เพื่อแม้วชี้นำคว่ำรธน.เสี่ยง อาจเข้าข่ายผิดกม.มั่นคง?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/209688

วันเสาร์ ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

การที่พรรคเพื่อแม้วออกแถลงการณ์ดับเครื่องชนประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง พร้อมทั้งส่อเจตนาปลุกระดมให้ประชาชนร่วมคว่ำร่างรัฐธรรมนูญถือเป็นการท้าทายและเสี่ยงที่จะทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคง

ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ซึ่งเป็นมือกฎหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และรัฐบาล ชี้เป็นนัยว่า แถลงการณ์ของพรรคเพื่อแม้วเสี่ยง ซึ่งแม้ พ.ร.บ.การจัดทำประชามติยังไม่ออกมามีผลบังคับใช้ แต่ต้องระวังเพราะอาจเข้าข่ายความผิดที่หนักกว่า คือ กฎหมายอื่นๆ ซึ่ง ดร.วิษณุ น่าจะหมายถึงกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคง

ส่วนความเห็นของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่าการออกแถลงการณ์ของพรรคเพื่อแม้ว น่าจะผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าเข้าข่ายหรือไม่ และจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ให้ความเห็นว่าการรณรงค์ชี้แจงว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ในเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญประเด็นต่างๆ สามารถทำได้ แต่การชี้นำประชาชนหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงในช่วงการทำประชามติถือว่ามีความผิด

ในอีกด้านหนึ่ง นายสมชัย ศรีสุทธิยากรกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้ความเห็นส่วนตัวว่า แถลงการณ์ของพรรคเพื่อแม้วไม่น่าจะผิด เพราะเป็นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามต้องหารือกับกกต.คนอื่นๆ ก่อน พร้อมทั้งชี้ช่องปมข้อกฎหมายแถลงการณ์ของพรรคเพื่อแม้วผิดหรือไม่ผิดว่าสุดท้ายต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาด หากมีผู้ไปยื่นเรื่องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตีความ

ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาก็คือ คสช.ซึ่งกำลังจับตาและรวบรวมหลักฐานความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อแม้วต่อการ
รณรงค์ให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญทุกฝีก้าว โดย พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคสช. กล่าวว่า ขณะนี้คสช.อยู่ระหว่างการตรวจสอบแถลงการณ์ของพรรคเพื่อแม้วว่าเข้าข่ายชี้นำและทำให้สังคมเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งหากเข้าข่ายผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย

ทั้งนี้ที่ผ่านมา พรรคเพื่อแม้วเคยออกแถลงการณ์และแสดงจุดยืนให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งส่อเจตนามุ่งล้มล้าง
รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุด และที่สำคัญคือแถลงการณ์ครั้งล่าสุดของพรรคเพื่อแม้วมีเนื้อหาส่อเจตนาชี้นำปลุกระดมให้ประชาชนร่วมคว่ำร่างรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน

ดังนั้นพฤติการณ์ของพรรคเพื่อแม้วตลอดช่วงที่ผ่านมาจึงอาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายด้านความมั่นคงหรือประกาศคำสั่งของคสช.ฐานสร้างความระส่ำระสายกระด้างกระเดื่องบ่อนทำลายความมั่นคงของรัฐ

ทีมข่าวการเมือง

จับตาปชป.ตัวแปรสำคัญ ชี้ชะตารธน.ผ่านหรือถูกคว่ำ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/209537

วันศุกร์ ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.
การออกแถลงการณ์ของพรรคเพื่อแม้วด้วยการประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและเชิญชวนประชาชนให้ร่วมคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในการทำประชามติถือเป็นสัญญาณดับเครื่องชนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยหวังอาศัยกระแสต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญสร้างแนวร่วมและความชอบธรรมสุมไฟให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายกลายเป็นวิกฤติรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม ด้วยแผลความเลวร้ายของขบวนการเพื่อแม้วในอดีตทำให้พรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ตลอดจนกลุ่มองค์กรภาคประชาชนที่เป็นพลังบริสุทธิ์ไม่ใช่เครือข่ายของขบวนการเพื่อแม้วหลายกลุ่มที่คัดค้านร่างรัฐธรรมนูญต่างระมัดระวังไม่บุ่มบ่ามออกมารณรงค์คว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงเพราะเกรงตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของพรรคเพื่อแม้วในการสุมไฟวิกฤติรัฐธรรมนูญ

โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่แม้จะไม่เห็นด้วยเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญในหลายประเด็นโดยเฉพาะในบทเฉพาะกาลที่กำหนดให้มีกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่านเป็นเวลา 5 ปี หลังการเลือกตั้ง ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการสืบทอดอำนจของคสช. แต่ก็ยอมรับว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีจุดแข็งเช่นกันนั่นคือมุ่งขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่น

โดยส่วนลึกเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่อยากเป็นแนวร่วมของพรรคเพื่อแม้ว จึงไม่แปลกที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะระมัดระวังในการแสดงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ต่อการประกาศคว่ำร่างรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อแม้ว โดยให้เหตุผลว่าคงต้องชั่งน้ำหนักดูในหลายเรื่องก่อนที่จะกำหนดจุดยืนพรรคโดยพิจารณาการเดินไปข้างหน้าได้ของประเทศเป็นสำคัญ

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ลังเลก็คือไม่รู้ว่าหากคว่ำร่างรัฐธรรมนูญแล้วจะเจอกับอะไรตามมาซึ่งอาจเลวร้ายกว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ถูกคว่ำ เพราะคสช.อาจประกาศใช้ร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นยาแรงเข้มข้นกว่าเดิม

อีกทั้งภายในพรรคประชาธิปัตย์เองบรรดาแกนนำก็ยังมีท่าทีเป็นสองฝ่ายโดยฝ่ายหนึ่งคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เต็มที่ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าแม้ร่างรัฐธรรมนูญจะมีข้อบกพร่อง แต่ก็มีจุดแข็งเช่นกัน และที่สำคัญคือหากคว่ำร่างรัฐธรรมนูญอาจเจอร่างรัฐธรรมนูญที่ย่ำแย่กว่าเก่า

ดังนั้นจึงต้องจับตาจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะจับมือกับพรรคเพื่อแม้วคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง หรือจะผ่านร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้โดยมีการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยครึ่งใบ หรือจะแทงกั๊กให้สมาชิกฟรีโหวตอันเป็นแนวทางสายกลางที่ทำให้พรรคปลอดภัยที่สุด

ทีมข่าวการเมือง

เพื่อแม้วโหมโรงคว่ำรธน. ส่งสัญญาณสุมไฟให้ลุกโชน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/209375

วันพฤหัสบดี ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ทันทีหลังจากที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงโฉมหน้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง 279 มาตรา ซึ่งเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วรอเข้าสู่กระบวนการขั้นสุดท้ายนั่นคือการทำประชามติจากประชาชนทั่วประเทศในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ปรากฏว่า พรรคเพื่อแม้วออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญอย่างทันควัน

แถลงการณ์ของพรรคเพื่อแม้วสาธยายชักแม่น้ำทั้งห้าอ้างความไม่เป็นประชาธิปไตยของร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นผลพวงจากการรัฐประหารและจะนำประเทศไปสู่วิกฤติในอนาคต และสรุปแถลงการณ์ด้วยการประกาศจุดยืนไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญ และที่สำคัญแถลงการณ์พรรคเพื่อแม้วปลุกระดมให้ประชาชนร่วมคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้เนื้อหาช่วงสรุปของแถลงการณ์พรรคเพื่อแม้วมีใจความสำคัญตอนหนึ่งระบุชัดเจนว่า “พรรคเพื่อไทยขอให้พี่น้องประชาชนร่วมกันออกมาลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ยอมรับอำนาจของประชาชนและขาดความเป็นประชาธิปไตย”

นั่นเท่ากับว่าพรรคเพื่อแม้วแสดงจุดยืนส่งสัญญาณโหมโรงพร้อมดับเครื่องชน ทั้งๆ ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)คาดโทษจะจัดการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดกับผู้ที่ชี้นำและสร้างความปั่นป่วนช่วงการทำประชามติ

ความจริงแล้วพรรคเพื่อแม้วประกาศจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ก่อนยกร่างด้วยซ้ำ ซึ่งสะท้อนว่า เป้าหมายที่แท้จริงการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อแม้วอาจไม่ใช่แค่การคว่ำร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่อาจอาศัยประเด็นการต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญเพื่อสุมไฟให้สถานการณ์บานปลายจนทำให้คสช.ต้องพ้นจากอำนาจก่อนที่ศาลจะชี้ชะตาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพวก ในคดีโครงการรับจำนำข้าวซึ่งคาดว่าศาลจะตัดสินไม่น่าจะเกินต้นปีหน้า

ส่วนอีกความเคลื่อนไหวหนึ่งที่ต้องจับตาก็คือ การแจกขันแดงให้แก่บรรดามวลชนเสื้อแดงทั่วเมืองเชียงใหม่ เพื่อเล่นน้ำสงกรานต์พร้อมกับภาพสองอดีตนายกฯพี่น้องคู่ขวัญคือ ทักษิณ กับ ยิ่งลักษณ์ โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่ข้อความบนภาพเชิงปลุกระดมและเหน็บแนมคสช.ว่า “แม้สถานการณ์จะร้อน ขอให้พี่น้องได้รับความเย็นจากน้ำผ่านขันใบนี้ด้วยครับ”

ยิ่งไปกว่านั้นสตรีเสื้อแดงเมืองเชียงใหม่คนหนึ่ง ยังโพสต์ภาพตัวเองขณะชูขันแดงของ แม้ว-ปู เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียจนคสช.สั่งดำเนินคดี ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ย้ำว่าเป็นการเคลี่อนไหวที่ผิดกฎหมายด้านความมั่นคง และประชาชนไม่ควรสนับสนุนคนที่ทำผิดกฎหมายแล้วหลบหนี

เพราะฉะนั้นจากนี้ไปเชื่อว่าความเคลื่อนไหวของขบวนการเพื่อแม้วจะเข้มข้นมากขึ้นทุกขณะ เหมือนฝนฟ้าคะนองก่อนพายุใหญ่จะมา

ทีมข่าวการเมือง

คสช.ดัดนิสัยสาวกเพื่อแม้วป่วน แก้เผ็ดจับอบรมยาวในค่ายทหาร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/209207

วันพุธ ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

เหล่าสาวกขบวนการเพื่อแม้วนับวันจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์ดุเดือดเข้มข้นขึ้นทุกขณะอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และรัฐบาลซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นแผนยั่วยุท้าทายคสช.ให้ใช้ความรุนแรงเพื่อเป็นข้ออ้างในการกระพือข่าวสร้างภาพว่าฝ่ายประชาธิปไตยกำลังถูกคุกคามจากเผด็จการทหาร

สาวกขบวนการเพื่อแม้วที่ออกมาเดิมเกมยั่วยุท้าทายคสช.ล้วนเป็นตัวละครหน้าเดิมๆ อย่างล่าสุดกรณี นายวรชัย เหมมะ อดีตสส.พรรคเพื่อแม้ว
แกนนำเสื้อแดง ซึ่งถูกทหารคุมตัวเข้าค่ายเพื่อปรับทัศนคติหลังจากที่จงใจออกมากระตุ้นต่อมโมโหของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ด้วยการเรียกร้องให้ลาออกหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติ

หรือ นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พาณิชย์ พรรคเพื่อแม้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ยั่วยุท้าทายคสช.จนถูกเรียกไปปรับทัศนคติในค่ายทหารมาแล้วหลายครั้ง แต่ล่าสุดก็ยังตีรวนเหมือนเดิมส่อเจตนามีเป้าหมายทางการเมืองแอบแฝงจนทหารต้องคุมตัวเข้าค่ายเพื่อปรับทัศนคติอีกครั้ง

แต่การคุมตัวสาวกเพื่อแม้วทั้งสองครั้งนี้ คสช.เพิ่มระดับความเข้มแทนที่จะปรับทัศนคติไม่กี่ชั่วโมงแล้วปล่อยตัวเหมือนที่ผ่านมา กลับคุมตัวไว้อบรมนานหลายวันจนกว่าเจ้าตัวจะสำนึก

หลัง นายวรชัย ถูกคุมตัว พรรคเพื่อแม้วออกแถลงการณ์ทันทีว่าการคุมตัวนายวรชัย ของคสช.เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง

แต่คสช.รู้ทันออกมาตอบโต้ทันทีโดย พ.อ.วินธัยสุวารี โฆษกคสช. กล่าวถึงการเชิญตัว นายวัฒนา เข้าค่ายทหารเพื่อปรับทัศนคติครั้งล่าสุดว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผ่านมา นายวัฒนา ถูกเรียกมาปรับทัศนคติหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนพฤติการณ์โดยเผยแพร่ข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดียยั่วยุและสร้างความแตกแยกบ่อนทำลายคสช.และรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลที่โจมตีก็เป็นข้อมูลเดิมๆ จนดูผิดธรรมชาติส่อเจตนาแอบแฝงทั้งๆ ที่คสช.ให้เกียรติมาตลอด

ที่ผ่านมาขบวนการเพื่อแม้วทั้งนักการเมือง แกนนำเสื้อแดง และกลุ่มนักศึกษาในเครือข่ายออกมายั่วยุท้าทาย คสช.อยู่ตลอดเวลา จนถูกเชิญตัวไปปรับทัศนคติในค่ายทหารหลายครั้ง แต่ทุกครั้งคสช.ใช้ความละมุนละม่อมอบรมไม่กี่ชั่วโมงแล้วปล่อยตัวกลับ

แต่จากนี้เป็นต้นไป คสช.เริ่มเอาจริงด้วยการเพิ่มความเข้มในการดัดนิสัยเหล่าสาวกขบวนการเพื่อแม้วที่ออกมายั่วยุท้าทายหวังป่วนประเทศบ่อนทำลายคสช. โดย พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ประกาศกร้าวว่า นักการเมืองที่พูดดีๆไม่รู้เรื่องต้องจัดหลักสูตรเรียกตัวมาปรับทัศนคติแบบทหารโดยจะใช้เวลาปรับทัศนคตินานจนกว่าจะพูดกันรู้เรื่อง

นี่คือการแก้เผ็ดเหล่าสาวกขบวนการเพื่อแม้วที่พยายามป่วนเมืองโดยอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และเปิดเผย ซึ่งขบวนการเพื่อแม้วจะโวยวายอ้างว่าเป็นการคุกคามเสรีภาพคงไม่ได้เพราะที่ผ่านมาเตือนแล้วแต่ก็ส่อเจตนาแอบแฝง และเป็นการดัดนิสัยตามแบบฉบับของทหารโดยไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนใดๆ ทั้งสิ้น

ทีมข่าวการเมือง

เหล่านักเลือกตั้งคิดหนัก คว่ำรธน.อาจเจอยาแรงคสช.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/209036

วันอังคาร ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
บรรดาพรรคการเมืองบางพรรคประกาศจุดยืนแต่ไก่โห่ว่าจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ขณะที่บางพรรคยังอุบไต๋แทงกั๊กรอดูร่างรัฐธรรมนูญจนวินาทีสุดท้าย แต่ที่แน่ๆ เหล่านักลากตั้งคงต้องคิดหนักหากร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำในการทำประชามติ

พรรคใหญ่อย่างพรรคเพื่อแม้วนั้นประกาศท่าทีชัดเจนปักธงตั้งแต่ยังไม่ทันร่างรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำจ้องคว่ำรัฐธรรมนูญแน่โดยอ้างไม่เป็นประชาธิปไตยเป็นผลพวงการรัฐประหาร ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ด้านหนึ่งปล่อยให้แกนนำพรรคสลับหน้าออกมาชำแหละร่างรัฐธรรมนูญแทบรายวัน อาทิ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ สองรองหัวหน้าพรรค แต่อีกด้านหนึ่งก่อนหน้านี้นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคกลับชื่นชมว่าภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญถือว่าใช้ได้โดยเฉพาะมุ่งใช้ยาแรงปราบโกง

แม้บรรดานักเลือกตั้งโดยเฉพาะพรรคเพื่อแม้วจะออกมาประกาศรณรงค์คว่ำรัฐธรรมนูญขั้นทำประชามติแน่ แต่นักสังเกตการณ์ทางการเมืองประเมินว่า บรรดาพรรคการเมืองคงต้องคิดหนักเหมือนกันว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมาหากร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำ ก็อย่างที่นายสุริยะ กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความเห็นว่า ในที่สุดแล้วนักเลือกตั้งทั้งหลายรวมทั้งพรรคเพื่อแม้วที่แสดงท่าทีขึงขังจะคว่ำรัฐธรรมนูญ แต่เอาเข้าจริงๆ คงไม่เป็นเอกภาพและฟรีโหวตคือต่างคนต่างเดินและไม่จริงจังอะไรในการรณรงค์ให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ เพราะอยากลงเลือกตั้งกันเต็มแก่แล้ว อีกทั้งหลายคนกลัวว่าหากคว่ำรัฐธรรมนูญอาจเจอร่างรัฐธรรมนูญฉบับยาแรงเข้มข้นกว่าเดิมของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

หากร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำเชื่อว่าคสช.คงเตรียมแผนสำรองรองรับไว้แล้ว โดยแนวทางหนึ่งก็คือ เริ่มต้นขบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งก็จะทำให้การเลือกตั้งต้องยืดออกไปโดยปริยาย หรืออีกแนวทางหนึ่งก็คือ คสช.เตรียมร่างรัฐธรรมนูญฉบับยาแรงเข้มข้นไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะนำออกมาประกาศใช้ได้ทันที ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับยาแรงเข้มข้นอาจเปิดทางให้คสช.อยู่ยาวและมีอำนาจเบ็ดเสร็จกว่าร่างฉบับ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)

เพราะฉะนั้นภาพเหล่านักลากตั้งทั้งหลายที่เคลื่อนไหวสร้างภาพอยู่ในขณะนี้จึงเป็นเพียงภาพลวงตาหน้าฉากซึ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงอาจตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

ดังนั้นเรื่องรัฐธรรมนูญจะคว่ำหรือผ่านในขั้นประชามติคงต้องรอดูกันยาวๆ เนื่องจากพรรคการเมืองทั้งหลายต้องคิดหนักเหมือนกัน เพราะดีไม่ดีอาจได้ไม่คุ้มเสียหากคว่ำร่างรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่รู้ว่าคสช.กุมไพ่ตายอาวุธลับร้ายแรงอะไรอยู่ในมือ

ไม่มีรธน.ฉบับไหนสมบูรณ์แบบ ถ้าภาพรวมเจตนาดีถือว่าสอบผ่าน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/208891

วันจันทร์ ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตั้งแต่เมื่อปี 2475 ไทยมีรัฐธรรมนูญมาแล้วเกือบ 20 ฉบับ แต่ก็ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่สมบูรณ์แบบ
แม้แต่รัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเพราะมีช่องโหว่มากมายเปิดช่องให้อำนาจทางการเมืองเลวแทรกแซงองค์กรอิสระและอาศัยพวกมากลากไปโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างย่ามใจ รวมทั้งใช้อำนาจทำสิ่งชั่วร้ายตามใจชอบ

ทั้งนี้ไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะดีสักเพียงใด แต่ตราบใดที่นักการเมืองยังเลวประชาธิปไตยแบบไทยๆก็คงเป็นแค่ธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอม

อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงที่กำลังใกล้คลอดอยู่ในขณะนี้มุ่งปฏิรูปประเทศขจัดธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมในอดีต และแม้จะไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่สมบูรณ์แบบโดยมีกระแสคัดค้านในรายละเอียดในบางประเด็นโดยเฉพาะในเรื่องกลไกประชาธิปไตยแบบครึ่งใบ ช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ที่กำหนดไว้ในบทเฉพาะกาล แต่โดยภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็น่าจะเรียกได้ว่ามุ่งมีเจตนามุ่งประเทศครั้งสำคัญเพื่อสิ่งเลวร้ายในอดีตซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติที่สร้างความบอบช้ำอย่างหนักให้ประเทศตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวว่า พอใจในภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมีการรับฟังความคิดเห็นและตอบโจทย์ของประชาชนส่วนใหญ่ โดยมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์ในระยะยาวแก่ประเทศ ซึ่ง
เป้าหมายสำคัญนอกจากปราบโกงก็คือขจัดความเหลื่อมล้ำและปัญหาของชาติที่สั่งสมมานาน โดยเฉพาะการปฏิรูปด้านการศึกษาและตำรวจ ถึงขนาดเขียนไว้ในบทเฉพาะกาลให้รัฐบาลหลังการเลือกตั้งต้องปฏิรูปให้เสร็จภายใน 1 ปี

ด้าน นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ด้านการเมือง เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ร่างรัฐธรรมนูญปราบโกงฉบับนี้ บัญญัติห้ามผู้เคยกระทำผิดต่อหน้าที่ ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง หรือคนที่มีประวัติ แม้ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดโดยส่อว่า แสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบลงสมัคร สส.ตลอดชีวิต

“ต่อไปนี้นักการเมืองต้องมือสะอาดภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ใครมีประวัติไม่ซื่อสัตย์ด่างพร้อยถือเป็นเสนียดไม่ควรให้มาเหยียบบันไดสภา รัฐธรรมนูญห้ามพวกเจ้าพ่อเจ้าแม่ใช้การเมืองฟอกตัวเพราะไม่ควรให้คนชั่วมาออกกฎหมาย หรือปกครองคนอื่นเด็ดขาด”

ขณะที่ร่างรัฐธรรมนูญกำลังจะเดินหน้าเพื่อขอประชามติจากประชาชนทั่วประเทศ ขบวนการป่วนหน้าเดิมคือเหล่าสาวกเพื่อแม้วยังคงดาหน้าออกมาต้านร่างรัฐธรรมนูญบับปราบโกงจนนาทีสุดท้าย อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายจตุพร พรหมพันธุ์
ประธานคนเสื้อแดง

อย่างไรก็ตาม ตัวแปรที่จะตัดสินใจว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงเพื่อปฏิรูปประเทศควรจะประกาศใช้หรือไม่ คือประชาชนผู้เป็นเสียงสวรรค์ในการทำประชามติ ไม่ใช่นักการเมืองและนักเคลื่อนไหวเพียงบางกลุ่มที่พยายามชี้นำให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญโดยมีเป้าหมายแอบแฝง

ทีมข่าวการเมือง

คสช.ต้องแยกมิตรแยกศัตรู หากจะให้รธน.ผ่านประชามติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/208761

วันอาทิตย์ ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ท่าทีที่แข็งกร้าวของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ปักธงต้องการให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบ 5 ปี ช่วงเปลี่ยนผ่านโดยเฉพาะการให้มีสมาชิกวุฒิสภา(สว.)จากการสรรหาทั้งหมด 250 คน และเปิดทางให้มีนายกฯคนนอกท่ามกลางความหวั่นวิตกว่าอาจจะกลายเป็นระเบิดเวลาที่นำไปสู่วิกฤติรัฐธรรมนูญซึ่งนอกจากร่างอาจจะไม่ผ่านการทำประชามติแล้วยังอาจนำไปสู่ความรุนแรงทางการเมืองหากคสช.ไม่วางหมากแก้เกมทางการเมืองที่ยืดหยุ่นโดยไม่แยกมิตรแยกศัตรูให้กระจ่าง

หากแยกแยะกระแสต่อต้านกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่านจะพบว่ามีทั้งกลุ่มการเมือง นักวิชาการ และองค์กรภาคประชาชนหลายกลุ่มที่วิพากษ์วิจารณ์คัดค้านกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่านเชิงสร้างสรรค์อย่างบริสุทธิ์ใจ กับกลุ่มการเมืองที่ออกมาต่อต้านคสช.ในทุกเรื่องตั้งแต่ต้นโดยมีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งบ่อนทำลายคสช.และล้มการปฏิรูปประเทศโดยเฉพาะขบวนการระบอบทักษิณและเครือข่าย

หากพิจารณากระแสวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญให้ดีจะพบว่าไม่ใช่มีแต่เฉพาะประเด็นเรื่องสว.สรรหาและการเปิดทางให้มีนายกฯคนนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเด็นรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ เรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชน สิทธิเสรีภาพของประชาชน สิทธิมนุษยชน

ลำพังแค่สองพรรคใหญ่คือเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ซึ่งมีฐานเสียงทั่วประเทศรวมกันคาดว่ากว่า 20 ล้านเสียง หากรวมหัวกันคว่ำร่างรัฐธรรมนูญก็ถือเป็นสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงที่ร่างรัฐธรรมนูญจะถูกคว่ำในการทำประชามติ อย่าว่าแต่ยังมีพลังภาคประชาชนอีกหลายกลุ่มที่อยากให้กำหนดในรัฐธรรมนูญในประเด็นที่ตัวเองต้องการซึ่งหากร่วมขบวนการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญโอกาสที่ร่างจะผ่านประชามติคงริบหรี่เต็มที

ด้วยเหตุนี้หากคสช.คิดถึงสถานการณ์ใหญ่และอยากให้ร่างผ่านการทำประชามติจำเป็นต้องดำเนินยุทธศาสตร์ยุทธวิธีที่ยืดหยุ่นด้วยการแยกมิตรแยกศัตรูและดึงแนวร่วมให้ได้มากที่สุดเพื่อโดดเดี่ยวระบอบทักษิณ

ทั้งนี้หากวิเคราะห์ให้ถ่องแท้แล้วตัวปัญหาสำคัญซึ่งบ่อนทำลายชาติบ้านเมืองจ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญและล้มการปฏิรูปประเทศก็คือขบวนการระบอบทักษิณ ดังนั้นจึงต้องสร้างแนวร่วมให้ได้มากที่สุดแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วก็ไม่ได้ค้านแนวคิดของคสช.แบบหัวชนฝาโดยพร้อมที่จะประนีประนอมและความจริงพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่อยากตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของขบวนการเพื่อแม้วหากสถานการณ์ไม่บังคับ

ดังนั้นหากคสช.อยากให้การเดินหน้าปฏิรูปประเทศบรรลุเป้าหมายโดยไม่เกิดอุบัติเหตุจนล่มกลางคัน คสช.จำเป็นต้องแยกปลาออกจากน้ำกล่าวคือแยกกลุ่มการเมือง นักวิชาการและองค์กรภาคประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์คัดค้านแนวคิดของคสช.โดยบริสุทธิ์ใจออกจากขบวนการระบอบทักษิณ โดยข้อเสนอแนวคิดของกลุ่มพลังบริสุทธิ์เชิงสร้างสรรค์เหล่านี้หากสามารถประนีประนอมได้โดยไม่กระทบต่อแผนการใหญ่เพื่อการปฏิรูปประเทศก็จะสามารถลดแรงต้านให้กลับมาเป็นแรงหนุน

ขณะเดียวกันคสช.ต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่าน รวมทั้งแสดงความจริงใจอย่างชัดเจนเพื่อขจัดข้อหวาดระแวงในเรื่องการสืบทอดอำนาจ ซึ่งหากดำเนินการดังกล่าวก็เชื่อว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงคงผ่านการทำประชามติได้ไม่ยากอันจะทำให้แผนการใหญ่เพื่อปฏิรูปประเทศช่วงเปลี่ยนผ่านเป็นไปด้วยความราบรื่น โดยขบวนการระบอบทักษิณจะไม่มีข้ออ้างความชอบธรรมใดๆ ที่จะบ่อนทำลายขัดขวางการปฏิรูปประเทศอีกต่อไป เว้นแต่จะจงใจสร้างสถานการณ์ป่วนประเทศอันเป็นการท้าทายความชอบธรรม

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสุดท้ายแล้วร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงเพื่อการปฏิรูปประเทศจะผ่านการทำประชามติหรือไม่ปัจจัยชี้ขาดอยู่ที่ประชาชนผู้เป็นเสียงสวรรค์ว่า ยังศรัทธาไว้วางใจที่จะให้คสช.เดินหน้าปฏิรูปประเทศช่วงเปลี่ยนผ่านหรือไม่

ทีมข่าวการเมือง

เมื่อคสช.แบกความรับผิดชอบ ก็ควรไว้ใจให้ปฏิรูปปท.เต็มที่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/208665

วันเสาร์ ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ในที่สุดคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ก็เห็นชอบข้อเสนอของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่ให้กำหนดในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญให้มีกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปีแบบพบกันค่อนทาง ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้อย่างที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.เคยกล่าวว่า ในเมื่อคสช.ลงทุนยึดอำนาจและรับผิดชอบในการกำหนดอนาคตชาติบ้านเมืองและการปฏิรูปประเทศก็ย่อมต้องกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อให้เป้าหมายการปฏิรูปประเทศไม่เสียของ

สำหรับความเห็นแบบพบกันค่อนทางของกรธ.ที่มีการทบทวนล่าสุดก็คือนอกจากยอมตามข้อเสนอของคสช.ที่ให้มีสมาชิกวุฒิสภา(สว.) สรรหาจำนวน 250 คนแล้ว ยังยอมกำหนดให้ผู้นำกองทัพ 6 ตำแหน่งเป็นสว.โดยอัตโนมัติประกอบด้วยปลัดกระทรวงกลาโหมผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบกผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ส่วนอำนาจของสว.สรรหาจะทำหน้าที่ผลักดันการปฏิรูปประเทศและพิทักษ์รัฐธรรมนูญไม่ให้ถูกฉีกถูกรื้อ โดยไม่มีอำนาจยื่นญัตติและร่วมลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามข้อเสนอของคสช.

ส่วนประเด็นเรื่องนายกฯคนนอกนั้น ในกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถสรรหาบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯได้ไม่ว่าด้วยกรณีใดๆ ก็เปิดช่องให้สส.และสว.ต้องมีมติไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของทั้งสองสภาเพื่อขอให้ยกเว้นการเสนอรายชื่อนายกฯโดยพรรคการเมือง 3 ชื่ออันเป็นการเปิดทางให้เสนอชื่อนายกฯคนอกได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนนอกจะมาเป็นนายกฯ

ถ้าจะว่าไปแล้วข้อเสนอขอใช้กลไกประชาธิปไตยแบบครึ่งใบเพื่อปฏิรูปประเทศให้เสร็จสมบูรณ์ช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ของคสช.ก็ไม่ถือว่าเกินเลยเมื่อเทียบกับภาระหน้าที่ความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงที่อยู่บนบ่า เพราะหากการปฏิรูปประเทศไม่สำเร็จการเมืองหลังเลือกตั้งยังวนเวียนอยู่ในวังวนของวงจรอุบาทว์แบบเดิมๆ เท่ากับการรัฐประหารของคสช.เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 เสียของสิ้นเชิง

ทั้งนี้แนวโน้มหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าเชื่อได้เลยว่าหากพรรคเพื่อแม้วได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะต้องจ้องรื้อรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง และล้มการเดินหน้าปฏิรูปประเทศ เพื่อให้ตัวเองประพฤติชั่วร้ายเหมือนที่ผ่านๆ มา โดยไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งการมีกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบไว้คอยถ่วงดุลก็เพื่อเป็นการปรามรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่ให้ใช้อำนาจตามอำเภอใจจนเป็นชนวนวิกฤติเหมือนที่ผ่านมา

นอกจากนี้กลไกประชาธิปไตยครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่านยังเป็นทางออกแก้ปัญหาชาติเมื่อเกิดวิกฤติความแตกแยกจนถึงทางตันโดยที่กองทัพไม่ต้องออกมายึดอำนาจเหมือนที่ผ่านมา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ถึงกล่าวว่า“ในเมื่ออยากเลือกตั้งก็ให้ อยากมีรัฐธรรมนูญก็ให้ ในเมื่อผมให้ตั้งเยอะตั้งแยะผมขอไว้บ้าง ขอเพื่อใคร ขอเพื่อบ้านเมืองใช่มั้ย ผมทำเพื่อประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อใคร”

เพราะฉะนั้นไหนๆ คสช.ก็เสี่ยงตายข้อหากบฏอาสาเข้ามาปฏิรูปประเทศที่บอบช้ำอย่างหนักยืดเยื้อมานาน 10 ปี ก็ควรไว้ใจแล้วรอดูผลงานของคสช. เพราะไม่อย่างนั้นเท่ากับอยากให้บ้านเมืองกลับไปสู่สภาพเลวร้ายแบบเดิมๆ

ทีมข่าวการเมือง

ชาติเดินมาถูกทาง หนุนรธน.ฉบับปราบโกง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/208521

วันศุกร์ ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
ประเทศกำลังเดินมาถูกทางในปฏิรูปประเทศเพื่อขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเข้มข้นจริงจัง ผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงที่ร่างโดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ทั้งนี้ เพราะการทุจริตคอร์รัปชั่นโดยรัฐบาลพรรคธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมถือเป็นมะเร็งร้ายที่บ่อนทำลายชาติและเป็นต้นตอแห่งความชั่วร้าย
ทั้งปวง

ในการเสวนา “รัฐธรรมนูญกับการต่อต้านคอร์รัปชั่น จริงใจหรือไก่กา?” เมื่อวันก่อนซึ่งจัดโดยองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) โดยมีผู้เข้าร่วมประกอบด้วย นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และตัวแทนภาคเอกชน โดย นายประมนต์ กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ที่มี นายมีชัย เป็นประธานหากมีผลบังคับใช้จะถือเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นเพราะกำหนดมาตรการปราบทุจริตที่เข้มข้นไว้ในรัฐธรรมนูญตามที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) เสนอไป

อย่างไรก็ตาม นายประมนต์ แสดงความหวั่นวิตกว่ารัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงอาจจะถูกรื้อแก้ไข หากมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่ไร้ธรรมาภิบาล พร้อมให้ข้อคิดว่าการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นสิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่ผู้นำประเทศต้องมีจิตสำนึกและมีความตั้งใจจริงที่จะขจัดการทุจริต เพราะแม้รัฐธรรมนูญจะมีมาตรการขจัดการทุจริตดีสักเพียงใดก็ตาม แต่หากมีผู้นำประเทศที่ไม่ดีรัฐธรรมนูญก็ไร้ประโยชน์

ด้าน นพ.ชูชัย เห็นว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงของ นายมีชัย มีความเข้มข้นด้วยการกำหนดคุณสมบัติของนักการเมืองเพราะใครที่มีประวัติทุจริต เคยถูกศาลตัดสินว่าประพฤติมิชอบ โกงเลือกตั้ง โดนยึดทรัพย์ เคยถูกปลดหรือไล่ออกหมดสิทธิ์ลงสมัครเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามอยากเสนอให้เพิ่มเติมให้กำหนดด้วยว่า ตอนสมัครรับเลือกตั้งผู้สมัครต้องยื่นแบบสำเนาเอกสารแสดงภาษีเงินได้ควบคู่เวลายื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วย ซึ่งจะทำให้นักการเมืองที่ไม่ดีไม่กล้าสมัครเลือกตั้งเพราะหากถูกตรวจสอบพบความผิดต้องหมดอนาคตทางการเมือง

ความจริงสาระในร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบนักโกงเมืองยังมีรายละเอียดอีกหลายประเด็น โดยกำหนดมาตรการลงโทษที่เข้นข้น อาทิ หากพบว่ารัฐบาลทุจริต หรือดำเนินนโยบายประชานิยมที่สร้างความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองอย่างร้ายแรงต้องพ้นจากตำแหน่งทันทีและต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่แผ่นดิน

เพราะฉะนั้นจะเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบนักโกงเมืองถูกคว่ำในขั้นทำประชามติหรือถูกรื้อโดยรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ซี่งเท่ากับความพยายามที่จะปฏิรูปประเทศขจัดสิ่งชั่วร้ายต้องเสียของ และประเทศต้องกลับไปสู่วังวนแห่งวงจรอุบาทว์เหมือนที่ผ่านมา

ทีมข่าวการเมือง

ทุกฝ่ายควรยึดผลประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง อย่าให้รธน.ปราบโกงต้องเสียของ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/208355

วันพฤหัสบดี ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ข้อสรุปของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) เกี่ยวกับบทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญฉบับพบกันครึ่งทางชัดเจนออกมาแล้วซึ่งไม่รู้ว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะยอมรับได้หรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ส่งสัญญาณฮึ่มหาก กรธ.ไม่แก้ไขร่างตามข้อเสนอของคสช.ก็จะยื่นใหม่จนกว่าจะสำเร็จ

แต่ดูจากท่าทีของ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่กล่าวว่าพอยอมรับได้ก็น่าจะเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับท่าทีของคสช. ทั้งนี้จะว่าไปแล้วการแก้ไขแบบพบกันครึ่งทางของกรธ.ก็ยังคงสาระสำคัญในกลไกประชาธิปไตยครึ่งใบช่วงเปลี่ยนผ่านไว้เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะการคงข้อเสนอของคสช.ที่ให้มีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จากการสรรหา 250 คน โดยกรธ.แก้ไขเพียงเล็กน้อยให้สว.มาจากการสรรหาโดยตรงจากคสช. 200 คน ส่วนอีก 50 คน มาจากการเลือกแบบไขว้สลับจาก 20 กลุ่มอาชีพทั่วประเทศ จากนั้นคณะกรรมการสรรหาจะเลือกเหลือ50 คน

ส่วนอำนาจหน้าที่ของ สว.นั้น กรธ.ตัดข้อเสนอของคสช.ในประเด็นที่ให้สว.ยื่นญัตติและลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ แต่ก็ยังคงอำนาจหน้าที่ของสว. ในการปฏิรูปประเทศและพิทักษ์รัฐธรรมนูญซึ่งก็คือป้องกันไม่ให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปฏิรูปประเทศ

ส่วนประเด็นนายกฯคนนอกนั้น แม้กรธ.จะไม่เอาตามข้อเสนอของคสช.ทั้งดุ้นที่ให้งดใช้เนื้อหารัฐธรรมนูญว่าด้วยการกำหนดให้พรรคการเมืองต้องเสนอรายชื่อผู้ที่จะเป็นนายกฯ 3 รายชื่อ แต่ก็ยังเปิดทางให้มีนายกฯคนนอกได้ทางอ้อม โดยกำหนดว่าเมื่อเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร พรรคการเมืองต้องเลือกนายกฯตามบัญชีรายชื่อที่เสนอให้ได้ในเวลาที่กำหนด หากไม่สามารถเลือกได้ให้ สส.ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งสามารถยื่นขอเปิดประชุมร่วมกับวุฒิสภาเพื่อขอมติ 2 ใน 3 ของที่ประชุมรัฐสภาในการยกเว้นรัฐธรรมนูญบางมาตราเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรเลือกนายกฯจากคนนอกได้

สำหรับประเด็นข้อเสนอของคสช.ที่ต้องการให้กรธ.ทบทวนที่มาของการเลือกตั้ง สส.โดยกำหนดเขตเลือกตั้งให้ใหญ่ขี้นและเลือกผู้สมัครได้เพียงคนเดียว รวมทั้งให้บัตรเลือกตั้งมี 2 ใบเพื่อเลือกสส.เขตและสส.บัญชีรายชื่อหวังให้การซื้อเสียงยากขึ้น แต่ กรธ.ยังคงยืนยันแนวคิดของตัวเองนั่นคือใช้ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมโดยทุกคะแนนมีค่าทำให้พรรคเล็กมีโอกาสได้สส.มากขึ้น รวมทั้งใช้บัตรเลือกตั้งเพียงใบเดียวเพื่อเลือกตั้งทั้งผู้ที่จะเป็นนายกฯ ผู้สมัคร สส.ระบบเขต และผู้สมัครสส.บัญชีรายชื่อ ซึ่ง นายอลงกรณ์พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เตือนให้กรธ.ทบทวนเพราะเขตเลือกตั้งขนาดเล็กตามแนวคิดของกรธ. และการใช้บัตรเลือกตั้งเพียงใบเดียวเลือกทั้งนายกฯ สส.เขต และสส.บัญชีรายชื่อเสี่ยงที่จะทำให้มีการซื้อเสียงรุนแรงมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายควรตระหนักก็คือต้องแสดงความคิดเห็นเชิงสร้างสรรค์และยึดถือผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้งอย่าให้รัฐธรรมนูญเพื่อปราบโกงต้องเสียของ ซึ่งแม้กรธ.จะได้ข้อสรุปร่างรัฐธรรมนูญแบบพบกันครึ่งทางแล้ว แต่ก็ยังมีเวลาทบทวนโดยทุกฝ่ายต้องเปิดกว้างพร้อมรับฟังความคิดฝ่ายอื่น ยกเว้นขบวนการที่ถึงอย่างไรก็จ้องแต่จะหาเรื่องบ่อนทำลายชาติขวางการเดินหน้าปฏิรูปประเทศท่าเดียว

ทีมข่าวการเมือง