เชียร์ดีเอสไอสาวให้ถึงที่สุด คดีจานบินโกงสหกรณ์คลองจั่น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/222055

วันพฤหัสบดี ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

กรรมติดจรวดยิ่งสอบก็ยิ่งเจอหลักฐานขบวนการโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น มากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด พ.ต.ท.สมบูรณ์สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ถูกเล่นแร่แปรธาตุจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ไปยังเครือข่ายสำนักจานบินในคดีที่เกี่ยวข้องกับธัมมชโย เจ้าสำนักจานบินพบเช็คเพิ่มอีก 7 ฉบับ มูลค่าราว 450 ล้านบาททำให้เช็คที่โอนไปยังธัมมชโยและพวกมียอดรวม 27 ฉบับ มูลค่ารวมกว่า 1,400 ล้านบาท

นี่ยังไม่รวมยอดเงินเล่นแร่แปรธาตุที่ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเป็นคนสนิทของ ธัมมชโยยักย้ายถ่ายเทไปยังอดีตศิษย์ธรรมกายกลุ่มหนึ่ง เท่าที่ตรวจสอบพบเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาท โดยหนึ่งในตัวละครสำคัญที่ถูกดำเนินคดีเพราะถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะเป็นแหล่งฟอกเงินที่โกงจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น คือ นายสถาพร วัฒนาศิรินุกูลอดีตพระสำนักจานบิน ที่สึกเมื่อปี 2554 มาทำธุรกิจก่อตั้งบริษัทซึ่งมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นแค่ 10 ล้านบาทแต่ผ่านไปเพียง 2-3 ปี กลับมีทุนจดทะเบียนเพิ่มถึงกว่า 5,000 ล้านบาทซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติมาก

นอกจากนี้จากการสอบสวนของดีเอสไอยังพบว่า สาขาสำนักจานบินเนื้อที่ 150 ไร่ ที่จ.กาญจนบุรีซึ่งเป็นบ้านเกิดของ ทัตตชีโว รองเจ้าสำนักจานบิน ก็มีรายงานข่าวว่าเป็นที่ดินซึ่ง นายศุภชัย ซื้อไว้และถวายสำนักจานบินอย่างน่ากังขาจนถูกอายัดไว้เพราะสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่ถูกยักยอกจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น

เงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ถูกเล่นแร่แปรธาตุยักย้ายถ่ายเทมายังสำนักจานบินยังมีอีกมากมายทั้งที่ถูกดีเอสไอตรวจสอบพบแล้ว และรอการขยายผล โดยเงินบางส่วนถูกนำไปต่อยอดทางธุรกิจในลักษณะเงินต่อเงิน ซึ่งรวมทั้งสหกรณ์มงคลเศรษฐีที่ตั้งอยู่ภายในสำนักจานบิน ซึ่งการยักยอกเงินฝากของผู้ฝากเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่นำเงินซึ่งสะสมมาทั้งชีวิตมาฝากเพื่อหวังกินดอกผลในช่วงบั้นปลายชีวิตแต่กลับถูกโกงจนหมดเนื้อหมดตัวต้องเดือดร้อนทุกข์แสนสาหัสถือเป็นบาปหนัก อีกทั้งพฤติการณ์ฟอกเงินและรับของโจรตลอดจนทำธุรกิจในรูปแบบต่างๆถือว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์แท้และเข้าข่ายทำผิดพระธรรมวินัย

เพราะฉะนั้นคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่โยงกับธัมมชโยและเครือข่ายสำนักจานบินควรให้กำลังใจฝ่ายเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะดีเอสไอที่จะต้องมุ่งมั่นขยายผลขุดคุ้ยให้ถึงที่สุด เพื่อทำความจริงให้ปรากฏและที่สำคัญอย่างที่ พล.อ.ไพบูลย์คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ย้ำมาหลายครั้ง ว่าต้องทวงเงินฝากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ถูกโกงไปกลับมาคืนแก่เหล่าผู้สูงอายุหลายหมื่นคน ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อีกทั้งต้องสร้างมาตรฐานกระบวนการยุติธรรมไทยให้ศักดิ์สิทธิ์และพิสูจน์ให้เห็นว่า ผู้กระทำผิดไม่ว่าใหญ่หรือมีอิทธิพลแค่ไหนและไม่ว่าจะเป็นฆราวาสหรือสงฆ์ก็มีสิทธิถูกจับติดคุกและคนในประเทศนี้ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันอย่างเท่าเทียม

ทีมข่าวการเมือง

บิ๊กตู่กุมไพ่เด็ดรื้อแผลเก่า เอาผิดเหล่าแกนนำเพื่อแม้ว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/221863

วันพุธ ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

อำนาจรัฐเริ่มจะทันเกมด้วยปฏิบัติการเชิงรุกแบบตาต่อตาฟันต่อฟันไม่ว่าจะเป็นการเอาจริงใช้ความเด็ดขาดปิดศูนย์ปราบโกงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของกลุ่มแดงป่วนเมือง แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงกับออกมาเล่นบทสวนหมัดขบวนการเพื่อแม้วด้วยตัวเองโดยโทรสายตรงถึงนายบัน คี-มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เพื่อเปิดโปงเบื้องหลังเป้าหมายแอบแฝงของแก๊งแม้วป่วนเมือง

การต่อสายตรงถึงเลขาธิการยูเอ็นของผู้นำไทยครั้งนี้เป็นปฏิบัติการเชิงรุกชิงตัดหน้าก่อนที่กลุ่มเสื้อแดงนำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ จะนำทีมแกนนำเสื้อแดงโร่ไปฟ้องที่สำนักงานยูเอ็นประจำประเทศไทยว่าถูกอำนาจรัฐคุกคามสิทธิเสรีภาพด้วยการสั่งปิดศูนย์ปราบโกงประชามติเพียงวันเดียว

การต่อสายตรงคุยกับเลขาฯยูเอ็นครั้งนี้ได้รับการตอบรับด้วยความเข้าใจจาก นายบัน คี-มูน เป็นอย่างดีว่า ขบวนการกลุ่มอำนาจเก่าพยายามป่วนขัดขวางการปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงและเป็นอุปสรรคต่อการเดินไปสู่โรดแมปการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในปีหน้า นอกจากนี้เอกอัครรทูตไทยประจำองค์การสหประชาชาติเตรียมจะนำเอกสารชี้แจงอย่างเป็นทางการพร้อมทั้งข้อมูลความเคลื่อนไหวของขบวนการป่วนเมืองมอบต่อเลขาฯยูเอ็นเพื่อเป็นหลักฐานในเร็วนี้

จากปฏิบัติการสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่แปลกที่ยูเอ็นไม่ได้เออออห่อหมกเล่นตามเกมของแก๊งเสื้อแดงป่วนเมือง เพียงแสดงท่าทีวิตกกังวลในเรื่องสิทธิเสรีภาพของไทยพอเป็นพิธี โดยไม่ได้มีการตอบรับข้อเสนอของแก๊งแดงป่วนเมืองที่จะให้ยูเอ็นส่งคนมาร่วมสังเกตการณ์ทำประชามติแต่อย่างใด เพียงแนะว่าหากแก๊งแดงป่วนเมืองมีข้อมูลการโกงประชามติก็ให้ส่งมายังสำนักงานยูเอ็นประจำประเทศไทยเป็นกรณีไป

แต่ปฏิบัติการเชิงรุกที่น่าระทึกยิ่งกว่าก็คือสัญญาณจาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่เตือนขบวนการป่วนเมืองว่า ให้เตรียมรับมือแผลเก่าคดีที่เป็นชนักปักหลังให้ดี และถ้าโดนแล้วจะหนาวแล้วอย่าโวยวายก็แล้วกัน

ทั้งนี้ เหล่าแกนนำเสื้อแดงป่วนเมืองและพรรคเพื่อแม้วล้วนมีคดีติดตัวเป็นชนักปักหลังแทบทั้งสิ้น ซึ่งที่ผ่านมาขบวนการทางคดีล่าช้า หรือหลายคดีถูกแช่แข็งยุครัฐบาลกลุ่มอำนาจเก่าเรืองอำนาจ

แต่จากนี้เป็นต้นไป เรื่องหรือคดีทุจริตอื้อฉาวหรือเกี่ยวกับความมั่นคงต่างๆ ที่เงียบหายไปนานเชื่อว่าจะถูกรื้อฟื้นเร่งรัดให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเร็วขึ้นซึ่งนี่คือไพ่เด็ดของ “บิ๊กตู่” ที่ใช้ปฏิบัติการเชิงรุกด้วยกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมจัดการกับขบวนการป่วนเมืองกลุ่มอำนาจเก่าที่หลายคนปากกล้าแต่ขาสั่น

ทีมขาวการเมือง

คสช.เด็ดขาดปิดศูนย์แดงป่วนเมือง บทพิสูจน์ถ้าเอาจริงอะไรก็สำเร็จ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/221690

วันอังคาร ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

การที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้ความเด็ดขาดเอาจริงห้ามเปิดศูนย์ปราบโกงการทำประชามติทั่วประเทศทำให้ขบวนการกลุ่มเสื้อแดง นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ต้องถอยไม่เป็นท่า แต่ก็ยังพยายามแก้เกี้ยวหาเรื่องป่วนประเทศด้วยการหันไปเปิดศึกสุมไฟป่วนผ่านโซเชียลมีเดีย ขณะเดียวกันก็โร่ไปฟ้ององค์การสหประชาชาติชักศึกเข้าบ้านอ้างว่าถูกคุกคามสิทธิเสรีภาพและละเมิดสิทธิมนุษยชน

ผลสำรวจของโพลล์สะท้อนว่าประชาชนกว่า 70% ไม่เห็นด้วยกับการตั้งศูนย์ปราบโกงการทำประชามติเพราะเชื่อว่ามีเป้าหมายทางการเมืองแอบแฝงซึ่งจะทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง ซึ่งแม้แต่กลุ่มเสื้อแดงในหลายจังหวัดโดยเฉพาะที่จ.อุตรดิตถ์ ก็เมินเข้าร่วมตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติตามคำสั่งแกนนำเสื้อแดงส่วนกลาง เพราะเข็ดจากที่ผ่านมาถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือทำลายประเทศแต่พอถูกจับกลับโดนลอยแพ

ที่น่าสนก็คือที่จ.นครพนม เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกรวบตัวบุคคล 8 คน หลังจากที่มีการถ่ายภาพคู่กับป้ายศูนย์ปราบโกงประชามติแล้วนำออกเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งจากการสอบสวนผู้ที่ถูกจับกุมรับสารภาพว่า มีอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.นครพนม ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มเสื้อแดงว่าจ้างชาวบ้านหลายสิบคน คนละ 200 บาท ให้มาร่วมถ่ายภาพคู่กับป้ายศูนย์ปราบโกงประชามติเพื่อนำไปเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย

พฤติการณ์ใช้เงินจ้างบรรดาผีโม่แป้งมาจัดฉากหนุนศูนย์ปราบโกงประชามติเสื้อแดงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า แก๊งเสื้อแดงเครือข่ายเพื่อแม้วพร้อมใช้วิธีการสกปรกทุกรูปแบบสร้างภาพหลอกคนทั้งประเทศและมีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งสุมไฟให้เกิดวิกฤติในชาติโดยอ้างประชาธิปไตยบังหน้า ทั้งๆ ที่พฤติกรรมของขบวนเพื่อแม้วตลอดช่วงที่ผ่านมาตรงกันข้ามกับประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง

แม้จะปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของแก๊งเสื้อแดง แต่เชื่อได้เลยว่าเครือข่ายขบวนการเพื่อแม้วจะไม่หยุดความพยายามที่จะใช้วิธีการสกปรกทั้งบนดินใต้ดินสุมไฟป่วนประเทศแน่ ซึ่งหนึ่งในวิธีการสกปรกก็คือการปล่อยข่าวเท็จบ่อนทำลายอำนาจรัฐทางโซเชียลมีเดีย อาทิ กรณีล่าสุดที่มีการเผยแพร่เอกสารลับด่วนมากของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยมณฑลทหารบกที่ 38 ที่ส่งถึงหน่วยปฏิบัติในพื้นที่เกี่ยวกับแผนดำเนินการกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลโดยแบ่งตามประเภทบุคคลเป้าหมาย อาทิ แกนนำฮาร์ดคอร์หัวรุนแรงที่ขัดขวางการทำงานของรัฐบาลและคสช.ให้ดำเนินการจับตายหากขัดขืน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ยืนยันว่าเอกสารลับดังกล่าวเป็นของปลอมโดยกลุ่มผู้ไม่หวังดี พร้อมทั้งยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีความคิดเฮงซวยอะไรแบบนั้น โดยยึดการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือจัดการ

วิธีการสกปรกลักษณะนี้คงมีออกมาเรื่อยๆ และจะร้ายแรงมากขึ้นทุกขณะ เพราะฉะนั้นคสช.และรัฐบาลหากเจอการปล่อยข่าวเท็จบ่อนทำลายความมั่นคงต้องพยายามสืบหาต้นตอให้ได้และดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดจริงจังในทุกกรณีเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู

ทีมข่าวการเมือง

เสี่ยบุญชัยเชื่อใคร พระสังฆราชหรือธัมมชโย?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/221469

วันจันทร์ ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ทั้งๆ ที่สังคมมีสติตื่นรู้เท่าทันในสำนักจานบินมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก่อนหน้านี้แม้แต่เหล่าพระที่เป็นคนสนิทธัมมชโย เจ้าสำนักจานบินหลายต่อหลายรูปที่พบความผิดเพี้ยนจนต้องแยกทางเดินกับเจ้าสำนักจานบินซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ดร.นพ.มโน เลาหวณิช อาจารย์คณะแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ขณะนี้ออกมาเปิดโปงเบื้องหลังตัวตนที่แท้จริงของธัมมชโยให้สังคมได้รับรู้ แต่น่าแปลกที่คนซึ่งมีชื่อเสียงในสังคมอีกจำนวนหนึ่ง อาทิ เสี่ยบุญชัย เบญจรงคกุล มหาเศรษฐีหมื่นล้าน กลับยังศรัทธาคลั่งไคล้ในตัวธัมมชโยอย่างหัวปรักหัวปรำ

ล่าสุด เสี่ยบุญชัย ถึงขนาดส่อเจตนาปลุกระดมศิษย์สำนักจานบินให้ออกมารวมพลังกันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อปกป้อง ธัมมชโย ซึ่งเปรียบประดุจเทพเจ้าที่ถึงขนาดเปรียบว่าหากสิ้น ธัมมชโย เมื่อไหร่ก็สิ้นศิษย์สำนักจานบินเมื่อนั้น

ดังนั้นเพื่อให้ข้อคิดเปรียบเทียบและอาจเป็นการปลุกสติ เสี่ยบุญชัย คงต้องย้อนพฤติการณ์ของ ธัมมชโย
ในอดีตที่ถูกดำเนินคดีฐานยักยอกทรัพย์สินวัดมาเป็นสมบัติส่วนตัวและเผยแพร่ลัทธิคำสอนอันผิดเพี้ยนจากหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างสิ้นเชิงจนสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงตรวจสอบและมีพระบัญชาว่า ธัมมชโย ประพฤติผิดพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรงจริงจึงต้องปาราชิกพ้นความเป็นสงฆ์ตั้งแต่เมื่อปี 2542 แต่ด้วยอิทธิพลของ ธัมมชโย โดยใช้เหล่าสาวกสำนักจานบินเป็นโล่มนุษย์กดดันเจ้าหน้าที่ทำให้ลอยนวลอยู่เหนือกฎหมายมาจนทุกวันนี้

จนกระทั่งล่าสุด ธัมมชโย ถูกออกหมายจับฐานพัวพันการฟอกเงินและรับของโจรคดีโกงเงินของเหล่าคนชราที่สะสมมาทั้งชีวิตฝากไว้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นหวังกินดอกผลในบั้นปลายชีวิตแต่แล้วต้องหมดเนื้อหมดตัว ซึ่ง ธัมมชโย พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดโดยใช้วิธีการเดิมคืออาศัยเหล่าศิษย์สำนักจานบินเป็นโล่มนุษย์ขัดขวางหมายจับของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ทำให้สำนักจานบินถูกมองว่าไม่ต่างจากรัฐอิสระที่ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย

คดีโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นนั้นปรากฏพยานหลักฐานชัดเจนโดยตัวการสำคัญคือ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และเป็นคนใกล้ชิดของ ธัมมชโย รับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานและขณะนี้กำลังใช้กรรม โดยพยานหลักฐานเบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบพบชี้ว่ามีการโอนเงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นหลายพันล้านบาท ไปยังเครือข่ายธรรมกายโดยในจำนวนี้มีการโอนเข้าบัญชี ธัมมชโย เกือบ 1,000 ล้านบาท

จากพฤติการณ์ของธัมมชโยตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันน่าจะทำให้เสี่ยบุญชัยมีสติแยกแยะผิดถูกชั่วดีได้กระจ่างมากขึ้นโดยเปรียบเทียบว่าจะเชื่อในพระบัญชาของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯที่เคยชี้ขาดให้ธัมมชโยปาราชิกพ้นความเป็นพระ หรือจะเชื่อเจ้าลัทธิจานบิน

ทีมข่าวการเมือง

ถอดรหัส‘รู้แล้วจะหนาว’ ขบวนการใต้ดินสุมไฟวิกฤติชาติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/221366

วันอาทิตย์ ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ในช่วงหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ออกมาส่งสัญญาณแปร่งๆ และแข็งกร้าวในทำนองว่า หากบ้านเมืองยังไม่สงบ คสช.ก็จะอยู่ต่อไป และที่สำคัญคือการส่งสัญญาณผ่านรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” เมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยชี้ว่ามีบางกลุ่มกำลังเคลื่อนไหวเพื่อทำลายความมั่นคงในชาติในแบบที่รู้แล้วจะหนาวเพราะเป็นเรื่องที่เลวร้ายน่ากลัว

จากสัญญาณดังกล่าวทำให้บรรดานักข่าวและนักวิเคราะห์ต่างๆ พยายามถอดรหัสคำพูดของผู้นำประเทศที่เหมือนพยายามชี้ว่าขณะนี้มีขบวนการคลื่นใต้น้ำเตรียมวางแผนที่จะสร้างสถานการณ์รุนแรงครั้งใหม่

ขบวนการป่วนเมืองที่วางแผนสร้างสถานการณ์รุนแรงรอบใหม่หนีไม่พ้นเครือข่ายระบอบทักษิณและกลุ่มที่เป็นพันธมิตร โดยเครือข่ายระบอบทักษิณทั้งพรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดงยังคงเคลื่อนไหวบ่อนทำลายคสช.และรัฐบาลอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุดคือการตั้งศูนย์จับโกงประชามติบังหน้า แต่ซ่อนแผนปลุกพลังเสื้อแดงทั่วประเทศลุกฮือโดยเริ่มดีเดย์วันที่ 20 มิ.ย.นี้ ซึ่งเหมือนสัญญาณการเตรียมพร้อมสำหรับทำศึกใหญ่

ที่ต้องจับตาก็คือการจับมือกันสู้ระหว่างระบอบทักษิณและสำนักธรรมกายซึ่งเป็นพันธมิตรที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมานาน โดยขณะนี้ทั้งระบอบทักษิณและสำนักธรรมกายต่างตกอยู่ในภาวะหลังพิงฝาเสี่ยงต่อการล่มสลายด้วยกันทั้งคู่จึงต้องจับมือกันสู้แบบเลือดเข้าตา โดยทั้งระบอบทักษิณและสำนักธรรมกายต่างทรงอิทธิพลทั้งขุมกำลังมวลชนทั่วประเทศ และเงินที่มีอยู่มหาศาล

ในอดีตระบอบทักษิณซึ่งมีกลุ่มเสื้อแดงและกองกำลังใต้ดินเป็นเครื่องมือเคยสร้างสถานการณ์เพื่อชิงอำนาจรัฐด้วยการก่อจลาจลทั่วกทม.และบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนและผู้นำชาติมหาอำนาจคู่เจรจาที่พัทยาเมื่อปี 2552 ตามด้วยสร้างสถานการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองในปี 2553 หรือแม้แต่หลังการเข้ายึดอำนาจของคสช.ก็เกิดการลอบวางระเบิดป่วนเมืองหลายครั้ง ขณะที่คสช.เคยบุกกวาดล้างจับกุมกองกำลังเสื้อแดงกลุ่มใหญ่กว่า 20 คน พร้อมทั้งอาวุธสงครามร้ายแรงจำนวนมากได้ที่จ.ขอนแก่น หลังยึดอำนาจใหม่ๆ ซึ่งกองกำลังแดงติดอาวุธหลายคนรับสารภาพว่ารับแผนจากนายใหญ่ในต่างแดนด้วยท่อน้ำเลี้ยงเบื้องต้น 5 ล้านบาท เพื่อเตรียมก่อวินาศกรรมระเบิดป่วนครั้งใหญ่ทั่วประเทศโดยเริ่มที่จ.ขอนแก่นเป็นจุดแรกก่อนลุกลามไปยังจังหวัดอื่นๆ ภายใต้รหัส “ขอนแก่นโมเดล”

และที่ต้องจับตาคือชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาซึ่งที่ผ่านมาส่อพฤติการณ์หนุนหลังขบวนการป่วนเมืองระบอบทักษิณมาตลอด

ทั้งนี้เหตุการณ์ลอบก่อวินาศกรรมระเบิดที่แยกราชประสงค์ใจกลางเมืองหลวงเมื่อปีที่แล้ว หรือแม้แต่การลอบวางระเบิดที่ห้างสมุยเฟสติวัลจ.สุราษฎร์ธานีก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวของหน่วยงานด้านความมั่นคงว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับกองกำลังใต้ดินระบอบทักษิณ โดยมีข้อน่าสังเกตว่า หลังจากที่มีการจับตัวผู้ต้องหาระเบิดที่แยกราชประสงค์ซึ่งเป็นชาวต่างชาติได้ 2 คน ปรากฏว่าทนายเสื้อแดงได้แสดงตัวเป็นทนายแก้ต่างให้กับผู้ต้องหามือระเบิดทันที

นอกจากนี้ การลอบวางระเบิดกลางกรุงหลายครั้งในอดีตมีเบาะแสพบว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เป็นพวกมือปืนรับจ้างบางกลุ่มที่มีเบาะแสเกี่ยวข้องกับนักการเมืองกลุ่มอำนาจเก่าในจังหวัดชายแดนภาคใต้บางคน และสิ่งที่น่าวิตกก็คือการที่ขบวนการป่วนเมืองอาจว่าจ้างกลุ่มก่อการร้ายจากนอกประเทศเข้ามาก่อเหตุรุนแรง

ดังนั้นสัญญาณจาก พล.อ.ประยุทธ์ที่ว่ามีขบวนการวางแผนบ่อนทำลายความมั่นคงที่รู้แล้วจะหนาวอาจสะท้อนจากรายงานข่าวกรองที่ทั้งลับและลึกจากหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ขณะนี้ติดตามความเคลื่อนไหวของขบวนการคลื่นใต้น้ำที่จ้องก่อเหตุร้ายแบบไม่คาดสาดตา

ทีมข่าวการเมือง

จับตาเพื่อแม้วจับมือจานบิน ชูปชต.ดับเครื่องชนคสช.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/221274

วันเสาร์ ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

การเปิดตัวออกมาเปิดศึกดับเครื่องชนท้าทายอำนาจรัฐของขุนพลคนสำคัญเครือข่ายขบวนการเพื่อแม้วแบบยกทีมด้วยการประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงเป็นชนวนสุมไฟให้เกิดวิกฤติ ขณะที่สำนักจานบินก็เล่นเกมหักมุมด้วยการอ่านแถลงการณ์ตั้งแง่อ้างว่าธัมมชโยเจ้าสำนักจานบินจะยอมมอบตัวตามหมายจับฐานพัวพันฟอกเงินและรับของโจรคดีโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ก็ต่อเมื่อบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเท่านั้นถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาเพราะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าสองพันธมิตรอันทรงอิทธิพลที่แนบแน่นกันมาช้านานกำลังจับมือกันเพื่อเปิดศึกแตกหักกับอำนาจรัฐครั้งสำคัญ

การที่ 17 ขุนพลของขบวนการเพื่อแม้วออกมาแสดงจุดยืนพร้อมใจกันไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงถือเป็นการส่งสัญญาณดับเครื่องชนคสช. เช่นเดียวกับสำนักจานบินที่ขณะนี้อยู่ในภาวะหลังพิงฝาพร้อมสู้แบบเลือดเข้าตาเพื่อปกป้อง ธัมมชโย

ที่ผ่านมาเครือข่ายขบวนการเพื่อแม้วและสำนักจานบินช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอดทั้งเปิดเผยและปิดลับเพื่อเดินไปสู่เป้าหมายยึดครองประเทศไว้ในอุ้งมือให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยฝ่ายหนึ่งพยายามแผ่ขยายอิทธิพลครอบงำฝ่ายอาณาจักรขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งขยายอิทธิพลครอบงำฝ่ายศาสนจักร ซึ่งความเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นจึงไม่แปลกที่ยุครัฐบาลทักษิณเรืองอำนาจสุดขีดสั่งถอนฟ้อง ธัมมชโย ในคดียักยอกทรัพย์สินวัดมาเป็นสมบัติส่วนตัวเอาดื้อๆ เพียงไม่กี่วันก่อนศาลจะพิพากษาชี้ชะตาทำให้ ธัมมชโย รอดคุกพ้นจากการถูกจับสึกมาจนทุกวันนี้หรือไม่

ขณะที่สำนักจานบินก็มีส่วนหนุนช่วยการเคลื่อนไหวของขบวนการเพื่อแม้วโดยมีข่าวร่ำลือและถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นจุดพักของกองกำลังเสื้อแดง

นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในช่วงที่ผ่านมาก็มีสาวกสำนักจานบินส่วนหนึ่งเข้าร่วมด้วย เช่นเดียวกันโล่มนุษย์สาวกสำนักจานบินเพื่อปกป้อง ธัมมชโย ก็มีการ์ดและมวลชนเสื้อแดงปะปนในคราบสาวกชุดขาวเพื่อขัดขวางการบุกจับ ธัมมชโย

แถลงการณ์ของสาวกสำนักจานบินบิดประเด็นหักมุมจากที่เคยอ้างอาการป่วยหนักของ ธัมมชโย เพื่อหนีหมายจับมาเป็นประเด็นธัมมชโย จะยอมมอบตัวต่อเมื่อมีรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงเท่านั้นถือเป็นการแสดงจุดขายผนึกกำลังกับขบวนการเพื่อแม้วอย่างเป็นเนื้อเดียวกันโดยมีเป้าหมายปฏิเสธอำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และชูประชาธิปไตยเป็นข้ออ้างบังหน้าในการเคลื่อนไหวจากนี้ไป

ดังนั้นสถานการณ์จากนี้ไปต้องจับตาอย่ากะพริบสำหรับการจับมือกันของสองกลุ่มพลังอันทรงอิทธิพลคือขบวนการเพื่อแม้วกับสำนักจานบินที่ส่งสัญญาณพร้อมเปิดศึกแตกหักกับอำนาจรัฐเพราะต่างก็ตกอยู่ในภาวะหลังพิงฝาด้วยกันทั้งคู่

ทีมข่าวการเมือง

สำนักจานบินส่อตะแบงตั้งตัวเป็นรัฐอิสระ?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/221084

วันศุกร์ ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

การเข้าตรวจค้นในสำน้กจานบินเพื่อควบคุมตัวธัมมชโย เจ้าสำนักจานบินมาดำเนินคดีตามกฎหมายฐานพัวพันฟอกเงินและรับของโจรคดีโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถูกต่อต้านขัดขวางจากพระและเหล่าโล่มนุษย์สาวกจานบินตามคาด

การที่มีการนำรถแบ๊กโฮขนาดใหญ่สองคันมาจอดขวางหน้าประตูทางเข้า หรือการระดมสาวกซึ่งไม่รู้ว่าเป็นสาวกแท้หรือเทียมนั่งขวางทางเข้าสู่ภายในสำนักจานบิน และที่น่าสังเกตคือบรรดาโล่มนุษย์ต่างพากันสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเพื่ออำพรางและหลบเลี่ยงการถูกดำเนินคดี ตามมาตรา 189 ของประมวลกฎหมายอาญาฐานขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่หรือช่วยเหลือหรือให้ที่พักพิงกับผู้ต้องหาตามหมายจับ

ก่อนหน้านี้ในบรรดาสาวกสำนักจานบินที่ออกมาแสดงพลังปกป้อง ธัมมชโย พบว่ามีการ์ดเสื้อแดงปะปนอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกันก็มีการเผยแพร่คลิป มีการระดมชาวต่างด้าวซึ่งคาดว่ามาจากประเทศเพื่อนบ้านนำมาสวมเสื้อขาวและแฝงตัวอยู่ในสำนักจานบิน

สำนักจานบินยกข้ออ้างสารพัดเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายในการคุมตัว ธัมมชโยทำให้มีการตั้งข้อสงสัยว่าอาจเพราะเกรงว่าความจริงเรื่องที่สำนักจานบินอ้างมาตลอดว่า ธัมมชโย ป่วยหนักจะถูกเปิดเผยว่าเป็นการสร้างภาพและที่สำคัญกลัวว่าหาก ธัมมชโย ไม่ได้รับการประกันตัวต้องถูกจับสึก

ทั้งนี้หาก ธัมมชโย ป่วยหนักขั้นโคม่าจริงอย่างที่อ้างทำไมเอาชีวิตมาเสี่ยงด้วยการรักษาตามมีตามเกิดในคลินิกเล็กๆ ภายในสำนักจานบิน ทั้งๆ ที่ต้องไปรักษาตัวในโรงพยาบาลที่มีทีมแพทย์และอุปกรณ์ที่พร้อมช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน และที่สำคัญก่อนหน้านี้มีการเผยแพร่คลิปภาพ ธัมมชโย ยังเดินปร๋อได้ตามปกติ

อีกทั้งหาก ธัมมชโย และเหล่าสาวกมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดตามหมายจับก็ควรที่จะมอบตัวสู้คดีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรมอย่างสง่าผ่าเผยไม่ใช่ใช้เล่ห์ศรีธนญชัยหลบเลี่ยงทุกวิถีทางอย่างที่ผ่านมา

หนึ่งในข้ออ้างสุดตะแบงดื้อด้านของสาวกสำนักจานบินในการปกป้อง ธัมมชโยก็คือข้ออ้างว่าบ้านเมืองมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เท่านั้น ธัมมชโย ถึงยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

สำหรับ ธัมมชโย หากเป็นสงฆ์แท้และเป็นผู้วิเศษจริงอย่างที่สร้างภาพโอ้อวดมาตลอดย่อมต้องละแล้วซึ่งกิเลสพร้อมที่จะสละทุกสิ่งเพื่อโลกและมนุษยชาติโดยไม่คำนึงถึงตัวเอง ในทางตรงกันข้ามหากเป็นอลัชชีในคราบผ้าเหลืองจะเห็นแก่ตัวถึงกับใช้เหล่าสาวกมาเป็นโล่มนุษย์เพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเองให้พ้นจากโทษความผิดตามหมายจับ

จากพฤติการณ์ขัดขวางการจับกุมธัมมชโยของสำนักจานบินถือเป็นการส่อพฤติการณ์ตั้งตัวเป็นอาณาจักรรัฐอิสระที่อยู่เหนือกฎหมายซึ่งถือเป็นเรื่องอันตราย เพราะเท่ากับกฎหมายไร้ความหมายสิ้นเชิง

ทีมข่าวการเมือง

ธัมมชโยหนีหมายจับได้ชั่วคราว แต่ยังไงก็หนีกรรมไม่พ้น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/220913

วันพฤหัสบดี ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
สำหรับธัมมชโย เจ้าสำนักจานบินขณะนี้คงไม่สามารถใช้อิทธิฤทธิ์หนี กรรมและความจริงไปได้อีกแล้ว หลังพยายามยื้อเกมถ่วงเวลาหนีหมายจับข้อหาพัวพันฟอกเงินและรับของโจรคดีโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมานาน เพราะมาถึงจุดที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประกาศ 2 ทางเลือกสำหรับชะตากรรมของธัมมชโยคือ มอบตัวหรือบุกจับ

ล่าสุดมีรายงานข่าวภายหลังการหารือระหว่างตัวแทนดีเอสไอและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่นำโดย พล.ต.อ.ศรีวรา รังสิพรหมกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยวางแผนจัดกำลังเจ้าหน้าที่ดีเดย์เตรียมเข้าจับกุม ธัมมชโย ในวันศุกร์ที่ 17 มิ.ย.นี้

มีความพยายามอ้างว่าในเมื่อดีเอสไอยื่นฟ้องต่ออัยการแล้วก็ควรรอฝ่ายอัยการ ซึ่งจะชี้ขาดส่งฟ้องต่อศาลหรือไม่ ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ จึงไม่ควรบุกจับ ธัมมชโย ในช่วงนี้ ซึ่งการที่ดีเอสไอต้องรีบจับตัว ธัมมชโย ให้ได้เพราะมีปัญหาข้อกฎหมายตามมาตรา 120 ของประมวลกฎหมายอาญาที่บัญญัติว่า “ห้ามมิให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีใดต่อศาลโดยมิได้มีการสอบสวนในความผิดนั้นก่อน” ซึ่งหมายความว่าต้องได้ตัว ธัมมชโย และต้องมีการสอบสวนก่อน อัยการจึงส่งฟ้องศาลได้

ถึงเวลานี้สังคมได้รับรู้ความจริงหูตาสว่างกันทั้งประเทศแล้วว่าการออกหมายจับครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องการกลั่นแกล้งอย่างที่พยายามบิดเบือน แต่มีจุดเริ่มต้นมาจากคดียักยอกเงินคนชราที่ฝากไว้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นเพื่อหวังกินดอกผลในช่วงบั้นปลายชีวิตอันเป็นคดีที่เกิดขึ้นนานแล้ว โดยเงินกว่า 16,000 ล้านบาทถูก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โกง แล้วยักย้ายถ่ายเทเงินส่วนหนึ่งโอนเข้าบัญชี ธัมมชโย และเครือข่ายศิษย์สำนักจานบิน ซึ่งมีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อถูกโกงแจ้งความให้ดำเนินคดีกับขบวนการยักยอก ซึ่งดีเอสไอทำตามหน้าที่ขยายผลการสอบสวนจนนำมาสู่การออกหมายจับ ธัมมชโย และพวก

คดีนี้มีความชัดเจนจากการสารภาพครั้งล่าสุดของ นายศุภชัย เองที่ระบุว่ามีขบวนการยักย้ายถ่ายเทเงินที่ยักยอกและยอมรับว่าตัวเองเป็นคนสนิทของ ธัมมชโย ถึงกับมีรหัสลับเวลาสื่อสารเรียกชื่อกัน นอกจากนี้การที่ นางศศิธร โชคประสิทธิ์ หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับและเป็นศิษย์สำนักจานบินหนีออกนอกประเทศเป็นการฟ้องชัดอยู่แล้วว่าผิดจริง

การที่สำนักจานบินพยายามประโคมสร้างภาพมั่นใจในความบริสุทธิ์ของ ธัมมชโย นั้น ทำให้เกิดคำถามว่าถ้าอย่างนั้นทำไมไม่มอบตัวสู้คดีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรม แต่กลับพยายามยื้อหนีหมายจับมาตลอด

นอกจากนี้การที่สำนักจานบินออกแถลงการณ์ซึ่งมีเนื้อหาอ้างว่าการดำเนินคดีกับ ธัมมชโย จะสร้างผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาอย่างใหญ่หลวงนั้นถือเป็นการส่งสัญญาณเชิงข่มขู่ใช้อิทธิพลสำนักจานบินทั้งเงินและสาวกที่มีอยู่ทั่วประเทศกดดันไม่ต่างจากการใช้กฎหมู่เหนือกฎหมายและสะท้อนว่า ธัมมชโย แตะไม่ได้ทั้งๆ ที่มีสถานะเป็นผู้ต้องหาหนีหมายจับ

ความจริง ธัมมชโย นั่นแหละที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าสั่นคลอนวงการพระพุทธศาสนาด้วยการประพฤติผิดพระธรรมวินัยร้ายแรงทั้งการยักยอกทรัพย์สินของวัดมาเป็นสมบัติส่วนตัวและเผยแพร่ลัทธิพุทธพาณิชย์ขายบุญ รวมทั้งอวดอุตริมนุสธรรมแสดงตัวเป็นผู้วิเศษจน สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เคยมีพระบัญชาให้ปาราชิกพ้นความเป็นพระตั้งแต่ปี 2542

เพราะฉะนั้นได้แต่หวังว่าธัมมชโยจะสำนึกเห็นแก่ชาติบ้านเมืองและวงการพุทธศาสนาด้วยการยอมมอบตัวก่อนที่ดีเอสไอจะบุกจับ เพราะถึงจะดันทุรังคิดสู้ยังไงก็หนีกฎแห่งกรรมไปไม่พ้น เพราะนี่ไม่ใช่ยุคระบอบแม้วครองเมืองที่จะพลิกขาวเป็นดำพลิกดำเป็นขาวเหมือนในอดีต

ทีมข่าวการเมือง

วิกฤติศรัทธาองค์กรสงฆ์ ถูกสงสัยส่อป้องธัมมชโย?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/220716

วันพุธ ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.
ปัญหาของธัมมชโย เจ้าสำนักจานบินมีการตั้งข้อสังเกตว่าความจริงควรจบด้วยการพ้นความเป็นสงฆ์ไปตั้งแต่ปี 2542 ตามพระบัญชาของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เนื่องจากปาราชิกประพฤติผิดพระธรรมวินัยร้ายแรงฐานยักยอกทรัพย์สินของวัดมาเป็นสมบัติส่วนตัวและเผยแพร่ลัทธิที่ผิดเพี้ยนไปจากแนวคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างสิ้นเชิง แต่ธัมมชโยก็ยังลอยนวลมาจนถึงปัจจุบันโดยถูกตั้งข้อสงสัยว่าเพราะได้รับการปกป้องจากองค์กรสงฆ์สูงสุดคือมหาเถรสมาคม (มส.) ตลอดจนพระชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลายที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าล้วนอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักจานบิน

สงฆ์ในปัจจุบันประพฤติผิดพระธรรมวินัยมีให้เห็นทั่วไป แม้แต่พระเถระชั้นผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยที่ยังมัวเมาอยู่ในกิเลส ตัณหา ลาภยศ สรรเสริญและผลประโยชน์ เล่นพรรคเล่นพวกหรือแม้แต่เสียงร่ำลือในเรื่องซื้อขายตำแหน่งสงฆ์ วัดกลายเป็นแหล่งผลประโยชน์มูลค่ามหาศาลและเป็นแหล่งเสพสุขของอลัชชีในคราบผ้าเหลืองบางคนจนเป็นข่าวปรากฏอยู่เสมอ โดยก่อนหน้านี้ก็มีการเผยแพร่คลิปพระเถระผู้ใหญ่ระดับถึงเจ้าคณะจังหวัดมั่วอยู่กับสีกาสาวที่ตัวเองส่งเสีย ซึ่งพอถูกจับได้ก็จะมีพระผู้ใหญ่ที่มีตำแหน่งเหนือกว่าออกมาปกป้อง

อดีตสมี 18 มงกุฎในคราบผ้าเหลืองที่ผู้คนเคยศรัทธากราบไหว้กันทั่วบ้านทั่วเมืองราวผู้วิเศษแต่ในที่สุดก็ตกเป็นข่าวอื้อฉาวโด่งดังหลังถูกเปิดโปงพฤติกรรมชั่วจนถูกจับสึกมีให้เห็นมาแล้วมากมาย อาทิสมียันตระ สมีนิกร สมีภาวนาพุทโธ สมีเณรคำ ซึ่งในที่สุดสมีเหล่านี้หนีไม่พ้นกรรมชั่วถูกจับสึก บางคนเข้าคุก แต่บางคนหอบเงินจากศรัทธาของชาวบ้านไปเสพสุขในต่างแดน

เหล่าอลัชชีในคราบผ้าเหลืองที่มีอยู่อย่างดาษดื่นสะท้อนความเน่าเฟะภายใต้การดูแลขององค์กรสงฆ์ โดยสงฆ์ปัจจุบันแฝงด้วยเรื่องผลประโยชน์ ขณะที่สงฆ์แท้ที่ยึดพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดหาได้ยากยิ่ง ดังนั้นอาจไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากจะมีอลัชชีในคราบผ้าเหลืองทั่วประเทศตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักจานบินและคอยออกมาปกป้อง ธัมมชโย

สำหรับมส.ที่มี สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็นพระอุปปัชฌาย์ของ ธัมมชโย เป็นประธานที่ผ่านมาส่อเจตนาปกป้อง ธัมมชโย ทั้งๆ ที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เคยทรงมีพระบัญชาให้ ธัมมชโย พ้นความเป็นสงฆ์ไปแล้วตั้งแต่ปี 2542

อย่างกรณีที่ ธัมมชโย ถูกออกหมายจับฐานพัวพันฟอกเงินและรับของโจรคดีโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น แต่องค์กรสงฆ์ส่อเกียร์ว่างไม่ดำเนินการกับ ธัมมชโยทำให้ล่าสุด หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐมเข้าแจ้งความที่กองบังคับการตำรวจภูธรจ.ปทุมธานี เพื่อให้เอาผิด พระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ของกฎหมายอาญา และละเมิด พ.ร.บ.สงฆ์ รวมทั้งกฎมหาเถรสมาคมเนื่องจากไม่ดำเนินการเอาผิดกับ ธัมมชโย ซ้ำให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีอำนาจเรียก ธัมมชโย มาพบเนื่องจากคดีฟอกเงินและรับของโจรไม่ใช่คดีทางสงฆ์

จากพฤติการณ์ส่อปกป้องธัมมชโยขององค์กรสงฆ์ในช่วงที่ผ่านมาได้ก่อให้เกิดวิกฤติศรัทธาในหมู่พุทธศาสนิกชนมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้คำถามและข้อสังเกตว่า หรือขณะนี้จะอยู่ในยุคมืดที่อลัชชีครองศาสนจักร

ทีมข่าวการเมือง

เพื่อแม้วจ้องหาเรื่องป่วน จุดชนวนประชามติสุมไฟวิกฤติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/220551

วันอังคาร ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ช่วงนี้การออกมาเคลื่อนไหวแบบดับเครื่องชนของขบวนการเพื่อแม้วที่มีกลุ่มเสื้อแดงภายใต้การนำของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง เป็นหัวหอกส่อเจตนาสุมไฟป่วนการทำประชามติให้ปัญหาลุกลามบานปลายด้วยการเตรียมทดสอบการแสดงพลังเครือข่ายเสื้อแดงทั่วประเทศในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ภายใต้ข้ออ้างเพื่อตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติโดยไม่สนใจคำเตือนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แม้แต่น้อย

การตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติของขบวนการเพื่อแม้วถูกมองว่าเป็นเรื่องตลกอย่างไม่อายตัวเอง เพราะรู้กันทั่วไปว่าขบวนการเพื่อแม้วโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างมโหฬารในช่วงครองอำนาจจนเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คสช.ต้องยึดอำนาจ

การตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติกำลังถูกขยายผลใช้เป็นเครื่องมือชักศึกเข้าบ้านของขบวนการเพื่อแม้วโดยเตรียมทำเรื่องถึงองค์การสหประชาชาติและนานาประเทศให้เข้ามาสังเกตการณ์ป้องกันการโกงทำประชามติ

ขบวนการเพื่อแม้วชักศึกเข้าบ้านทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเถลิงถวัลยราชสมบัติมาครบ 70 ปี โดยเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลกจนผู้นำหลายประเทศทั่วโลกและนานาประเทศต่างยกย่องเชิดชูพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงตรากตรำทำงานหนักตลอด 70 ปีเพื่อความผาสุกของปวงชนชาวไทย และล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศ เชิญทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงการจัดฉลอง 70 ปี การทรงครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวข้ามปี

ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ประกาศกร้าวห้ามตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติอย่างเด็ดขาด เพราะส่อเจตนาตีรวนและจะเป็นแบบอย่างให้กลุ่มต่างๆ ก็ออกเคลื่อนไหวจนเกิดความวุ่นวาย อีกทั้งการตั้งศูนย์ลักษณะนี้ไม่มีกฎหมายรองรับ อีกทั้งมีหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ป้องกันทุจริตอยู่แล้วคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งหากขบวนการเพื่อแม้วคิดลองของจะจัดการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด

แต่ดูเหมือนว่าเครือข่ายขบวนการเพื่อแม้วดับเครื่องชน โดยไม่สนใจอำนาจคสช.แม้แต่น้อยโดยพยายามสุมไฟให้เกิดวิกฤติ ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าอะไรคือเป้าหมายของขบวนการเพื่อแม้ว ซึ่งคำตอบก็คือเพื่อยั่วยุท้าทายของคสช.จับกุมเพื่อให้เรื่องบานปลายจนเกิดกระแสกดดันอำนาจรัฐทั้งในและนอกประเทศ เพื่อปลุกม็อบเสื้อแดงทั่วประเทศ ให้ฟื้นคืนชีพกลับมาฮึกเหิมอีกครั้งก่อนเตรียมทำศึกใหญ่ ขณะเดียวกันก็สร้างความระส่ำระสายบ่อนทำลายคสช.และรัฐบาลทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ แต่ที่ นายทักษิณชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก ทนไม่ได้กับชะตากรรมของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นน้องสาว ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่มีโทษสูงสุดจำคุก 10 ปี และอาจถูกยึดทรัพย์เพื่อชดใช้ค่าเสียหายแก่แผ่นดินเป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาทจึงต้องสุมไฟทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐโดยเร็วที่สุดเพื่อหาทางช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้พ้นคดีหรือไม่

ทีมข่าวการเมือง