที่มีความสุข เพราะใช้สูตรเดียวกับคุณพ่อหรือคุณตาของเด็ก คือถ้ามีเวลาต้องพาลูกเที่ยว ล่าสุดเพิ่งพาน้องอาร์วีและน้องเอวาและคุณพ่อของน้องๆ ไปเที่ยวอังกฤษ ทุกเวลานาทีคือการใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ซึ่งมีความหมายที่สุดกับตัวคุณแม่เอง อนาคตของลูกไม่ใช่เรื่องเรียนเก่งเรียนไม่เก่ง ไม่ใช่เรื่องทำงานหรือไม่ทำงาน ไม่ใช่อื่นใดมากไปกว่าลูกทั้งสอง จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการอย่างเต็มศักยภาพของตน

“ชีวิตนี้ถ้าจะทำอะไรก็เพราะอยากทำ ทำธุรกิจก็เพราะอยากทำธุรกิจ ทำเสื้อผ้าก็เพราะอยากทำเสื้อผ้า มีความรักก็แต่งงาน มีลูกก็เพราะอยากมีลูก แฮปปี้กับสิ่งที่เป็นอยู่ ไม่ใช่ทุกเรื่องที่เราประสบความสำเร็จ แต่ถึงจะเฟลหรือล้มเหลว เราก็มีความสุขได้ถ้าใจเรายอมรับ หรือมันเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับ” สุวิตาเล่า

 

เรื่องควรรู้ก่อนเสริมหน้าอก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

07 มิถุนายน 2559 เวลา 08:19 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/women/435981

เรื่องควรรู้ก่อนเสริมหน้าอก

ขนาดหน้าอกที่เล็กเป็นปัญหาหนักอกของสาวๆ เพราะหากสาวๆ มีรูปร่างที่ดีสมส่วน ก็จะช่วยเสริมความมั่นใจได้ ทว่าสิ่งที่ควรคำนึงถึงทุกครั้งก่อนทำศัลยกรรม ไม่ได้มีแค่ขนาดทรวงอกที่ต้องการเท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดอีกมากที่สาวๆ ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ ดร.ปาร์ค วอนจิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วอนจิน บิวตี้ เมดิคอล กรุ๊ป และผู้อำนวยการโรงพยาบาลวอนจิน โรงพยาบาลศัลยกรรมอันดับ 1 ในเกาหลี ชั้น 4 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี แชร์เรื่องควรรู้ก่อนการทำศัลยกรรมหน้าอก…

1.ก่อนผ่าตัดทุกครั้ง แพทย์จะเช็กสุขภาพร่างกายให้มั่นใจว่าพร้อมสำหรับการทำศัลยกรรม อาทิ ตรวจเลือด หัวใจ มะเร็งทรวงอก และเอกซเรย์

2.ตัวช่วยเสริมอึ๋มวัสดุซิลิโคนสำหรับเสริมหน้าอก ต้องไม่เป็นพิษต่อร่างกายและทำให้หน้าอกดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

3.เหล่าคุณแม่ไม่ต้องกังวลว่า หากเสริมหน้าอกแล้วจะมีปัญหาเรื่องการให้นมบุตร เพราะแพทย์สามารถเสริมซิลิโคนบริเวณชั้นผิว Pectorialis ที่อยู่ไกลจากบริเวณท่อผลิตน้ำนม คุณแม่จึงให้นมบุตรได้ตามเดิม

4.รู้หรือไม่ว่า สาวๆ สามารถเลือกตำแหน่งผ่าตัดได้ ซึ่งจะส่งผลต่อขนาด ร่องรอย และระยะเวลาการฟื้นตัว สำหรับผู้ที่ไม่อยากให้เห็นรอยผ่ากรีด ดร.ปาร์ค แนะนำว่า ควรเลือกเสริมซิลิโคนบริเวณใต้รักแร้ (ตามแนวย่นของวงแขน) โดยการผ่าตัดตำแหน่งนี้จะใช้กล้องเอนโดโฟน ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความแม่นยำสำหรับการผ่ากรีด หลีกเลี่ยงอันตรายต่อเส้นเลือดใหญ่และเนื้อเยื่อ ลดโอกาสที่เลือดออกมากจากแผลกรีด ส่วนสาวๆ ที่ชอบใส่เสื้อแขนกุด การผ่าตัดบริเวณปานนม (หัวนม) น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด โดยคุณหมอจะกรีดบริเวณปานนมยาว 1.5 ซม. ทำให้ขนาดแผลเล็กมากจนแทบมองไม่เห็นรอยผ่า จึงฟื้นตัวไวและแผลหายเร็ว ทว่าการผ่าตัดด้วยวิธีนี้อาจส่งผลให้การรับรู้และความรู้สึกที่หัวนมลดลง

5.คนที่ไม่สนใจเรื่องรอยผ่า แนะนำให้ผ่าบริเวณใต้ราวนม เนื่องจากวิธีนี้สามารถทำได้กับทุกรูปทรงของหน้าอก โดยเฉพาะการทำศัลยกรรมหน้าอกทรงหยดน้ำ และจะฟื้นตัวได้เร็วเนื่องจากเลือดจะออกที่แผลน้อยกว่าการผ่าที่จุดอื่นๆ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดแบบใดก็ตาม ศัลยแพทย์จะใช้กล้องหัวโคมและกล้องขยายส่องเข้าไประหว่างผ่าตัด เพื่อดูตำแหน่งเนื้อเยื่อ ระบบประสาท และเส้นเลือด วิเคราะห์ตำแหน่งของวัสดุเสริมหน้าอก เพื่อป้องกันการแข็งตัวหรืออักเสบเนื่องมาจากวัสดุวางผิดตำแหน่ง

6.หลังการผ่าตัดอาจทำให้เกิดพังผืดรอบๆ วัสดุเสริม การใช้วัสดุเสริมชนิดผิวไม่เรียบจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดพังผืด แต่หากเกิดพังผืดขึ้น สาวๆ ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อผ่าตัดออกแล้วใส่วัสดุใหม่เข้าแทนที่หรือเปลี่ยนตำแหน่งของซิลิโคน

 

ณัฐมณฑ์ วุฒิภัทรอารีย์ มองผู้คนบนถนนสายแฟชั่น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

07 พฤษภาคม 2559 เวลา 17:10 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/women/430615

ณัฐมณฑ์ วุฒิภัทรอารีย์ มองผู้คนบนถนนสายแฟชั่น

โดย…โยธิน อยู่จงดี ภาพ… วิศิษฐ์ แถมเงิน

ณัฐมณฑ์ วุฒิภัทรอารีย์ เจ้าของกระเป๋าแบรนด์ Phiory ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองของเหล่าสาวๆ นักช็อปออนไลน์ ด้วยดีไซน์และราคาที่ถือว่าคุ้มค่าที่สุดแบรนด์หนึ่ง เธอกำลังทอดสายตามองผู้คนที่เดินผ่านไปมาในศูนย์การค้าสยามพารากอน ณัฐมณฑ์เป็นคนที่ชอบเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อดูสินค้า ผู้คน ดูการแต่งตัว แฟชั่น และเทรนด์นิยมในช่วงเวลาหนึ่งที่สามารถเก็บเอามาเป็นข้อมูลเทรนด์ออกแบบสินค้ารุ่นต่อไปของเธอได้

“สถานที่แต่ละแห่งก็จะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะได้เห็นกลุ่มลูกค้าระดับไหน อย่างลูกค้าของเราอยู่ในกลุ่มฐานะปานกลางค่อนไปทางสูง ก็จะเห็นลูกค้าเหล่านี้ได้ในสยามพารากอน ซึ่งสยามพารากอนก็เป็นอีกสถานที่ซึ่งเราชอบมาเดินเล่นดูสินค้าแบรนด์ต่างๆ ที่วางขาย ดูว่ากลุ่มลูกค้าของเราตอนนี้ชอบถือกระเป๋าทรงไหน แบบไหน ซึ่งการที่เราออกมาเดินในสถานที่เหล่านี้บ่อยๆ จะช่วยให้เราอัพเดทเทรนด์ไปในตัว”

ณัฐมณฑ์ นั่งเล่าย้อนความหลังเมื่อครั้งเดินทางไปเรียนแฟชั่นดีไซน์ที่ประเทศออสเตรเลียว่า “เราเรียนจบปริญญาตรี คณะวารสารศาสตร์ เอกฟิล์มและภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนนั้นเรารู้ตัวแล้วว่ามีความสนใจด้านศิลปะและแฟชั่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พอเรียนจบ จึงตัดสินใจเดินทางไปเรียนต่อแฟชั่นดีไซน์ที่ประเทศออสเตรเลีย เพราะคิดแล้วว่าเราคงไม่มีความสนใจมุ่งมาทางด้านวิชาที่เรียนมา ในระหว่างที่เรียนแฟชั่นดีไซน์ที่ต่างประเทศเราก็ลองทำหลายๆ อย่าง ตั้งแต่ออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า จนรู้ตัวว่าเราเป็นคนที่ชอบเครื่องหนัง แต่พอกลับมาเมืองไทยเรากลับไม่ได้มีโอกาสเอาความรู้ความสามารถตรงนั้นมาเปิดธุรกิจที่ตัวเองชอบ

“เพราะเมื่อประมาณ 15 ปีก่อน วงการแฟชั่นในบ้านเราไม่ได้บูมมากเหมือนปัจจุบัน ดีไซน์ของเราก็ไม่ได้อยู่ในกระแสนิยมของเมืองไทยช่วงเวลานั้น อีกทั้งเรายังไม่รู้จักแหล่งขายวัตถุดิบ ช่างตัดเย็บ และต้นทุนการเปิดร้านนั้นค่อนข้างสูงมากในขณะที่ต้นทุนเราไม่มี จึงต้องพักความฝันที่จะทำงานเกี่ยวกับสินค้าแฟชั่น ออกมาทำเป็นงานอื่นๆ ตั้งแต่งานออฟฟิศ ธุรกิจไอศกรีม ทำสมุดส่งขายและอื่นๆ อีกหลายอย่าง ซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกไป”

 

จนกระทั่งวันหนึ่ง ณัฐมณฑ์ มานั่งคิดได้ว่า เธอน่าจะกลับมาทำงานในสิ่งที่ตัวเองรักก็คือ งานในแวดวงแฟชั่น อีกทั้งในสมัยนี้การเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นไม่จำเป็นต้องมีต้นทุนทางธุรกิจเหมือนสมัยก่อน ทุกคนสามารถเปิดร้านขายผ่านโซเชียลมีเดียก็ได้เธอจึงตัดสินใจว่าจะออกแบรนด์ Phiory เป็นแบรนด์ขายกระเป๋าผ่านเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม (www.facebook.com/phioryphiory และ instagram.com/phioryphiory) โดยดีไซน์กระเป๋าเองทั้งหมด เพราะเธอมั่นใจแล้วว่ามีความรู้และใจรักในงานเครื่องหนังจริงๆ

สไตล์การออกแบบกระเป๋าของณัฐมณฑ์จะคำนึงถึงความสวยงามและความคุ้มค่าที่ลูกค้าจะได้รับจากสินค้า สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นใช้งานได้หลากหลาย โดยมีแนวคิดในการออกแบบคือต้องคุ้มค่า ถ้าลูกค้าจะเสียเงินหลายพันบาทเพื่อกระเป๋า 1 ใบ จะต้องได้สิ่งที่ได้มากกว่ากระเป๋า

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นงานออกแบบที่เธอได้แรงบันดาลใจจากการใช้งานในชีวิตจริงของลูกค้าที่เธอกำลังเฝ้ามอง ครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าผู้คนที่เดินผ่านสายตาเธอนั้นใช้กระเป๋าอะไรและใช้กันอย่างไร ดังนั้นสถานที่ที่ดีที่สุดเมื่อเรายิ่งคำถามสำคัญคือสถานที่อะไรที่สร้างแรงบันดาลใจในผลงานของเธอมากที่สุด เธอจึงไม่ลังเลที่จะตอบว่า “สถานที่ไหนก็ได้ที่มีผู้คน ที่ที่น่าจะมีลูกค้าของเราเดินอยู่แถวนั้น นั่นก็เพียงพอแล้ว”

 

ชวนไปเดทสาดน้ำ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

12 เมษายน 2559 เวลา 18:08 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/life/women/426387

ชวนไปเดทสาดน้ำ

โดย…ราตรีแต่ง

แม้ฝ่ายหญิงไม่ควรชักชวนเขาก่อน หรือแสดงออกว่าอยากชวนเขาออกไปเที่ยวเพื่อสานสัมพันธ์ แต่ในช่วงนี้อย่ารีรอ อย่าลังเล ถ้าคุณผู้หญิงจะเป็นฝ่ายออกปากชักชวนชายหนุ่มที่น่าสนใจ “ไปเที่ยวสงกรานต์” สาดน้ำให้ชุ่มฉ่ำเย็นๆ ชิลๆ ได้มีโอกาสทำตัวเป็นมิตรและสนุกสนานสบายๆ ไปกับเขาเทศกาลที่มีแต่ความรื่นเริงและอิสรเสรีสนุกกับการเล่นน้ำแบบนี้ ก็น่าจะเป็นโอกาสของการเริ่มเรียนรู้กันและกันได้อย่างดี และอาจสร้างจุดเริ่มต้นได้อย่างเป็นมิตร

– เขามีใจอยากไปกับเราหรือเปล่านะ? อยากรู้ก็อย่าช้า ชวนเลย! รู้คำตอบชัดๆ ถ้าเราชวนไปไหนแล้วเขาจะว่างทันทีถึงแม้เป็นวันหยุด แต่งานฟรีแลนซ์กราฟฟิกมือทองอย่างเขาก็สุดจะยุ่งขิงแค่ไหนก็ตาม ลูกค้ายังทวงงานยิกๆ ผู้ชายประเภทนี้จะค่อนข้างปากหนัก มักไม่ค่อยกล้าเอ่ยชวนผู้หญิงไปไหนมาไหนเท่าไรนัก แต่ถ้าเขาไปเที่ยวตามคำเชิญชวน สงกรานต์ปีนี้ก็ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ!!!

– โอกาสดีแบบนี้ ทำให้เขาเห็นว่าคุณวิเศษขนาดไหนในเวลาสบายๆ เปียกแล้ว อย่าให้โป๊จนเกินงามดีไหม ดีกว่าแน่ๆ ในขณะที่สาวสวยสายเดี่ยวใส่เสื้อตัวน้อยๆ เดินโชว์ความเซ็กซี่เต็มตรอกข้าวสาร แต่ครั้งนี้คือเดทแรกการไปเที่ยวกันสองต่อสอง ลองแต่งตัวไม่เปิดเผยมากเกินไปดีกว่านะ เสื้อกล้ามสีขาวสาดน้ำมาก็เห็นทะลุทะลวงไปนี้ดส์สสส ลองแมตชิ่งเสื้อลายดอกสีเจ็บๆ เพิ่มอีกตัว กางเกงขาสั้นๆ ชิกน่ารักจะตาย ไอเท็มเด็ดอีก 2 ชิ้นลืมไม่ได้เลย หมวกเก๋ๆ ปกป้องผมจากแป้งขาวๆ ที่โดนเยอะเกินไปสภาพก็อาจดูไม่จืด และแว่นกันน้ำเท่ๆ ก็ช่วยกันน้ำกันแป้งเข้าตาได้

– ถ้าชีวิตขาดเมกอัพไม่ได้ วันนี้ก็ต้องเบาๆ มือลงบ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องออกไปเจอหวานใจด้วยใบหน้าสด เขาอาจตกอกตกใจไม่ชินกับลุคไร้การเติมแต่งเรียลิตี้เกินไป แนะนำไลเนอร์แบบกันน้ำช่วยได้ทั้งแต้มขนคิ้วให้อยู่ยืนยง มาสคาราเป็นสีสันที่ควรลืมๆ ไปบ้างก็ได้ในวันเปียกๆ แค่วาดขอบตาด้วยไลเนอร์ชนิดกันน้ำได้เจ๋งที่สุดก็พอ อีกชิ้นเด็ดขาดไม่ได้ คือ เจลบลัช ที่กันน้ำได้ดี และหลอดเดียวทูอินวันทาได้ทั้งแก้มและปาก

– ค่อยๆ เป็นเพื่อนกันดีกว่า อย่าทำให้เขาอึดอัดด้วยการไปอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา ขณะเดียวกันถ้าเขาทำให้คุณอึดอัดด้วยการถูกเนื้อต้องตัวมากเกินไป ก็เป็นสัญญาณของผู้ชายฉวยโอกาสเจ้าชู้ได้เลย  ก็จริงว่าอยู่ในฝูงชนแน่นๆ หัวไหล่เบียดชนกันสาดน้ำกันสุดเหวี่ยง แต่ถ้ากลัวพลัดหลงกันแค่จับมือหรือจับเอว ก็ถือเป็นช่วงพิเศษสุดๆ แล้ว เสื้อผ้าเปียกๆ รัดรูปไม่ควรเกินเลยกอดรัดซะแน่น แล้วถ้าปากว่ามือถึงก็ยิ่งไม่ควรมีเดทต่อไป เปิดหูเปิดตามาก ถ้ามีแววว่าคนนี้น่าจะเจ้าชู้ อย่าได้เสียดายแต่ให้ชิ่งไปเลย ถ้าเผลอรักไปแล้วถึงพบว่าเจ้าชู้ มันคือชีวิตรักเจ็บช้ำเคล้าน้ำตาดีๆ นี่เอง เราไม่เป็นผู้หญิงที่เป็นของตาย

…แต่ถ้าคุณสองคนเป็นเพื่อนกันมาสักพักแล้ว ไปเที่ยวกันบ่อยๆ แต่ก็ยังก้าวไม่พ้นการเป็นเพื่อนสักที แล้วมาเที่ยวสงกรานต์ฝ่าฝูงชนแน่นๆ แล้วเขาแค่กอดไหล่คุณ บอกได้เลยว่าจบข่าว…ไม่ต้องสงสัยว่าใช่หรือไม่ใช่  ใช่ค่ะ…เป็นเพื่อนต่อไปชัวร์!!!

– ลองสังเกตพฤติกรรมคุณผู้ชาย สาดน้ำกรี๊ดกร๊าดสนุกสุดเหวี่ยง เขาคอยลอบสังเกตอาการ คอยมองคุณอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ ทั้งกิน ทั้งเล่น นี่คือการแสดงความเป็นห่วงอย่างหนึ่งของผู้ชาย เขาคอยมองเพื่อว่าจะมีอะไรที่เขาพอเทกแคร์ได้บ้าง สังเกตในรายละเอียดมากๆ ตอนจีบกัน ช่วงออกเดทยังไม่ตกลงเป็นแฟน ถึงแม้เป็นช่วงที่ความรักยังไม่เกิด แต่เป็นช่วงที่ผู้หญิงยังมีอำนาจควบคุมเหนือความสัมพันธ์อยู่

– ทำความรู้จักเพื่อนของเขา การออกไปเที่ยวเทศกาลสุดฮิต อาจเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องไปเจอะเจอเพื่อนๆ ของเขาอีกกลุ่มใหญ่ ยิ้มแย้มแจ่มใสทำความรู้จักให้เขาเห็นว่าคุณน่ารัก น่าคบหา และเป็นมิตรกับทุกคน แต่อย่าเข้าไปวุ่นวายจนดูเยอะเกินไป ถ้าเพื่อนๆ ของเขาชอบคุณได้ ก็เป็นไปได้มากว่าเขาจะชอบคุณเช่นกัน เป็นการสร้างฐานที่มั่นคงของความสัมพันธ์ที่คุณคิดจริงจัง