7 เดือน 7 “เทศกาลทานาบาตะ” กับเรื่องเล่าตำนานญี่ปุ่น “เจ้าหญิงทอผ้า” กับ “ชายเลี้ยงวัว” #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/lifestyle/473221

7 เดือน 7 “เทศกาลทานาบาตะ” กับเรื่องเล่าตำนานญี่ปุ่น “เจ้าหญิงทอผ้า” กับ “ชายเลี้ยงวัว”

7 กรกฎาคม 2564 – 09:47 น.

“เทศกาลทานาบาตะ” วันที่ 7 เดือน 7 กับเรื่องเล่าตำนานญี่ปุ่น “เจ้าหญิงทอผ้า” กับ “ชายเลี้ยงวัว”

เทศกาลทานาบาตะ” หรือ เทศกาลขอพรจากดวงดาว เป็นหนึ่งในเทศกาลอันเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 7 เดือน 7 (กรกฎาคม) ของทุกปี 

 7 เดือน 7 "เทศกาลทานาบาตะ" กับเรื่องเล่าตำนานญี่ปุ่น "เจ้าหญิงทอผ้า" กับ "ชายเลี้ยงวัว"

วัน “ทานาบาตะ” นี้ ชาวญี่ปุ่นจะเขียนคำอธิษฐานลงในกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีสีสันหลากหลาย หรือที่เรียกว่า ทังซะกุ (Tanzaku) หรือพับกระดาษให้เป็นรูปนกกระเรียนหรือรูปทรงสวยงามต่าง ๆ แล้วจึงนำไปแขวนไว้ที่กิ่งไผ่ เพื่อขอพรจากดวงดาว

ตำนานวันทานาบาตะที่คนญี่ปุ่นเชื่อถือและเล่ากันต่อ ๆ มาสู่ลูกหลานฟัง เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองตามดวงดาวของญี่ปุ่น มีต้นกำเนิดมาจากงานเทศกาลเจ็ดนางฟ้าของจีน เนื่องจากการพบกันของนางฟ้าโอริฮิเมะ (ดาวเวกา Vega) และฮิโกโบชิ (ดาวอัลแทร์ Altair) ผู้เลี้ยงวัวบนสวรรค์ โดยอ้างอิงจากตำนานในอดีตว่าทางช้างเผือกคือแม่น้ำของดวงดาวพาดผ่านท้องฟ้า ได้แยกคู่รักคือโอริฮิเมะและฮิโกโบชิไม่ให้ได้อยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยา แต่อนุญาตให้พบกันเพียงปีละ 1 ครั้งในวันที่ 7 ของเดือน 7 ตามปฏิทินสุริยจันทรคติ เทศกาลเฉลิมฉลองมีขึ้นตอนกลางคืนของวันนั้น

เทศกาลทานาบาตะได้รับอิทธิพลจากตำนานเจ็ดนางฟ้าจากประเทศจีน ตำนานมีหลายหลายรูปแบบ บางรูปแบบได้ถูกรวมอยู่ในตำนานหมื่นใบไม้ ซึ่งเป็นหนังสือรวบรวมบทกลอนเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น

รูปแบบของตำนานที่ถูกกล่าวขานมากที่สุดก็คือ นางฟ้าโอริฮิเมะ ซึ่งเป็นลูกสาวของกษัตริย์แห่งท้องฟ้า (หรือจักรวาล) ทำหน้าที่ทอผ้าอยู่ที่แม่น้ำอามาโนกาวะ ท่านพ่อชอบฝีมือการทอผ้าของเธอ แม้ว่าเธอจะทำงานอย่างหนักทุกวันแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอมีความสุข เพราะไม่ได้พบหรือได้หลงรักชายใดเลย

 7 เดือน 7 "เทศกาลทานาบาตะ" กับเรื่องเล่าตำนานญี่ปุ่น "เจ้าหญิงทอผ้า" กับ "ชายเลี้ยงวัว"

กษัตริย์แห่งท้องฟ้าผู้ห่วงใยลูกสาวเลยได้จัดการให้เธอได้พบกับฮิโกโบชิ ผู้เลี้ยงวัวอาศัยอยู่อีกฝั่งของทางช้างเผือก เมื่อทั้งคู่ได้พบกัน ไม่นานนักทั้งคู่ก็ได้หลงรักกันและได้แต่งงาน

เมื่อแต่งงานแล้วนางฟ้าโอริฮิเมะก็ไม่ได้ขยันทอผ้าดั่งที่เคย ส่วนฮิโกโบชิก็ได้ปล่อยให้วัววิ่งเพ่นพ่านไปทั่วสวรรค์ ด้วยความโกรธ กษัตริย์แห่งท้องฟ้าจึงได้แยกทั้งคู่ไม่ให้พบกัน กีดกั้นโดยทางช้างเผือก นางฟ้าโอริฮิเมะเสียใจจากการสูญเสียสามีจึงได้ขอร้องบิดาของตนให้ได้เจอกับสามีของนางอีกครั้ง บิดาพ่ายแพ้แก่น้ำตาของลูกสาวจึงยอมให้ทั้งคู่สามารถเจอกันได้ในวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี แต่จะสามารถพบได้ก็ต่อเมื่อเธอทำงานอย่างหนักและทอผ้าจนเสร็จ

เมื่อถึงเวลาที่จะได้พบกันอีกครั้งแรก ทั้งคู่ไม่สามารถข้ามทางช้างเผือกมาพบกันได้ เนื่องจากไร้ซึ่งสะพานข้ามทางช้างเผือก เมื่อรู้ดังนั้น นางฟ้าโอริฮิเมะได้ร้องไห้อย่างหนักจนฝูงนกกางเขนได้เข้ามาหาด้วยความสงสารและสัญญาว่าจะสร้างสะพานโดยใช้ปีกของพวกมันช่วยกัน จนเธอสามารถข้ามทางช้างเผือกได้

มีคนกล่าวไว้ว่าถ้าในวันทานาบาตะปีไหนเกิดฝนตก เหล่าฝูงนกกางเขนจะไม่สามารถช่วยเป็นสะพานในปีนั้นได้ จะทำให้ทั้งคู่ต้องรออีกถึงปีหน้า เพื่อที่จะได้พบกันอีก

 7 เดือน 7 "เทศกาลทานาบาตะ" กับเรื่องเล่าตำนานญี่ปุ่น "เจ้าหญิงทอผ้า" กับ "ชายเลี้ยงวัว"
 7 เดือน 7 "เทศกาลทานาบาตะ" กับเรื่องเล่าตำนานญี่ปุ่น "เจ้าหญิงทอผ้า" กับ "ชายเลี้ยงวัว"
 7 เดือน 7 "เทศกาลทานาบาตะ" กับเรื่องเล่าตำนานญี่ปุ่น "เจ้าหญิงทอผ้า" กับ "ชายเลี้ยงวัว"

ข้อมูล wikipedia

เปิดสูตร..”ผัดจังโก้เนื้อ” อาหารอีสานถิ่นหนองคาย (สูตรไม่ใส่เพี้ย) #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/lifestyle/473184

เปิดสูตร..”ผัดจังโก้เนื้อ” อาหารอีสานถิ่นหนองคาย (สูตรไม่ใส่เพี้ย)

7 กรกฎาคม 2564 – 07:00 น.

เปิดสูตร..”ผัดจังโก้เนื้อ” อาหารอีสานถิ่นหนองคาย (สูตรไม่ใส่เพี้ย)

“ผัดจังโก้เนื้อ” หลายคนไม่รู้จักเพราะชื่อแปลกหู แม้จะไปขอนแก่น อุดร อุบล ก็แทบไม่คุ้น แต่หากใครได้ไปเยือนถิ่นอีสานย่านหนองคายจะเห็นได้ว่าร้านอาหารแทบทุกร้านต้องมีผัดจังโก้เนื้อเป็นหนึ่งในเมนู นิยมใช้เนื้อวัวแต่ก็มีเนื้อหมูให้เลือก หน้าตาดูคล้ายผัดฉ่านิยมแต่มีรสขมจากเพี้ย (น้ำย่อยที่อยู่ภายในลำไส้อ่อนของวัวคนอีสานมักเรียก ขี้เพี้ย) ที่มาที่ไปของชื่อจังโก้ไม่มีประวัติน่าเชื่อถือแน่ชัด ขณะที่ส่วนผสมแต่ละร้านต่างกัน บ้างใส่กระชาย บางร้านไม่ใส่ บ้างซอยตะไคร้หรือตำส่วนผสมให้พอหยาบเป็นน้ำพริกผัด บ้างก็หั่นๆ ซอยๆ พอได้เขี่ยได้เลือก แต่แบบไหนก็ถูกใจทุกครั้งและเป็นต้องสั่งเมื่อไปเยือน

ยิ่งช่วงนี้โควิด-19 ระลอกใหม่ทำให้หลายคนต้องกักตัวอยู่บ้าน พอมีเวลาเข้าครัว ว่าแล้วก็ต้องจัดผัดจังโก้เนื้ออย่างที่กล่าวมา แต่เป็นสูตรในแบบที่สะดวก เลือกเนื้อส่วนที่ชอบ คือส่วนเนื้อปั้น (เนื้อน่องลายหรือเสือร้องไห้ก็อร่อยแต่ต้องผัดครู่เดียวไม่งั้นเนื้อเหนียวเคี้ยวลำบาก) และตัดส่วนเพี้ยที่ให้รสขมออกเพราะย่านอาศัยหามีไม่ แต่ถ้าใครชอบใครมีก็เพิ่มเติมเอาโลด    

เปิดสูตร.."ผัดจังโก้เนื้อ" อาหารอีสานถิ่นหนองคาย (สูตรไม่ใส่เพี้ย)

เตรียมวัตถุดิบ “ผัดจังโก้เนื้อ” ประกอบด้วย 

  • เนื้อวัว 450 กรัม
  • พริกแดง 50 กรัม
  • หอมแดง 50 กรัม
  • กระชาย 30 กรัม
  • ตะไคร้ 30 กรัม
  • พริกไทยสด 30 กรัม
  • ใบมะกรูด 10 กรัม
  • กระเทียม 20 กรัม
  • ต้นหอม 2-3 ต้น
  • ใบโหระพา ตามชอบ

ปรุงรสด้วย ซอสหอยนางรม น้ำปลา น้ำตาล แต่ถ้าใครชอบรสขมก็เติมเพี้ยตามความชอบ

วิธีทำ ผัดจังโก้เนื้อ

  • ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ผัดกระเทียมให้หอม
  • จากนั้นใส่เครื่องเทศที่หั่นเตรียมไว้ลงไปผัดโดยใช้ไฟกลาง ยกเว้นต้นหอมและโหระพา
  • ปรุงรสขณะผัดเครื่องเทศ ใส่น้ำมันหอยราว 3 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลเล็กน้อย เติมน้ำลงไปอีกนิด เหตุที่ปรุงรสก่อนเพราะเราจะไม่ผัดเนื้อให้นานจนเกินไป แค่ให้พอสุกเนื้อจะนุ่มไม่เหนียว
เปิดสูตร.."ผัดจังโก้เนื้อ" อาหารอีสานถิ่นหนองคาย (สูตรไม่ใส่เพี้ย)
เปิดสูตร.."ผัดจังโก้เนื้อ" อาหารอีสานถิ่นหนองคาย (สูตรไม่ใส่เพี้ย)

นำเนื้อลงไปผัดให้พอสุก สังเกตเห็นเนื้อเป็นสีชมพูอ่อนๆ ก็ปิดไฟได้ จากนั้นใส่ต้นหอมและโหระพาลงไปผัดผสม เสร็จแล้ว ผัดจังโก้เนื้อ ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้เลย ชอบรสไหนเพิ่มสัดส่วนได้ตามใจ รับประทานกับข้าวเหนียวนุ่ม ๆ หรือข้าวสวยร้อน ๆ ก็อร่อย ใครอยากลิ้มรสแบบเจ้าถิ่น เชิญเช็คอินที่หนองคายหลังหมดโควิดก่อนนะครับ..

เปิดสูตร.."ผัดจังโก้เนื้อ" อาหารอีสานถิ่นหนองคาย (สูตรไม่ใส่เพี้ย)

วัยเก๋า ควรรู้ 4 ปัญหา “ช่องปาก” ที่ต้องเจอ #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/lifestyle/473171

วัยเก๋า ควรรู้ 4 ปัญหา “ช่องปาก” ที่ต้องเจอ

7 กรกฎาคม 2564 – 06:00 น.

ไม่ว่าอยู่ในช่วงวัยไหน การมีสุขภาพช่องปากที่ดี เป็นสุดยอดปรารถนาของทุกคน แต่เมื่อเข้าสู่วัยเก๋าอวัยวะหลายอย่างในร่างกายเปลี่ยนไปรวมถึงปัญหา “ช่องปาก” ที่ต้องเจอ

ช่องปากและฟันที่ขาวสะอาด เปรียบเสมือนการเปิดประตูบ้านต้อนรับแขกที่มาเยือน เพราะแน่นอนว่าการทักทายนอกจากการยกมือสวัสดี ก็จะมีการยิ้มและพูดคุยซึ่งเป็นหนึ่งการทักทายที่สร้างความประทับใจได้ไม่ยาก

การมีสุขภาพช่องปากที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องดูแลเป็นพิเศษ แต่ในขณะเดียวกันหลายคนต้องพบเจอกับปัญหาของช่องปาก โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่มักจะมีเยื่อบุช่องปากบางกว่าช่วงวัยอื่น ๆ หรือ บางคนก็จำเป็นต้องใส่ฟันปลอม ซึ่งปัญหาเหล่านี้จึงกลายเป็นเรื่องที่ทำให้หลายคนหงุดหงิดใจ

ดังนั้นจะดีกว่าไหม หากเรามองหาไอเท็มดูแลช่องปากและฟันให้สะอาด ปราศจากกลิ่น เพื่อเป็นเสน่ห์ดึงดูดผู้พบเห็นให้อยากเข้ามาพูดคุย โดยเฉพาะผู้สูงอายุหลายคนที่ชอบสังสรรค์ พบปะเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่เสมอ

ปัญหาช่องปากที่เหล่าวัยเก๋า ต้องหงุดหงิดใจ และทำให้หลายคนเสียศูนย์ หมดความมั่นใจ มีมากมาย แต่ปัญหาหลักๆ คือที่เห็นได้ชัดเจอ คือ4ปัญหาหลัก

1.ผู้สูงวัยเสี่ยงฟันผุได้ง่าย : เกิดจากเนื้อฟันถูกทำลายจนเป็นรู หรือเป็นโพรงที่ตัวฟัน ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากน้ำตาลที่ทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียในช่องปาก และแปรสภาพกลายเป็นกรดทำลายฟันด้วยการกัดกร่อน บวกกับอายุที่เพิ่มขึ้นตัวฟันหรือเคลือบฟันก็เริ่มจะหายไปและมีความอ่อนแอลงตามอายุการใช้งาน จึงมีความเสี่ยงที่จะทำให้ฟันผุ ฟันสึกได้ง่าย

2.เยื่อบุช่องปากบางกว่าช่วงวัยอื่น: ผู้สูงอายุจะมีระบบภูมิต้านทานที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นส่วนใหญ่มักมีโอกาสเยื่อบุอ่อนภายในช่องปากและรอบๆริมฝีปากอักเสบ และมีแผลที่มุมปากได้ง่าย ซึ่งจะทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บ เวลาอ้าปากหรือรับประทานอาหารมีรสเปรี้ยว เผ็ด ร้อน

3.ภาวะน้ำลายน้อยลง : ผู้สูงอายุที่มีภาวะน้ำลายน้อย เกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งปัญหาด้านสุขภาพ การใช้ยาบางชนิด เป็นต้น ภาวะนี้จะส่งผลต่อความชุ่มชื้นในช่องปาก รวมไปถึงปัญหากลิ่นปาก

4.ปัญหาจากฟันปลอม:แน่นอนว่าเมื่อฟันผุ ฟันหมดช่องปาก ทำให้ผู้สูงอายุหลายคน หันไปใช้ตัวช่วยทางเลือกในการเคี้ยวอาหาร นั่นก็คือ ฟันปลอม ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคือง หรือเจ็บช่องปากได้

เมื่อวัยเก๋าได้รับทราบถึงปัญหาช่องปากกันแล้ว ก็ไม่ควรรอช้าที่จะมองหายาสีฟันที่มาช่วยแก้ปัญหาให้ตรงจุด เพื่อช่องปากและฟันที่แข็งแรง วิธีการเลือกยาสีฟันง่ายๆ คือเลือกใช้ยาสีฟันสูตรอ่อนโยน ปราศจากสารSLS, SLES, สารฟอกฟันขาว

และ สารกันเสียกลุ่มพาราเบนที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองและผงขัดอณูละเอียดที่ไม่ทำลายเคลือบฟัน และสามารถใช้ได้กับฟันปลอม รวมทั้งควรเป็นยาสีฟันที่เพิ่มความชุ่มชื้นในช่องปากช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย ลดกลิ่นปาก นอกจากนี้ ควรเลือกยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ในปริมาณที่มากพอเพื่อช่วยลดปัญหาฟันผุอีกด้วย

ผู้สูงอายุ อย่าเพิ่งถอดใจกับการสรรหายาสีฟัน ที่จะแก้ปัญหาให้ตรงจุดเพียงศึกษาก่อนจะซื้อเลือกยาสีฟันแต่ละยี่ห้อ อย่างน้อยควรมีส่วนประกอบสำคัญจากสารสกัดจากธรรมชาติที่หลากหลาย

ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดเปลือกมังคุด ในรูปแบบเอนแคปซูเลท(Encapsulate)มีคุณสมบัติช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย น้ำผึ้งมานูก้า จากประเทศนิวซีแลนด์ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในช่องปากสารสกัดใบฝรั่ง สารสกัดชะเอมเทศ ช่วยดูแลเหงือก และฟันให้แข็งแรง

เปปเปอร์มิ้นท์ เมนทอล ลดกลิ่นปาก ให้ลมหายใจหอมสดชื่นยาวนาน และสารสกัดจากหญ้าหวาน ที่จะมอบรสชาติหวานจากธรรมชาติให้เหล่าวัยเก๋าไม่ต้องทนกับยาสีฟันที่ เผ็ด ซ่าและมีฟลูออไรด์ที่ช่วยป้องกันฟันผุ

เมื่อวัยเก๋ารู้ 4 ปัญหาช่องปากที่ต้องเจอ ควรเลือกใช้เพื่อดูแลช่องปากและฟัน  เพื่อจะได้กลับมามีความมั่นใจและมีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ ได้อีกครั้ง

เที่ยวชม Res-Q Farm เกษตรกลางกรุง ค่าไฟ 0 บาท #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/lifestyle/473186

เที่ยวชม Res-Q Farm เกษตรกลางกรุง ค่าไฟ 0 บาท

6 กรกฎาคม 2564 – 21:21 น.

คมชัดลึกออนไลน์วันนี้จะพาแนะนำให้รู้จักกับฟาร์มที่อยู่กลางกรุงเทพมหานคร แถมเจ้าของฟาร์มยังบริหารจัดการฟาร์มแบบวิธีง่ายๆสไตล์คนขี้เกียจแต่ไม่ได้โง่นะจ๊ะ เพราะเขามีวิธีคิดแก้ปัญหาที่ง่ายช่วยประหยัดค่าไฟไปได้เยอะ จนคนรู้จักกันดีว่าฟาร์มแห่งนี้ค่าไฟ 0 บาท

สำหรับใครที่รักในธรรมชาติและชอบเที่ยวชมต้นไม้ดอกไม้หรือกำลังคิดที่จะทำอาชีพเกษตรกร คมชัดลึกออนไลน์ขอแนะนำ ฟาร์ม 9 ไร่ กลางกรุงเทพมหานคร  71 บางชัน เขตคลองสามวา บริเวณนั้นหลายคนไม่คิดว่าจะมีฟาร์มใหญ่ๆเปิดได้ เพราะพื้นอยู่ต่ำกว่าถนนมาก แต่“พี่โบ้”เจ้าของฟาร์มได้ใช้ความสามารถที่มีบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าวให้กลายเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ ชื่อว่า “Rest- Q – farm”  ที่มาจาก “Rescue” แปลว่า ให้การช่วยเหลือ  โดย “พี่โบ้” อยากทำการเกษตรและใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ หลังจากที่ทำงานมาหนัก มาหลายสิบปี ซึ่งฟาร์มนี้เคยเป็นหนองน้ำไม่มีแหล่งน้ำในที่ดิน และไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่สร้างทั้งสองอย่างขึ้นมาใช้ได้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ค่าไฟ 0 บาท

เที่ยวชม Res-Q Farm เกษตรกลางกรุง ค่าไฟ 0 บาท

“พี่โบ้” ได้เอาน้ำเสียจากชุมชนปั๊มขึ้นมาใช้ทำเป็นน้ำดี โดยใช้ระบบ เขื่อน ฝาย แก้มลิง และโครงกระดูกไก่ จนมีน้ำสะอาดใช้มีระบบนิเวศที่ดีมีปลาคาร์ฟ กบ หอย อาศัยอยู่ได้ นอกจากนั้นยังนำมอเตอร์เครื่องยนต์ต่างๆจากพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า เรื่องของไฟฟ้าใช้แผงโซลาร์สร้างไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ พลังงานจากแสงแดด

เที่ยวชม Res-Q Farm เกษตรกลางกรุง ค่าไฟ 0 บาท

ซึ่ง “เรสคิวฟาร์ม” เป็นฟาร์มที่แก้ปัญหาทุกอย่างทางฟิซิเคิล หากมีปัญหาและอุปสรรคต่างๆจะค่อยๆแก้ปัญหาทีละอย่างกว่าฟาร์มแห่งนี้จะเป็นที่รู้จักใช้เวลาสร้างมานานกว่า 4 ปี ปัจจุบันอยู่ในช่วงของการขายเอากำไร จากผักผลไม้ในฟาร์มและปัจจุบันยังมีคาเฟ่ที่ขายของสดปลอดสารพิษ

และถ้าเดินเล่นชมฟาร์มแล้วหิว ทางฟาร์มได้ทำคาเฟ่เอาไว้ ชื่อว่า“Res-Q Cafe” มีอาหารเมนูเด็ดที่รังสรรค์มาจากผักผลไม้ในฟาร์ม ไม่ว่าจะเป็น พิซซ่า สปาเก็ตตี้ สลัด สเต็กหมู     อร่อยเด็ดทุกเมนู เพราะพี่โบ้บอกว่าได้คิดสูตรอาหารเอาไว้แล้วไม่ว่าจะเปลี่ยนคนทำแต่รสชาติอาหารก็จะยังคงอร่อยเหมือนเดิม

เที่ยวชม Res-Q Farm เกษตรกลางกรุง ค่าไฟ 0 บาท

งานนี้ใครอยากไปเที่ยวชมธรรมชาติและไปดูเทคนิคการทำฟาร์มของพี่โบ้ ก็ไปได้ที่ “Res-Q Farm” เปิดบริการทุกวัน 8:00 – 18:00 น. โดยตัวคาเฟ่เปิดบริการถึง 17:00 น.  หรือ สามารถติดตามชมไอเดียของพี่โบ้ได้ในรายการคมสร้างอาชีพได้ทุกวันเสาร์ ในเพจคมชัดลึกจ้า

เที่ยวชม Res-Q Farm เกษตรกลางกรุง ค่าไฟ 0 บาท
เที่ยวชม Res-Q Farm เกษตรกลางกรุง ค่าไฟ 0 บาท
เที่ยวชม Res-Q Farm เกษตรกลางกรุง ค่าไฟ 0 บาท
เที่ยวชม Res-Q Farm เกษตรกลางกรุง ค่าไฟ 0 บาท

สามารถติดตามรับชมคลิปรายการ “คมสร้างอาชีพ” ได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=5TYbLpxDol4

Swap & Go สถานีสลับแบตเตอรี่ ตอบโจทย์ “ไรเดอร์” เมืองไทย #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/lifestyle/473183

Swap & Go สถานีสลับแบตเตอรี่ ตอบโจทย์ “ไรเดอร์” เมืองไทย

6 กรกฎาคม 2564 – 20:05 น.

เปิดตัว Swap & Go สถานีสลับแบตเตอรี่ ตอบโจทย์ “ไรเดอร์” หนุนธุรกิจเดลิเวอรีในเมืองไทย รับกระแสรักษ์โลก

“ยานยนต์ไฟฟ้า” เป็นเทรนด์ยานพาหนะยุคใหม่ของโลก โดยเฉพาะธุรกิจเดลิเวอรี ผู้ขับขี่รถส่งของในเมืองไดย หรือ “ไรเดอร์” มีความต้องการใช้ “มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า” มากขึ้น

นายนพดล ปิ่นสุภา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและดิจิทัล บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การใช้รถมอเตอร์ไซค์กลายเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจ Delivery Service และแนวโน้มการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยก็เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

จึงเป็นที่มาของแนวคิดการออกแบบธุรกิจเพื่อเป็นต้นแบบนวัตกรรมด้านพลังงานให้กับประเทศ อย่าง Swap & Go บริษัทในเครือ ปตท. ที่ให้บริการสลับแบตเตอรี่สำหรับผู้ใช้งานมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบบไม่ต้องรอชาร์จ เป็นการสร้าง Business Ecosystem ที่เพิ่มศักยภาพการใช้พลังงานสะอาด สู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สร้างการเติบโตทั้งด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน 

น.ส.อาวีมาศ สิริแสงทักษิณ กรรมการผู้จัดการบริษัท สวอพ แอนด์ โก จำกัด (Swap & Go) เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมของผู้ขับขี่ให้บริการ Delivery หรือ ไรเดอร์ พบว่า ต้องการใช้งาน “รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า” ที่สามารถรองรับการให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องเพื่อทำรายได้สูงสุด และปัญหาหลักที่ทำให้ยังไม่สามารถเปลี่ยนมาใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าได้ คือแบตเตอรี่ที่ต้องใช้เวลานานในการรอชาร์จ ซึ่งไม่สอดคล้องกับการใช้งานจริง

Swap & Go สถานีสลับแบตเตอรี่ ตอบโจทย์ "ไรเดอร์" เมืองไทย

Swap & Go เน้นออกแบบกระบวนการใช้งานให้ง่าย สะดวก และทันสมัย เพื่อตอบโจทย์ “ไรเดอร์” ผู้ใช้หลัก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้นำร่อง พัฒนาตู้แบตเตอรี่ ระบบการชาร์จไฟ และการเชื่อมต่อเครือข่ายกับผู้ผลิตและให้บริการแบตเตอรี่สวอพชั้นนำจากประเทศจีน 

– ผู้ใช้งานดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Swap & Go เชื่อมต่อกับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่รองรับการใช้งาน เพื่อตรวจสอบปริมาณแบตเตอรี่

– ค้นหาตำแหน่งสถานีสลับแบตเตอรี่ จองแบตเตอรี่ใหม่ล่วงหน้า

– มีระบบนำทางไปยังสถานี

– เมื่อไปถึงสถานีแล้ว สามารถสแกน QR code เพื่อสลับแบตเดิมที่หมดกับแบตใหม่ที่พร้อมใช้งานในตู้ชาร์จด้วยตัวเองได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

เช็กที่ตั้งสถานีบริการ Swap & Go (ภายในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น 19 แห่ง)

– ปตท. สำนักงานใหญ่    

– รามคำแหง               

– มัยลาภ

– ลาดพร้าว 23                

– ประชาอุทิศ-ลาดพร้าว                

– ลาดพร้าว 71      

– สุทธิสาร                 

– ลาดพร้าววังหิน  

– เจริญราษฎร์

– สามย่าน                 

– ประชาอุทิศ 2 (แยกเหม่งจ๋าย)     

– สามแยกพิชัย

– นานาใต้                 

– สนามเป้า                

– สวัสดิการ กรมวิชาการเกษตร

– ประชาชื่น                  

– กล้วยน้ำไท       

– กำแพงเพชร 2              

– ยานนาวา

นอกสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น 3 แห่ง

– เซเว่น อีเลฟเว่น สาขาเซนหลุยส์ ซอย3

– Once Again Hostel

– สาขาที่ 3 อยู่ระหว่างพิจารณาพื้นที่ติดตั้ง

Swap & Go จัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา มุ่งดำเนินธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มการสลับแบตเตอรี่ แก่ผู้ใช้งานมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าโดยไม่ต้องรอชาร์จ เพื่อรองรับการขยายตัวของผู้ใช้งานรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต และช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐาน เตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคพลังงานแห่งอนาคตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม

ขอบคุณภาพ : Swap and Go

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

“รถ EV” จะมีในบ้านเราจริงเหรอ? 

รู้จัก “แม็ค กฤตธัช” เก่งและหล่อ หนึ่งในทีมโดรนและซีอีโอ NOVY ช่วยบินหาจุดปิดวาล์วถังสารเคมี #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/lifestyle/473178

รู้จัก “แม็ค กฤตธัช” เก่งและหล่อ หนึ่งในทีมโดรนและซีอีโอ NOVY ช่วยบินหาจุดปิดวาล์วถังสารเคมี

6 กรกฎาคม 2564 – 20:01 น.

“แม็ค-กฤตธัช” หนึ่งในเบื้องหลังทีมช่วยบินโดรน เพื่อค้นหาจุดปิดวาล์วถังสารเคมีที่อยู่ใต้ดิน ที่เขาอยากให้หันมาตระหนักและเห็นคุณค่าการใช้เทคโนโลยีโดรน และหุ่นยนต์กู้ภัย โดยไม่ต้องใช้มนุษย์เข้าเสี่ยงภัย พร้อมมุ่งมั่นสร้างสรรค์เทคโนโลยีมาเพื่อช่วยประเทศไทย

ซึ่งการที่หนุ่ม แม็ค ช่วยบินโดรน ก็เพื่อค้นหาจุดปิดวาล์วถังสารเคมีที่อยู่ใต้ดิน เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าฉีดโฟม และนักผจญเพลิงเข้าไปที่ตำแหน่งเพื่อปิดวาล์ว และภารกิจก็สำเร็จ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถปิดวาล์วได้ครบและดับไฟได้ โดย “แม็ค กฤตธัช” สารทรานนท์ เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท NOVY Drone ผู้ผลิตโดรนก่อตั้งขึ้นจากเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่พัฒนาโดรนจากการใช้ในเชิงพาณิชย์ มาเป็นโดรนเพื่อการเกษตร ช่วยลดภาระงาน และเพิ่มศักยภาพให้กับผลผลิต ผ่านเครื่องโดรนพ่นปุ๋ย โดรนหว่านปุ๋ยและโดรนสำรวจ จากการลงพื้นที่จริง ประกอบกับสังคมสมัยใหม่ที่นิยมพักอยู่อาศัยในคอนโดสูง

รู้จัก "แม็ค กฤตธัช" เก่งและหล่อ หนึ่งในทีมโดรนและซีอีโอ NOVY ช่วยบินหาจุดปิดวาล์วถังสารเคมี

“แม็ค กฤตธัช” เล็งเห็นถึงโอกาสและปัญหาที่โดรนของเขาสามารถตอบโจทย์และช่วยเหลือคนได้ จึงพัฒนาต่อยอดมาเป็น โดรนเพื่อการกู้ภัย เหมาะสำหรับการใช้งานในอาคารสูง เพื่อดับไฟได้ตรงจุด รูปแบบธุรกิจคือ ขายเครื่องโดรน หรือขายบริการประกันภัยให้กับอาคาร แผนการพัฒนา จะพัฒนาต่อยอดโดรนกู้ภัยเพื่อใช้สำหรับชายฝั่งทะเล หรือแม่น้ำ เพื่อส่งเสื้อชูชีพให้กับผู้ที่กำลังจมน้ำได้ทันท่วงที

โดยเมื่อวาน(5 ก.ค.64) แม็ค กฤตธัช ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “สิ่งที่พวกเราเคยคิดและอยากเตรียมรับมือ มันก็ได้เกิดขึ้นจริง ถึงเวลาแล้วครับ ที่ทุกคนจะหันมาตระหนักและเห็นคุณค่าในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีโดรน และหุ่นยนต์กู้ภัย โดยไม่ต้องใช้มนุษย์เข้าพื้นที่เสี่ยงภัย เราจะมุ่งมั่นสร้างสรรค์เทคโนโลยีมาเพื่อช่วยประเทศของเราครับ จริงๆ มีเทคโนโลยีที่เด็กรุ่นใหม่คิดค้นแล้วใช้งานได้จริงอีกมาก แต่ขาดพื้นที่และโอกาสครับ”

แม็ค-กฤตธัช สารทรานนท์ จบการศึกษาจากสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม สาขาวิศวกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี โดยนอกจากทำธุรกิจส่วนตัว หนุ่มคนนี้ยังมีผลงานในวงการบันเทิง ทั้งงานเดินแบบ และงานละครอีกด้วย

รู้จัก "แม็ค กฤตธัช" เก่งและหล่อ หนึ่งในทีมโดรนและซีอีโอ NOVY ช่วยบินหาจุดปิดวาล์วถังสารเคมี
รู้จัก "แม็ค กฤตธัช" เก่งและหล่อ หนึ่งในทีมโดรนและซีอีโอ NOVY ช่วยบินหาจุดปิดวาล์วถังสารเคมี
รู้จัก "แม็ค กฤตธัช" เก่งและหล่อ หนึ่งในทีมโดรนและซีอีโอ NOVY ช่วยบินหาจุดปิดวาล์วถังสารเคมี
รู้จัก "แม็ค กฤตธัช" เก่งและหล่อ หนึ่งในทีมโดรนและซีอีโอ NOVY ช่วยบินหาจุดปิดวาล์วถังสารเคมี
รู้จัก "แม็ค กฤตธัช" เก่งและหล่อ หนึ่งในทีมโดรนและซีอีโอ NOVY ช่วยบินหาจุดปิดวาล์วถังสารเคมี

ปกป้อง “ลูกน้อย” จาก 4 โรคที่มากับหน้าฝน ร้ายสุด เสียชีวิตลงได้ #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/lifestyle/473174

ปกป้อง “ลูกน้อย” จาก 4 โรคที่มากับหน้าฝน ร้ายสุด เสียชีวิตลงได้

6 กรกฎาคม 2564 – 18:47 น.

4 โรคที่มากับหน้าฝน ร้ายสุด เสียชีวิตลงได้ ปกป้อง “ลูกน้อย” รู้จักโรค สาเหตุ อาการ การรักษาและป้องกัน ก่อนจะสายไป

กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ เข้าสู่ฤดูฝน 15 พฤษภาคม 2564 โดยปีนี้คาดว่าจะมีปริมาณฝนมากกว่าปีที่แล้ว และมากกว่าค่าปกติ 5 – 10% โดยปัญหาที่ตามมาเมื่อฝนตกนอกจากการตากผ้าไม่แห้ง อับชื้น แล้วสิ่งที่น่ากลัวคงไม่พ้น 4 โรค RSV โรคมือเท้าปาก ไข้เลือดออก ไข้หวัดใหญ่ ที่อาจจะเกิดกับ “ลูกน้อย” ของเรา ต้องระวังปกป้องให้ดี

RSV หรือชื่อทางการแพทย์ คือ Respiratory Syncytial Virus

  • RSV ดูเผินๆ ก็เหมือนไข้หวัดธรรมดา แต่เราไม่สามารถปล่อย “ลูกน้อย” ให้หายเองได้เหมือนไข้หวัด เพราะปอดและหลอดลมจะติดเชื้อ ร้ายสุด คือ ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตลงได้
  • สาเหตุการเกิดโรค : RSV เป็นเชื้อไวรัส สามารถติดต่อได้ทางการสัมผัส สารคัดหลั่งต่าง ๆ หรือแม้แต่การจาม ก็ทำให้ติดเชื้อได้แล้ว
  • อาการของโรค : เริ่มแรกคล้ายไข้หวัดธรรมดา มีน้ำมูก ไอหรือไออย่างหนักจนอาเจียน จาม มีไข้ แต่ไข้อาจจะสูงถึง 39 – 40 องศาฯ ได้เลยทีเดียวหากปล่อยไว้นาน หายใจลำบากและมีเสียงวี้ด ปากซีดเขียวในบางราย
  • การรักษาและป้องกัน : ในปัจจุบันยังไม่มียารักษาโดยตรง แต่สามารถรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ ลดน้ำมูก พ่นยาขยายหลอดลม ซึ่งใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1 – 2 สัปดาห์
  • ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่ใช้ป้องกันไวรัส RSV รวมถึงไม่มียารักษาโดยเฉพาะ เมื่อเด็กได้รับไวรัสต้องรักษาตามอาการ
  • การป้องกันการติดเชื้อ RSV คือ การล้างมือให้เด็กเล็กบ่อย ๆ และผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเด็กก็ต้องล้างมือบ่อย ๆ เช่นกัน และเมื่อมีเด็กป่วยให้แยกเด็กและแยกเครื่องใช้ของเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค

โรคมือเท้าปาก

  • โรคนี้มาจากกลุ่มเอนเทอโรไวรัส ผู้ป่วยที่พบมักอยู่ในวัยอนุบาล โดยเชื้อใช้ระยะเวลา 3 – 7 วัน
  • สาเหตุการเกิดโรค : เชื้อไวรัสสามารถติดได้ทางสารคัดหลั่งเช่น ละอองน้ำลายจากการไอ จาม น้ำมูก และสัมผัสแผล หรือ การดื่ม กิน อาหาร เครื่องดื่ม ที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่
  • อาการของโรค : มีไข้ น้ำมุก อาการคล้ายหวัด แต่จะมีแผลที่ปาก เบื่ออาหาร และเมื่อทิ้งเชื้อไว้ 3 – 7 วัน จะเริ่มมีผื่น ตุ่มแดง ตามมือ ขา และเท้า
  • การรักษาและป้องกัน : โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน สิ่งที่เราสามารถป้องกัน “ลูกน้อย” จากโรคนี้คือ การให้เด็กรู้จักการล้างมืออย่างถูกวิธี ทำความสะอาดร่างกายอยู่เสมอ เพื่อกำจัดเชื้อโรคที่อาจติดมาจากการสัมผัสได้ หรือหากได้รับเชื้อแล้ว ต้องนำไปพบแพทย์โดยเร็วเพื่อเฝ้าระวังและรักษาตามอาการต่อไป

ไข้เลือดออก

  • เมื่อฝนตกหนัก ย่อมเกิดน้ำท่วมขังกลายเป็นเพาะพันธุ์ของเหล่ายุงตัวร้ายและโรคที่มากับยุง เช่น ไข้เลือดออก เป็นต้น
  • สาเหตุการเกิดโรค : การที่แหล่งน้ำใกล้ตัวท่วมขังและมีการแพร่พันธุ์ของยุง หรือลูกน้อยของเราได้รับเชื้อจากการยุงลาย
  • อาการของโรค : อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว บางรายมีไข้สูงเฉียบพลัน ไอ จาม มีน้ำมูก เลือดออกตามผิวหนัง หรือตามไรฟัน เลือดกำเดา เป็นต้น
  • การรักษาและป้องกัน : ไม่ปล่อยให้น้ำท่วมขังเพื่อกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย หาก “ลูกน้อย” ได้รับเชื้อแล้วควรพาไปพบแพทย์ แม้จะยังไม่มียารักษาโรคนี้โดยตรง แต่เราสามารถรักษาตามอาการและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดก็สามารถหายจากโรคไข้เลือดออกได้

ไข้หวัดใหญ่

  • ความจริงแล้วไข้หวัดใหญ่นั้นไม่ได้มีเฉพาะในหน้าฝนเท่านั้น โรคนี้ใคร ๆ ก็เป็นได้ หากร่างกายอ่อนแอ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซ้ำแล้วไข้หวัดใหญ่วิวัฒนาการตัวเองเป็นสายพันธุ์ใหม่ ๆ ออกมาได้เรื่อย ๆ อีกด้วย
  • สาเหตุการเกิดโรค : ไข้หวัดใหญ่ หรือ Influenza สามารถเข้าสู่ร่างกายของเราด้วยการดื่ม หรือ กินอาหารที่มีการปนเผื้อนของเชื้อไวรัสนี้ นอกจากนี้ การรับเชื้อจากละอองน้ำมูก การสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย ก็สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน
  • อาการของโรค : อาการของไข้หวัดใหญ่นั้น ช่วงแรกจะคล้ายกับโรคไข้หวัดธรรมดา แต่จะมีไข้สูงกว่า บางรายที่ไข้สูงเฉียบพลัน อาจจะทำให้ช็อก และเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
  • การรักษาและป้องกัน : การป้องกัน “ลูกน้อย” จากโรคไข้หวัดใหญ่นี้ สามารถทำได้โดยการล้างมือบ่อย ๆ ระมัดระวังการสัมผัสสิ่ง ๆ ต่างที่อาจนำเชื้อเข้าร่างกายได้ หากได้รับเชื้อแล้ว ควรเฝ้าระวังไข้ที่สูงผิดปกติ และควรบุตรหลานพบแพทย์โดยด่วน เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่น ๆ ด้วย
RSV, โรคมือเท้าปาก, ไข้เลือดออก, ไข้หวัดใหญ่, ลูกน้อย

ข้อมูล : โรงพยาบาลเปาโล

8 ภัยเงียบ “นอนดึก” รู้เท่าทัน ยังไม่สาย #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/lifestyle/473159

8 ภัยเงียบ”นอนดึก” รู้เท่าทัน ยังไม่สาย

6 กรกฎาคม 2564 – 18:16 น.

เช็กให้ชัวร์ “8 ภัยเงียบนอนดึก”รู้เท่าทัน เร่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

คนที่ชอบนอนดึก ไม่ว่าจะจากข้ออ้าง ทำงานหนัก หรือ ดูซีรีย์  ทำให้เกิดพฤติกรรม นอนดึก ตื่นสาย  โปรดทำความเข้าใจใหม่  เพราะผลเสียของการนอนดึก มีมากกว่าที่คิด

1.สมองทำงานช้า ไม่เต็มประสิทธิภาพ

ผลเสียการนอนดึก นอกเหนือจากร่างกายจะอ่อนแอแล้ว  ภัยเงียบที่มองไม่เห็น คือทำให้สมองอ่อนแอตามมาอีกด้วย  เนื่องจาก เวลานอนไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อการเรียนรู้ที่ช้าลง คิดอะไรก็คิดไม่ออก เพราะ มึน อึน หนักหัวไปหมด ยิ่งเวลาสอบด้วยนะ  สมองตื้อแน่  ทางที่ดีเวลามีวันสำคัญนอนเร็ว ๆ เพื่อให้เรา ไม่อึนไม่เบลอจะดีกว่า

8 ภัยเงียบ"นอนดึก" รู้เท่าทัน ยังไม่สาย

2.ร่างกายอ่อนเพลีย

การนอน คือการพักผ่อนของร่างกาย และเปรียบเสมือนการชาร์ตแบตให้กับตัวเราเอง  พูดง่าย ๆ พฤติกรรมการ นอนดึก ก็เหมือนกับโทรศัพท์ ที่มีแบต 100% พอทำงานมาก ๆ ใช้บ่อย ๆ มีแบตลดลงบ้าง ซึ่งการนอนดึก ก็ส่งผลกระทบต่อร่างกาย ในวันถัดไป เพราะ ไม่มีการพักชาร์ตแบตให้เพียงพอ เพื่อนำไปใช้ต่อร่างกาย จึงเกิดอาการ โลว์แบตเตอรี่นั่นเอง

8 ภัยเงียบ"นอนดึก" รู้เท่าทัน ยังไม่สาย

3.สิวขึ้น

ภัยเงียบ ต้นเหตุสิวขึ้นเกิดจากการนอนดึก เกิดจากการทำงานของร่างกายที่เป็นเวลา หากเรานอนดึกมากเกินไป ผลวิจัยบอกว่า  จะทำให้อวัยวะต่าง ๆ ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าตอนนอน  อีกทั้ง ยังไปสั่งให้ฮอร์โมนผลิตน้ำมันให้มากขึ้นอีก จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมนอนดึกทีไร ตื่นเช้ามาสิวต้องขึ้นทุกที  รู้แบบนี้แล้ว หาตารางทำงานของร่างกาย เพื่อการนอนอย่างมีประสิทธิภาพได้แล้วนะทุกคน

8 ภัยเงียบ"นอนดึก" รู้เท่าทัน ยังไม่สาย

4.น้ำหนักขึ้น

ยิ่งนอนดึกยิ่งน้ำหนักขึ้น เพราะเวลาในการใช้ชีวิตของเรามีเพิ่มขึ้น  และร่างกายเกิดอาการหิวง่าย  เมื่อเกิดการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ โดยสมองเป็นตัวหลักสำคัญ  เพราะจะสั่งการให้เรานั้นหิว และอยากกินของที่มีแคลลอรีสูง และนี่เองคือสาเหตุว่าทำไมถึงต้องรีบนอนไว ๆ ไม่อยากอ้วน ก็ต้องไม่นอนดึก

8 ภัยเงียบ"นอนดึก" รู้เท่าทัน ยังไม่สาย

5.สายตา ย่ำแย่

สายตาแย่ลง เกิดจากเซลล์บริเวณรอบดวงตา รวมไปถึงกล้ามเนื้อ  ไม่ได้รับการพักผ่อน อีกทั้ง ยังเกิดจากการใช้สายตาเป็นเวลานานจนไม่ได้พัก จึงทำให้การมองเห็นของเรามีประสิทธิภาพลดลง เช่น เห็นแสงระยิบระยับ แสงวาบหางตา ตาพร่ามัวบ้าง สายตาสั้นลง ปวดตา ตาล้า โรคตาบอดกลางคืน สิ่งนี้ล้วนมาจากการไม่พักผ่อนทั้งนั้น

8 ภัยเงียบ"นอนดึก" รู้เท่าทัน ยังไม่สาย

6.อารมณ์แปรปรวน

ผลพวงจากการนอนดึก อาจทำให้ตัวเราเองนั้นมีแนวโน้มที่จะมีอารมณ์แปรปรวนได้ง่าย  bipolar  หงุดหงิดง่ายจากปัจจัยต่าง ๆ  ที่ไม่ได้ดั่งใจเรา รวมไปถึงคนน้อยจะมีประสิทธิภาพในการควบคุมอารมณ์ได้น้อยกว่าบุคคลที่นอนเต็มอิ่ม ทั้งนี้ ใครไม่อยากไปเหวี่ยงคนอื่น  ก็ รีบนอนให้ไวเลย

8 ภัยเงียบ"นอนดึก" รู้เท่าทัน ยังไม่สาย

7.ป่วยบ่อย

การนอนน้อย ตื่น สาย นอน ไม่หลับ นอนพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นประจำ นอกจากส่งผลทำให้ร่างกายอ่อนแอ มีระบบภูมิคุ้มกันที่ต่ำลงแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคร้าย อาทิ เป็นหวัดบ่อย , เป็นไข้บ่อย, โรคหัวใจวาย , โรคเบาหวาน , โรคมะเร็งลำไส้ , โรคอ้วน  และโรคซึมเศร้า เพราะการนอนดึก นอนไม่เพียงพอนั้น จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายทั้งระบบ

8 ภัยเงียบ"นอนดึก" รู้เท่าทัน ยังไม่สาย

8.ความจำไม่ดี

ถ้าคุณไม่ยอมนอน หรือนอนน้อย  ภัยเงียบ จะทำให้เซลล์สมองของเราไม่ได้พัก  ส่งผลทำให้เกิดอาการ ขี้หลงขี้ลืม ความจำสั้น ยิ่งวันไหนต้องรีบตื่นเช้า รีบไปทำงาน  วันนั้นมักจะชอบลืมตลอด เพราะการนอนน้อยมีส่วนในการทำให้กระบวนการด้านความคิดของเราย่ำแย่ลงนั่นเอง

8 ภัยเงียบ"นอนดึก" รู้เท่าทัน ยังไม่สาย

รู้แบบนี้แล้ว ใครที่ชอบเป็นมนุษย์ค้างคาวกัน  อย่าลืมตระหนักถึง ภัยเงียบ ที่คุกคามเข้ามา  เพราะการนอนดึก นอนไม่เพียงพอ จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายทั้งระบบ

“ตั้งครรภ์” มั้ย 5 สัญญาณบอกว่าคุณกำลังเป็น “แม่” #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/lifestyle/473133

“ตั้งครรภ์”มั้ย 5 สัญญาณบอกว่าคุณกำลังเป็น”แม่”

6 กรกฎาคม 2564 – 16:17 น.

เรื่องการตั้งครรภ์ ไม่ใช่เรื่องน่าอายสมัยนี้ แต่จะดีแค่ไหนที่เราสามารถเตรียมพร้อมได้ก่อน ซึ่งวิธีสังเกตว่าคุณกำลังมีทายาทมั้ย อย่างง่ายเราหยิบมาฝาก 5 ข้อที่เหล่าสตรีเพศสามารถตรวจเช็คกันได้ 

มาถึงช่วงอายุหนึ่งของสตรีเพศ การครองเรือนและตั้งครรภ์มีบุตรนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่หลายครอบครัวหวัง เพื่อการเติมเต็มชีวิตของคำว่า Family ที่สมบูรณ์ แต่สำหรับบางคนที่ยังไม่พร้อมเรื่องทายาท ทั้งที่ยังไม่แต่งงาน หรือ ออกเรือนแล้วก็ตาม นอกจากเรื่องการนับวัน ยาคุมแล้ว การสังเกตตัวเองจะช่วยรับมือได้เป็นอย่างดี 

ข้อมูลทางการแพทย์ได้เปิดเผยไว้หลายข้อสังเกต แต่เราขอหยิบสรุปประมวลมาให้อ่านอย่างรวบตึง 5 ข้อที่บ่งบอกถึงสัญญาณที่ดีว่าคุณกำลังเป็นแม่คน 

1. “ประจำเดือนขาด” หลังจากที่คุณเพิ่งปฏิบัติภารกิจร่วมรักกับหวานใจของคุณแล้วไม่ได้ป้องกัน อันดับแรกคืออยู่ๆ ประจำเดือนก็ขาดไป  ดังนั้นเบื้องต้นตั้งคำถามไว้ได้เลยว่า อาจจะเกิดการตั้งครรภ์ แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีสตรีบางราย ประจำเดือนไม่มาเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน หรือภายในมดลูกได้เพื่อความมั่นใจการพบแพทย์คือแน่นอนสุด

"ตั้งครรภ์"มั้ย 5 สัญญาณบอกว่าคุณกำลังเป็น"แม่"

2. “เต้านมคัด” เมื่อสงสัยว่าตั้งครรภ์ อีกหนึ่งสิ่งที่แสดงออก คือ เต้านมคัด แน่นตึง ต่างจากปกตินั่นสื่อถึงสัญญาณที่เกิดจากการปรับสภาพของต่อมน้ำนมจากผลของฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เต้านมบวม ตึง เจ็บ นอกจากนี้ยังไวต่อการสัมผัสมากขึ้นด้วย ซึ่งจะมีอาการอยู่ประมาณ 2-3 เดือน แล้วจึงหายไปเอง

3. “ปัสสาวะบ่อย”อาการนี้อาจเกิดได้กับทุกคนที่มีปัญหาเรื่องการปัสสาวะ ดื่มน้ำเยอะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงที่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์มา และรู้สึกว่าร่างการเปลี่ยนตามข้อมูลเบื้องต้นมาถึงตอนนี้ ก็ทำนายได้เลยว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเหตุผลของคนที่กำลังท้องมักจะปัสสวะบ่อยนั้นมา จากไตทำงานมากขึ้นกว่าปกติ เพราะปริมาณของเลือดในร่างกายเพิ่มมากขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ จึงทำให้เลือดผ่านไปที่ไตมากกว่าเดิมและจากการขยายตัวของมดลูกไปเบียดกระเพาะปัสสาวะส่งผลให้ปัสสาวะบ่อยขึ้นนั่นเอง

"ตั้งครรภ์"มั้ย 5 สัญญาณบอกว่าคุณกำลังเป็น"แม่"

4. “จมูกไวต่อกลิ่น”สังเกตไหมว่า ละครมีกนำเสนออาการหนึ่งของคนแพ้ท้อง ตั้งครรภ์ คือการสำรอก แม้ยังไม่ได้ทานอะไรเข้าไป เนื่องจากจมูกนั้นสาทารถรับกลิ่นได้ดี นั่นเป็นผลจากจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้น ทำให้จมูกของคุณแม่ไวต่อกลิ่นทุกชนิดมากขึ้นเป็นพิเศษ จู่ๆ ก็ไม่ชอบกลิ่นที่คุ้นเคย ได้กลิ่นอะไรก็เหม็นจนอยากอาเจียนไปหมดบาง 

5. “รู้สึกเมื่อยล้า ปวดเมื่อยหลัง” และข้อสังเกตเรื่องสุดท้ายคือ เจ้าอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย จะเป็นอาการที่เริ่มรู้สึกได้อย่างทันที ภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากการตั้งครรภ์ ซึ่งข้อมูลชี้ว่านั่นเป็นเพราะฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้น รวมกับอาการอื่นในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ระดับน้ำตาลในเลือดลดระดับลง ความดันโลหิตลดต่ำ และการถูกกระตุ้นให้ผลิตเลือด หลายสาเหตุรวมกันนั่นเอง 

"ตั้งครรภ์"มั้ย 5 สัญญาณบอกว่าคุณกำลังเป็น"แม่"

โดยอาการทั้ง 5 นี้เป็นเพียงข้อสังเกต ที่สามารถตั้งคำถสามให้กับสตรีเพศได้ว่า คุณกำลังตั้งครรภ์อยู่หรือไม่นั่นเพราะ เหล่าข้อมูลที่บอกไปจะ แสดงให้เห็นผ่านการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เห็นได้ชัดเจน ซึ่งหากต้องการความแม่นยำการพบแพทย์ คือสิ่งที่ดีที่สุด แม้ว่าอาจจะไม่ตั้งครรภ์อย่างที่สงสัย แต่ก็จะได้ตรวจร่างกายของตัวเองให้มีสุขภาพที่ดี

"ตั้งครรภ์"มั้ย 5 สัญญาณบอกว่าคุณกำลังเป็น"แม่"

ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเปาโล

10 วิธีเอาตัวรอดจาก”ไฟไหม้”แบบปลอดภัย #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/lifestyle/473132

10 วิธีเอาตัวรอดจาก”ไฟไหม้”แบบปลอดภัย

6 กรกฎาคม 2564 – 16:14 น.

แนะวิธีเอาตัวรอด10วิธี เมื่อประสบเหตุเพลิงไหม้ควรปฏิบัติตนอย่างไรให้ปลอดภัย

จากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงาน หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ย่านกิ่งแก้ว อ.บางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้บาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก และอาคารบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น นับว่าสร้างความหวาดผวาให้กับผู้อยู่อาศัยบริเวณโดยรอบ ดังนั้นเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ชีวิตของทุกท่าน วันนี้ คมชัดลึก ได้รวบรวม 10 วิธีปฏิบัติเพื่อเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ไฟไหม้มาฝากกัน ดังต่อไปนี้

1.หากเพลิงไหม้เกิดขึ้นภายในห้องพัก สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ การตั้งสติ อย่าตื่นตะหนก

2.ดึงหรือกดสัญญานแจ้งเหตุเพลิงไหม้ที่กล่องแดงข้างผนังทางเดินทันทีที่พบเหตุเพลิงไหม้ แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม

10 วิธีเอาตัวรอดจาก"ไฟไหม้"แบบปลอดภัย

3.หากเพลิงไหม้ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น พยายามดับเพลิงโดยการใช้อุปกรณ์ดับเพลิงในอาคารให้ได้ภายใน 2 นาที อย่ามัวแต่รอความช่วยเหลือจากพนักงานดับเพลิง

4.หากไม่สามารถดับเพลิงไหม้ได้ ให้ออกจากห้อง และปิดประตูให้สนิทเพื่อชะลอการลุกลามของเพลิงไหม้ จากนั้นรีบออกจากอาคารให้เร็วที่สุด

5.แต่หากต้นเพลิงเกิดจากส่วนอื่นของอาคาร เมื่อทราบว่ามีเหตุเพลิงไหม้ ให้ตั้งสติ มองหาอุปกรณ์ส่องสว่าง ที่จะช่วยให้สามารถออกจากอาคารในความมืดได้ เช่น ไฟฉาย โทรศัพท์มือถือ

6.หาผ้าชุบน้ำปิดปาก ปิดจมูก หรือหาผ้าห่มชุบน้ำแล้วห่มตัว เพื่อป้องกันการสูดควันไฟ และเพื่อป้องกันความร้อนจากเปลวไฟ

7.ก่อนเปิดประตูให้แตะ หรือคลำลูกบิด หากร้อนจัดแสดงว่ามีเปลวเพลิงอยู่ด้านนอก อย่าตื่นตระหนกเปิดประตูทันทีเพราะจะถูกเปลวไฟพุ่งเข้าหาตัวได

8.ห้ามใช้ลิฟต์เด็ดขาด เพราะหากติดอยู่ในลิฟต์ มีโอกาสสูงมากที่จะเสียชีวิตจากควันไฟ ให้ใช้บันไดหนีไฟ

10 วิธีเอาตัวรอดจาก"ไฟไหม้"แบบปลอดภัย

9.หากติดอยู่ในกลุ่มควันไฟ ให้ก้มตัวลงต่ำ และคลานไปกับพื้น เพราะออกซิเจนจะลอยอยู่ที่ต่ำ ควันไฟเป็นเหตุที่ทำให้คนส่วนใหญ่เสียชีวิตมากกว่าเปลวไฟถึง 3 เท่าตัว

10 วิธีเอาตัวรอดจาก"ไฟไหม้"แบบปลอดภัย

10.กรณีที่ไม่สามารถออกจากห้องได้ เนื่องจากมีเปลวไฟอยู่บริเวณภายนอกห้อง ให้อยู่ภายในห้องพัก และปิดประตู ใช้ผ้าชุบน้ำอุดบริเวณขอบบานประตู และให้ขอความช่วยเหลือที่หน้าต่างหรือระเบียง