Skip to primary content
Skip to secondary content

SootinClaimon.Com

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย2 [SartKasetDinPui2] : รวบรวม ข้อมูล เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เกษตร ดิน น้ำ ปุ๋ย

SootinClaimon.Com

Main menu

  • Home
  • KU23-2506
  • ข้อคิดความเห็น
  • ตระกูลคล้ายมนต์
  • ผมเองครับ
  • ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย1

Category Archives: ธรรมะ

Post navigation

← Older posts
Newer posts →

ความแตกต่างระหว่าง ‘ใจที่มีสมาธิ’ กับ ‘ใจที่ไม่มีสมาธิ’

Posted on January 8, 2023 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/702733

ความแตกต่างระหว่าง 'ใจที่มีสมาธิ' กับ 'ใจที่ไม่มีสมาธิ'

ความแตกต่างระหว่าง ‘ใจที่มีสมาธิ’ กับ ‘ใจที่ไม่มีสมาธิ’

วันศุกร์ ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2566, 19.07 น.

ส่วนใหญ่เรามักจะได้ยินว่าดูจิตกัน แต่เราไม่ค่อยจะได้ยินเรื่องของการดูกาย เพราะเราคิดว่าการดูกายนี้มันสู้ดูจิตไม่ได้ แต่การที่จะดูจิตได้นี้จำเป็นจะต้องมีสมาธิก่อน เพราะว่าจิตนี้ไวมาก ถ้าไม่มีสมาธิทำใจให้นิ่งก่อนจะดูจิตไม่ได้จะตามไม่ทัน พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ดูกายก่อนกายคตาสติก่อน ในสติปัฏฐาน ๔ มีจุดที่ให้ดูอยู่ ๔ จุด จุดแรกก็คือกาย จุดที่สองก็คือเวทนา จุดที่สามก็คือจิต และจุดที่สี่ก็คือธรรม ท่านให้ดูกายก่อนเพราะว่ากายเป็นส่วนหยาบเป็นส่วนช้า ที่เราสามารถติดตามดูการเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกได้อย่างสบาย ส่วนจิตนี้อารมณ์ต่างๆ ความคิดปรุงเเต่งต่างๆ นี้ มันละเอียดและมันไวมาก เราจะไม่มีความสามารถที่จะติดตามและทำให้เกิดประโยชน์ได้ เราจึงต้องดูกายก่อน

เจริญสติที่กายก่อน เฝ้าดูการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ถ้าใจเกาะติดอยู่กับร่างกายเวลานั่งสมาธิใจก็จะไม่ลอยไปลอยมา ให้บริกรรมพุทโธๆ ก็จะบริกรรมแต่พุทโธเพียงอย่างเดียว ไม่เหมือนกับพวกเราที่เวลานั่งสมาธิกัน เวลาบริกรรมพุทโธได้สัก ๒-๓ ครั้ง ก็ไปคิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้แล้ว ถ้าทำอย่างนี้แล้วนั่งไปนานเท่าไรก็ไม่มีวันที่จะสงบได้ จะสงบได้นี้ต้องอยู่กับคำบริกรรมพุทโธๆ ไปอย่างต่อเนื่อง ถ้าทำได้อย่างต่อเนื่องภายใน ๔-๕ นาทีใจก็เข้าสู่ความสงบได้ รวมเป็นหนึ่งเป็นอุเบกขาได้ สักแต่ว่ารู้ได้ หรือถ้าใช้การดูลมหายใจเข้า-ออกก็จะอยู่กับการดูลมเพียงอย่างเดียว ลมหายใจเข้าก็รู้ ลมหายใจออกก็รู้ รู้ตรงจุดเดียวก็รู้ตรงจุดที่ลมหายใจเข้า-ออกบริเวณปลายจมูก หรือบริเวณเหนือริมฝีปากเป็นจุดที่ลมจะสัมผัสกับร่างกายเวลาเข้าไปเวลาออกมา ถ้ามีสติเฝ้าอยู่ ดูอยู่ตรงจุดนั้นอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่เผลอไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไม่นานใจก็จะรวมเข้าสู่ความสงบได้เช่นเดียวกัน

นี่คือวิธีเจริญสติเพื่อให้เกิดสมาธิ เพื่อให้เกิดอุเบกขา พอเกิดอุเบกขาแล้ว ก็เหมือนกับการได้รับประทานอาหารอิ่มแล้ว พออิ่มแล้วพอออกมาเห็นขมนมเนย ถ้ามีตัณหาความอยากกินเนื่องจากยังมีนิสัยยังไม่ได้ตัดตัณหาความอยาก แต่ความจริงร่างกายไม่อยากจะกิน แต่ใจยังอยากจะกินอยู่ เราก็สามารถใช้ปัญญาสอนใจได้ว่า อย่าไปกิน กินแล้วมันจะเป็นโทษกับร่างกายกับจิตใจ กับร่างกายก็คือทำให้ร่างกายมีน้ำหนักเกิน มีน้ำหนักมากเกินไปทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ เป็นภัยแก่จิตใจก็เพราะว่าจะส่งเสริมความอยาก ส่งเสริมความทุกข์ใจให้มีอายุต่อไปยาวขึ้นไป ถ้าเราต้องการที่จะให้ใจของเราหลุดพ้นจากความทุกข์ เราก็ต้องไม่ทำตามความอยาก ถ้าใจอิ่มแล้วมีอุเบกขาแล้วพอได้รับข้อมูลอย่างนี้ก็จะไม่ทำตามความอยากได้ จะไม่รู้สึกทรมานแต่อย่างใด

แต่สำหรับใจที่ยังไม่มีอุเบกขานี้ ก็เหมือนกับคนที่ยังไม่ได้กินข้าว พอเจอขนมนมเนยขึ้นมาก็อยากจะกินทันที แล้วก็ต่อให้ช้างมาฉุด ต่อให้ใครมาสอนว่าไม่กินก็จะไม่ฟัง เพราะตอนนั้นมันหิวมันก็จะกิน นี่คือความแตกต่างกันระหว่างใจที่มีอุเบกขากับใจที่ไม่มีอุเบกขา ใจที่มีสมาธิกับใจที่ไม่มีสมาธิ เวลามีอุเบกขาแล้วพอใช้สัมมาทิฏฐิ ใช้เหตุผลมาสอนใจไม่ให้ทำตามความอยากใจก็จะเชื่อ แต่ถ้าไม่มีสมาธิไม่มีอุเบกขา ต่อให้เอาพระพุทธเจ้ามาสอนต่อหน้าก็ทำตามไม่ได้ หยุดความอยากไม่ได้


พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ที่มา https://www.facebook.com/Suchart.Abhijato

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2566(2023), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

วัดความก้าวหน้าการปฏิบัติด้วยการละและดับความอยาก

Posted on January 6, 2023 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/702491

วัดความก้าวหน้าการปฏิบัติด้วยการละและดับความอยาก

วัดความก้าวหน้าการปฏิบัติด้วยการละและดับความอยาก

วันพฤหัสบดี ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2566, 18.27 น.

คำถาม : เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราปฏิบัติแล้วเราเจริญก้าวหน้าไปแค่ไหน ?

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต : ถ้าไม่อยาก มันก็ก้าวหน้า ถ้ามันยังอยากอยู่ มันก็ไม่ก้าวหน้า เช่น ถ้ามีแฟน ยังอยากนอนกับแฟนอยู่ ก็ไม่ก้าวหน้า ถ้าปฏิบัติไปแล้วไม่อยากจะนอนกับแฟน ก็ถือว่าก้าวหน้า ถ้าเคยอยากรวยแล้วเดี๋ยวนี้ไม่อยากรวย ก็เรียกว่า ก้าวหน้า ถ้าเคยอยากเที่ยวแล้วตอนนี้ไม่อยากเที่ยว ก็เรียกว่า ก้าวหน้า ถ้าอยากจะซื้อของฟุ่มเฟือยซื้อเสื้อผ้า เดี๋ยวนี้ไม่อยากจะซื้อแล้ว ก็เรียกว่า ก้าวหน้า 

คือตัดความอยาก ในลาภ ยศ สรรเสริญ ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ให้ดูตรงนี้ ถ้าตัดได้ต่อไปก็นุ่งขาวห่มขาว ต่อไปก็อยู่วัดได้ พวกที่เขาบวชกันเขาก็ตัดกันไปได้เยอะแล้ว แต่ยังตัดเพียงแต่ส่วนนอก คือตัดรูปเสียงกลิ่นรส ตัดลาภยศสรรเสริญ แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าตัดร่างกายได้หรือเปล่า ? ตัดความแก่ ตัดความเจ็บ ตัดความตายได้หรือเปล่า ? ต้องตัดเข้าไปเรื่อยๆ ผ่านร่างกายไปแล้ว ก็ยังมีเรื่องกามารมณ์อีก ถึงแม้ว่าจะถือศีล ๘ ได้ แต่ก็ไม่หมายความว่ากามารมณ์มันจะตายไป กามารมณ์ยังมีอยู่ เพียงแต่เราใช้ศีลเป็นตัวคอยคุมมันไว้ เหมือนตัวคุมกำเนิด

ถ้าอยากจะให้มันตายจริงๆ ก็ต้องปฏิบัติเข้าไปถึงรากของมัน รากของมันคือความชอบของสวยของงาม ต้องเอาของไม่สวยไม่งามมาให้มันดูบ่อยๆ เอามาป้อนให้มันกินบ่อยๆ พอมันเห็นของไม่สวยไม่งามบ่อยๆ เช่น เห็นซากศพ เห็นคนตาย แทนที่จะเห็นคนเป็น ทุกครั้งเห็นคนเป็นก็นึกถึงเวลาที่เขาตาย หรือเวลาเห็นข้างนอกสวยก็ดูข้างในสวยไหม? ดูแต่ข้างหน้า หัดดูข้างหลังมั่ง !

ดูส่วนที่ไม่สวยไม่งามบ้าง แล้วต่อไปมันก็จะดับกามารมณ์ได้อย่างถาวร จะไม่มีกามารมณ์เกิดขึ้น แล้วจะรักษาศีลหรือไม่รักษาศีลก็ไม่เป็นปัญหา เพราะว่ามันจะไม่มีเหตุที่จะไปทำผิดศีล

ศีลนี้เป็นเหมือนรั้ว เหมือนกับคุกที่ไว้ขังนักโทษ แต่ถ้านักโทษไม่อยากจะแหกคุกแล้ว ไม่อยากจะออกจากคุกแล้วก็ไม่ต้องมีรั้วก็ได้

จิตของเราก็เหมือนกัน ตอนนี้จิตของเราชอบแหกคุกกัน แหกกรงกัน ชอบทำบาป แต่ถ้ามันไม่อยากจะได้อะไรแล้ว ต่อไปมันก็จะไม่อยากจะทำบาปอีก พอไม่อยากจะทำบาปแล้ว เอาศีลออกไปก็ได้ เอารั้วออกไปก็ได้ คุกไม่ต้องมีกำแพงแล้วก็ได้เพราะนักโทษเชื่องแล้ว นักโทษเห็นโทษของการทำบาป เห็นโทษของความอยากแล้ว พอมันไม่อยากแล้วก็ไม่ต้องไปทำบาป ไม่ต้องไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนอื่น ฉะนั้น ความอยากนี้ตัวเดียวเท่านั้น เป็นปัญหา ถ้าดับความอยากได้แล้วสบาย ถ้าไม่มีความอยากก็จะมีแต่ความพอ


พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ที่มา https://www.facebook.com/Suchart.Abhijato

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2566(2023), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

‘วิธีจะควบคุมความคิด’ ต้องมีอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งผูกใจเอาไว้

Posted on January 5, 2023 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/702250

'วิธีจะควบคุมความคิด' ต้องมีอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งผูกใจเอาไว้

‘วิธีจะควบคุมความคิด’ ต้องมีอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งผูกใจเอาไว้

วันพุธ ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2566, 18.36 น.

วิธีจะควบคุมความคิด เราก็ต้องมีอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งผูกใจเอาไว้ อารมณ์ที่เราใช้กันส่วนใหญ่ก็คือการบริกรรมพุทโธๆ ถ้าเราไม่ถนัดกับการบริกรรมพุทโธ เราจะใช้ร่างกายเป็นอารมณ์ผูกใจไว้ก็ได้ เราก็ต้องเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของร่างกายตลอดเวลา เฝ้าดูร่างกายเป็นเหมือนนักโทษ ไม่ให้ห่างไม่ให้คลาดจากสายตาเราไป ต้องเฝ้าดูตลอดเวลา ทุกขณะทุกเวลานาทีร่างกายอยู่ตรงไหน ใจก็ต้องเฝ้าดูอยู่ ร่างกายกำลังยืน ใจก็ต้องเฝ้าดูว่า ร่างกายกำลังยืนอยู่ กำลังเดินก็ต้องเฝ้าดู กำลังทำอะไรต่างๆ ก็ต้องเฝ้าดูการกระทำของร่างกาย ไม่ไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้

ถ้าเฝ้าดูร่างกายตลอดเวลา ใจก็จะนิ่งใจก็จะว่าง เวลานั่งสมาธิก็ดูลมหายใจเข้าออก เฝ้าดูลมหายใจเข้าออกต่อแล้วใจก็จะเข้าสู่ความสงบเป็นสมาธิได้ ถ้าใช้การบริกรรมพุทโธตั้งแต่ตื่นจนหลับ ไม่ว่าเราจะทำภารกิจอะไร เราก็บริกรรมพุทโธๆ ไปอย่างเดียว ไม่ไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ นอกจากความคิดที่จะต้องใช้กับภารกิจการงานในขณะนั้น เช่น เรากำลังทำงานที่ต้องใช้ความคิด ตอนนั้นเราก็หยุดบริกรรมพุทโธไปก่อน เราก็ใช้ความคิดเกี่ยวกับเรื่องการทำงานไป แต่ถ้าเราทำอะไรที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความคิด เราก็ใช้พุทโธไป เช่น เวลาเราอาบน้ำ แต่งตัว รับประทานอาหารนี้ เราส่วนใหญ่ไม่ต้องใช้ความคิด เราก็ใช้พุทโธๆ ไป อย่าปล่อยให้ใจไปคิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ คนนั้นคนนี้ สิ่งนั้นสิ่งนี้ ถ้าใจไม่คิดอะไรก็หยุดบริกรรมก็ได้ ถ้าใจรู้เฉยๆ รู้อยู่กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เช่น รู้อยู่กับร่างกาย รู้ว่าร่างกายกำลังทำอะไรอยู่ แล้วไม่ไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ตอนนั้นไม่ต้องบริกรรมพุทโธก็ได้ จะเฝ้าดูร่างกายไปอย่างเดียวก็ได้ แล้วพอมีเวลาว่างก็ต้องนั่งสมาธิ

ถ้าเป็นนักบวชแล้วก็จะไม่มีภารกิจ ไม่มีงานมาก ภารกิจก็มีเฉพาะตอนบิณฑบาต ตอนฉันแล้วก็ตอนทำความสะอาดเล็กๆ น้อยๆ พอเสร็จแล้วหลังจากนั้นก็จะมีเวลาว่างไว้สำหรับการเดินจงกรมนั่งสมาธิ ทำสลับกันไป เดินจนเมื่อย เมื่อยแล้วก็มานั่ง นั่งจนเมื่อยแล้วก็ออกไปเดินสลับกันไป เวลาเดินก็เจริญสติ เวลานั่งก็ทำสมาธิก็เจริญสติต่อแล้วจนจิตรวมลงเข้าสู่ความสงบเป็นสมาธิ เวลาจิตรวมเป็นสมาธิแล้วจิตก็จะไม่ทำอะไรความคิดต่างๆ ก็จะหายไป ตอนนั้นจะเป็นอุเบกขาสักแต่ว่ารู้ ใจเป็นกลางใจเฉยๆ ใจไม่หิวไม่อยากไม่มีความต้องการอะไรทั้งหลาย

พอออกจากสมาธิมา ถ้าเกิดความอยากตอนนั้นก็ต้องใช้ปัญญาคอยระงับ คอยสอนใจให้หยุดความอยาก ไม่ให้ไปทำตามความอยาก ให้เห็นว่าสิ่งที่อยากได้นั้นเป็นทุกข์ ไม่ใช่เป็นสุข เพราะว่าไม่เที่ยง เพราะว่าไม่ใช่อยู่ภายใต้คำสั่งของเรา เราไม่สามารถสั่งเขา ให้เขาให้ความสุขกับเราได้เสมอไป มีสิ่งเดียวที่เราสั่งได้ก็คือความสุขทางใจ สั่งได้ด้วยสติ สั่งได้ด้วยสมาธิ สั่งได้ด้วยปัญญา สั่งด้วยปัญญาก็คือให้เราหยุดความอยากได้ความสุขจากสิ่งต่างๆ ทั้งหลาย พอเราหยุดอยากได้ ความสุขแล้วความสงบก็จะหวนกลับคืนมา ถ้าเราหยุดความอยากไม่ได้ ความสุขที่ได้จากความสงบก็จะจางหายไป ก็จะทำให้เราอยากเพิ่มมากขึ้น พออยากได้สิ่งนี้แล้ว พอได้มาแล้วก็อยากจะได้สิ่งอื่นต่อไป ถ้าเราไม่หยุดมันก็จะพาเราอยากไปเรื่อยๆ จนทำให้เราเกิดความเครียด เกิดความทุกข์ เกิดความฟุ้งซ่านขึ้นมา เพราะว่าเวลาอยากได้อะไรมากๆ แล้วไม่สามารถได้ตามความอยากเวลานั้น ก็จะทุกข์มาก ก็จะเครียดมาก

ดังนั้น เราไม่ควรปล่อยให้ใจเราไปถึงขีดนั้นจุดนั้น ควรที่คอยสกัดความอยากอยู่เรื่อยๆ ควรจะทำใจให้สงบอยู่เรื่อยๆ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นนักบวช แต่ถ้าเรามีเวลาว่างพอ เราก็ควรจะเอาเวลาว่างนั้นมาสร้างสรณะ สร้างที่พึ่งทางใจดีกว่า คือสร้างความสงบ สร้างความสุขทางใจดีกว่าเอาเวลานั้นไปสร้างความสุขทางร่างกาย สร้างความสุขจากการทำตามความอยากต่างๆ เพราะเป็นความสุขเพียงเล็กน้อย แล้วก็มีความทุกข์แถมมามากกว่าหลายเท่าด้วยกัน

นี่คือสิ่งที่เราควรที่จะพิจารณาอยู่เรื่อยๆ เวลาที่เรากำลังทำอะไรกันอยู่ขอให้เราถามว่า เรากำลังทำเพื่อให้เกิดความสุขทางใจ หรือว่าเรากำลังทำเพื่อให้เกิดความทุกข์ทางใจ ถ้าเป็นการทำเพื่อให้เกิดความทุกข์ทางใจ เราก็ควรจะหยุดเสีย ก็คือถ้าเราทำตามความอยากทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ทางรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ทางลาภ ยศ สรรเสริญนี้ เป็นการกระทำเพื่อความอยาก ไม่ได้ทำเพื่อจิตใจ ไม่ได้ทำให้จิตใจสงบ การกระทำที่จะทำให้จิตใจสงบนี้ต้องเกิดจากการทำทาน เกิดจากการรักษาศีล เกิดจากการภาวนา เกิดจากการเจริญสติ เกิดจากการนั่งสมาธิ เกิดจากการพิจารณาทางปัญญาเพื่อระงับดับความอยากต่างๆ


พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ที่มา https://www.facebook.com/Suchart.Abhijato

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2566(2023), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

เราสามารถฝึกควบคุมความคิดได้ แต่ให้มันหยุดนิ่งไปไม่คิดอะไรเลยมันทำไม่ได้

Posted on January 4, 2023 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/702043

เราสามารถฝึกควบคุมความคิดได้ แต่ให้มันหยุดนิ่งไปไม่คิดอะไรเลยมันทำไม่ได้

เราสามารถฝึกควบคุมความคิดได้ แต่ให้มันหยุดนิ่งไปไม่คิดอะไรเลยมันทำไม่ได้

วันอังคาร ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2566, 18.08 น.

คำถาม : พระอาจารย์ครับ มีท่านหนึ่งบอกกับผมไว้ว่า ความคิด ความรู้สึกต่างๆ เราไม่สามารถควบคุมได้ เราทำได้เพียงมีสติตามดูมัน ตามรู้มัน เป็นเรื่องจริงไหมครับ

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต : ก็ควบคุมมันได้แต่อาจจะไม่ได้ตลอดเวลา แต่เป็นพักๆ เช่นเราทำใจให้สงบนี้ เราก็ควบคุมความคิดได้แล้ว หยุดความคิดไว้ ใจสงบนี้เราก็ควบคุมสังขาร วิญญาณได้ มันก็สงบระงับไปชั่วคราว แต่พอสักระยะหนึ่งมันก็ถอนออกมา พอถอนออกมามันก็คิดปรุงแต่ง แต่เราสามารถบังคับให้มันคิดไปในทางที่เราต้องการได้ เช่นบังคับให้มันคิดไปในทางธรรมได้ ถ้าเราฝึกฝนอบรมควบคุมบังคับมันไปเรื่อยๆ ใจเราสามารถบังคับให้มันคิดไปในทางธรรมก็ได้

แต่ถ้าเราไม่เคยฝึกฝน ปล่อยให้ใจคิดมันก็จะคิดไปตามนิสัยเดิมของมัน นิสัยเดิมของมัน มันก็จะคิดไปในทางกิเลสตัณหา คิดไปในทางของอวิชชา คิดว่าเป็นของเรา เป็นตัวเรา คิดว่าให้ความสุขกับเรา พอคิดอย่างนี้ก็อยากจะได้สิ่งนั้นสิ่งนี้มา ก็ต้องไปดิ้นรนไปหาสิ่งนั้นสิ่งนี้มา พอได้มาแล้วมันก็ให้ความสุขเดี๋ยวเดียวแล้วมันก็หายไป ก็ต้องไปหาสิ่งใหม่มาอีก อย่างซื้อเสื้อผ้าเต็มตู้ซื้อทำไม มีร่างกายเพียงร่างกายเดียว แต่มีเสื้อผ้าเป็น ๑๐๐ ชุด ก็เพราะว่าเวลาเห็นแล้วมันคิดว่าสวยอยากได้ พอได้มาใส่หนเดียวแล้วมันก็ว่าไม่สวยแล้วเปลี่ยนใจแล้ว อยากได้อีกอย่างแล้ว อันนี้ก็เพราะว่าเราไม่ควบคุมความคิดของเราปล่อยให้มันคิดไปตามอารมณ์ 

ถ้าเราควบคุมให้มันคิดด้วยเหตุด้วยผลมันก็จะระงับได้ เสื้อผ้ามีไว้ทำไม ไว้ใส่เพื่อปกปิดร่างกายใช่ไหม ถ้าตอนนี้มันพอใส่หรือเปล่า ถ้าพอเราซื้อมาทำไม เท่านั้นมันก็จบ ก็ควบคุมได้ ความรู้สึกนึกคิดให้มันคิดไปในทางให้ความสุขได้ อย่างพระอรหันต์พระพุทธเจ้านี้ท่านคิดไปในทางที่ทำให้จิตใจของท่านมีความสุข ท่านไม่ได้คิดไปในทางที่ทำให้จิตใจของท่านมีความทุกข์

ความสุขความทุกข์มันก็เกิดจากความคิดนี่แหละ ตัณหาความอยากมันต้องใช้ความคิดเป็นตัวพาไป เวลาคิดถึงขนมมันก็เกิดความอยากขึ้นมา แต่พอคิดถึงอุจจาระหลังจากที่กินขนมแล้วถ่ายออกมา มันก็จะไม่อยากกิน ดังนั้น อยู่ที่เราจะคิดไปในทางไหน ถ้าเราไม่อยากจะกิน ทุกครั้งที่เห็นขนมก็คิดถึงตอนที่มันกลายเป็นอุจจาระดู พอมันกลายเป็นอุจจาระแล้วก็คิดว่าเรากินอุจจาระนี่กินไปทำไม มันก็ไม่อยากกินได้ อันนี้วิธีปฏิบัติ เขารู้จักการควบคุมความคิดได้ แต่จะให้มันหายไป ให้มันหยุดนิ่งไปไม่คิดอะไรเลยมันทำไม่ได้ แล้วไม่จำเป็นด้วยก็ปล่อยมันคิดไปตามเรื่องของมัน ปล่อยขันธ์ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติของมัน เพียงแต่ว่าอย่าให้มันไปคิดไปในทางที่ทำให้มันเกิดความทุกข์เกิดความเสียหายเท่านั้นเอง


พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต 
ที่มา https://www.facebook.com/Suchart.Abhijato

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2566(2023), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

เวลานั่งภาวนาพุทโธจิตมักคิดสอดส่ายไปคิดเรื่องอื่น มีวิธีไหนบ้างที่จะให้จิตเป็นสมาธิ

Posted on January 3, 2023 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/701884

เวลานั่งภาวนาพุทโธจิตมักคิดสอดส่ายไปคิดเรื่องอื่น มีวิธีไหนบ้างที่จะให้จิตเป็นสมาธิ

เวลานั่งภาวนาพุทโธจิตมักคิดสอดส่ายไปคิดเรื่องอื่น มีวิธีไหนบ้างที่จะให้จิตเป็นสมาธิ

วันจันทร์ ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2566, 17.33 น.

คำถาม : เวลานั่งภาวนาพุทโธจิตมักคิดสอดส่ายไปคิดเรื่องอื่นอยู่เรื่อย มีวิธีไหนบ้างที่จะให้จิตเป็นสมาธิ อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง หลวงปู่มั่นอธิบายว่า การนั่งสมาธิภาวนานั้น ท่านให้คิดได้ แต่ให้มีสติตามรู้ พิจารณาถึงสภาพความเป็นจริง อนิจลักษณะอยู่ตลอดเวลา อยากให้ท่านพระอาจารย์อธิบาย

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต : คือ การภาวนานี้ก็มีหลายอุบายด้วยกัน อุบายหนึ่งคือให้อยู่กับพุทโธเพียงอย่างเดียวไม่ได้คิดอะไร แต่ถ้าใจเป็นนิสัยที่ชอบคิดปรุงแต่ง ไม่สามารถอยู่กับพุทโธได้ ถ้าจะคิดก็ให้คิดมาทางไตรลักษณ์เสีย ให้คิดว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็นทุกข์ ทุกอย่างเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา ถ้าคิดในทางปัญญาคิดไปในทางอนัตตาได้ ใจก็เข้าสู่ความสงบได้ แบบนี้ท่านเรียกว่า ปัญญาอบรมสมาธิ

ส่วนพวกที่บริกรรมพุทโธๆ นี้ ท่านใช้ สติอบรมสมาธิ คือ การเจริญพุทธานุสสติ และจะท่องบริกรรม พุทโธก็ได้ ธัมโมก็ได้ สังโฆก็ได้ บางท่านมาเล่าว่า มันสั้นไป บางท่านก็ใช้ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ก็ได้ แล้วแต่บางท่านก็สวดมนต์ไปก็ได้

อย่างตอนที่เราเริ่มทำใหม่ๆ เราก็นั่งสวดพระสูตรไป ประมาณสัก ๓๐-๔๐ นาทีด้วยกัน สวดไปแล้วมันก็เย็นสบาย มันไม่คิดปรุงเเต่งแล้วเราก็ดูลมหายใจต่อไป พอดูลมหายใจไม่ไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ใจก็จะสงบเข้าไปทีละขั้น เหมือนกับเปลี่ยนเกียร์รถยนต์ วู๊บไปทีละขั้น นิ่งไปสงบลดไปทีละระดับเป็นขั้นๆ ไป จนถึงอิ่มนิ่งไปในที่สุดก็เมื่อนั้น การภาวนาการทำสมาธินี้ มีหลากหลายอุบายด้วยกัน มีกรรมฐานถึง ๔๐ ชนิดด้วยกัน

ดังนั้น จริตแต่ละคนอุบายแต่ละคนนี้อาจจะไม่เหมือนกัน ผู้ปฏิบัติอาจจะต้องทดลองดูว่า อุบายแบบไหน กรรมฐานชนิดไหน วิธีใดจะเหมาะกับตน ก็ต้องลองทำดูแต่อย่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา โดยที่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่อุบายก็ได้ อาจจะอยู่ที่ไม่มีสติ ถ้าไม่มีสติแล้วต่อให้จะใช้อุบายแบบไหน วิธีไหน กรรมฐานชนิดไหนก็อาจจะไม่ได้ผล

ดังนั้น เราต้องสังเกตดูว่า เรามีสติอยู่หรือไม่ เราดึงใจให้อยู่ในปัจจุบันได้หรือไม่ คือให้อยู่กับพุทโธได้หรือไม่ ให้คิดแต่เรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาได้หรือไม่ เช่น คิดแต่ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ไม่ว่าจะเป็นความแก่ ความเจ็บ ความตายของเรา ของผู้อื่นก็ได้ หรือจะพิจารณาอสุภะ ดูความไม่สวยงามของร่างกายของเราก็ได้ ถ้าอยู่ในเรื่องราวเหล่านี้ ไม่ไปคิดเรื่องหาเงินหาทอง ไม่ไปคิดเรื่องหาความสุขจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ก็จะสงบได้ แต่ถ้าคิดปั๊บแล้วก็ไปคิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ อย่างนี้ก็อย่าไปโทษว่า เป็นกรรมฐานเป็นปัญหา ปัญหาอยู่ที่ไม่มีสติ ไม่จดจ่ออยู่กับกรรมฐานชนิดใดชนิดหนึ่ง


ช่วงถาม-ตอบ ธรรมะบนเขา แผ่น ๐๑ : พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต 
ที่มา https://www.facebook.com/Suchart.Abhijato

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2566(2023), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

‘พรที่แท้จริง’ ต้องละเว้นจากการคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี

Posted on January 2, 2023 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/701760

'พรที่แท้จริง' ต้องละเว้นจากการคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี

‘พรที่แท้จริง’ ต้องละเว้นจากการคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี

วันอาทิตย์ ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566, 18.02 น.

“วันขึ้นปีใหม่” เป็นวันที่พวกเราได้มาขอพรกัน เป็นวันที่พวกเรา มาขอพรมาให้พรกัน “พร” คืออะไร พรก็คือความสุขและความเจริญ แต่การให้พรนี้ เป็นเพียงแต่การแสดงความปรารถนาดีต่อกันและกันเท่านั้น เพราะพรนี้เป็นสิ่งที่ให้ต่อกันไม่ได้ เป็นสิ่งที่เราจะต้องทำกันสร้างกันขึ้นมา ความสุขความเจริญนั้นเป็นผลที่เกิดจากการกระทำของเรา ทางกายทางวาจา และทางใจ ถ้าเราต้องการความสุขความเจริญ เราก็ต้องคิดดี พูดดี ทำดี ถ้าเราไม่คิดดีพูดดีทำดี เราจะไม่ได้รับความสุขความเจริญ ต่อให้มีใครให้พรมากน้อยเพียงไรก็ตาม การให้พรนั้นไม่ได้เป็นเหตุที่ทำให้เกิดความสุขความเจริญขึ้นมา 

ความสุขความเจริญของเรานี้เกิดจากการกระทำของเรา คือเราต้องคิดดี พูดดี ทำดี และละเว้นจากการคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี เพราะการคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี จะนำความทุกข์ความเสียหายมาให้กับเรา ไม่มีใครอยากจะมีความทุกข์ไม่มีใครอยากจะมีความเสียหายกัน ก็ต้องละการคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี นี่สำหรับพรที่แท้จริง 

ดังนั้น เป็นสิ่งที่เราต้องขอกับตัวเราและให้กับตัวเราเอง เวลาเราให้พรผู้อื่นจึงขอให้มีความสุขความเจริญ เป็นเพียงแสดงความหวังดี ความปรารถนาดี เท่านั้นเอง แต่ความสุขความเจริญไม่ได้เกิดขึ้นกับบุคคลที่เราให้พรไป บุคคลที่จะรับพรนั้นจะต้องเป็นผู้สร้างพรขึ้นมาเอง สร้างด้วยการคิด การพูด การกระทำที่ดี และละเว้นการคิด การพูดการกระทำที่ไม่ดี แล้วผลก็จะเกิดขึ้นตามมา คือความสุขและความเจริญ

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี (เพจ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) – 003 

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2566(2023), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

การดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข ไม่ได้อยู่ที่การปรับสิ่งภายนอกให้เราพอใจ

Posted on December 28, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/701038

การดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข ไม่ได้อยู่ที่การปรับสิ่งภายนอกให้เราพอใจ

การดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข ไม่ได้อยู่ที่การปรับสิ่งภายนอกให้เราพอใจ

วันอังคาร ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 19.23 น.

ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ใจของเราเอง ที่ไม่ค่อยชอบปรับให้ทันกับสภาพเหตุการณ์ เพราะไม่เคยสอนใจให้คอยปรับเปลี่ยนให้รับกับเหตุการณ์ มักจะยึดติดกับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งเสมอ ถ้ามีเหตุการณ์ที่ไม่ชอบไม่พอใจ ก็จะปรับเปลี่ยนเหตุการณ์นั้นให้ถูกใจเรา ถ้าบ้านเก่าก็ซ่อมใหม่ ทาสีใหม่ ปรับปรุงใหม่ พอทำเสร็จแล้วก็สบายใจ พอเก่าอีกก็ต้องซ่อมอีก ถ้าปรับใจว่าเป็นเรื่องธรรมดา ก็ไม่ต้องทำอะไร อยู่กับของเก่าไป สู้ปรับใจเราดีกว่า ง่ายกว่าไม่ต้องเสียแรง ไม่ต้องเสียเงินเสียทอง บ้านจะเก่าดูไม่สวยก็ปล่อยมันไปตามเรื่องถ้ายังทำหน้าที่ได้อยู่ ให้เราหลบแดด หลบฝน หลบภัยได้ ก็ปล่อยมันไปเถิด ปรับใจของเราให้เข้ากับสิ่งที่เป็นอยู่ 

นี่แหละคือการดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข ไม่ได้อยู่ที่การปรับสิ่งภายนอกให้เราพอใจ เพราะปรับเท่าไรก็ไม่พอใจ ถ้าพอใจก็พอใจเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวก็อยากจะให้เป็นอย่างอื่นอีก มีความอยากอย่างอื่นเพิ่มขึ้นมาอีกอยู่เรื่อยๆ เพราะความอยากไม่มีขอบเขต ถ้าเอาความอยากเป็นประมาณก็ต้องเหนื่อยต้องทำตามความอยากอยู่เรื่อยๆ ถ้าเอาความพอดีหรือความพอใจเป็นหลัก ทำใจให้พอใจกับสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่เป็นอยู่ ก็จะอยู่อย่างสบายใจ

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี (เพจ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) – 003

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ถ้าใจมีธรรมอยู่ที่ไหนก็ไม่เดือดร้อน ถ้าใจไม่มีธรรมนั่งนอนอยู่ในปราสาททองก็ไม่มีความสุข

Posted on December 27, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/700803

ถ้าใจมีธรรมอยู่ที่ไหนก็ไม่เดือดร้อน ถ้าใจไม่มีธรรมนั่งนอนอยู่ในปราสาททองก็ไม่มีความสุข

ถ้าใจมีธรรมอยู่ที่ไหนก็ไม่เดือดร้อน ถ้าใจไม่มีธรรมนั่งนอนอยู่ในปราสาททองก็ไม่มีความสุข

วันจันทร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 19.31 น.

” ถ้าใจมีธรรมเป็นที่อยู่แล้ว จะอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ ไม่มีความเดือดร้อน แต่ถ้าใจนั้นไม่มีธรรม เป็นเครื่องอยู่แล้ว ต่อให้นั่งนอนอยู่ในปราสาททอง ก็ไม่มีความสุข เพราะไฟกิเลสมันเผาผลาญหัวใจ ให้ได้รับความเดือดร้อนอยู่มิเว้นวาย ” โอวาทธรรม หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ (วัดเหนือ) บ้านโคกมน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย – 003

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : ใช้ปัญญา…แก้ปัญหา โดย พระครูธีรธรรม มาลังการ

Posted on December 26, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/700491

ธรรมะวันอาทิตย์ : ใช้ปัญญา...แก้ปัญหา โดย พระครูธีรธรรม มาลังการ

ธรรมะวันอาทิตย์ : ใช้ปัญญา…แก้ปัญหา โดย พระครูธีรธรรม มาลังการ

วันอาทิตย์ ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 12.34 น.

25 ธันวาคม 2565 วัดไชยคำ ตั้งอยู่ตำบลคำพระ อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ แม้จะเป็นวัดขนาดเล็ก เนื้อที่ 9 ไร่เศษ แต่ว่าทุกวันจะมีญาติโยมพุทธศาสนิกชนเดินทางเข้าไปทำบุญสร้างกุศลอย่างต่อเนื่อง เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา เป็นมงคลแก่ชีวิต โดยมีพระครู ธีรธรรม มาลังการ อายุ 57 ปี  เป็นเจ้าอาวาสวัดไชยคำและตำแหน่งเจ้าคณะตำบลคำพระ ปกครองพระสงฆ์ 5 รู ป สามเณร 2 รูป มัคนายก 3 คน สังกัดมหานิกาย และที่สำคัญ การเข้ามาทำบุญ ยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด19 อย่างเคร่งครัดอีกด้วย 

สำหรับ วัดไชยคำ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2315  เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุ 250 ปี ด้วยแรงศรัทธา ของญาติโยม พุทธศาสนิกชนบ้านคำพระ ร่วมกันสร้างกุฎิถวายหลังแรกแบบบ้านไม้โบราณ ใช้ได้มาถึง ปี พ.ศ. 2472 เพราะผุพัง จึงมีการก่อสร้างหลังใหม่แทนเป็นหลังที่ 2 และปี พ.ศ.2522 มีการรื้อถอนและก่อสร้างหลังที่ 3 จนถึงปัจจุบัน 

ต่อมา เมื่อปี พ.ศ.2489 ศาลาการเปรียญ หลังแรกที่สร้างอาสนสงฆ์ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวัด  อาคารชำรุดทรุดโทรมมาก ชาวบ้านจึงได้ร่วมมือรื้อถอนออก และเมื่อปี พ.ศ.2491 ชาวบ้าน จึงได้ร่วมมือกันก่อสร้างศาลาการเปรียญหลังที่ 2 ขึ้นแทนหลังเดิม โดยใช้ประกอบพิธีทางศาสนาจนถึงปี พ.ศ.2505 จากนั้น เมื่อปี พ.ศ.2506 พันเอกปิ่น มุทุกัณต์ อธิบดีกรมศาสนาในสมัยนั้น ได้ให้งบประมาณสนับสนุนการก่อสร้างศาลาการเปรียญ หลังที่ 3 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2524 

สำหรับอุโบสถ มีการก่อสร้างถึง 3 หลัง ซึ่งหลังแรก ก่อสร้างเมื่อใดไม่ปรากฏหลังฐานแน่ชัด หลังที่ 2. ก่อสร้างเมื่อ พ.ศ.2471 ด้วยสภาพการใช้งานที่นาน อุโบสถจึงเก่าแก่ ชำรุดแต่ก็ยังคงสภาพเดิมไว้อย่างสมบูรณ์จนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านคำพระ จึงพร้อมใจกันก่อสร้างอุโบสถหลังที่ 3. เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2537 เสร็จสมบูรณ์ วันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2540 ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 3 ปี โดยได้รับงบประมาณจากพุทธศาสนิกชน ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสร่วมก่อสร้างเป็นเงินทั้งสิ้น 4,900,000 บาท 

ส่วนที่โดดเด่น ซึ่งพุทธศาสนิกชนเดินทางเข้ามากราบไหว้ บนบาน ขอพรเป็นประจำก็คือ หลวงพ่อใหญ่ไชยมงคล ประดิษฐานอยู่ในวิหาร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ อายุ 200 ปี สูง 3 เมตร หน้าตักกว้าง 1.80 เมตร เนื่องจากชาวบ้านตั้งใจจะไปช่วยกันก่อสร้างพระธาตุพนม จ.นครพนม เมื่อเดินทางไปถึง อ.ธาตุพนม พบว่า องค์พระธาตุพนม ก่อสร้างเสร็จแล้ว จึงเดินทางกลับ บ้านคำพระ และเพื่อไม่ให้เสียความตั้งใจ ก็เลยร่วมกัน สร้างพระพุทธรูป นามว่า หลวงพ่อใหญ่ไชยมงคล ขึ้นมาตามแรงศรัทธา 

และในระหว่างวันที่ 12 – 13 เมษายนของทุกปี ก็จะมีการจัดงานประจำปีเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะวันที่ 13 เมษายน คือ วันสงกรานต์ ก็จะมีการอัญเชิญ องค์จำลอง หลวงพ่อใหญ่ไชยมงคล แห่ไปรอบๆชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านได้ร่วมกันสงฆ์น้ำหลวงพ่อใหญ่ไชยมงคล เพื่อความเป็นสิริมงคล แก่ตนเองและครอบครัว และที่สำคัญ ผู้คนนิยม เข้ามาอธิฐาน ให้หลวงพ่อใหญ่ไชยมงคล ช่วยเหลือในด้านต่างๆ เช่น ขอบุตร สอบรับราชการ เลื่อนตำแหน่ง ฯลฯ หากสำเร็จ จะมีการถวายผลไม้ 9 อย่างแก้บน และที่หลวงพ่อชอบมากที่สุดก็คือ การแก้บนด้วยการจุดบั้งไฟ  

สำหรับด้านข้างใกล้กับวิหาร หลวงพ่อใหญ่ไชยมงคล เป็นที่ตั้งของอุโบสถ โดยมีใบเสมาหิน อายุ 1,000 ปี ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน โดยรอบ จำนวน 8 ใบ ในแต่ละใบเสมาหิน มีการสลักลวดลายอยู่บนเนื้อใบเสมาหิน 2 แบบ คือ แบบบัวคว่ำ บัวหงายและแบบเป็นดาบ มีบัวคว่ำ บัวหงาย อยู่พื้นล่าง และบริเวณลานด้านหน้าอุโบสถ จะพบเห็น พระพุทธรูป นามว่า หลวงพ่อโตอุตมะ ปางมารวิชัย ขนาดสูง 15 เมตร หน้าตักกว้าง 5 เมตร อย่างสวยงาม 

พระครูธีรธรรม มาลังการ เจ้าอาวาสวัดไชยคำและเจ้าคณะตำบลคำพระ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ เทศนาว่า เมื่อเรายีดมั่นเอาพระไตรสรณคมน์เป็นที่พึ่งแล้ว ไม่ดูหมอ แต่งแก้บูชา เสียเคาะห์เสียขวัญ เว้นจากการนัยถือพระภูมิเจ้าที่ เทวบุตร เทวดา มนต์กลคาถาวิชาต่างๆ ถ้านับถือเมื่อใด ก็ขาดจากคุณของพระรัตนตรัย การทำความดีนั้น เป็นอกาสิโก คือไม่เลือกกาลเวลาทำเมื่อไรได้ผลเมื่อนั้นและควรบำเพ็ญบุญในพระพุทธศาสนาเท่านั้น ก็ถือว่าเป็นอุบาสกอุบาสิกา พวกเราทั้งหลายต้องเป็นผู้เชื่อกรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรางสอนให้ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำใจให้บริสุทธิ์สดใน 

ซึ่งความเชื่อในพระพุทธเจ้ามี 4 ประการ คือ 1.กัมมสัทธา เชื่อกรรม 2.วิบากสัทธา เชื่อผลของกรรม 3.กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อพระปัญญาตัรสรู้ของพระคถาคต 4.คถาคตโพธิสัทธา เชื่อพระปัญญาตรัสรู้ของพระคถาคต อธิบายว่า กุศลกรรม คือ ความดี เหตุดี ได้ผลดี เหตุชั่ว ได้ผลชั่ว เชื่อว่า บรรดาสัตว์ทั้งหลายที่ยังมีกิเลสสานุสัย ทำกรรมอันใดด้วย กาย วาจา ใจ ก็ย่อมได้เสวยผลกรรมนั้นๆ กรรมนั้นแหละย่อมจำแนกสัตว์ผู้กระทำให้ประณีตและเลวทรามต่างกัน ความหยั่งรู้ในคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสงฆ์เจ้า เชื่อไปว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ความโกรธชอบด้วยพระองค์เอง ธรรมที่พระองค์ทรงสั่งสอนวไนยสัตว์ ได้เชื่อว่า ตรัสรู้ชอบแล้ว และสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว เป็นต้น  

เมื่อเราศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ก็ให้พากันทำความดีให้ทุกวันไม่เลือกวันเวลา เช่น การปฏิบัติธรรม ไม่เชื่อมงคลตื่นข่าว ว่าทำวันนั้นเวลานั้นจึงจะเจริญดีมีความสุข คือการทำความดีนั้น เป็นอกาสิโก คือ ไม่เลือกาลเวลา ทำเมื่อไรได้ผลเมื่อนั้น ถือเอาความเหมาะสมและสะดวกเป็นประมาณ ขอให้ทำบุญในพระพุทธศาสนา คือ ให้ทาน รักษาศีล เจริเมตตาภาวนา ก็เชื่อว่า รักษาสมบัติอุบาสถอุบาสิกาไว้ได้ 

พระครูธีรธรรม มาลังการ เจ้าอาวาสวัดไชยคำและเจ้าคณะตำบลคำพระ เทศนาตอนสุดท้ายว่า ขอให้ญาติโยมพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นหลัก ให้มีศีล สมาธิ ปัญญา ได้แก่ ศีล ก็คือ ให้ถือศีล 5 ข้อ อย่างเคร่งครัด เช่น ห้ามลักทรัพย์ ห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามดื่มสุรา ห้ามประพฤติผิดในกามและห้ามพูดเท็จ หากทุกคนทำได้ปฏิบัติได้ ก็จะมีแต่ความสงบ ไม่วุ่นวายเหมือนทุกวันนี้ ส่วนสมาธิ ก็บอกในตัวมันเองแล้วจะต้องตั้งมั่น ยึดมั่น และปัญญา ถ้าคนเรามีปัญญา จะทำอะไร ต้องใช้ปัญญา ไตร่ตรองให้ดี แล้วปัญหาอุปสรรคต่างๆที่ประสบจะผ่านพ้นไปด้วยดี.012

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

‘ทำบุญน้อย’ แต่ทำด้วยใจบริสุทธิ์ ได้บุญมากกว่าคนทำบุญด้วยการถวายปัจจัยมากๆ

Posted on December 24, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/700231

'ทำบุญน้อย' แต่ทำด้วยใจบริสุทธิ์ ได้บุญมากกว่าคนทำบุญด้วยการถวายปัจจัยมากๆ

‘ทำบุญน้อย’ แต่ทำด้วยใจบริสุทธิ์ ได้บุญมากกว่าคนทำบุญด้วยการถวายปัจจัยมากๆ

วันศุกร์ ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 17.47 น.

” เรื่องการทำบุญมันอยู่ที่ความบริสุทธิ์ของใจเป็นที่ตั้ง ทำน้อยแต่ทำด้วยใจบริสุทธิ์ ทำโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ได้บุญมากกว่าคนทำบุญด้วยการถวายปัจจัยมากๆ เพื่อหวังชื่อเสียง ลาภยศ และสรรเสริญ คนทำบุญมากๆ แบบนี้ ต้องนอนเอามือก่ายหน้าผาก พวกนี้ได้แต่หน้า ได้แต่ชื่อเสียง แต่บุญจริงๆ นั้นไม่ได้ “

โอวาทธรรม พระเดชพระคุณ หลวงปู่มา ญาณวโร วัดสันติวิเวก ต.เมืองไพร อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด – 003

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

Post navigation

← Older posts
Newer posts →

BamBam Family

BamBam Family

สถิติบล็อก

  • 2,821,203 hits

Join 3,805 other subscribers
Follow SootinClaimon.Com on WordPress.com

Categories

Top Posts & Pages

‘นายกฯ’ลั่น‘เขมร’ต้องกลับเข้า 4 ข้อปฏิญญา เหน็บประเทศมหาอำนาจต้องกดดันฝ่ายละเมิด
ถอดแนวคิด 'มอนเดลีซฯ' กับการเป็นองค์กรในดวงใจคนนิวเจน
'แคนดิเดตนายกฯภท.'ยังไม่ชัด! แต่ถ้าคัมแบ็ครัฐบาล'เอกนิติ-ศุภจี-สีหศักดิ์'ร่วม รบ.ต่อ
ตำรวจชี้ตัวผู้ต้องสงสัยกราดยิงม.บราวน์ เร่งสอบเอี่ยวคดีฆ่าอาจารย์ MIT ด้วยหรือไม่
'เจาะใจ'พาคุยกับสตรีคนสำคัญแห่ง'กระทรวงวัฒนธรรม'ผู้ถือภารกิจแห่งการส่งเสริมวัฒนธรรมไทย
จุฬาฯ-มหิดล ผนึกกำลังสร้างนวัตกรรมเวชสำอางจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ไทยถ่ายทอดเทคโนโลยี "AnthoRice™ Complex" เตรียมทดสอบทางคลินิกที่ศิริราช
บังกลาเทศประท้วงเดือด บุกผาสำนักงานหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ 2 แห่ง
นทท.สะพรึง แห่ชมปรากฎการณ์ธรรมชาติชายหาดสีเลือดในอิหร่าน
ทรัมป์สั่งระงับโครงการกรีนการ์ดล็อตโต้ หลังผู้ต้องสงสัยกราดยิง ม.บราวน์ ใช้เป็นช่องทางเข้าสหรัฐฯ
ทรัมป์ลงนามคำสั่ง ขยายการเข้าถึงกัญชา เพิ่มขอบเขตการวิจัย

Recent Posts

  • ทรัมป์สั่งระงับโครงการกรีนการ์ดล็อตโต้ หลังผู้ต้องสงสัยกราดยิง ม.บราวน์ ใช้เป็นช่องทางเข้าสหรัฐฯ
  • อียูตกลงปล่อยกู้ยูเครน 9 หมื่นล้านยูโร เลี่ยงใช้ทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัด
  • ปิดฉากล่าตัวมือกราดยิง ม.บราวน์ พบกลายเป็นศพในห้องเก็บของ หลังหนีกบดานข้ามรัฐ
  • ออสเตรเลียประกาศ “รับซื้อคืนปืน” ทั่วประเทศ หลังเหตุกราดยิงหาดบอนได
  • ศรีลังกาจับ 3 ผู้ต้องสงสัยเผาช้างป่าเป็น ๆ จนล้ม จุดกระแสโกรธแค้นในสังคม

ป้ายกำกับ

  • 2559(2016)
  • 2564(2021)
  • entertain
  • naewna
  • The Nation
  • การเมือง
  • คมชัดลึก
  • ต่างประเทศ
  • บันเทิง
  • แนวหน้า
  • RSS - Posts
  • RSS - Comments

Archives

Follow Us

  • https://soclaimon.tumblr.com/
  • https://www.facebook.com/soclaimon
  • https://www.instagram.com/sootinclaimon/
  • https://www.facebook.com/SootinClaimon/
  • https://www.facebook.com/profile.php?id=100001170824639
  • https://www.facebook.com/pompam.pp
  • https://www.facebook.com/toraman666
  • https://www.facebook.com/apich214
  • https://www.facebook.com/samabat.klaimon
  • https://www.facebook.com/profile.php?id=100005312762480
  • https://www.facebook.com/jirasuda.manomaiyanon
  • https://www.facebook.com/eikpakkred
  • https://www.facebook.com/profile.php?id=100003091451547
Blog at WordPress.com.
  • Subscribe Subscribed
    • SootinClaimon.Com
    • Join 1,659 other subscribers
    • Already have a WordPress.com account? Log in now.
    • SootinClaimon.Com
    • Subscribe Subscribed
    • Sign up
    • Log in
    • Report this content
    • View site in Reader
    • Manage subscriptions
    • Collapse this bar
 

Loading Comments...
 

    %d