จับตา14มิ.ย.พิสูจน์ธัมมชโย ยอมมอบตัวหรือยื้อซ้ำซาก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/220347

วันจันทร์ ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

หลังจากที่ธัมมชโย เจ้าสำนักจานบินส่อพฤติกรรมยื้อเกมซ้ำซากเพื่อหนีหมายจับข้อหาพัวพันฟอกเงินและรับของโจรคดีโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ล่าสุดนายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ในฐานะผู้ประสานงานเจรจาระหว่างดีเอสไอกับสำนักจานบินออกมาเปิดเผยว่า ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ การมอบตัวของธัมมชโยคงมีความชัดเจน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยเวลาและสถานที่ที่จะมีการมอบตัวได้

หาก ธัมมชโย ยอมมอบตัวจริงอย่างที่ ทนายสมศักดิ์ อ้างก็ควรทำอย่างเปิดเผยสง่างามเพื่อให้สังคมได้รับรู้ ไม่ใช่ทำแบบลับๆ ล่อๆ เพราะนั่นเท่ากับอำพรางเบื้องหลังบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล

นอกจากนี้หาก ธัมมชโย ยอมเข้ามอบตัวจริงต้องไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้นโดยเฉพาะเงื่อนไขต่อรองขอได้รับการประกันตัวทันทีหากยอมรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายจับ เพราะผู้ต้องหาตามหมายจับไม่มีสิทธิที่จะมาตั้งแง่ต่อรองและได้รับอภิสิทธิ์เหนือกว่าผู้ต้องหาคนอื่นๆ ซึ่งการที่ ธัมมชโย จะได้รับการประกันตัวหรือไม่ต้องเป็นอำนาจของศาลเท่านั้น

แต่ประเด็นที่สังคมเฝ้าจับตาก็คือ ธัมมชโย จะยอมมอบตัวจริงอย่างที่ ทนายสมศักดิ์ อ้างหรือไม่ เพราะแม้แต่ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมดีเอสไอ ซึ่งเป็นตัวแทนในการเจรจา 4 ฝ่ายมาตั้งแต่ต้นก็ยังงงต่อข่าวที่ ทนายสมศักดิ์ อ้างว่า ธัมมชโย จะมอบตัวในวันที่14 มิ.ย.นี้ เพราะจนล่าสุดก็ยังไม่ได้รับการประสานงานจาก ทนายสมศักดิ์ หรือสำนักจานบินแต่อย่างใด

นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) มองว่าการที่มีข่าวว่า ธัมมชโย จะมอบตัวในวันที่ 14 มิ.ย. นี้เป็นแค่เกมถ่วงเวลา ทั้งนี้จากพฤติกรรมของ ธัมมชโย ขาดความน่าเชื่อถือแล้วอย่างสิ้นเชิงเพราะส่อหลบหนีหมายจับโดยอ้างโน่นอ้างนี่มาตลอด

ขณะที่ ดร.นพ.มโน เลาหวณิช อาจารย์คณะแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตศิษย์สำนักจานบินและคนเป็นคนใกล้ชิดธัมมชโย ไม่เชื่อว่า ธัมมชโย จะยอมมอบตัว และด้วยอุปนิสัยของ ธัมมชโย อารมณ์แปรปรวนพูดอะไรแล้วเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยสิ่งที่ ธัมมชโย หวังขณะนี้คือยื้อเกมซื้อเวลาให้ได้นานที่สุดเพื่อรอให้มีการเปลี่ยนรัฐบาลและเกิดปาฏิหาริย์ที่มีผลต่อรูปคดี

ดร.นพ.มโน ยังเห็นว่า ดีเอสไอไม่มีทางอื่นแล้วนอกจากบุกไปจับ ธัมมชโย ในสำนักจานบิน ซึ่งดีเอสไอไม่ทำก็ไม่ได้เพราะอาจโดนฟ้องฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

ที่ผ่านมา ธัมมชโยส่อพฤติการณ์ทั้งหลอกล่อโยกโย้อ้างว่าป่วยหนักและตั้งแง่เปลี่ยนเงื่อนไขข้อต่อรองอยู่ตลอดเวลาเพื่อซื้อเวลาหนีหมายจับและไม่กล้าพิสูจน์ว่าป่วยหนักจริงอย่างที่อ้าง เพราะฉะนั้นจับตา 14 มิ.ย.คงได้รู้กันว่าธัมมชโยจะยอมมอบตัวสู้คดีพิสูจน์ความจริง หรือจะเป็นการยื้อซ้ำซากเหมือนที่ผ่านๆ มาขณะเดียวกันก็จะพิสูจน์ด้วยว่า ดีเอสไอเอาจริงหรือมวยล้มต้มคนดู

ทีมข่าวการเมือง

ระบอบทักษิณโหมป่วน ทดสอบพลังสุมไฟประชามติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/220223

วันอาทิตย์ ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ขณะที่การลงประชามติร่างรัฐธรรรมนูญฉบับใหม่ในวันที่ 7 ส.ค. กำลังเดินไปข้างหน้าตามโรดแมปก็เจอเส้นทางวิบากเมื่อนักวิชาการกลุ่มหนึ่ง นำโดยนายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.)กทม.ได้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินว่า มาตรา 61 วรรคสองของ พ.ร.บ.การทำประชามติขัดต่อหลักกฎหมายอาญาและเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนเกินขอบเขตโดยไม่มีเหตุผลอันควร และผู้ตรวจการแผ่นดินมีความเห็นส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความจนกลายเป็นปมร้อนที่ต้องลุ้นระทึกเพราะอาจส่งผลทำให้การทำประชามติอาจต้องเลื่อนออกไป

มาตรา 61 วรรคสอง บัญญัติว่า “ผู้ใดดำเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใดที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ออกเสียงให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย”

เมื่อปัญหามาตรา 61 ของ พ.ร.บ.การลงประชามติถูกยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความมีการวิเคราะห์แนวโน้มความเป็นไปได้ 2 แนวทางจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย แนวทางที่ 1 ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องโดยเห็นว่ามาตรา 61 วรรคสองที่ว่าด้วยพฤติกรรมที่เป็นความผิดต่อการทำประชามติชอบด้วยรัฐธรรมนูญชั่วคราวเพราะไม่กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่ได้รับการรับรองไว้ในมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ที่บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาคบรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้วย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้”

แนวทางที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญอาจวินิจฉัยให้เฉพาะมาตรา 61 วรรคสอง ขัดต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราว ทำให้เฉพาะมาตรา 61 วรรคสอง ไม่มีผลบังคับใช้ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้อาจจำเป็นต้องเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเนื้อหาในบางมาตราของพ.ร.บ.การทำประชามติต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)เพื่อปรับปรุงถ้อยคำให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

ในส่วนปฏิกิริยาของประชาชนจากผลสำรวจของสวนดุสิตโพลล์สะท้อนว่า ประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกวิตกกังวลและสับสนต่อการทำประชามติที่กำลังจะมีขึ้นโดยเกรงว่าจะเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้ง

ขณะที่ต้องลุ้นผลการตีความของศาลรัฐธรรมนูญที่จะชี้จะชะตาว่าการทำประชามติจะต้องเลื่อนออกไปหรือไม่ บรรดาเครือข่ายระบอบทักษิณ รวมทั้งนักวิชาการสายเสื้อแดงต่างออกมาเคลื่อนไหวถี่และเข้มข้นมากขึ้นทุกขณะเพื่อทำลายความชอบธรรมของคสช.และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

โดยกลุ่มเสื้อนำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง และบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงทีมใหญ่ได้เปิดตั้งศูนย์จับโกงประชามติโดยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งห้ามของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมทั้งเตรียมจัดตั้งเครือข่ายเสื้อแดงจับโกงทั่วประเทศในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ ซึ่งถูกมองว่านี่คือเกมลองของท้าทายอำนาจของคสช. ขณะเดียวกันก็เป็นการซ้อมและวัดพลังคนเสื้อแดงทั่วประเทศครั้งใหญ่เพื่อเตรียมทำศึกแตกหักในอนาคต

การตั้งศูนย์จับโกงประชามติของกลุ่มเสื้อแดงสร้างความไม่พอใจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. เป็นอย่างมากถึงกับประกาศเตือนอย่างแข็งกร้าวว่าหากกลุ่มเสื้อแดงล้ำเส้น พ.ร.บ.ประชามติเมื่อไหร่จะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด ขณะเดียวกันก็ย้อนถามจี้ใจดำกลุ่มเสื้อแดงว่าทำไมยุครัฐบาลระบอบทักษิณถึงไม่ตั้งศูนย์จับโกงโดยเฉพาะการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

ดังนั้นไม่ว่าผลการวินิจฉัยตีความมาตรา 61 วรรคสอง ของ พ.ร.บ.โดยศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไรก็ตาม ที่ต้องจับตายิ่งกว่าก็คือการโหมสุมไฟป่วนการทำประชามติของกลุ่มคนเสื้อแดง และเครือข่ายระบอบทักษิณทั้งหลายซึ่งจะทำให้อุณหภูมิการเมืองนับแต่นี้ไปจนถึงวันทำประชามติ 7 ส.ค.นี้ ร้อนแรงท่ามกลางการคุมเชิงเขม็งของคสช.ที่พร้อมจัดการทันทีหากขบวนการป่วนเมืองล้ำเส้น

ทีมข่าวการเมือง

ธัมมชโยหมดเวลายื้อเกม ถึงเวลากฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/220150

วันเสาร์ ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

พฤติการณ์ของธัมมชโย เจ้าสำนักจานบิน ตลอดช่วงที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ส่อเจตนายื้อเกมซื้อเวลาหนีหมายจับของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในข้อหาพัวพันฟอกเงินและรับของโจรคดีโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมาตลอด ด้วยข้ออ้างว่าป่วยโคม่าถึงขั้นตายได้ทุกเวลา

หากบุคคลสำคัญและทรงอิทธิพลอย่าง ธัมมชโยป่วยหนักโคม่าจริงถึงขั้นตายได้ทุกขณะแต่กลับกบดานรักษาตัวแบบตามมีตามเกิดภายในสำนักจานบิน ซึ่งมีแต่คลินิกเล็กๆ ที่ไม่พร้อมทั้งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและอุปกรณ์ช่วยชีวิตไม่น่าจะสมเหตุสมผล เพราะคนรักชีวิตอย่าง ธัมมชโย หากป่วยหนักจริงต้องออกมารักษาในโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานมีทั้งทีมแพทย์และอุปกรณ์ที่พรักพร้อมกว่า อีกทั้งข้ออ้างป่วยหนักยังขัดแย้งกับคลิปภาพที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้ที่พบว่าเจ้าสำนักจานบินยังเดินปร๋อทักทายเหล่าสาวกเป็นปกติ หรือไปทำพิธีปล่อยนกในงานวันเกิดลูกศิษย์

ที่ผ่านมา ธัมมชโย ส่อพฤติการณ์หนีหมายจับและหนีการตรวจของทีมแพทย์ที่เป็นกลางมาตลอดเหมือนกลัวว่าทีมแพทย์ที่เป็นกลางจะพบความจริงว่าไม่ได้ป่วยอย่างที่พยายามจัดฉากสร้างภาพ และล่าสุดที่ส่อเจตนายื้อซื้อเวลาไปเรื่อยๆ ก็คือการมีหนังสือแจ้งไปยังแพทยสภาของ หมอสมศักดิ์ โล่ห์เลขานายกแพทยสภา ว่าให้เลื่อนการส่งทีมผู้เชี่ยวชาญของแพทยสภามาตรวจพิสูจน์อาการป่วยของ ธัมมชโย ให้รู้ดำรู้แดงสังคมหายคาใจเสียทีไปอย่างไม่มีกำหนดเอาดื้อๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้สำนักจานบินเป็นฝ่ายทำหนังสืออ้อนวอนให้แพทยสภาส่งทีมแพทย์มาตรวจพิสูจน์ นี่แสดงว่าส่อเจตนากลับกลอกเล่นเกมยื้อไปเรื่อยๆ

อาการส่อไม่สุจริตของสำนักจานบินทำเอา หมอสมศักดิ์ ถึงกับเสียความรู้สึก แต่ก็โล่งอกไม่ต้องรับผิดชอบเผือกร้อน อย่างไรก็ตาม หมอสมศักดิ์ ยืนยันว่าเรื่องที่ทีมแพทย์คลินิกสหรัตนเวช ซึ่งอยู่ในสำนักจานบิน ออกใบรับรองแพทย์อ้างก่อนหน้านี้ว่า ธัมมชโย ป่วยหนักโคม่านั้นแพทยสภาจะใช้อำนาจขอให้ส่งผลตรวจอย่างละเอียดทั้งผลตรวจเลือด ผลอัลตราซาวนด์ ผลเอกซเรย์มาให้แพทยสภาเพื่อตรวจสอบ หากไม่ส่งมาแพทยสภาจะสรุปว่าใบรับรองแพทย์ของสำนักจานบินเป็นเท็จ ซึ่งทีมแพทย์สำนักจานบินต้องถูกลงโทษถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตแพทย์และห้ามรักษาคนไข้อีกต่อไป

จากพฤติการณ์ที่ส่อเจตนาหาข้ออ้างยื้อเกมไปเรื่อยๆ และตั้งป้อมขัดขวางหมายจับจึงน่าจะถึงเวลาแล้วที่ดีเอสไอต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมโดยไม่ปล่อยให้เกิดบรรทัดฐานอภิสิทธิ์ชนเหนือกฎหมาย ด้วยการขออำนาจศาลออกหมายค้นเพื่อเข้าคุมตัว ธัมมชโย ตามหมายจับซึ่งเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย อันเป็นการพิสูจน์ว่ากฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์และเท่าเทียม อีกทั้งจะได้รู้เสียทีว่าภายในอาณาจักรสำนักจานบิน โดยเฉพาะที่พักของเจ้าสำนักที่เป็นแดนสนธยาอันลี้ลับมานานซ่อนความลับอะไรไว้บ้าง

ทีมข่าวการเมือง

‘ชูชีพ-วิทยา’เข้าคุกใช้กรรมแค่ตัวอย่าง สะท้อนโคตรโกงระบอบแม้ว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/219981

วันศุกร์ ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
อดีตสองนักการเมืองดังพรรคไทยรักไทยคือนายชูชีพ หาญสวัสดิ์ อดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์ และ นายวิทยา เทียนทอง อดีตเลขานุการของนายชูชีพที่ต้องใช้กรรมในคุก 6 ปี คดีทุจริตฮั้วประมูลปุ๋ยมูลค่า 367 ล้านบาท ยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นักโทษหนีคุกคดีทุจริตเรืองอำนาจเป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ ที่สะท้อนมหกรรมโคตรโกงทั้งในยุครัฐบาลทักษิณและรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณ

ก่อนหน้านี้สองอดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ชุด 3 หนา คือ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภและ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ ก็เพิ่งถูกศาลฎีกาตัดสินเข้าคุกตอนแก่ฐานทำตัวเป็นทาสรับใช้ระบอบทักษิณในคดีจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง

หากจะประเมินมูลค่าการทุจริตและความเสียหายล่มจมที่เกิดกับงบประมาณแผ่นดินและภาระหนี้ที่ทิ้งไว้ให้ชาติบ้านเมืองในยุครัฐบาลระบอบทักษิณและรัฐบาลหุ่นเชิดในยุคต่อๆ มาอาจมีมูลค่าสูงถึงหลายล้านล้านบาท โดยเฉพาะแค่ในยุครัฐบาลทักษิณโครงการทุจริตเท่าที่ตรวจสอบพบและมีการรวบรวมมีถึงกว่า 60 โครงการ

ในยุครัฐบาลทักษิณเรืองอำนาจสุดขีดชนิดชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้เหิมเกริมถึงขนาดละเมิดรัฐธรรมนูญด้วยการออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)ลดภาษีให้ธุรกิจมือถือเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจเครือชินวัตร คาดว่า เป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาททั้งๆที่การออก พ.ร.ก.จะทำได้เฉพาะเกิดเหตุฉุกเฉินร้ายแรงเพื่อแก้วิกฤติความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศเท่านั้น

นอกจากนี้ รัฐบาลทักษิณยังใช้อำนาจทุจริตและผลักดันโครงการมากมายที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนเอื้อต่อตระกูลชินวัตรอีกเป็นมูลค่ามหาศาล อาทิ การแก้ไขสัญญาสัมปทานระหว่างบริษัททีโอทีกับบริษัทแอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส (เอไอเอส) ซึ่งเป็นธุรกิจเครือชินวัตรโดยเอื้อประโยชน์ต่อเอไอเอส ขณะเดียวกันทำให้รัฐสูญเสียผลประโยชน์กว่า 70,000 ล้านบาท หรือการปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่าโดยไม่เสียดอกเบี้ยจำนวน 4,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาซื้ออุปกรณ์สื่อโทรคมนาคมจากบริษัทเครือชินวัตร

ที่สำคัญในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว นายทักษิณ และเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณสร้างความเสียหายเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์เกือบ 1 ล้านล้านบาท คือโครงการรับจำนำข้าวโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะนี้กำลังรอใช้กรรมในฐานะจำเลยฐานกระทำผิดต่อหน้าที่ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและสร้างความเสียหายแก่แผ่นดินทั้งๆ ที่ชาวนากว่า 10 ราย ผูกคอตายเนื่องจากรัฐบาลถังแตกไม่มีเงินจ่ายค่าข้าวให้ชาวนานานข้ามปีและหลายฝ่ายเตือนให้ทบทวนโครงการเพราะจะพาชาติล่มจม แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดึงดันก่อหนี้เพิ่มภาระให้ประเทศเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวต่อไป ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะนำไปสู่หายนะ

วันนี้ผลแห่งกรรมกำลังทยอยไล่เช็คบิลบรรดาขบวนการโกงชาติปล้นแผ่นดินระบอบทักษิณโดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้นชะตากรรมส่อใกล้คุกและถูกยึดทรัพย์เข้าไปทุกขณะ

ทีมข่าวการเมือง

สำนักจานบินยิ่งคุ้ยยิ่งฉาว จับตาปมรุกป่าทั่วประเทศ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/219772

วันพฤหัสบดี ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
นับเป็นเรื่องใหญ่และอื้อฉาวที่ต้องจับตาเมื่อมีผู้ร้องเรียนไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ตรวจสอบที่ดินและพฤติการณ์ส่อรุกป่าสงวนแห่งชาติของสำนักจานบิน ซึ่งล่าสุด พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมืองอธิบดีดีเอสไอเตรียมนำกรณีนี้เข้าเสนอต่อบอร์ดใหญ่ดีเอสไอเพื่อให้รับเป็นคดีพิเศษ

พฤติการณ์ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่ารุกป่าสงวนของสำนักจานบินก็คือกรณีที่ชาวบ้านเกาะยาวน้อย จ.พังงา ร้องเรียนว่าสำนักจานบินได้ไปตั้งสำนักปฏิบัติธรรมบนภูเขาและมีวิวติดทะเลเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ จึงอยากให้มีการตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ดินของสำนักปฏิบัติธรรมอันเป็นสาขาของสำนักจานบินว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการครอบครองที่ดินล้ำเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติไม่น้อยกว่า 100 ไร่

นอกจากปมรุกป่าสงวนของสาขาสำนักจานบินที่เกาะยาวน้อย จ.พังงา แล้ว ยังมีประชาชนในหลายจังหวัดทั่วประเทศ อาทิ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เกาะช้าง จ.ตราด และแหล่งทองคำ จ.เพชรบูรณ์ ร้องเรียนต่อดีเอสไอให้เข้าตรวจสอบการถือครอง
ที่ดินของสาขาของสำนักจานบินเช่นกันเพราะสงสัยว่าจะมีการครอบครองที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและรุกป่าสงวนแห่งชาติ

ทั้งนี้สาขาของสำนักจานบินมีอีกมากมายครอบคลุมแทบทั่วประเทศ อาทิ ที่ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่จ.แม่ฮ่องสอน

สำนักปฏิบัติธรรมบางแห่งเคยมีเสียงร่ำลือว่าถูกแปรสภาพเป็นรีสอร์ทเพื่อหากำไรเชิงธุรกิจ ขณะที่บางแห่งถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับเงินยักยอกที่ยักย้ายถ่ายเทจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น

45 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งสำนักจานบินเต็มไปด้วยเรื่องอื้อฉาวและถือเป็นอาณาจักรดุจแดนสนธยาที่ซ่อนความลับไว้มากมายที่กำลังทยอยถูกขุดคุ้ยให้สังคมได้รับรู้มากขึ้นเรื่อยๆ

องค์กรเกี่ยวกับการต่อต้านคอร์รัปชั่นมีการประเมินว่า สำนักจานบินมีทรัพย์สินทั้งในและต่างประเทศรวมกันอาจเป็นมูลค่าถึง 4 ล้านล้านบาท ซึ่งมากกว่างบประมาณแผ่นดินถึงราวเท่าตัว โดยเฉพาะทรัพย์สินจากที่ดิน เพียงแค่พื้นที่สำนักจานบินที่ จ.ปทุมธานีก็เป็นอาณาจักรที่กินบริเวณหลายพันไร่ซึ่งด้วยอิทธิของทรัพย์สินที่มีอยู่อย่างมหาศาลและมีมวลชนที่เป็นสาวกทั่วประเทศจำนวนมากหากใช้ไปในทางที่ไม่ถูกต้องนับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของชาติ

อิทธิพลอันยิ่งใหญ่ดังกล่าวทำให้สำนักจานบินเหมือนอาณาจักรรัฐอิสระที่สามารถยึดครองประเทศไว้ใต้อุ้งมือและอาจด้วยสาเหตุนี้ทำให้ ธัมมชโย ส่อพฤติการณ์ไม่หวั่นเกรงอำนาจรัฐและทำตัวอยู่เหนือกฎหมายด้วยการไม่ยอมรับหมายจับข้อหาฟอกเงินและรับของโจรฐานพัวพันคดีโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น และยังส่อพฤติการณ์ตั้งป้อมขัดขวางการเข้าจับกุมของดีเอสไอ

ข้อสงสัยในเรื่องการรุกป่าสงวนแห่งชาติหรือครอบครองที่ดินโดยผิดกฎหมายของสำนักจานบินเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติเพราะสำนักจานบินครอบครองที่ดินทั่วประเทศเป็นพื้นที่มหาศาล ดังนั้นดีเอสไอจะต้องสร้างความกระจ่างทำความจริงให้ปรากฏ และหากพบความผิดต้องดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและเป็นบรรทัดฐานว่าใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมายไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตามต้องถูกจับกุมดำเนินคดี

ทีมข่าวการเมือง

ธัมมชโยส่อเดินเกมยื้อ เปลี่ยนเงื่อนไขต่อรองไปเรื่อยๆ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/219629

วันพุธ ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

นักสังเกตการณ์ทางการเมืองไม่แปลกใจและไม่เหนือความหมายที่การเจรจา 4 ฝ่าย เพื่อหาทางออกปัญหาธัมมชโยล่มซ้ำซากและมีแนวโน้มที่จะล่มต่อไปจากการตั้งแง่เสนอเงื่อนไขต่อรองที่กลับไปกลับมาหรือเป็นไปไม่ได้จากฝ่ายสำนักจานบิน

จากการเจรจา 4 ฝ่าย ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอไร้ความน่าเชื่อถือขององค์กรสงฆ์ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักจานบินและส่อไปในทางอุ้ม ธัมมชโย ทางอ้อม อย่างกรณีที่ พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี อ้างทำนองว่ากรณีของ ธัมมชโย เป็นเรื่องของกฎหมายทางโลกและเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งไม่เกี่ยวกับองค์กรสงฆ์ ขณะที่รองเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีซึ่งมีสถานะเหนือกว่า ธัมมชโยกลับลดตัวไปเจรจากับผู้ใต้ปกครองและเป็นผู้ต้องหาหนีหมายจับถึงสำนักจานบิน

สาเหตุที่การประชุม 4 ฝ่าย เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา ล่มตกลงกันไม่ได้เกิดจากการตั้งแง่ต่อรองของฝ่าย ธัมมชโย ด้วยการยื่นเงื่อนไขต่อรองที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้และส่อเจตนายื้อเวลาไปเรื่อยๆ โดยเงื่อนไขที่ว่าได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมดีเอสไอ ที่ระบุว่าหนึ่งในเงื่อนไขของฝ่าย ธัมมชโย ก็คือขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนดีเอสไอบางคนโดยอ้างว่าไม่ไว้วางใจ

การขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนดีเอสไอเป็นเรื่องใหญ่เพราะทีมคลี่คลายคดีโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จนนำมาสู่การออกหมายจับ ธัมมชโย ฐานมีส่วนพัวพันการฟอกเงินและรับของโจรนั้นเกาะติดคดีนี้มานาน หากมีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนนอกจากทำให้พนักงานสอบสวนที่ถูกเปลี่ยนเสียชื่อและเสียกำลังใจแล้ว ยังอาจส่งผลทำให้คดีไม่ต่อเนื่องและไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรเพราะพนักงานสอบสวนใหม่ซึ่งเข้ามาแทนต้องมาเริ่มต้นคลำทางศึกษาสำนวนคดีใหม่ซึ่งจะมีผลทำให้คดีล่าช้าและไม่ต่อเนื่องในการขยายผล

ที่ผ่านมา ธัมมชโย ส่อเจตนายื้อไม่ยอมมอบตัวรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายจับมาตลอดคาดว่าเกิดจากสาเหตุหลัก 2 ประการ คือ หากทีมแพทย์ที่เป็นกลางตรวจพบว่าไม่ได้ป่วยหนักจริงอย่างที่อ้าง อาจเป็นเงื่อนไขให้ไม่ได้รับการประกันตัว นั่นหมายความ ธัมมชโย ต้องถูกจับสึกก่อนนำตัวเข้าห้องขัง

จึงไม่แปลกที่สำนักจานบินยึกยักต่อรองเน้นเรื่องทีมแพทย์ที่จะไปตรวจอาการป่วยของ ธัมมชโย พร้อมทั้งเงื่อนไขต้องได้ประกันตัวทันทีหากมอบตัว

แต่ที่สำคัญก็คือเล่ห์ศรีธนญชัยที่สำนักจานบินเดินเกมอยู่ในขณะนี้โดยการสร้างเงื่อนไขต่อรองที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อยื้อและซื้อเวลาเอาตัวรอดในภาวะใกล้จนมุมออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันก็กดดันให้ฝ่ายดีเอสไอหมดความอดทนใช้กำลังบุกจับธัมมชโยอันเป็นหลุมพรางที่วางไว้ ซึ่งจะทำให้ธัมมชโยใช้เป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรม

ทีมข่าวการเมือง

บรรทัดฐานที่บิดเบี้ยวกรณีธัมมชโย ผู้ต้องหาตามหมายจับตั้งเงื่อนไขต่อรอง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/219480

วันอังคาร ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

กรณีล่าสุดที่ธัมมชโย เจ้าลัทธิจานบินยื่นเงื่อนไขต่องรอง 3 ข้อ กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หากเข้ามอบตัวตามหมายจับข้อหาพัวพันฟอกเงินและรับของโจรคดีโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น อาจเป็นปรากฏการณ์กรณีแรกในโลก และกำลังถูกตั้งคำถามรวมทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมว่าทำได้ตามกฎหมายและถูกต้องชอบธรรมหรือไม่

เงื่อนไข 3 ข้อ ของ ธัมมชโยก็คือ 1.หากยอมมอบตัวต้องได้ประกันตัวทันที 2.แพทย์ที่จะเข้าตรวจอาการของ ธัมมชโย ที่อ้างว่าป่วยหนักให้เป็นแพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และ 3.ในการรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายจับต้องให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

ประเด็นเงื่อนไขต่อรองของธัมมชโย นั้นหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ให้ความเห็นว่ามันจะมากไปหรือเปล่า นี่มันผู้ต้องหาที่ศาลออกหมายจับหรือว่าอภิสิทธิ์ชนกันแน่คนในประเทศนี้มีและใช้กฎหมายฉบับเดียวกันหรือเปล่า หากวันหน้ามีผู้ต้องหาคนอื่นๆ ที่ถูกศาลออกหมายจับแล้วอ้างความเจ็บป่วยหนีหมายจับ หนำซ้ำยังมีการนำมวลชนมากดดันกระบวนการยุติธรรม บ้านเมืองมิวุ่นวายหรอกหรือ

หลวงปู่พุทธะอิสระ ยังให้ความเห็นธัมมชโย ยื่นเงื่อนไขต้องได้ประกันตัวทันทีว่า จากพฤติกรรมของ ธัมมชโย ที่ผ่านมา ไม่มีเหตุผลอันควรได้รับการประกันตัว อีกทั้งการประกันตัวเป็นอำนาจของศาลไม่ใช่ดีเอสไอ หรืออัยการโดยดีเอสไอมีหน้าที่เพียงจับผู้ต้องหาส่งมอบต่อศาลเท่านั้น

ในเรื่องทีมแพทย์ไปตรวจอาการ ธัมมชโย ว่าป่วยจริงหรือลวงโลกนั้นมีข้อน่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้สำนักจานบินได้ทำเรื่องไปยังแพทยสภาเรียกร้องให้ส่งทีมแพทย์มาตรวจ ธัมมชโย แต่นี่ล่าสุดก็เสนอให้ใช้ทีมแพทย๋จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ส่อเจตนากลับไปกลับมาเพื่อซื้อเวลาไปเรื่อยๆ เพราะพอถึงเวลาตรวจอาจเปลี่ยนเงื่อนไขข้อเรียกร้องอีกก็เป็นได้

จากการตั้งเงื่อนไขต่อรองของ ธัมมชโย ขณะที่ฝ่ายรัฐดูเหมือนจะเออออห่อหมกด้วยถึงกับตั้งตัวแทน 4 ฝ่าย เจรจากันทำให้นักกฎหมายและหลายฝ่ายก็มีความเห็นสอดคล้องกับหลวงปู่พุทธะอิสระ ในประเด็นที่ว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับไม่ควรจะมีสิทธิที่จะตั้งเงื่อนไขต่อรองกับฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะมิฉะนั้นเท่ากับเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ และสร้างบรรทัดฐานอันบิดเบี้ยวไม่เท่าเทียมโดยอภิสิทธิ์ชนที่มีอำนาจอิทธิพลบางคนบางกลุ่มทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ขณะที่ชาวบ้านตาสีตาสาทั่วไปที่ไม่มีอำนาจอิทธิพล หากทำผิดกฎหมายต้องรับโทษทันทีโดยไม่มีโอกาสยื่นเงื่อนไขต่อรองแม้แต่น้อย

ที่น่าวิตกก็คือหากธัมมชโยได้รับการตอบสนองตามเงื่อนไขก็อาจเป็นบรรทัดฐานอันเลวร้ายและจะเกิดคำถามว่า หากต่อไปโจรร้ายที่ก่อคดีร้ายแรงแล้วหลบหนีก็อาจยื่นเงื่อนไขต่อรองหากจะยอมเข้ามอบตัวโดยอ้างกรณีของธัมมชโยเป็นบรรทัดฐาน

ทีมข่าวการเมือง

จับตาธัมมชโยคิดมอบตัวจริง หรือซ่อนแผนตั้งแง่ยื้อเวลา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/219285

วันจันทร์ ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.
ที่ผ่านมา ธัมมชโย เจ้าสำนักจานบินและบรรดาสาวกถูกตั้งข้อสังเกตว่าเล่นเกมตั้งแง่หวังยื้อเกมถ่วงเวลาการมอบตัวตามหมายจับข้อหาฟอกเงินและรับของโจรคดีโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นออกไปให้นานที่สุดเพื่อคิดหาทางเอาตัวรอด ซึ่งล่าสุด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการเจรจาสามฝ่ายระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)โดยพ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ ตัวแทนสำนักพระพุทธศาสนา(พศ.) พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และตัวแทนผู้ประสานงานกับฝ่ายสำนักจานบินเพื่อหาทางออกปัญหาธัมมชโย แต่เจรจาล่มเพราะฝ่ายธัมมชโยยังตั้งแง่

ประเด็นที่ฝ่าย ธัมมชโย ตั้งแง่คือ หนึ่งหาก ธัมมชโย ยอมมอบตัวต้องได้รับการประกันตัวทันที ส่วนสถานที่มอบตัวยังไม่ชัดเจน สองทีมแพทย์ที่จะตรวจว่า ธัมมชโย ป่วยจริงหรือลวงโลกต้องเป็นทีมแพทย์ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ธัมมชโย เท่านั้น โดยปฏิเสธข้อเสนอของดีเอสไอที่พร้อมส่งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าหรือแม้แต่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

เพราะฉะนั้นคงต้องจับตาการเจรจา 3 ฝ่ายอีกครั้งในวันที่ 6 มิ.ย.นี้ว่า จะได้ข้อยุติจบลงด้วยดีหรือล่มจากการตั้งแง่ของ ธัมมชโย

นอกจากนี้ ต้องจับตาในวันที่ 10 มิ.ย.ซึ่งแพทยสภาเสนอไปยังสำนักจานบินเพื่อส่งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไปตรวจอาการตามการร้องขอของ ธัมมชโย แต่ฝ่ายสำนักจานบิน ทั้งๆ ที่เป็นผู้ร้องขอให้แพทยสภาส่งทีมแพทย์ไปตรวจ แต่พอแพทยสภาพร้อม
ฝ่ายทีมโฆษกสำนักจานบินกลับตั้งแง่ว่า ธัมมชโย ขอพิจารณารายชื่อทีมแพทย์ของแพทยสภาก่อน

จากพฤติการณ์ของ ธัมมชโย ตลอดช่วงที่ผ่านมาส่อจัดฉากลวงโลกเรื่องอาการป่วยทำให้สังคมไม่ค่อยเชื่อถือ

ความจริงก่อนหน้านี้ฝ่ายดีเอสไอพยายามผ่อนปรนเพื่อให้ปัญหาจบลงด้วยดีโดยเสนอว่าถ้า ธัมมชโย ยอมมอบตัวแต่แรกก็จะให้ประกันตัวทันที แต่ ธัมมชโย ก็ยึกยักอ้างป่วยหนักและตั้งแง่ว่าดีเอสไอต้องไปแจ้งข้อหาที่สำนักจานบินและต้องให้แพทย์ที่ ธัมมชโย ยอมรับเท่านั้นเป็นผู้ตรวจยืนยันว่าป่วยหนักจริง และเมื่อไม่นานมานี้ ธัมมชโย อ้างว่ายอมมอบตัวโดยนัดดีเอสไอให้ไปแจ้งข้อกล่าวหาที่สภ.อ.คลองหลวง จ.ปทุมธนี แต่แล้วก็เบี้ยวเอาดื้อๆ โดยอ้างว่าหน้ามืดกะทันหัน

การที่ ธัมมชโย ส่อเจตนายื้อเลี่ยงการมอบตัวสาเหตุสำคัญอาจเพราะ ธัมมชโยกลัวถูกจับโกหกได้ว่าไม่ได้ป่วยหนักจริงจนไม่สามารถมอบตัวต่อดีเอสไอเพื่อสู้คดีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง โดยภาพคลิปที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้มันฟ้องว่า ธัมมชโย ไม่ได้ป่วยจริงยังเดินได้ตามปกติ ซึ่งหากทีมแพทย์ที่เป็นกลางตรวจพบว่าไม่ได้ป่วยจริง ธัมมชโยก็ถือว่าหมดสิ้นกันทั้งความน่าเชื่อถือและต้องถูกควบคุมตัวเข้าห้องขังซึ่งตามกฎหมายต้องถูกจับสึกซึ่งเป็นเรื่องที่ ธัมมชโย วิตกมาก

เพราะฉะนั้นธัมมชโยจะยอมมอบตัวจริงหรือไม่คงต้องรอดูเหตุการณ์จริงที่เห็นกับตาจนวินาทีสุดท้าย เพราะที่ผ่านมา
มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วว่า มีการซ่อนแผลถ่วงเวลาด้วยการจัดฉากอ้างว่าป่วยซ้ำซากหรือตั้งแง่กลับกลอกเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหันได้ตลอดเวลา

ทีมข่าวการเมือง

เมื่อบิ๊กตู่ขู่คสช.อาจอยู่ต่อ ปรามพวกป่วนเมือง-ขรก.เกียร์ว่าง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/219139

วันอาทิตย์ ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ภายใต้แรงกดดันเสียดทานจากรอบทิศที่นับวันหนักหน่วงรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หลัง 2 ปี ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศทำให้การบริหารประเทศเกิดอุปสรรคไม่ราบรื่น จนคสช.ต้องพลิกแพลงปรับยุทธวิธีแก้ไขปัญหาตามสถานการณ์ที่เป็นจริงโดยใช้ทั้งลูกล่อลูกชนและทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง

ในระยะแรกหลังยึดอำนาจ คสช.ใช้กฎเหล็กและไม้แข็งจัดการกับขบวนการระบอบทักษิณที่พยายามป่วนเมืองโดยนำไปปรับทัศนคติในค่ายทหาร และห้ามผู้ที่จงใจเคลื่อนไหวป่วนเมืองซ้ำซากเดินทางออกนอกประเทศ รวมทั้งการห้ามเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สร้างความระส่ำระสายในบ้านเมือง แต่ช่วงหลังคสช.ได้ทยอยคลายกฎเหล็กเริ่มจากการเปิดเวทีให้พรรคการเมืองต่างๆ และนักเคลื่อนไหวทุกสีทุกกลุ่มแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ยกเลิกคำสั่งคสช.ที่ห้ามพวกที่เคลื่อนไหวป่วนเมืองซ้ำซากจนถูกหมายหัวเดินทางออกนอกประเทศ รวมทั้งเปลี่ยนสถานที่ปรับทัศนคติจากเดิมที่ใช้ค่ายทหารมาเป็นศาลากลางจังหวัดหรือสถานีตำรวจแทนเพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

แต่เป้าหมายที่แท้จริงของคสช.ก็คือการลดแรงกดดันเสียดทานทั้งจากภายในและภายนอกประเทศเพื่อขจัดอุปสรรคและทำให้คสช.และรัฐบาลมีสมาธิทุ่มเทให้กับการเดินหน้าปฏิรูปประเทศได้อย่างสะดวกราบรื่นมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นการขจัดจุดอ่อนสร้างความชอบธรรมให้กับคสช.และรัฐบาล

แม้คสช.จะคลายกฎเหล็ก แต่ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ก็ส่งสัญญาณปรามเหล่านักเลือกตั้งและขบวนการป่วนเมืองระบอบทักษิณ รวมทั้งเหล่าข้าราชการเสื้อแดงหรือข้าราชการประเภทนกสองหัวเอาตัวรอดที่ทำตัวเกียร์ว่างไม่สนองนโยบายหรือที่เลวร้ายคือวางยาบ่อนทำลายรัฐบาลโดยคิดว่า อำนาจรัฐปัจจุบันภายใต้คสช.เหลือน้อยลงทุกขณะและในที่สุดกำลังจะพ้นจากอำนาจ ขณะที่อำนาจใหม่โดยนักการเมืองกำลังจะเข้ามาแทนที่หากการเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแมปในปีหน้า

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งสัญญาณปรามว่าตราบใดที่บ้านเมืองยังไม่สงบ คสช.ก็จะอยู่ต่อไปโดยกล่าวในการเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมประเทศสมาชิกกลุ่มจี 77 เมื่อไม่กี่วันก่อน ขณะเดียวกันผู้นำไทยยังกล่าวต่อตัวแทนจากนานาประเทศที่เข้าร่วมประชุมและเหมือนเป็นการส่งสัญญาณสอนมวยไปยังชาติมหาอำนาจและนานาประเทศที่พยายามกดดันไทยโดยยัดเยียดให้นำประชาธิปไตยแบบตะวันตกมาใช้แก้ปัญหาทางการเมืองในประเทศต่างๆ รวมทั้งของไทย ทั้งๆ ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าประชาธิปไตยในหลายประเทศเป็นประชาธิปไตยแบบจอมปลอมที่ล้มเหลว ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เปรียบว่า จะให้ใส่เสื้อตัวเดียวกันทั้งโลกคงเป็นไปไม่ได้ เพราะปัญหาประชาธิปไตยในแต่ละประเทศแตกต่างกัน การแก้ปัญหาจึงต้องใช้วิธีการที่เหมาะสมของแต่ละประเทศ

ทั้งนี้แม้คสช.จะผ่อนคลายกฎเหล็กต่างๆ แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ทำให้ขบวนการระบอบทักษิณลดราวาศอกในการเคลื่อนไหวป่วนเมืองเพื่อบ่อนทำลายคสช.และรัฐบาลที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางการปฏิรูปประเทศและหวังฟื้นระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้ง และที่เป็นเป้าหมายสำคัญเฉพาะหน้าสำหรับระบอบทักษิณ ก็คือการช่วยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ น้องสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นักโทษหนีโทษจำคุกคดีทุจริต พ้นผิด

แม้ระบอบทักษิณยังพยายามป่วนเมือง แต่ความได้เปรียบยังอยู่ในมือคสช.ซึ่งคุมอำนาจไว้ในมือ ซึ่งหากผ่อนคลายกฎเหล็กแล้วบ้านเมืองยังเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย โดยเฉพาะหากมีเหตุการณ์รุนแรงช่วงก่อนการเลือกตั้งก็ถือเป็นความชอบธรรมของคสช.ที่จะใช้อำนาจเพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบ

และนั่นอาจเป็นปัจจัยที่จะนำไปสู่คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ส่งสัญญาณเตือนไว้ก่อนแล้วว่าหากบ้านเมืองยังไม่สงบ คสช.ก็ยังจะอยู่ต่อไป

ทีมข่าวการเมือง

คสช.ต้องระวัง พังเพราะคนแวดล้อม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/219047

วันเสาร์ ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)และรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ต้องระวังคนแวดล้อมที่อาจจะแอบอ้างชื่อของผู้มีอำนาจในคสช.และรัฐบาลไปแสดงหาประโยชน์ในทางมิชอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงสีกากี ซึ่งการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจทั่วประเทศปีนี้เละเทะและผิดปกติอย่างไม่เคยมีมาก่อนจนถูกวิจารณ์อย่างหนัก

ก่อนหน้านี้ กรณี ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานรัฐสภา และ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต เผยแพร่ความเห็นทางเฟซบุ๊คอ้างข่าวร่ำลือการซื้อขายตำแหน่งนายตำรวจกลายเป็นชนวนระเบิดเวลาที่อาจลุกลามบานปลาย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ได้แจ้งความดำเนินคดีกับ ดร.อาทิตย์ ท่ามกลางความเห็นจากหลายฝ่ายว่าเป็นการผลักมิตรเป็นศัตรู ทั้งๆ ที่ความจริงผู้นำรัฐควรจะตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้กระจ่างเพราะเป็นเรื่องสำคัญร้ายแรงแทนที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับดร.อาทิตย์

น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เคยออกมาชี้ความไม่ชอบมาพากลการโยกย้ายนายตำรวจทั่วประเทศว่ามีรายชื่อซ้ำซ้อนและนายตำรวจบางคนเสียชีวิตไปแล้วยังมีชื่อปรากฏในการแต่งตั้งโยกย้าย พร้อมทั้งอ้างเบาะแสว่า มีตัวการที่อยู่เบื้องหลังการซื้อขายตำแหน่งนายตำรวจ

หากย้อนไปก่อนหน้านี้อีก พล.ร.อ.พะจุณณ์ตามประทีป อดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ และอดีตประธานคณะอนุกรรมการโครงสร้างอำนาจหน้าที่และกระบวนการทำงานตำรวจเพื่อประโยชน์ของประชาชนของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ก็เคยถูกสตช.ฟ้องร้องดำเนินคดีเช่นกัน หลังจากที่พล.ร.อ.พะจุณณ์ แสดงความเห็นผ่านทางเฟซบุ๊คว่า มีเสียงร่ำลือการซื้อขายตำแหน่งนายตำรวจ

ทั้งนี้ไม่อาจปฏิเสธว่า ทั้งดร.อาทิตย์ และ พล.ร.อ.พะจุณณ์ เป็นบุคคลที่ได้รับความเชื่อถือจากมหาชนจำนวนไม่น้อย ซึ่งการกำหนดคดีกับบุคคลสาธารณะทั้งสองอาจส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ความน่าเชื่อถือรวมทั้งลดทอนพลังสนับสนุนคสช.และรัฐบาลจากการผลักมิตรให้กลายเป็นศัตรู เพราะที่ผ่านมา ดร.อาทิตย์ และ พล.ร.อ.พะจุณณ์ สนับสนุนคสช.และรัฐบาลมาตลอด การออกมาเปิดเผยเรื่องการซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจอาจจะมีข้อมูลเบาะแสบางอย่าง โดยเฉพาะ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ที่เคยเป็นประธานคณะอนุกรรมการเกี่ยวกับกิจการตำรวจ ขณะที่ ดร.อาทิตย์ก็เป็นบุคคลที่รู้จักคนอย่างกว้างขวางรวมทั้งในแวดวงตำรวจ

ทั้งนี้การขจัดทุจริตคอร์รัปชั่นถือเป็นจุดแข็งสำคัญของ คสช.และรัฐบาล ซึ่งหากเกิดเรื่องความไม่ชอบมาพากลในรัฐบาลเท่ากับเป็นการทำลายจุดแข็งของคสช.และรัฐบาลจนอาจนำไปสู่วิกฤติศรัทธาได้

นอกจากนี้หากการโยกย้ายนายตำรวจมีการซื้อขายตำแหน่งจริงยังถือเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของชาติและสวนทางกับการปฏิรูปประเทศโดยเฉพาะการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคญของคสช.

ดังนั้นเพื่อขจัดข้อครหาและเพื่อพิสูจน์ความโปร่งใสของคสช.และรัฐบาล ผู้นำคสช.และแทนที่จะทวงถามหลักฐานใบเสร็จมายืนยันการทุจริตซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องยาก ผู้นำคสช.และรัฐบาลควรตรวจสอบทางลับอย่างจริงจังหรือเปิดช่องทางโดยตรงในการการรับแจ้งเบาะแสข้อมูลการซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจแทนที่จะรอรับรายงานซึ่งอาจไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นจริง และที่สำคัญต้องคอยตรวจสอบคนแวดล้อมหรือคนกันเองที่อาจใช้อำนาจหรือแอบอ้างชื่อผู้นำคสช.หรือรัฐบาลไปทำมาหากิน