เพื่อแม้วควรส่องกระจกดูตัวเอง ต้นเหตุทำชาติพังจนเกิดคสช.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/217153

วันอังคาร ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ในโอกาสครบรอบ 2 ปีการเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือเป็นโอกาสทองที่ขบวนการเพื่อแม้วได้โอกาสดาหน้าออกมาเปิดศึกถล่มคสช.และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯหัวหน้าคสช.อย่างเหิมเกริมท้าทายโดยเหล่าแกนนำเพื่อแม้วขาประจำอาจถือดีว่ามีพี่เบิ้มจอมอันธพาลโลกอย่างมะกันอันตราย รวมทั้งเหล่าองค์กรสิทธิมนุษยชนผีโม่แป้งคอยให้ท้ายหนุนหลัง

ขบวนการที่ออกมาป่วนเมืองขณะนี้หากสังเกตดูจะพบว่าล้วนเป็นพวกขาประจำหน้าเดิมๆ และเป็นคนแค่หยิบมือเดียว อีกทั้งใช้วิธีการเดิมๆซึ่งได้ทั้งขึ้นทั้งล่องนั่นคือ ออกมาเคลื่อนไหวยั่วยุท้าทายให้คสช.จับกุมดำเนินคดีเพื่อใช้เป็นข้ออ้างชักศึกเข้าบ้านว่า ถูกอำนาจจากการรัฐประหารคุกคามเสรีภาพและละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งหากคสช.ไม่จับขบวนการเพื่อแม้วก็จะยกระดับสุมไฟป่วนเมืองรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนนำไปสู่วิกฤติในที่สุด

แกนนำเพื่อแม้วขาประจำหน้าเดิมที่ดาหน้าออกมาช่วงนี้ อาทิ นายวัฒนา เมืองสุข, นายพิชัย นริพทะพันธุ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์ ไม่รวมเครือข่ายแนวร่วมเพื่อแม้วที่เป็นกลุ่มนักศึกษาหน้าเดิมที่นับวันจะออกมาโหมทำลายความชอบธรรมของคสช.และรัฐบาลเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่เว้นแม้แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ทั้งที่มีชนักปักหลังเป็นจำเลยคดีโครงการรับจำนำข้าวสุดอื้อฉาว สร้างความวิบัติล่มจมให้ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ คาดว่าเป็นมูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาท ซึ่งคนรุ่นหลังต้องแบกรับภาระใช้หนี้และดอกเบี้ยอีกนานหลายสิบปีถึงจะใช้หนี้หมดยังมีหน้าออกมาร่วมวงถล่มคสช.

ล่าสุด นายวัฒนา ออกมาจัดหนักถล่ม 2 ปีคสช.อย่างรุนแรงอ้างว่า คสช.ทำให้ประเทศพังในทุกด้านทั้งเศรษฐกิจ การทุจริตภาครัฐ ความแตกแยกในสังคม การละเมิดสิทธิมนุษยชน การบริหารงานที่ไร้วิสัยทัศน์

ทั้งๆ ที่สิ่งที่ วัฒนา ยกเป็นข้ออ้างถล่มคสช.ล้วนเป็นพฤติการณ์เลวร้ายที่รัฐบาลระบอบแม้วเคยทำไว้กับชาติบ้านเมืองจนบอบช้ำอย่างหนักมาทั้งสิ้น

การออกมาเคลื่อนไหวยั่วยุท้าทายของเหล่าสาวกเพื่อแม้วซึ่งส่อเจตนาหาเรื่อง จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม จะตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มที่ออกมาป่วนส่วนใหญ่เป็นพวกหน้าเดิมๆ ที่มีเจตนาแอบแฝงทางการเมืองและโยงใยเป็นขบวนการเดียวกัน อีกทั้งเป็นกลุ่มที่ประกาศท่าทีแต่ต้นว่า ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไรก็จะต่อต้านอยู่แล้ว

การออกมาถล่มคสช.อ้างว่าล้มเหลวสิ้นเชิงของขบวนการเพื่อแม้วยังเป็นการกลบเกลื่อนผลงานอัปยศและความชั่วร้ายของตัวเองที่ทำไว้กับชาติบ้านเมืองในช่วงที่ผ่านมาจนเป็นเหตุให้คสช.ต้องเข้ามาควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ ทั้งนี้ หากแผนบ่อนทำลายคสช.ประสบความสำเร็จจนได้กลับมามีอำนาจยึดครองประเทศนั่นหมายถึงการฉุดประเทศถอยหลังกลับไปสู่ฝันร้ายแห่งวงจรอุบาทว์อันชั่วร้ายที่สร้างความบอบช้ำให้ประเทศอย่างแสนสาหัสในช่วงที่ผ่านมา
ทีมข่าวการเมือง

สอบผ่านแต่ยังไม่น่าพอใจ ผลงานครบรอบ2ปีคสช.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/217000

วันจันทร์ ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศครบ 2 ปี ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์และประเมินผลงานของคสช.ซึ่งหลายเรื่องเป็นที่น่าชื่นชม แต่หลายเรื่องยังไม่เข้าตามหาชน

ก่อนประเมินผลงาน 2 ปีของคสช.คงต้องย้อนกลับไปมองสาเหตุที่คสช.จำเป็นต้องเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศโดยด้านหนึ่งก็เพื่อเข้ามากอบกู้ประเทศที่อยู่ในภาวะรัฐล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงจนไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ และอีกด้านหนึ่งเพื่อหยุดยั้งภาวะที่ส่อเค้าบานปลายกลายเป็นสงครามกลางเมืองนองเลือดของคนในชาติจากการเผชิญหน้าระหว่างรัฐบาลกับมวลมหาประชาชน

การเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศของคสช.กำหนดเป้าหมายการปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงและยั่งยืน โดยมุ่งกลุ่มขจัดธุรกิจการเมืองเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอันชั่วร้ายอันเป็นต้นตอสำคัญของวิกฤติชาติตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้หากประเมินผลงาน 2 ปีของคสช.มีทั้งผลงานซึ่งเป็นที่ยอมรับของคนทั้งประเทศ ขณะเดียวกันก็ยังมีความคาดหวัง
ของประชาชนอีกหลายเรื่องที่คสช.ยังทำไม่สำเร็จ โดยผลงานเด่นซึ่งได้รับการชื่นชมและสร้างความสุขให้ประชาชน อาทิ การที่คสช.ทำให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อย การรณรงค์ขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นโดยให้ถือเป็นวาระแห่งชาติและมีการผลักดันให้คดีทุจริตสำคัญต่างๆ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อาทิ โครงการรับจำนำข้าวยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ มีการจัดระเบียบสังคมในด้านต่างๆ ทั้งรถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ พวกพ่อค้าแม่ค้าที่บุกรุกทางเดินสาธารณะ การกวาดล้างมาเฟียผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ การแก้ปัญหาขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา การจับกุมขบวนการรุกป่า การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และประมงผิดกฎหมาย การลดความเหลื่อมล้ำ อาทิ การเก็บภาษีมรดก การยุติการทำเหมืองแร่ทองคำ

ขณะที่ผลงานของคสช.ที่ยังไม่เข้าตามหาชนมากนักนั่นคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของประชาชนระดับล่าง รวมทั้งการปฏิรูปประเทศในหลายเรื่องที่ประชาชนเรียกร้องคาดหวังให้คสช.ซึ่งมีอำนาจอยู่ในมือทำให้สำเร็จก่อนการเลือกตั้ง เพราะจะหวังให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมาปฏิรูปไม่ได้เลย แต่การปฏิรูปประเทศหลายเรื่องก็ยังไม่เป็นรูปธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิรูปองค์กรตำรวจซึ่งประชาชนคาดหวังอยากเห็นเป็นอย่างมากเพราะตำรวจเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายและเป็นต้นทางสำคัญของกระบวนการยุติธรรมที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน อีกทั้งที่ผ่านมาองค์กรตำรวจกลายเป็นรัฐตำรวจซึ่งเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองบางพรรคและยังเน่าเฟะจากปัญหาการซื้อขายตำแหน่งจึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูป
อย่างจริงจัง

เพราะฉะนั้นหากประเมินภาพรวมผลงาน 2 ปี คสช.ถือว่าสอบผ่าน แต่คะแนนยังไม่ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจนักเพราะการปฏิรูปประเทศบางเรื่อง ทั้งๆ ที่ควรทำสำเร็จก่อนการเลือกตั้งกลับไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง แต่ใช้วิธีซื้อเวลาเพื่อให้รัฐบาลหลังการเลือกตั้งเข้ามาดำเนินการ ดังนั้นผลงานที่ยังไม่เข้าตามหาชนจึงถือเป็นการบ้านอันท้าทายสำหรับคสช.ที่จะพิสูจน์ว่ายึดอำนาจมาทั้งทีคุ้มค่าหรือเสียของ

ทีมข่าวการเมือง

ระบอบทักษิณเดิมเกมสุมไฟ ชักศึกเข้าบ้านใช้โลกถล่มคสช.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/216851

วันอาทิตย์ ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
เครือข่ายระบอบทักษิณยังคงเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องด้วยแผนขุดบ่อล่อปลาโดยใช้บรรดาแกนนำทั้งพรรคเพื่อไทย กลุ่มเสื้อแดง เครือข่ายนักวิชาการและนักศึกษาสายเสื้อแดงพวกขาประจำหน้าเดิมๆ ออกมาเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์ยั่วยุท้าทายอำนาจรัฐอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ หวังอาศัยการจับกุมดำเนินเครือข่ายระบอบทักษิณของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และรัฐบาลเป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมในการชักศึกเข้าบ้านฟ้องไปยังองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศรวมทั้งชาติมหาอำนาจที่ให้ท้ายระบอบทักษิณโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาเพื่อสุมไฟบ่อนทำลายคสช.และรัฐบาลไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.

แกนนำเครือข่ายระบอบทักษิณที่เป็นตัวชูโรงขาประจำในการเคลื่อนไหวยั่วยุท้าทายคสช. แบบดับเครื่องชน ประกอบด้วย กลุ่มอดีตสส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายวัฒนา เมืองสุข นายวรชัย เหมะ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส่วนแกนนำเสื้อแดงขาประจำ อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง ซึ่งนอกจากออกมาโจมตีคสช.แล้ว ยังมีการจ้างเครือข่ายบ่อนทำลายคสช.ทางโซเชียลมีเดีย และที่สำคัญมีการเดินเกมยั่วยุท้าทายเหิมเกริมถึงขั้นหมิ่นเบื้องสูงจนมีการจับกุม 8 มือเพจทางโซเชียลมีเดียก่อนหน้านี้ รวมทั้งดำเนินคดีกับ น.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ แม่ของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” แกนนำนักศึกษาป่วนเมืองขาประจำ ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูงอันเป็นความผิดตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา

การยั่วยุท้าทายให้คสช.นำตัวไปปรับทัศนคติในค่ายทหารหรือจับกุมดำเนินคดีเป็นแผนขุดบ่อล่อปลาเพื่อใช้เป็นข้ออ้างที่เครือข่ายระบอบทักษิณนำไปใช้เป็นเครื่องมือสุมไฟตามแผนโลกล้อมไทยด้วยการร้องเรียนว่าอำนาจรัฐไทยยุคคสช.มีการคุกคามสิทธิเสรีภาพและละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยหวังให้นานาชาติ บอยคอตต์คสช.และรัฐบาลไทย

ความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาก็คือท่าทีของมหาอำนาจสหรัฐอเมริกาโดยก่อนหน้านี้ นางแคทรีนา อดัมส์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐด้านเอเชียตะวันออก ให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติแสดงความวิตกต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยโดยเฉพาะการดำเนินคดีกับ น.ส.พัฒน์นรี ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง

ตามด้วย นายเกล็น ที เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย แสดงความเหิมเกริมแทรกแซงกิจการภายในของไทยด้วยการอ่านคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐต่อหน้าสื่อมวลชน และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ โดยแสดงความวิตกเป็นอย่างมากต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและจำกัดสิทธิเสรีภาพของไทย โดยชี้ว่าการจับกุมนักเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยทางการไทยเป็นการไม่เคารพเสรีภาพการแสดงออกและสร้างบรรยากาศแห่งการข่มขู่

ท่าทีของทางการสหรัฐฯสะท้อนถึงความอหังการในฐานะมหาอำนาจและส่อเจตนาให้ท้ายระบอบทักษิณและขบวนการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงของไทยโดยอ้างสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพบังหน้าทั้งๆ ที่สหรัฐถูกมองว่าคือมหาอำนาจจอมอันธพาลที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนเลวร้ายมากกว่าชาติไหนในโลก

นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตนักการทูตอาวุโส และนักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ บางท่านวิจารณ์พฤติกรรมของเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยว่าแสดงกิริยาไร้มารยาทเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ถึงกับเสนอให้ไทยขับทูตสหรัฐผู้นี้

ด้าน พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคสช. ออกมาตอบโต้สหรัฐว่าควรพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้านโดยเฉพาะการดำเนินคดีกับแม่ของจ่านิวไม่ใช่เรื่องทางการเมือง แต่เป็นการทำผิดกฎหมายอาญาฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูงซึ่งมีหลักฐานชัดเจน อีกทั้งสหรัฐต้องตระหนักด้วยว่าสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนนั้นต้องอยู่ภายใต้กฎหมายซึ่งทุกประเทศล้วนปฏิบัติไม่แตกต่างกัน

ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม แสดงท่าทีไม่พอใจต่อต่างชาติที่ให้ท้ายขบวนการหมิ่นเบื้องสูงของไทยโดยอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชนบังหน้า โดยย้ำว่าการดำเนินคดีกับพวกหมิ่นเบื้องสูงอยู่ภายใต้กฎหมายไทย อีกทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยกับคนไทยมีความผูกพันกันอย่างลึกซึ้งซึ่งชาติอื่นๆ ไม่มีเหมือนไทยเพราะไร้อารยะ โดย พล.อ.ไพบูลย์ ย้ำว่า “ไปบอกเขาด้วยว่าเราไม่ได้กลัวอะไรต่างชาติ เขามีกฎหมายป้องกันผู้นำประเทศเขา เราก็มีกฎหมายป้องกันพระเจ้าอยู่หัวของเราเหมือนกัน”

เพราะฉะนั้นจากนี้ไปคงต้องจับตาที่ประชุมใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในเดือนก.ย.นี้ ซึ่งเชื่อว่าจะมีการหยิบยกปัญหาสิทธิมนุษยชนของไทยขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ และที่สำคัญคือท่าทีของทางการสหรัฐภายใต้การสุมไฟชักศึกเข้าบ้านของขบวนการระบอบทักษิณที่คาดว่าจะสร้างสถานการณ์ยั่วยุท้าทายและร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ทีมข่าวการเมือง

ธัมมชโยใกล้เข้าตาจน เดินไปตามกฎแห่งกรรม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/216731

วันเสาร์ ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ข้อเท็จจริงปรากฏชัดขนาดนี้แล้วว่า ข้ออ้างเรื่องธัมมชโย เจ้าสำนักจานบินป่วยขั้นโคม่าจนเดินไม่ได้ส่อเค้าเป็นการจัดฉากสร้างเรื่องลวงโลกของเหล่าสาวกจานบิน โดยล่าสุดหลักฐานที่ถูกนำมาเปิดโปงก็คือการนำใบรับรองแพทย์เก๊ที่แอบอ้างชื่อโรงพยาบาลค่ายภาณุรังษี มณฑลทหารบกที่ 16 จ.ราชบุรี มาเป็นหลักฐานยืนยันอาการป่วยของธัมมชโยเพื่อไม่ต้องไปรับทราบข้อหาฟอกเงินและรับของโจรเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ตามหมายจับของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ

โดย พ.อ.ณรงค์ ภักดีศุภผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายภาณุรังษี ออกมายืนยันว่า ธัมมชโย ไม่เคยเดินทางมาตรวจรักษาตัวที่โรงพยาบาลแต่อย่างใด ดังนั้นใบรับรองแพทย์ดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะใบรับรองแพทย์ที่ถูกต้องต้องรายงานผู้บังคับบัญชา และให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเซ็นรับทราบ แต่ พ.อ.ณรงค์ ไม่เคยรู้เรื่องใบรับรองแพทย์ดังกล่าวแต่อย่างใด

พ.อ.ณรงค์กล่าวว่า จากการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า มีคนในโรงพยาบาลค่ายภาณุรังษี อาศัยความสนิทสนมส่วนตัวแอบไปตรวจ ธัมมชโย ที่สำนักจานบินเองโดยพลการ แต่กลับออกใบรองรองแพทย์โดยใช้ชื่อโรงพยาบาลค่ายภาณุรังษี
ซึ่งเรื่องนี้ยอมไม่ได้ต้องเอาเรื่องถึงที่สุดทั้งทางวินัยและตามกฎหมาย

ขณะที่มีรายงานข่าวว่า ดีเอสไอเตรียมฟ้องแพทย์ที่ร่วมแถลงยืนยันว่า ธัมมชโย ป่วยขั้นโคม่า รวมทั้งฟ้องไปยังแพทยสภาเพื่อให้เพิกถอนใบประกอบโรคศิลปะและลงโทษทางวินัยแพทย์ที่ออกใบรับรองแพทย์โดยผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการอ้างว่า ธัมมชโย ป่วยหนักรวมทั้ง นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความธัมมชโย อาจถูกดำเนินคดีฐานนำใบรับรองแพทย์เท็จไปร้องต่อดีเอสไอเพื่ออ้างว่า ธัมมชโย ป่วยหนักไม่สามารถมารับทราบข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอได้

ล่าสุดเหล่าสาวกสำนักจานบินชักเลอะไปกันใหญ่เมื่อ พระนพดล สิริวโส ได้เชิญชวนให้เหล่าสาวกสำนักจานบินร่วมลงชื่อในเว็บไซต์ทำเนียบขาวของมหาอำนาจมะกันอันตรายให้ได้ 100,000 รายชื่อโดยด่วน เพื่อร้องขอให้ ประธานาธิบดีโอบามา ช่วยเหลือ ธัมมชโย

การเดินเกมของเหล่าสาวกสำนักจานบินดังกล่าวนอกจากสะท้อนเกมเฟอะฟะยังแสดงให้เห็นถึงภาวะใกล้จนตรอกจำนนต่อความจริงและกฎแห่งกรรมที่ใกล้เข้ามาทุกขณะของสำนักจานบินที่สิ้นไร้ไม้ตอกถึงขนาดที่ต้องใช้แผนชักศึกเข้าบ้านให้มหาอำนาจจอมอันธพาลโลกเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในแผ่นดินเกิดของตัวเองซึ่งเป็นเล่ห์ร้ายที่ไม่ต่างจากวิธีการป่วนเมืองของขบวนการเพื่อแม้ว ซึ่งคงต้องดูกันต่อไปว่า ประธานาธิบดีโอบามา จะเลอะเทอะบ้าจี้ตามเกมจนตรอกของสำนักจานบินหรือไม่

สถานการณ์ขณะนี้และแนวโน้มในอนาคตชี้ว่านับวันธัมมชโยและสำนักจานบินใกล้เข้าตาจนจำนนต่อความจริงเข้าไปทุกขณะ และอาจสอดคล้องกับพุทธพจน์ตอนหนึ่งที่ว่า คนพูดเท็จไม่ทำชั่วเป็นไม่มี และสรรพสิ่งทั้งหลายล้วนเป็นไปตามกรรม

ทีมข่าวการเมือง

จับตาระทึกเส้นตาย 26 พ.ค. ปัญหาคลี่คลายหรือวิกฤติอยู่ที่ธัมมชโย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/216631

วันศุกร์ ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
การที่ธัมมชโย เจ้าสำนักจานบิน และเหล่าสานุศิษย์ส่อเจตนาตะแบงยื้อสุดฤทธิ์ไม่ยอมเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาฟอกเงินและรับของโจรคดีฉ้อโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ถูกตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากเพราะไม่กล้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรมแล้ว ยังซ่อนเล่ห์หลุมพรางด้วยการอ้างว่าธัมมชโยป่วยหนักขั้นโคม่า แล้วตั้งแง่ให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหาธัมมชโยที่สำนักจานบิน ทั้งๆ ที่มีคลิปภาพปรากฏชัดเจนว่า ธัมมชโยยังเดินปร๋อไปโน่นไปนี่เหมือนปกติ

การตั้งแง่ให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอต้องเดินทางไปแจ้งข้อหา ธัมมชโย ถึงสำนักจานบินถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นแผนขุดบ่อล่อปลาเพราะแน่นอนว่าหากพนักงานสอบสวนดีเอสไอบุกไปแจ้งข้อหา ธัมมชโย วันไหนก็อาจมีการระดมสาวกสำนักจานบินมาเป็นโล่มนุษย์เพื่อกดดันพนักงานสอบสวนดีเอสไอจนเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งแน่นอนย่อมเป็นข่าวใหญ่โตและกลายเป็นข้ออ้างของสำนักจานบินว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง

ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนดีเอสไอพยายามใช้มาตรการที่ผ่อนปรนแก่ ธัมมชโย มาตลอดแต่ ธัมมชโย กลับส่อเจตนายื้อเกมตะแบงหาข้ออ้างไม่ยอมมารับทราบข้อกล่าวหาถึง 3 ครั้ง อ้างว่าติดงานวันเกิดหรืออ้างว่าป่วยหนัก ขณะเดียวกันก็มีสาวกสำนักจานบินกลุ่มหนึ่งออกมาแสดงพลังปกป้อง ธัมมชโย และโจมตีดีเอสไออย่างดุเดือด

ล่าสุดศาลพิจารณาข้อมูลหลักฐานแล้วอนุมัติหมายจับ ธัมมชโย ตามคำขอของดีเอสไอโดยดีเอสไอขีดเส้นตายให้ ธัมมชโย เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันที่ 26 พ.ค.ภายใต้เงื่อนไขที่โอนอ่อนไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าโดยหาก ธัมมชโย ยอมมารับทราบข้อกล่าวหาพนักงานสอบสวนพร้อมให้ประกันตัว แต่หากไม่มาพนักงานสอบสวนจำเป็นต้องดำเนินมาตรการจากเบาไปหาหนัก

ล่าสุดสำนักจานบินสั่งระดมศิษย์ทั่วประเทศให้พร้อมลุกฮือเพื่อปกป้อง ธัมมชโย ขณะที่ฝ่ายดีเอสไอมีรายงานข่าวว่า หากถึงเส้นตายแล้ว ธัมมชโย ยังไม่ยอมรับทราบข้อกล่าวหาอาจจำเป็นต้องเข้าจับกุม ธัมมชโย ถึงสำนักจานบิน โดยหากมีการระดมสาวกสำนักงานจานบินต่อต้านการจับกุมก็อาจต้องใช้ปฏิบัติการที่เข้มข้นด้วยการใช้รถหุ้มเกราะเข้าเคลียร์พื้นที่

เพราะฉะนั้นสถานการณ์จากนี้ไปจนถึงเส้นตาย 26 พ.ค. จึงต้องจับตาด้วยความระทึกว่า ธัมมชโย จะแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเอง ยอมปฏิบัติตามกฎหมายและเห็นแก่ความสงบสุขของชาติบ้านเมืองด้วยการเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอซึ่งก็ยืนยันแล้วว่าพร้อมให้ประกันตัวหรือจะยืนกรานปักหลักอยู่ในสำนักจานบินหวังตั้งป้อมสู้โดยอาศัยเหล่าสาวกสำนักจานบินธรรมกายเป็นเกราะป้องกัน ซึ่งนั่นอาจเป็นการสุมไฟให้เกิดวิกฤติความรุนแรง

ทีมข่าวการเมือง

เพื่อแม้วลวงโลกไร้อาย อ้างประชาธิปไตยจอมปลอม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/216434

วันพฤหัสบดี ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ขบวนการเพื่อแม้วไม่ว่าจะเป็นนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดง นายวรชัย เหมมะ อดีตสส.เพื่อแม้ว เรียงหน้าออกมาหนุนนายกลิน ที. เดวีส์ ทูตมะกันอันตรายประจำประเทศไทยที่เหิมเกริมอ่านแถลงการณ์ฉีกหน้ากดดันกล่าวหาทางการไทยว่าข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพและละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอันเป็นการส่อเจตนาให้ท้ายขบวนการเพื่อแม้ว

เหล่าแกนนำเพื่อแม้วถึงขนาดอ้างแบบลวงโลกอย่างไม่อายว่า คนไทยฝ่ายประชาธิปไตย 80-90% เห็นด้วยกับทูตมะกันอันตราย มีแต่คนกลุ่มเล็กๆ ที่นิยมเผด็จการเท่านั้นที่จะเกลียดทูตมะกันอันตราย

คำโฆษณาชวนเชื่อของเหล่าแกนนำเพื่อแม้วเป็นการบิดเบือนและอำพรางโฉมหน้าที่แท้จริงของระบอบแม้วที่พฤติกรรมตรงกันข้ามกับประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง เพราะตัวตนที่แท้จริงของขบวนการเพื่อแม้วคือแก๊งธุรกิจการเมืองทุนสามานย์เผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่ใช้ผลประโยชน์ทุกรูปแบบลงทุนซื้อประชาธิปไตย ซื้ออำนาจรัฐแล้วถอนทุนบวกกำไรด้วยการโกงชาติปล้นแผ่นดินมหาศาล แทรกแซงองค์กรอิสระ ละเมิดกฎหมายไม่ยอมรับอำนาจศาล บ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูง ขณะเดียวกัน ละเมิดกฎหมายก่อจลาจลและจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธสร้างสถานการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองจนพินาศย่อยยับ รวมทั้งพยายามผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมที่มีเป้าหมายแอบแฝงหวังลบล้างโทษความผิดคดีทุจริตให้ นักโทษชายแม้ว ผู้เป็นนายใหญ่เพื่อจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุกจนเป็นชนวนให้มวลมหาประชาชนเกือบ 10 ล้านคน ออกมาแสดงพลังครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดเพื่อแม้ว

ทั้งๆ ที่มีพฤติกรรมอันเลวร้ายดังกล่าว แต่แกนนำขบวนการเพื่อแม้วกลับไร้ยางอายมีหน้าอ้างประชาธิปไตยซ้ำชักศึกเข้าบ้านหนุนมหาอำนาจมะกันอันตรายเหยียบย่ำศักดิ์ศรีอธิปไตยแผ่นดินเกิดตัวเอง

แต่ที่เลวร้ายซึ่งคนไทยทั้งประเทศรับไม่ได้ก็คือขบวนการเพื่อแม้วและมหาอำนาจจอมอันธพาลโลกส่อเจตนาให้ท้ายแก๊งบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูง ซึ่งมีโทษความผิดตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา โดยหนึ่งในข้ออ้างที่ทางการมะกันอันตรายอ้างว่าไทยคุกคามสิทธิเสรีภาพและละเมิดสิทธิมนุษยชนก็คือกรณีการจับกุมดำเนินคดี น.ส.พัฒน์นรี
ชาญกิจ แม่ของนายสิรวิชย์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” แกนนำนักศึกษาป่วนเมืองขาประจำตัวยง

การออกมาเคลื่อนไหวเดินเกมอย่างสอดรับกันของขบวนการเพื่อแม้วกับมหาอำนาจมะกันอันตรายถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นแผนเบี่ยงเบนบิดเบือนประเด็นจากศรัทธาของคนไทยทั้งประเทศที่ตั้งความหวังไว้กับคสช.ในการปฏิรูปประเทศให้พ้นจากวงจรอุบาทว์อันชั่วร้ายโดยระบอบธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมมาเป็นเรื่องการต่อสู้ระหว่างฝ่ายเผด็จการจากการรัฐประหารกับฝ่ายประชาธิปไตยอันเป็นการพลิกภาพลักษณ์โฉมหน้าขบวนการเพื่อแม้วจากจอมวายร้ายมาเป็นฮีโร่ของฝ่ายประชาธิปไตย

ทีมข่าวการเมือง

มะกันอันตรายจอมอันธพาลโลก บีบคสช.ให้ท้ายพวกแม้ว-แก๊งหมิ่นเจ้า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/216269

วันพุธ ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

นับเป็นท่าทีที่ยโสเหิมเกริมและไร้มารยาททางการทูตอย่างร้ายแรงของนายเกร็น ที เดวีส์ ด้วยการเตรียมแถลงการณ์มาล่วงหน้าแล้วอ่านต่อหน้าสื่อฉีกหน้านายดอนปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศของไทย ด้วยการแสดงความวิตกปัญหาการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพและละเมิดสิทธิมนุษยชนของทางการไทย ซึ่งรวมทั้งกรณีการจับกุมดำเนินคดี น.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ แม่ของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ“จ่านิว” แกนนำนักศึกษาป่วนเมืองขาประจำตัวยงในข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอันเป็นความผิดตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งท่าทีจอมอันธพาลโลกของทูตมะกันอันตรายกำลังกลายเป็นชนวนสร้างความไม่พอใจให้คนไทยที่รักชาติและสถาบันจนเกิดกระแสไม่พอใจอย่างรุนแรงในโลกโซเชียลมีเดียถึงขั้นนัดแสดงพลังที่หน้าสถานทูตมะกันอันตรายประจำประเทศไทย

แม้แต่ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิตและอดีตนักการทูต ตลอดจนนักวิชาการที่มีชื่อเสียงหลายต่อหลายท่านก็ทนไม่ได้กับกิริยาไร้มารยาทของทูตมะกันอันตรายผู้นี้ถึงขั้นเรียกร้องให้รัฐบาลขับไล่พ้นแผ่นดินไทยในฐานะบุคคลไม่พึงปรารถนา

แต่หน้าแปลกที่แกนนำขบวนการเพื่อแม้ว อาทินายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุลอดีตรองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ นายจตุพรพรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มเสื้อแดง กลับส่อเจตนาชักศึกเข้าบ้านด้วยการดาหน้าออกมาตอบโต้ปกป้องแทนทูตมะกันอันตราย

ท่าทีของมหาอำนาจจอมอันธพาลโลกอย่างมะกันอันตรายที่ยโสเหิมเกริมถึงกับส่อเจตนาแทรกแซงกิจการภายในของไทยและให้ท้ายขบวนการเพื่อแม้ว และที่สุดเลวร้ายคือส่อเจตนาให้ท้ายแก๊งบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงของไทยที่เกิดขึ้นถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆว่าต้องการกดดันคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้เลือกข้างยอมเป็นเด็กดีที่ยอมสยบอยู่ภายใต้คำสั่งของมหาอำนาจจอมอันธพาลโลกแต่โดยดีมิฉะนั้นจะประสบชะตากรรมเช่นเดียวกันอีกหลายประเทศที่มะกันอันตรายรุกรานบุกเข้าไปทำสงครามจนย่อยยับเอาดื้อๆ หรือไม่ก็อยู่เบื้องหลังการโค่นอำนาจรัฐบาลประเทศไหนก็ตามที่ไม่ยอมเป็นทาสรับใช้มะกันอันตราย

ที่ผ่านมารัฐบาลขบวนการเพื่อแม้วนั้นยอมเป็นเด็กดีของมะกันอันตรายจึงได้รับการหนุนหลังจากมหาอำนาจมะกันอันตรายอย่างเต็มที่ ทั้งๆที่รัฐบาลขบวนการเพื่อแม้วประพฤติชั่วร้ายสารพัดทั้งสนับสนุนขบวนการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงโกงชาติปล้นแผ่นดินมโหฬารและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง อาทิ การสังหารประชาชนกว่า 2,500 ศพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้บริสุทธิ์ในสงครามกวาดล้างยาเสพติด

แต่คสช.และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ยึดอำนาจจากรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ซึ่งเป็นทาสรับใช้มะกันอันตราย ประกอบกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กระชับความสัมพันธ์กับจีนและรัสเซียซึ่งเป็นมหาอำนาจพันธมิตรคู่แข่งสำคัญของมะกันอันตรายมากขึ้นจึงสร้างความไม่พอใจแก่มะกันอันตราย

จากท่าทียโสเหิมเกริมของทูตมหาอำนาจจอมอันธพาลโลกครั้งล่าสุดก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะไปเยือนรัสเซียเพียง 2 วันเหมือนเป็นสัญญาณเตือน ขณะเดียวกันก็เหมือนให้ท้ายการเคลื่อนไหวป่วนเมืองของขบวนการเพื่อแม้วที่นับวันจะร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

ทีมข่าวการเมือง

ขจัดนักธุรกิจการเมืองเลว เพื่อการปรองดองที่แท้จริงยั่งยืน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/215871

วันจันทร์ ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ประเทศบอบช้ำอย่างหนักมานานกว่า 10 ปี จากความแตกแยกในชาติที่ลึกซึ้งรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อนจากการที่ระบอบทักษิณ ก่อตัวขึ้นและเริ่มเข้ามาผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศด้วยแนวคิดธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอันชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่นและใช้ผลประโยชน์ทุกรูปแบบซื้อประชาธิปไตยและซื้ออำนาจรัฐ รวมทั้งเหิมเกริมถึงขั้นพยายามบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูง แต่ในที่สุดก็ถูกมวลมหาประชาชนออกมาแสดงพลังขับไล่และถูกรัฐประหารพ้นจากอำนาจถึง 2 ครั้ง แต่เชื้อร้ายระบอบทักษิณที่ฝังรากลึกและมีอิทธิพลพยายามทำทุกวิถีทางที่จะฟื้นอำนาจกลับมายึดครองประเทศอยู่ตลอดเวลา

หลังการถูกโค่นพ้นจากอำนาจถึง 2 ครั้ง ระบอบทักษิณพยายามทำทุกวิถีทางทั้งบนดิน ใต้ดิน หวังจะช่วงชิงอำนาจรัฐคืนโดยไม่คำนึงถึงความหายนะวิบัติใดๆ ที่จะเกิดกับชาติบ้านเมือง ถึงขั้นจัดตั้งกลุ่มเสื้อแดง กองกำลังก่อการร้ายติดอาวุธ สร้างสถานการณ์ก่อจลาจลทั่วกทม.และบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้ชาติอาเซียนและผู้นำชาติมหาอำนาจคู่เจรจา ที่พัทยา ในปี 2552 ตามด้วยการก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองในปี 2553

นอกจากพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศ ระบอบทักษิณยังกดดันทุกวิถีทางเพื่อผลักดันให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมความผิดที่อ้างทำเพื่อคนทุกสีแต่มีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งลบล้างโทษความผิดคดีทุจริตและคดีความมั่นคงให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆโดยไม่ต้องติดคุกอันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐอย่างสิ้นเชิง ซึ่งความพยายามผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมแบบสุดซอยในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์กลายเป็นชนวนนำไปสู่การแสดงพลังต่อต้านของมวลมหาประชาชนหลายล้านคน และทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกยึดอำนาจในที่สุด

ที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองในชาติมาหลายคณะซึ่งผลการศึกษาซึ่งน่าจะเป็นแนวทางเหมาะสมมากที่สุดคือผลการศึกษาของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีดร.คณิต ณ นคร เป็นประธาน แต่ผลการศึกษาดังกล่าวถูกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทิ้งลงตะกร้าอย่างไม่แยแสเพราะไม่ตอบสนองเป้าหมายของระบอบทักษิณ

ทั้งนี้ ผลการศึกษาของคอป.สรุปสาระสำคัญได้ว่า คู่กรณีทุกฝ่ายต้องมาเปิดอกพูดคุยเพื่อหาข้อเท็จจริงถึงสาเหตุของความขัดแย้งเพื่อเป็นบทเรียนไม่ให้เกิดปัญหาอีกในอนาคต โดยผู้ที่ทำผิดต้องยอมรับผิดและยอมรับโทษความผิดตามกระบวนการยุติธรรม จากนั้นจึงค่อยพูดถึงเรื่องการนิรโทษกรรม ซึ่งการนิรโทษกรรมต้องไม่ทำลายหลักนิติรัฐโดยไม่ครอบคลุมถึงคดีทุจริต คดีหมิ่นเบื้องสูงตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา และคดีอาญาร้ายแรงเกี่ยวกับความมั่นคง

แนวคิดผลการศึกษาของ คอป.ดูจะสอดคล้องกับแนวทางของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลชุดปัจจุบันที่สะท้อนจากคำให้สัมภาษณ์ของ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่ยืนยันว่าการปรองดองต้องอยู่ภายใต้หลักกฎหมายและมีหลายวิธีการโดยอาจไม่จำเป็นต้องมีการนิรโทษกรรม

นักสังเกตการณ์ทางการเมืองบางฝ่ายมองว่า หากนักการเมืองไม่ประพฤติชั่วร้ายเลวทรามความแตกแยกในชาติคงไม่เกิดขึ้น ดังนั้นการสร้างความปรองดองอย่างแท้จริงและยั่งยืนต้องมุ่งแก้ที่ต้นตอรากเหง้าของปัญหานั่นคือการขจัดตัวการใหญ่ระบอบธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยซึ่งเป็นต้นตอของวงจรอุบาทว์อันชั่วร้ายด้วยโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดจริงจังและวางมาตรการคาดโทษอย่างรุนแรงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต เพราะตราบใดที่ระบอบการเมืองอันชั่วร้ายยังลอยนวล ตราบนั้นวิกฤติความแตกแยกก็พร้อมปะทุอีกได้ตลอดเวลาจากการออกมาแสดงพลังขับไล่รัฐบาลอันชั่วร้ายของมวลมหาประชาชนจนกลายเป็นวงจรอุบาทว์อีกซ้ำซาก

ทีมข่าวการเมือง

คสช.VSระบอบทักษิณ ตาต่อตาฟันต่อฟัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/215789

วันอาทิตย์ ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
ศึกแตกหักระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กับขบวนการระบอบทักษิณนับวันจะแหลมคมและดุเดือดเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคดีทุจริตออกมาดับเครื่องชน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. โดยเครือข่ายระบอบทักษิณใช้การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงเป็นเครื่องมือจุดชนวนสุมไฟวิกฤติด้วยการอ้างการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการปิดกั้นเสรีภาพในการเคลื่อนไหวสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ขณะที่คสช.เพิ่มความเข้มในการใช้มาตรการตามกฎหมายจัดการกับแกนนำและเครือข่ายระบอบทักษิณ

การเดินเกมของเครือข่ายระบอบทักษิณพยายามที่จะเคลื่อนไหวบ่อนทำลายยั่วยุท้าทายคสช. เพื่อให้ คสช.ใช้อำนาจคุมตัวหรือเรียกไปปรับทัศนคติเพื่อชิงพื้นที่ข่าวและเป็นข้ออ้างในการเติมเชื้อไฟปลุกกระแสต้าน คสช. ในประเทศ ขณะเดียวกันก็เพื่อเป็น
ข้ออ้างชักศึกเข้าบ้านเพื่อให้องค์กรระหว่างประเทศรวมทั้งนานาชาติกดดันคสช.ด้วยข้ออ้างละเมิดสิทธิมนุษยชน
และไม่เป็นประชาธิปไตย

การจับกุม 8 มือเพจซึ่งเป็นกลุ่มรับจ้างป่วนเมืองด้วยการแพร่ข้อความทางโซเชียลมีเดียบ่อนทำลายคสช.และหมิ่นเบื้องสูงที่โยงใยไปถึง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดง และ นายพานทองแท้ ชินวัตรบุตรชายของนายทักษิณ เป็นหนึ่งในแนวรบซึ่งเป็นศึกประลองกำลังกันระหว่างขบวนการระบอบทักษิณกับ คสช.

นอกจากนี้ ยังมีการจับกุมดำเนินคดี น.ส.พัฒน์นรีชาญกิจ แม่ของ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว แกนนำนักศึกษาที่เคลื่อนไหวป่วนเมืองคนสำคัญ ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ทางโซเชียลมีเดียโดยแม่ของจ่านิวส่อเจตนากรทำผิดมาอย่างต่อเนื่องโดยมีหลักฐานชัดเจน

ที่น่าสนใจคือการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่นำโดย นายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา และ นายพิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ จากคณะเศรษฐกิจที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นก๊วนนักวิชาการเสื้อแดงขาประจำหน้าเดิมได้ยื่นหนังสือถึงสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทยโจมตีคสช.ด้วยข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงคือ มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการจับกุม ซ้อม ทรมานฝ่ายที่เห็นต่างกับอำนาจรัฐ ซึ่งปัญหานี้มีความพยายามทำให้บานปลายไปถึงสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนฯซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อันเป็นไปตามแผน “โลกล้อมไทย” ของขบวนการระบอบทักษิณ

ขณะที่ขบวนการระบอบทักษิณเคลื่อนไหวดุเดือดเข้มข้นขึ้นทุกขณะ คสช.ก็ตอบโต้โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ และที่สำคัญคือการย้ำแผลซึ่งเป็นชนักปักหลังบรรดาแกนนำขบวนการระบอบทักษิณ ด้วยการเร่งและรื้อคดีทุจริตสำคัญยุคระบอบทักษิณครองเมือง

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งสัญญาณหาหลักฐานเพิ่มเติมมัดและเร่งคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรยุครัฐบาลทักษิณซึ่งคดีนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) โดยหนึ่งในจำเลยคนสำคัญของคดีนี้คือ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย อดีตรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ช่วงหลังส่อเจตนาออกมาเคลื่อนไหวยั่วยุท้าทายคสช.ชนิดดับเครื่องชน

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังสั่งให้กระทรวงพาณิชย์เร่งสรุปตัวเลขความเสียหายจากการทุจริตการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี)ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์เพื่อฟ้องเรียกค่าเสียหายคืนแก่แผ่นดินจากผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยมีจำเลยคนสำคัญคือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง

ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังกำลังเตรียมสรุปตัวเลขความเสียหายทั้งหมดจากโครงการรับจำนำข้าวเพื่อฟ้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิดระบอบทักษิณ ชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดิน นอกเหนือจากคดีอาญาซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ภายใต้สถานการณ์ศึกชนช้างที่เกิดขึ้นแน่นอนว่าระบอบทักษิณซึ่งนับวันจะอยู่ในสภาพหลังพิงฝาต้องระดมสมัครพรรคพวกและวิธีการทุกรูปแบบทั้งบนดินและใต้ดินเพื่อเปิดศึกแตกหักในทุกแนวรบด้วยการสร้างสถานการณ์สุมไฟให้เกิดความระส่ำระสายในบ้านเมืองทั้งภายในและนอกประเทศ ดังนั้นแนวโน้มอุณหภูมิการเมืองจากนี้ไปคาดว่าจะร้อนแรงเดือดพล่านขึ้นเรื่อยๆ

ทีมข่าวการเมือง

พวกสิทธิมนุษยชนจอมปลอม ซาตานในคราบนักบุญ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/215642

วันเสาร์ ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
มะกันอันตรายรวมทั้งเหล่าชาติตะวันตก ตลอดจนองค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งหลายพยายามสร้างภาพเป็นนักบุญลวงโลกทั้งๆ ที่โฉมหน้าตัวตนที่แท้จริงของพวกประดานี้ก็คือซาตานในคราบนักบุญที่ซ่อนเบื้องหลังแอบแฝงอันชั่วร้ายทางการเมืองและผลประโยชน์

อย่าว่าแต่องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติแม้แต่องค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) เองก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามีบรรดาชาติมหาอำนาจและพันธมิตรชักใยอยู่เบื้องหลัง เพื่อเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเมืองในเวทีโลก

ขณะที่องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนไม่ว่าจะเป็นแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล ฮิวแมนไรท์วอทช์ หรืออีกสารพัดองค์กรที่อุปโลกน์ตั้งขึ้นมา ตลอดจนบรรดาสื่อตะวันตกทั้งหลายส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกผีโม่งแป้งที่พร้อมรับจ้างงานทุกอย่างตามใบสั่งไม่ว่างานที่ถูกจ้างจะเลวทรามเพียงใดก็ตาม และที่อุบาทว์ชั่วร้ายก็คือมีคนไทยขายชาติบางกลุ่มสมคบกับขบวนการซาตานในคราบนักบุญโดยอ้างสิทธิมนุษยชนบังหน้า และเลวทรามถึงกับให้ท้ายขบวนการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูง

มะกันอันตรายยังคงธาตุแท้ซ่อนหางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ของตัวเองอย่างไม่เปลี่ยนแปลง โดยล่าสุดยังส่อเจตนาให้ท้ายขบวนการป่วนเมืองเพื่อแม้ว รวมทั้งแก๊งอุบาทว์หมิ่นเบื้องสูงด้วยการจุ้นกดดันไทยให้หยุดคุกคามสิทธิเสรีภาพและละเมิดสิทธิมนุษยชนสะท้อนผ่านการเข้าพบ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ของ นายเกล็นที.เดวี่ส์ เอกอัครราชทูตมะกันอันตรายประจำประเทศไทยโดยทูตมะกันอันตรายอหังการถึงกับกดดันว่า “การจับกุมนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทยเป็นการไม่เคารพเสรีภาพในการแสดงออกและสร้างบรรยากาศการข่มขู่ สหรัฐรู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อพันธกรณีของไทยที่ต้องเคารพเสรีภาพในการแสดงความเห็น รวมถึงกรณีนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร”

มะกันอันตรายเที่ยวกดดันให้ประเทศต่างๆ เคารพหลักสิทธิมนุษยชน ทั้งๆ ที่ตัวเองประพฤติตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง โดยทำตัวเป็นอันธพาลโลกซาตานในคราบนักบุญตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันด้วยการเที่ยวรุกรานแทรกแซงและปล้นผลประโยชน์ตลอดจนจุดไฟสงครามทำลายชีวิตผู้คนในประเทศต่างๆ มาแล้วมากมาย หรือการตั้งคุกลับในหลายประเทศเพื่อทรมานนักโทษที่เป็นปฏิปักษ์กับมะกันอันตรายด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมอำมหิต หรือแม้แต่การทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลไร้พรมแดนในอัฟกานิสถาน ทำให้แพทย์และพยาบาลตลอดจนคนไข้เสียชีวิตจำนวนมาก หรือการจับชาวอเมริกันกลุ่ม Sping Democray กว่า 1,000 คน ที่ออกมาชุมนุมต่อต้านประชาธิปไตยที่ล้มเหลวเน่าเฟะของมะกันอันตราย

การที่ก่อนหน้านี้ นางแคตินา อดัมส์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศมะกันอันตรายภาคพื้นเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ออกมากดดันทางการไทย
ที่ดำเนินคดีกับ น.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ ซึ่งเป็นแม่ของ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” แกนนำนักเคลื่อนไหวป่วนเมืองตัวยงฐานหมิ่นเบื้องสูงอันเป็นความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ทำให้พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ต้องออกมาตอบโต้ว่า มะกันอันตรายควรพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้าน อีกทั้งสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนนั้นต้องอยู่ภายใต้กฎหมายซึ่งทุกประเทศล้วนไม่แตกต่างกัน

ที่ผ่านมาระบอบแม้วประพฤติชั่วร้ายละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงมากมาย อาทิ สังหารเหยื่อกว่า 2,500 ศพ ในสงครามกวาดล้างยาเสพติดสลายการชุมนุมของชาวไทยมุสลิมที่อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จนมีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 ศพ การใช้วิธีการรุนแรงอุ้มฆ่าชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การส่งกลุ่มอันธพาลลอบทำร้ายการชุมนุมของมวลมหาประชาชนจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก แต่มะกันอันตรายและเหล่านักสิทธิมนุษยชนกลับเฉยไม่ออกมาประณามกดดัน ซึ่งสะท้อนความเป็นนักสิทธิมนุษยชนจอมปลอมของเหล่าซาตานในคราบนักบุญที่ซ่อนเบื้องหลังแอบแฝง

ทีมข่าวการเมือง