กรีซห้ามนักท่องเที่ยวอ้วนขี่หลังลา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/347351

กรีซห้ามนักท่องเที่ยวอ้วนขี่หลังลา

กรีซ,ขี่ลา,นักท่องเที่ยวอ้วน

หลังได้รับการร้องเรียนมานาน ในที่สุด กรีซก็ออกกฎใหม่ป้องกันลาเดี้ยง และเป็นแผล

กระทรวงอาหารและพัฒนาชนบทของกรีซ ออกระเบียบใหม่เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพลาที่ถูกนำมาใช้งาน หลังจากมีการณรงค์มานานหลายปีและสื่อนำเสนอกันครึกโครม กรณีนำลามาใช้รับส่งนักท่องเที่ยวบนเกาะซานโตรินี แหล่งท่องเที่ยวดังของกรีซ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มีน้ำหนักตัวมาก ทำให้ลาบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง

กฎใหม่ระบุว่า ลาไม่ควรแบกรับน้ำหนักมากเกินไปสำหรับขนาดตัว อายุและสภาพร่างกาย  และห้ามบรรทุกน้ำหนักเกิน 100 ก.ก. หรือ 1 ใน 5 ของน้ำหนักตัวลา นอกจากนี้ ควรให้ลาได้รับอาหารและน้ำดื่มจากภาชนะในแต่ละวันอย่างเหมาะสม ภาชนะต้องไม่ปนเปื้อนและล้างคำความสะอาดอย่างน้อยวันละครั้ง และห้ามใช้ลาในสภาพไม่พร้อมทำงานโดยเด็ดขาด เช่น ป่วย บาดเจ็บ ท้องแก่ และกีบเท้าไม่ดี

นักท่องเที่ยวหลายพันคน จ่ายค่าขี่ลา ชมทิวทัศน์บนเนินเขาเลียบทะเลบนเกาะซานโตรินี ซึ่งเป็นถนนขั้นบันได้ทำให้รถเข้าไม่ถึง เช่นการเดินทางเข้าไปในเมืองหลวงฟีรา

ก่อนหน้านี้ โฆษกกลุ่มการกุศล ช่วยลาซานโตรินี เสนอกำหนดให้ลารับน้ำหนักได้ไม่เกิน 20% ของน้ำหนักตัว เพราะการแบกน้ำหนักมากเกินไป ประกอบกับการอยู่กลางแดด ความร้อนและขาดน้ำ กับการเดินไปบนถนนขั้นบันได 568 ขั้น ทำงานหลายชั่วโมงต่อวันและไม่มีวันหยุด สร้างปัญหากับลาอย่างมาก

เมื่อเดือนมิถุนายน มีองค์กรการกุศลอ้างว่าเพราะนักท่องเที่ยวอ้วนมีมากขึ้น ชาวบ้านจึงหันไปผสมข้ามสายพันธุ์ เพื่อออกลูกเป็นล่อ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าและสูงกว่า จะได้บรรทุกน้ำหนักได้มากกว่าลา ขณะภาพนักท่องเที่ยวอ้วนใหญ่นั่งบนหลังลาชมเกาะซานโตรินี กลายเป็นข่าวพาดหัวทั่วโลก 

เกาหลีใต้จับชาวศรีลังกาปล่อยโคมลอยทำไฟไหม้คลังน้ำมัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/347336

เกาหลีใต้จับชาวศรีลังกาปล่อยโคมลอยทำไฟไหม้คลังน้ำมัน

โคม,ปล่อยโคม,คลังน้ำมันเกาหลีใต้,ไฟไหม้คลังน้ำมัน

ไฟไหม้คลังน้ำมันครั้งใหญ่ในเกาหลีใต้เมื่อสุดสัปดาห์ ต้นเหตุเป็นโคมที่ชาวศรีลังกาปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วไปตกในที่เสี่ยง แต่บางฝ่ายมองว่าไม่เป็นธรรม

ตำรวจเกาหลีใต้เตรียมขออัยการออกหมายจับชายชาวศรีลังกา วัย 27 ปี เป็นผู้ต้องสงสัยปล่อยโคมลอยขึ้นท้องฟ้าเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา( 7 ต.ค.) ทั้งที่รู้ว่ามีคลังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ ในเมืองโคยัง จ.คยองคี ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาจุดที่ปล่อยโคม เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้รุนแรง สูญน้ำมัน 2.6 ล้านลิตร ก่อความเสียหายราว 4,300 ล้านวอน  ( 125 ล้านบาท )

โคมต้นเหตุ มีความกว้าง 40 ซ.ม. สูง 60 ซ.ม. หลังปล่อยขึ้นไปไกลราว 300 เมตร ผู้ต้องสงสัยเห็นโคมกำลังลอยไปทางคลังน้ำมัน  จึงพยายามวิ่งไปสกัดแต่โคมลอยไปเร็วมาก ในที่สุดก็ตกลงบนสนามหญ้าใกล้คลังน้ำมัน ประกายไฟจากหญ้า เจอกับไอน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากระบบระบายอากาศที่ถังน้ำมัน ทำให้เกิดเหตุระเบิดและไฟไหม้รุนแรง

กฎหมายเกาหลีใต้ ระวางโทษผู้ที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้เพราะความประมาทร้ายแรง จำคุก 3 ปี หรือปรับ 20 ล้านวอน ( 5.8 แสนบาท)

 เกาหลีใต้จับชาวศรีลังกาปล่อยโคมลอยทำไฟไหม้คลังน้ำมัน

แต่ชาวเกาหลีใต้จำนวนไม่น้อย รวมถึงนักกฎหมาย วิจารณ์ทางการว่าไม่เป็นธรรมหากโทษชาวต่างชาติ  ควรเป็นบริษัทผู้ประกอบการคลังน้ำมัน ซึ่งไม่ได้ติดตั้งระบบป้องกันเพลิงไหม้อย่างเหมาะสม ที่ต้องรับผิดชอบแทน เหตุการณ์นี้ยังจุดคำถามว่า ไฟไหม้เล็กน้อยบนสนามหญ้าลุกลามเป็นเปลวเพลิงขนาดนั้นได้อย่างไร คลังน้ำมันอื่นทั่วประเทศหละหลวมเช่นเดียวกันหรือไม่

ตำรวจยืนยันว่า บริษัทท่อส่งน้ำมันแตฮัน ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนเจ้าของคลังน้ำมันที่เกิดเหตุ ใช้เวลาถึง 18 นาทีกว่าจะรู้ว่ามีเหตุไฟไหม้เกิดขึ้น เพราะคลังน้ำมันของบริษัทไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์ไฟไหม้ และเก็บไอน้ำมัน

โคเรีย ไทมส์ รายงานว่า ระบบเก็บไอน้ำมัน อาจช่วยป้องกันเพลิงไหม้ได้ แต่บริษัทไม่ได้ติดตั้งเพื่อลดต้นทุน อีกทั้งไม่มีกฎหมายบังคับ จะมีก็แต่สถานีบริการน้ำมันเท่านั้นที่จะต้องติดตั้งตั้งแต่ปีที่แล้ว

 เกาหลีใต้จับชาวศรีลังกาปล่อยโคมลอยทำไฟไหม้คลังน้ำมัน

ชาวเน็ตในเกาหลีใต้รายหนึ่งแสดงความเห็นว่า รัฐบาลควรตบรางวัลชาวศรีลังกาที่ช่วยให้พวกเรารู้ว่าแค่โคมลอยเล็กๆอันเดียวก็ทำลายประเทศของเราได้แล้ว

เช่นเดียวกับ มินบยอง องค์กรทนายหัวก้าวหน้า ซึ่งยื่นมือช่วยผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ กล่าวว่า ไม่เป็นธรรมที่โยนความผิดให้ผู้ต้องสงสัย เพราะการซื้อและปล่อยโคมลอยไม่ผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ เจ้าของคลังน้ำมันควรมีระบบป้องกันไฟไหม้ที่ดีกว่านี้ หากการปล่อยโคมเป็นเรื่องอันตราย ทำไมไม่ประกาศให้การซื้อและเล่นผิดกฎหมายตั้งแต่แรก

ชาวศรีลังการายนี้เข้าไปทำงานในเกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 2558 เขาเจอโคมอยู่ในอุโมงค์ก่อสร้างที่ทำงานอยู่ เพราะคืนวันเสาร์ก่อนหน้าเกิดเหตุ นักเรียนและผู้ปกป้องจากโรงเรียนประถมห่างออกไปราว 800 เมตรจากคลังน้ำมัน ได้ทำการปล่อยโคมราว 80 อัน

 เกาหลีใต้จับชาวศรีลังกาปล่อยโคมลอยทำไฟไหม้คลังน้ำมัน

คลังน้ำมันที่ระเบิด มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 28.4 เมตร สูง 8.5 เมตร จุน้ำมัน 4.4 ล้านลิตร พนักงานดับเพลิงกว่า 260 คน และรถดับเพลิงกว่า 200 คัน ต้องใช้เวลาร่วม 17 ชม.จึงดับไฟได้  เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นรุนแรงขนาดคนที่อาศัยไกลออกไปจากเมืองโคยัง ทั้งในโซลและคิมโพ ต่างก็มองเห็นควันสีดำในท้องฟ้า ทางการเตือนให้ประชาชนในโคยังและบางพื้นที่ในโซลอยู่แต่ภายในบ้านและปิดหน้าต่าง ป้องกันสูดควันพิษ

เผยผู้ต้องสงสัยวางยาอดีตสายลับอีกคนเป็น”แพทย์ทหารรัสเซีย”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/347309

เผยผู้ต้องสงสัยวางยาอดีตสายลับอีกคนเป็น”แพทย์ทหารรัสเซีย”

สครีพัล,สายลับรัสเซีย,แพทย์ทหาร,แพทย์ทหารรัสเซีย,เผยตัวตน

นักสืบไซเบอร์เจ้าเดิมกระชากหน้ากากผู้ต้องสงสัยวางยาพิษอดีตสายลับรัสเซียในอังกฤษคนที่สอง เผยเป็นแพทย์ทหารสังกัดสำนักข่าวกรอง

ผู้ต้องสงสัยชาวรัสเซียสองคน ที่ทางการอังกฤษระบุว่า เป็นคนลงมือพยายามลอบสังหาร เซอร์เก สครีพัล อดีตสายลับรัสเซียและยูเลีย ลูกสาว ในเมืองซาลส์บิวรี ด้วยสารพิษทำลายประสาทโนวีช็อก เมื่อเดือนมีนาคม ถูกเบลลิงแคท (Bellingcat)  ทีมสอบสวนที่เชี่ยวชาญขุดค้นข้อมูลเปิดบนอินเทอร์เน็ต สืบสาวปูมหลังจนพบตัวตนคนแรกเมื่อเดือนก่อนชื่อ อนาโตลี เชปีกา ทหารยศนายพันของกองทัพรัสเซีย

เผยผู้ต้องสงสัยวางยาอดีตสายลับอีกคนเป็น"แพทย์ทหารรัสเซีย"

เผยผู้ต้องสงสัยวางยาอดีตสายลับที่แท้เป็นนายพันรัสเซีย

ล่าสุด กลุ่มเดียวกัน เปิดเผยว่า รู้ตัวตนที่แท้ของผู้ต้องสงสัยคนที่สอง ซึ่งมีชื่อตามหนังสือเดินทาง อเล็กซานเดอร์ เปตรอฟ แต่แท้จริงเขาคือ อเล็กซานเดอร์ เยฟเกเยวิช มิชคิน แพทย์ทหารสังกัดสำนักข่าวกรองกองทัพ ( จีอาร์ยู )  เช่นเดียวกับเชปีกา

เผยผู้ต้องสงสัยวางยาอดีตสายลับอีกคนเป็น"แพทย์ทหารรัสเซีย"

ภาพ Bellingcat 

แม้ว่าผู้ต้องสงสัยคนที่สองอย่าง อเล็กซานเดอร์ มิชคิน มีร่องรอยดิจิทัลให้ตามสืบน้อยกว่าเชปีกา  แต่ก็สามารถรวบรวมข้อเท็จจริงสำคัญจากปูมหลังของเขาได้ อย่าง ภาพสแกนหนังสือเดินทางตัวจริงในปี 2544

จากข้อมูลเปิดบนอินเทอร์เน็ต และคำบอกเล่าของคนที่คุ้นเคยกับมิชคิน พบว่าเขาเกิดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2522 ในภูมิภาคอาร์คันเกลสค์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ จบการศึกษาจากวิทยาลัยแพทย์ทหาร มีคุณสมบัติเข้าเป็นแพทย์ในกองทัพเรือ แต่จีอาร์ยูดึงตัวไป และย้ายไปมอสโกในปี 2553 เขาได้รับบัตรประชาชนและหนังสือเดินทางใบที่สองในนามแฝงว่า อเล็กซานเดอร์ เปตรอฟ  มิชคินเดินทางไปยูเครนหลายครั้ง และเคยแจ้งที่อยู่ของเขาเป็นสำนักงานใหญ่จีอาร์ยู

เผยผู้ต้องสงสัยวางยาอดีตสายลับอีกคนเป็น"แพทย์ทหารรัสเซีย"

หลังอังกฤษเผยภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นทั้งคู่ เดินทางไปซาลส์บิวรี ในช่วงเดียวกับที่สครีพัลถูกวางยาพิษ สถานีโทรทัศน์รัสเซียสร้างความประหลาดใจด้วยการสัมภาษณ์ทั้งคู่ออกอากาศ ทั้งสองยืนยันว่าพวกเขาแค่ไปเที่ยวเมืองนี้เพราะชอบเที่ยวดูโบสถ์เก่าและหอคอย ไม่ได้ทำอย่างอื่น
บทสัมภาษณ์ครั้งนี้จุดคำถามว่าเหตุใดรัสเซียจึงเปิดหน้าทั้งสองออกทีวี ฝ่ายข่าวอังกฤษมองว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ต้องการลงโทษฐานทำการภิจล้มเหลวจนถูกจับได้

ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีปูติน ซึ่งเป็นอดีตเคจีบี โจมตีสครีพัล ว่าเป็นแค่เศษสวะ ไม่ได้มีความสำคัญ เป็นแค่สายลับคนหนึ่งและคนทรยศแผ่นดินเกิด

เผยผู้ต้องสงสัยวางยาอดีตสายลับอีกคนเป็น"แพทย์ทหารรัสเซีย"

คดีลอบสังหารสครีพัล  ที่อังกฤษเชื่อว่ารัสเซียส่งคนไปลงมือเพื่อแก้แค้นที่เขาทำงานร่วมกับหน่วยข่าวกรองตะวันตก กับข้อกล่าวหาใหม่เมื่อสัปดาห์ก่อนที่ว่า แฮคเกอร์ของจีอาร์ยู พยายามเจาะระบบคอมพิวเตอร์ขององค์การห้ามอาวุธเคมีในเนเธอร์แลนด์ ขณะกำลังสอบสวนการวางยาพิษในซาลส์บิวรี ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับตะวันตกร้าวฉานหนักขึ้น

เบลลิงแคท กลายเป็นหอกข้างแคร่ของรัฐบาลเครมลิน มาตั้งแต่สอบสวนเหตุยิงเครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลนส์เที่ยวบิน เอ็มเอช 17 ในยูเครน เปิดโปงอาชญากรรมสงครามในซีเรียและอิรัก  กลุ่มนี้ก่อตั้งเมื่อปี 2547 โดย เอเลียต ฮิกกินส์ ผู้สื่อข่าวอังกฤษโดยระดมทุนจากสาธารณะ

ผู้จัดการ”ออลนิปปอนแอร์เวยส์”เมาไวน์ทำร้ายผู้โดยสาร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/347290

ผู้จัดการ”ออลนิปปอนแอร์เวยส์”เมาไวน์ทำร้ายผู้โดยสาร

ออลนิปปอนแอร์เวยส์,เอเอนเอ,ญี่ปุ่น,เมาไวน์,ทำร้ายผู้โดยสาร

ไม่น่าเชื่อจะมีเหตุการณ์ที่ระดับผู้จัดการสาขาสายการบินชั้นนำญี่ปุ่น ทำร้ายผู้โดยสารบนเครื่อง

เจแปน ทูเดย์ อ้างรายงานจากสถานี ฟูจิ ทีวี ว่านายเคนจิ ซูกิโนะ ผู้จัดการสายการบินออลนิปปอนแอร์เวยส์ สาขาปารีส ก่อเหตุทำร้ายผู้โดยสาร บนเที่ยวบินชั้นบิสเนส มุ่งสู่สนามบินฮาเนดะ

เอเอ็นเอ ออกแถลงการณ์ระบุว่า นายซูกิโนะ วัย 52 ปี อยู่ในอาการมึนเมาขณะก่อเหตุ หลังจากดื่มไวน์เข้าไป 6 แก้ว

ผู้จัดการ"ออลนิปปอนแอร์เวยส์"เมาไวน์ทำร้ายผู้โดยสาร 

( All Nippon Airways/ Facebook )

เหตุเกิดบนเที่ยวบิน เอเอ็นเอ 216 ปารีส-ฮาเนดะ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม หลังออกเดินทางจากปารีสได้ราว 4 ชั่วโมงครึ่ง เขาเริ่มมีอาการมึนเมาจากการดื่มไวน์ และทำร้ายสตรีนั่งข้างวัย 50 ปีเศษได้รับบาดเจ็บคอเคล็ด และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังจากเครื่องบินลงจอด

ผู้จัดการ"ออลนิปปอนแอร์เวยส์"เมาไวน์ทำร้ายผู้โดยสาร 

( All Nippon Airways/ Facebook )

สายการบินมีคำสั่งให้ซูกิโนะ ซึ่งทำงานกับเอเอ็นเอมาตั้งแต่ปี 2531 ลาออก เพราะประพฤติผิดในวิชาชีพ และวินัย นอกจากนี้ เอเอ็นเอออกแถลงการณ์ขอโทษเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมประกาศว่าจากนี้ไป พนักงานของเอเอ็นเอ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเลานจ์สนามบินและบนเที่ยวบินอีกต่อไป

ยังไม่ชัดเจนว่า สตรีที่เป็นเจ้าทุกข์ จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่

ผัวเมียสยองขวัญยอมรับฆ่าชำแหละหญิง 20 ศพ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/347230

ผัวเมียสยองขวัญยอมรับฆ่าชำแหละหญิง 20 ศพ

ผัวเมียสยองขวัญ,ชำแหละศพ,หญิง 20ศพ,ฆ่าชำแหละ

คดีสะเทือนขวัญที่เม็กซิโก จับสามีภรรยาป่วยจิตขณะใช้รถเข็นเด็กขนอวัยวะเหยื่อ สารภาพฆ่าผู้หญิง 20 ราย

อาเลฆันโดร โกเมซ อัยการรัฐเม็กซิโก  เปิดเผยว่า ตำรวจจับกุมสามีภรรยาคู่หนึ่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ที่เขต เอกาเตเปค ย่านขึ้นชื่อเหตุรุนแรงชานกรุงเม็กซิโก ซิตี ทางตอนเหนือ ขณะกำลังเข็นรถเข็นเด็กที่อัดแน่นไปด้วยอวัยวะมนุษย์ออกจากบ้าน

ทั้งสองตกเป็นผู้ต้องสงสัยฆาตกรรมสตรีอย่างน้อย 10 คน แต่ต่อมาทั้งคู่อ้างว่าเหยื่อจากน้ำมือของพวกเขามีไม่ต่ำกว่า 20 ราย อัยการเปิดเผยเฉพาะชื่อทั้งสองแบบไม่มีนามสกุลตามกฎหมายเม็กซิโก ว่า ฆวน คาร์ลอส  ส่วนภรรยาชื่อ ปาตรีเซีย

สามียังยอมรับว่า ข่มขืนเหยื่อบางคนก่อนขายอวัยวะ และขายทารกอายุ 2 เดือนของเหยื่อ ให้กับสามีภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งถูกจับกุมด้วย ต่อมา ทางการได้มอบเด็กให้อยู่ในความดูแลของยายแล้ว

เมื่อเข้าตรวจค้นบ้านสองหลังของผู้ต้องหา พบโครงกระดูกและอวัยวะมนุษย์เพิ่มเติมอยู่ในถังพลาสติกขนาด 20 ลิตร 8 ใบอัดปูนซีเมนต์ฝังสิ่งที่ซุกซ่อนไว้อีกชั้น ตั้งอยู่ภายในลานบ้าน อวัยวะอีกส่วนพบห่อพลาสติกไว้อยู่ในตู้เย็น และยังพบเสื้อผ้าที่เชื่อว่าเป็นของเหยื่อบางราย

ผัวเมียสยองขวัญยอมรับฆ่าชำแหละหญิง 20 ศพ  ผัวเมียสยองขวัญยอมรับฆ่าชำแหละหญิง 20 ศพ 

พนักงานสอบสวนแกะรอยสามีภรรยาคู่นี้จากเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อกับสตรีที่หายไป 3 คนในรอบ 6 เดือน คาร์ลอสบอกพนักงานสอบสวนว่าเขากับภรรยาลวงเหยื่อที่ส่วนใหญ่เป็นคุณแม่ยังสาวหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวไปที่บ้าน เพราะอยากได้เสื้อผ้าเด็กลดราคาที่ทั้งสองเสนอขาย

อย่างไรก็ดี อัยการยังต้องพยายามหาหลักฐานยืนยันว่า ที่ทั้งสองอ้างว่าฆ่าเหยื่อ 20 คนเป็นความจริงหรือว่าเป็นการโอ้อวดของฆาตกรต่อเนื่อง หรือโรคจิต คาร์ลอสบรรยายการฆ่าแบบเป็นเรื่องปกติมาก ดูเหมือนมีความสุขที่ได้ทำ ทั้งอยากให้คนอื่นได้เห็นรูป และรู้จักชื่ือของเขา ผลประเมินสุขภาพจิตพบทั้งคู่มีปัญหาทางจิต เป็นโรคหลายบุคลิก  กระนั้นทั้งสองซึ่งมีลูกด้วยกัน 3 คน  สามารถสามารถแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้

แม้เป็นประเทศที่ชาชินกับความรุนแรง แต่คดีนี้ก็ช็อกชาวเม็กซิโกอย่างมาก ประชาชนหลายร้อยชุมนุมจุดเทียนและวางดอกไม้สีขาวในย่านที่เกิดเหตุเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา  พร้อมเรียกร้องให้ทางการจัดการกับความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กหญิง

สถิติจากองค์กร ยูเอ็น วีเมน ระบุว่าทุกวัน จะมีสตรี 7 คนถูกฆ่าตายในเม็กซิโก และรัฐเม็กซิโก ที่ย่านเอกาเตเปกตั้งอยู่ มีสถิติผู้หญิงเป็นเหยื่อฆาตกรรมนำโด่งที่ 301 รายเมื่อปีที่แล้ว

หลับสัปหงกบนรถไฟเจอผู้โดยสารนั่งข้างใช้มือถือเคาะหัว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/347209

หลับสัปหงกบนรถไฟเจอผู้โดยสารนั่งข้างใช้มือถือเคาะหัว

สัปหงก,หลบสัปหงก,รถไฟ,มือถือ,เคาะหัว

ชายญี่ปุ่นใช้โทรศัพท์มือถือเคาะศีรษะเพื่อนร่วมทางหญิงที่นั่งหลับจนเอียงไปซบบ่า

ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @SakuradaPC โพสต์คลิปวิดีโอแสดงให้เห็นเหตุการณ์แปลกๆบนรถไฟโดยสารญี่ปุ่น ระหว่างผู้โดยสารหญิงที่นั่งกอดกระเป๋าหลับสัปหงกศีรษะก้มต่ำจนเกือบถึงตัก กับผู้โดยสารชายนั่งติดกันสวมแว่นตาและหน้ากากปิดจมูก

ขณะที่เธอหลับสัปหงกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนโน้มตัวไปทางชายที่นั่งข้าง ชายคนนั้นก็ล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าเอกสาร แล้วเคาะไปที่หน้าผากของเธอ แม้บนเสียงรถไฟค่อนข้างอื้ออึง แต่เสียงโทรศัพท์เคาะหน้ากลับได้ยินอย่างชัดเจน ในคลิปความยาว 16 วินาที

สตรีที่นั่งหลับเริ่มรู้สึกตัวและมองไปรอบๆอย่างงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะชายใส่สูทเก็บมือถือกลับเข้าไปในกระเป๋า ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

@SakuradaPC โพสต์คลิปพร้อมกับเขียนว่า เข้าใจว่าคุณไม่ชอบให้เธอเอียงมาหา แต่นี่มันก็เกินไปหน่อย และว่าเขาเห็นชายคนนี้เคาะศีรษะเธอสามครั้งแล้ว จึงเริ่มอัดคลิปการเคาะศีรษะที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 4

ผู้ใช้ทวิตเตอร์บางคนมองว่า ผู้โดยสารชายอาจถูกกล่าวหาลวนลามได้หากใช้มือผลักเธออกไป ขณะบางคนแนะให้ส่งคลิปไปที่ตำรวจ

คลิปนี้มียอดเข้าชมกว่า 4.15 ล้านครั้ง รีทวิตหรือแชร์ต่อกว่า 2.3 หมื่น

จ่อคุก18 ปีหนุ่มถ่มน้ำลายใส่พิซซาก่อนถึงมือลูกค้า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/347172

จ่อคุก18 ปีหนุ่มถ่มน้ำลายใส่พิซซาก่อนถึงมือลูกค้า

ส่งพิซซา,หนุ่มส่งพิซซา,ถ่มน้ำลาย,คุก18ปี

หนุ่มส่งพิซซาในตุรกีเจอข้อหาหนัก ใช้มือถือถ่ายเซลฟีถ่มน้ำลายใส่อาหารก่อนส่งลูกค้า

วัยรุ่นชาวตุรกีวัย 18 ปี ที่ตำรวจเปิดเผยชื่อว่า บูรัก เอส. ถูกกล้องวงจรปิดบันทึกไว้ได้ขณะที่เขาเปิดกล่องพิซซาที่อพาร์ทเมนท์ของลูกค้า กเอียงใบหน้าไปใกล้กล่องพิซซา ฉีกยิ้มและใช้โทรศัพท์มือถือเซลฟีตัวเอง ก่อนเดินขึ้นไปส่งของให้กับ ฮูเซยิน อัลยุซ ซึ่งอยู่บนชั้น 5 ของแฟต ในเมืองเอสกีเซฮีร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของตุรกี

แต่ กาตาเทย์ เอเฮ หลานชายของลูกค้า เห็นการกระทำนั้นจากกล้องวงจรปิด และส่งข้อความบอกลุงว่าอย่ากิน อัลยุซตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด ก่อนเข้าแจ้งความตำรวจและร้องเรียนบริษัทพิซซา

บูรัค เอส ปฏิเสธถ่มน้ำลาย แต่ถูกไล่ออกจากงานทันที และล่าสุดกำลังถูกพิจารณาคดีข้อหาร้ายแรง ทำให้ชีวิตของผู้อื่นตกอยู่ในอันตรายด้วยการวางยาพิษ หรือทำให้อาหารปนเปื้อนด้วยวิธีการอื่น  มีโทษสูงสุดจำคุก 2-15 ปี

                    นอกจากนี้ เขายังต้องไปขึ้นศาลผู้บริโภค ในข้อหาก่อความเสียหายแก่สินค้าและทำให้สุขภาพลูกค้าตกอยู่ในอันตราย มีโทษจำคุกระหว่าง 2 เดือน ถึง 3 ปี

หนุ่มวัย 18 ปียืนยันกับศาลว่า เขาไม่ได้ถ่มน้ำลายใส่พิซซา แค่เปิดกล่องถ่ายรูปส่งให้เพื่อนดู และเพื่อตรวจสอบว่าอาหารในกล่องไม่เสียหาย เพราะเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง นอกจากนี้ เขาอ้างว่า เขารู้ว่าคนสั่งพิซซา ด่าทอเพื่อนร่วมงานของเขา จึงเกรงว่าถ้าพิซซาเสียหายจะเกิดเรื่อง  ขณะที่อัลยุซ ยืนยันว่าตอนโทรสั่งพิซซา ใช้เวลาแค่ 2 นาที และพูดจาตามปกติ

ศาลนัดพิจารณาคดีครั้งต่อไปกุมภาพันธ์ปีหน้า ระหว่างรอผู้เชี่ยวชาญประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพจากพิซซา

ออกจากบ้านไม่ได้โดนจระเข้ขวางประตู

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/347137

ออกจากบ้านไม่ได้โดนจระเข้ขวางประตู

จระเข้,หน้าประตู,นอนขวางประตู,จระเข้นอนขวาง

จระเข้นอนขวางประตูบ้านคนในรัฐลุยเซียนา จนออกจากบ้านไม่ได้

สำนักงานนายอำเภอเซนต์มาร์ติน เมืองโบรซ์ บริดจ์ รัฐลุยเซียนา แชร์ภาพจระเข้ตีนเป็น (แอลลิเกเตอร์ ) นอนพักผ่อนอย่างสบายใจที่หน้าประตูเข้าบ้านหลังหนึ่ง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ( 6 ต.ค.) พร้อมข้อความเตือนว่า ”คุณไม่มีวันรู้หรอกว่าอะไรจะมาที่หน้าประตู ระวังเมื่อก้าวออกจากบ้าน”

เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายแขกไม่ได้รับเยือนจากบ้านหลังนั้นแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่ามันเดินทางมาไกลแค่ไหนจนไปถึงหน้าบ้านหลังนั้นได้

ภาพแอลกิเกเตอร์นอนนิ่งราวกับเป็นพรมหน้าประตู ถูกแชร์กว่า 3,000 ครั้ง ชาวเฟซบุ๊กจำนวนมาก มองเป็นสถานการณ์ชวนขัน เพราะต่างก็ไม่ใช่คนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นเหมือนกับคนในบ้าน  อย่างเช่น คาทรีนา ลี ระบุว่า มิติใหม่ของพรมต้อนรับหน้าประตู หรือควรบอกว่า พรมไม่รับแขกดี บางคนก็มุกว่า มั่นใจว่าเจ้าของบ้านหมดกังวลเรื่องคนบุกรุก

                 ขณะที่ครอบครัวเผยคลิปขณะอยู่ภายในบ้านเหมือนโดนล็อคไว้จากข้างนอก จนออกไม่ได้อยู่ช่วงหนึ่ง

เวบไซต์  wlf.louisiana.gov ประเมินว่า รัฐลุยเซียนามีแอลิเกเตอร์ในธรรมชาติอยู่เกือบ 2 ล้านตัว ไม่รวมแอลลิเกอร์ในฟาร์มอีกกว่า 3 แสน

ออกจากบ้านไม่ได้โดนจระเข้ขวางประตู 

ออกจากบ้านไม่ได้โดนจระเข้ขวางประตู 


ตร.เนเธอร์แลนด์อึ้งลูกสิงโตใส่กรงถูกทิ้งกลางทุ่งหญ้า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/347100

ตร.เนเธอร์แลนด์อึ้งลูกสิงโตใส่กรงถูกทิ้งกลางทุ่งหญ้า

ลูกสิงโต,เนเธอร์แลนด์,ทิ้งกลางทุ่ง,ใส่กรง

  วอนผู้เห็นเหตุการณ์ช่วยแจ้งเบาะแส  ตามหาตัวเจ้าของ

ตำรวจเนเธอร์แลนด์ในเมือง อูเทร็คท์ ทางภาคกลาง แจ้งผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า กำลังตามหาตัวเจ้าของลูกสิงโตที่ถูกทิ้งอยู่ในกรง กลางทุ่งหญ้าชานเมือง หลังได้รับแจ้งเหตุจากคนที่ผ่านไปมาเมื่อวานนี้

ตร.เนเธอร์แลนด์อึ้งลูกสิงโตใส่กรงถูกทิ้งกลางทุ่งหญ้า

ประเมินว่าลูกสิงโตถูกทิ้งอายุราว 4 เดือน ผู้พบคนแรกเป็นคนที่ออกไปวิ่งออกกำลังกาย ใกล้หมู่บ้านเทียนโฮเวน ห่างจากเมืองอูเทร็คท์ ไปทางเหนือราว 10 ก.ม. สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เจ้าหน้าที่ส่งลูกสิงโตตรวจสุขภาพ ก่อนส่งให้มูลนิธิสิงโตในเนเธอร์แลนด์ ดูแลต่อไป

ตร.เนเธอร์แลนด์อึ้งลูกสิงโตใส่กรงถูกทิ้งกลางทุ่งหญ้า

สัตวแพทย์ปีเตอร์ เคลเวอร์ กล่าวว่า ตอนแรก ตำรวจขอให้หมอวางยาสลบมันก่อนเพราะกรงที่ใช้ขัง ไม่ได้แข็งแรงมาก มีโอกาสที่อาจหลุดมาได้ แต่สุดท้ายก็ไม่จำเป็น สามารถนำทั้งสิงโตและกรงขึ้นรถได้ สัตวแพทย์เชื่อว่า มันถูกนำมาทิ้งเพราะเริ่มตัวใหญ่จนอาจจะเลี้ยงไม่ไหว

ด้าน ผู้อำนวยการมูลนิธิสิงโต ที่ให้การดูแลสัตว์ที่เคยถูกใช้ในคณะละครสัตว์ กล่าวว่า ลูกสิงโตถูกทิ้งสุขภาพดี ไม่มีร่องรอยอดอาหาร แต่มันต้องการการพักผ่อน

ตร.เนเธอร์แลนด์อึ้งลูกสิงโตใส่กรงถูกทิ้งกลางทุ่งหญ้า

ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้ประชาชนที่พบเห็นคนเคยซื้อลูกสิงโตมาเลี้ยง หรือมีเบาะแสที่อาจเป็นประโยชน์สาวถึงตัวเจ้าของได้ ขอให้รีบแจ้งข้อมูล

การเลี้ยงสิงโตเป็นสัตว์เลี้ยง ผิดกฎหมายในเนเธอร์แลนด์  ขณะโทษฐานทารุณหรือทอดทิ้งสัตว์ค่อนข้างสูง ทั้งจำและปรับ

ตร.เนเธอร์แลนด์อึ้งลูกสิงโตใส่กรงถูกทิ้งกลางทุ่งหญ้า

 

ช็อก!วงการสื่อนักข่าวบัลแกเรียถูกข่มขืน-ฆ่าทารุณ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/347070

ช็อก!วงการสื่อนักข่าวบัลแกเรียถูกข่มขืน-ฆ่าทารุณ

นักข่าวบัลแกเรีย,ฆ่าข่มขืน,นักข่าวสาวบัลแกเรีย

ช็อควงการสื่อ และคนในประเทศ ตำรวจบัลแกเรียสอบสวนเหตุฆาตกรรมนักข่าวสาวชื่อดัง พบเป็นศพใกล้แม่น้ำดานูบ

วิคทอเรีย มารีโนวา นักข่าวหญิงชาวบัลแกเรีย ถูกพบเป็นศพในสภาพกึ่งเปลือย ใบหน้าถูกทุบตีอย่างรุนแรงจนไม่เหลือเค้าเดิม ใกล้กับทางวิ่งไกลตาคนริมแม่น้ำดานูบ เมืองรูส ทางเหนือของบัลแกเรียเมื่อวันเสาร์ แต่ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการพิสูจน์เอกลักษณ์จนยืนยันว่าเป็นนักข่าวชื่อดัง

สื่อท้องถิ่นรายงานอ้างรัฐมนตรีมหาดไทยว่าเธอถูกข่มขืน ก่อนถูกสังหาร ด้านอัยการระบุ่าเหยื่อเสียชีวิตเพราะถูกทุบศีรษะด้วยของแข็ง และถูกรัดคอจนขาดอากาศหายใจ ในที่เกิดเหตุ ไม่พบกุญแจรถ โทรศัพท์มือถือ แว่นตา และเสื้อผ้า คาดว่าคนร้ายก่อเหตุกลางวันแสกๆด้วยซ้ำ การสอบสวนไม่ตัดทุกประเด็นทั้งเรื่องส่วนตัวและงานที่ทำ

ช็อก!วงการสื่อนักข่าวบัลแกเรียถูกข่มขืน-ฆ่าทารุณ

มารีโนวา เพิ่งเปิดตัวรายการทอล์คโชว์ใหม่ชื่อ ดีเทคเทอร์ หรือ เครื่องตรวจจับ  ทางสถานีท้องถิ่น ทีวีเอ็น ที่เธอเป็นผู้อำนวยการสถานี ในเมืองรูสเมื่อ 30 กันยายน โดยแขกสองคนแรกในรายการ คือ ดิมิทาร์ สโตยานอฟ นักข่าวชาวบัลแกเรีย กับ อัตทิลา บีโร นักข่าวโรมาเนียที่ถูกคุกคามและจับกุม ขณะกำลังเปิดโปงการทุจริตอย่างมโหฬารในโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรปในบัลแกเรีย

หัวข้อพูดคุยเป็นเรื่องที่ทั้งคู่ถูกตำรวจควบคุมตัวช่วงสั้นๆ ใกล้กับกรุงโซเฟีย ขณะพยายามสืบสวนการทำลายหลักฐานของบริษัทที่ปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัทก่อสร้างที่ยื่นประมูลโครงการ

องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน จัดบัลแกเรียอยู่อันดับ 111 ในแง่เสรีภาพสื่อ แย่สุดในประเทศยุโรป ขณะที่ความรุนแรงต่อสตรีก็เป็นปัญหาใหญ่ในบัลแกเรียเช่นกัน คดีผู้หญิงถูกแฟนเก่าหรืออดีตสามีฆ่าโหดเกิดขึ้นเป็นระยะ