เพื่อแม้ว-ปชป.พันธมิตรจำเป็น 2คู่ปรับที่หันมาจับมือต้านนายกฯคนนอก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/233451

วันเสาร์ ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

สองพรรคใหญ่คือพรรคเพื่อแม้วกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งปกติเป็นพรรคคู่ปรับที่มีจุดยืนอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกันอย่างสิ้นเชิงชนิดไม่เผาผีและเป็นคู่แข่งตลอดกาล แต่ด้วยสถานการณ์บังคับจากการที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และคำถามพ่วงผ่านการทำประชามติจากมหาชนเสียงส่วนใหญ่อันเป็นการเปิดทางและสร้างความชอบธรรมให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จะต่ออายุอำนาจเพื่อสานภารกิจปฏิรูปประเทศให้สำเร็จในฐานะนายกฯคนนอกหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ทำให้สองพรรคใหญ่คู่ปรับต้องกลายมาเป็นพันธมิตรจำเป็นในการจับมือกันต่อต้านนายกฯคนนอก

ทั้งนี้โดยธาตุแท้และอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคเพื่อแม้วซึ่งเป็นธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอม และถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นบริษัทการเมืองจำกัดที่การบริหารพรรคขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายทุนเจ้าของบริษัทการเมืองจำกัดเพียงคนเดียวนั่นคือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก โดยที่บรรดา สส.พรรคเพื่อแม้ว มีสถานะเป็นเพียงพนักงานบริษัทที่รับท่อน้ำเลี้ยงและฟังคำสั่งจากนายใหญ่มากกว่าจะทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนอย่างแท้จริง

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เก่าที่สุดของประเทศมีอุดมการณ์ทางการเมืองอันเป็นหัวใจของพรรคที่ยึดถือมาตลอด 70 ปี ก็คือเชิดชูประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ดังนั้นตลอดช่วงที่ผ่านมา นอกจากเป็นคู่แข่งทางการเมืองแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ยามเป็นฝ่ายค้านได้แสดงบทบาทเปิดโปงการทุจริตของพรรคเพื่อแม้วอย่างดุเดือดเข้มข้นโดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว หรือแม้แต่การร่วมกับมวลมหาประชาชน กปปส.เพื่อต่อต้านรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด ที่ใช้เผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่ใช้วิธีการฉ้อฉลหักดิบผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยที่มีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งลบล้างโทษความผิดคดีทุจริตให้กับ นายทักษิณ จนกลายเป็นวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่มีมวลมหาประชาชนออกแสดงพลังครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกือบ 10 ล้านคน

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เองในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เคยถูกขบวนการระบอบแม้วอันประกอบด้วยกลุ่มคนเสื้อแดงและกองกำลังก่อการร้ายใต้ดินสร้างสถานการณ์ความรุนแรงเพื่อโค่นล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์หวังช่วงชิงอำนาจรัฐ ทั้งการก่อจลาจลทั่วกทม.และบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนและชาติมหาอำนาจคู่เจรจาที่พัทยา เมื่อปี 2552 ตามด้วยการลอบก่อวินาศกรรมและก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองในปี 2553

แม้ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อแม้วจะพยายามเดินเกมหวังอาศัยพรรคการเมืองต่างๆ รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์เป็นเครื่องมือในการต่อกรกับคสช. โดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ซึ่งมีข่าวว่า นายทักษิณ วางตัวให้เป็นทายาทผู้นำพรรคเพื่อแม้วคนต่อไปจะพยายามเสนอแนวคิดนัดหารือกับแกนนำพรรคต่างๆอ้างว่าเพื่อหาทางออกให้ประเทศ โดยมีแกนนำพรรคประชาธิปัตย์บางคนมีท่าทีคล้อยตามโดยเฉพาะ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค แต่ในที่สุด นายนิพิฏฐ์ ก็ถูก นายอภิสิทธิ์ เบรก สะท้อนให้เห็นว่าแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่รู้ทันเกมและไม่คิดจะจับมือกับพรรคเพื่อแม้ว

สำหรับพรรคเพื่อแม้วทำตัวเป็นศัตรูกับกองทัพมาตลอดเพราะกองทัพคือปราการสำคัญด่านสุดท้ายของชาติที่สามารถยับยั้งทำลายแผนการใหญ่ที่คิดผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของขบวนการระบอบแม้ว อีกทั้งรัฐบาลระบอบแม้วก็ถูกกองทัพยึดอำนาจถึงสองครั้ง จึงเป็นแค้นฝังลึก และที่สำคัญในขณะนี้ก็คือการที่คสช.กำลังเดินหน้าปฏิรูปประเทศเพื่อขจัดธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอันชั่วร้ายซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติอันจะส่งผลต่อความเสื่อมสลายของขบวนการระบอบแม้วในอนาคต

ด้วยเหตุนี้ไม่น่าแปลกใจที่ขบวนการเพื่อแม้วออกมาต่อต้านบ่อนทำลายคสช.อย่างหนักนับตั้งแต่การยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 รวมทั้งการที่บรรดาแกนนำทั้งพรรคเพื่อแม้วและกลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง ดาหน้าออกมาต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีแนวโน้มจะก้าวขึ้นเป็นนายกฯคนนอกหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าแบบสุดฤทธิ์

โดย นายจตุพร ถึงกับใช้วาทกรรมดักคอทำลายภาพพจน์ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะลงจากอำนาจแบบไม่สวยในฐานะเผด็จการทรราชสืบทอดอำนาจ ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ อดีตสส.พรรคเพื่อแม้ว และแกนนำคนเสื้อแดง ขู่ว่าปมนายกฯคนนอกอาจเป็นชนวนนำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬภาคสอง

แม้ภาพภายนอกพรรคเพื่อแม้วและพรรคประชาธิปัตย์เหมือนจะจับมือเป็นพันธมิตรกันเพื่อต้านนายกฯคนนอก แต่เชื่อว่าเมื่อถึงสถานการณ์สำคัญที่ต้องตัดสินใจ โดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นสองพรรคใหญ่อาจต้องเดินคนละเส้นทาง

เพราะพรรคประชาธิปัตย์แม้จะยึดมั่นในอุดมการณ์ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่ก็พร้อมจะยืดหยุ่นตามสถานการณ์เพื่อชาติบ้านเมือง และที่สำคัญส่วนลึกของพรรคประชาธิปัตย์ คงไม่สามารถทำลายอุดมการณ์จุดยืนทางการเมืองของตัวเองด้วยการจูบปากกับพรรคธุรกิจการเมืองทุนสามานย์เผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอันชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่นฉ้อฉลและส่อพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อระบอบการปกครองของประเทศ

จับตาเชือดนักการเมืองใหญ่ เบื้องหลังรุกภูทับเบิก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/233286

วันศุกร์ ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ขบวนการอิทธิพลที่สร้างรีสอร์ทบุกรุกภูทับเบิกจ.เพชรบูรณ์ โดยอาศัยชาวม้งเป็นเครื่องมือต้องถือว่าไม่ธรรมดาเพราะไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าท้าทายกฎหมายและอำนาจรัฐยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ด้วยการปลุกม็อบชาวม้งให้ออกมาปิดถนนและขัดขวางทุกวิถีทางไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าทำการรื้อถอนบรรดารีสอร์ทที่สร้างโดยผิดกฎหมาย และล่าสุดถึงขนาดมีโทรศัพท์ลึกลับขู่วางระเบิดฆ่าผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอหล่มเก่า รวมทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ซึ่งขบวนการท้าอำนาจรัฐพวกนี้หากไม่มีนายทุนหรือผู้มีอิทธิพลระดับบิ๊กคอยให้ท้ายหนุนหลังก็คงไม่กำเริบเหิมเกริมขนาดนี้

การบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าเพื่อสร้างเป็นรีสอร์ทบนภูทับเบิกเกิดขึ้นมานานหลายปี แต่รัฐบาลจากการเลือกตั้งในช่วงที่ผ่านมากลับปล่อยปละละเลย เช่นเดียวกับการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าบนภูหรือป่าสงวนแห่งชาติหรือครอบครองพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร(ส.ป.ก.) โดยผิดกฎหมายเป็นพื้นที่มหาศาลทั่วประเทศ ส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวข้องกับนักการเมือง ผู้มีอิทธิพลหรือบิ๊กข้าราชการทั้งสิ้น โดยมีข้าราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือรู้เห็นเป็นใจ เพราะชาวบ้านทำธรรมดาไม่มีศักยภาพและเหิมเกริมขนาดนี้แน่

ล่าสุด พ.ต.อ.สมนึก คำวิเศษ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหล่มเก่า ถูกย้ายพ้นจากพื้นที่กรณีปล่อยให้กลุ่มชาวม้งก่อม็อบปิดถนนขวางเจ้าหน้าที่ไม่ให้รื้อรีสอร์ทผิดกฎหมายบนภูทับเบิก

ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯกล่าวถึงปัญหาการบุกรุกภูทับเบิกว่า ขณะนี้รู้ชื่อหมดแล้วว่าใครเป็นใครซึ่งไม่ปล่อยไว้แน่ แต่ยังเปิดเผยไม่ได้เพราะเดี๋ยวจะหาว่าเป็นการเล่นงานฝ่ายตรงกันข้ามซึ่งก็บังเอิญเป็นฝ่ายตรงข้ามจริงๆ

“ฝ่ายตรงข้าม” ที่ รองนายกฯวิษณุอ้างถึงก็น่าจะหมายถึงนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามคสช.และรัฐบาล

เพราะฉะนั้นต้องจับตาดูปฏิบัติการเชือดตัวการใหญ่ฝ่ายตรงข้ามที่อยู่เบื้องหลังรุกภูทับเบิกหลังเสร็จสิ้นปฏิบัติการรื้อถอน ซึ่งหวังว่าคงไม่เป็นมวยล้มต้มคนดู และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างสำหรับขบวนการอิทธิพลบุกรุกทำลายป่ารายต่อๆ ไป ควรสอบสวนเอาผิดข้าราชการในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ปล่อยให้มีการรุกภูทับเบิกทั้งๆ ที่ผิดกฎหมายชัดแจ้งด้วย เพราะถ้าข้าราชการไม่รู้เห็นเป็นใจกับขบวนการผู้มีอิทธิพล การทำลายป่าบุกรุกเขาทั้งลูกไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างเด็ดขาด

ทีมข่าวการเมือง

คดีจำนำข้าวส่อเค้าทะแม่ง ทั้งดึงเกมลดมูลค่าชดใช้ทางแพ่ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/233125

วันพฤหัสบดี ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งสัญญาณที่จะปฏิรูปการเมืองให้เสร็จก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปถือเป็นงานท้าทายและจะพิสูจน์ความจริงใจของคสช.และรัฐบาลว่าจะทำได้จริงอย่างที่พูดหรือไม่แค่ไหน โดยเฉพาะการขจัดนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอันเป็นต้นเหตุสำคัญของวิกฤติชาติให้พ้นจากแวดวงการเมืองอย่างสิ้นเชิง

แม้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง จะกำหนดกรอบมาตรการทั้งสกัดกั้นป้องกันขจัดนักการเมืองเลวที่โกงบ้านกินเมืองทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้งในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นยิ่งกว่าก็คือการใช้ยาแรงที่เข้มข้นในการป้องกันและลงโทษนักธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยไม่ให้เข้าสู่แวดวงอำนาจไปตลอดชีวิตไม่รวมโทษทางอาญาและทางแพ่ง โดยกำหนดรายละเอียดอย่างชัดเจนในร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ หรือ พ.ร.บ.ประกอบด้วยการเลือกตั้ง สส. ตลอดจนการกำหนดให้คดีทุจริตไม่มีอายุความ

นอกจากนี้ต้องนำตัวนักการเมืองเลวคนสำคัญในอดีตเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อลงโทษไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ซึ่งที่ผ่านมาคสช.พยายามผลักดันคดีทุจริตสำคัญเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมน่าพอใจในระดับหนึ่ง แต่บางคดีก็ยังมีความล่าช้าโดยเฉพาะการดำเนินคดีทางแพ่งเพื่อให้นักการเมืองชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดิน อาทิ คดีโครงการรับจำนำข้าวสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งความล่าช้าอาจเป็นเพราะข้าราชการซึ่งมีหน้าที่ในการดำเนินคดีทางแพ่งเกียร์ว่างดึงเกม

การฟ้องแพ่งโครงการรับจำนำข้าวที่ส่อเค้าทะแม่งทำให้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยอภิปรายเปิดโปงและเกาะติดคดีโครงการรับจำนำข้าวแบบกัดไม่ปล่อยตั้งข้อสังเกตว่า จนล่าสุด นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ก็ยังไม่ยอมลงนามในคำสั่งฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก นายบุญทรงเตริยาภิรมย์ และพวกรวม 6 คนกรณีซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีสร้างความเสืยหายแก่รัฐเบื้องต้น 20,000 ล้านบาท

นอกจากนี้การฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงสรุปยอดความเสียหายโครงการรับจำนำข้าวที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดชอบอยู่ที่ 2.86 แสนล้านบาท แต่ล่าสุดมีข่าวว่าคณะกรรมการรับผิดทางแพ่งกลับเคาะตัวเลขความเสียหายเหลือ 1.78 แสนล้านบาท โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้เป็นมูลค่าเพียง 35,717 ล้านบาท

เพราะฉะนั้นคงต้องจับตาการฟ้องเอาผิดทางแพ่งคดีโครงการรับจำนำข้าวซึ่งจะเป็นหนึ่งในกรณีตัวอย่างที่สะท้อนว่า คสช. และรัฐบาลบิ๊กตู่เอาจริงกับการปฏิรูปการเมืองมากน้อยแค่ไหน

ทีมข่าวการเมือง

พวกหวังดีเกินเหตุหรือประสงค์ร้าย ตะแบงเชียร์บิ๊กตู่จนอาจเสียคน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/232973

วันพุธ ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ยิ่งมีคนออกมาประโคมข่าวชูก้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ให้นั่งเก้าอี้นายกฯคนนอกจนเกินพอดีมากเท่าไหร่กลับจะยิ่งเป็นผลเสียเปิดช่องให้บรรดานักเลือกตั้งได้ช่องรุมขย้ำทำลายความชอบธรรมของ “บิ๊กตู่” ดุเดือดเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น

อย่างข้อเสนอของ นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอแนวคิดยุให้ “บิ๊กตู่”ใช้แนวทาง “ป๋าเปรมโมเดล” เหมือนรัฐบาลยุคที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นนายกฯคนนอกที่ไม่สังกัดพรรคใด แต่ได้รับเชิญจากพรรคการเมืองต่างๆ จนอยู่ในอำนาจบริหารประเทศนานถึง 8 ปี

หรือกรณีที่ นายสมพงษ์ สระกวี สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)ออกมาปูดเรื่องกลุ่มนายทหารเพื่อนบิ๊กตู่เคลื่อนไหวตั้งพรรคทหารเพื่อหนุน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯคนนอกซึ่งไม่รู้ว่าหวังดีหรือประสงค์ร้าย แต่ที่แน่ๆ ทำให้ “บิ๊กตู่”ตกเป็นเป้าถูกถล่มโดยขบวนการเพื่อแม้ว ว่ากำลังจะเดินตามรอยพรรคสามัคคีธรรมยุครสช.ที่มีการสืบทอดอำนาจจนนำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

นอกจากนี้ยังรวมถึงกรณีที่สนช.ยังไม่เลิกความพยายามที่จะผลักดันให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มีสิทธิเสนอชื่อนอกเหนือจากการร่วมลงมติเลือกนายกฯคนนอกในก๊อกสอง หากสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถเลือกนายกฯได้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด โดยสนช.ยืนยันที่จะเข้าชี้แจงเหตุผลต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่มี นายมีชัยฤชุพันธุ์ เป็นประธานย้ำชัดเจนไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า สว.ไม่มีสิทธิเสนอชื่อนายกฯคนนอกไม่ว่าจะก๊อกหนึ่งหรือก๊อกสองเนื่องจากมาตรา 272 ในบทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติมาแล้วไม่มีถ้อยคำใดบัญญัติให้สว.มีสิทธิเสนอชื่อ แต่ให้ สว.มีสิทธิร่วมในการลงมติเห็นชอบเลือกนายกฯเท่านั้น

ความพยายามที่จะตะแบงหักดิบเท่ากับเป็นการทำลายความชอบธรรมของนายกฯคนนอก และเปิดจุดอ่อนให้ขบวนการที่จ้องบ่อนทำลายอำนาจรัฐนำไปขยายผลโจมตีได้ว่า ฝ่ายอำนาจรัฐกำลังได้คืบเอาศอกหวังสืบทอดอำนาจทั้งๆ ที่เป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขัดต่อเจตนารมณ์ตามฉันทามติของมหาชนจากการทำประชามติ

เพราะฉะนั้นพวกที่หวังดีเกินเหตุหรือพวกหวังดีแต่อาจประสงค์ร้ายยิ่งออกมาสร้างเรื่องดันนายกฯคนนอกมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำลาย“บิ๊กตู่” ให้ตกเป็นเป้านิ่งถูกรุมถล่มว่ามีเจตนาสืบทอดอำนาจมากขึ้นเท่านั้น ทั้งๆ ที่ความจริงควรทอดเวลาปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติและเล่นตามกติกาอย่างตรงไปตรงมาตามการวินิจฉัยตีความของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งจะชอบธรรมสง่างามและไม่เปิดจุดบอดให้ใครมาหาเรื่องบ่อนทำลายได้

ทีมข่าวการเมือง

พรรคเพื่อนบิ๊กตู่ไม่ต้องเหนียม เปิดตัวไปเลยโชว์สง่างามจริงใจ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/232808

วันอังคาร ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ไม่น่าแปลกใจที่นายสมพงษ์ สระกวี สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ออกมาเปิดเผยว่า มีนายทหารเกษียณกลุ่มเพื่อน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาถามว่าถ้าทหารจะตั้งพรรคการเมืองจะทำอย่างไรให้เป็นที่ยอมรับและแข็งแรงไม่ถูกต่อต้านซ้ำรอยพรรคสามัคคีธรรมยุครสช.ที่นำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และไม่อยากใช้วิธีดึงนักการเมืองประเภทเสือสิงห์กระทิงแรดจากพรรคต่างๆ มาร่วมเหมือนในอดีตเพื่อให้พรรคที่จะตั้งขึ้นมีความสง่างาม

ทั้งนี้ หาก พล.อ.ประยุทธ์ ก้าวขึ้นเป็นนายกฯคนนอกหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าจำเป็นอยู่เองที่จะต้องมีฐานสส.จำนวนมากพอสมควรคอยให้การสนับสนุนเพื่อสร้างอำนาจต่อรองต่อสู้กับสองพรรคใหญ่คือเพื่อแม้วและประชาธิปัตย์ ที่ประกาศจุดยืนชัดเจนต้านนายกฯคนนอกแบบหัวชนฝา

การที่กลุ่มนายทหารเพื่อน “บิ๊กตู่” มองเห็นปัญหาพรรคร่างทรงทหารอย่างพรรคสามัคคีธรรมในอดีตแสดงว่ารู้จักสรุปบทเรียน ซึ่งการที่จะสร้างพรรคให้เป็นที่ยอมรับของมวลชนอย่างแท้จริงขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญนั่นคือจุดขายอันได้แก่นโยบายที่ต้องโดนใจมหาชน และตัวบุคคลที่จะเป็นผู้สมัคร สส.ต้องมีคุณภาพและภาพลักษณ์ดีพอสมควรไม่ใช่ประเภทเสือสิงห์กระทิงแรด

จุดขายสำคัญอีกประการหนึ่งหากมีการตั้งพรรคเพื่อน “บิ๊กตู่” ก็คือการแสดงจุดยืนของพรรคชัดเจนไปเลยว่าสนับสนุน “บิ๊กตู่” ซึ่งยังมาแรงจากความศรัทธาของมหาชนเป็นนายกฯคนนอกจากความจำเป็นที่จะต้องมีผู้นำที่เป็นกลางไว้ใจได้ไม่มีผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องในการเดินหน้าปฏิรูปประเทศให้เป็นจริงภายใต้สถานการณ์ประเทศช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนผ่านที่จำเป็นต้องใช้กลไกประชาธิปไตยครึ่งใบ

ความจำเป็นที่จะต้องมีพรรคเพื่อนบิ๊กตู่ซึ่งต้องมีจำนวนสส.มากพอสมควรด้านหนึ่งก็เพื่อสร้างอำนาจต่อรองโดยเฉพาะกับสองพรรคใหญ่คือเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ที่ประกาศจุดยืนชัดเจนต้านนายกฯคนนอก อีกทั้งเพื่อให้รัฐบาลหากมีนายกฯคนนอกบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างราบรื่นเพราะการผ่านร่างกฎหมายต่างๆ จำเป็นต้องอาศัยเสียงสส.มากกว่ากึ่งหนึ่งคือ 251 เสียงขึ้นไป

ถ้าจะว่าไปแล้วหากกลุ่มนายทหารเพื่อน “บิ๊กตู่” คิดตั้งพรรคการเมืองความจริงน่าจะเปิดตัวอย่างเปิดเผยเพื่อแสดงความจริงใจและสง่างาม และควรไปรวมกับพรรคประชาชนปฏิรูปของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพราะไหนๆ ก็มีจุดยืนเหมือนกันอยู่แล้วคือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ

อย่างไรก็ตาม นักสังเกตการณ์ทางการเมืองมองว่า หาก “บิ๊กตู่” ต้องการนั่งเก้าอี้นายกฯคนนอกหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า สิ่งสำคัญก็คือ ต้องเร่งสร้างผลงานให้เกิดความศรัทธาในหมู่มหาชนมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนและปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมก่อนการเลือกตั้งโดยเฉพาะการเดินหน้าขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นและการปฏิรูปตำรวจ

ทั้งนี้ ยิ่ง “บิ๊กตู่” สร้างผลงานให้เป็นที่ศรัทธาของประชาชนมากเท่าไหร่โอกาสและความชอบธรรมที่จะเป็นนายกฯคนนอกก็มีมากขึ้นเท่านั้น

ทีมข่าวการเมือง

เพื่อแม้ว-ปชป.จับมือต้านสุดฤทธิ์ บิ๊กตู่สู่เก้าอี้นายกฯคนนอกไม่ง่าย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/232594

วันจันทร์ ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

แกนนำสองพรรคใหญ่คือเพื่อแม้วกับประชาธิปัตย์ดาหน้าออกมาแสดงท่าทีต้านนายกฯคนนอกสุดฤทธิ์ทำให้เส้นทางสู่เก้าอี้นายกฯคนนอกจากการเปิดช่องของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และคำถามพ่วงที่ผ่านการทำประชามติมาแล้วของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)มีแนวโน้มที่จะเผชิญเส้นทางวิบากจากการจับมือของสองพรรคใหญ่

พรรคเพื่อแม้วดูเหมือนจะออกอาการดิ้นพล่านผิดปกติโดยบรรดาแกนนำทั้งพรรคเพื่อแม้วและกลุ่มคนเสื้อแดงนำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง ดาหน้าออกมาขวางนายกฯคนนอกสุดตัว โดย นายจตุพร ถึงกับใช้วาทกรรมแขวะดักคอ พล.อ.ประยุทธ์ ในทำนองว่าจะลงจากอำนาจแบบไม่สวยในฐานะเผด็จการทรราชสืบทอดอำนาจ ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ อดีตสส.พรรคเพื่อแม้ว และแกนนำคนเสื้อแดง ขู่ปมนายกฯคนนอกอาจเป็นชนวนนำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬภาคสอง

ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เตือน พล.อ.ประยุทธ์ ว่าหากเป็นนายกฯคนนอกคงอยู่ได้ลำบากเพราะไม่มีเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมือง

ทั้งนี้ ตามมาตรา 272 ในเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญบัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้เริ่มกระบวนการสรรหานายกฯทั้งการเสนอชื่อและลงมติเลือกนายกฯจากบัญชี 3 รายชื่อที่พรรคการเมืองประกาศก่อนการเลือกตั้ง แต่หากพรรคการเมืองไม่สามารถเลือกนายกจากพรรคการเมืองได้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ สส.ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งจึงสามารถเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาเพื่อขอให้ยกเว้นไม่ต้องเสนอชื่อนายกฯจากบัญชีของพรรคการเมืองได้ หรือเป็นการเปิดทางให้เลือกนายกฯจากคนนอกที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองได้

จากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าวจะเห็นได้ว่าหากบรรดาพรรคการเมืองโดยเฉพาะสองพรรคใหญ่จับมือกันเหนียวแน่นต้านนายกฯคนนอก โอกาสที่จะมีนายกฯคนนอกคงเป็นไปได้ยาก โดยการเลือกนายกฯโดยสภาผู้แทนราษฎรใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งหรือมากกว่า 250 เสียงเท่านั้น ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องยากหากสองพรรคใหญ่จับมือกัน

เว้นเสียแต่ว่าสองพรรคใหญ่จะถูกสยบฤทธิ์เดชด้วยสาเหตุบางประการจนทำให้สองพรรคใหญ่นอกจากจะได้จำนวนสส.ลดลงอย่างฮวบฮาบในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าแล้ว ยังไม่สามารถจับมือกันได้เมื่อถึงวันที่ต้องเลือกนายกฯ

อย่างไรก็ตามแม้เส้นทางสู่เก้าอี้นายกฯคนนอกของ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นเส้นทางวิบากแต่สิ่งสำคัญที่สุดคือกระแสความต้องการของมหาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งจากผลสำรวจของโพลล์สำนักต่างๆ อาทิ ล่าสุด ของสวนดุสิตโพลสะท้อนว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 55.04% ไม่สนใจเรื่องที่มาของนายกฯจะเป็นคนนอกหรือไม่ และ 12.35% เห็นว่าควรเปิดโอกาสให้คนนอกเข้ามาเป็นผู้นำประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อปฏิรูปประเทศ ขณะที่ร้อยละ 32.61 เท่านั้นที่เห็นว่านายกฯควรเป็นนักการเมือง

ทีมข่าวการเมือง

ฉันทามติมหาชนไฟเขียว หนุนกลไกปชต.ครึ่งใบปฏิรูปประเทศ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/232493

วันอาทิตย์ ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

แทบจะทันทีหลังรู้ผลการทำประชามติ ซึ่งมหาชนเสียงส่วนใหญ่แสดงฉันทามติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงและคำถามพ่วงที่กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ร่วมโหวตเลือกนายกฯคนต่อไป นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.) และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ก็ออกมาเปิดประเด็นตั้งพรรคประชาชนปฏิรูปพร้อมทั้งประกาศจุดยืนชัดเจนว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งเหมือนเป็นการโยนหินถามทางวัดปฏิกิริยาบรรดานักการเมือง สื่อ ตลอดจนเป็นการหยั่งกระแสมหาชน

หลังการออกมาวัดปฏิกิริยาสังคมของ นายไพบูลย์ สองพรรคใหญ่คือเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ดาหน้าออกมาค้านการผลักดันนายกฯคนนอกแบบหัวชนฝาโดยอ้างผิดหลักการประชาธิปไตยและเป็นการสืบทอดอำนาจ

ทั้งนี้หากพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงถูกออกแบบมาเพื่อใช้กลไกประชาธิปไตยแบบครึ่งใบเพื่อปฏิรูปประเทศให้สำเร็จไม่เสียของในช่วงเปลี่ยนผ่านทั้งการเปิดช่องให้มีนายกฯคนนอกโดยสว. 250 คน ซึ่งมาจากการสรรหาของคสช.และไม่ต่างจากพรรคขนาดใหญ่ที่มีส่วนร่วมในการเลือกนายกฯ รวมทั้งมีบทบาทในการตรวจสอบถ่วงดุลเหล่านักการเมือง ขณะที่ระบบการเลือกตั้งสส.แบบใหม่ที่เสียงประชาชนทุกเสียงมีความหมายทำให้มีแนวโน้มที่จำนวนสส.ที่แต่ละพรรคได้รับจะกระจัดกระจาย โดยพรรคขนาดเล็กและขนาดกลางมีโอกาสได้สส.มากขึ้น ส่วนพรรคขนาดใหญ่มีแนวโน้มได้สส.จำนวนลดลง ซึ่งจะส่งผลทำให้พรรคขนาดใหญ่มีโอกาสน้อยลงที่จะผลักดันตัวแทนของตัวเองขึ้นเป็นนายกฯ เปิดทางให้นายกฯจากคนนอกมีโอกาสมากขึ้น นอกจากนี้ ยังกำหนดให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้ยากเพื่อป้องกันเหล่านักการเมืองรวมหัวกันรื้อร่างรัฐธรรมนูญเพื่อการปฏิรูปประเทศ

ที่สำคัญการออกแบบให้ใช้กลไกพิเศษแบบประชาธิปไตยครึ่งใบผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่สนับสนุนการเดินหน้าปฏิรูปประเทศด้วยกลไกแบบประชาธิปไตยครึ่งใบ โดยเฉพาะคำถามพ่วงที่ให้สว.ร่วมโหวตเลือกนายกฯ นั่นอาจสะท้อนฉันทามติกรายๆ ว่า ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนให้มีนายกฯคนนอก

ที่ผ่านมาจากผลสำรวจของโพลล์ทุกสำนักสะท้อนชัดเจนว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังศรัทธาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นผู้นำบริหารประเทศต่อไป ในด้านกลับกันก็สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนเอือมระอาเบื่อหน่ายนักการเมืองซึ่งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา คือต้นเหตุสำคัญที่สร้างความแตกแยกและทำลายชาติบ้านเมือง

ดังนั้นหากเป็นความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ และที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถตกลงกันได้ในการเลือกตัวแทนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งขึ้นเป็นนายกฯหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไป จนต้องเลือกคนนอกโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ ขี้นเป็นนายกฯถือว่ามีความชอบธรรม

ทั้งนี้คสช.เสี่ยงยึดอำนาจเพื่อเข้ามากอบกู้บ้านเมืองและวางรากฐานการปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างยั่งยืน โดยไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองแอบแฝง ซึ่งต่างจากบรรดานักการเมืองที่คิดแต่เรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง
เป็นหลัก

ชาติบ้านเมืองบอบช้ำอย่างหนักมามากเกินพอแล้วจากธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมแบบไทยๆ ซึ่งหากไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งซึ่งไม่ใช่นักการเมืองมาทำการปฏิรูปประเทศอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องเชื่อได้เลยว่าหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมก็จะกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศและวนเวียนอยู่ในวังวนของวงจรอุบาทว์อันชั่วร้ายแบบเดิมๆ ซึ่งทำลายชาติบ้านเมืองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ดังนั้นจะถึงเวลาแล้วที่บ้านเมืองจะต้องปฏิรูปประเทศอย่างจริงจังให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงและยั่งยืนพ้นจากวงจรอุบาทว์อันชั่วร้ายเสียที ขณะที่บรรดานักการเมืองทั้งหลายต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้สอดคล้องกับกติกาใหม่ภายใต้ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้การใช้กลไกพิเศษเพื่อปฏิรูปประเทศช่วงเปลี่ยนผ่านจะถูกมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะเป็นแค่เรื่องของวิธีการ สิ่งสำคัญคือหากเป็นการสืบทอดอำนาจเพื่อผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองโดยมหาชนส่วนใหญ่ของประเทศให้การสนับสนุน ถือว่ามีความชอบธรรม สำหรับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อเสียงเรียกร้องให้อยู่บริหารประเทศต่อไปหลังการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธโดยกล่าวให้คิดเพียงว่า “ผมคิดว่ามีคนดีมากกว่าผมอีกเยอะแยะ
ในประเทศนี้ ไปดูก็แล้วกัน ถ้าหาคนดีไม่ได้ค่อยมาพูดกับผม”

ทีมข่าวการเมือง

เมื่อป๋าเปรมเชียร์บิ๊กตู่สู้เพื่อแผ่นดิน สัญญาณเดินตามรอยนายกฯคนนอก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/232396

วันเสาร์ ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมาคลาคล่ำไปด้วยบุคคลสำคัญของประเทศนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมด้วย คณะรัฐมนตรี ตลอดจนผู้นำเหล่าทัพและตำรวจพร้อมหน้าได้เข้าอวยพรวันเกิดครบรอบ 96 ปีแด่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ หรือ “ป๋าเปรม” ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษอันเป็นการสะท้อนสัญญาณบางอย่างทางการเมือง

บรรยากาศในงานวันเกิด “ป๋าเปรม” ปีนี้คึกคัก ยิ้มแย้มแจ่มใสและเต็มไปด้วยพลังความเชื่อมั่นและสะท้อนถึงความเป็นเอกภาพแห่งรัฏฐาธิปัตย์ ขณะเดียวกันก็เป็นการสยบข่าวลือต่างๆ นานาโดยเฉพาะความระหองระแหงกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของนายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ รวมทั้งข่าวร่ำลือการวัดรอยเท้า “ป๋าเปรม” ของ พล.อ.ประวิตร

ที่น่าสนใจคือ “ป๋าเปรม” ประกาศอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาว่า ในฐานะทหารแก่พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ในการเดินหน้าปฏิรูปประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านอันเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่เพื่อแผ่นดินและประชาชน ซึ่งแม้จะไม่ใช่งานง่ายภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ปกติ แต่ “ป๋าเปรม” ก็เชื่อในฝีมือของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จโดยมีเหล่าทัพต่างๆ ตำรวจ ตลอดจนพลังประชาชนคอยให้การสนับสนุน

ในอดีต “ป๋าเปรม” เคยเป็นนายกฯคนนอกที่ปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติและประชาชนสำเร็จมาแล้วจนสามารถสร้างความเชื่อมั่นและเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ โดยจุดเด่นของ “ป๋าเปรม” คือความซื่อสัตย์สุจริตตรงไปตรงมาและเกลียดการทุจริตคอร์รัปชั่น และแม้ภาพภายนอกจะดูนุ่มนวล แต่ “ป๋าเปรม” ก็ซ่อนไว้ด้วยความเด็ดขาดจนได้ฉายาว่า “นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา” ถึงขนาดสั่งปลดกลางอากาศ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก พ้นเก้าอี้ผู้นำกองทัพจนกลายเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในยุคนั้น ขณะเดียวกันก็สั่งปลดผู้บริหารหน่วยราชการที่มีพฤติการณ์ทุจริตคอร์รัปชั่นแบบไม่ไว้หน้า

8 ปี ในการบริหารประเทศ “ป๋าเปรม” ได้วางรากฐานและสามารถกอบกู้เศรษฐกิจที่เละเทะผุพังของประเทศจากการทุจริตคอร์รัปชั่นและผลาญงบประมาณแผ่นดินของเหล่านักการเมืองจนฟื้นตัวกลับมาเข้มแข็ง และเมื่อวางรากฐานประเทศจนเข้ารูปเข้ารอยแล้ว “ป๋าเปรม” ก็ก้าวลงจากเก้าอี้ผู้นำประเทศอย่างสง่างามด้วยคำพูดสุดท้ายที่ว่า “ป๋าพอแล้ว”

หรือว่าเส้นทางของ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังจะเจริญรอยตาม “ป๋าเปรม” ในฐานะนายกฯคนนอก ซึ่งสัญญาณบ่งชี้ก็คือ บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงที่ผ่านความเห็นชอบจากการทำประชามติของมหาชนเสียงส่วนใหญ่ด้วยการเปิดช่องให้มีนายกฯคนนอกและให้สมาชิกวุฒิสภา(สว.) มีสิทธิร่วมกับสภาผู้แทนราษฎรในการโหวตเลือกนายกฯคนต่อไปถือเป็นการปูทางสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะนั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศต่อไปหลังการเลือกตั้ง
ทั่วไปครั้งหน้า

นอกจากนี้ต้องจับตา พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองซึ่งอาจจะกำหนดให้ทุกพรรคการเมืองต้องนับหนึ่งใหม่ในการรับสมาชิกพรรคซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเปิดช่องให้บรรดาอดีตสส.ย้ายสังกัดได้ ขณะเดียวกันต้องจับตาพรรคการเมืองเกิดขึ้นที่จะสนับสนุนนายกฯคนนอก ซึ่งก่อนหน้านี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสว.และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เปิดตัวตั้งพรรคประชาชนปฏิรูป และประกาศจุดยืนชัดเจนหนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ

สำหรับพรรคประชาชนปฏิรูปเชื่อว่าเมื่อพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองประกาศใช้จะเห็นโฉมหน้าบุคคลสำคัญเข้าร่วมพรรคนี้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะบุคคลที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคที่คาดว่าจะต้องเป็นบุคคลสำคัญที่มีบารมีไม่ธรรมดา
แน่นอนเพื่อดึงดูดอดีตสส.พรรคต่างๆ ให้ร่วมสังกัด

เมื่อรวมกับสว. 250 คน ซึ่งมาจากการสรรหาของคสช.ที่จะกลายเป็นพรรคที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ยังไม่รวมพรรคขนาดกลางบางพรรคที่มีแนวโน้มว่าพร้อมจะร่วมหัวจมท้ายกับ คสช.ทำให้หนทางสู่เก้าอี้นายกฯคนนอกของ พล.อ.ประยุทธ์แม้จะไม่ง่าย แต่ก็เชื่อว่าในที่สุดต้องเกิดขึ้นจนได้

ส่วนสองพรรคใหญ่คือเพื่อไทยและประชาธิปัตย์นั้นด้วยระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ รวมทั้งข้อกำหนดให้พรรคการเมืองรับจดทะเบียนสมาชิกใหม่คาดว่าจะทำให้พรรคใหญ่ทั้งสองมีจำนวน สส.ลดลงจากการแปรพักตร์

แต่ที่สำคัญคือพลังมหาชนที่เอือมระอานักการเมืองและฝากความหวังเทใจสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ อย่าง
ล้นหลามซึ่งสะท้อนจากผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง รวมทั้งผลสำรวจของโพลล์สำนักต่างๆ ล่าสุด
ที่ชี้ว่าประชาชนยังศรัทธาหัวหน้าผู้ก่อรัฐประหารอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ที่อยู่ในอำนาจมานานถึง 3 ปีแล้ว ทั้งนี้ประชาชนต้องการให้เดินหน้าปฏิรูปประเทศไม่ให้จมปลักในวังวนของวงจรอุบาทว์ที่สร้างความบอบช้ำอย่างหนักให้ประเทศเหมือนที่ผ่านมา

เพราะฉะนั้นด้วยหลายปัจจัยที่เอื้อดังกล่าวข้างต้นกล่าวมาแล้วทั้งหมดนักสังเกตการณ์ทางการเมืองฟันธงว่า
ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จะเจริญรอยตาม “ป๋าเปรม” ด้วยการเป็นนายกฯคนนอกภายใต้กลไกประชาธิปไตยแบบครึ่งใบเพื่อวางรากฐานประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านโดยอนาคตประเทศจะไม่มีที่ยืนสำหรับธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอีกต่อไป

ทีมข่าวการเมือง

พวกอมนุษย์ไร้ศาสนา คาร์บอมบ์สังหารผู้บริสุทธิ์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/232225

วันศุกร์ ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

พฤติการณ์ใช้รถพยาบาลเป็นเครื่องมือปฏิบัติการคาร์บอมบ์กลางเมืองปัตตานี 3 จุดจนทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ตาย 1 และบาดเจ็บอีกกว่า 30 รายในจำนวนนี้อาการสาหัสเป็นอีกหนึ่ง เหตุการณ์ชั่วร้ายที่ต้องประณามในความโหดเหี้ยมของขบวนการอมนุษย์
ไร้ศาสนา

ทั้งนี้ทุกศาสนารวมทั้งพระอัลเลาะห์ของศาสนาอิสลามล้วนสอนให้ทำแต่ความดีละเว้นความชั่ว เพราะฉะนั้นปฏิบัติการก่อการร้ายสังหารผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยมจำนวนมากของขบวนการโจรลอบกัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดช่วงที่ผ่านมาจึงเป็นพวกไร้ศาสนาและผิดวิสัยของมนุษย์ที่พึงกระทำ อีกทั้งไม่สมควรได้รับการสนับสนุนจากใครก็ตามหากเป็นมนุษย์และมีศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว

พวกอมนุษย์หากเก่งกล้าและมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้างก็ควรต่อสู้กับเจ้าหน้าที่แบบซึ่งๆ หน้าไม่ใช่ใช้วิธีการลอบกัดสังหารประชาชนผู้บริสุทธ์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่

การที่เหล่าอมนุษย์ยังลอบก่อการร้ายทั้งๆ ที่กำลังจะมีการพูดคุยสันติภาพนอกรอบระหว่างตัวแทนฝ่ายความมั่นคง นำโดย พล.อ.อักษรา เกิดผล กับแกนนำกลุ่มมาราปัตตานีซึ่งเชื่อกันว่าเป็นแกนนำหลักของขบวนการโจรก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 2 ก.ย.ที่จะถึงนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีการพูดคุยตกลงกับกลุ่มมาราปัตตานีแล้วว่าหากจะให้การพูดคุยเดินหน้าไปด้วยดีสถานการณ์ในชายแดนภาคใต้ต้องสงบก่อน แต่เหตุการณ์รุนแรงก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นจึงชอบแล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และ พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงจะส่งสัญญาณว่าหากชายแดนภาคใต้ยังเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงก็ต้องพักการพูดคุยกับกลุ่มมาราปัตตานีไว้ก่อน

ทั้งนี้เพราะการที่ยังเกิดเหตุการณ์คาร์บอมบ์กลางเมืองปัตตานีครั้งล่าสุดสะท้อนนัย 2 ประการคือ กลุ่มมาราปัตตานีไม่มีศักยภาพคุมขบวนการโจรใต้กลุ่มต่างๆ ได้จริงอย่างที่อ้าง หรือไม่ก็เป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มมาราปัตตานีเพื่อกดดันหน่วยงานด้านความมั่นคงให้มีการพูดคุยสันติภาพและทำตามข้อเรียกร้องของขบวนการคิดแบ่งแยกดินแดนโดยเร็ว

แต่ไม่ว่าเหตุการณ์เลวร้ายครั้งล่าสุดจะเกิดด้วยเหตุผลใดก็ตาม ประเทศนี้คงยอมรับไม่ได้กับพฤติการณ์ชั่วช้าอำมหิตของพวกกองโจรอมนุษย์ไร้ศาสนา

ทีมข่าวการเมือง

ขบวนการอุบาทว์ทำลายชาติ สุมไฟสงครามศาสนา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/232063

วันพฤหัสบดี ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

นับว่าสุดชั่วร้ายสำหรับขบวนการอุบาทว์มุ่งทำลายชาติด้วยการเดินเกมใต้ดินสุมไฟสงครามศาสนาซึ่งเป็นเรื่องอ่อนไหวให้ลุกโชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้

ช่วงก่อนการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง ขบวนการอุบาทว์ได้เผยแพร่ข้อความทางโซเชียลมีเดียปลุกระดมให้ชาวไทยมุสลิมโหวตโนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญด้วยการบิดเบือนอ้างว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดให้ศาสนาพุทธเถรวาทมีความสำคัญเหนือศาสนาอื่นรวมทั้งศาสนาอิสลาม

ขณะเดียวกันก็มีขบวนการใต้ดินนำป้ายผ้ารวมทั้งพ่นสีสเปรย์ไปทั่วจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยมีข้อความสุมไฟสงครามศาสนาและเรียกร้องให้โหวตโน

ผลจากการสุมไฟสงครามศาสนาของขบวนการใต้ดินดังกล่าวทำให้ผลการลงประชามติใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิมออกมาอย่างผิดความคาดหมายนั่นคือ เสียงไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญมีมากกว่าเสียงที่เห็นชอบ และที่เลวร้ายกว่าก็คือเหตุการณ์ลอบก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นอย่างผิดปกติ

เป้าหมายของขบวนการอุบาทว์นอกจากมุ่งคว่ำร่างรัฐธรรมนูญเพื่อการปฏิรูปปราบโกงแล้ว ยังต้องการสุมไฟแตกแยกระหว่างชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายเดนภาคใต้ ให้ลุกโชน และสร้างความขัดแย้งระหว่างชาวไทยมุสลิมกับภาครัฐ ตลอดจนสุมไฟก่อการร้ายในชายแดนภาคใต้ให้รุนแรงยิ่งขึ้นอันเป็นการทำลายความมั่นคงของชาติ

ก่อนหน้านี้ฝ่ายตำรวจได้ออกหมายจับผู้สื่อข่าวสื่อเสื้อแดงบางคนในข้อหาร่วมขบวนการเผยแพร่ข้อความบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญและสุมไฟสงครามศาสนา

จากการเคลื่อนไหวของขบวนการอุบาทว์ที่มุ่งสุมไฟให้เกิดสงครามศาสนาที่อาจลุกลามบานปลายกลายเป็นปัญหาใหญ่ทำให้พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกฯ และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม ถึงกับต้องใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวออกคำสั่งเรื่องมาตรการอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาต่างๆ ในประเทศไทยโดยกำหนดรายละเอียดยิบว่าทุกศาสนาไม่ว่าจะเป็นพุทธ อิสลาม คริสต์ พราหมณ์ฮินดู ซิกข์ จะได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาคเท่าเทียม

ขบวนการอุบาทว์สุมไฟศาสนากลุ่มไหนอยู่เบื้องหลังและบงการโดยใครสังคมคงคาดเดาได้ไม่ยาก โดยพิจารณาจากแรงจูงใจเป้าหมายในการก่อเหตุที่ส่อเจตนาชัดเจนว่ามุ่งโหวตโนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญปราบโกง รวมทั้งบ่อนทำลายคสช.และรัฐบาล ซึ่งจากพฤติการณ์ของขบวนการอุบาทว์หน้าเดิมๆ กลุ่มนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พร้อมทำสิ่งชั่วร้ายได้ทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายผลประโยชน์ของตัวเองโดยไม่คำนึงถึงหายนะของชาติ ทั้งชักศึกเข้าบ้าน ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมือง หรือแม้แต่เหิมเกริมคิดการณ์ใหญ่ บ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงของชาติหวังเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศ

ทีมข่าวการเมือง