ประธานตำรวจสากลส่งอิโมจิ”มีด”ให้ภรรยาก่อนถูกจีนอุ้มสอบเงียบ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/347051

ประธานตำรวจสากลส่งอิโมจิ”มีด”ให้ภรรยาก่อนถูกจีนอุ้มสอบเงียบ

ประธานตำรวจสากล,อุ้มสอบ,อิโมจิรูปมีด,จีนอุ้มสอบ

จีนเปิดปากครั้งแรกรับประธานตำรวจสากลชาติเดียวกันถูกสอบฐานต้องสงสัยพัวพันอาชญากรรม หลังหายตัวปริศนาหลายวัน

ทางการปักกิ่งยืนยันแล้วว่า นายเม่ง หงเหว่ย ประธานองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (อินเตอร์โพล) ที่หายตัวไปขณะกำลังเดินทางกลับบ้านเกิดเมื่อ 25 กันยายน กำลังถูกสอบสวนฐานต้องสงสัยพัวพันอาชญากรรม ขณะที่อินเตอร์โพล หน่วยงานต้นสังกัด บอกวานนี้ว่า นายเม่งลาออกจากตำแหน่งแล้ว

การเปิดเผยของทางการจีน มีขึ้นหลังจาก เกรซ ภรรยาของเขา ขอความช่วยเหลือจากทางการฝรั่งเศส หลังติดต่อสามีไม่ได้ เธอบอกนักข่าวเมื่อวานนี้ด้วยว่า เธอได้รับข้อความสุดท้ายจากโทรศัพท์ของสามี บอกให้รอโทรศัพท์จากเขา จากนั้นอีก 4 นาที ส่งอิโมจิรูปมีด มาให้ แต่ก็ไม่มีการโทรกลับมา เธอคิดว่ารูปมีดที่ส่งมาขณะอยู่ในจีนแล้ว เป็นสัญญาณว่าสามีตกอยู่ในอันตราย

ประธานตำรวจสากลส่งอิโมจิ"มีด"ให้ภรรยาก่อนถูกจีนอุ้มสอบเงียบ

( เกรซ ภรรยาของเม่ง หงเหว่ย ขอไม่เปิดเผยใบหน้าเพราะเกรงไม่ปลอดภัย ขณะพูดคุยกับนักข่าวเมื่อวาน) 

แต่ทางการปักกิ่งก็ปิดปากเงียบตลอดมา ไม่บอกว่าชะตากรรมของนายเม่ง ซึ่งเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงความปลอดภัยสาธารณะด้วย เป็นตายร้ายดีอย่างไร นับจากเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสแจ้งข่าวการหายตัวไปของเขาเมื่อวันศุกร์ ก่อนที่คณะกรรมการกำกับดูแลแห่งชาติของจีน ซึ่งรับผิดชอบคดีทุจริตของข้าราชการ เพิ่งเปิดปากครั้งแรกในวันนี้ ด้วยแถลงการณ์บรรทัดเดียว ว่า เม่งกำลังถูกสอบสวนฐานต้องสงสัยว่าละเมิดกฎหมาย หลังจากนั้นไม่นาน อินเตอร์โพลแจ้งว่าได้รับหนังสือลาออกของเม่ง มีผลทันที

นับเป็นอีกกรณีที่บุคคลที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง มหาเศรษฐี หรือคนดังระดับนางเอกแถวหน้าอย่างฟ่านปิงปิง หายตัวไปในจีนอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ผ่านไปหลายสัปดาห์หรืออาจเป็นเดือน  หากปรากฎตัวอีกที ก็มักจะอยู่ในศาล

ประธานตำรวจสากลส่งอิโมจิ"มีด"ให้ภรรยาก่อนถูกจีนอุ้มสอบเงียบ
เม่ง วัย 64 ปี อาศัยอยู่กับภรรยาและลูก 2 คนในฝรั่งเศสมาตั้งแต่ได้รับเลือกเป็นชาวจีนคนแรก นั่งประธานตำรวจสากลในปี 2559 ซึ่งมีวาระ 4 ปี หลังสุดที่ทราบข่าวคราวคือออกจากเมืองลิยง  ที่ตั้งสำนักงานใหญ่อินเตอร์โพล เมื่อ 25 กันยายน เยอร์เกน สต็อก เลขาธิการอินเตอร์โพล พยายามขอคำชี้แจงจากทางการจีนเมื่อวันเสาร์ ขณะตำรวจฝรั่งเศสเปิดการสอบสวนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

จีนตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลแห่งชาติ เมื่อไม่นานมานี้ มีอำนาจกว้างขวางในการสอบสวนข้าราชการ ภารกิจคือสอบสวนคดีทุจริตตามนโยบายของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งที่ผ่านมา มีการลงดาบข้าราชการแล้วกว่า 1 ล้านคน นักวิจารณ์บางคนมองว่า หน่วยงานนี้ยังเป็นเครื่องมือกำจัดศัตรูการเมืองของผู้นำจีน

เม่งไต่เต้าขึ้นตำแหน่งด้านความมั่นคงภายใน สมัยอยู่ใต้สายบังคับบัญชาของ โจว หย่งคัง ศัตรูของประธานาธิบดีสี และเป็นเจ้าหน้าที่สูงสุดที่หมดบารมีเพราะข้อหาทุจริต เขาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตเมื่อปี 2557 ด้วยข้อหาคบคิดยึดอำนาจรัฐ และทางการยังเดินหน้าถอนรากถอนโคนอิทธิพลของเขาต่อไป โจว หย่งคัง เป็นคนแต่งตั้งนายเม่งเป็นรัฐมนตรีช่วยความปลอดภัยสาธารณะเมื่อปี 2547

ครึ่งหมื่น!ประเมินใหม่ตัวเลขสูญหายสองหมู่บ้านสุลาเวสี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/346978

ครึ่งหมื่น!ประเมินใหม่ตัวเลขสูญหายสองหมู่บ้านสุลาเวสี

แผ่นดินไหวสุลาเวสี,สุลาเวสี,ครึ่งหมื่น,สูญหาย

เหลือเวลาค้นหาผู้สูญหายจากแผ่นดินไหวและสึนามิอีกไม่กี่วัน ยอดคนหายประเมินล่าสุดอยู่ที่ 5,000 คน เจอศพแล้วกว่า 1,700

สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซีย แจ้งความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายและเก็บกู้ศพเหยื่อแผ่นดินไหว 7.5 และสึนามิที่ถล่มเมืองปาลู เมืองเอกจังหวัดสุลาเวสีกลางเมื่อ 28 กันยายนที่ผ่านมา

ครึ่งหมื่น!ประเมินใหม่ตัวเลขสูญหายสองหมู่บ้านสุลาเวสี 

หมู่บ้านสุลาเวสีจมหายใต้แผ่นดินเหลวส่อกลายเป็นสุสานมหึมา 

ล่าสุดพบร่างเหยื่อแล้วจำนวนทั้งสิ้น 1,763 ราย แต่ที่วิตกมากก็คือ สองชุมชนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในเมืองปาลู ได้แก่ หมู่บ้านบาลาโรอา กับ เปโตโบ ที่ชาวบ้านหลายพันคนถูกฝังทั้งเป็นอยู่ใต้ดินที่กลายสภาพเป็นโคลน จากปรากฏการณ์แผ่นดินเหลว หลังแผ่นดินไหวรุนแรง

ครึ่งหมื่น!ประเมินใหม่ตัวเลขสูญหายสองหมู่บ้านสุลาเวสี 

นายสุโตโป ปูร์โว นูโกรโฮ โฆษกสำนักงานจัดการภัยพิบัติ กล่าวว่า ประเมินจากข้อมูลที่ได้รับจากผู้ใหญ่บ้านทั้งสองแห่ง คาดว่ามีชาวบ้านที่ยังไม่รู้ชะตากรรมราว 5,000 คน กระนั้น เจ้าหน้าที่ยังต้องใช้ความพยายามยืนยันและรวบรวมข้อมูลกันต่อไป  ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทราบแน่ชัดว่ามีเหยื่อดินถล่มหรือใต้ดินเหลวจำนวนเท่าไหร่แน่

ครึ่งหมื่น!ประเมินใหม่ตัวเลขสูญหายสองหมู่บ้านสุลาเวสี 

การค้นหาผู้สูญหายจะดำเนินต่อไปจนถึง 11 ตุลาคม ถึงจุดนั้น คนที่ขึ้นบัญชีสูญหายจะถูกสันนิษฐานว่าเสียชีวิตแล้ว

ตัวเลขล่าสุด พุ่งพรวดจากประมาณการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนว่า อาจมีผู้สูญหายในเมืองปาลูราว 1,000 คน ยิ่งตอกย้ำถึงความย่อยยับของหมู่บ้านเปโตโบและบาลาโรอา

ความหวังที่จะพบผู้รอดชีวิตเลือนรางลงตามเวลาที่ผ่านไป ขณะทางการเตรียมยกเลิกค้นหา เท่ากับเป็นการประกาศว่าพื้นที่ประสบภัยหนักสุดกลายสภาพเป็นสุสานขนาดใหญ่ไปโดยปริยาย

ครึ่งหมื่น!ประเมินใหม่ตัวเลขสูญหายสองหมู่บ้านสุลาเวสี 


เปิดร้านออนไลน์-ไลฟ์จากไร่สร้างรายได้เกษตรกรจีน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/346957

เปิดร้านออนไลน์-ไลฟ์จากไร่สร้างรายได้เกษตรกรจีน

ร้านออนไลน์,เกษตรกรจีน,ไลฟ์จากไร่

เกษตรกรในจีนปรับตัวเข้าหาอี-คอมเมิร์ซมากขึ้นเรื่อยๆ พ่วงเทคนิคการตลาดออนไลน์เพิ่มยอดขาย

หมู่บ้านซ่งไป๋ ที่ตั้งอยู่กลางภูเขาในมณฑลหูหนาน กำลังโด่งดังเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกลดความยากจน โดยใช้การตลาดผ่านอีคอมเมิร์ซเข้ามาช่วยขายสินค้าเกษตร

เปิดร้านออนไลน์-ไลฟ์จากไร่สร้างรายได้เกษตรกรจีน 

China Daily

แม้หมู่บ้านนี้เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรมากมายและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกีวี น้ำผึ้ง และข้าว แต่ด้วยความที่อยู่ห่างไกลความเจริญและระบบการขนส่งยังไม่ดีนัก ทำให้เกษตรกรขายสินค้าด้วยความยากลำบาก

นับจากเดือนพฤษภาคม 2558 ฝุ ชางเจี่ย จากบริษัทอีคอมเมิร์ซในหูหนาน นำทีมงานเข้าไปช่วยอบรมชาวบ้าน ให้รู้จักการถ่ายสอดสดผ่านอินเทอร์เน็ต หรือ ไลฟ์สตรีมมิง และการขายของออนไลน์ ถึงวันนี้ เกษตรกร 187 คนแล้วที่มีธุรกิจเป็นของตนเอง

เช่น เสี่ยว เจ้าเหนียน และภรรยา นางเหอ เชียวหยุน ลาออกจากงานที่ทำในกวางตุ้ง ไปเปิดร้านออนไลน์และหน้าร้านขายกีวี นอกจากนี้ ทั้งสองยังก่อตั้งสหกรณ์ปลูกผลไม้เพื่อจำหน่ายอีกด้วย

เปิดร้านออนไลน์-ไลฟ์จากไร่สร้างรายได้เกษตรกรจีน 

China Daily

ปีที่แล้ว รายได้จากการขายกีวี เพิ่มขึ้นแตะกว่า 100 ล้านหยวน ขณะเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมทำธุรกิจออนไลน์เพิ่มเป็นกว่า 3,500 คน

เปิดร้านออนไลน์-ไลฟ์จากไร่สร้างรายได้เกษตรกรจีน 

ชุมนุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การขายและช่วยเหลือกัน

เปิดร้านออนไลน์-ไลฟ์จากไร่สร้างรายได้เกษตรกรจีน 

นางหลิว ไค่หยู เก็บน้ำผึ้งก่อนนำไปขายออนไลน์ เธอเป็นอีกคนที่เปิดร้านออนไลน์เมื่อ
2 ปีก่อน

เปิดร้านออนไลน์-ไลฟ์จากไร่สร้างรายได้เกษตรกรจีน 

เสี่ยง ปิง ถือไม้เซลซีถ่ายสอดตัวเองกับสินค้าตากแห้ง ให้ลูกค้าเห็นถึงกระบวนการการผลิต เพื่อดึงความสนใจของผู้ซื้อ

ญี่ปุ่นใช้ยานหุ้มเกราะในต่างแดนครั้งแรกนับจากสงครามโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/346950

ญี่ปุ่นใช้ยานหุ้มเกราะในต่างแดนครั้งแรกนับจากสงครามโลก

ยานหุ้มเกราะ,ญี่ปุ่น,ยานหุ้มเกราะญี่ปุ่น,สงครามโลกครั้งที่สอง,ต่างแดน

ญี่ปุ่นร่วมซ้อมรบสหรัฐ-ฟิลิปปินส์ครั้งประวัติศาสตร์ เน้นบทบาทสนับสนุนภารกิจมนุษยธรรม ในสถานการณ์จำลองยึดดินแดนคืนจากผู้ก่อการร้าย

ทหารราว 150 นายร่วมซ้อมปฏิบัติการยกพลขึ้นบกที่ฟิลิปปินส์เมื่อวานนี้ โดยในส่วนของทหารกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น 50 นาย เดินตามหลังยานหุ้มเกราะ 4 คันไปบนหาด เพื่อรับทหารฟิลิปปินส์และสหรัฐที่ทำทีนอนบาดเจ็บอยู่

พล.ต.โคคิ อิโนอูเอะ ของญี่ปุ่น ย้ำว่า ทหารญี่ปุ่นไม่ได้มีส่วนร่วมในการซ้อมสู้รบ นอกจากด้านมนุษยธรรม แต่เป็นการซ้อมรบครั้งแรกที่ยานหุ้มเกราะของกองทัพถูกนำมาใช้ในต่างประเทศ นับจากสงครามโลกครั้งที่สอง  เพราะถือเป็นโอกาสดีมากที่ญี่ปุ่นจะยกระดับความสามารถด้านให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และบรรเทาภัยพิบัติ

ญี่ปุ่นใช้ยานหุ้มเกราะในต่างแดนครั้งแรกนับจากสงครามโลก

การซ้อมรบที่ฟิลิปปินส์ภายใต้ชื่อเรียกขาน  Kamandag เป็นตัวย่อจากภาษาตากาล็อกที่แปลได้ว่า  “ความร่วมมือขุนพลแห่งท้องทะเล” เริ่มครั้งแรกในปีที่แล้ว เน้นสนองตอบภัยพิบัติ ต่อต้านก่อการร้าย และการทำงานร่วมกัน ในปีนี้ ช่วงซ้อมรบมีขึ้นระหว่าง 2 – 11 ตุลลาคม ขณะสหรัฐย้ำว่าเป็นการซ้อมที่ไม่ความเกี่ยวข้อง หรือพุ่งเป้ากองทัพประเทศใด เป็นเป็นไปเพื่อต่อต้านก่อการร้ายในฟิลิปปินส์ท่านั้น

ญี่ปุ่นใช้ยานหุ้มเกราะในต่างแดนครั้งแรกนับจากสงครามโลก

กระนั้น จังหวะเวลาและพิกัดซ้อมรบครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางบรรยากาศคุกรุ่นระหว่างจีนกับคู่ปรับในภูมิภาค การซ้อมยกพลขึ้นบกมีขึ้นที่ฐานทัพเรือฟิลิปปินส์ ในจังหวัดซัมบาเลส ทางเหนือของเกาะลูซอน ฐานทัพเดียวกับที่เคยเป็นเจ้าภาพซ้อมรบประจำปีสหรัฐ-ฟิลิปปินส์ก่อนหน้าในปีเดียวกัน

จุดซ้อมรบอยู่ห่างราว 209 ก.ม. จากทางตะวันตกของ สการ์เบอร์โรห์ โชล กลุ่มโขดหินที่เคยอยู่ในความดูแลของรัฐบาลมะนิลา ก่อนจีนยึดไปหลังเหตุเผชิญหน้าในปี 2555 แม้ต่อมา ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศตัดสินเมื่อปี 2559 ปฏิเสธการอ้างกรรมสิทธิของจีนในทะเลจีนใต้ และตัดสินว่าจีนละเมิดสิทธิดินแดนของฟิลิปปินส์ แต่จีนไม่ยอมรับ

ญี่ปุ่นใช้ยานหุ้มเกราะในต่างแดนครั้งแรกนับจากสงครามโลก
นอกจากนี้ การซ้อมรบยังมีขึ้นหลังจากสหรัฐและจีนสำแดงพลังทางทหารในทะเลตะวันออกและทะเลจีนใต้ รวมถึงสหรัฐส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดบินเหนือน่านฟ้า และเรือรบสองฝ่ายเข้าใกล้ในระยะสุ่มเสี่ยง

สำหรับการเข้ามามีส่วนร่วมของญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในอีกกิจกรรมทางทหารของญี่ปุ่นที่มุ่งเพิ่มศักยภาพและเตรียมความพร้อมในช่วงที่ผ่านมา หนึ่งในนั้น คือการตั้ง กองพลน้อยสะเทินน้ำสะเทินบกเคลื่อนที่เร็ว  เป็นครั้งแรกนับจากสงครามโลกครั้งที่สอง และซ้อมรบหลายครั้งแล้วในปีนี้เนื่องจากญี่ปุ่นเองก็มีกรณีพิพาทหมู่เกาะทะเลตะวันออกของจีน

อดีตเจ้าสาวเด็กเล่าความทรมาน-ฝันสลายในวัยเยาว์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/346922

อดีตเจ้าสาวเด็กเล่าความทรมาน-ฝันสลายในวัยเยาว์

อดีตเจ้าสาวเด็ก,เจ้าสาวเด็กมาเลเซีย,ฝันสลาย,ฝันสลายวัยเยาว์

แม้ผ่านมานานหลายสิบปี แต่ความเจ็บปวดของเด็กหญิงวัย 13 ขวบถูกจับแต่งงานกับคนแปลกหน้ายังเป็นแผลบาดลึกของ ซาอิล อายู แม่ลูกสี่ในวันนี้

ซาบาห์ วีเมนส์ แอคชัน-รีซอร์ส กรุ๊ป ( ซาโว ) กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสตรีในรัฐซาบาห์ เผยคลิป สัมภาษณ์ ซาอิล อายู แม่บ้านชาวมาเลเซียวัย 59 ปี บอกเล่าประสบการณ์สุดเลวร้ายในชีวิต เมื่อถูกบิดาบังคับแต่งงานในวัยเพียง 13 ปีกับคนแปลกหน้า เพราะไม่มีเงินให้เธอเรียนต่อ

“ฉันไม่รู้อะไรเลย รู้แต่ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งมาบ้าน ฉันไม่ได้ใส่ชุดชั้นในด้วยซ้ำตอนนั้น ได้รับคำสั่งให้สวมอะไรบางอย่างสำหรับแต่งงาน แต่ไม่รู้เลยอะไรคือแต่งงาน  เราก็ใส่เสื้อผ้าปกติเหมือนทุกวัน ไม่มีภาพแต่งงาน ไม่รู้กระทั่งผู้ชายคนนั้นคือสามี เราแค่นั่งลง ทุกคนมองมาที่เราและปรบมือ” นางอายูเล่าทั้งน้ำตา

อดีตเจ้าสาวเด็กเล่าความทรมาน-ฝันสลายในวัยเยาว์

(รูป  Sawo via FMT ) 

ซาอิล  มาจากครอบครัวฐานะยากจนในหมู่บ้านเคมาบอง เมืองเทนอม ปัจจุบัน อายุ 59 ปี ก่อนถึงวันที่เปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล แต่เธอชอบเรียนหนังสือ แม้ว่าต้องเดินไปกลับโรงเรียนไกลๆ และยากจนมาก  เกรดของเธอก็ดีกว่าเพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่ อยากเข้าโรงเรียนมัธยม และอยากเป็นครู

ในวันแต่งงาน ซาอิลกลัวมากและร้องไห้ทั้งวัน  “พ่อเห็นฉันร้องไห้ เขาเฆี่ยนฉัน ฉันบอกพ่อว่าอยากไปโรงเรียน และหันไปขอร้องแม่ให้ช่วยเกลี้ยกล่อมพ่อว่าฉันอยากเรียน พอพ่อได้ยิน ก็เลยตีซ้ำ”

สุขภาพจิตของเธอย่ำแย่ตลอดมา  ตอนอายุ 20 ปี พยายามฆ่าตัวตาย 2 ครั้ง ซาอิลกล่าวว่า เธออยากตาย แต่ไม่มีความกล้าพอ พอคิดว่าหากกินยาพิษ แล้วใครจะดูแลลูก เธอไม่สามารถลืมช่วงเวลานั้นได้ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้ ทั้งหมดอาจเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า

แม่ลูกสี่ยอมรับว่าอิจฉาอดีตเพื่อนร่วมชั้นที่ได้เรียนต่อได้เป็นครูและพยาบาล  และคิดเสมอว่าทำไมเธอไม่มีโอกาสนั้นมากทั้งที่ขยันเรียน

อดีตเจ้าสาวเด็กเล่าความทรมาน-ฝันสลายในวัยเยาว์(รูป  Sawo via FMT ) 

ตอนแต่งงานกัน สามีของเธออายุ 16 ทั้งคู่มีลูก 4 คน และสามีเสียชีวิตแล้ว ซาอิลกล่าวว่าหากไม่ถูกบังคับแต่งงานในวัยนั้น สามีของเธออาจไม่ต้องแต่งงานก็ได้ และฉันอาจจะอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้ แต่เธอไม่โทษเขา เราทำอะไรไม่ได้แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอไม่เคยปริปากพูดเรื่องอดีต  เพราะรู้สึกเจ็บปวด แต่ตอนนี้ เข็มแข็งพอจะพูดได้แล้ว

ด้าน ยัสมิน อูอิ เลขาธิการกลุ่มซาโว บอกสำนักข่าวฟรีมาเลเซียทูเดย์ ว่า ทางองค์กรคิดว่าจำเป็นต้องทำวิดีโอขึ้นขึ้นมาเพราะมีนักการเมือง ผู้กำหนดนโยบาย ข้าราชการและคนอีกมากมายที่ยังคิดว่าการพาเด็กมาแต่งงาน เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ในแง่ว่าเป็นทางออกหนึ่งของความยากจน เพื่อรักษาหน้าตาครอบครัว หรือเพราะวัฒนธรรมอนุญาต

ยัสมิน กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีกระแสฮือต่อต้านการแต่งงานเด็ก จากองค์กรประชาสังคม จะมีเสียงเรียกร้องจากนักการเมืองและผู้กำหนดนโยบาย ให้ผู้เชี่ยวชาญทำการศึกษาประเด็นนี้ แต่องค์กรสงสัยว่าใครคือผู้เชี่ยวชาญที่พวกเขาจะขอคำปรึกษา  บ่อยครั้งผู้หญิงและเด็กผู้หญิงที่ถูกบีบบังคับเป็นเจ้าสาวเด็ก ไม่เคยได้รับการหารือ ผู้รอดจากการแต่งงานเด็กต่างหากที่ควรเป็นผู้เชี่ยวชาญในสถานการณ์ที่พวกเขาต้องการวิจัย

ด้วยเหตุนี้ กลุ่มซาโวจึงต้องการช่วยขยายเสียงของเจ้าสาวเด็ก และอยากให้ทุกคน รวมถึงผู้นำศาสนาและนักการเมือง ได้ยินกับตัวเองว่าเจ้าสาวเด็กรู้สึกอย่างไร และชีวิตของพวกเธอเป็นอย่างไรหลังจากต้องออกจากโรงเรียนและบังคับแต่งงานตั้งแต่ยังเด็ก

สำหรับรัฐซาบาห์ มุขมนตรี ชาฟี อับดาล เพิ่งประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อน ยอมจำนนต่อกระแสสังคม ปรับอายุแต่งงานเป็น 18 ปี แม้ว่าผู้นำศาสนาในรัฐซาบาห์เสนอให้เด็กหญิงแต่งงานได้ตั้งแต่อายุ 14 ปี

ตุรกีเชื่อนักข่าวชื่อดังชาวซาอุฯถูกฆ่าตายในสถานกงสุล

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/346916

ตุรกีเชื่อนักข่าวชื่อดังชาวซาอุฯถูกฆ่าตายในสถานกงสุล

นักข่าวซาอุฯ,ตุรกี,ถูกฆ่า,สถานกงสุล

นักข่าวชื่อดังชาวซาอุฯหายตัวไปไม่ทราบชะตากรรม 4 วันหลังเข้าไปในสถานกงสุลซาอุฯในตุรกี ล่าสุดตำรวจเชื่อถูกฆ่าในสถานกงสุล

ตำรวจตุรกีเปิดสอบสวนอย่างเป็นทางการแล้ว กรณีนายจามัล คาชอกกี ผู้สื่อข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทำข่าวให้กับหนังสือพิมพ์ วอชิงตัน โพสต์ สูญหายไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาหลังจากเข้าไปภายในสถานกงสุลซาอุดิอาระเบียประจำนครอิสตันบูล

หลังผลสอบสวนในเบื้องต้น พบว่า  มีชาวซาอุฯราว 15 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ เดินทางโดยสองเที่ยวบินไปยังนครอิสตันบูล และอยู่ในสถานกงสุลวันเดียวกันกับนักข่าวที่ไม่ได้กลับออกมาตั้งแต่วันนั้น เบื้องต้นจึงสรุปว่า คาชอกกีถูกฆาตกรรมแบบวางแผนมาล่วงหน้า โดยทีมปฏิบัติการที่ส่งมายังอิสตันบูล และเดินทางออกจากตุรกีในวันเดียวกัน

 ตุรกีเชื่อนักข่าวชื่อดังชาวซาอุฯถูกฆ่าตายในสถานกงสุล

คาชอกกี ซึ่งจะอายุครบ 60ปีในวันที่ 13 ตุลาคม เป็นอดีตที่ปรึกษารัฐบาลซาอุฯที่วิจารณ์นโยบายหลายเรื่องของ มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน  เขาตัดสินใจหลบหนีไปลี้ภัยตัวเองอยู่ในสหรัฐอเมริกา เมื่อกันยายนปีที่แล้ว หลังจากที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ดได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาทสืบราชบัลลังก์  โดยช่วงเดียวกันนั้น มีกระแสการจับกุมผู้เห็นต่างหลายสิบคนรวมถึงนักวิชาการและนักเทศน์

นักข่าวฝีปากกล้า อ้างว่า เขาถูกสั่งห้ามเขียนเรื่องลง อัล ฮายัต หนังสือพิมพ์ภาษาอาหรับ ของเจ้าชายอัลวาหลิด บิน สุลต่าน อัล ซาอุด เกี่ยวกับการปกป้องกลุ่มภราดรภาพมุสลิม ที่รัฐบาลริยาดขึ้นบัญชีดำเป็นองค์กรก่อการร้าย นอกจากนี้ คาชอกกียังวิจารณ์บทบาทซาอฯในเยเมน หลังซาอุเป็นแกนนำพันธมิตรอาหรับทำสงครามกับกลุ่มกบฎเยเมนที่อิหร่านหนุนหลัง

                     ( กงสุลใหญ่ซาอุฯในอิสตันบุล เปิดสถานกงสุลให้นักข่าวเข้าสำรวจ เมื่อวานนี้ ( 6 ต.ค.) เพื่อยืนยันไม่มีอะไรปิดบัง และว่าคาชอกกีออกจากสถานทูตหลังเดินเรื่องเอกสาร ) 

ก่อนหน้านี้ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ปฏิเสธว่า นักข่าวคนดังไม่ได้อยู่ภายในสถานกงสุล และพร้อมให้ทางการตุรกีเข้าตรวจค้น

ฮาทิซ เคนกิซ คู่หมั้นของคาชอกกี กล่าวว่า แฟนของเธอไปที่สถานกงสุลเพื่อขอเอกสารสำหรับแต่งงาน และไม่เชื่อว่าเขาถูกสังหารแล้ว

นรีแพทย์คองโก-นักเคลื่อนไหวชาวยาซิดีคว้าโนเบลสันติภาพ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/346802

นรีแพทย์คองโก-นักเคลื่อนไหวชาวยาซิดีคว้าโนเบลสันติภาพ

นรีแพทย์คองโก,นักเคลื่อนไหวยาซิดี,โนเบลสันติภาพ,โนเบลสันติภาพ2561

นายแพทย์เดนิส มุกคเวเก นรีแพทย์คองโก และ นาเดีย มูราด นักรณรงค์เพื่อสิทธิของชาวยาซิดี คว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

คณะกรรมการรางวัลโนเบล ประกาศที่กรุงออสโล ประเทศนอรเวย์ว่า มอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2561 ให้แก่นายแพทย์เดนิส มุกคเวเก นรีแพทย์ชาวคองโก และ นาเดีย มูราด นักรณรงค์เพื่อสิทธิของชาวยาซิดี ผู้ทุ่มเทความพยายามยุติการใช้ความรุนแรงทางเพศ เป็นอาวุธสงคราม

นายแพทย์มุกคเวเก วัย 63 ปี ได้รับการยกย่องมานาน จากการทำงานช่วยเหลือและเยียวยาผู้หญิง ให้ฟื้นตัวจากความรุนแรงและฝันร้ายจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศและข่มขืน ทางตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา หมอท่านนี้รักษาเด็ก ผู้หญิงและกระทั่งทารกอายุไม่กี่เดือนหลายหมื่นคน ที่ตกเป็นเหยื่อข่มขืนที่โรงพยาบาลปันซี ซึ่งเขาก่อตั้งขึ้นในปี 2542 ในเมืองคิวูใต้

นอกจากเป็นหมอเจ้าของฉายา หมอมหัศจรรย์ แล้ว ยังเป็นนักวิจารณ์การละเมิดสตรีในสงครามด้วยการประกาศว่า การข่มขืนคืออาวุธทำลายล้างสูง

ส่วน มูราด สตรีอิรักวัย 25 ปีจากชนกลุ่มน้อยยาซิดี ถูกกลุ่มไอเอสลักพาตัวไปจากหมู่บ้านทางเหนือของอิรัก เมื่อปี 2557 ก่อนถูกพาตัวไปยังเมืองโมซุล และตกอยู่ในสภาพทาสกามารมณ์ 3 เดือนก่อนหลบหนีออกมาได้ เธอเป็นหนึ่งในผู้หญิงและเด็กผู้หญิงหลายพันคนที่ถูกกลุ่มสุดโต่ง ลักพาตัว ข่มขืนและทรมานในปีที่ชนกลุ่มน้อยยาซิดีถูกกวาดล้างอย่างทารุณ และสหประชาชาติระบุว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

มูราด ให้สัมภาษณ์เมื่อสองปีก่อนว่า อย่างแรกที่พวกเขาบังคับให้ทำคือเปลี่ยนศาสนา จากนั้นก็กระทำกับเธอทุกอย่างที่อยากทำ

หลังได้อิสรภาพ เธอกลายเป็นแกนนำความพยายามปกป้องชนกลุ่มน้อยยาซิดี ต่อมา ได้รับแต่งตั้งเป็นทูตสหประชาชาติเพื่อเหยื่อค้ามนุษย์

หมอกับเหยื่อข่มขืน เจ้าของโนเบลสันติภาพปีล่าสุด เป็นภาพแทนการต่อสู้การล่วงละเมิดผู้หญิงที่ไม่มีพรมแดน เช่นเดียวกับปรากฎการณ์  #MeToo ที่ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก และเพิ่งครบรอบ 1 ปีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

คณะกรรมการโนเบล กล่าวยกย่องว่า ทั้งสองต้องตกอยู่ในความเสี่ยงไม่ปลอดภัย จากการต่อสู้อาชญากรรมสงครามอย่างกล้าหาญ และทวงถามความยุติธรรมให้กับเหยื่อ

สำหรับพิธีมอบรางวัล จะจัดขึ้นในวันที่ 10 ธันวาคม ที่กรุงออสโล ประเทศนอรเวย์

คุก-ปรับ-ยึดทรัพย์”อีมยองบัก”ผิดจริงทุจริต

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/346771

คุก-ปรับ-ยึดทรัพย์”อีมยองบัก”ผิดจริงทุจริต

อีมยองบัก,อดีตผู้นำเกาหลีใต้,ทุจริต,ยึดทรัพย์

กลายเป็นอดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนล่าสุดที่ต้องโทษจำคุกหลังหมดอำนาจ

ศาลกรุงโซลมีคำตัดสินลงโทษอดีตประธานาธิบดีอี มยอง บัก จำคุก 15 ปี  ปรับ 1.3 หมื่นล้านวอน ( 378 ล้านบาท ) กับยึดทรัพย์อีก 8,270 ล้านวอน (ราว 240 ล้านบาท)  ในความผิดฐานทุจริต ใช้อำนาจมิชอบและยักยอก

คำพิพากษาระบุว่า ในฐานะประธานาธิบดีที่ได้รับอำนาจล้นเหลือจากประชาชน เขามีความรับผิดชอบในการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญและเพื่อประชาชน แต่จากการพิจารณาคดี ศาลพบว่า นายอียักยอกเงิน 2.46 หมื่นล้านวอน ผ่านบริษัทอะไหล่รถยนต์ ดีเอเอส มาเป็นเวลานาน ยิ่งเมื่อพิจารณาว่าเคยเป็น ส.ส.และนายกเทศมนตรีโซลในช่วงเวลานั้น การกระทำผิดของเขายิ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรง

นอกจากนี้ นายอี  ยังไม่ยอมรับความผิดตามข้อหา ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน กลับพยายามโยนความรับผิดให้กับที่ปรึกษาและผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อพิจารณาทุกอย่างประกอบกัน การลงโทษสถานหนักจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

การอ่านคำพิพากษาได้รับการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ตามที่ศาลอนุญาต เนื่องจากเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจและประชาชนมีสิทธิจะรู้ แต่อดีตผู้นำไม่ได้มาร่วมฟัง อ้างว่าสุขภาพไม่ดี

อดีตซีอีโอที่หันมาเล่นการเมืองจนก้าวถึงตำแหน่งสูงสุด เป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนล่าสุดที่เข้าคุกหลังหมดอำนาจ

อดีตประธานาธิบดีอี วัย 76 ปี ดำรงตำแหน่งช่วงปี 2551 – 2556 ถูกควบคุมตัวมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ก่อนถูกยื่นฟ้อง 16 ข้อหาเมื่อเดือนเมษายน

ความผิดของเขามาจากการพบว่า นายอี เป็นเจ้าของทางพฤตินัยของ ดีเอเอส บริษัทอะไหล่รถยนต์แต่อ้างว่าเป็นของพี่ชาย และใช้บริษัทนี้สั่งสมความร่ำรวยเป็นกองทุนผิดกฎหมายราว 2.4 หมื่นล้านวอน แต่จำเลยอ้างว่าไม่ได้มีหุ้นอยู่ในบริษัทนี้และสินทรัพย์เดียวที่มีคือบ้านที่อาศัยอยู่

นอกจากนี้ อดีตผู้นำมีความผิดกรณีรับสินบนราว 1.11 หมื่นล้านวอนจากสำนักงานข่าวกรอง บุคคลและกลุ่มธุรกิจ อัยการต้องสงสัยว่าเขารับเงินเกือบ 6,000 ล้านวอน จากซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ แลกกับการให้อภัยโทษ นายอี คอน ฮี ประธานซัมซุง ที่ถูกจำคุกฐานเลี่ยงภาษีในเวลานั้น โดยซัมซุงจ่ายให้อดีตผู้นำในนามบริษัทดีเอเอส
ในวันเดียวกัน อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โช ฮยอน โอห์ ถูกจับกุมฐานใช้อำนาจมิชอบ สั่งตำรวจ 1,500 นาย โพสต์ความเห็นบนสื่อสังคมออนไลน์สร้างภาพบวกให้กับอดีตประธานาธิบดีช่วงปี 2553 -2555

แคร์ที่ไหนกัน!ทรัมป์เดินขึ้น”แอร์ฟอร์ซวัน”ทิชชูติดรองเท้า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/346729

แคร์ที่ไหนกัน!ทรัมป์เดินขึ้น”แอร์ฟอร์ซวัน”ทิชชูติดรองเท้า

ทรัมป์,ทิชชู่,ติดรองเท้า,แอร์ฟอร์ซวัน

ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 มีเรื่องมาให้แปลกใจอยู่เรื่อยๆ ล่าสุด เดินขึ้นเครื่องบินประจำตำแหน่งอย่างสง่าผ่าเผยทั้งที่มีกระดาษชำระติดรองเท้าอยู่อย่างเห็นได้ชัด

นับเป็นสัปดาห์ที่หัวหมุนทีเดียวสำหรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไหนจะปัญหาผู้ได้รับการเสนอชื่อนั่งผู้พิพากษาศาลสูงที่เอฟบีไอกำลังสอบสวนเรื่องอื้อฉาวทางเพศในอดีต และสื่อใหญ่ตีข่าวว่าทรัมป์เลี่ยงเสียภาษีมรดกที่รับจากบิดาในอดีต

จึงอาจทำให้ต้องเร่งรีบเป็นพิเศษเมื่อขึ้นเครื่องบินประจำตำแหน่งแอร์ฟอร์ซวัน จากมินนิโซตา ไปเมืองโรเชสเตอร์ เมื่อค่ำวันพฤหัสบดี ( 4 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น  จนไม่ได้สังเกตสิ่งแปลกปลอมที่ติดรองเท้าข้างซ้ายมา คาดว่าเป็นกระดาษชำระจากห้องน้ำ กลายเป็นคลิปชวนหัวไวรัลบนทวิตเตอร์ มียอดดูกว่า 2.7 ล้านครั้ง

คลิปแสดงให้เห็นทรัมป์ ลงจากรถลีมูซีน เดินอย่างมั่นใจก้าวขึ้นบันไดเครื่องบิน โดยมองเห็นกระดาษชำระสีขาวพลิ้วไปตามเท้าที่ก้าวเดิน ถึงชั้นบนสุดแล้ว ทรัมป์หันมาโบกมือให้กับฝูงชนเช่นเคยก่อนเข้าไปในภายเครื่องบิน จังหวะนั้น ทิชชูถึงหลุดออก จากคลิปที่เห็น หลายคนเชื่อว่า ผู้นำสหรัฐเองก็น่าจะรู้ว่ามีทิชชูติดรองเท้าอยู่

แคร์ที่ไหนกัน!ทรัมป์เดินขึ้น"แอร์ฟอร์ซวัน"ทิชชูติดรองเท้า 

( นาทีที่ 4.40 )

อุทยานวอชิงตันขนย้ายแพะภูเขาหลังติดรสชาติฉี่คน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/foreign/346715

อุทยานวอชิงตันขนย้ายแพะภูเขาหลังติดรสชาติฉี่คน

แพะภูเขา,ฉี่คน,ขนย้าย,อุทยานวอชิงตัน

เจ้าหน้าที่อุทยานรัฐวอชิงตัน ย้ายที่อยู่แพะภูเขาทางอากาศไปยังถิ่นเดิม หลังจากเริ่มติดใจรสชาติฉี่ของคน

เจ้าหน้าที่อุยานแห่งชาติโอลิมปิก  ยิงลูกดอกยาสลบและปืนตาข่าย จับแพะภูเขาตามง่อนหินและทางพื้นลาดภูเขาภายในอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจาก  ห่างจากนครซีแอตเทิล ไปทางตะวันตกราว 160 กิโลเมตร

อุทยานวอชิงตันขนย้ายแพะภูเขาหลังติดรสชาติฉี่คน 

พวกมันถูกมัดผ้าปิดตา ผูกสายสลิงที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษก่อนส่งให้เครื่องบินขนย้ายไปยังพื้นที่ที่กำหนดไว้อีกจุดในอุทยาน จากนั้น เจ้าหน้าที่ตรวจสุขภาพ สวมอุปกรณ์ติดตาม ให้น้ำ ก่อนลำเลียงขึ้นรถบรรทุกและเรือเฟอร์รี ไปยังอุทยานนอร์ท คาสคาเดส ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยดั้งเดิมของแพะภูเขา

สำนักงานอุทยานแห่งชาติ ระบุว่าเหตุที่ต้องย้าย เพราะแพะภูเขาติดพื้นที่ที่ผู้ไปเยือนมักไปปัสสาวะทิ้งไว้ ต่อไปมันอาจก่อความรำคาญตามเส้นทางเดินป่าและจุดตั้งแคมป์ ขณะพยายามเข้าไปหาเกลือและแร่ธาตุจากปัสสาวะคน ตลอดข้าวของและเหงื่อบนเสื้อผ้า นอกจากนี้ยังอาจคุกคามความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และก่อความเสียหายกับพืชบางชนิดในเทือกเขาโอลิมปิก

เจ้าหน้าที่อุทยานอนุมัติแผนการย้ายแพะ 375 ตัวไปยังอุทยานนอร์ท คาสคาเดส เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และย้ายไปแล้ว 115 ตัวจากปฏิบัติการ 2 สัปดาห์เมื่อเดือนก่อน นอกจากนี้ มีแผนจะย้ายเพิ่มอีก 2 กลุ่มในปีหน้า แต่ประเมินว่าอาจมีบางส่วนที่จับไม่ได้ และจะต้องกำจัดด้วยการยิง