สื่อตีข่าวซีเรียพลาดยิงบินทหารรัสเซียตกพร้อมทหาร 14 นาย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/344087

สื่อตีข่าวซีเรียพลาดยิงบินทหารรัสเซียตกพร้อมทหาร 14 นาย

ต่างประเทศ > ข่าวต่างประเทศ  :  5 ชั่วโมงที่ผ่านมา
เครื่องบินทหารรัสเซีย,ซีเรียสอย,ซีเรียพลาด,ยิงตก

รัสเซียเร่งค้นหาทหาร 14 นายหายไปกับเครื่องบิน Il-20  ขณะเจ้าหน้าที่สหรัฐเผยเจอระบบป้องกันทางอากาศซีเรียยิงตกขณะสกัดจรวดยิว

กระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงว่า เครื่องบินทหารแบบ Il-20 หายไปจากจอเรดาร์ขณะบินอยู่เหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ห่างจากชายฝั่งซีเรียราว 35 ก.ม. เมื่อคืนวันจันทร์ ระหว่างกำลังบินกลับฐานทัพอากาศ Hmeimim ในจังหวัดลาทาเกีย ชะตากรรมลูกเรือ 14 นายยังไม่ทราบแน่ชัด การค้นหายังดำเนินอยู่ต่อไป

แถลงการณ์ระบุว่า เครื่องบินขาดการติดต่อเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. วันจันทร์ ( 03.00 น.เช้าวันอังคารตามเวลาประเทศไทย ) ในช่วงเดียวกับที่เครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 จำนวน 4 ลำ กำลังโจมตีเป้าหมายซีเรียในจังหวัดลาทาเกีย  ฐานที่มั่นของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด

ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น อ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐว่า เครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเลของรัสเซีย ถูกปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยานของซีเรียยิงตกโดยไม่ตั้งใจ ระหว่างที่ซีเรียกำลังพยายามสกัดกั้นขีปนาวุธอิสราเอล

สหรัฐทราบเรื่องนี้ เนื่องจากกองทัพซีเรียวิทยุค้นหาและกู้ภัยฉุกเฉินผ่านคลื่นความถี่ระหว่างประเทศ จากนั้นยังได้รับข้อความโดยตรงมาจากอีกประเทศ เกี่ยวกับรุ่นเครื่องบินลำถูกยิงตกและพฤติการณ์แวดล้อม เจ้าหน้าที่สหรัฐไม่ระบุชัดว่าเป็นประเทศใด แต่มีแนวโน้มว่าจะหมายถึงรัสเซียเพราะเป็นประเทศเดียวที่รู้แน่ชัดว่าเครื่องบินแบบใดที่ถูกยิงตก

โฆษกกระทรวงกลาโหมบอกซีเอ็นเอ็นแค่ว่า ขีปนาวุธไม่ได้ถูกยิงจากกองทัพสหรัฐ แต่จะไม่พูดว่าใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีซีเรีย ส่วนกองทัพอิสราเอลไม่ยืนยันหรือปฏิเสธเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ปฏิบัติการทหาร

เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวด้วยว่า เครื่องบินทหารรัสเซียถูกระบบป้องกันอากาศยานที่รัสเซียขายให้กับซีเรียหลายปีก่อนยิงตก

ด้านสื่อทางการซีเรีย รายงานว่า เสียงระเบิดดังสนั่นในจังหวัดลาทาเกีย และกองทัพซีเรียอ้างว่าเป็นอิสราเอลที่ยิงขีปนาวุธจากน่านฟ้าเลบานอน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และเป้าหมายที่ถูกโจมตีได้รับความเสียหายหนัก

แหล่งข่าวทหารซีเรีย บอกสำนักข่าวซานาว่า ขีปนาวุธถูกยิงมาจากทะเล พุ่งเป้าองค์การอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในจังหวัดลาทาเกีย และระบบป้องกันภัยทางอากาศซีเรีย ยิงสกัดขีปนาวุธได้จำนวนหนึ่ง

แหล่งข่าวกองทัพอิสราเอลบอกซีเอ็นเอ็นในเดือนนี้ว่า อิสราเอลโจมตีซีเรียราว 200 ครั้งแล้วในรอบ 18 เดือน เพื่อป้องปรามอิหร่านขนอาวุธเข้าไปประจำการในภูมิภาค

ฮีโร่ถ้ำหลวง”เวิร์น อันสเวิร์ธ”ฟ้องหมิ่นประมาท”อีลอน มัสก์”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/344049

ฮีโร่ถ้ำหลวง”เวิร์น อันสเวิร์ธ”ฟ้องหมิ่นประมาท”อีลอน มัสก์”

ต่างประเทศ > ข่าวต่างประเทศ  :  9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ฮีโร่ถ้ำหลวง,มัสก์,ฟ้อง,ใคร่เด็ก

เวอร์นอน อันสเวิร์ธ นักสำรวจถ้ำชาวอังกฤษผู้มีบทบาทสำคัญในภารกิจช่วยทีมฟุตบอลหมูป่าที่ถ้ำหลวง ได้ยื่นฟ้อง อีลอน มัสก์  ในข้อหาหมิ่นประมาท

อันสเวิร์ธ ยื่นฟ้องมหาเศรษฐีผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลก ที่ศาลในนครลอสแอลเจลิส เรียกค่าเสียหายกว่า 7.5 หมื่นดอลลาร์ ( 2.45 ล้านบาท ) และขอให้ศาลออกคำสั่งห้ามมัสก์ทวิตกล่าวหาเพิ่มเติม

ความเดิม..บทสัมภาษณ์CNN ที่ทำให้มัสก์ทวิตตอบโต้และบานปลายกล่าวหาเรื่องอื่น 

ปมการฟ้องร้องมาจากการที่มัสก์ ซีอีโอบริษัทเทสลาวัย 47 ปี กล่าวหาลอยๆหลายครั้งว่าอันสเวิร์ธเป็น pedo guy หรือพวกใคร่เด็ก ผ่านทางทวิตเตอร์ที่มีผู้ติดตามเขา 2.5 ล้านคน หลังจากที่อันเวิร์ธ วิจารณ์มัสก์ตอนหนึ่งในการให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นเรื่องแคปซูลดำน้ำที่ลูกทีมวิศวรกรสเปซเอ็กซ์ ได้เร่งสร้างขึ้น และมัสก์ นายใหญ่ของเทสลากับสเปซเอ็กซ์เดินทางมาส่งมอบที่ประเทศไทยด้วยตนเอง เพื่อใช้ช่วยทีมหมูป่า 13 ชีวิตออกจากถ้ำที่ถูกน้ำท่วมเมื่อเดือนกรกฎาคม แต่สุดท้าย ทีมดำน้ำและกู้ภัยไม่ได้ใช้สิ่งประดิษฐ์นี้ อันสเวิร์ธกล่าวว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้การไม่ได้กับภารกิจนี้ ทั้งยังมองว่าเป็นแค่การโฆษณาเรียกความสนใจของมัสก์

ต่อมา ซีอีโอเทสลา ยังได้ทวิตกล่าวหาอีกว่าอันสเวิร์ธ ย้ายมาพำนักในไทยกับเจ้าสาววัย 12 ขวบ

ฮีโร่ถ้ำหลวง"เวิร์น อันสเวิร์ธ"ฟ้องหมิ่นประมาท"อีลอน มัสก์" 

ในคำฟ้องกล่าวหาว่ามหาเศรษฐีพันล้านโกรธที่อันสเวิร์ธวิจารณ์แคปซูลช่วยหมูป่า จึงได้เริ่มทำลายชื่อเสียงด้วยการกล่าวหาอันเป็นเท็จและอย่างน่ารังเกียจต่อสาธารณชน จากทวิตเป็นชุดเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ยังรวมถึงการกล่าวท้าให้นักสำรวจถ้ำมากประสบการณ์โชว์หลักฐานว่าได้เข้าร่วมกับภารกิจช่วยพาหมูป่าออกจากถ้ำ
แม้มัสก์ได้ลบทวิตและขอโทษ หลังจากที่ถูกผู้ถือหุ้นตำหนิ แต่แล้วเมื่อ 28 สิงหาคม มัสก์ได้ทวิตอีกในทำนองว่า แปลกที่อันสเวิร์ธไม่ฟ้อง แถมเสนอให้บริการด้านกฎหมายแบบฟรีๆ ซึ่งในคำฟ้องระบุว่ามัสก์ทวิตเช่นนั้น เพื่อพยายามบอกกับสังคมว่าการไม่ฟ้องก็คือหลักฐานว่าอันสเวิร์ธเป็นพวกใคร่เด็กจริง

2 วันต่อมา มัสก์ยังได้ส่งอีเมล์ถึงผู้สื่อข่าวเวบไซต์ข่าว BuzzFeed News แนะให้เจาะข่าวอันสเวิร์ธ และหยุดปกป้องนักข่มขืนเด็ก ในคำฟ้องความยาว 65 หน้าเผยเนื้อหาในอีเมล์ที่มัสก์ระบุว่า อันเวิร์ธเป็นชายแก่ผิวขาว โสด จากอังกฤษที่เดินทางหรืออยู่ในไทยมานาน 30-40 ปีแล้ว และย้ายมาไทยเพื่อมาอยู่กับเจ้าสาวที่อายุแค่ 12 ปีในเวลานั้น

ในอีเมล์ฉบับที่สองถึงบัสฟีด มัสก์กล่าวหาอันสเวิร์ธว่าเป็นจอมโกหก ไม่ได้อยู่ในทีมดำน้ำในถ้ำ

คำฟ้องระบุว่า ผู้ฟ้องไม่ใช่พวกใคร่เด็ก ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้  ไม่ใช่นักข่มขืนเด็ก และไม่เคยแต่งงานกับผู้เยาว์ แต่มีคนสำคัญอีกคนในไทย เป็นสตรีวัย 40 ปีอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน
ส่วนบทบาทในการช่วยทีมหมูป่า คำฟ้องยอมรับว่า อันสเวิร์ธ ซึ่งเริ่มเดินทางมาไทยในปี 2554 เพื่อสำรวจและทำแผนที่ถ้ำหลายแห่ง ไม่ได้อยู่ในทีมช่วยชีวิตหมู่ป่าในขั้นสุดท้ายเพราะไม่มีประสบการณ์ดำน้ำมากพอกับภารกิจนี้ แต่อันสเวิร์ธ เป็นกู้ภัยต่างชาติคนแรกที่ไปถึง หลังจากได้รับการร้องขอจากเจ้าหน้าที่ทางการไทยเมื่อ 23 มิ.ย. ขอให้เขาเดินทางไปที่ถ้ำโดยเร็วที่สุด และเขาได้แนะนำให้รัฐบาลไทย ขอความช่วยเหลือจากนักดำน้ำในอังกฤษ กับเรียกเพื่อนนักดำน้ำ รอบ ฮาร์เปอร์ มาไทย
ฮาร์เปอร์ที่เพิ่งกลับจากสำรวจถ้ำในประเทศไทยกับอันสเวิร์ธ ดึงตัวนักดำน้ำอีกสองคนมาช่วยเหลือ  ได้แก่  จอห์นโวเลนเธน กับ ริค สแตนตัน ที่ดำน้ำพบทีมหมูป่าเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม คำฟ้องระบุว่า อันสเวิร์ธ ฮาร์เปอร์ โวแลนเธนและสแตนตัน อยู่ในทีมวางแผนกู้ภัยที่สุดท้ายช่วยชีวิตทีมหมูป่าได้สำเร็จ

ชาวโซเชียลแชร์คลิปฤทธิ์เดช”ไต้ฝุ่นมังคุด”ถล่มฮ่องกง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/343874

ชาวโซเชียลแชร์คลิปฤทธิ์เดช”ไต้ฝุ่นมังคุด”ถล่มฮ่องกง

ไต้ฝุ่นมังคุด,ฟิลิปปินส์,ยอดเหยื่อ,ฮ่องกงอ่วม

พายุไต้ฝุ่นกำลังแรงสุดของปีนี้ถล่มฮ่องกงก่อนมุ่งแผ่นดินใหญ่จีน บาดเจ็บหลักร้อย ตึกระฟ้าสั่นไหว

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฮ่องกง ออกประกาศเตือนสูงสุดให้ระวังภัยจากพายุไต้ฝุ่นมังคุด ซึ่งพัดกระหน่ำเกาะด้วยความเร็วกว่า 230 ก.ม.ต่อชม. มีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้วกว่า 100 คน

ความรุนแรงของพายุขณะเคลื่อนตัวผ่านทางใต้ของฮ่องกง ทำให้กระจกหน้าต่างอาคารสูงหลายแห่งแตกกระจาย ชาวสื่อสังคมออนไลน์แชร์คลิปที่สะท้อนถึงความรุนแรงของพายุขณะกระหน่ำเกาะฮ่องกงอย่างบ้าคลั่ง ต้นไม้ใหญ่ถอนราก ซัดตู้คอนเทนเนอร์ลอยทะเล และตึกระฟ้าสั่นไหว เพราะถูกออกแบบให้ต้านทานลมกำลังแรง

https://twitter.com/AkikoFujita/status/1041174210897272833

ถนนหลายสายน้ำท่วมสูงถึงเอว และบางส่วนของเกาะถนนถูกตัดขาดเพราะต้นไม้ล้มขวางทาง เที่ยวบินเกือบทั้งหมดทั้งขาเข้าและขาออกถูกยกเลิก

ทางการเตือนประชาชนอยู่แต่ในบ้าน แต่ก็ต้องอกสั่นขวัญแขวนกับเสียงกระจกแตก ชาวแฟลตคนหนึ่งกล่าวว่า เศษแก้วกระจายเกลื่อนพื้นและเตียงนอน ลมแรงมาก

ส่วนที่มาเก๊า กาสิโนทั้้ง 42 แห่งปิดทำการเมื่อคืนวันเสาร์ และเช้าวันนี้

พายุไต้ฝุ่นมังคุดกำลังเคลื่อนตัวไปทางชายฝั่งทางใต้ของจีน รวมถึงเมืองหยางเจียง เมืองที่มีประชากร 2.4 ล้านคนซึ่งไม่ได้เผชิญพายุไต้ฝุ่นรุนแรงบ่อยนัก แต่ครั้งนี้อาจได้รับผลกระทบโดยตรง

ส่วนที่ฟิลิปปินส์ ยอดเหยื่อพายุไต้ฝุ่นมังคุดเพิ่มเป็น 49 คนแล้ว

https://twitter.com/MyrddinGrrrl/status/1041258958609149952

( แชร์บนสื่อสังคมออนไลน์เว่ยป๋อ อ้างว่าพายุไต้ฝุ่นมังคุดซัดตู้เอทีเอ็ม ใกล้กับโอลด์ สตรีท ในเสิ่นเจิ้น ธนบัตรปลิวว่อน ) 

โรงแรมที่เสิ่นเจิ้น 

( สุนัขจรจัด 339 ตัวปลอดภัย แม้ว่าพายุพัดบ้านสงเคราะห์หลังหนึ่งจนหลังคาปลิว)

 

ให้ 2.3 ล้านไขปริศนาเข็มในสตรอว์เบอร์รี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/343863

ให้ 2.3 ล้านไขปริศนาเข็มในสตรอว์เบอร์รี

เข็มสตรอว์เบอร์รี,สตรอว์เบอร์รีออสเตรเลีย,ตั้งรางวัล,เบาแสะนำจับ

รัฐในออสเตรเลียตั้งรางวัลก้อนโตหากใครรู้ต้นตอเข็มเย็บผ้าฝังสตรอว์เบอร์รีในซูเปอร์มาเก็ต

รัฐควีนสแลนด์ตั้งรางวัล 1 แสนดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 2.35 ล้านบาท)แก่ผู้ให้เบาะแสเข็มเย็บผ้าที่พบในสตรอว์เบอร์รีขายในซูเปอร์มาเก็ต ซึ่งรัฐมนตรีสาธารณสุขรัฐควีนสแลนด์ระบุว่าเป็นอาชญากรรมมุ่งร้าย

นับจากชายคนหนึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเนื่องจากปวดท้อง หลังจากกินผลไม้ซื้อจากซูเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่งในรัฐควีนสแลนด์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นข่าวทางสื่อ ปรากฎว่า มีประชาชนหลายคนโพสต์ภาพผลสตรอว์เบอรีกับเข็มเล็กๆซ่อนอยู่เช่นกัน บนสื่อสังคมออนไลน์

ทำให้ซูเปอร์มาเก็ตหลายแห่งในรัฐ ถอนสตรอว์เบอร์รีหลายยี่ห้อออกจากชั้นวางขาย ทั้งยังมีรายงานการพบเข็มในผลไม้ยอดนิยมในรัฐนิวเซาท์เวลส์และวิคตอเรีย ล่าสุด พบที่รัฐเซาท์ออสเตรเลีย

ให้ 2.3 ล้านไขปริศนาเข็มในสตรอว์เบอร์รี 

นายกรัฐมนตรีแอนนาสทาเซีย พาลาสซุค ของรัฐควีนสแลนด์ กล่าวว่า ผู้ใดอยู่เบื้องหลังการกระทำเช่นนี้ ไม่เพียงทำให้หลายครอบครัวทั่วรัฐและทั่วประเทศออสเตรเลียตกอยู่ในความเสี่ยง ยังส่งผลกระทบต่อทั้งอุตสากรรม

พร้อมกันนี้ รัฐบาลรัฐควีนสแลนด์ เสนอให้รางวัลแก่ผู้ให้เบาะแสนำไปสู่การจับกุมและคำตัดสินให้มีความผิดเป็นเงิน 1 แสนดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 2.35 ล้านบาท )

ให้ 2.3 ล้านไขปริศนาเข็มในสตรอว์เบอร์รี Facebook: Angela Stevenson

ตำรวจควีนสแลนด์ บอกบรรษัทกระจายเสียงออสเตรเลีย (เอบีซี) กล่าวว่าการใส่สิ่งแปลกปลอมอันตรายในสตรอว์เบอร์รี ซึ่งมักขายแบบบรรจุกล่องพลาสติกเล็กๆ เป็นไปเพื่อทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ตำรวจยังไม่เปิดเผยว่าอะไรคือมูลเหตุจูงใจที่น่าจะเป็นไปได แต่สมาคมผู้ปลูกสตรอว์เบอร์รีระบุว่าอาจเป็นฝีมือคนงานที่ไม่พอใจ

อุตสาหกรรมสตรอว์เบอร์รีรัฐควีนสแลนด์ มีมูลค่าราว 160 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ความไม่มั่นใจในสินค้า ทำให้ราคาขายส่งสตรอว์เบอร์รีตกลงครึ่งหนึ่งมาอยู่ที่ราว 50 เซนต์ต่อกล่อง ต่ำกว่าต้นทุน ขณะที่มีคำแนะนำให้ผู้บริโภคผ่าสตรอว์เบอร์รีก่อนแทนรับประทานทั้งลูก

เมื่อทำเนียบขาวยุคโดนัลด์ ทรัมป์กลายเป็น”เมืองวิปลาส”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/343840

เมื่อทำเนียบขาวยุคโดนัลด์ ทรัมป์กลายเป็น”เมืองวิปลาส”

เมืองวิปลาส,ทรัมป์,ทำเนียบขาว,บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์

โดย..บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์

เอ่ยชื่อ บ็อบ วูดเวิร์ด คนในวงการสื่อเกือบร้อยทั้งร้อยจะต้องรู้จัก เพราะเคยร่วมมือกับ คาร์ล เบิร์นสไตน์ ทำข่าวสืบสวนสอบสวนหรือข่าวเจาะ คดีวอเตอร์เกต จนทำให้ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ต้องชิงลาออกจากตำแหน่งเมื่อปี 2517 ก่อนหน้าที่รัฐสภาจะลงมติให้ปลดออกจากตำแหน่งหรืออิมพีชเมนต์

เมื่อทำเนียบขาวยุคโดนัลด์ ทรัมป์กลายเป็น"เมืองวิปลาส"

44 ปีให้หลัง บ็อบ วูดเวิร์ด” ได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่อีกลูกหนึ่ง ที่มะกันชนทุกวงการต่างจับตามองว่าจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นอีกครั้งได้หรือไม่ ด้วยการกระชากโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่งผู้นำทำเนียบขาว ผ่านการนำเสนอหนังสือเล่มใหม่เรื่อง “เฟียร์: ทรัมป์ อิน เดอะ ไวท์เฮาส์” หรือ “ความกลัว:ทรัมป์ในทำเนียบขาว” หนา 448 หน้า ซึ่งได้ฤกษ์วางแผงในวันที่ชาวอเมริกันต่างจดจำจนวันตายนั่นก็คือวันที่ 11 กันยายน หรือเพียงไม่กี่เดือนก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐที่กำหนดมีขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน

เมื่อทำเนียบขาวยุคโดนัลด์ ทรัมป์กลายเป็น"เมืองวิปลาส"

ทันทีทันใดนั้นหนังสือเล่มนี้ ก็กลายเป็นหนังสือขายดีระดับเบสต์เซลเลอร์ในชั่วพริบตาจากยอดการสั่งซื้อผ่านอเมซอน

แม้ไม่ใช่หนังสือเล่มแรกที่ระบายภาพการบริหารงานตลอดช่วง 20 เดือนของทรัมป์ แต่หนังสือเล่มนี้ซึ่งเป็นเล่มที่ 19 ของวูดเวิร์ด ก็มีจุดเด่นจนสร้างความฮือฮายิ่งกว่าเล่มอื่นๆ เพราะมีลีลาการเขียนแนวสืบสวนสอบสวนที่ให้รายละเอียดอย่างละเอียดลออ ตรงไปตรงมา ไม่มีการยกเมฆ ไม่มีการเสริมแต่งให้เกินจริงเพื่อเพิ่มความสนุสนาน ไม่วกวนและหลีกเลี่ยงการแทรกความเห็นใดๆ โดยอ้างอิงเอกสารข้อมูลการประชุมระดับลับสุดยอดในทำเนียบขาวจำนวนมาก นอกเหนือจากอัดแน่นไปด้วยข้อมูลเชิงลึกจากการสัมภาษณ์คนใกล้ชิดของทรัมป์หลายสิบคน กินเวลายาวนานหลายร้อยชั่วโมง

วูดเวิร์ดได้อธิบายถึงที่มาของชื่อหนังสือเล่มนี้ว่า “กลัว” เป็นการล้อคำของทรัมป์ที่เคยพูดกับนักข่าวเวลาพูดถึง ”อำนาจแท้จริง” แต่วูดเวิร์ดย้ำว่าคำนี้มีความหมายเจาะจงไปถึง “เมืองคนวิปลาส” หรือ เมืองสติแตก ซึ่งเป็นคำพูดของจอห์น เคลลี พ่อบ้านทำเนียบขาวคนปัจจุบัน หรืออาจจะเป็นคำที่ รินซ์ พรีบัส อดีตพ่อบ้านทำเนียบขาวคนก่อนหน้าเคลลีเคยใช้คำว่า ”เป็นสวนสัตว์ที่ไร้กำแพง” เวลาพูดถึงการบริหารงานของทรัมป์

ตลอดทั้งเล่มนี้จะเต็มไปด้วยคำว่า “งี่เง่า, ทึ่ม, ปัญญาอ่อน, จอมโกหกและคนทรยศ” ซึ่งล้วนแต่ให้ภาพความวุ่นวายโกลาหลในทำเนียบขาวจนเหมือน “เมืองคนวิปลาส” เมื่อเจ้าหน้าที่ต่าง “จิตแตก” ต้องรับมือผู้นำที่มีแต่ความเกรี้ยวกราด อารมณ์แปรปรวนและหวาดระแวง หลายคนต้องแอบทำอะไรบางอย่างทั้งที่รู้ว่าผิดกฎหมายแต่ต้องทำเพื่อป้องกันไม่ให้ทรัมป์ดำเนินนโยบายที่จะสร้างหายนะครั้งใหญ่ขึ้นต่อความมั่นคงของประเทศ

เมื่อทำเนียบขาวยุคโดนัลด์ ทรัมป์กลายเป็น"เมืองวิปลาส"

“เฟียร์” ได้พรรณาถึงระเบิด 5 ลูกใหญ่หรือประเด็นสำคัญสุดของหนังสือเล่มนี้ เริ่มจาก ระเบิดลูกแรก ว่าด้วยการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างน้อย 2 คนยอมรับว่าได้ขโมยเอกสารจากโต๊ะของประธานาธิบดี คนแรกก็คือ แกรี โคห์น ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทรัมป์ที่สารภาพว่าได้ขโมยเอกสารคำสั่งยกเลิกข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกา-เกาหลีใต้จากโต๊ะทำงานของประธานาธิบดีหมายจะขัดขวางไม่ให้ทรัมป์ลงนามรับรองเอกสารชิ้นนั้น อันจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงของ 2 ประเทศ

อีกคนหนึ่งที่ทำแบบเดียวกันก็คือ บ็อบ พอร์เตอร์ อดีตเลขานุการของทรัมป์ ซึ่งได้สมคบกับโคห์นขโมยจดหมายที่ทรัมป์สั่งให้พอร์เตอร์ร่างขึ้นเพื่อประกาศนำอเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟตา)

ระเบิดลูกที่ 2 ก็คือประโยคที่ว่า “ไม่ใช่นักโทษ” คนที่พูดคำนี้ก็คือจอห์น ดาวด์ อดีตทนายความของทรัมป์ซึ่งเป็นคนซักซ้อมทรัมป์ว่าหากต้องไปให้การต่ออัยการพิเศษทรัมป์จะต้องเตรียมอะไรบ้าง ปรากฏว่าทรัมป์ทำได้ไม่ค่อยดีนัก ท้ายสุดดาวด์ก็ยกเลิกการซักซ้อมนั้นพร้อมกับพูดว่า “ท่านไม่ใช่นักโทษ” แต่ลับหลังแล้วดาวด์เคยเสียดสีทรัมป์ว่าเป็นจอมโกหกมาตั้งแต่เกิด

วูดเวิร์ดได้ตั้งคำถามว่า ทำไมต้องมีการซักซ้อมการตอบคำถามของทรัมป์ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือ ทำไมไม่คิดให้ทรัมป์พูดความจริงกับอัยการพิเศษด้วย

ในหนังสือเล่มนี้ จอห์น โดว์ด อดีตทนายของทรัมป์เผยว่าได้จัดให้ทรัมป์ซักซ้อมการสัมภาษณ์หรือให้การหากต้องให้การต่อโรเบิร์ต มุลเลอร์ อัยการซึ่งวูดเวิร์ดตั้งคำถามว่าทำไมต้องทำเช่นนี้ นี่เป็นเพราะเขาไม่เชื่อว่าทรัมป์พร้อมพูดความจริงหรือ พอทรัมป์ซักซ้อมบทได้ไม่ดี โดวด์ก็บอกว่า “ไม่ต้องไปให้การแล้ว ท่านไม่ใช่นักโทษ”

ระเบิดเวลาลูกที่ 3 ก็คือคำพูดที่ว่า “เขาเป็นคนงี่เง่า” เป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีที่จอห์น เคลลี พ่อบ้านทำเนียบขาวเรียกทรัมป์ลับหลังว่า “งี่เง่า” หรือ บ้า หรือ เสียสติ” โดยเคลลีเคยพูดว่า “เขาเป็นคนงี่เง่า ไม่รู้อะไรสักอย่างแต่ก็พยายามบอกให้คนอื่นทำโน่นทำนี่ เขาบ้าไปแล้ว เรากำลังอยู่ในเมืองคนบ้า เมืองสติแตก” เคลลียังบอกผู้ร่วมงานว่าเป็นงานที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยทำมา

   ระเบิดเวลาลูกที่ 4 ก็คือคำว่า “คนปัญญาอ่อน” ทรัมป์จะกดดันเจฟฟ์ เซสส์ชัน รัฐมนตรียุติชธรรมให้ลาออกแทนที่จะให้ตัวเองปลดออก ด้วยการเรียกเซสส์ชันด้วยถ้อยคำดูหมิ่นดูแคลนว่าเป็นคนปัญญาอ่อนจากภาคใต้ แล้วยังล้อเลียนสำเนียงคนใต้ของเซสส์ชันด้วย

ในหนังสือเล่มนี้ยังเผยว่าทรัมป์ยังปากเสียเรียก รินซ์ พรีบัส อดีตแม่บ้านทำเนียบขาวว่าคนทรยศ เรียกเชิงเสียดสี เอชอาร์ แมคมาสเตอร์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติว่าแต่งตัวเหมือนคนขายเบียร์ บอกว่า วิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์วัย 80 ปี ว่าหมดช่วงเวลาที่มือขึ้นที่สุดไปแล้ว”

ระเบิดเวลาลูกที่ 5 ก็คือคำสบถด้วยความหัวเสียของทรัมป์ว่า “นี่ถือเป็นความผิดพลาดห่าเหวครั้งใหญ่สุดเท่าที่ผมเคยทำมา” หลังเกิดเหตุชายคลั่งผิวขาวคนหนึ่งขับรถพุ่งชนขบวนประท้วงเรื่องของสิทธิเท่าเทียมกันของคนทุกผิวสี ทำให้นักเคลื่อนไหวหญิงเสียชีวิต ทรัมป์ต้องพยายามพูดเพื่อไม่ให้เสียประโยชน์ของคนทั้ง 2 ฝ่าย สุดท้ายอดระเบิดอารมณ์ไม่ได้ระหว่างให้สัมภาษณ์รายการของฟ็อกซ์นิวส์

เมื่อทำเนียบขาวยุคโดนัลด์ ทรัมป์กลายเป็น"เมืองวิปลาส"

อีกคนหนึ่งที่มีชื่อปรากฏในหนังสือเล่มนี้คือ พล.อ.เจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมที่บอกว่าความสามารถของทรัมป์ในการเข้าใจเรื่องราวต่างๆ เทียบเท่า “เด็กป.5 ป.6” เท่านั้น แถมยังดื้อเงียบไม่ทำตามคำสั่งทรัมป์ที่เคยต่อสายตรงสั่งลอบสังหารประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย

แน่นอนตั้งแต่ช่วงเปิดตัวแนะนำหนังสือเล่มนี้ทรัมป์ได้ให้ความเห็นว่าเป็นหนังสือแย่ๆ อีกเล่มหนึ่ง เต็มไปด้วยเรื่องโกหก เรื่องราวที่สุดแสนสกปรก เรื่องโจ๊กที่หมายจะเล่นงานตัวเอง แหล่งข่าวที่อ้างเป็นแหล่งข่าวที่ปั้นขึ้นมาเองและเชื่อถือไม่ได้ อาจเรียกได้ว่าเป็นแค่นิยายเล่มหนึ่ง

ด้าน ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว เจมส์ แมตทิส และจอห์น เคลลี ต่างเรียงหน้าออกมาปฏิเสธเสียงแข็ง โดยแมตทิสให้ความเห็นว่าเป็นเรื่องมโนขึ้นมาเอง

อย่างไรก็ดี จิลล์ เอบรัมซัน นักข่าวอาวุโสได้วิจารณ์หนังสือเล่มนี้ว่า “ในยุคที่มีความจริงทางเลือก” และการทวิตแต่ “ข่าวลวง” ข้อมูลของวูดเวิร์ดคือความจริงที่เข้าขั้นมาตรฐานเหรียญทอง

เมื่อทำเนียบขาวยุคโดนัลด์ ทรัมป์กลายเป็น"เมืองวิปลาส"

ส่วนวูดเวิร์ดยืนยันว่าเนื้อหาตลอดทั้งเล่มเป็นความจริง 1,000% พร้อมให้ความเห็นว่า “ไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะเที่ยวไปตัดสินอะไรๆ งานของผมก็คือบอกเล่าถึงสิ่งที่ผู้คนได้ทำลงไป และสิ่งนั้นหมายถึงอะไร อะไรเป็นแรงขับเคลื่อนให้ทำและพวกเขาเป็นใคร” ก็เหมือนแนวเขียนเกี่ยวกับประธานาธิบดี 8 คนในช่วงที่ผ่านมาทั้ง บิล คลินตัน, จอร์จ ดับเบิลยู บุชและบารัก โอบามา นอกเหนือจากเจาะลึกวงในของศาลสูงสุด สำนักข่าวกรองกลางและชีวิตของอลัน กรีนสแปน อดีตซาร์แห่งธนาคารกลางสหรัฐ

ต่อกรณีที่เคลลีและแมตทิสต่างดาหน้าปฏิเสธว่าไม่ได้พูดตามที่ปรากฏในหนังสือ วูดเวิร์ดเผยว่าแหล่งข่าวหลายคนเคยเตือนล่วงหน้าแล้วว่า จะปฏิเสธทุกอย่างที่ปรากฏในหนังสือ ก่อนที่จะย้ำว่า “การต่อสู้ในอเมริกานั้น ที่สำคัญกว่าการต่อสู้ทางการเมืองก็คือการต่อสู้เพื่อความจริง…ผมก็ทำงานของผมไป นี่เป็นรายงานข่าวชิ้นดีที่สุดเท่าที่เราทำได้”

โปสเตอร์ชวนเชื่อเกาหลีเหนือคอลเลคชันใหม่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/343830

โปสเตอร์ชวนเชื่อเกาหลีเหนือคอลเลคชันใหม่

โปสเตอร์ชวนเชื่อ,เกาหลีเหนือ,โปสเตอร์ชวนเชื่อเกาหลีเหนือ,คอลเลคชันใหม่

เกาหลีเหนือปล่อยโปสเตอร์ชวนเชื่อชุดใหม่ โฟกัสไปที่เศรษฐกิจและสินค้าผู้บริโภคแบบพึ่งตนเอง

โปสเตอร์ชวนเชื่อแบบใหม่ 4 รูป ที่สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ(เคซีเอ็นเอ ) เผยแพร่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นพรรคกรรมกรเกาหลีเหนือ เน้นย้ำเป้าหมายทางเศรษฐกิจ  สอดคล้องกับการประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อ 21 เมษายน ที่คิมจองอึน ผู้นำพรรค ประกาศยุตินโยบายบยองจิน ที่ให้ความสำคัญควบคู่เรื่องการพัฒนากองทัพกับเศรษฐกิจ มาเป็นยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่

 โปสเตอร์ชวนเชื่อเกาหลีเหนือคอลเลคชันใหม่

โปสเตอร์รูปหนึ่ง มีข้อความ “แด่ความสำเร็จและเกียรติยศสูงสุดแห่งการผลิตขนานใหญ่” มีรูปสินค้ายี่ห้อเกาหลีเหนือหลายอย่างจากโรงงานผลิตกระเป๋ายี่ห้อต้นสน “โซนามุ” เครื่องสำอาง “บอมฮยางคี” จากโรงงานเครื่องสำอางในซินนุยจู และกิมจิจากโรงงานผลิตในริวคยอง

 โปสเตอร์ชวนเชื่อเกาหลีเหนือคอลเลคชันใหม่

เกาหลีเหนือเร่งเร้าโรงงานเพิ่มผลผลิต หลังจากคิมจองอึน ประกาศแผนเศรษฐกิจ 5 ปี ช่วงปี 2559-2663 สื่อทางการเกาหลีเหนือมักเอ่ยถึงโรงงานสามแห่งนี้ว่าเป็นโรงงานตัวอย่าง และรายงานเวลาคิมจองอึนตรวจเยี่ยม

 โปสเตอร์ชวนเชื่อเกาหลีเหนือคอลเลคชันใหม่

นอกจากนี้ในโปสเตอร์ ยังมีรูปรองเท้ากีฬา ร่ม และยาสีฟัน กับคำว่า ฮยอง ซึ่งบ่งว่ามาจากกลุ่มบริษัทแนโกฮยอง ตอดจนสินค้าอย่างน้ำผลไม้ และรูปโรงงานผ้าไหม ที่เกาหลีเหนือเคยพาสื่อต่างชาติเยี่ยมชม เป็นพื้นหลัง

ในช่วงสองสามปีมานี้ ชาวต่างชาติที่ไปเยือนเกาหลีเหนือ ต่างก็สังเกตเห็นสินค้าผลิตในประเทศหลากหลาย รวมถึงสินค้ากีฬา ยาสีฟัน เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว

 โปสเตอร์ชวนเชื่อเกาหลีเหนือคอลเลคชันใหม่

โปสเตอร์อีกใบ มีข้อความ “มาคุ้มกันพรรคด้วยการมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติตามยุทธศาสตร์ 5 ปี”  นอกจากนี้ยังมีข้อความ “ก้าวกระโดดสู่การผลิตขนานใหญ่” พร้อมรูปพืชผลการเกษตรกับชาวนา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือทุ่มเทกับการเกษตร ในประเทศที่ยังมีความไม่มั่นคงทางอาหารสูง โดยเฉพาะปีนี้ ถูกซ้ำเติมจากภัยแล้งและน้ำท่วม

อีกรูปสะท้อนถึงการมุ่งโครงการก่อสร้างของคิมจองอึน ด้วยข้อความว่า “มาเป็นผู้สร้างความสำเร็จยิ่งใหญ่ในสมรภูมิการก่อสร้างยิ่งใหญ่กันเถอะ ” และ “รับผิดชอบพันปี รับประกันยืนนานหมื่นปี”

บริษัทจีนต่อเรือบรรทุกคอนเทนเนอร์ใหญ่สุดในโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/343820

บริษัทจีนต่อเรือบรรทุกคอนเทนเนอร์ใหญ่สุดในโลก

เรือคอนเทนเนอร์,จีนต่อเรือ,เรือคอนเทนเนอร์ใหญ่สุดในโลก

จีนตอกย้ำก้าวเป็นผู้นำต่อเรือคอนเทนเนอร์ ต่อเรือขนาดมหึมาบรรทุกเกินมาตรฐาน 2.3 หมื่นตู้ หรือไอโฟน x กว่า 1,000 ล้านเครื่อง

บริษัท ซีเอสเอสซี  ( China State Shipbuilding Corp)เบียดชนะคู่แข่งระดับเวิลด์คลาส 5 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทต่อเรือ อิมาบาริของญี่ปุ่น หรือบริษัทต่อเรือชั้นนำจากเกาหลีใต้อย่าง แตอู  มารีน เอ็นจิเนียร์ริง และฮุนได เฮฟวี อินดัสทรีส์ คว้าสัญญาต่อเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ใหญ่ที่สุดในโลกจำนวน 9 ลำ -ของ CMA CGM บริษัทชิปปิงของฝรั่งเศส

การก่อสร้างเรือคอนเทนเนอร์ใหญ่สุดในโลก 2 ลำเริ่มแล้วเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม โดย บริษัท เจียงหนาน ชิปยาร์ด กรุ๊ป กับ หูตง จงหัว กรุ๊ป ในเซี่ยงไฮ้ ที่ซีเอสเอสซีเป็นเจ้าของ คาดว่าจะส่งมอบแก่ลูกค้าในปี 2020 แต่ละลำ จุคอนเทนเนอร์ได้เกินมาตรฐาน 2.3 หมื่นตู้ หรือหากบรรทุก ไอโฟน X  ก็สามารถจุได้กว่า 1,000 ล้านเครื่อง

สถาบันวิจัยและออกแบบเดินสมุทรซึ่งเป็นหน่วยวิจัยของซีเอสเอสซี ในเซี่ยงไฮ้ ระบุว่า เรือคอนเทนเนอร์ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง จะเป็นเรือรุ่นล่าสุดและใหญ่ที่สุดในชั้น เฮราเคิลส์ ที่ตั้งชื่อตามปรัชญาเมธีชาวกรีก เรือจะมีความยาว 400 เมตร กว้าง 61.3 เมตร บรรทุกสินค้าได้ 2.2 แสนตัน ขับเคลื่อนด้วยแก๊สแอลจีพี จึงจะเป็นเรือคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ลำแรกที่ใช้เชื้อเพลิงเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ต่างจากเรือใหญ่เดิมที่ใช้น้ำมันดีเซล อันจะช่วยลดการปล่อยมลพิษได้มาก

หยู ไล่ หัวหน้าทีมออกแบบเรือลำใหม่ กล่าวว่า การออกแบบและก่อสร้างเรือคอนเทนเนอร์ขนาดมหึมา จะทำให้จีนก้าวเป็นผู้นำด้านการต่อเรือบรรทุกคอนเทนเนอร์

“ในอดีต เราตามหลังคนอื่น ตอนนี้เรากำลังวิ่งแซงหน้าพวกเขา” หัวหน้าทีมออกแบบกล่าว และเสริมว่าเมื่อเทียบกับบริษัทต่อเรือที่มาก่อน เรือบรรทุกคอนเทนเนอร์ชั้นใหม่ จะมีขนาดใหญ่กว่า ระบบอัตโนมัติระดับสูง ใช้ลูกเรือปฏิบัติการเพียง 30 คน ระบบความปลอดภัยดีกว่า รวมถึงผลด้านสภาพแวดล้อม การก่อสร้างต้องอาศัยเทคนิคการผลิตชั้นสูง  ความเร็วสูงสุดจะอยู่ที่ 22 น็อต หรือราว 41 ก.ม.ต่อชม.

ปัจจุบัน เรือคอนเทนเนอร์ลำใหญ่ที่สุด เป็นเรือ 6 ลำที่ ซัมซุง เฮฟวี อินดัสทรีส์ สร้างให้กับ โอเรียน โอเวอร์ซีส์ ไลน์ บริษัทชิปปิงและลอจิสติกส์ของฮ่องกง จุคอนเทนเนอร์ได้ 21,413 ตู้
อันดับสอง เป็นเรือของ คอสโค ชิปปิง ยูนิเวิร์ส ที่ออกแบบและสร้างโดยบริษัทต่อเรือของจีน ไชนา สเตท ชิปบิลดิง คอร์ป บรรทุกคอนเทนเนอร์ได้ 21,237 ตู้

พ่ออุทิศชีวิตหลังสูญเสียลูกชายซ่อมหลุมบ่อถนนมุมไบ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/343641

พ่ออุทิศชีวิตหลังสูญเสียลูกชายซ่อมหลุมบ่อถนนมุมไบ

หลุมบ่อ,มุมไบ,พ่ออุทิศ,ลูกชายที่จากไป

ดาราราว บิลฮอร์ สูญเสียประกาศ ลูกชายในวัยเพียง 16 ปีที่เมืองมุมไบ อย่างยากจะทำใจได้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2558

เพื่อคลายความโศกเศร้า ได้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างกับถนนในมุมไบ ที่มีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อ และเป็นสาเหตุการตายของลูกชาย เช่นเดียวกับอีกหลายพันชีวิตในแต่ละปีด้วยสาเหตุเดียวกัน

พ่อค้าผักวัย 48 ปี ใช้ทรายและก้อนกรวดจากลานก่อสร้าง ถมหลุมบนถนนเกือบ 600 แห่งทั่วเมืองที่ได้ชื่อเป็นศูนย์กลางการเงินของอินเดีย ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อระลึกถึงและอุทิศให้กับลูกชาย  โดยเฉพาะหวังว่าการทำเช่นนี้จะช่วยรักษาชีวิตคนได้ ไม่อยากให้ใครต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักอย่างที่เขากับครอบครัวต้องเผชิญ

หลังซ่อมพื้นผิวถนนเสร็จแล้ว เขาจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและระลึกถึงลูกชาย

พ่ออุทิศชีวิตหลังสูญเสียลูกชายซ่อมหลุมบ่อถนนมุมไบ

ประกาศ นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ลูกพี่ลูกน้องเป็นคนขับขี่  รถตกหลุมค่อนข้างลึกบนถนนเสียหลัก ส่งทั้งคู่ลอยคว้างในอากาศ ประกาศซึ่งไม่สวมหมวกกันน็อก เสียชีวิตจากบาดเจ็บที่สมอง ส่วนลูกพี่ลูกน้องซึ่งสวมหมวกกันน็อก บาดเจ็บเล็กน้อย โศกนาฏกรรมนี้เกิดขึ้นในฤดูมรสุม ฝนตกหนักมักทำให้ถนนเสียหายหนักขึ้น

หลุมบ่อบนถนนหนทางเป็นสิ่งที่พบเห็นทั่วไปจนมีการผลักดันให้มุมไบ ได้รับการบันทึกในกินเนสบุ๊กออฟเรคคอร์ดว่าเป็นเมืองที่มีหลุมบ่อมากที่สุดในโลก

พ่ออุทิศชีวิตหลังสูญเสียลูกชายซ่อมหลุมบ่อถนนมุมไบ

นาวิน ลาเด ชาวเมืองมุมไบ เก็บสถิติบนเวบ ww.mumbaipotholes.com อ้างว่า ในมุมไบ มีหลุมบ่อบนถนนกว่า 2.7 หมื่นแห่ง แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมักโต้ว่าไม่เป็นความจริง

กระนั้น สถิติทางการพบว่า หลุมบ่อเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ใช้รถใช้ถนน 3,597 คนเมื่อปีที่แล้ว หรือเฉลี่ยวันละ 10 คน ประชาชนโทษรัฐบาลขาดความกระตือรือล้น และไม่บำรุงรักษาพื้นผิวถนนอย่างเหมาะสม ขณะนักเคลื่อนไหวกล่าวหาว่าผู้รับเหมาที่รับงานปูพื้นถนนใหม่ทำแบบลวกๆเพื่อจะได้กลับมาซ่อมใหม่อีกครั้งในปีถัดไป

บิลฮอร์ ผู้สูญเสียลูกชาย กล่าวว่า รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบและปรับปรุงสาธาณูปโภค

พ่ออุทิศชีวิตหลังสูญเสียลูกชายซ่อมหลุมบ่อถนนมุมไบ

การซ่อมหลุมบ่อบนถนน 585 แห่งตลอด 3 ปีมานี้ จำนวนมากเขาทำคนเดียว บางแห่งมีอาสาสมัครมาช่วย หลังได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวความสูญเสียของเขา ซึ่งเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์นับครั้งไม่ถ้วน และได้รับรางวัลมากมาย

พ่ออุทิศชีวิตหลังสูญเสียลูกชายซ่อมหลุมบ่อถนนมุมไบ
“การได้รับการยอมรับในงานที่ทำ เป็นพลังให้ผมเข้มแข็งในการเยียวยาความเจ็บปวด ไม่ว่าจะไปที่ไหน ผมรู้สึกว่าประกาศยืนอยู่ข้างผมเสมอ ตราบใดยังมีชีวิตอยู่และยังเดินไหว ผมจะขจัดหลุมบ่อพวกนี้ให้หมดไป”  คุณพ่อวัย 48 ปีกล่าวทิ้งท้าย

บอสใหญ่”อเมซอน”ตั้งกองทุน 6.5หมื่นล.ช่วยคนไร้บ้าน-การศึกษา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/343601

บอสใหญ่”อเมซอน”ตั้งกองทุน 6.5หมื่นล.ช่วยคนไร้บ้าน-การศึกษา

อเมซอน,มหาเศรษฐีรวยสุดในโลก,ช่วยคนไร้บ้าน

มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก วางแผนบริจาคทรัพย์สินเพื่อตั้งกองทุน 2,000 ล้านดอลลาร์สำหรับช่วยเหลือคนไร้บ้าน

เจฟฟ์ เบซอส ซีอีโออเมซอน บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของโลก ประกาศว่า เขาและภรรยา แมคเคนซี  จะร่วมกันจัดตั้งกองทุน 2,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ให้ความช่วยเหลือครอบครัวคนไร้บ้านและสร้างเครือข่ายสถานศึกษาก่อนวัยเรียนในชุมชนผู้มีรายได้น้อย โดยโครงการนี้ใช้ชื่อว่า “Bezos Day One Fund”

เบซอส ทวีตเมื่อวานว่า กองทุนนี้จะจัดงานแจกรางวัลภาวะผู้นำแก่องค์กรที่ทำงานด้วยความทุ่มเทเพื่อจัดหาที่อยู่และอาหารให้กับครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน และจะแจกทุนการศึกษาสำหรับสถานศึกษาก่อนวัยเรียนในชุมชนด้อยโอกาส

มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งโลก ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือวอชิงตันโพสต์ และบริษัทสำรวจอวกาศ “บลู ออริจิน” ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกในปีนี้ ด้วยทรัพย์สิน 164,000 ล้านดอลลาร์จากการจัดอันดับของบลูมเบิร์ก

บอสใหญ่"อเมซอน"ตั้งกองทุน 6.5หมื่นล.ช่วยคนไร้บ้าน-การศึกษา

การช่วยเหลือคนไร้บ้านยังเป็นเป้าหมายสำคัญของอเมซอนด้วย โดยในปีนี้บริษัทได้จับมือกับ Mary’s Place  องค์กรไม่แสวงผลกำไรในซีแอตเทิล เพื่อสร้างบ้านพักถาวรให้กับคนไร้บ้านภายในสำนักงานของอเมซอน และก่อนหน้านั้นยังให้การสนับสนุนบ้านพักชั่วคราวที่รองรับคนไร้บ้าน 200 คน

และในเดือนนี้ เบซอสและภรรยาได้บริจาค 10 ล้านดอลลาร์ให้องค์กรไม่แสวงผลกำไร With Honor และองค์กรรณรงค์ทางการเมือง PAC (แพค) เพื่อสนับสนุนให้อดีตทหารผ่านศึกได้เข้าสู่เวทีการเมือง

บอสใหญ่"อเมซอน"ตั้งกองทุน 6.5หมื่นล.ช่วยคนไร้บ้าน-การศึกษา

ในอดีต เบซอสบริจาคเงินสนับสนุนทางการเมือง และถูกวิจารณ์ว่าไม่บริจาคให้องค์กรการกุศลอย่างมหาเศรษฐีคนอื่นๆ เช่น  บิล เกตส์  และวอร์เรน บัฟเฟตต์   จนกระทั่งเมื่อเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว เขาได้ทวีตถามความเห็นคนในสังคมว่าอยากให้เขานำทรัพย์สมบัติของเขาที่เวลานี้คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.6 แสนล้านดอลลาร์แล้ว ไปใช้เพื่อการกุศลในด้านใด

การตั้งกองทุน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถูกนำไปเปรียบว่ายังน้อยกว่ามาก เมื่อเทียบกับกิจกรรมการกุศลของมหาเศรษฐีหมื่นล้านคนอื่น อาทิ บิล เกตส์ ที่บริจาคเงินหลักหมื่นล้านเข้ามูลนิธิ หรือมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ให้คำมั่นบริจาคหุ้น 99% ในสื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่แก่องค์กรหนึ่งที่มุ่งประโยชน์ส่วนใหญ่

ความร่ำรวยของเบซอส ส่วนใหญ่มาจากหุ้นในอเมซอน  ที่มูลค่าการตลาดพุ่งแตะหลักล้านล้านดอลลาร์ช่วงหนึ่งในเดือนนี้ เป็นบริษัทที่สองที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกรองจากแอปเปิล

ตร.มาเลเซียรวบมือจับแมวจรจัดเข้าเครื่องอบผ้า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/343590

ตร.มาเลเซียรวบมือจับแมวจรจัดเข้าเครื่องอบผ้า

เครื่องอบผ้า,โยนแมว,โยนแมวเข้าเครื่องอบผ้า,มาเลเซีย,มือโยนแมว

จับกุมผู้ต้องสงสัย 2 คน ในคลิปทารุณสัตว์ จับแมวยัดเครื่องอบผ้าจนตาย

(คมชัดลึกออนไลน์ 14 ก.ย.) คลิปกล้องวงจรปิดร้านซักผ้าแบบยอดเหรียญในย่านทามัน กอมบอก เรีย รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย แสดงให้เห็นเหตุการณ์สะเทือนใจเมื่อเที่ยงวันอังคารที่ผ่านมา ชาย 2 คน อยู่ๆก็จับแมวจรจัดตัวหนึ่งที่นอนอยู่ใต้โต๊ะ ใส่เข้าไปเครื่องปั่นผ้าแห้ง แล้วเปิดเดินเครื่อง ก่อนเดินจากไป

ชาวสังคมออนไลน์ออนไลน์โกรธแค้นอย่างมาก หลังคลิปนี้ถูกเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊ก Malaysian Response Team’s  จำนวนมากเรียกร้องให้ทางการเอาเรื่องจนถึงที่สุด ข้อมูลบนเพจระบุว่า ชายทั้งสองเป็นลูกค้าประจำ ส่วนแมวเคราะห์ร้าย ไม่มีเจ้าของ อาศัยหลับนอนบริเวณนั้น แมวตายในสภาพที่ซากชุ่มโชกไปด้วยเลือด

ชาวเน็ตตามล่าชายในคลิป ไม่นานก็ปรากฎชื่อ เบอร์โทรศัพท์ เลขทะเบียนรถของหนึ่งในผู้ต้องสงสัย
ต่อมา ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 2 คนในวันนี้ และสอบสวนเป็นคดีอาญา ข้อหาฆ่าหรือทำให้สัตว์พิการ ขณะยังตามหาตัวผู้ต้องสงสัยคนที่สามต่อไป

ตำรวจเปิดรูปถ่ายทั้งสามคนนี้และขอให้ประชาชนแจ้งเบาะแสอีกคนที่เหลือหากมีข้อมูล

เดอะสตาร์รายงานวันนี้ว่า ที่น่าตกใจและเศร้าใจคือการทารุณแมวท้องจนตายอย่างโหดเหี้ยม กลับไม่มีใครยื่นมือขัดขวาง

จากภาพแสดงให้เห็นว่า นอกจาก 3 ผู้ต้องสงสัยในคลิปแล้ว ยังมีคนจำนวนหนึ่งอยู่ในบริเวณนั้น จึงกลายเป็นอีกประเด็นที่ทำให้ชาวมาเลเซียรู้สึกเศร้าใจ ที่คนอยู่ในเหตุการณ์กลับดูดายไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้ชายสามคนยัดแมวเข้าไปในเครื่องอบผ้าแล้วปล่อยให้มันตาย

ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งระบุว่า  คนเหล่านั้นน่าจะโดนลงโทษด้วย ขณะอีกคนกล่าวว่า หากทุกคนไม่สนใจความเป็นไปรอบข้างบ้างเลย เหตุการณ์เช่นนี้ก็จะดำเนินต่อไป