เสียงสวรรค์ชี้ผลประชามติ7สค. จะเชื่อคสช.หรือเหล่านักการเมือง?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/226923

วันเสาร์ ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

อีกแค่ 2 สัปดาห์ ก็จะถึงวันชี้ชะตาการลงประชามติว่าจะรับหรือคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงอันเป็นผลพวงของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ต้องการเดินหน้าปฏิรูปประเทศให้พ้นจากวงจรอุบาทว์ซ้ำซากของธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตย ซึ่งยิ่งใกล้วันลงประชามติ ขบวนการใต้ดินป่วนบ่อนทำลายบรรยากาศการลงประชามติให้ยิ่งร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงกับมีการเผาทำลายบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติในหลายจังหวัด

ขบวนการที่ออกมาเคลื่อนไหวจ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญที่ชัดเจนก็คือเครือข่ายขบวนการเพื่อแม้ว ทั้งในส่วนพรรคเพื่อแม้ว กลุ่มเสื้อแดง และเครือข่ายเพื่อแม้วในคราบนักวิชาการและนักศึกษาซึ่งล้วนเป็นเหล่าคนหน้าเดิมๆเพียงไม่กี่คน

แต่ความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาช่วงนี้คือการจับมือกันได้อย่างไม่น่าเชื่อเป็นครั้งแรกระหว่างสองพรรคใหญ่คู่กัดคือพรรคเพื่อแม้วกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยแกนนำสองพรรคต่างร่วมลงชื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวของเครือข่ายพลเมืองผู้ห่วยใย 16 องค์กร ที่มี นายโคทม อารียา และ นายจอนอึ๊งภากรณ์ เป็นตัวตั้งตัวตี โดยยื่นข้อเสนอ 5 ข้อ กดดันคสช.

ฝ่ายแกนนำพรรคเพื่อแม้วที่ร่วมลงชื่อสนับสนุน อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ น้องเขยนายทักษิณชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อแม้ว คุณหญิงสุดารัตน์เกยุราพันธุ์ ส่วนแกนนำพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และหัวหน้าพรรค นาองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค

ส่วนข้อเสนอ 5 ข้อ ของเครือข่ายพลเมืองผู้ห่วงใย 16 องค์กร ประกอบด้วย 1.ให้เคารพในทุกสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเห็นด้วยหรือเห็นต่าง 2.ต้องมีการเสนอทางเลือกที่ชัดเจนให้กับประชาชนว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติจะมีกระบวนการอย่างไร จะร่างใหม่หรือไม่3.กรณีที่ร่างไม่ผ่านประชามติควรมีกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากฉันทามติของประชาชนซึ่งหมายถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) จากทั่วประเทศขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญเหมือนที่ผ่านมา 4.หากหลักการตามข้อเรียกร้อง 1-3 เกิดขึ้นจริง ทุกฝ่ายควรยอมรับในผลการทำประชามติ 5.รัฐธรรมนูญที่ได้ไม่ควรที่จะถดถอยในด้านสิทธิมนุษยชนส่งเสริมการถ่วงดุลระหว่าง 3 อำนาจ บัญญัติเรื่องการปฏิรูป และร่างรัฐธรรมนูญไม่ควรกำหนดให้แก้ไขยากจนเกินไป

ข้อเสนอทั้ง 5 ข้อจะว่าไปแล้วดูเหมือนจะซ่อนเป้าหมายที่แท้จริงและเข้าทางเหล่านักเลือกตั้งโดยเฉพาะพรรคเพื่อแม้วมากกว่าจะสนับสนุนให้เกิดประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองในการปฏิรูปประเทศให้พ้นจากธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตย อันเลวร้าย

ทั้งนี้จากบทเรียนที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 หรือฉบับล่าสุดปี 2550 ที่ยกร่างโดยด้วยวิธีการมี ส.ส.ร.ไม่สามารถแก้ปัญหาธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยได้ แต่ร่างรัฐธรรมนูญปราบโกงฉบับนี้กำหนดยาแรงในการป้องกันและลงโทษนักการเมืองที่โกงชาติปล้นแผ่นดิน หรือสร้างความเสียหายแก่ประเทศตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำด้วยบทลงโทษที่เด็ดขาดรุนแรง ซึ่งนอกจากโทษทางอาญาและโทษทางการเมืองถึงขั้นถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตแล้ว ยังรวมถึงการยึดทรัพย์และให้คืนเงินที่โกงหรือชดใช้ความเสียหายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย อีกทั้งนักการเมืองต้องรับผิดชอบต่อการถลุงงบประมาณแผ่นดิน หรือดำเนินโครงการประชานิยมที่เปิดช่องให้ทุจริตหรือสร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองอย่างร้ายแรง

หากมีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ซึ่งขบวนการธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ยังมีอิทธิพลสูงในที่สุดก็จะได้ร่างทรงกลุ่มอำนาจเก่าเข้ามาเป็นส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ

ส่วนการที่เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้ง่ายขึ้นเป็นการเอื้อให้เหล่าพรรคการเมืองรวมหัวกันรื้อร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นประเทศก็จะกลับสู่วงจรอุบาทว์อันเลวร้ายอันเป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติอีกครั้ง

นายโคทมถึงกับเก็บอาการไม่อยู่สะท้อนจุดยืนว่าไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงแน่โดยอ้างเหตุผลว่ารัฐธรรมนูญปราบโกงฉบับนี้มุ่งเล่นงานคนบางคน

แต่ข้อเสนอ 5 ข้อดังกล่าว ถูกปิดสนิทเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ย้ำว่าอย่ามาบีบกันและไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ก็ตาม คสช.ก็ยังจะอยู่ในอำนาจต่อไปเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้สำเร็จจนมีการเลือกตั้งและรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งคงต้องเป็นเช่นนั้นเพราะประเทศจะเกิดสุญญากาศไร้อำนาจรัฐไม่ได้ เว้นแต่จะมีการสร้างสถานการณ์สุมไฟให้เกิดการลุกฮือเรียกร้องอำนาจรัฐที่มาจากประชาชนโดยขบวนการกลุ่มอำนาจเก่า

สำหรับแนวโน้มของผลการลงประชามติ 7 ส.ค.นั้นถึงที่สุดแล้วประชาชนผู้เป็นเสียงสวรรค์โดยเฉพาะพลังเงียบที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะสนับสนุนหรือคว่ำร่างรัฐธรรมนูญซึ่งมีจำนวนถึงกว่า 60% จะเป็นตัวแปรชี้ขาดผลการลงประชามติซึ่งนอกจากเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญปราบโกงที่จะเป็นปัจจัยการตัดสินใจของพลังเงียบแล้ว เชื่อว่าข้อเปรียบเทียบและความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อคสช.กับบรรดาพรรคการเมืองจะมีส่วนสำคัญกำหนดผลการลงประชามติ

ทีมข่าวการเมือง

วังเวงตั้ง‘พงศพัศ’ปฏิรูปตำรวจ แค่เริ่มก็ส่อเค้าสร้างภาพซื้อเวลา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/226730

วันศุกร์ ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

การที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มอบหมายให้พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เป็นหัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนและประสานงานการปฏิรูปองค์กรตำรวจถือเป็นสัญญาณสะท้อนให้เห็นว่า ความหวังที่จะเห็นตำรวจปฏิรูปตัวเองวังเวงเต็มที

แม้ พล.ต.อ.พงศพัศ จะพยายามสร้างภาพขายไอเดียด้วยการประกาศแผนปฏิรูปตำรวจที่สวยหรูดูดีแต่ฉาบฉวยทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาวหวังสนองนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ซึ่งกำกับดูแลสตช. โดยมีแนวทางปฏิรูปตำรวจ 10 แนวทาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานรูทีน ประกอบด้วย การปรับปรุงการบริหารงานบุคคล การกระจายอำนาจการปฏิบัติงาน การพัฒนาระบบงานสอบสวนและการบังคับใช้กฎหมาย ค่าตอบแทนและสวัสดิการ การจัดหาอุปกรณ์ประจำกายและประจำหน่วยที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงาน การป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น การสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและการทำงานร่วมกับท้องถิ่น การจัดระบบนิติวิทยาศาสตร์เพื่อช่วยเหลืองานด้านการอำนวยความยุติธรรม การสรรหาและฝึกอบรมข้าราชการตำรวจให้มีความพร้อมในการทำงาน และการถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช่งานในหน้าที่หลักของสตช. และล่าสุด พล.ต.อ.พงศพัศ ออกมาขายไอเดียใหม่รายวันนั่นคือ จะประเดิมปฏิรูป 514 โรงพักทั่วประเทศในการบริการประชาชนเกี่ยวกับการสอบสวนคดีแบบวันสต็อปเซอร์วิส

สำหรับ พล.ต.อ.พงศพัศ หรือ ไพรัช นั้นเป็นที่รู้กันดีในหมู่สื่อตั้งแต่ยังมียศ พ.ต.อ.ในฐานะเป็นโฆษกกรมตำรวจที่เป็นนักประชาสัมพันธ์นักสร้างภาพ และที่สำคัญคือ พล.ต.อ.พงศพัศ เคยเลือกข้างอิงฝ่ายการเมือง โดยลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ในนามพรรคเพื่อแม้วมาแล้ว

องค์กรตำรวจในอดีตตกต่ำอย่างหนักจากการเป็นทาสรับใช้พรรคเพื่อแม้วสถาปนารัฐตำรวจยึดครองประเทศ กระทำสารพัด
สิ่งชั่วร้ายอย่างเหิมเกริมย่ามใจ

เพราะฉะนั้นแค่เริ่มต้นด้วยการมอบหมายให้นายตำรวจซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของพรรคเพื่อแม้วมารับหน้าที่สำคัญในการปฏิรูปตำรวจก็ถือเป็นการส่อเค้าสร้างภาพซื้อเวลาแก้ปัญหาแบบไฟไหม้ฟางมากกว่าที่จะให้เกิดผลอย่างจริงจัง

ทีมข่าวการเมือง

อีกผลงานโบแดง สะท้อนภาวะผู้นำบิ๊กตู่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/226578

วันพฤหัสบดี ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

นับเป็นอีกผลงานชิ้นโบแดงที่สะท้อนถึงความตรงไปตรงมาและวุฒิภาวะผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เมื่อมีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้โทร.สายตรงถึง พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ยุติการตัดไม้สักบริเวณเหนือเขื่อนแม่กวง จ.เชียงใหม่ เพื่อนำไปใช้ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ในทันที หลังจากที่เกิดกระแสต่อต้านในสังคมออนไลน์

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังสั่งกำชับให้ฟื้นฟูป่าโดยร่วมมือกับชุมชนในการอนุรักษ์เพิ่มฟื้นที่ป่าสมบูรณ์เพื่อกำหนดเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ อันเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ส่วนการก่อสร้างรัฐสภาที่จำเป็นต้องใช้ไม้สักนั้นเป็นความรับผิดชอบของผู้รับเหมาที่จะต้องสั่งซื้อไม้สักจากต่างประเทศเอง หรือซื้อกับองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้(อ.อ.ป.)

มีรายงานข่าวว่าการสั่งตัดไม้สักในเขตเขื่อนแม่กวง ซึ่งส่อไปในทางไม่ชอบมาพากลเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ครั้งนี้เป็นคำสั่งของ “บิ๊ก” บางคน

ซึ่งเรื่องนี้ บิ๊กตู่ ไม่ควรปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ แต่ควรสืบให้รู้ว่า “บิ๊ก” ที่สั่งตัดไม้สักเป็นใคร และควรดำเนินการลงโทษโดยไม่ไว้หน้าเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เพราะความโปร่งใสคือจุดขายสำคัญที่ประชาชนฝากความหวังไว้กับมากสำหรับคสช.และรัฐบาล

สำหรับโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งดำเนินการโดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งยุคที่ผ่านมาตกเป็นข่าวอื้อฉาวส่อไปในทางทุจริตเอื้อประโยชน์แก่บริษัทผู้รับเหมา อาทิ การนำหน้าดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐไปขาย จนล่าสุดเกิดกรณีตัดไม้สักเพื่อนำไปสร้างรัฐสภาแห่งใหม่

นอกจากมีคำสั่งเฉียบขาดห้ามตัดไม้สักเพื่อนำมาสร้างรัฐสภาแห่งใหม่แล้ว ผลงานโบแดงอีกชิ้นหนึ่งของ บิ๊กตู่ ก็คือใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวสั่งยึดที่ดินสำนักงานการปฏิรูปเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.)ทั่วประเทศที่ครอบครองโดยผิดกฎหมายพื้นที่รวม 430,000 ไร่ เพื่อนำมาจัดสรรให้เกษตรไรผู้ยากไร้ซึ่งไม่มีที่ดินทำกินอันเป็นงานยากและงานใหญ่ที่ไม่เคยมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งรัฐบาลไหนกล้าทำ เพราะผู้ครอบครองที่ดินส.ป.ก.โดยผิดกฎหมายรายใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นบรรดาระดับบิ๊กทั้งนักการเมืองระดับชาติและท้องถิ่น บิ๊กคนมีสี หรือนายทุนผู้มีอิทธิพล แต่ บิ๊กตู่ กล้าทำงานยากและงานใหญ่ โดยไม่สนใจว่าผู้ที่ถูกยึดส.ป.ก.จะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม

จากวุฒิภาวะความเป็นผู้นำของ “บิ๊กตู่” และผลงานในภาพรวมของคสช.ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งแม้จะยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้างก็ตาม แต่ผลสำรวจของโพลล์สำนักต่างๆ ตลอดช่วงที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนยังฝากความหวังและศรัทธาใน “บิ๊กตู่” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยึดที่ส.ป.ก.ทั่วประเทศแล้วนำมาจัดสรรให้คนจน การยกเลิกเหมืองแร่ทองคำทั่วประเทศ หลังทำลายสุขภาพประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนสั่งหยุดตัดไม้สักเพื่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ถือเป็นตัวอย่างผลงานชิ้นโบแดงที่โดนใจมหาชน

ทีมข่าวการเมือง

จับตาเพื่อแม้วเดินเกมแรง มุ่งช่วยปูให้พ้นคุกคดีจำนำข้าว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/226400

วันพุธ ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงจะผ่านการลงประชามติวันที่ 7 ส.ค.นี้หรือไม่ก็ตาม ผู้ที่ถือไพ่คุมเกมกำหนดทิศทางประเทศก็ยังคงเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเฉพาะหากร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำก็ต้องยกร่างรัฐธรามนูญกันใหม่ซึ่งก็ยังเป็นไปตามเกมของคสช. แต่ที่บรรดาพรรคการเมืองทั้งหลายวิตกก็คือ คสช.ยังอุบไต๋ไม่ยอมเผยว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่ต้องยกร่างใหม่ หากถูกคว่ำจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะอาจใช้ยาแรงเข้มข้นมากกว่าเดิมหรือดีไม่ดีอาจทำให้ คสช.อยู่ยาว

แต่สถานการณ์ที่ต้องจับตาก็คือการเดินเกมป่วนของขบวนการเพื่อแม้วนับจากนี้ไปจะดุเดือดร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งก่อนและหลังการลงประชามติ โดยเป้าหมายนอกจากคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงแล้ว ที่สำคัญกว่าก็คือการหาข้ออ้างสร้างสถานการณ์สุมไฟให้เกิดวิกฤติ เพื่อทำให้คสช.พ้นจากอำนาจโดยเร็วที่สุดโดยมีตัวเร่งก็คือ คดีโครงการรับจำนำข้าวที่งวดเข้าไปทุกขณะทั้งคดีทางแพ่งและทางอาญา

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ส่งสัญญาณว่าจะพยายามเร่งรัดคดีโครงการรับจำนำข้าวในส่วนที่อยู่ในอำนาจของรัฐบาลให้ได้ข้อยุติภายในปีนี้ ซึ่งล่าสุดมีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงนามในหนังสือบังคับทางปกครองเพื่อให้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ และพวกรวม 6 คน ชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินในคดีการซื้อขายข้าวแบบจีทูจีลอตแรกเป็นมูลค่าราว 2 หมื่นล้านบาท

ที่สำคัญคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิดซึ่งเป็นจำเลยคนสำคัญมีแนวโน้มที่จะถูกฟ้องให้ชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินจากคดีโครงการรับจำนำข้าวอาจเป็นมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท

แต่ชะตากรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือโทษทางอาญามีสิทธิติดคุกโดยไม่รอลงอาญาฐานกระทำผิดต่อหน้าที่โครงการรับจำนำข้าวและสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์เป็นมูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาท ซึ่งคดีนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งนับถอยหลังใกล้ชี้ชะตาเข้าไปเรื่อยๆ

ชะตากรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเรื่องที่ นายทักษิณชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก วิตกมากและจะไม่ยอมทนเห็นน้องสาวซึ่งเป็นหุ่นเชิดของตัวเองต้องเดินเข้าคุกอย่างเด็ดขาด จึงต้องทำทุกวิถีทางทำให้คสช.พ้นจากอำนาจโดยเร็วที่สุด ด้วยการสร้างสถานการณ์ให้เกิดวิกฤติความรุนแรงเปิดทางให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาไกล่เกลี่ยด้วยการเจรจาต่อรองเพื่อยุติปัญหา ซึ่งเป้าหมายของ นายทักษิณ ที่พยายามต่อรองมาตลอดหากจะยุติปัญหาความขัดแย้งก็คือต้องเซตซีโร่นั่นคือลบล้างโทษความผิดของตัวเองและพวกโดยใช้การนิรโทษกรรมทุกคนทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองนับตั้งแต่ก่อนรัฐประหารล้มรัฐบาลทักษิณเมื่อปี 2549 เป็นข้ออ้างบังหน้า

แต่ข้อเสนอเซตซีโร่ของนายทักษิณดูเหมือนจะถูกปิดประตูสนิทเพราะพล.อ.ประยุทธ์ส่งสัญญาณชัดเจนมาตลอดว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมายคนทำผิดต้องรับโทษ เพราะฉะนั้น แนวโน้มสถานการณ์มีแต่จะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่านการลงประชามติเพราะเป้าหมายสำคัญของขบวนการเพื่อแม้วคือช่วยน.ส.ยิ่งลักษณ์ให้พ้นชะตากรรมเป็นด้านหลัก ส่วนเรื่องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญปราบโกงเป็นด้านรอง

ทีมข่าวการเมือง

เพื่อแม้วฉวยโอกาสโหนกระแสตุรกี สุมไฟอำพรางโฉมหน้าแท้จริงตัวเอง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/226281

วันอังคาร ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

กะแล้วไม่มีผิดและไม่น่าแปลกใจที่หลังเกิดเหตุการณ์รัฐประหารล้มเหลวโดยทหารบางส่วนในกองทัพตุรกี ซึ่งหนึ่งในสาเหตุของรัฐประหารที่ล้มเหลวก็คือการลุกฮือต่อต้านของชาวตุรกีที่สนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ปรากฏว่าขบวนการเพื่อแม้วฉวยโอกาสโหนการรัฐประหารล้มเหลวในตุรกีมาเป็นเครื่องมือปลุกกระแสต้านรัฐประหารเชิดชูประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่ธาตุแท้ตัวตนที่แท้จริงของระบอบแม้วก็คือธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอม

หลังจากที่แกนนำขบวนการเพื่อแม้ว อาทิ นายวัฒนา เมืองสุข นายจาตุรนต์ ฉายแสง ออกมาเชิดชูการลุกฮือของชาวตุรกีเพื่อต้านการรัฐประหาร ล่าสุดพรรคเพื่อแม้วถึงกับออกแถลงการณ์ฉวยโอกาสโหนกระแสด้วยการยกย่องชัยชนะของชาวตุรกีที่ต้านการรัฐประหารจนสำเร็จ ขณะเดียวกันก็ส่อเจตนาปลุกระดมสุมไฟให้เกิดกระแสต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยู่ในที

ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. ออกมาตอบโต้ว่า พวกหน้าเดิมๆฉวยโอกาสโหนกระแสเหตุการณ์ในตุรกีหวังชี้นำสังคม สร้างความสับสนอย่างมีนัยแอบแฝงทั้งๆที่บริบทสถานการณ์ของไทยแตกต่างจากเหตุการณ์ในตุรกีอย่างสิ้นเชิง

ทั้งนี้ การรัฐประหารในตุรกีเกิดจากความคิดที่แตกต่างระหว่างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกับกองทัพตุรกีทั้งในเรื่องนโยบายการบริหารประเทศที่แอบอิงมหาอำนาจ รวมทั้งปัญหาความแตกต่างทางศาสนาแต่ความจำเป็นเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศของคสช.เกิดความล้มเหลวของรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่นอกจากทุจริตคอร์รัปชั่นครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างย่ามใจแล้ว ยังสร้างความแตกแยกในชาติอย่างลึกซึ้งรุนแรงจนเกิดการนองเลือดและนำประเทศสู่ทางตันเป็นรัฐล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

ประการต่อมาขณะที่การก่อกบฏในตุรกีเกิดกระแสต่อต้านจากชาวตุรกี แต่การเข้ายึดอำนาจของคสช. นอกจากไร้การต่อต้านและไม่มีการสูญเสียเลือดเนื้อแล้ว ยังได้การสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างสอดคล้องกันจากผลสำรวจของโพลล์สำนักต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ทั้งนี้เนื่องจากประชาชนเอือมระอากับความเหลวแหลกเลวร้ายของบรรดานักเลือกตั้งเต็มทน และอยากเห็นการปฏิรูปประเทศให้เดินไปข้างหน้าพ้นจากวงจรอุบาทว์ซ้ำซากเสียที

รัฐประหารที่ล้มเหลวในตุรกียังสะท้อนให้เห็นธาตุแท้ตัวตนของมหาอำนาจจอมอันธพาลโลกมะกันอันตรายซึ่งเป็นลูกพี่ที่ให้ท้ายขบวนการเพื่อแม้วโดยสร้างภาพอ้างประชาธิปไตยบังหน้า แต่แท้ที่จริงหนุนหลังกลุ่มทหารตุรกีที่ก่อรัฐประหารล้มเหลวโดยให้ที่พักพิงและไม่ยอมส่งมอบตัว นายเฟตุลลาห์ โกเลน ผู้นำจิตวิญญาณศาสนาอิสลาม ตามที่ผู้นำตุรกีกดดันเรืยกร้องโดยระบุว่า นายเฟตุลลาห์ โกเลน อยู่เบื้องหลังการก่อรัฐประหาร

ดังนั้น ประชาชนต้องรู้เท่าทันเล่ห์พรรคเพื่อแม้ว ซึ่งเป็นพรรคธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่สร้างภาพอำพรางโฉมหน้าที่แท้จริงอันชั่วร้ายของตัวเองหวังปูทางกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้ง

ทีมข่าวการเมือง

บิ๊กตู่วัดใจมหาชนวันประชามติ7สค. จะเดินหน้าหรือกลับสู่วงจรอุบาทว์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/226118

วันจันทร์ ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

นับถอยหลังอีก 21 วัน ก็จะถึงวันลงประชามติ 7 ส.ค.เพื่อรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่พร้อมกับคำถามพ่วงประเด็นที่มาของสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ท่ามกลางสารพัดวิชามารทุกรูปแบบของขบวนการที่จ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง

พรรคเพื่อแม้วนั้นชัดเจนว่าประกาศจุดยืนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญตั้งแต่ยังไม่ทันยกร่างด้วยซ้ำ โดยเป้าหมายของขบวนการเพื่อแม้วไม่เพียงคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่ยังส่อเจตนามุ่งล้มการปฏิรูปประเทศและบ่อนทำลายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และรัฐบาลให้พ้นจากอำนาจโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันก็โฆษณาชวนเชื่อสร้างภาพความชอบธรรมให้ตัวเอง หวังฟื้นระบอบแม้วกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศ

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคใหญ่ที่จะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญซึ่งจะกำหนดผลประชามติที่จะออกมา
แม้ก่อนหน้านี้จะแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญในหลายประเด็น แต่ก็แทงกั๊กว่าจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ต้องคำนึงถึงปัจจัยสถานการณ์ภาพรวมทางการเมืองด้วย และถึงที่สุดอาจเป็นไปได้ว่า ก่อนการลงประชามติพรรคประชาธิปัตย์อาจจะประกาศจุดยืนต่อสาธารณะแบบแทงกั๊กด้วยการปล่อยให้สมาชิกพรรคฟรีโหวต

สำหรับขบวนการเพื่อแม้วที่มีแม้แกนนำกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะกลุ่มเสื้อแดง นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดง จะพยายามชิงพื้นที่ข่าวปลุกระดมกระแสคว่ำร่างรัฐธรรมนูญแทบจะรายวัน ส่วนการเคลื่อนไหวใต้ดินถึงขั้นบิดเบือนว่าหากร่างรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติ โครงการรัฐสวัสดิการต่างๆ อาทิ 30 บาทรักษาทุกโรค เรียนฟรี 15 ปี เบี้ยยังชีพคนชราจะถูกยกเลิก โดยกลุ่ม นายจตุพรมั่นใจว่า ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการลงประชามติแน่ แต่แกนนำขบวนการเพื่อแม้วส่วนหนึ่งกลับกำลังวิตกว่าร่างรัฐธรรมนูญมีแนวโน้มจะผ่านการลงประชามติ โดยเฉพาะหากประชาชนภาคเหนือและภาคอีสานซึ่งมีอยู่จำนวนมากที่เข้ามาทำมาหากินอยู่ในกรุงเทพฯไม่กลับไปใช้สิทธิ์ เนื่องจากสถานการณ์การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 หรือการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา แตกต่างจากสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิงเพราะหลังการยึดอำนาจของคสช. มวลชนที่เคยสนับสนุนขบวนการเพื่อแม้วจำนวนไม่น้อยที่เบื่อหน่ายต่อวิกฤตการณ์ทางการเมืองเหมือนที่ผ่านมาโดยอยากเห็นการปรองดองและบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าเสียที อีกทั้งการลงประชามติครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกตั้งทั่วไปและรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องไกลตัวเข้าใจยากทำให้ประชาชนจำนวนมากอาจไม่สนใจออกมาใช้สิทธิ์

ทั้งนี้หากประชาชนที่เคยเป็นฐานคะแนนขบวนการเพื่อแม้วออกมาใช้สิทธิ์น้อยลงเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้โอกาสคว่ำร่างรัฐธรรมนูญน้อยลงเท่านั้นเพราะผลการลงประชามติวัดกันด้วยเสียงข้างมาก

มาทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ใช้ปฏิบัติการจิตวิทยาวัดใจมหาชนด้วยการกล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงเป็นความหวังและอนาคตในการปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะผ่านการลงประชามติหรือไม่ขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะตัดสินในวันที่ 7 ส.ค.นี้

คำประกาศของบิ๊กตู่เป็นการวัดใจมหาชนในยามบ้านเมืองอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนผ่านว่า ประชาชนส่วนใหญ่อยากเห็นประเทศเดินไปข้างหน้า หรือถอยหลังกลับไปสู่วงจรอุบาทว์อันเลวร้ายซ้ำซากแบบเดิมๆ

ทีมข่าวการเมือง

เพื่อแม้วงัดสารพัดวิชามาร ป่วนประชามติคว่ำรธน.ปราบโกง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/225977

วันอาทิตย์ ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

วันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง 7 ส.ค. ใกล้เข้ามาทุกขณะ ขณะที่ขบวนการเครือข่ายระบอบทักษิณใช้สารพัดวิชามารเดินเกมเข้มข้นท้าทายอำนาจรัฐและกฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันเพื่อบ่อนทำลายความชอบธรรมของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และรัฐบาล

การใช้สารพัดวิชามารของขบวนการระบอบทักษิณทำให้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ถึงกับประณามว่าเป็นการกระทำของคนไม่รักชาติเพราะทั้งปล่อยข่าวบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญและข่มขู่เจ้าหน้าที่ซึ่งออกเดินสายรณรงค์ชี้แจงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญให้กับชาวบ้านทั่วประเทศ ล่าสุดประธานกรธ.เผยว่า มีการใช้วิชามารแจกเอกสารชี้แจงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญอย่างบิดเบือนไปทั่วจ.เชียงใหม่และอีกหลายจังหวัดรวมทั้งในกทม.โดยเอกสารใช้ปกเลียนแบบเอกสารของกรธ. แต่เนื้อหาภายในแตกต่างอย่างสิ้นเชิง แสดงให้เห็นว่ามีการทำอย่างเป็นขบวนการเพราะต้องมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ดังนั้นจะหารือกับคสช.และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อสืบหาต้นตอที่อยู่หลังฉากขบวนการป่วนการทำประชามติ

สอดคล้องกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เคยเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า มีอดีตสส.บางพรรคใช้วิชามารไปปลุกระดมชาวบ้านในพื้นที่ของตัวเองด้วยการจงใจบิดเบือนว่า หากหนุนร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงและสนับสนุนคสช.และรัฐบาลให้มีอำนาจต่อไปจะมีการยกเลิกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค และโครงการเรียนฟรี 15 ปี

นอกจากการเดินเกมใต้ดินด้วยการปลุกระดมและแจกเอกสารบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญแล้ว เครือข่ายขบวนการเพื่อแม้วทั้งพรรคเพื่อไทย กลุ่มคนเสื้อแดง และนักชาการตลอดจนนักศึกษาสายเสื้อแดงหน้าเดิมๆ ต่างออกมาเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบเพื่อสร้างสถานการณ์ยั่วยุท้าทายให้อำนาจรัฐจับกุม เพื่อใช้ประเด็นเรียกร้องประชาธิปไตยและการถูกคุกคามสิทธิเสรีภาพเป็นข้ออ้างบังหน้าในการสุมไฟให้เกิดกระแสต้านคสช.และรัฐบาลทั้งในและจากนอกประเทศ

การเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่และกลุ่มอาจารย์สายเสื้อแดงที่มีการนำเอกสารต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงไปแจกตามสถานที่ต่างๆ ใส่เสื้อยืดทีสกรีนข้อความบนเสื้อมีเนื้อหาต่อต้านรัฐธรรมนูญ เรียกร้องประชาธิปไตย หรือลูกโป่งที่มีรูปแบบเนื้อหาเดียวกันแสดงว่าทำอย่างเป็นขบวนการและต้องได้รับท่อน้ำเลี้ยงจากคนที่ชักใยอยู่หลังฉาก

สารพัดวิชามารของขบวนการป่วนการทำประชามติครั้งนี้มีเป้าหมายคือ 1.ทำทุกวิถีทางเพื่อคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงเพราะเป็นหนามยอกอกของพรรคธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอม 2.ต้องการสร้างความระส่ำระสายปั่นป่วนในบ้านเมืองเพื่อทำลายสมาธิในการเดินหน้าปฏิรูปของคสช.และรัฐบาล 3.ต้องการทำลายความชอบธรรมของคสช.และรัฐบาลในกรณีหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติโดยอ้างเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนจากผลการลงประชามติเป็นเครื่องมือเคลื่อนไหว 4.ต้องการสุมไฟให้เกิดกระแสต่อต้านอำนาจรัฐทั้งในและนอกประเทศจนเป็นเงื่อนไขที่นำไปสู่การเปิดศึกแตกหัก

สารพัดวิชามารของขบวนการป่วนเมืองช่วงก่อนการลงประชามติถือเป็นการท้าทายบทบัญญัติแห่งมาตรา 61 วรรคสองของ พ.ร.บ.การทำประชามติมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็เป็นปัญหาท้าทายศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตาม พ.ร.บ.การทำประชามติซึ่งเพิ่งตั้งขึ้นโดยเป็นความร่วมมือกันระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีฝ่ายทหารและตำรวจคอยให้การสนับสนุน

เพราะฉะนั้นยิ่งใกล้วันลงประชามติเข้าไปมากเท่าไหร่ เชื่อว่าเกมป่วนเมืองด้วยสารพัดวิชามารของขบวนการระบอบทักษิณจะเข้มข้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆทั้งบนดินและใต้ดินทั้งเพื่อยั่วยุท้าทายและบ่อนทำลายความชอบธรรมของอำนาจรัฐ

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะใช้ไม้แข็งไม่ยอมให้มีการเคลื่อนไหวในลักษณะก่อกวนตีรวนป่วนช่วงการทำประชามติอย่างเด็ดขาดโดยพร้อมใช้กฎหมายเข้าจัดการกับขบวนการป่วนทั้งหลาย แต่ขณะเดียวกันก็พร้อมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายและยอมปลดล็อกการทำกิจกรรมของพรรคการเมืองต่างๆ หลังผ่านการทำประชามติไปแล้วแสดงให้เห็นถึงยุทธวิธีที่ใช้ทั้งลูกล่อลูกชนของคสช. อีกทั้งคสช.ยังมีแต้มต่อทางการเมืองเพราะแม้แผนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงขบวนการระบอบทักษิณจะประสบความสำเร็จ แต่คสช.และรัฐบาลก็ยังอยู่ในอำนาจต่อไปและอาจนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีเนื้อหาใช้ยาแรงที่เข้มข้นกว่าเดิมเพื่อขุดรากถอนโคนขจัดธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยให้อยู่หมัด

ทีมข่าวการเมือง

ปปง.พระเอกผู้จะมีบทบาทสำคัญ สอบฟอกเงินตีแผ่สำนักจานบิน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/225858

วันเสาร์ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ยิ่งสาวก็ยิ่งพบธาตุแท้ความไม่ชอบมาพากลและความเหิมเกริมในอิทธิพลด้วยการทำผิดกฎหมายรุกป่าสงวนแห่งชาติ หรือครอบครองที่ดินโดยผิดกฎหมายกินพื้นที่มหาศาลอย่างไม่เกรงกลัวอาญาแผ่นดินของสำนักจานบินซึ่งประเมินกันว่ามีทรัพย์สินทั้งในและนอกประเทศรวมกันมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านบาท มากกว่างบประมาณแผ่นดินถึงเกือบเท่าตัวจริงหรือไม่

ขุมทรัพย์มูลค่ามหาศาลเหล่านี้กำลังถูกตั้งคำถามว่ามีที่มาที่ไหนอย่างไรเข้าข่ายการฟอกเงินหรือไม่ และถูกครอบครองในชื่อวัดหรือกลายเป็นสมบัติของใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งซึ่งนอกจากผิดกฎหมายแล้วยังผิดพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งที่ผ่านมา สำนักจานบินถูกตั้งข้อสังเกตว่าใช้หลักการตลาดมุ่งทำธุรกิจขายบุญเพื่อสร้างรายได้มหาศาลมากกว่าที่จะเผยแผ่แก่นแท้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ขณะเดียวกัน ก็มีการนำรายได้ไปลงทุนเชิงธุรกิจในลักษณะเงินต่อเงินและส่อพฤติการณ์อาศัยเครือข่ายอิทธิพลฉ้อฉลทุกรูปแบบเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินมหาศาล ซึ่งกรณีอื้อฉาวคดีโกงเงินฝากของเหล่าคนชราที่สั่งสมมาทั้งชีวิตหวังกินดอกผลในบั้นปลายที่ฝากไว้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น แล้วเล่นแร่แปรธาตุผองถ่ายมายังเครือข่ายในสำนักจานบินคาดว่าเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาทของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ซึ่งตัวตนที่แท้จริงก็คือไวยาวัจกรคนใกล้ชิดของ ธัมมชโย เจ้าสำนักจานบิน จนนำมาสู่การออกหมายจับ ธัมมชโย ในข้อหาพัวพันการฟอกเงินและรับของโจรเป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างฉากหลังอันอื้อฉาวเลวร้ายของสำนักจานบิน

ส่วนกรณีรุกป่า ที่ดินสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) หรือที่ดินสาธารณะของสาขาสำนักจานบินทั่วประเทศพื้นที่มหาศาลนับวันจะถูกเปิดโปงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เพิ่งพบการทำสิ่งผิดกฎหมายอย่างเหิมเกริมของเวิลด์พีซวัลเล่ย์ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา สาขาสำนักจานบินซึ่งสร้างอย่างยิ่งใหญ่อลังการราวรีสอร์ทหรูมากกว่าจะเป็นสำนักปฏิบัติธรรม โดยมีการปลอมแปลงเอกสารรุกป่าและพื้นที่ส.ป.ก. ตลอดจนที่สาธารณะหลายร้อยไร่และทำผิดกฎหมายอีกหลายข้อหา ขณะเดียวกันมีการตรวจพบการรุกป่าและที่ส.ป.ก.สาขาสำนักจานบินในหลายจังหวัดทั่วประเทศ

ล่าสุดที่มีหลักฐานชัดเจนมัดตัว ธัมมชโย อย่างดิ้นไม่หลุดก็คือกรณีตรวจสอบพบว่า สวนป่าหิมวันต์ ซึ่งเป็นสาขาธรรมกายที่ อ.ภูเรือ จ.เลย ที่ถูกทิ้งรกร้างไม่มีผู้อยู่อาศัยพื้นที่ราว 129 ไร่ พบว่ามีการรุกป่าและที่สาธารณะโดยเดิมมีการออกเอกสารสิทธิน.ส.3ก.ครอบครองพื้นที่แค่ 84 ไร่ แต่กลับมีการรุกพื้นที่สาธารณะและเขตป่าสงวนแห่งชาติเพิ่มเติมอีกหลายสิบไร่ และยังตรวจสอบพบไม้ในป่าที่ถูกตัดจำนวนหนึ่งพร้อมหลักฐานเลื่อยโซ่

แต่ที่สำคัญก็คือชื่อผู้ครอบครองสวนป่าหิมวันต์ตามโฉนดน.ส.3ก. ก็คือ พระไชยบูลย์ สุทธิผล หรือธัมมชโยนั่นเอง ซึ่งการนำทรัพย์สินของวัดมาเป็นสมบัติส่วนตัวเคยทำให้ธัมมชโยถูกดำเนินคดีฐานยักยอกทรัพย์มาแล้วเมื่อปี 2541 จนในปี 2542 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาให้ ธัมมชโย ต้องอาบัติปาราชิกพ้นความเป็นสงฆ์ แต่ด้วยอิทธิพลของ ธัมมชโย ทำให้อยู่รอดลอยนวลมาจนทุกวันนี้

นอกจากสะสมที่ดินทั่วประเทศแล้วยังมีเสียงร่ำลือว่า ธัมมชโย มีรสนิยมชอบความหรูหราทั้งอาหารการกินต้องสั่งจากภัตตาคารเจ้าประจำ หรือเครื่องแต่งกายก็ต้องเป็นผ้าชั้นดีราคาแพงซึ่งสั่งจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังชอบสะสมทรัพย์สินที่เป็นของโบราณหรูซึ่งเหมือนกับ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง) แห่งวัดปากน้ำ ผู้เป็นอุปัชฌาย์ไม่ผิดเพี้ยน โดย สมเด็จช่วง ชอบสะสมรถเบนซ์โบราณหรูจนตกเป็นข่าวอื้อฉาวช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ ธัมมชโย ชอบช็อปปราสาทหรือโรงแรมโบราณที่หรูหรางดงามตระการตาอายุหลายร้อยปีในหลายประเทศของยุโรป อาทิ ซื้อปราสาทโบราณอายุนับร้อยปีที่เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษมูลค่าหลายร้อยล้านบาทตั้งเป็นสาขาสำนักธรรมกายสุดหรู หรือซื้อโรงแรมโบราณหรูอายุนับร้อยปีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท บนยอดเขาเสียดฟ้าที่มีทิวทัศน์งดงามตระการตาซึ่งเหมาะเป็นคฤหาสน์ตากอากาศหรูของบรรดามหาเศรษฐีมากกว่าจะเป็นสถานปฏิบัติธรรม

ด้วยอิทธิพลที่มีสาวกทั่วประเทศที่ศรัทธาในลัทธิขายบุญของสำนักจานบินจำนวนมากรวมทั้งทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลที่มากกว่างบประมาณแผ่นดินถึงเท่าตัวทำให้สำนักจานบินสามารถแผ่ขยายอิทธิพลแทบจะเรียกได้ว่ายึดครองแทบจะทุกองคาพยพของประเทศทั้งในหมู่นักการเมือง ข้าราชการระดับสูงหรือแม้แต่ในหมู่พระเถระผู้ใหญ่ทั่วประเทศ ขณะที่หน่วยงานด้านความมั่นคง จับตาพฤติกรรมของสำนักจานบินอย่างใกล้ชิดเพราะการแผ่ขยายอิทธิพลของสำนักจานบินอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เพราะมีทั้งพลังมวลชน เงินมหาศาลซึ่งมีศักยภาพถึงขั้นสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้ไม่ยาก

วัดนั้นเป็นสมบัติของสาธารณะไม่ควรตกเป็นสมบัติส่วนตัวของคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ดังนั้นปมในเรื่อง
ขุมทรัพย์มูลค่ามหาศาลของอาณาจักรลี้ลับที่ส่อมีที่มาที่ไปไม่ชอบมาพากลและมีการเล่นแร่แปรธาตุของสำนักจานบินจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตรวจสอบอย่างจริงจังทั้งระบบซึ่งหากพบการฟอกเงินทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องโดย
ไม่ละเว้น และทำให้ทรัพย์สินของวัดกลับมาเป็นของสาธารณะอย่างแท้จริง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในยุค พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการปปง.คนใหม่ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนายตำรวจตงฉินและต่อสู้เพื่อความถูกต้องมาตลอดชีวิตรับราชการจะเป็นความหวังในการตรวจสอบขุมทรัพย์สำนักจานบินซึ่งเป็นแดนสนธยามาหลายสิบปีและนับวันจะแผ่ขยายอิทธิพลจนส่อเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างถึงรากเพื่อทำความจริงให้ปรากฏและเพื่อความมั่นคงของชาติ

ทีมข่าวการเมือง

รัฐต้องเอาจริงตัดไฟแต่ต้นลม จับพวกวิชามารป่วนประชามติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/225687

วันศุกร์ ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

นับเป็นเรื่องที่ต้องชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่แสดงวุฒิภาวะความเป็นผู้นำกล้าตัดสินใจใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวจัดการ 2 เรื่องสำคัญซึ่งถือเป็นอีกผลงานชิ้นโบแดงของ คสช.

ผลงานชิ้นโบแดงแรกก็คือการยึดที่ดินส.ป.ก.ที่บรรดานายทุนผู้มีอิทธิพลครอบครองโดยผิดกฎหมายหลายแสนไร่ทั่วประเทศแล้วนำมาจัดสรรให้เกษตรกรที่ยากจนใช้เป็นที่ทำกิน ซึ่งปัญหานี้สั่งสมมาช้านานโดยที่รัฐบาลที่มาจากนักการเมืองปล่อยปละละเลยซ้ำนักการเมืองบางคนใช้อำนาจอิทธิพลฮุบที่ดินส.ป.ก.พื้นที่มหาศาลอย่างผิดกฎหมาย

ผลงานชิ้นโบแดงชิ้นที่สองก็คือ การยกเลิกการสรรหาตำแหน่งในองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งรวมทั้งตำแหน่งในสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาวอัปยศอยู่ในขณะนี้ โดยก่อนนี้ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติไม่รับรองการเสนอชื่อ นพ.เรวัต วิศรุตเวช อดีตอธิบดีกรมการแพทย์ เป็นผู้ตรวจการการแผ่นดินคนใหม่แทนคนเดิมที่หมดวาระไปแล้ว แต่คณะกรรมการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดินคนใหม่กลับดึงดันเสนอชื่อ นพ.เรวัต กลับมาให้ที่ประชุมสนช.รับรองอีกครั้งซึ่งผิดข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติอย่างสิ้นเชิงท่ามกลางเสียงร่ำลือว่า การเสนอชื่อ นพ.เรวัต อย่างอัปยศครั้งนี้มีใบสั่งและเกิดกระแสโจมตี สนช.อย่างหนักแม้แต่ในหมู่สมาชิกสนช.ด้วยกันเอง

การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้มาตรา 44 ยกเลิกการสรรหาตำแหน่งในองค์กรอิสระซึ่งรวมทั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงเท่ากับเป็นการขจัดปัญหาข้อครหาอย่างสิ้นเชิงอันเป็นการสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ รับฟังและยึดถือความถูกต้องเป็นที่ตั้ง

ขณะที่บ้านเมืองกำลังเดินหน้าปฏิรูปและเกิดสิ่งดีๆ ที่รัฐบาลจากการเลือกตั้งละเลยมานานมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ขบวนการเพื่อแม้วกลับยังตั้งหน้าตั้งตาบ่อนทำลายประเทศทั้งๆ ที่ตัวเอง คือ ต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดวิกฤติชาติจนประเทศหายนะล่มจมตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา

ความเคลื่อนไหวใช้วิธีสกปรกบ่อนทำลายความสงบของบ้านเมืองล่าสุดก็คือการใช้สารพัดวิชามารป่วนการทำประชามติโดยเฉพาะการเผยแพร่แจกจ่ายคำชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิงหวังคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงให้จงได้

อย่างกรณีล่าสุดมีการส่งจดหมายหลายพันฉบับไปหลายจังหวัดภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่ ลำปาง และลำพูน โดยภายในจดหมายมีใจความโจมตีร่างรัฐธรรมนูญโดยบิดเบือนว่าหากผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะมีการยกเลิกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค หรือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

การที่ขบวนการซึ่งใช้วิธีการสกปรกทุกรูปแบบเพื่อป่วนการทำประชามติย่อมสะท้อนให้เห็นว่าขบวนการกลุ่มนี้พร้อมทำชั่วได้ทุกอย่างแม้แต่การโกงชาติปล้นแผ่นดินมโหฬารจนชาติพินาศล่มจม บ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูง หรือก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเพื่อให้ตัวเองกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศ ซึ่งจากกรณีจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ หากรัฐไม่สามารถจับตัวขบวนการกลุ่มนี้มาลงโทษเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เชื่อได้เลยว่าสารพัดวิชามารก็จะยิ่งท้าทายอำนาจเหิมเกริมรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ทีมข่าวการเมือง

จับตาสำนักจานบินจับมือเพื่อแม้ว ปลุกม็อบผ้าเหลืองลุกฮือ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/225508

วันพฤหัสบดี ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

พุทธศาสนิกชนต้องจับตาดูกันต่อไปว่าเมื่อถึงเส้นตาย 7 วัน ตามคำขู่ของพระเมธีธรรมาจารย์หรือพระประสารจันทสาโร จะกล้าลองของปลุกม็อบผ้าเหลืองออกมาแสดงพลังกดดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯให้เร่งนำชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ประธานมหาเถรสมาคม (มส.) ขี้นทูลเกล้าฯสถาปนาเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่หรือไม่ เพราะนายกฯลุงตู่ปรามแล้วว่าหากทำผิดกฎหมายจับหมดไม่ว่าฆราวาสหรือสงฆ์

ทั้งนี้ ภายใต้คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ห้ามชุมนุมทางการเกิน 5 คน และต้องภายใต้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการชุมนุมในที่สาธารณะ ซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เท่านั้นถึงชุมนุมได้

งานนี้ต้องจับตาเครือข่ายสำนักจานบินและขบวนการเพื่อแม้วซึ่งเป็นพันธมิตรกันเพราะที่ผ่านมาจับมือกันปลุกม็อบพระเพื่อสร้างสถานการณ์ปั่นป่วน ขณะเดียวกันหวังบีบนายกฯลุงตู่ให้นำชื่อ สมเด็จช่วงขึ้นทูลเกล้าฯเป็นสมเด็จพระสังฆราชตามเส้นตาย

หากศึกษาปูมหลังของพระประสาร นอกจากเคลื่อนไหวสนับสนุนเครือข่ายสำนักจานบินมาตลอดแล้ว ยังเป็นเครือข่ายขบวนการเพื่อแม้วมาช้านาน โดยพระประสาร หรือที่ร่ำลือกันว่าแท้ที่จริงก็คือ นายประสาร หนองพร้าว อดีตแกนนำกลุ่มเสื้อแดง ที่สลัดคราบมาฝังตัวเคลื่อนไหวอยู่ในวงการผ้าเหลืองดังนั้นสำนักจานบินและขบวนการเพื่อแม้วจึงเป็นเนื้อเดียวกันอย่างแยกไม่ออก

อีกบุคคลหนึ่งที่ต้องจับตาและเชื่อว่าจะต้องมีส่วนในการปลุกม็อบผ้าเหลืองครั้งนี้ก็คือ นายเสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.)คนในสำนักจานบินมาช้านานโดยเคลื่อนไหวคู่ขนานกับพระประสาร มาตลอด

ล่าสุด นายเสถียร ตกเป็นข่าวอื้อฉาวพัวพันกับ “นางไก่” คุณหญิงกำมะลอ โดยเป็นคนผลักดันให้ออกพาสปอร์ตแก่ “นางไก่” ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยขณะนั้นนายเสถียร มีตำแหน่งเป็นเลขานุการของ นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ นอกจากนี้ยังต้องจับตาพระเสื้อแดง อาทิมหาหาโชว์ ทัสสนีโย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของ นายเสถียร

โดยบางคนในกลุ่มนี้อยู่เบื้องหลังการปลุกม็อบพระออกมาแสดงพลังที่พุทธมณฑลเพื่อกดดันให้เสนอชื่อ สมเด็จช่วง เป็นพระสังฆราชก่อนหน้านี้ และก่อเหตุวุ่นวายถึงกับม็อบพระล็อกคอรุมทำร้ายทหารมาแล้ว

เพราะฉะนั้นต้องรอดูกันต่อไปว่าขบวนการปลุกม็อบผ้าเหลืองจะกล้าลองของออกมาแสดงพลังท้าทายอำนาจรัฐหรือไม่เมื่อถึงเส้นตาย และหากมีม็อบผ้าเหลืองออกมาจริงสิ่งที่ต้องจับตาก็คือการระดมพระปลอมที่เป็นนักเลงหัวไม้ มวลชนคนเสื้อแดง รวมทั้งคนต่างด้าวที่ถูกว่าจ้างให้โกนหัวมาห่มผ้าเหลืองปะปนอยู่กับพระจริงเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายซึ่งมีเคยมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว

ทีมข่าวการเมือง