Skip to primary content
Skip to secondary content

SootinClaimon.Com

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย2 [SartKasetDinPui2] : รวบรวม ข้อมูล เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เกษตร ดิน น้ำ ปุ๋ย

SootinClaimon.Com

Main menu

  • Home
  • KU23-2506
  • ข้อคิดความเห็น
  • ตระกูลคล้ายมนต์
  • ผมเองครับ
  • ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย1

Category Archives: ธรรมะ

Post navigation

← Older posts
Newer posts →

วันหนึ่งก็จะต้องสูญเสียไป ต้องพลัดพรากจากกันไป

Posted on December 9, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/697007

วันหนึ่งก็จะต้องสูญเสียไป ต้องพลัดพรากจากกันไป

วันหนึ่งก็จะต้องสูญเสียไป ต้องพลัดพรากจากกันไป

วันพฤหัสบดี ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 19.07 น.

ปัญญา ก็คือความรู้ตามความเป็นจริง รู้ว่าสิ่งต่างๆในโลกนี้ไม่เที่ยง มีเกิดมีดับมีขึ้นมีลง รู้ว่าสิ่งต่างๆที่เรามีอยู่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นของเราหรอก เดี๋ยวสักวันหนึ่งเราก็ต้องจากมันไปทั้งหมด แม้แต่ร่างกายนี้ก็ไม่ใช่เป็นของเรา นี่คือปัญญา ให้รู้ความจริง รู้ว่าทุกอย่างที่เรามีอยู่นี้เป็นของชั่วคราวเป็นของที่ยืมเขามา วันหนึ่งก็จะต้องสูญเสียไป ต้องพลัดพรากจากกันไป ถ้าเรารู้เราก็จะไม่ยึดไม่ติดไม่หลงไปคิดว่าเป็นของเรา เราก็จะพร้อมที่จะจากมัน เมื่อถึงเวลาจากกันก็จากกันอย่างมีความสุข จากกันอย่างไม่มีความทุกข์ เพราะรู้ว่ามันไม่ได้เป็นของเรา เหมือนกับเราไปยืมของของคนอื่นเขามาใช้ พอเราใช้เสร็จเราก็คืนเขาไป ไม่เห็นจะเดือดร้อนไปทำไม

แต่ถ้าเราไปคิดว่าเป็นของเรา พอไปยืมเขามาแล้วก็มาถือว่าเป็นของเรา เราก็จะไม่อยากคืนเขา พอต้องคืนเราก็ไม่คืน พอถูกบังคับให้คืนเราก็จะทุกข์ นี่ของต่างๆนี้เหมือนกับของที่เรายืมมา ร่างกายนี้ก็เป็นเหมือนของที่เรายืมมา ทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทองต่างๆ สามี ภรรยา บุตรธิดา พ่อแม่ปู่ย่า ตายาย เหมือนของที่เรายืมมาทั้งนั้น เดี๋ยวไม่ช้าก็เร็วเราก็จะต้องคืนเจ้าของไป เดี๋ยวปู่ย่าตายายก็ต้องไปก่อน คืนปู่ย่าตายายไปก่อนแล้ว เดี๋ยวก็คืนพ่อคืนแม่ ต่อไปก็มาคืนพี่ 

ต่อมาก็เมื่อคืนตัวเรา ลูกเราสามีเราเมียเรา ทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทองของเรา ถ้าเรามีปัญญาเราจะไม่ลืมความจริงอันนี้ แล้วเราจะเตรียมตัวตลอดเวลา แล้วเราจะใช้อุเบกขานี้รับกับเหตุการณ์ได้ถ้าเรามีปัญญา แต่ถ้าเราไม่มีอุเบกขาเราก็จะยังทำใจไม่ได้ เวลาเราต้องเสียสิ่งที่เรารักไปแล้วก็จะเสียใจ แต่ถ้าเรามีอุเบกขาและเรามีปัญญา อุเบกขาจะทำให้เราเฉย ปัญญาจะสอนว่าไม่มีอะไรเป็นของเรา ของทุกอย่างที่เรามีอยู่นี้เราจะต้องเสียมันไป

ฉะนั้น เรามาเตรียมตัวกันเตรียมตัวล่วงหน้าไว้ก่อน ซ้อมไว้ก่อน เช่นไปอยู่คนเดียวบ้าง อย่าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แยกกันอยู่ แยกอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่าง ไปอยู่วัด เหมือนกับไปตายกัน ไปหัดตายกัน หรือไปหัดอยู่แบบไม่มีทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทอง ไม่มีแม้แต่ร่างกาย เพราะไปอยู่วัดนี้ร่างกายก็ไม่ต้องใช้ จะอยู่วัดก็ใช้ใจใช้ธรรมะทำใจให้สงบ แล้วใจก็มีความสุข โดยที่ไม่ต้องใช้ร่างกาย ถ้าเราไปอยู่วัดไปอยู่แบบนักบวชได้เป็นพักๆ ต่อไปเราก็จะสามารถที่จะทำใจได้ ให้เป็นอุเบกขาได้ ให้ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างได้ ให้มีปัญญาคอยเตือนใจอยู่เสมอว่า ไม่มีอะไรเป็นของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของชั่วคราว แล้วก็ไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ได้เรื่อยๆ บางทีก็เจริญ บางทีก็เสื่อม ห้ามมันไม่ได้ บังคับมันไม่ได้ แต่เราไม่ต้องไปทุกข์กับมันได้ ด้วยการยอมรับความจริง แล้วเราก็จะไม่มีความทุกข์อยู่ในใจ อีกต่อไป

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ (เพจ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) – 003

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นของไม่เที่ยงทั้งนั้น

Posted on December 8, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/696756

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นของไม่เที่ยงทั้งนั้น

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นของไม่เที่ยงทั้งนั้น

วันพุธ ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 18.35 น.

พระพุทธเจ้าทรงบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นของไม่เที่ยงทั้งนั้น มีเกิดมีดับ มีเจริญมีเสื่อม มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น ทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทอง ก็มีมาบ้าง มีไปบ้าง มีเจริญบ้าง มีเสื่อมบ้าง ยศตำแหน่งต่างๆ ก็มีเจริญบ้างมีเสื่อมบ้าง ไม่มีอะไรถาวร ไม่มีอะไรที่จะนิ่งเฉย มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ 

ถ้าไปยึดไปติด ไปอยากให้มันไม่เปลี่ยนแปลง ก็จะเกิดความทุกข์ขึ้นมาเรียกว่าทุกขัง ก็เพราะว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้มันไม่ใช่เป็นของใคร มันเป็นของธรรมชาติ ไม่มีใครไปควบคุมบังคับให้มันเป็นอย่างนู้นเป็นอย่างนี้ได้ตลอดเวลานั่นเอง

ศึกษาให้เห็นความจริงของสภาวธรรมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นลาภยศสรรเสริญสุขก็ดี ไม่ว่าจะเป็นร่างกายของเราก็ดี ไม่ว่าจะเป็นเวทนาความรู้สึกต่างๆ ก็ดี ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในใจของเราก็ดี ล้วนเป็นไตรลักษณ์ทั้งนั้น ล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

การพิจารณาการสอนใจนี้ต้องทำตอนที่เราออกจากสมาธิมาแล้ว อย่าทำตอนที่เราอยู่ในสมาธิ เพราะเราไม่ต้องการให้จิตทำงานในสมาธิ เราต้องการให้จิตพักผ่อน ให้มีกำลังมากๆ เพื่อเวลาที่ออกมาจากสมาธิจะได้มีกำลังพิจารณาทางปัญญาได้นั่นเอง

พอเราพิจารณาไปเรื่อยๆ ต่อไปเราก็จะจำได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ของเรา พอเราเกิดความอยากให้มันเที่ยง อยากให้เป็นของเรา เราก็จะได้ห้ามความอยากนี้ได้ว่าทำไม่ได้ ถ้าทำแล้วเดี๋ยวจะต้องทุกข์ เพราะว่าไม่มีอะไรเที่ยง อยากให้ร่างกายเที่ยง อยากให้ร่างกายไม่แก่มันก็ห้ามไม่ได้ เดี๋ยวร่างกายมันก็ต้องแก่ ถ้าอยากให้มันไม่แก่ พอมันแก่ก็จะทำให้ทุกข์ใจขึ้นมา แต่ถ้ารู้ว่าห้ามไม่ได้ มันจะแก่ก็ปล่อยมันแก่ไป ใจก็จะไม่ทุกข์ก็ไม่มีความอยากไม่แก่นั่นเอง เพราะมีปัญญาเห็นว่าทุกอย่างเป็นของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ (เพจ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) – 003

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ความสุขที่เกิดจากความสงบของจิต ที่เราปรารถนากันนักกันหนาเรียกว่าสันติสุข

Posted on December 7, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/696535

ความสุขที่เกิดจากความสงบของจิต ที่เราปรารถนากันนักกันหนาเรียกว่าสันติสุข

ความสุขที่เกิดจากความสงบของจิต ที่เราปรารถนากันนักกันหนาเรียกว่าสันติสุข

วันอังคาร ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 18.09 น.

ความสุขที่เกิดจากความสงบของจิต ที่เราปรารถนากันนักกันหนาเรียกว่าสันติสุข ความสุขที่เกิดจากความสงบนั้นต้องอาศัยการควบคุมจิตใจให้อยู่นิ่ง เหมือนกับที่เรามานั่งอยู่นี่ เราสามารถควบคุมร่างกายเราได้ ร่างกายเรานั้น ไม่ใช่เป็นของยากที่จะบังคับ สามารถให้นั่งนิ่งได้ ชั่วโมง สองชั่วโมงนี่ พอบังคับกันได้ แต่จิตใจนี่ ให้มันนิ่งได้แม้กระทั่งเพียงสองสามนาทีก็รู้สึกว่ายากเหลือเกิน ให้มันอยู่กับคำว่าพุทโธ พุทโธ ไม่ให้ไปคิดเรื่องราวต่างๆ ก็รู้สึกว่ามันแสนจะยาก ที่มันยากก็เพราะว่าเราขาดเหตุปัจจัย คือตัวที่จะควบคุมจิตใจนั่นเอง

ตัวที่จะควบคุมจิตใจเราเรียกว่าสติ ความระลึกรู้ ความระลึกรู้หมายถึง ทำให้รู้อยู่กับปัจจุบัน ให้รู้อยู่ที่นี่ เดี๋ยวนี้ รู้อยู่ว่าใจกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าเรานั่งอยู่ ก็ให้ใจรู้อยู่กับการนั่ง ให้รู้อยู่กับลมหายใจเข้าออก ที่เราเรียกว่าอานาปานสติ ถ้ารู้อยู่ตรงนี้ รู้อยู่กับลมหายใจเข้าออก ก็ถือว่าเรามีสติควบคุมใจ โดยใช้การกำหนดรู้ลมเป็นเครื่องควบคุมใจ อานาปานะ แปลว่าลมเข้าลมออก   

สติแปลว่าการระลึกรู้ อานาปานสติคือการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก อันนี้ก็เป็นวิธีควบคุมจิตใจให้มันนิ่ง 

ถ้าจิตใจถูกควบคุมอยู่กับลมได้โดยสม่ำเสมอต่อเนื่องกัน จิตก็จะค่อยๆ สงบตัวลง ค่อยๆ นิ่ง ค่อยๆ นิ่ง และในที่สุดมันก็จะหยุดนิ่งไปเลย เมื่อหยุดนิ่งแล้ว ก็จะเกิดความรู้สึกที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์ เกิดขึ้นมาภายในจิตใจ ซึ่งเราไม่เคยสัมผัสมาก่อน เป็นความรู้สึกที่มันว่างเปล่า เวิ้งว้าง เบาอกเบาใจ เกิดความปิติ เกิดความสุข บางทีขนลุกซ่าขึ้นมาในขณะนั้น หรือน้ำตาอาจจะไหลออกมา เพราะเป็นความรู้สึกที่มันอัศจรรย์ใจ เป็นสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต นี่คือความสุขที่เกิดจากความสงบ พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ว่า นัตถิสันติปรังสุขัง ไม่มีสุขไหนจะเท่ากับความสงบ สุขอื่นที่จะเหนือกว่าความสุขที่เกิดจากความสงบของจิต ไม่มีในโลกนี้ ต่อให้มีเงินมีทองกี่ร้อยล้านกี่พันล้าน สามารถซื้อข้าวซื้อของ สร้างตึกสูงเป็นร้อยๆชั้น มีรถยนต์ราคาคันละสิบๆล้านก็ตาม ความสุขที่ได้จากสิ่งเหล่านั้นไม่เท่าธุลีเมื่อเปรียบเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบของจิตใจ  พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า รสแห่งธรรมชนะรสทั้งปวง 

สมาธิก็เป็นธรรมอย่างหนึ่ง เป็นธรรมเบื้องต้นเท่านั้นเอง ยังมีความสุขที่เหนือกว่าสมาธิอีก คือสุขที่เกิดจากปัญญา สุขที่เกิดจากการหลุดพ้นวิมุตติ อันนี้เป็นขั้นตอนของการปฏิบัติที่เราต้องไต่ขึ้นไป จากสุขที่เราได้รับจากการให้ทาน สู่ความสุขที่เกิดจากการรักษาศีล ไม่เบียดเบียนผู้อื่น สู่ความสุขของสมาธิ ขณะที่จิตสงบตัวอยู่นั้น จิตจะไม่มีอาการดิ้น จิต จะไม่หนีไปไหนโดยที่เราไม่ต้องบังคับ คือหลังจากที่เรากำหนดลมหายใจและจิตค่อยๆ สงบเข้าไป จนกระทั่งจิตเข้าไปรวมตัวลง เราเรียกว่าจิตรวมลงเป็นสมาธิ  พอรวมตัวลงเป็นสมาธิแล้ว ในขณะนั้นเราไม่ต้องไปกำหนดสติ เราไม่ต้องไปกำหนดลมอีกต่อไป ขณะนั้นเราก็ปล่อยวางลมไป ลมก็หายไป จิตรวมอยู่เฉยๆ ตั้งนิ่งอยู่ในขณะนั้น ถ้าเป็นนักโทษ  นักโทษตอนนั้นก็ไม่วิ่งหนีแล้ว นักโทษเหนื่อยวิ่งไม่ไหวก็นั่งอยู่เฉยๆ ตำรวจผู้ที่จะต้องคอยตามจับนักโทษก็ไม่ต้องคอยมานั่งเฝ้า

เพราะฉะนั้นขณะที่จิตเข้าสู่สมาธิ จึงเป็นขณะที่มีความสบาย ไม่มีความเครียด จากการที่ต้องคอยควบคุมจิตใจ เหมือนกับขณะที่เรากำลังเจริญอานาปานสติ ขณะที่เราเจริญอานาปานสติ จะเกิดความรู้สึกการต่อสู้กัน ระหว่างการมีสติกับการเผลอสติ เวลามีสติก็รู้อยู่กับลม เวลาเผลอสติ ก็ไปคิดอยู่กับเรื่องราวต่างๆ นานา คิดเรื่องโน้นบ้าง คิดเรื่องนี้บ้าง พอได้สติ ก็ดึงกลับมาหาลม ช่วงนั้นมันเป็นเหมือนกับการชักคะเย่อกัน เกิดความตึงเครียดระหว่างการต่อสู้กันสองฝ่าย ฝ่ายที่พยามจะดึงจิตไว้ กับฝ่ายที่พยามจะฉุดจิตให้ไปตามอารมณ์ต่างๆ แต่ถ้าฝ่ายที่มีกำลังมากกว่าเป็นฝ่ายสติ คือฝ่ายธรรมะ ถ้าสามารถรั้งจิตไว้ให้อยู่ได้ กระทั่งฝ่ายที่จะฉุดจิตให้ไปตามกระแสอารมณ์ต่างๆนั้น หมดกำลังลง จิตก็จะรวมตัวลง พอรวมตัวลงปั๊บ ก็เหมือนกับทีมสองทีมที่ชักคะเย่อกัน พอทีมหนึ่งยอมแพ้ ไม่มีกำลังที่จะต้านทานแล้ว ฝ่ายที่มีกำลังมากกว่าก็ไม่ต้องออกกำลังอีกแล้ว พอเขาปล่อย ความตึงเครียดมันก็หมดไป จิตเวลาเข้าสู่สมาธิก็เป็นในลักษณะนั้น มันหมดความตึงเครียดไม่ต้องมาคอยควบคุมจิตอีกต่อไป ไม่ต้องตั้งสติแล้วในขณะนั้น คือขณะนั้นสติมีแล้วโดยอัตโนมัติ มันรู้อยู่กับจิต ตัวสติกับจิตตอนนั้นมันรวมกันเป็นหนึ่ง ที่เราเรียกว่าจิตรวม หรือสักแต่ว่ารู้ จิตรู้อยู่ตามลำพังของตัวเอง รู้อยู่ว่าขณะนี้จิตไม่คิดไม่ปรุง จิตไม่คิดอยากจะไปโน่นมานี่ จิตสงบอยู่ จิตอยู่เฉยๆ 

อันนี้แหละเป็นความอัศจรรย์ใจเป็นความสุขที่ผู้ใดเมื่อได้สัมผัสกับความสุขแบบนี้แล้ว จะยินดีที่จะสละความสุขต่างๆ ที่เคยมีมาก่อน เคยมีความสุขอยู่กับการอยู่บ้านใหญ่โต อยู่ในพระราชวัง มีบริษัทบริวาร มีข้าวของเงินทองต่างๆ ที่จับจ่ายใช้สอยเหลือเฟือ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้มีความหมายกับจิตดวงนั้นอีกต่อไป จิตดวงนั้นจะพยายามแสวงหาแต่ที่สงบ ที่วิเวก ที่สงัด พยายามหลบหลีกคน เมื่อก่อนนี้เป็นคนที่ชอบสังคม เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นคนเบื่อสังคม ไม่อยากจะพูดคุย ไม่อยากจะเจอใคร เพราะเสียเวลา พูดไปมันก็เท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์อะไร ไม่เหมือนกับหลบไปอยู่ตามลำพังที่ไหนเงียบๆ นั่งกำหนดจิต นั่งดูลมหายใจเข้าออก ไม่ให้จิตไปคิด ไปปรุง แล้วจิตก็รวมลงเป็นสมาธิ อันนั้นแหละเป็นความสุขที่แท้จริง

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี (เพจ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต)

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : สวดมนต์ทุกวัน ท่านจะมีความสุข โดยพระราชปริชา ญาณมุนี

Posted on December 5, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/696102

ธรรมะวันอาทิตย์ : สวดมนต์ทุกวัน ท่านจะมีความสุข โดยพระราชปริชา ญาณมุนี

ธรรมะวันอาทิตย์ : สวดมนต์ทุกวัน ท่านจะมีความสุข โดยพระราชปริชา ญาณมุนี

วันอาทิตย์ ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 13.17 น.

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคทม 2565 วัดบ่อชะเนง อยู่ห่างจากตัวอำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ ทางทิศใต้ ประมาณ 15 กิโลเมตร ถนนสายหัวตะพาน – บ้านขมิ้น อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี เป็นวัดสังกัดมหานิกาย โดยมีพระราชปรีชาญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดบ่อชะเนงและเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ มีพระสงฆ์ จำนวน 12 รูป และสามเณร 45 รูป (บวชเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดบ่อชะเนง) แม่ชีไม่มี มรรคนายก 4 คน บนเนื้อที่ 40 ไร่ ปกคลุมไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ เงียบ สงบ ร่มรื่น เหมาะสำหรับ ผู้ที่จะเข้าไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิยิ่งนัก 

นอกจากนี้ ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่คู่วัดบ่อชะเนง มาช้านาน ซึ่งพุทธศาสนิกชน ญาติโยม เดินทางเข้าไปกราบนมัสการขอพรเป็นประจำ นั่นก็คือ รูปเหมือน หลวงปู่ขาว อนาลโย ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในวิหาร และพระพุทธรูปอีกจำนวนหนึ่ง  

สำหรับประวัติ หลวงปู่ขาว อนาลโย ซึ่งเขียนระบุไว้ ที่กำแพงปูชีเมนต์ ด้านข้างวิหาร ว่า หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู นามเดิม ขาว โคระถา เกิดเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2431 ที่บ้านบ่อชะเนง ต.หนองแก้ว อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ บิดา ชื่อ พั่ว มารดาชื่อ รอด อาชีพทำนา มีพี่น้อง 7 คน หลวงปู่ขาว คนที่ 4 และหลวงปู่ขาวแต่งงานมีธิดา 7 คน การครองเรือนไม่ราบรื่น เพราะภรรยา ไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม เป็นเหตุให้หลวงปู่ขาว เกิดความสลดสังเวช เบื่อหน่ายในชีวิตของการครองเรือน จึงได้ตัดสินใจบวชอย่างสง่างาม ที่วัดบ่อชะเนง

สมัยนั้นเรียกว่า วัดโพธิ์ศรี ในปี พ.ศ.2462 อยู่จำพรรษา 6 พรรษา จึงได้ออกเดินธุดงคกรรมไปที่วัดพระธาตุพนม ลุถึง อุดร หนองคาย ได้พบศึกษา อบรม ปฏิบัติธรรม กับ หลวงปู่มั่น ภูริทตโต ที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เมื่อหลวงปู่มั่น อยู่ที่ เชียงใหม่ หลวงปู่ข่าว จึงเดินธุดงคกรรมฐานไปด้วย พักจำพรรษา ตามป่าภูเขาลำเนาไพร ผจญสัตว์ป่า มีช้างใหญ่ เสือโคร่ง เป็นต้น 

แต่หลวงปู่ขาว ไม่ท้อถอย ปฏิบัติธรรมตามปกติ ได้ศึกษาข้ออรรถธรรมกับหลวงปู่มั่นอยู่บ่อยๆ จนภูมิธรรมเต็มจิตใจหมดความสงสัยในธรรมอย่างสิ้นเชิง จึงได้อนุสรณ์ย้อนกลับถิ่นปิตุภูมิมาตุภูมิ เพื่อโปรดญาติโยมและจำพรรษาในอุโบสถวัดบ้านเก่าบ่อ ต.หนองแก้ว อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ ห่างจากวัดบ่อชะเนง ประมาณ 2 กิโลเมตร หลวงปู่ขาว จึงกลับ สกลนคร ในปี พ.ศ.2501หลวงปู่ขาว ท่านได้วิเวกไปตามลำดับ จนถึง วัดถ้ำกลองเพล ท่านเห็นว่า เหมาะสมแก่อัธยาศัย จึงพักประจำอยู่ที่นี่ จนถึงสาระสุดท้าย ของชีวิตท่าน ซึ่งมรณภาพ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 สิริรวมอายุได้ 96 ปี 64 พรรษา  

ขณะที่ หลวงปู่ขาว อนาลโย บวชและจำพรรษา อยู่ที่วัดบ่อชะเนง ปี พ.ศ.2462 – 2468 พร้อมด้วย ญาติโยม ชาวบ้าน ได้ทำการก่อสร้างเป็นลักษณะ ก่อด้วยอิฐฉาบดินเหนียว สูตรผสมตามภูมิปัญญาชาวบ้าน หลังคามุงด้วยกระเบื้อง ดินเผา ให้เป็นที่ทำ สังฆกรรมของสงฆ์ จนกลายเป็นอุโบสถหลังใหม่ ปี พ.ศ. 2530 จึงเปลี่ยนเป็น’วิหารหลวงปู่ขาว’ในปัจจุบัน ตั้งอยู่ใกล้กับ อุโบสถ ภายในประดิษฐาน มณฑป บรรรจุ พระบรมสารีรึกธาตุ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้านซ้าย องค์พระประธาน ซึ่งพุทธสนิกชน เดินทางเข้ามากราบนมัสการเป็นประจำ 

ก่อนเดินทางกลับ ควรแวะฟังพระธรรมเทศนา กับ พระราชปริชาญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดบ่อชะเนงและเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ   ซึ่งท่านเทศนาตอนหนึ่งว่า คนที่มาวัดจะมาทำบุญ ฟังธรรมะ คือ ความสุข และมีจำนวนไม่น้อย ที่มาวัด เพราะมีทุกข์ มีทุกข์ 5 ประเภท คือ 1. ครอบครัวไม่มีความสุข ครอบครัวทะเลาะกัน 2. ผิดหวังในชีวิต 3.ลูกไม่เรียนหนังสือ เถียงพ่อ เถียงแม่ 4. เศรษฐกิจไม่พอปากพอท้อง และ 5 มีแล้วไม่พอ

ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า หน้าที่ทางพระพุทธศาสนาที่เราเป็นชาวพุทธ มี 2 ประการ คือ 1. คันถธุระ ภาคทฤษฎีต้องบังคับให้เรียน และ 2. วิปัสสนาธุระ เรียนภาคทฤษฎี ต้องฝึกภาคปฏิบัติด้วย มีเท่านี้เอง อย่าไปลามปามเครื่องรางของขลังเป็นเพียงที่ระลึกในการสร้างความดีในจิตใจ มีพระประจำกายแล้วก็มีพระประจำใจ มีทั้งนอกทั้งใน จะมีประโยชน์มาก ที่สำคัญ ญาติโยมทั้งหลาย ควรปฏิบัติตามศีล 5 ข้อให้ได้ ซึ่งว่าไว้ คือ 1. ห้ามฆ่าสัตว์ 2.ห้ามลักทรัพย์ 3. ห้ามดื่มสุรา 4 ห้ามพูดเท็จและ 5 ห้ามผิดในกาม

หากทุกคนทำได้ก็จะมีแต่ความสงบสุข อาตมาขอเชิญชวนทุกท่านสวดมนต์ทุกวัน อย่างคำที่ว่า ไหว้พระเป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน ทั้งกินทั้งทา ท่านจะมีความสุขสบายมากมายหลายประการ มีความสุขถึงลูกถึงหลานของท่านทั้งหลาย.012

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

เกิดมาเป็นมนุษย์ได้มาเจอพระพุทธศาสนาก็เป็นบุญเป็นวาสนาของพวกเรา

Posted on December 2, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/695646

เกิดมาเป็นมนุษย์ได้มาเจอพระพุทธศาสนาก็เป็นบุญเป็นวาสนาของพวกเรา

เกิดมาเป็นมนุษย์ได้มาเจอพระพุทธศาสนาก็เป็นบุญเป็นวาสนาของพวกเรา

วันพฤหัสบดี ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 19.18 น.

ท่านได้มาวัดเพื่อปฏิบัติภารกิจปฏิบัติหน้าที่ของมนุษย์ เพราะมนุษย์เรานี้เป็นภพชาติเดียว ในบรรดาภพชาติทั้งหมดที่สามารถจะสร้างบุญสร้างกุศลเพื่อนำมาปลดเปลื้องการถูกจองจำอยู่ในคุก แห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้ ไม่มีภพอื่นชาติอื่นที่จะสามารถปลดเปลื้องตนเองให้หลุดพ้น จากการถูกจองจำอยู่ในวัฏฏสงสารแห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้ มีภพของมนุษย์เท่านั้น และเป้าหมายของพวกเราทุกคน เราจะรู้หรือไม่ก็ตามก็คือการหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายนั่นเอง เพราะไม่มีใครปรารถนาความทุกข์กัน ทุกคนปรารถนาความสุข และไม่มีที่ไหนภพไหนจะเหมาะอย่างยิ่ง ต่อการบำเพ็ญเพื่อให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้นอกจากภพของมนุษย์นี้เท่านั้น 

เพราะภพของมนุษย์นี้เป็นเหมือนกับที่เติมเสบียง ที่เติมอาหาร ที่เติมน้ำมันเติมน้ำในขณะที่เราเดินทางไกล เช่น เราขับรถ รถก็ต้องแวะจอดตามสถานีบริการต่างๆ เพื่อเติมน้ำมัน เติมน้ำ เติมลม คนขับก็ต้องเติมอาหาร เข้าห้องน้ำห้องท่า ฉันใดภพของมนุษย์นี้ก็เป็นอย่างนั้นสำหรับจิตใจ จิตใจของพวกเรานี้เป็นจิตใจ ที่เดินทางอยู่ตลอดเวลาหาจุดหมายปลายทางไม่เจอ เพราะเราไม่รู้ว่า ทางที่จะพาให้เราไปสู่การสิ้นสุด แห่งการเวียนว่ายตายเกิด สิ้นสุดแห่งความทุกข์ทั้งหลายนั้นไปทางไหน

ถ้าเราได้มาเกิดมาเป็นมนุษย์และได้มาเจอพระพุทธศาสนาก็ถือว่าเป็นบุญเป็นวาสนาของพวกเรา เพราะพระพุทธศาสนาเป็นเหมือนกับแผนที่บอกทางที่จะพาให้เราไปสู่การสิ้นสุดแห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้ เมื่อเราได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วได้มาพบพระพุทธศาสนาจึงเป็นโอกาสที่ดีเลิศที่สุดเท่าที่จะสามารถหาได้

เพราะถ้าไม่ได้เป็นมนุษย์ เช่นมาเกิดในโลกนี้แล้วเป็นเดรัจฉาน เป็นสุนัข เป็นแมว ถึงแม้จะมาอยู่ในวัด ก็ไม่ได้รับประโยชน์จากพระพุทธศาสนาเพราะไม่สามารถศึกษาและปฏิบัติพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ ต้องเป็นมนุษย์เท่านั้นที่จะมีสติปัญญาความรู้ความสามารถ พอที่จะศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมคำสอน ของพระพุทธเจ้าได้ 

ดังนั้น เมื่อเราได้มาพบพระพุทธศาสนาได้เป็นมนุษย์จึงถือว่าเราได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นต่อการปลดเปลื้องให้ เราหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ อยู่ที่เราว่าเราจะมีศรัทธาเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนหรือไม่ อยู่ที่ว่าเราจะน้อมเอามาปฏิบัติหรือไม่ ถ้าเรามีความเชื่อและน้อมเอามาปฏิบัติ ก็เท่ากับการได้เติมเสบียงเติมน้ำ มันเติมน้ำให้กับรถของเราและเปิดแผนที่ดูว่าทิศทางที่เราจะต้องไปนั้นอยู่ในทิศทางใด

และเมื่อเราขับรถหรือเดินทางไปตามแผนที่ไม่ช้าก็เร็วเราก็จะได้ไปถึงจุดหมายปลายทางที่พระพุทธเจ้าและ พระอรหันต์ทั้งหลายได้ไปถึง พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายก็ไม่ได้เป็นผู้วิเศษมาจากที่ไหน ก่อนที่ท่านจะเป็นพระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ท่านก็เป็นมนุษย์เหมือนพวกเรานี่แหละ แต่อาศัยว่าท่านมีศรัทธาความเชื่อในบุญในกุศล ในการปฏิบัติเพื่อที่จะทำให้จิตใจของท่าน หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด

ท่านจึงทุ่มเทเวลาชีวิตจิตใจกับการสร้างบุญสร้างกุศล กับการศึกษาหาทางที่จะทำให้ตนหลุดพ้น จากการเวียนว่ายตายเกิดไปได้ บุคคลที่ต้องใช้ความพยายามมากที่สุดก็คือพระพุทธเจ้าหรือที่เราเรียกว่า ก่อนที่จะเป็นพระพุทธเจ้าเราเรียกท่านว่าพระโพธิสัตว์ เพราะพระโพธิสัตว์นี้ไม่มีผู้ใดชี้ทางไม่มีแผนที่ ท่านต้องศึกษาทดลองเอาเองว่าไปทางไหนถึงจะพาให้ไปถึงจุดหมายปลายทางได้

ท่านจึงต้องเสียเวลามากต่อการทดลอง แต่สำหรับพวกเราหลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ ได้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดแล้วท่านก็นำเอาทางที่ท่านรู้นี้มาสั่งสอนพวกเรา พวกเราจึงไม่ต้องเสียเวลาไปทดลอง เพียงแต่เราปฏิบัติตามเราก็จะสามารถบรรลุถึงเป้าหมาย ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงบรรลุถึงไปได้ง่ายดายกว่าพระพุทธเจ้าเป็นหลายร้อยเท่าหลายพันเท่าด้วยกัน

ดังนั้น เราจึงต้องอย่าไปคิดว่าเราไม่มีบุญไม่มีวาสนา เพราะถ้าเราไม่มีบุญไม่มีวาสนาเราจะไม่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ เราจะไม่ได้มาพบกับพระพุทธศาสนาและจะไม่มีจิตใจใฝ่บุญใฝ่กุศลมาวัดมาทำบุญมารักษาศีลมาฟังเทศน์ฟังธรรมมาปฏิบัติธรรม สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นจากบุญวาสนาบารมีที่เราได้บำเพ็ญกันมาในภพชาติต่างๆในอดีต จนส่งผลให้เราได้เข้ามาสู่พระพุทธศาสนา

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ (เพจ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) – 003

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

‘การปฏิบัติบูชา’ เป็นการบูชาที่แท้จริง

Posted on December 1, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/695395

'การปฏิบัติบูชา' เป็นการบูชาที่แท้จริง

‘การปฏิบัติบูชา’ เป็นการบูชาที่แท้จริง

วันพุธ ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 18.49 น.

” การไปหรือไม่ไปงานศพของครูบาอาจารย์นี้ ความจริงก็ทำได้ทั้ง ๒ อย่าง ไปก็ได้ ไม่ไปก็ได้ ถ้าเข้าใจว่าไม่ไปเพราะอะไร จะไม่ไปก็ได้ เพราะสามารถบูชาท่านได้ที่นี่ ไม่ต้องไปที่หน้าศพของท่าน การบูชานี้ท่านก็ได้สอนอยู่แล้วว่า การปฏิบัติบูชาเป็นการบูชาที่แท้จริง 

ถ้าเราปฏิบัติตามที่ท่านสอนให้เราปฏิบัติ คือทำบุญให้ทาน รักษาศีล ภาวนา ก็ถือว่าได้บูชาพระพุทธเจ้าพระธรรมพระสงฆ์แล้ว เป็นการบูชาที่แท้จริง คือปฏิบัติบูชา จะบูชาต่อหน้าท่านก็ได้ บูชาข้างหลังก็ได้ อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า ถึงแม้จะได้เกาะชายผ้าเหลือง ถ้าไม่ได้ปฏิบัติ ก็ยังอยู่ห่างไกลจากพระพุทธเจ้าเป็นโยชน์ 

ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากพระพุทธเจ้าเป็นโยชน์ ถ้าได้ปฏิบัติ ก็ถือว่าได้เกาะชายผ้าเหลือง ได้อยู่ใกล้พระพุทธเจ้าแล้ว เพราะผู้ปฏิบัติจะเป็นผู้เห็นธรรม ผู้บรรลุธรรม ถ้าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผลก็คือดวงตาเห็นธรรมก็จะปรากฏขึ้นมา 

เมื่อเห็นธรรมก็จะเห็นตถาคต ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต ผู้ใดเห็นตถาคตผู้นั้นเห็นธรรม ก็คือผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นผู้ที่บูชาที่แท้จริง ข้อสำคัญอยู่ตรงนี้ อยู่ที่การปฏิบัติบูชา พอเราได้ศึกษาได้ยินได้ฟังพระธรรมคำสอน ไม่ว่าจะจากพระพุทธเจ้าเอง หรือจากพระอริยสงฆ์สาวก แล้วนำมาปฏิบัติ เราก็ได้บูชาอย่างแท้จริง 

พระพุทธเจ้าก็ดี พระอริยสงฆ์ก็ดี ท่านสละเวลาอบรมสั่งสอนพวกเรา ก็เพื่อให้พวกเราได้มี ดวงตาเห็นธรรม ได้บรรลุธรรม ได้หลุดพ้นจากความทุกข์กัน เป็นเป้าหมายของการสั่งสอนของครูบาอาจารย์ ตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมาจนถึงครูบาอาจารย์ในสมัยปัจจุบันนี้ 

ท่านไม่ปรารถนาอะไรจากเรา ยิ่งกว่าการที่จะเห็นพวกเราได้บรรลุธรรม ได้หลุดพ้นจากความทุกข์กัน เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของชีวิตเราของใจเรา “

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๓ (เพจ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) 

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

‘หลวงปู่บุญกู้’ พระสุปฏิปันโน ผู้ทิ้งรอยธรรมให้เดินตาม

Posted on November 29, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/694910

'หลวงปู่บุญกู้' พระสุปฏิปันโน ผู้ทิ้งรอยธรรมให้เดินตาม

‘หลวงปู่บุญกู้’ พระสุปฏิปันโน ผู้ทิ้งรอยธรรมให้เดินตาม

วันจันทร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 19.34 น.

ท่านเจ้าคุณพระราชมงคลวชิรานุวัฒน์ หรือ หลวงปู่บุญกู้ อนุวฑฺฒโน อดีตประธานสงฆ์วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ ได้ละสังขารเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 เวลา 05.59 น. ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สิริรวมอายุ 93 ปี 63 พรรษา นับเป็นพระสุปฏิปันโนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีราตรีนาน คือ เป็นผู้มีอายุยืน และ มีการพระราชทานเพลิงสรีระสังขารของท่านเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 มีพระบัญชาให้เจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนีเสด็จแทนพระองค์ในการประกอบพระราชพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขารองค์หลวงปู่บุญกู้ 

สำหรับในงานมีองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ฯทั่วสารทิศเดินทางมาร่วมงาน รวมทั้งศิษยานุศิษย์และสาธุชนทั้งในประเทศและต่างประเทศเดินทางมาร่วมงานนี้ โดยนายสมมาท วงษ์บุญรอด ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า หลวงปู่บุญกู้เป็นครูบาอาจารย์ที่ญาติโยมศรัทธาอย่างมาก ด้วยข้อวัตรปฏิปทาอันงดงาม และ ความมีเมตตากับพุทธศาสนิกชนในทุกโอกาส เพราะเป็นหนึ่งในผู้ที่เติบโตมากับวัดอโศการามซึ่งมีโอกาสสัมผัสข้อวัตรปฏิบัติขององค์พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ 

รวมทั้งในงานยังมีการแจกหนังสือ “ประวัติ ลิขิตธรรม อมตพจน์ และปฏิปทา” พระราชมงคลวชิรานุวัฒน์ (บุญกู้ อนุวฑฺฒโน) วัดอโศการาม ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ให้กับสาธุชนที่เดินทางมาร่วมงาน

พระพรหมมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม และ เจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุ (บางเขน) ได้เขียนคติธรรมอนุสรณ์ โดยมีใจความที่สำคัญดังต่อไปนี้ “ท่านเจ้าคุณพระราชมงคลวชิรานุวัฒน์(หลวงปู่บุญกู้ อนุวฑฺฒโน) อดีตประธานสงฆ์ วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ ผู้สืบทอดมรดกธรรมของท่านพ่อลี ธัมมธโร แห่งวัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ เป็นพระเถระที่ตั้งมั่นอยู่ในพระรัตนตรัย ดำรงอยุ่ในสมณเพศ ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดมาตลอดชีวิต จึงนับได้ว่าท่านเป็น สุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดี อุชุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติตรง ญายปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติธรรม และ สามีจิปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติสมควร สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง รวมทั้งยังให้การอบรมสั่งสอนพุทธบริษัทให้ประพฤติปฏิบัติสมาธิภาวนา มาตลอดเวลา” 

ส่วนพระครูปลัดสุวัฒนญาณคุณ หรือ หลวงปู่สามเรือน ปุญฺเญสโก เจ้าอาวาส วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ เขียนเป็นสัจธรรมไว้ว่า ตายเน่า ตายเหม็น ตายเล่นๆ ไม่ใช่ตายจริงๆ ต้องกลับมาเกิดอีก เพราะยังมีกิเลส ไม่พ้นจากทุกข์ ตายจริงๆ ต้องตายหมดกิเลส เข้าสู่พระนิพพาน ไม่กลับมาเกิดอีก จึงหมดจากทุกข์ 

ส่วนพระอาจารย์มหาธีรนาถ อคฺคธีโร เจ้าอาวาส วัดป่าภูผาสูง ได้นำต้นฉบับลายมือของพระอาจารย์สุดใจ ทนฺตมโน อดีตเจ้าอาวาส วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ได้เขียนถึงองค์หลวงปู่บุญกู้ว่า “ท่านอาจารย์ใหญ่ (หลวงตามหาบัว) ได้พูดถึงท่านอาจารย์อยู่บ้างเหมือนกัน คืนวันหนึ่งหลังเลิกประชุมก็จับเส้นท่านอาจารย์ (หลวงตา) กัน ท่านอาจารย์ใหญ่ได้ปรารถถึงท่านอาจารย์ว่า เคยไปฉันอาหารที่บ้านท่านอาจารย์ซึ่งอยู่ในสวนและบอกว่า อาจารย์บุญกู้นั้น ทำตัวอยู่ในความสงบดี ผมได้ฟังแล้วก็อดปลื้มใจเสียไม่ได้ คอยโอกาสที่จะหาเล่าให้หมู่เพื่อนฟังเสมอในความดีอันนี้ เพราะปกติท่านอาจารย์ใหญ่ไม่ค่อยชมใครง่ายๆ” 

หลวงปู่บุญกู้นั้นก่อนที่จะเข้าสู่เส้นทางร่มกาสาวพัสตร์ ครอบครัวท่านนามสกุลเดิมคือ “น้อยวัฒน์” จัดว่าเป็นหนึ่งในตระกูลคหบดีตระกูลหนึ่งในย่านฝั่งธนบุรี โดยบิดาชื่อพ่อกิม และ มารดาชื่อบุญเลื่อน น้อยวัฒน์ ซึ่งบิดาของท่านนั้นมีความชำนาญในการทำทองรูปพรรณและต่อมาตั้งร้านขายทองอยู่บริเวณสำราญราษฎร์ จังหวัดพระนคร โดยร้านทองของบิดาท่านได้รับความไว้วางใจจากคหบดีและเจ้านายในราชวงศ์ โดยมีโอกาสรับใช้ทำทองรูปพรรณถวายให้เจ้านายหลายพระองค์ 

หลวงปู่บุญกู้ได้ลิขิตประวัติของท่านเองมีใจความตอนหนึ่งว่า เมื่อเราอายุได้ 2 ขวบ สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ประทานชื่อให้ว่า “บุญกู้” (ตามสำเนาที่แสดงไว้) ทำให้ครอบครัวของเราปลื้มปีติเป็นยิ่งนัก 

สำหรับการศึกษาในวัยเริ่มต้น หลวงปู่บุญกู้ลิขิตไว้ว่า “ตอนเป็นเด็กเล็กเริ่มเข้าเรียนระดับอนุบาลที่โรงเรียนรัตนพลศึกษา ตั้งอยู่ถนนลาดหญ้า ใกล้วงเวียนใหญ่ ครูใหญ่เป็นสตรี ชื่อ ครูจาด ตอนไปโรงเรียนใหม่ๆ โยมแม่ต้องอุ้มไปส่ง บางครั้งก็มีญาติๆให้ขี่คอพาไปส่งโรงเรียนและรับกลับบ้าน เราเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนสุวรรณอุบาสิการาม ตั้งอยู่ตรงถนนเจริญนคร ไม่ไกลจากอำเภอคลองสานมากนัก (สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงเห็นว่า ชื่อวัดยาวเกินไป จึงให้ชื่อว่า “วัดสุวรรณ” และใช้ชื่อนี้มาจนปัจจุบัน) โรงเรียนวัดสุวรรณนี้ มีครูใหญ่ชื่อ ครูเขียว ครูประจำชั้นชื่อ ครูบัว สาเหตุที่เรายังจำชื่อครูได้เพราะบ้านอยู่ใกล้กันกับบ้านครู 

ส่วนการศึกษาระดับมัธยม เมื่อจบการศึกษาระดับประถมแล้ว (ในสมัยนั้นมีเพียงประถม 4) โยมพ่อได้นำท่านไปฝากเข้าเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ตั้งอยู่ถนนเจริญกรุง ใกล้ถนนสีลม ซึ่งเป็นโรงเรียนของบาทหลวงชาวยุโรป มี บราเดอร์ฮีแลร์ บราเดอร์ไมเคิล เป็นผู้อำนวยการและครูใหญ่ ปรากฏว่าความรู้ภาษาอังกฤษของหลวงพ่อยังไม่ได้มาตรฐานของโรงเรียน จึงต้องเรียนชั้นพิเศษ ที่เรียกว่าชั้น ENGLISH  PREPARATORY อีก 1 ปี เพื่อปรับปรุงภาษาอังกฤษให้ดีขึ้น แล้วเรียนชั้นมัธยมปีที่ 1 ได้เลขประจำตัวนักเรียน 11567 มีอาจารย์คนไทยชื่อมาสเตอร์เฉลิมวงศ์ และ มาสเตอร์บรรณา เป็นครูผู้ปกครอง มีครูที่เคยเป็นครูประจำชั้นชื่อ มาสเตอร์ซีมอนเช็ง มาสเตอร์เตรียม มาสเตอร์มานิต เป็นต้น 

ในปี พ.ศ.2495 หลวงปู่บุญกู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง โดยสมัครเข้ารับราชการสังกัดกองคลัง กรมตำรวจ และ ต่อมาได้รับเลื่อนยศเป็นว่าที่ร้อยตำรวจตรี จึงมีความคิดที่จะบวชเพื่อทดแทนคุณมารดาบิดา เมื่อไปทำพิธีขอขมาเพื่อลาบวชกับ พ.ต.อ.สังข์ เผ่าพิมพา ท่านแนะนำให้ไปบวชกับ “พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์” (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) แห่งวัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นอาจารย์ของท่านโดยท่านให้เหตุผลว่า “จะบวชทั้งที ควรไปบวชอยู่กับพระอาจารย์ที่มีการอบรมสมาธิภาวนา” 

หลวงปู่บุญกู้ลิขิตไว้ว่า “ท่านพ่อลีสอนนาคบุญกู้” ไว้ดังนี้ “เมื่อได้รับคำแนะนำจาก พ.ต.อ.สังข์ เผ่าพิมพา เช่นนั้น เราจึงตัดสินใจเดินทางไปยังวัดอโศการามทันที เพื่อไปดูสถานที่และเข้ากราบคารวะมอบกายถวายตัวเป็นนาคต่อพระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) และในครั้งนั้นได้มีโอกาสรับฟังโอวาทธรรมคำสั่งสอนจากองค์ท่าน ยิ่งก่อให้เกิดความปีติลึกซึ้งในรสพระธรรมคำสอน จิตละเอียดอ่อนเกิดศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อพระพุทธศาสนา ใจความโดยย่อที่ท่านพ่อลีเมตตาอบรมสั่งสอนเป็นเบื้องต้นดังนี้ 

“เมื่อเธอย่างก้าวเข้ามาอยู่วัดเพื่อเป็นนาค ให้รู้การกราบไหว้พระที่ถูกต้องเสียก่อน อัญชลี! วัทนา! อภิวาท!…”  ครั้งแรกกราบพระพุทธเจ้า ไม่ใช่กราบพระพุทธรูปธรรมดา กราบไปถึงพระพุทธเจ้า โน้น! พระธรรมไม่ได้กราบที่พระคัมภีร์ กราบพระสงฆ์ไม่ได้กราบลูกชาวบ้านที่ออกบวช 

กราบพระพุทธ เปรียบประดุจพระทองคำ กราบพระธรรม อย่าคลำแค่ใบลาน กราบพระสงฆ์ อย่าหลงแค่ลูกชาวบ้าน  

ประวัติของ“ท่านเจ้าคุณพระราชมงคลวชิรานุวัฒน์(หลวงปู่บุญกู้ อนุวฑฺฒโน) อดีตประธานสงฆ์ วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ ยังมีเนื้อหาน่าติดตามอีกมาก เพราะเมื่อเข้ามาอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์แล้ว เส้นทางธรรมของหลวงปู่บุญกู้งดงามอย่างยิ่งทั้งในฐานะตำแหน่งพระเลขานุการองค์ท่านพ่อลี และความเป็นหนึ่งในพ่อแม่ครูอาจารย์ที่มีข้อวัตรปฏิปทาตามแนวทางขององค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่ด้านวิปัสสนากัมมัฎฐาน

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

ธรรมะวันอาทิตย์ : นมัสการพระบรมสารีริกธาตุองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้อยู่เย็นเป็นสุข

Posted on November 28, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/694693

ธรรมะวันอาทิตย์ : นมัสการพระบรมสารีริกธาตุองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้อยู่เย็นเป็นสุข

ธรรมะวันอาทิตย์ : นมัสการพระบรมสารีริกธาตุองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้อยู่เย็นเป็นสุข

วันอาทิตย์ ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 16.14 น.

จากตัวเมืองอำนาจเจริญ ด้านทิศเหนือ ไปตามถนนชยางกูร (อำนาจเจริญ – มุกดาหาร) สายหลัก ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งวัดป่าธรรมรังสี ต.ไร่สีสุก อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ เหมาะสำหรับผู้แสวงหาความเงียบสงบสุข ต้องการปลีกวิเวก ปฏิบัติธรรม ถือศีล ภาวนา สมาธิเพราะปกคลุมไปด้วยต้นไม้หลากหลายพันธุ์ยืนต้นขึ้นอยู่ทั่วบริเวณบนเนื้อที่จำนวน 47 ไร่ ประกอบด้วย กุฎิ ศาลาการเปรียญ อุโบสถ เป็นต้น 

สำหรับเจดีย์สิทธิธรรมรังสี บรรจุพระบรมสารีริกธาตุองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งอยู่ใกล้กับอุโบสถที่ความสูง 15 เมตร ฐานกว้าง 9 เมตร ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2520 เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพุทธศาสนิกชน เดินทางเข้ามากราบไหว้บูชา ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นมงคลชีวิตอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ไม่ไกลทางเข้าวัดมากนัก จะพบเห็น ศาลาไม้ทรงไทย ประดิษฐาน หุ่นขี้ผึ้ง หลวงพ่อลี ธรรมสาโร ซึ่งหลวงพ่อลี ธรรมสาโร ได้บูรณะวัดป่าธรรมรังสีแห่งนี้อยู่หลายปี 

ส่วน หลวงพ่อเศียร ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปครึ่งองค์ หรือ พระเศียรจำลอง ว่ากันว่า พระเศียรองค์จริง ขุดขึ้นมาจากใต้ดิน ขณะที่รถแมคโค ปรับพื้นที่บริเวณวัด ขุดพบเศียรพระซึ่งอยู่ใต้ดิน จึงทำพิธีอัญเชิญขึ้นมา 3 วัน สามารถนำขึ้นมาได้ จากนั้น หลวงพ่อลี ธรรมสาโร ได้อัญเชิญเศียรพระไปไว้ที่วัดอโศกการาม จ.สมุทรปราการ และได้ทำเศียรพระจำลอง จากองค์จริงขึ้น ซึ่งประดิษฐานภายในอุโบสถ วัดป่าธรรมรังสี อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ที่ผ่านมา เป็นที่นิยมของผู้คน เข้ามาอธิฐานขอพรเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงนี้ จะมีผู้คน เข้ามาอธิษฐานขอพร จาก หลวงพ่อเศียร มากเป็นพิเศษ เพื่อปัดเป่าปัญหาต่างๆให้ผ่านพ้นไปด้วยดี 

พระอธิการเพลิง ปกสิโร อายุ 73 ปี เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมรังสี กล่าวว่า อาตมาเป็นเหลน หลวงพ่อลี ธรรมสาโร วัดอโศกการาม จ.สมุทรปราการ เมื่อสมัยท่านยังมีชีวิตอยู่ พลวงพ่อลี ธรรมสาโร เดินธุดงค์ โปรดสัตว์ไปหลานพื้นที่ในประเทศไทย และข้ามไปประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)อยู่หลายปี จากนั้น กลับมาที่ประเทศไทย ทางภาคอีสาน กระทั่งเดินธุดงค์มาถึง บริเวณป่าใกล้กับหมู่บ้านไร่สีสุก เกิดนิมิต เหล่ารุกขเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ป่าแห่งนี้ ต้องการให้สร้างสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ ก็เลยก่อสร้างวัดธรรมรังสีขึ้น ระหว่างที่รถแมกโค ขุดปรับพื้นดิน และขุดพบ เศียรพระ

โดยใช้เวลาอัญเชิญขึ้นมา 3 วัน จึงสามารถนำขึ้นมาจากใต้ดินได้ ต่อมา ได้อันเชิญไปประดิษฐานที่วัดอโศกการาม จ.สมุทรปราการ กระทั่งปัจจุบัน และได้ทำเศียร เรียกว่า หลวงพ่อเศียร จำลอง ขึ้นมาแทนองค์เดิม โดยประดิษฐานภายในอุโบสถ วัดป่าธรรมรังสี ส่วนหลวงพ่อลี ธรรสาโร สร้างหลวงพ่อเศียรจำลองได้ไม่นาน ก็มรณภาพ ขณะมีอายุ 55 ปี 

พระอธิการ เพลิง ปกสิโร อายุ 74 ปี เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมรังสี เทศนา ให้กำลังใจ แก่ญาติโยม ที่ประสบปัญหาหลายด้านว่า ว่า ขอเป็นกำลังใจ ให้ทุกคนมีสติ ตั้งสติให้ดี จะผ่านพ้นวิกฤติต่างๆไปได้ และให้ยึด ปฏิบัติ ตามคำสอน องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรื่อง ศีล ภาวนา สมาธิ และคิดเสมอว่า การเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย ไม่มีใครหนีพ้น ไม่วันใดวันหนึ่ง จะต้องเกิดขึ้นกับทุกคน ถ้าเข้าถึงแก่นของหลักธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว จะทำให้สบายใจ คลายเครียดลงได้ในระดับหนึ่ง – 003

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, ธรรมะวันอาทิตย์, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

‘ศาสนาสอนให้เห็นความจริง’…ร่างกายของเราเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

Posted on November 26, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/694411

'ศาสนาสอนให้เห็นความจริง'...ร่างกายของเราเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

‘ศาสนาสอนให้เห็นความจริง’…ร่างกายของเราเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

วันศุกร์ ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 19.13 น.

ธรรมะที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโปรดสัตว์โลก เช่น สติปัฏฐาน ๔ ขันธ์ ๕ สมุทัย เป็นธรรมที่เชื่อมโยงกัน เกี่ยวเนื่องกัน อยู่ในพระอริยสัจ ๔ อย่างขันธ์ ๕ ก็คือกายกับใจ รูปก็คือร่างกาย ส่วนเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็เป็นอาการของใจ เมื่อมีอวิชชาจิตก็เข้าไปยึดติดกับขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา เป็นของเรา แต่ความจริงมันไม่ใช่ มันไม่ได้เป็นของใคร มันเป็นของมันอยู่อย่างนี้มาแต่ดั้งเดิม มีอยู่อย่างนี้ เป็นอยู่อย่างนี้ เหมือนกับโลกนี้ มีอยู่อย่างนี้มาแต่ดั้งเดิม แต่พอเรามาเกิดในโลกนี้ เราก็มาครอบครองมายึด ว่าโลกนี้เป็นของๆ เรา ต่างคนต่างแบกเอาที่ดินกันคนละผืน แล้วก็ต้องมาดูแลรักษา มาแก่งแย่ง มาทำสงครามกัน ก็เพราะความหลงที่ทำให้ไปยึดไปติดกับสิ่งต่างๆในโลกนี้

ขันธ์ ๕ เกิดขึ้นมาได้ก็เพราะอวิชชาเป็นตัวทำให้เกิด อวิชชา ปัจจยา สังขารา อวิชชาเป็นเหตุให้เกิดสังขาร สังขารคือความคิดปรุง พอคิดปรุงไปแล้วก็เกิดวิญญาณมารับทราบ แล้วก็ทำให้เกิดนามกับรูป นามกับรูปก็คือขันธ์ ๕ แล้วก็มีการสัมผัสของอายตนะ ตาได้เห็นรูปต่างๆ หูได้ฟังเสียงต่างๆ ก็เกิดเวทนาขึ้นมา เวลาเห็นรูปสวยก็มีความสุข เวลาเห็นรูปไม่สวยก็มีความทุกข์ แล้วก็เกิดตัณหาขึ้นมา รูปสวยงามก็อยากจะได้ เป็นกามตัณหา ไม่สวยงามก็เกิดความรังเกียจ เป็นวิภวตัณหา เป็นสมุทัยต้นเหตุของความทุกข์ ทำให้เกิดอุปาทาน ทำให้เกิดภพเกิดชาติ เกิดแก่เจ็บตาย 

นี่คือวัฎจักรของการเวียนว่ายตายเกิด เริ่มต้นที่อวิชชาในจิตของเรา ที่พวกเรามาศึกษากันนี้ ก็เพื่อศึกษาให้เข้าใจถึงธรรมชาติที่แท้จริง ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่อวิชชาคิด พระพุทธเจ้าทรงสอนว่าเป็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีตัว ไม่มีตน เหมือนกับต้นไม้ ต้นเสา ศาลาหลังนี้ไม่มีตัวตน แต่พอเราสร้างเสร็จเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา จิตของเราก็มาครอบครองว่านี่ศาลาของฉัน ถ้ามีใครมารื้อเราก็จะเกิดความเสียใจ เพราะมีอุปาทานยึดติดอยู่กับศาลาหลังนี้ ชอบศาลาหลังนี้ ก็อยากจะให้อยู่กับเราไปนานๆ ถ้าใครมาทำลายก็เกิดความทุกข์ เกิดความโกรธขึ้นมา เกิดการทะเลาะวิวาท ก่อกรรมก่อเวรกันไป แล้วก็ตายจากกันไป ไปเกิดชาติหน้าต่อ ก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ นี่คือเรื่องของขันธ์ ๕

เราต้องศึกษาขันธ์ ๕ ให้เห็นว่า เป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา เป็นอนิจจัง เปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ ร่างกายของเราเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราดูตัวเราตอนที่เราเป็นเด็กกับตอนนี้ เราจะเห็นว่าไม่เหมือนกัน ทั้งๆ ที่เป็นคนๆ เดียวกัน ร่างกายเดียวกัน แต่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามกาลตามเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปอยู่เรื่อยๆ เสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่ เดี๋ยวก็เก่า  ใช้ไปนานๆเข้าก็ขาด นี่คือความไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เจริญเต็มที่แล้วก็จะเริ่มเสื่อม ในที่สุดก็สลายไปหมด ร่างกายเมื่อคลอดออกมาจากท้องแม่ ก็เริ่มเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ กลายเป็นคนแก่ แล้วในที่สุดก็ตายไป นี่คือเรื่องอนิจจัง

นอกจากเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงแล้ว ก็เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตนด้วย แต่เราหลงไปยึดไปติดว่าเป็นตัวตน เมื่อเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี เราก็เสียใจ เราก็ทุกข์ เพราะไม่อยากจะให้เป็นไปในทางนั้น เราอยากจะให้ร่างกายแข็งแรง สวยงาม สดชื่น อยู่ตลอดเวลา แต่ร่างกายก็ต้องเป็นไปตามกาลตามเวลา เดี๋ยวอีกหน่อยผมก็ขาว ผมก็ร่วง หนังก็เหี่ยว ไม่มีกำลังวังชาที่จะทำอะไร เจ็บไข้ได้ป่วย ต้องนอนบนเตียง แล้วในที่สุดก็ไม่หายใจ เวลาเอาไปฝัง ก็สลายกลับไปสู่ดิน  น้ำในร่างกายก็ซึมลงไปในดิน ร่างกายนี้เมื่อพิจารณาก็จะเห็นว่าเป็นธาตุ ๔ นั่นเอง ดิน น้ำ ลม ไฟ มาทางอาหารที่เรารับประทานเข้าไป แล้วก็เปลี่ยนเป็น อาการ ๓๒ เป็นผม เป็นขน เป็นเล็บ เป็นฟัน เป็นหนัง เป็นต้น.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๘ (เพจ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) – 003

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

รำลึก 19 ปี ‘หลวงปู่พันธ์’ ละสังขาร เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำโขง เชื่ออดีตชาติเป็นลูกพญานาค

Posted on November 25, 2022 by SoClaimon
Reply

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/likesara/694256

รำลึก 19 ปี 'หลวงปู่พันธ์' ละสังขาร เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำโขง เชื่ออดีตชาติเป็นลูกพญานาค

รำลึก 19 ปี ‘หลวงปู่พันธ์’ ละสังขาร เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำโขง เชื่ออดีตชาติเป็นลูกพญานาค

วันศุกร์ ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 10.06 น.

ศิษยานุศิษย์ ประชาชนในพื้นที่นครพนมและใกล้เคียง ร่วมรำลึก 19 ปี “หลวงปู่พันธ์ละสังขาร” เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำโขง เชื่ออดีตชาติเป็นลูกพญานาค ลูกศิษย์สร้างเมรุชั่วคราวเตรียมพิธีพระราชทานเพลิงศพ

ที่วัดพระธาตุมหาชัย ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม เมื่อวันที่ 24 พ.ย.65 ที่ผ่านมา ได้มีศิษยานุศิษย์ รวมถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จ.นครพนมและใกล้เคียง ต่างเดินทางมาท่องเที่ยวทำบุญ เนื่องในโอกาสวันสำคัญ พร้อมร่วมรำลึกครบรอบ 19 ปีของการละสังขารหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัย โดยท่านได้ละสังขารไปเมื่อวันที่ 24 พ.ย.46 สิริรวมอายุ 88 ปี 71 พรรษา จากนั้นศิษยานุศิษย์ ได้นำสรีระสังขารเก็บรักษาไว้ที่ศาลาการเปรียญ วัดพระธาตุมหาชัย เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไว้ บูชาเป็นสิริมงคล ถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 19 ปี และรอประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ เพราะเชื่อว่าบารมีหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัย จะสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับวัด

ทั้งนี้ วัดธาตุมหาชัย ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม ยังเป็นที่ตั้งของ องค์พระธาตุมหาชัย ซึ่งเป็นพระธาตุประจำวันของผู้เกิดวันพุธ (กลางวัน) โดยเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2518 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อม สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนิน ทรงนำพระบรมสารีริกธาตุ มาบรรจุไว้ภายในองค์พระธาตุมหาชัยองค์เดิม และมีการปฏิสังขรณ์ต่อจากองค์เดิม ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 2495 ต่อมาเมื่อปี 2536 ได้พัฒนาสร้างองค์ใหม่ครอบองค์เดิม แล้วเสร็จเมื่อปี 2539 

ทั้งนี้ ถือเป็นความปลาบปลื้มปีติของพสกนิกรชาว จ.นครพนม ที่ได้มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จอย่างใกล้ชิด นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 10 เสด็จยกยอดฉัตรพระธาตุมหาชัย เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2539 มาถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 26 ปี ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ชาว จ.นครพนม อย่างหาที่สุดไม่ได้

ด้าน นายโชติอนันต์ แสนสุภา อายุ 65 ปี อดีตข้าราชการครู และเคยบวชเรียนเป็นลูกศิษย์หลวงปู่คำพันธ์ เล่าว่าหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัย เดิมพื้นเพเป็นชาว อ.นาแก จ.นครพนม เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ที่มีสายญาณเกี่ยวกับพญานาคมาแต่อดีต และเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ลูกศิษย์หลวงปู่เสาร์พระสายวิปัสสนา และยังได้รับฉายาว่าลูกพญานาค และมีเรื่องราวปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับหลวงปู่มาหลายครั้ง จนทำให้ศิษยานุศิษย์ มีความเชื่อศรัทธาต่อหลวงปู่ว่าเป็นลูกพญานาค อาทิ ก่อนการก่อสร้างองค์พระธาตุมหาชัย ได้เกิดเรื่องประหลาดมีงูตัว เลื้อยมาปรากฏกายช่วงการก่อสร้าง ทำให้ช่างที่ทำการก่อสร้าง ได้สอบถามหลวงปู่ จึงรู้ที่มาว่ามาแสดงปาฏิหาริย์ให้รู้ว่า มีพญานาค 5 องค์ที่จะมาปกปักษ์รักษา และให้สร้างองค์พญานาค 5 เศียร ไว้บริเวณองค์พระธาตุมหาชัย

นอกจากนี้หลวงปู่คำพันธ์ยังได้เล่าถึงเรื่องปาฏิหาริย์ว่า มีครั้งหนึ่งเคยไปธุดงค์ในพื้นที่ลุ่มน้ำก่ำ ที่รองรับน้ำมาจากหนองหาร สกลนคร ในเขตพื้นที่ อ.นาแก จ.นครพนม พอทำวัตรสวดมนต์ตามปกติ พอนั่งสมาธิได้เกิดปรากฎหญิงสาวหน้าตาดีมากราบนมัสการ สาวคนนั้นตอบหลวงปู่ว่า มาจากบาดาลอยากมาพบลวงปู่ เนื่องจากตามหามานาน หลวงปู่จึงตอบว่า ตนเป็นพระสงฆ์จะมาตามหาทำไม ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร โดยหญิงคนนั้นตอบหลวงปู่ว่าที่เมืองบาดาล มีทรัพย์สมบัติจำนวนมาก แต่ต้องการตัวหลวงปู่เป็นสามี และสาวคนนั้นจึงเข้ามาสวมกวดและปลุกปล้ำหลวงปู่ในนิมิตจนเกิดอาบัติ ทำให้หลวงปู่พยายามออกจากสมาธิ เพราะไม่มีจิตที่หวังในเรื่องลาภะ หลังออกจากญาณสมาธิจึงคิดว่า เป็นเพียงแค่นิมิต

จากนั้นกว่า 10 ปีต่อมา เกิดเรื่องเหลือเชื่อมีชายชื่อเวช อายุประมาณ 18 ปีมาตามหาหลวงปู่กระทั่งมาพบที่วัด และเล่าเรื่องราวว่าเป็นลูกชายหลวงปู่กับลูกสาวพญานาค ซึ่งถือเป็นเรื่องปาฏิหาริย์เกินที่จะอธิบาย เป็นความเชื่อความศรัทธา ซึ่งปัจจุบันชายดังกล่าวยังมีชีวิตนอยู่ เป็นชาว จ.อุบลราชธานี ถือเป็นตำนานความเชื่อเรื่องพญานาคที่เกิดเรื่องลี้ลับกับหลวงปู่ และมีตำนานเรื่องเล่าความเชื่อความศรัทธาอีกมากมาย ที่แสดงออกถึงปาฏิหาริย์ ความเชื่อพญานาคที่มีความเกี่ยวข้องกับหลวงปู่คำพันธ์ จนได้ชื่อว่าเทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำโขง

ถึงแม้หลวงปู่จะละสังขารมานานกว่า 19 ปี ยังมีประชาชนที่เคารพศรัทธา และเดินทางมากราบไหว้ขอพรไม่ขาดสาย ส่วนการประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพยังไม่มีกำหนด ด้านวัตถุมงคลส่วนใหญ่ที่มีชื่อเสียงจะเป็นวัตถุมงคลที่เป็นรูปปั้น หรือเหรียญพญานาค เชื่อกันว่ามีพุทธานุภาพในด้านเมตตามหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาดปลอดภัย – 003

Share this:

  • Click to share on Pocket (Opens in new window) Pocket
  • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
  • Click to share on X (Opens in new window) X
  • Click to share on LinkedIn (Opens in new window) LinkedIn
  • Click to share on Reddit (Opens in new window) Reddit
  • Click to email a link to a friend (Opens in new window) Email
  • Click to print (Opens in new window) Print
  • Click to share on Telegram (Opens in new window) Telegram
  • Click to share on Tumblr (Opens in new window) Tumblr
  • Click to share on WhatsApp (Opens in new window) WhatsApp
  • Click to share on Mastodon (Opens in new window) Mastodon
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window) Pinterest
Like Loading...
Posted in ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า | Tagged 2565(2022), ข่าว Like สาระ, ธรรมะ, แนวหน้า, naewna | Leave a reply

Post navigation

← Older posts
Newer posts →

BamBam Family

BamBam Family

สถิติบล็อก

  • 2,821,661 hits

Join 3,805 other subscribers
Follow SootinClaimon.Com on WordPress.com

Categories

Top Posts & Pages

เพื่อไทย เรียกร้อง กกต คุมเข้มเลือกตั้ง หลังผู้สมัคร สส แจ้งมีบุคคลใช้อำนาจข่มขู่ คุกคาม ในการหาเสียง
ย้อนรอยความกล้า 'จ่าเริง' ทหารสมัครใจลงใต้ สู่ภารกิจสุดท้ายที่ปราสาทตาควาย
คุณแหน : 20 ธันวาคม 2568
'เพื่อไทย'เปิดบ้านต้อนรับ'เทวัญ' นำทีมโคราช พร้อมลงสมัคร สส.3เขตเสริมทัพ
นายกฯเปิดอาคารที่ว่าการอำเภอบ้านลาด (หลังใหม่) จังหวัดเพชรบุรี
‘อภิสิทธิ์’ปลื้ม! คนไทยตอบรับ‘ประเทศไทยจะไม่ทน’ล้นหลาม
ศรัทธาล้นใจ ‘รุ่ง นครพนม’ สร้างรูปปั้น ‘ท้าวภังคี–นางไอ่’ ปลื้มจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่
ญี่ปุ่นทำแผนประเมินล่วงหน้า หากเกิดแผ่นดินไหวโตเกียว อาจกระทบประชาชน 8.4 ล้านติดค้างกลับบ้านไม่ได้
'อนุทิน’หนุนทหารสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ลั่นไทยไม่มีวันแพ้ ‘บิ๊กเล็ก’ย้ำเงื่อนไขหยุดยิง กัมพูชาสิ้นสุดเป็นปรปักษ์
'โอ๊ยเล่าเรื่อง' 8/10 ข้างบ้าน

Recent Posts

  • เพื่อไทยเปิดตัว รุ่งเพชร ศรีกาญจนา เสริมทัพหนองบัวลำภู หลัง’ไชยา’ลาออก
  • รวมไทยสร้างชาติ ระดมขุนพลเลือดใหม่สู้เลือกตั้ง 2569 คัดคนทำงานจริง ไม่เล่นการเมือง
  • ภูมิใจไทยบุกใต้! ‘พิพัฒน์’ เปิดตัว 2 ผู้สมัคร สุราษฎร์ฯ-นราธิวาส ปักธง 30 ที่นั่ง
  • กองทัพไทย ลั่นจะไม่หยุดโจมตี เตือนบึ้มซ้ำสะพานโอจิก ถ้ากัมพูชายังเติมกำลัง
  • คุมการรบเอง! แม่ทัพภาค 2-ผบ.กกล.สุรนารี ร่วมสั่งการเผด็จศึกเนิน 350

ป้ายกำกับ

  • 2559(2016)
  • 2564(2021)
  • entertain
  • naewna
  • The Nation
  • การเมือง
  • คมชัดลึก
  • ต่างประเทศ
  • บันเทิง
  • แนวหน้า
  • RSS - Posts
  • RSS - Comments

Archives

Follow Us

  • https://soclaimon.tumblr.com/
  • https://www.facebook.com/soclaimon
  • https://www.instagram.com/sootinclaimon/
  • https://www.facebook.com/SootinClaimon/
  • https://www.facebook.com/profile.php?id=100001170824639
  • https://www.facebook.com/pompam.pp
  • https://www.facebook.com/toraman666
  • https://www.facebook.com/apich214
  • https://www.facebook.com/samabat.klaimon
  • https://www.facebook.com/profile.php?id=100005312762480
  • https://www.facebook.com/jirasuda.manomaiyanon
  • https://www.facebook.com/eikpakkred
  • https://www.facebook.com/profile.php?id=100003091451547
Blog at WordPress.com.
  • Subscribe Subscribed
    • SootinClaimon.Com
    • Join 1,659 other subscribers
    • Already have a WordPress.com account? Log in now.
    • SootinClaimon.Com
    • Subscribe Subscribed
    • Sign up
    • Log in
    • Report this content
    • View site in Reader
    • Manage subscriptions
    • Collapse this bar
 

Loading Comments...
 

    %d