แล้วไงต่อไปเมื่อรู้ทั้งรู้ นช.แม้วบงการป่วนประเทศ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/212690

วันเสาร์ ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
นับเป็นครั้งแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)พูดชัดถ้อยชัดคำแบบไม่กั๊กว่า จอมบงการที่อยู่เบื้องหลังขบวนการเคลื่อนไหวป่วนทั้งในและนอกประเทศที่มีนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อแม้ว เป็นตัวชูโรง โดยมีขบวนการอีกหลายกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวสอดรับคู่ขนานแบบแยกกันเดินแต่ร่วมกันตีโดยเฉพาะแก๊งพลเมืองโต้กลับที่มีนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” เป็นหัวโจก ก็คือ “ทักษิณ” ที่ทั้งต่อท่อน้ำเลี้ยง วางแผนสั่งการโดยอาศัยบริษัทล็อบบี้ยิสต์ต่างชาติเป็นตัวขับเคลื่อน

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังแฉว่าแก๊งพลเมืองโต้กลับที่ออกมาเคลื่อนไหวป่วนเมืองช่วงนี้มีรถของวอยซ์ทีวีและกลุ่มเสื้อแดงคอยรับส่ง ซึ่งเมื่อถูกแฉข้อมูลลับแบบไม่ทันตั้งตัวทำเอา จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง เอาตัวรอดแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ ว่าแก๊ง “จ่านิว” แค่ขอติดรถไปด้วยเท่านั้น

นายจตุพร ยังแก้ตัวว่ากลุ่มเสื้อแดงไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการป่วนเมืองโดยอ้างหน้าตาเฉยว่า กลุ่มเสื้อแดงไม่ใช่อีแอบ ถ้าทำจริงกล้ายืดอกรับ แต่ที่ผ่านมากรณีกองกำลังชุดดำที่ร่วมก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองปี 2553 หรือแก๊งระเบิดป่วนเมืองเสื้อแดงที่ถูกจับได้หลายครั้งที่ผ่านมา นายจตุพร อ้างว่าเป็นพวก แดงเทียม หน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่ผู้ต้องหารับสารภาพและมีภาพถ่ายชัดเจนว่าแก๊งก่อการร้ายที่ถูกจับหลายคนถ่ายภาพหรากับ นายจตุพร และเหล่าแกนนำเสื้อแดง

และช่างบังเอิญที่ล่าสุด “จ่านิว” และครอบครัวจะร่วมเดินทางไปกับ “ทัวร์เสื้อแดงครั้งที่ 47” เพื่อท่องเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์ใน วันที่ 27 พ.ค.นี้ ขณะที่เพจเฟซบุ๊ค “ทัวร์เสื้อแดง” ได้เผยแพร่โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์กิจกรรมทัวร์ดังกล่าวโดยระบุตอนหนึ่งว่า “สุดยอดแห่งการเดินทางกับแขกรับเชิญคนสำคัญ สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์-จ่านิว”

เรื่อง “ทักษิณ” บงการอยู่หลังฉากขบวนการป่วนประเทศถึงพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ประกาศชัดต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก แต่คนทั่วบ้านทั่วเมืองก็รู้อยู่แล้วเพราะฉะนั้นคำถามสำคัญคือ เมื่อรู้ทั้งรู้ว่า ตัวการสำคัญที่บ่อนทำลายป่วนประเทศอยู่ในขณะนี้คือ “ทักษิณ” และเหล่าแกนนำที่เดินเกมท้าทายบ่อนทำลายอำนาจรัฐอย่างเหิมเกริมซ้ำซากโดยไม่สนใจการถูกนำตัวไปปรับทัศนคติในค่ายทหารแม้แต่น้อย แล้วอำนาจรัฐพิเศษยุคคสช.จะจัดการอย่างไรกับ “ทักษิณ” และพวกเพื่อหยุดขบวนการป่วนประเทศให้ได้ผลชะงัดเสียที

ทั้งนี้จับโจรต้องจับหัวหน้าและต้องไม่ใช่แค่ขู่ ซึ่งตราบใดที่หัวหน้าโจรยังลอยนวลก็ยังคงวางแผนต่อท่อน้ำเลี้ยงบงการเหล่าสมุนเดินแผนป่วนทั้งในและนอกประเทศสร้างความระส่ำระสายต่อไปและนับวันจะเหิมเกริมเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น อำนาจรัฐโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) สำนักงานอัยการสูงสุด และกระทรวงการต่างประเทศต้องร่วมมือกันเอาจริงเสียทีในการประสานกับตำรวจสากลและรัฐบาลประเทศซึ่ง “ทักษิณ” เข้าไปป้วนเปี้ยนเพื่อให้ควบคุมตัวทันทีแล้วส่งกลับมาดำเนินคดีในไทยเพราะ “ทักษิณ” มีคดีติดตัวมากมายซึ่งหลายคดีเป็นคดีอาญาไม่ใช่คดีทางการเมืองขณะเดียวกันควรรื้อฟื้นเร่งรัดคดีสำคัญในอดีตให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อเอาผิดบรรดาแกนนำขบวนการเพื่อแม้วที่แต่ละคนซ่อนแผลไว้ทั้งสิ้นทั้งคดีก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองปี 2553 รวมทั้งคดีทุจริตต่างๆ ตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณเป็นต้นมา

ทีมข่าวการเมือง

พิรุธปปช.ยุคบิ๊กกุ้ยมีมติถอนฟ้อง คดีรัฐบาลสมชายสลายพธม.ปี’51

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/212491

วันศุกร์ ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.
นับเป็นมติที่มีพิรุธชวนให้สงสัยส่อไม่ชอบมาพากลเมื่อที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยุคใหม่ที่มี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ หรือ “บิ๊กกุ้ย” เป็นประธานจู่ๆ ก็นำคำร้องขอความเป็นธรรมคดีรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯหุ่นเชิดระบอบทักษิณสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวันที่ 7 ต.ค.เมื่อปี 2551 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากและที่ประชุมมีมติด้วยเสียง 6 ต่อ 1 ให้ถอนฟ้องนายสมชายและพวกรวม 4 คน

ข้อน่าสังเกตประการแรกก็คือ คดีนี้ยืดเยื้อมานานหลายปี แต่ผู้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมอันประกอบด้วย นายสมชาย, พล.ต.อ.พัชรวาทวงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ยุครัฐบาลสมชาย และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เพื่อนร่วมรุ่นของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นักโทษหนีคุก กลับไม่สนใจร้องขอความเป็นธรรม แต่พอคณะกรรมการป.ป.ช.ยุค “บิ๊กกุ้ย” เข้ามาทำหน้าที่เท่านั้นก็ยื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมทันที และป.ป.ช.ยุค “บิ๊กกุ้ย” เป็นใหญ่ ก็นำเรื่องเข้าหารือเป็นวาระจรทันทีเช่นกัน

ข้อน่าสังเกตประการที่สองคือ เป็นที่รู้กันว่ากรรมการป.ป.ช.ชุดนี้ส่วนใหญ่เป็นกรรมกรชุดใหม่ที่เพิ่งเข้าทำหน้าที่ รวมทั้ง “บิ๊กกุ้ย” โดยเสียงให้ถอนฟ้องล้วนเป็นกรรมการชุดใหม่ ส่วน 1 เสียง ที่คัดค้านการถอนฟ้องก็คือนางสุภา ปิยะจิตติ อดีตประธานตรวจสอบคดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นจอมตงฉินที่เคยฝากผลงานฮือฮามาแล้ว

ข้อน่าสังเกตประการที่สามก็คือ คดีนี้ป.ป.ช.ชุดเดิมเคยเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยยื่นฟ้องจำเลย 4 คนคือ นายสมชาย, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ขณะนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.สุชาติ ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งศาลประทับรับฟ้องและเริ่มไต่สวนคดีนี้ไปแล้ว แต่จู่ๆ ป.ป.ช.ยุค“บิ๊กกุ้ย” ซึ่งเพิ่งเข้าทำหน้าที่ได้ไม่นานกลับถอนฟ้องเอาดื้อๆ

ข้อน่าสังเกตประการที่สี่ก็คือ เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ได้ทำหนังสือไปยัง“บิ๊กกุ้ย” ว่า ไม่สมควรถอนฟ้องเพราะจำเลยสามารถร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลให้ไต่สวนเพิ่มเติมได้อยู่แล้ว อีกทั้งหากป.ป.ช.ถอนฟ้องอาจเข้าข่ายกระทำผิดทุจริตต่อหน้าที่และถูกฟ้องร้องเสียเอง แต่“บิ๊กกุ้ย” กลับยืนกรานส่งเรื่องกลับไปยังเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.เพื่อให้ทบทวนความเห็น

ประการที่ห้า ปมปัญหาที่ถูกตั้งข้อสงสัยและเป็นประเด็นสำคัญก็คือ “บิ๊กกุ้ย”ได้เป็นประธานป.ป.ช.ก็เพราะเป็นคนใกล้ชิดที่ทำงานรับใช้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ซึ่งเป็นพี่ชายของ พล.ต.อ.พัชรวาท จึงมีการตั้งข้อสงสัยว่า การถอนฟ้องครั้งนี้อาจเพื่อช่วยให้พล.ต.อ.พัชรวาท รอดพ้นความผิด ซึ่งอาจถูกมองได้ว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

จากมติที่ส่อไม่ชอบมาพากลของป.ป.ช.ยุค “บิ๊กกุ้ย” จึงไม่แปลกที่ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯซึ่งเป็นมือกฎหมายของรัฐบาลจะเตือนว่า อาจถูกมองเป็นมวยล้มต้มคนดู หรือรับสินบนมาหรือซ้ำร้ายป.ป.ช.อาจถูกฟ้องตกเป็นจำเลยเสียเองฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

สัญญาณสุมไฟชักศึกเข้าบ้าน เกมป่วนเพื่อแม้วทั้งในและนอกปท.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/212336

วันพฤหัสบดี ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ที่ผ่านมา นายวัฒนา เมืองสุขแกนนำพรรคเพื่อแม้ว ออกมาเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันส่อเจตนาเล่นละครตีรวน ยั่วยุ ท้าทายให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำตัวไปปรับทัศนคติในค่ายทหารซ้ำซากซึ่งเป็นไปตามแผนของขบวนการเพื่อแม้วที่ต้องการอาศัยกรณีของนายวัฒนาเป็นเชื้อสุมไฟให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายเกิดกระแสลุกฮือทั้งในประเทศและที่สำคัญคือเป็นแผนชักศึกเข้าบ้านตามแผนโลกล้อมไทย

ฉากสร้างสถานการณ์สุมไฟป่วนประเทศเริ่มเห็นสัญญาณชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังเล่นเกมยื้อหลบคสช.มานานหลายวันในที่สุดนายวัฒนา พร้อมทนายความก็โผล่เดินทางไปที่มณฑลทหารบกที่ 11 แต่ที่สำคัญมีการจัดฉากสร้างเรื่องให้เป็นข่าวใหญ่โตไปทั่วโลก

โดยมี ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัตหรือ “หมวดเจี๊ยบ” อดีตรองโฆษกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นัดสื่อทั้งไทยและเทศ รวมทั้งตัวแทนสถานทูตต่างชาติประจำประเทศไทยบางประเทศตลอดจนตัวแทนองค์กรสิทธิมนุษยชนสากล มาแถลงข่าวว่า นายวัฒนา ได้ร้องเรียนไปยัง นายบัน คี-มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทย

นอกจากนี้ยังร้องเรียนไปยังบุคคลและองค์กรที่เกี่ยวข้องอีก20 แห่งทั่วโลก รวมทั้งมีตัวแทนจากสถานทูตต่างๆ อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ร่วมสังเกตการณ์การคุมตัว นายวัฒนาไปปรับทัศนคติในค่ายทหารด้วย

ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยก็ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้คสช.ปล่อยตัว นายวัฒนา อย่างไม่มีเงื่อนไขเพื่อสร้างสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลายกลายเป็นข่าวใหญ่

และล่าสุด นายอานนท์ นำภาแกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ซึ่งเป็นทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนขาประจำยื่นคำขาดให้คสช.ปล่อยตัว นายวัฒนาพร้อมปลุกระดมให้พลังมวลชนเสื้อขาวออกมารวมตัวแสดงพลังที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

การส่อเจตนาท้าทายคสช.ของ นายอานนท์ หวังสร้างข่าวให้คสช.ควบคุมตัวพลังเสื้อขาวที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัว นายวัฒนาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือจุดกระแสต่อต้านคสช. รวมทั้งเป็นข้ออ้างฟ้ององค์กรระหว่างประเทศและประเทศต่างๆ ทั่วโลกว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนและคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยอำนาจรัฐเผด็จการทหาร

ขณะที่เครือข่ายระบอบทักษิณอีกหลายกลุ่มต่างออกมาเคลื่อนไหวคู่ขนานแบบแยกกันเดินร่วมกันตีโดยเฉพาะกลุ่มนักวิชาการเสื้อแดงและนักศึกษาขาประจำหน้าเดิมๆ ที่พยายามสุมไฟให้เกิดกระแสคว่ำร่างรัฐธรรมนูญที่อ้างประชาธิปไตยบังหน้า

เป้าหมายของเครือข่ายขบวนการเพื่อแม้วก็คือสุมไฟให้ลุกโชนเกิดความระส่ำระสายภายในประเทศ ขณะเดียวกันก็พยายามชักศึกเข้าบ้านหวังให้ชาติต่างๆ และองค์กรระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทยเพื่อบอยคอตต์คสช. แต่ดูเหมือนหลุมพรางหวังสุมไฟให้เกิดความปั่นป่วนของขบวนการเพื่อแม้วจะจุดไม่ติดเพราะคสช.ทันเกม ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศขณะนี้ตาสว่างและรู้เท่าทันเล่ห์ร้ายของขบวนการเพื่อแม้ว

ทีมข่าวการเมือง

จับตากลุ่มนักวิชาการโหวตโน ขบวนการขาประจำหน้าเดิม?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/212023

วันอังคาร ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

เครือข่ายนักวิชาการกลุ่ม “Vote No”ดูเหมือนจะจัดตั้งมาเป็นอย่างดีด้วยการสวมเสื้อยืดที่มีข้อความสัญลักษณ์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงอย่างพร้อมเพรียงและเข้าใจว่าคงจะรณรงค์ในวงกว้างเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ สอดรับกับขบวนการเพื่อแม้วที่มีแผนจ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ

แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักวิชาการโหวตโนเท่าที่ดูเหมือนจะคุ้นหน้า อาทิ นายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นายพิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และอีกหลายคนที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าล้วนเป็นนักวิชาการเสื้อแดงขาประจำหน้าเดิมที่ก่อนหน้านี้ออกมาเคลื่อนไหวสอดรับมาตลอดกับกลุ่มนิติเรด รวมทั้งนักศึกษาป่วนเมืองขาประจำ นำโดย นายรังสิมันต์ โรม ที่ก่อนหน้านี้ยกพวกสวมเสื้อโหวตโนบุกไปป่วนในงานหนังสือที่ศูนย์การประชุมสิริกิติ์ จนผู้จัดงานต้องเชิญตัวออกจากสถานที่

และเหมือนจะสอดรับกับแก๊งฟันน้ำนมผีโม่แป้งที่ไปป่วนกลางงานวันสัญญาธรรมศักดิ์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขณะที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ได้รับเชิญให้ไปชี้แจงถึงสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญจนงานล่มกลางคัน

เครือข่ายนักวิชาการกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกขาประจำและความจริงมีจำนวนแค่หยิบมือเดียว แต่พยายามอาศัยสื่อช่วงวันหยุดซึ่งข่าวแห้งสร้างข่าวให้ดูใหญ่โตด้วยการอาศัยรูปแบบการสวมเสื้อที่มีข้อความและสัญลักษณ์แบบเดียวกันหมดเพื่อสร้างความน่าสนใจ

ข้อน่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ โดยปกติหากเป็นนักวิชาการมืออาชีพที่มีจริยธรรม การที่จะแสดงจุดยืนอะไรก็ตาม ต้องเปรียบเทียบชี้ให้เห็นถึงข้อดีข้อเสียสิ่งที่ตัวเองวิพากษ์วิจารณ์อย่างเป็นธรรมตรงไปตรงมา แต่เครือข่ายนักวิชาการกลุ่มนี้มุ่งแถลงแต่ข้อเสียของรัฐธรรมนูญฉบับ นายมีชัย อ้างว่าออกแบบมาเพื่อประโยชน์ของบางกลุ่มเปิดทางนายกฯคนนอก สมาชิกวุฒิสภา(สว.) มาจากการสรรหา คงอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมทั้งจี้ให้คืนอำนาจผ่านการเลือกตั้งหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติ โดยที่นักวิชาการกลุ่มนี้ไม่พูดถึงข้อดีของร่างรัฐธรรมนูญแม้แต่นิดเดียวโดยเฉพาะสาระที่มุ่งขจัด
นักธุรกิจโกงบ้านกินเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติและต้องมีการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่

ที่ผ่านมาเครือข่ายนักวิชาการเสื้อแดงขาประจำหน้าเดิมๆ ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านขบวนการที่อยู่ตรงข้ามระบอบเพื่อแม้วมาตลอด โดยไม่เคยพูดถึงสิ่งเลวร้ายที่ระบอบเพื่อแม้วทำไว้กับชาติบ้านเมืองแม้แต่นิดเดียว และนักวิชาการกลุ่มนี้บางคนเคยสร้างความฮือฮาด้วยการกราบลูกศิษย์มาแล้ว

จากพฤติการณ์สีเทาของนักวิชาการสีเทากลุ่มนี้ ทำให้ ดร.อุดม รัฐอมฤต โฆษกกรธ. ซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และรู้ตื้นลึกหนาบางนักวิชาการบางกลุ่มในสำนักท่าพระจันทร์ ดีจึงตั้งข้อสังเกตว่า การออกมาเคลื่อนไหวของนักวิชาการกลุ่มนี้ มีความเห็นเหมือนพรรคเพื่อแม้วไม่ผิดเพี้ยน

เพราะฉะนั้นสาธารณชนขอให้จับตาดูความเคลื่อนไหวของเครือข่ายนักวิชาการขาประจำกลุ่มนี้ให้ดีว่ามีความบริสุทธิ์ใจแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาเพื่อชาติบ้านเมือง หรือเป็นขบวนการที่มีเป้าหมายแอบแฝง

ทีมข่าวการเมือง

จับตาเล่ห์เพื่อแม้วจัดฉาก สุมไฟใช้โลกล้อมไทย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/211869

วันจันทร์ ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
สังคมเฝ้าจับตาดูว่าในวันที่ 18 เม.ย.นี้ นายวัฒนา เมืองสุข อดีตสส.และแกนนำพรรคเพื่อแม้ว จะโผล่เพื่อให้ทหารนำตัวไปปรับทัศนคติตามที่เจ้าตัวได้ให้สัญญาด้วยสัจจะลูกผู้ชายหรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้นายวัฒนาส่อเจตนายั่วยุท้าทายยียวนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซ้ำซาก

ล่าสุดมีข่าวลือสะพัดว่า นายวัฒนา ขณะนี้กบดานอยู่ที่ประเทศลาวและเตรียมขอลี้ภัยทางการเมือง แต่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อแม้ว และนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อแม้ว ไม่เชื่อว่า นายวัฒนา จะขอลี้ภัยทางการเมือง แต่คงกลับไทยในวันที่18 เม.ย.นี้ตามที่รับปากไว้

จะอย่างไรก็ตาม ข่าวที่ลือสะพัดว่า นายวัฒนา ขอลี้ภัยทางการเมืองจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่วันที่ 18 เม.ย.นี้คงได้รู้กันแต่การปล่อยข่าวอย่างนี้ออกมาและมีการเผยแพร่ไปทั่วโลกอย่างน้อยก็เป็นการบ่อนทำลายคสช. และแม้จะยังไม่เป็นจริงในวันนี้ก็อาจเป็นจริงในวันข้างหน้า โดยนักสังเกตการณ์ทางการเมืองมองว่า มีความเป็นไปได้ที่ในอนาคตเหล่าแกนนำขบวนการเพื่อแม้วอาจใช้แผนสร้างสถานการณ์ด้วยการแห่ขอลี้ภัยทางการเมืองโดยเฉพาะที่ต้องจับตาก็คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ซึ่งกำลังเผชิญวิบากกรรมและยังหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ในฐานะเป็นจำเลยคนสำคัญในคดีโครงการรับจำนำข้าวที่มีการทุจริตอย่างมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศเป็นมูลค่ามหาศาลครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกดำเนินคดีอาญาซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี ซึ่งหนึ่งในทางออกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็คือหาทางหนีออกนอกประเทศแล้วขอลี้ภัยทางการเมือง ซึ่งการที่แกนนำขบวนการเพื่อแม้วอาจแห่ขอลี้ภัยทางการเมืองก็เพื่อสร้างข่าวใหญ่จนเกิดกระแสโลกบอยคอตต์อำนาจรัฐไทย

แต่ไม่ว่า นายวัฒนา จะกลับเมืองไทย หรือขอลี้ภัยทางการเมืองหรือไม่ก็ตาม ประเด็นสำคัญอยู่ที่การเคลื่อนไหวของ นายวัฒนา ตลอดช่วงที่ผ่านมา ถูกตั้งข้อสังเกตว่า ทำตัวเหมือนเป็นหน่วยกล้าตายหรือหัวหมู่ทะลวงฟันของขบวนการเพื่อแม้วที่จงใจออกมาสร้างสถานการณ์จัดฉากยั่วยุท้าทายให้คสช.หมดความอดทนใช้ความเด็ดขาดจัดการกับ นายวัฒนา ซึ่งจะเข้าทางกับดักตามแผนของขบวนการเพื่อแม้วทันทีที่จะใช้ข้ออ้างว่า เผด็จการจากการรัฐประหารคุกคามสิทธิเสรีภาพและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงต่อฝ่ายประชาธิปไตยซึ่งเป็นเรื่องที่โลกตะวันตกยอมรับไม่ได้

ขณะที่บรรดาบริษัทล็อบบี้ยิสต์ข้ามชาติ รวมทั้งสื่อต่างประเทศประเภทผีโม่แป้งที่รับจ้างอดีตนายกฯนักโทษหนีคุกซึ่งจ้องรออยู่แล้วจะล็อบบี้องค์กรระหว่างประเทศรวมทั้งนานาประเทศให้ร่วมกันบอยคอตต์อำนาจรัฐไทยเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ

เพราะฉะนั้นจากนี้เป็นต้นไปอาจได้เห็นแกนนำขบวนการเพื่อแม้วรวมทั้งแก๊งนักศึกษาป่วนเมืองหน้าเดิมๆ ออกมาเคลื่อนไหวยั่วยุท้าทายของคสช.เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะทางเดียวสำหรับขบวนการเพื่อแม้วในภาวะเสื่อมและหลังพิงฝาก็คือทำให้คสช.ตบะแตกและสร้างข่าวใหญ่ว่าฝ่ายประชาธิปไตยถูกกลั่นแกล้งคุกคามเพื่อกลบเกลื่อนเบี่ยงเบนประเด็นความชั่วร้ายของตัวเองจนเป็นต้นเหตุของการรัฐประหารและเพื่อเป็นข้ออ้างให้นานาประเทศเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในบีบคสช.และรัฐไทยรุนแรงมากขึ้น

ทีมข่าวการเมือง

ระบอบทักษิณหลังผิงฝา สัญญาณเดือดเปิดศึกแตกหัก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/211726

วันอาทิตย์ ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ระบอบทักษิณนับวันจะตกอยู่ในสภาพถูกไล่ต้อนจนหลังพิงฝาและอาจถึงขั้นล่มสลายภายใต้เกมรุกแบบจัดหนักของจากการอยู่ยาวภายใต้เงาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีแนวโน้มคุมอำนาจอีกนานหลายปีไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ขณะที่คนในตระกูลชินกำลังนับถอยหลังทะยอยเดินเข้าสู่ประตูคุกจากคดีในอดีต ซึ่งภายใต้สถานการณ์เข้าตาจนทำให้ช่วงหลัง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกออกมาเคลื่อนไหวนำทัพปลุกขวัญเหล่าบริวารเครือข่ายระบอบทักษิณถี่มากขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมทำศึกแตกหัก

เรื่องที่ นายทักษิณ กังวลมากที่สุดและยอมไม่ได้ก็คือชะตากรรมของคนใกล้ชิดในตระกูลชินวัตรที่กำลังประสบชะตากรรมจากคดีอื้อฉาวไม่ว่าจะเป็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ซึ่งเป็นจำเลยคนสำคัญคดีโครงการรับจำนำข้าวซึ่งหากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินว่ามีความผิดจริงโทษสูงสุดสำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือจำคุก 10 ปี ยังไม่รวมถึงการถูกฟ้องเพื่อให้ชดใช้เงินแก่แผ่นดินอีกนับแสนล้านบาทจากความเสียหายของโครงการรับจำนำข้าว

ขณะที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ น้องเขยของนายทักษิณ ก็ถูกดำเนินคดีในข้อหาสั่งสลายการชุมนุมมวลชนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อปี 2551 จนมีประชาชนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ส่วน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณก็ส่อเค้าอาจถูกดำเนินคดีฐานถูกตั้งข้อสงสัยว่ารับสินบนพัวพันคดีทุจริตการปล่อยกู้ให้กับกลุ่มบริษัทกฤษดา
มหานครของธนาคารกรุงไทยยุครัฐบาลทักษิณ

คดีที่ชี้ชะตากรรมของคนสำคัญในตระกูลชินเหล่านี้โดยเฉพาะคดีโครงการรับจำนำข้าวคาดว่าศาลจะชี้ขาดในราวช่วงต้นปีหน้าก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปและมีรัฐบาลชุดใหม่จากการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ระบอบทักษิณกำลังจะถูกรุกไล่ในทุกแนวรบจนอยู่ในสภาพหลังชนกำแพงโดยเฉพาะจากรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงภายใต้แผนปฏิรูปประเทศครั้งสำคัญที่บัญญัติโทษขั้นเด็ดขาดรุนแรงเพื่อขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบโดยคาดโทษนักการเมืองโกงนอกจากถูกดำเนินคดีอาญาและต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่แผ่นดินแล้ว ยังจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต

ยิ่งล่าสุด คสช.เปิดเกมรุกคุมแบบจัดหนักด้วยการผลักดันให้มีบทบัญญัติในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญโดยมีกลไกพิเศษประชาธิปไตยแบบครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี หลังการเลือตั้งโดยเฉพาะการกำหนดให้มีสมาชิกวุฒิสภา(สว.)จากการสรรหาจำนวน 250 คน ซึ่งไม่ต่างจากพรรคการเมืองใหญ่ที่มีอำนาจพิทักษณ์รัฐธรรมนูญและเดินหน้าปฏิรูปประเทศ โดยรัฐธรรมนูญบัญญัติให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้ยากมาก ขณะที่สภาผู้แทนฯต้องรายงานความคืบหน้าการปฏิรูปประเทศต่อวุฒิสภาทุก 3 เดือน

ที่สำคัญสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)มีมติให้ตั้งคำถามพ่วงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญว่า ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้วุฒิสภาร่วมในการเลือกนายกฯ ขณะที่บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้มีนายกฯจากคนนอกได้ยิ่งทำให้โอกาสที่ระบอบทักษิณจะกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศยิ่งริบหรี่ลงไปอีก

ระบอบทักษิณพยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและปลุกระดมให้ประชาชนร่วมคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ แต่ก็ถูกเดินเกมตอบโต้โดยมีการออกกฎเหล็กคุ้มเข้มขบวนการจ้องป่วนเมืองผ่าน พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบของสนช.โดยมีการคาดโทษหนักถึงขั้นติดคุกสำหรับขบวนการบิดเบือนและป่วนการทำประชามติ ขณะที่คสช.มีคำสั่งให้อำนาจทหารตรวจค้นจับกุมร่วมกับตำรวจตามนโยบายกวาดล้างผู้มีอิทธิพลซึ่งมีผลทำให้พรรคเพื่อไทยขยับเพื่อก่อหวอดทางการเมืองได้ลำบาก

เกมทั้งปัจจุบันและอนาคตอยู่ภายใต้การกำหนดของคสช.อย่างสิ้นเชิง แม้ร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านการทำประชามติ คสช.ก็ยังสามารถที่จะนำรัฐธรรมนูญที่จัดเตรียมไว้ขึ้นมาประกาศใช้ได้ทันที ดังนั้นแม้จะมีการเลือกตั้งและหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาลก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี อันเป็นแผนที่คสช.วางไว้

แต่ที่สำคัญและเป็นความกังวลของ นายทักษิณ ที่สุดก็คือความหวังที่จะช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคนในตระกูลชินให้รอดพ้นชะตากรรมอันเลวร้ายซึ่งหากจะรอพรรคเพื่อไทยกลับมามีอำนาจคงสายเกินไปเสียแล้ว

ดังนั้นหนทางภายใต้สถานการณ์ที่ถูกรุกหนักในทุกแนวรบจนหลังพิงฝาก็คือทำศึกแตกหักกับคสช.ซึ่งนักสังเกตการณ์ทางการเมืองมองว่า แนวโน้มสถานการณ์จากนี้ไปการเคลื่อนไหวของขบวนการเครือข่ายระบอบทักษิณทั้งหลายจะดุเดือดเข้มข้นท้าทายคสช.มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบนดินและใต้ดิน จนอาจลุกลามไปถึงจุดวิกฤติความรุนแรงอย่างที่ระบอบทักษิณเคยทำมาแล้วในอดีต

ทีมข่าวการเมือง

จับตาหลากหลายทางออก หากร่างรธน.ไม่ผ่านประชามติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/211627

วันเสาร์ ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
บรรดานักเลือกตั้งรวมทั้งคอการเมืองต่างตั้งคำถามและอยากรู้คำตอบด้วยความสงสัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ซ่อนไต๋ซุกทีเด็ดไพ่ตายอะไรไว้หากร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำขั้นลงประชามติ

ก่อนหน้านี้ นายกฯลุงตู่ ก็แย้มออกมาเป็นนัยบ้างแล้วว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านก็เริ่มนับหนึ่งยกร่างกันใหม่ ส่วนร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะหน้าตาอย่างไรคือทีเด็ดที่คสช.อุบไต๋ไว้

ขณะที่ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ล่าสุดแย้มว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติก่อนอื่นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 บางมาตราโดยเร็วซึ่งจะกำหนดทางออกผ่าทางตันแล้วเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)เพื่อให้รัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับแก้ไขมีผลบังคับใช้ แต่ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าทางออกจะเป็นอย่างไร เนื่องจากมีเหตุผลตั้งแต่ต้นว่าไม่อยากให้คนรู้ว่ามีอะไรให้เลือกเพราะจะทำให้เกิดอคติต่อการออกเสียงประชามติ เพราะขนาดรับหรือไม่รับร่างคนยังลังเล เพราะฉะนั้นยิ่งหากมีทางเลือกก็จะยิ่งทำให้อคติและสร้างแรงกดดันมากขึ้น

ดร.วิษณุ ยังแพลมไต๋ให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า ไม่ว่าทางออกจะเป็นอย่างไรก็ตามหากต้องยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่หนีไม่พ้นต้องลอกของที่เคยมีมา ซึ่งสุดท้ายก็ต้องเอารัฐธรรมนูญปี 2540 ปี 2550 ร่างฉบับ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่ตกไปรวมทั้งร่างฉบับ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ คนปัจจุบันมายำรวมกัน

ด้าน นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และที่ปรึกษาของรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า ไม่ต้องห่วงว่านักการเมืองจะป่วนเมืองด้วยการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นความรับผิดชอบของนักการเมืองหากป่วนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญก็จะทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปไม่เป็นไปตามโรดแมป ความผิดก็อยู่ที่พรรคการเมือง เพราะฉะนั้นคว่ำได้คว่ำไป

ส่วนทางออกหากร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำ นายไพศาล มองว่ามีแนวทางเยอะแยะ อาทิ 1.ตั้งคณะกรรมการยกร่างชุดใหม่2.ให้คณะกรรมการยกร่างชุด นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ทำหน้าที่ต่อไป3.เอารัฐธรรมนูญฉบับเก่ามาปรับปรุงและเขียนบทเฉพาะกาลเพิ่มแล้วประกาศใช้ได้เลย 4.ยกร่างใหม่ทั้งฉบับตามแนวพระบรมราโชวาทโดยมีเฉพาะกาลตามสถานการณ์ 5.ใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ไปเลยแต่ให้เลือกตั้ง สส.จังหวัดละคนมาร่วมกับสนช.ประกอบเป็นรัฐสภาและใช้สภาเดียวคือรัฐสภาในระยะเปลี่ยนผ่าน 5 ปี จากนั้นตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรใหม่เพื่อใช้เมื่อหมดระยะเปลี่ยนผ่าน 5 ปี

จากหลากหลายทางออกหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติสะท้อนให้เห็นว่าถึงอย่างไรก็ตาม คสช.ก็ยังเป็นผู้กำหนดเกม ส่วนนักเลือกตั้งทั้งหลายยังไงก็ต้องเดินไปสู่การเปลี่ยนแปลงนั่นคือการปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งหากเหล่านักเลือกตั้งยิ่งตีรวนป่วนเมืองและสุมหัวกันคว่ำร่างรัฐธรรมนูญก็อาจเจอร่างรัฐธรรมนูญฉบับใช้ยาแรงกว่าเดิมถึงขั้นคสช.อาจอยู่ยาว

ทีมข่าวการเมือง

เพื่อแม้วนับวันโดดเดี่ยว ไร้พวกร่วมสุมไฟคว่ำรธน.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/211485

วันศุกร์ ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ณ สถานการณ์ปัจจุบันอาจเรียกได้ว่าพรรคการเมืองที่แสดงจุดยืนชัดเจนคิดจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงในการลงประชามติมีเพียงพรรคเพื่อแม้ว ขณะที่พรรคขนาดใหญ่อย่างประชาธิปัตย์แม้หน้าฉากจำเป็นต้องแสดงบทบาทเพื่อรักษาจุดยืนประชาธิปไตย แต่เชื่อว่าในที่สุดก็จะไม่เป็นเครื่องมือยอมจับมือกับพรรคเพื่อแม้วโหมกระแสคว่ำรัฐธรรมนูญ ส่วนพรรคขนาดกลางอย่างพรรคภูมิใจไทยและชาติไทยพัฒนาชัดเจนว่าหนุนร่างรัฐธรรมนูญ

พรรคประชาธิปัตย์โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค แม้จะชี้ว่าร่างรัฐธรรมนูญมีข้อเสียมากกว่าข้อดี แต่ก็ไม่เคยฟันธงว่าจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ โดยย้ำว่าการจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาสถานการณ์และปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย

ล่าสุดท่าทีของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เริ่มส่งสัญญาณเชิงบวกไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในทำนองว่ารัฐบาลควรมุ่งแก้ปัญหาของบ้านเมืองและลดการขัดแย้งกับคนที่คิดต่าง ขณะเดียวกัน ก็จัดการอย่างเด็ดขาดกับขบวนการที่ไม่หวังดี โดยหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า “ผมเห็นตรงกับนายกฯเกี่ยวกับผู้ที่ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง”

พรรคขนาดกลางที่แสดงท่าทีหนุนร่างรัฐธรรมนูญล่าสุดก็คือพรรคชาติไทยพัฒนาสะท้อนจากท่าทีของ นายบรรหาร ศิลปอาชา ที่เปรียบเหมือนผู้นำเงาของพรรคโดย นายบรรหารกล่าวว่า ยอมรับได้กับร่างรัฐธรรมนูญที่มีข้อดีอยู่มาก อีกทั้งหากคว่ำร่างรัฐธรรมนูญก็อาจเจอรัฐธรรรมนูญที่แย่กว่าเดิม ดังนั้น ยังไงควรไปเลือกตั้งในปีหน้าดีกว่า

แต่กลุ่มพลังประชาชนที่สำคัญที่แสดงจุดยืนชัดเจนหนุนร่างรัฐธรรมนูญปราบโกงก็คือมวลมหาประชาชน ก.ป.ป.ส. ซึ่งเตรียมแถลงจุดยืนในเร็วๆ นี้ โดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ส่งสัญญาณชัดเจนว่าสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งท่าทีของนายสุเทพ ยังมีผลต่อพรรคประชาธิปัตย์ด้วยเพราะ นายสุเทพ ยังมีอิทธิพลอย่างสูงต่ออดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์กลุ่มใหญ่

สำหรับพรรคเพื่อแม้วนั้นแม้จะมีแกนนำและสาวกขบวนการเพื่อแม้วประเภทขาประจำหน้าเดิมๆ ไม่กี่คนที่ส่อพฤติการณ์ตีรวนป่วนเมืองพยายามออกมาสร้างข่าวคว่ำรัฐธรรมนูญแบบแผ่นเสียงตกร่อง อาทิ นายวัฒนา เมืองสุข หรือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานเสื้อแดง ที่เตรียมแถลงคว่ำร่างรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ แต่มีข่าวว่าอดีต สส.พรรคเพื่อแม้วเองจำนวนไม่น้อยล้วนอยากเลือกตั้งเพราะตกงานอดอยากปากแห้งมานาน 2 ปีแล้ว

เพราะฉะนั้นสถานการณ์สำหรับพรรคเพื่อแม้วนับวันจึงยิ่งโดดเดี่ยววังเวง ความพยายามที่จะปลุกกระแสคว่ำรัฐธรรมนูญยากที่จะจุดไม่ติด แม้แต่ภายในพรรคของตัวเองก็ยังไม่เป็นเอกภาพ เพราะอดีตสส.ทั้งหลายอยากเลือกตั้งมากกว่าตกงาน อย่าว่าแต่มวลชนที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อแม้วและกลุ่มเสื้อแดงในสถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้วไม่ได้คึกคักเหมือนในอดีตภายใต้ยุคเสื่อมของขบวนการเพื่อแม้วที่ถูกเปิดโปงให้เห็นความเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ไอ้เสือถอยเพื่อแม้วกลับลำ ผวายาแรงตายหมู่ยกพรรค

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/211317

วันพฤหัสบดี ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
หลังจากที่ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อแม้วออกแถลงการณ์ขึงขังไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง และปลุกระดมให้ประชาชนร่วมคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในการลงประชามติ แต่ล่าสุดพรรคเพื่อแม้วกลับลำถอยเอาดื้อๆ เสียแล้ว

โดย นายภูมิธรรม เวชชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อแม้ว มีหนังสือเรื่อง ข้อควรปฏิบัติเกี่ยวกับการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญถึงกรรมการบริหารพรรค พนักงาน เจ้าหน้าที่ และสมาชิกพรรค โดยเนื้อหาของหนังสือสรุปได้ว่า หลังมีการตรา พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญโดยมีการกำหนดข้อห้ามในการแสดงความคิดเห็นหรือรณรงค์เกี่ยวกับการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมกำหนดโทษอย่างสูงเอาไว้ พรรคเพื่อแม้วมีแนวทางให้สมาชิกถือปฏิบัติดังนี้คือ

1.ขอให้ดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญใต้กรอบ พ.ร.บ.ดังกล่าว 2.การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว หากพรรคจะมีการชี้แจงหรือทำความเข้าใจกับประชาชน พรรคจะพิจารณาออกแถลงการณ์เป็นคราวๆ ไป 3.หากมีการแอบอ้างชื่อพรรคไม่ว่าจะเป็นการกระทำใดๆ ให้แจ้งพรรคเพื่อดำเนินการป้องกันและแก้ไขต่อไป 4.พรรคได้สั่งการดำเนินการให้นำแถลงการณ์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญออกจากเว็บไซต์หลังจากที่พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ และให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเนื้อหาและจัดเก็บข้อมูลที่อาจเสี่ยงว่าฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และ 5.การออกเสียงประชามติเป็นวิจารณญาณของตนเองที่จะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ

จากหนังสือของพรรคเพื่อแม้วดังกล่าวในภาพรวมสะท้อนนัยทางการเมืองที่น่าสนใจว่า พรรคเพื่อแม้วกลับลำแบบ 360 องศา เพราะผวายาแรงและการจัดหนักของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตลอดจน พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เหล่าแกนนำและอดีตสส.พรรคเพื่อแม้วต่างดาหน้าออกมายั่วยุท้าทายคสช.แบบดับเครื่องชน และพรรคเพื่อแม้วถึงกับออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและปลุกระดมให้ประชาชนร่วมรณรงค์คว่ำรัฐธรรมนูญ แต่ล่าสุดกลับยอมเสียหน้าลบแถลงการณ์แสดงจุดยืนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญออกจากเว็บไซต์ของพรรค

ทั้งนี้เพราะการชี้นำหรือปลุกปั่นให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติโดยเฉพาะเป็นขบวนการที่ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป มีโทษสูงสุดจำคุกถึง 10 ปี และอาจถูกฟ้องศาลเพื่อให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 10 ปี ซึ่ง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เตือนว่าพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติมีผลบังคับใช้แล้ว ดังนั้นผู้ที่เข้าข่ายทำผิด พ.ร.บ.ต้องถูกดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด

อาการเกลียดตัวกินไข่คือจ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ แต่ก็อยากเลือกตั้งทำให้พรรคเพื่อแม้วอยู่ในสภาพลังเลกลืนไม่เข้าคายไม่ออก รวมทั้งหวาดผวาเจอยาแรง และการที่สั่งให้สมาชิกพรรคเพื่อแม้วเคลื่อนไหวแบบแยกส่วนตัวใครตัวมัน เพราะงานนี้ถ้าพลาดเข้าข่ายผิดตาม พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอาจมีสิทธิตายหมู่ยกแก๊ง

ทีมข่าวการเมือง

คสช.คุมเกมมั่นใจมหาชนหนุน เอาจริงจัดหนักปรามเพื่อแม้ว-ปชป.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/211208

วันพุธ ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯลุงตู่และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)แข็งกร้าวดุดันใส่ 2 พรรคใหญ่ทั้งพรรคเพื่อแม้วและประชาธิปัตย์ 2 วันซ้อนหลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์นำทีมโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงมีข้อเสียมากกว่าข้อดีโดยเฉพาะที่พรรคประชาธิปัตย์รับไม่ได้คือคำถามพ่วงประชามติว่าจะให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) สรรหาร่วมเลือกนายกฯหรือไม่ ซึ่งทำเอานายกฯลุงตู่ฉุนขาดตอบโต้เหล่านักเลือกตั้งอย่างแข็งกร้าวดุเดือดว่า พวกนักเลือกตั้ง ที่ผ่านมาเคยทำอะไรให้ชาติบ้านเมืองบ้างนอกจากสร้างปัญหา และที่ขวางรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง หรือเพราะกลัว ว่าจะทำสิ่งเลวร้ายเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้อีก

นายกฯลุงตู่ ยังแสดงความมั่นใจว่า มหาชนให้การสนับสนุนคสช. และร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง พร้อมปรามพรรคการเมืองที่เคลื่อนไหวขวางร่างรัฐธรรมนูญว่าขอให้อยู่ในกติกา เพราะหากเจตนาตีรวนป่วนเมืองเจอมาตรการตามกฎหมายแน่ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี ขณะเดียวกันก็ท้าบางพรรคที่ประกาศว่าหากร่างรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติจะไม่ลงเลือกตั้งเพื่อประท้วงร่างรัฐธรรมนูญอันเป็นผลพวงจากการรัฐประหารขอให้ทำจริงอย่างที่พูด

ด้าน พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคสช. ออกมารับลูก นายกฯลุงตู่ ทันทีโดยเตือนพรรคการเมืองที่ออกมาป่วนร่างรัฐธรรมนูญว่า หลังสงกรานต์ คสช.จะดำเนินมาตรการตามกฎหมายอย่างจริงจังกับผู้ที่ทำผิดกฎหมาย

ที่สำคัญล่าสุด พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะ เลขาธิการคสช. ส่งสัญญาณฮึ่มเตือนบรรดาพรรคการเมืองให้หยุดขวางร่างรัฐธรรมนูญ มิฉะนั้นจะเรียกตัวมาอบรมในค่ายทหารแบบเข้มข้น

การที่คสช.เดินหน้าเต็มตัวผลักดันร่างรัฐธรรมนูญให้ผ่านประชามติให้ได้เนื่องจากการประเมินจากผลสำรวจของโพลล์ทุก
สำนักที่ผ่านมารวมทั้งโพลล์ของคสช.เองสะท้อนว่ามหาชนส่วนใหญ่ยังให้การสนับสนุนคสช.ในทุกเรื่อง ซึ่งอาจเป็นเพราะคนส่วนใหญ่ของประเทศเบื่อหน่ายนักการเมืองและไม่อยากให้บ้านเมืองกลับไปสู่วงจรอุบาทว์อันเลวร้ายซ้ำซากจนทำให้บ้านเมืองบอบช้ำอย่างหนักอีก โดยอยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงและยั่งยืนเสียที อีกทั้งคสช.คุมกลไกอำนาจรัฐในมือซึ่งมีส่วนสำคัญทำให้ผลการทำประชามติเป็นไปตามแผนที่กำหนดอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเชื่อว่าในส่วนลึกบรรดาอดีตสส.ล้วนอยากเลือกตั้งเต็มแก่เพราะตกงานอดอยากปากแห้งมานาน

ที่สำคัญคสช.ยังอุบไพ่ตายหากร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำนั่นคือหัวหน้าคสช.มีอำนาจที่จะนำร่างรัฐธรรมนูญชนิดยาแรงจัดหนักมาประกาศใช้ได้ทันที และอาจด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ออกมาให้สัมภาษณ์เสียงอ่อนลงว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้จ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมกับย้ำว่า พรรคจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อแม้วเพื่อคว่ำร่างรัฐธรรมนูญแน่นอน ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์คงประเมินแล้วว่าหากคว่ำร่างรัฐธรรมนูญอาจได้ไม่คุ้มเสียและที่สำคัญไม่อยากเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่มีเจตนาแอบแฝงของพรรคเพื่อแม้ว