คสช.ระวังสะดุดขาตัวเอง คนกันเองทุจริต-ปฏิรูปเหลวมีสิทธิพัง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/206697

วันอาทิตย์ ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
หลังการเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างล้นหลามในการเข้ามายุติวิกฤติชาติทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยเพื่อเดินหน้าปฏิรูปครั้งใหญ่ให้พ้นจากวังวนแห่งวงจรอุบาทว์ของธุรกิจการเมืองเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอม แต่นับวันผลงานของคสช.จะถูกตั้งคำถามจากประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าจะปฏิรูปประเทศจริงหรือไม่

แม้ประชาชนจะสนับสนุนและฝากความหวังไว้กับคสช.มาก แต่จากภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ราคาพืชผลการเกษตรหลายชนิดตกต่ำ ซ้ำยังเกิดวิกฤติภัยแล้งรุนแรงที่แม้แต่อำนาจรัฐพิเศษก็ไม่สามารถแก้ปัญหาของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้นับวันความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อคสช.จะเสื่อมถอยซึ่งอาจถือเป็นความโชคไม่ดีของคสช.ที่เข้ามาบริหารชาติในยามที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยสารพัดปัญหาที่รัฐบาลจากการเลือกตั้งในอดีตทิ้งไว้ รวมทั้งเข้ามาช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกและเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติภัยแล้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี

ผลสำรวจของโพลล์ทุกสำนักตลอดช่วงที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าผลงานอันเป็นจุดอ่อนของคสช.และรัฐบาลก็คือ ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องของประชาชน

นอกจากนี้ คสช.ยังถูกตั้งคำถามว่าลงทุนยึดอำนาจเพื่อเข้ามาจัดระเบียบปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่เพื่อขจัดขบวนการอำนาจเก่าโดยเฉพาะตัวจอมบงการและเหล่าแกนนำขั้นเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าปฏิรูปประเทศ แต่กลับปรากฏว่า จอมบงการและเหล่าแกนนำกลุ่มอำนาจเก่ายังคงลอยนวลเคลื่อนไหวท้าทายบ่อนทำลายประเทศทั้งในและนอกประเทศ

ขณะที่หนึ่งในงานการปฏิรูปประเทศที่สำคัญคือการปฏิรูปตำรวจก็แทบจะไม่มีอะไรคืบหน้าจนส่อเค้าว่าคงจะไม่เกิดขึ้นในยุคของ คสช.

ที่สำคัญการปฏิรูปประเทศเพื่อขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นอันเป็นต้นเหตุสำคัญของวิกฤติชาติตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแม้คสช.และรัฐบาลประกาศให้การขจัดทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นวาระแห่งชาติ และมีความพยายามที่จะเร่งรัดผลักดันให้คดีทุจริตสำคัญต่างๆ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว แต่ก็เป็นไปด้วยความล่าช้าโดยเฉพะการฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ชดใช้เงินแก่แผ่นดินจากความเสียหายของโครงการรับจำนำข้าวที่มีการเลื่อนสรุปมูลค่าความเสียหายมาแล้วหลายครั้งทำให้การส่งฟ้องล่าช้าข้ามปีจนไม่แน่ใจว่าคดีสำคัญที่เป็นบรรทัดฐานระดับชาตินี้จะได้ข้อยุตินำผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ทันยุคอำนาจของคสช.หรือไม่

แต่ที่น่าห่วงและเป็นอันตรายจนอาจทำให้การยึดอำนาจและการปฏิรูปประเทศของคสช.ล้มเหลวเสียของสิ้นเชิงก็คือ ข่าวการทุจริตของผู้มีอำนาจในคสช.และรัฐบาลโดยก่อนหน้านี้ก็เกิดข่าวอื้อฉาวโครงการอุทยานราชภักดิ์ที่จนบัดนี้ก็ยังไม่เกิดความกระจ่าง และล่าสุดเกิดกรณีอื้อฉาวกรณีที่พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ออกมาเปิดเผยเบาะแสข่าวการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจยุคที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้กำกับดูแล

พล.ร.อ.พะจุณณ์ ยังเป็นสมาชิกขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.)และเป็นประธานคณะอนุกรรมการโครงสร้างอำนาจหน้าที่และกระบวนการทำงานตำรวจเพื่อประโยชน์ของประชาชน สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)

การออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเบาะแสการซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจนับว่าส่งผลสะเทือนอย่างยิ่งต่อศรัทธาความน่าเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อคสช. และรัฐบาล โดยมีการตั้งข้อสังเกตเชิงเตือนสติว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. อาจพังเพราะคนแวดล้อมใกล้ตัวที่ฉวยโอกาสแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบ

ทั้งนี้การขจัดทุจริตคอร์รัปชั่นถือเป็นผลงานอันเป็นจุดแข็งของคสช.และรัฐบาล แต่หาก ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เกิดการทุจริตขึ้นโดยผู้มีอำนาจในคสช.หรือรัฐบาล จากจุดแข็งก็จะกลายเป็นจุดบอดที่ทำลายคสช.และรัฐบาลอย่างรุนแรงในทันที

เพราะฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องระวังไม่เกรงใจคนใกล้ตัว เพราะหากวันใดวันหนึ่งมีการตีแผ่เรื่องการทุจริตของคนในคสช.หรือรัฐบาลที่มีข้อมูลชัดแจ้ง นั่นอาจหมายถึงวิกฤติศรัทธาของมหาชนที่มีต่อคสช.และรัฐบาล ส่งผลให้การยึดอำนาจเพื่อปฏิรูปประเทศของคสช.ล้มเหลวเสียของสิ้นเชิง

ทีมข่าวการเมือง

จับโกหกนช.แม้วจอมลวงโลก? เปรียบคนพูดเท็จไม่ทำชั่วเป็นไม่มี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/206584

วันเสาร์ ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
การจัดฉากลวงโลกของนักโทษชายแม้วด้วยการจ้อผ่านองค์กรโนเนมผีโม่แป้งอย่างสถาบันนโยบายโลก(WPI) เพื่อสร้างภาพเดินเกมบ่อนทำลายไทยที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สะท้อนพฤติการณ์ส่อกลับกลอกและโกหกหน้าตาเฉยของอดีตนายกฯ นักโทษหนีคุก ขณะเดียวกันยังสะท้อนว่านักโทษชายแม้วไม่เคยสำนึกผิดและทำได้แม้กระทั่งการชักศึกเข้าบ้านเพื่อบ่อนทำลายแผ่นดินเกิดตัวเอง

นักโทษชายแม้ว อ้างว่าตัวเองพร้อมเสียสละอยู่ในต่างแดนต่อไปเพื่อให้ประเทศไทยเกิดความสงบ ทั้งๆ ที่ความจริงไม่ใช่เรื่องของการเสียสละแม้แต่น้อยแต่เพราะ นักโทษชายแม้ว ไม่ยอมติดคุกจึงต้องทำตัวเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนในต่างแดนจนทุกวันนี้จากการหนีโทษจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญาตามคำพิพากษาศาลในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก โดยก่อนหน้าที่ศาลจะตัดสินทีมทนายของนักโทษชายแม้ว ถือถุงขนมภายในบรรจุเงิน 2 ล้านบาท เพื่อหยั่งเชิงหวังติดสินบนศาล แต่ไม่สำเร็จจึงหนีโทษความผิดไปเคลื่อนไหวป่วนไทยในต่างแดน ขณะเดียวกันยังพยายามผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมแบบสุดซอยในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์หวังให้ตัวเองกลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุก จนทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องพ้นจากอำนาจจากการลุกฮือของมวลมหาประชาชนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

นักโทษชายแม้ว มักให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติชูเรื่องประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่พฤติกรรมของตัวเองตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
จนเป็นต้นเหตุสำคัญทำให้เกิดทหารเข้ายึดอำนาจถึง 2 ครั้งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาโดยล้วนมีสาเหตุต้นตอจากระบอบทักษิณซึ่งเป็นระบอบธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมแบบไทยๆ ที่มองการเมืองเป็นธุรกิจที่ต้องทุ่มเงินและผลประโยชน์ซื้อพรรคการเมืองซื้อสส.และซื้อเสียงไม่ต่างจากการซื้อประชาธิปไตยซื้อประเทศ และเมื่อได้เป็นรัฐบาลก็จะทุจริตคอร์รัปชั่นถอนทุนบวกกำไรอย่างมโหฬาร และประพฤติชั่วร้ายตามใจชอบภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตย

นอกจากนี้ นักโทษชายแม้ว ยังบงการอยู่เบื้องหลังม็อบเสื้อแดงที่พยายามสร้างสถานการณ์ก่อจลาจลทั่วกทม.และบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนและผู้นำชาติมหาอำนาจคู่เจรจาที่พัทยาเมื่อปี 2552 รวมทั้งการก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองปี 2553

ในการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ นักโทษชายแม้ว ยังชักศึกเข้าบ้านด้วยการเรียกร้องให้มหาอำนาจมะกันอันตรายเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย ขณะเดียวกันก็ปลุกระดมเหล่าสาวกเพื่อแม้วให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ตอบโต้ นักโทษชายแม้ว ได้อย่างเจ็บแสบโดยเรียกร้องสื่ออย่าไปให้ความสำคัญกับ นักโทษชายแม้ว พร้อมกล่าวเชิงเปรียบเปรยว่า หมากัดคนไม่เป็นข่าว แต่หากคนกัดหมาจึงเป็นข่าวใหญ่

จากพฤติการณ์ของนักโทษชายแม้วทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเปรียบได้กับพุทธพจน์ตอนหนึ่งที่ว่า “คนพูดเท็จไม่ทำชั่วเป็นไม่มี”

ทีมข่าวการเมือง

2คู่หูเพื่อแม้ว-ลัทธิจานบินใช้กรรม จนมุมพ่ายทุกแนวรบ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/206407

วันศุกร์ ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
การดิ้นตะแบงเดินเกมที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าลวงโลกของนักโทษชายแม้วด้วยการจ้างให้องค์กรกำมะลอประเภทผีโม่แป้งคือสถาบันนโยบายโลก(World Policy Institute-WPI)เชิญตัวเองไปพูดที่นครนิวยอร์ก แดนมะกันอันตราย เมื่อวันที่ 9 มี.ค.
ที่ผ่านมาหวังสร้างภาพถล่มคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. กลับกลายเป็นงานฉีกหน้านักโทษชายแม้วจนยับเยินจากการที่กลุ่มคนไทยผู้รักชาติและสถาบันออกมารวมตัวหน้าสำนักงาน WPI ทั้งชูป้ายและตะโกนด่าประจานความชั่วร้ายของอดีตนายกฯนักโทษหนีคุกอย่างรุนแรง

การไปพูดที่ WPI นักโทษชายแม้วครั้งนี้ไม่ได้มีสาระและพูดแบบแผ่นเสียงตกร่องเหมือนเคย โดยมุ่งดิสเครดิตบ่อนทำลายคสช.และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหลัก ขณะเดียวกันพยายามสร้างภาพบทบาทผู้นำให้ตัวเอง แต่การไปสร้างภาพลวงโลกครั้งนี้ไม่ได้รับความสนใจจากชาวนิวยอร์กและสื่อหลักแม้แต่น้อย

ตรงกันข้าม นักโทษชายแม้ว ยังถูกกลุ่มคนไทยผู้รักชาติในนครนิวยอร์กชูป้ายข้อความเปิดโปงพฤติกรรมทรราชที่ชั่วร้ายไม่ว่าจะเป็นการก่ออาชญากรรมระดับโลกด้วยนโยบายทำสงครามกวาดล้างยาเสพติดยุครัฐบาลทักษิณที่มีการสังหารประชาชนไปเกือบ 3,000 ราย ซึ่งในจำนวนนี้จำนวนไม่น้อยเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ซึ่งตกเป็นเหยื่อ หรือเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงทั้งกรณีการสลายม็อบชาวไทยมุสลิมที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาสเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 คนหรือการใช้กำลังทหารตำรวจบุกถล่มมัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานีทำให้มีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บหลายสิบคน

หลังการพูดสร้างภาพเสร็จสิ้น นักโทษชายแม้วรีบเดินขึ้นรถเพื่อหนีกลุ่มคนไทยผู้รักชาติแต่ก็ไม่วายถูกกลุ่มคนไทยผู้รักชาติต่างตะโกนด่า นักโทษชายแม้วจนอับอายต่อหน้าชาวนิวยอร์กจำนวนมาก อาทิ “ขายชาติ” “คอร์รัปชั่น” พร้อมเรียกร้องให้กลับไปเข้าคุกคดีทุจริต

เพราะฉะนั้นงานนี้ นักโทษชายแม้ว แทนที่สู้อุตส่าห์ลงทุนจัดฉากปาหี่ลวงโลกซึ่งแทนที่จะกำไรกลับขาดทุนป่นปี้จากการถูกกลุ่มคนไทยในนครนิวยอร์กรุมประณาม

ขณะที่แนวรบของพันธมิตรขบวนการเพื่อแม้วก็คือลัทธิจานบินก็ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ไม่แพ้กันทั้ง ธัมมชโย เจ้าลัทธิจานบิน ที่กำลังจะใช้กรรมจากข้อหารับของโจรและฟอกเงินในคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นพ่วงด้วยคนของสำนักจานบินอีกกลุ่มใหญ่ เช่นเดียวกับ สมเด็จช่วง ผู้เป็นอาจารย์ของ ธัมมชโย ที่ขณะนี้มีมลทินทั้งกรณีปกป้อง ธัมมชโย ผู้เป็นศิษย์ทั้งๆที่มีแผลเต็มตัวและคดีครอบครองรถเบนซ์โบราณผิดกฎหมายซึ่งพอจวนตัวพระคนสนิทสมเด็จช่วงพยายามโยนบาปให้เจ้าของอู่ประกอบรถหน้าตาเฉยซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ชั่วร้ายผิดวิสัยสงฆ์ ซึ่งจากพฤติการณ์ของ สมเด็จช่วง และพวกที่สั่งสมทำให้อนาคตที่จะได้นั่งเก้าอี้ประมุขสงฆ์ริบหรี่เต็มที

ทั้งนี้สองพันธมิตรขบวนการเพื่อแม้วกับลัทธิจานบินต่างกำลังพ่ายทุกแนวรบแต่พยายามตะแบงสู้แบบหลังพิงฝา แต่ยิ่งดิ้นสู้ด้วยวิธีการชั่วร้ายก็ยิ่งเจ็บเพราะเปิดโปงให้เห็นธาตุแท้ความชั่วร้ายของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ

ทีมข่าวการเมือง

เพื่อแม้วเผยไต๋ถล่มคสช.-รัฐบาล ป้องม็อบผ้าเหลืองหนุนสมเด็จช่วง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/206261

วันพฤหัสบดี ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

นับเป็นกรรมของสองอาจารย์ ศิษย์คือสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ประธานมหาเถรสมาคม(มส.)กับ ธัมมชโย เจ้าสำนักจานบิน ที่ต่างส่อเค้าว่ากำลังจะถึงเวลาต้องชดใช้ตามกฎแห่งกรรม

ที่ผ่านมา สมเด็จช่วง และมส.ส่อพฤติกรณ์ปกป้อง ธัมมชโย มาตลอดโดยงุบงิบลงมติถึง 2 ครั้งว่า ธัมมชโย ไม่ปาราชิกพ้นความเป็นพระอันเป็นการขัดพระบัญชา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ที่ตัดสินไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2542 ว่า ธัมมชโย ประพฤติผิดร้ายแรงพ้นจากความเป็นพระ

นอกจากปกป้อง ธัมมชโย ผู้เป็นศิษย์ สมเด็จช่วง โดยการสนับสนุนของมส.ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าล้วนอยู่ภายใต้การครอบงำด้วยผลประโยชน์ของสำนักจานบิน ยังลงมติเสนอชื่อ สมเด็จช่วง ขึ้นเป็นพระสังฆราช ทั้งๆ ที่สำนักผู้ตรวจการแผ่นดินชี้ชัดว่า ขัดต่อมาตรา 7 ของพ.ร.บ.สงฆ์ เพราะการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราชเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ สมเด็จช่วง ยังมีมลทินในคดีครอบครองรถเบนซ์โบราณผิดกฎหมายถึง 12 ข้อหา

กรรมและมลทินทั้งหมดของ สมเด็จช่วง ทำให้พุทธศาสนิกชนจำนวนไม่น้อยเห็นว่า สมเด็จช่วง ไม่เหมาะสมขึ้นเป็นพระสังฆราช และความจริงหากสมเด็จช่วง เป็นพระเถระผู้มีศีลอันบริสุทธิ์ละแล้วซึ่งกิเลสทั้งปวงไม่ยึดติดคิดเป็นใหญ่ สั่งสมทรัพย์สมบัติ และปกป้องอลัชชี และเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในวงการพุทธศาสนา
ก็สมควรถอนตัวไม่รับการเสนอชื่อเป็นพระสังฆราชตั้งแต่แรก

กรรมของ สมเด็จช่วง ทั้งปวงทำให้ความหวังที่จะเป็นใหญ่แทบจะเป็นไปไม่ได้ซึ่งสะท้อนจากท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ย้ำว่าหากยังมีปัญหาก็จะไม่มีการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราช

ส่วนชะตากรรมของ ธัมมชโย นั้น อาจเรียกได้ว่าอยู่ในขั้นโคม่ายิ่งกว่าผู้เป็นอาจารย์ หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเป็นคนสนิทของ ธัมมชโย เป็นเวลา 16 ปี ในคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กว่า 16,000 ล้านบาท โดยเงินส่วนหนึ่งมีการยักย้ายถ่ายเทโอนเข้าบัญชี ธัมมชโย และสำนักจานบิน เบื้องต้นเท่าที่ตรวจพบกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งปรากฏหลักฐานชัดเจนแน่นหนา อีกทั้ง นายศุภชัย ยอมรับสารภาพต่อศาลจึงได้รับการลดโทษลงครึ่งหนึ่งจากเดิมที่มีโทษจำคุกถึง 32 ปี

สำหรับ ธัมมชโย ถูกตั้งข้อหารับของโจร ซึ่งหากคดีเข้าสู่ศาลต้องพ้นความเป็นพระ

จากสถานการณ์ที่กำลังย่ำแย่ทั้ง สมเด็จช่วง และ ธัมมชโย ปรากฏว่าล่าสุดพรรคเพื่อแม้ว ออกแถลงการณ์ปกป้องม็อบผ้าเหลืองที่ก่อนหน้านี้ออกมากดดันให้รัฐบาลรีบเสนอชื่อ สมเด็จช่วง ขึ้นเป็นสังฆราช พร้อมทั้งโจมตีคสช.และรัฐบาลว่าคุกคามสิทธิเสรีภาพและละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีใช้ทหารสกัดม็อบผ้าเหลือง ทั้งๆ ที่ความจริงมีภาพปรากฏเป็นหลักฐานชัดเจนว่า ม็อบผ้าเหลืองซึ่งมีทั้งพระแท้พระเทียมล็อกคอทำร้ายทหารดุจอันธพาล

การออกแถลงการณ์ของพรรคเพื่อแม้วอาจเป็นสัญญาณดิ้นตะแบงสู้แบบเลือดเข้าตาของสองพันธมิตรคือขบวนการเพื่อแม้วกับลัทธิจานบินที่ขณะนี้อยู่ในภาวะเสื่อมและใกล้จนมุมเข้าไปทุกขณะ

ทีมข่าวการเมือง

คสช.กินรวบมีแต่ได้กับได้ ไม่ว่าร่างรธน.ผ่านหรือถูกคว่ำ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/206007

วันพุธ ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

เหล่านักลากตั้งสวมวิญญาณนักประชาธิปไตยจ๋าทั้งหลายต่างออกมาสร้างภาพเรียกคะแนนด้วยการขวางแนวคิดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่างเอาเป็นเอาตายโดยเฉพาะในประเด็นที่กำลังร้อนแรงก็คือ ข้อเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม หรือแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องใช้สูตรประชาธิปไตยครึ่งใบ ด้วยการมีกลไกพิเศษเพื่อประคับประคองประเทศนาน 5 ปี ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจจากคสช.ไปสู่รัฐบาลเลือกตั้งเพื่อให้การปฏิรูปประเทศเป็นไปด้วยความราบรื่น

กลไกพิเศษแบบประชาธิปไตยครึ่งใบ ขณะนี้ยังไม่ลงตัวเพราะยังมีความเห็นต่างระหว่างคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ซึ่งมีซือแป๋ด้านกฎหมาย มีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานที่มีแนวคิดให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรที่มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายหากบ้านเมืองเกิดวิกฤติ ขณะที่ฝ่ายคสช.และรัฐบาลผ่านการสะท้อนของ พล.อ.ประวิตร เห็นว่าควรกำหนดในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มาจากการสรรหาทั้งหมดและมีอำนาจเทียบเท่าสส.เพื่อถ่วงดุลรัฐบาลเลือกตั้ง ซึ่งต่างจากแนวคิดของ กรธ. ที่ให้สว.มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมจากตัวแทน 20 สาขาอาชีพ โดยเลือกแบบไขว้สลับเพื่อป้องกันการล็อบบี้ซื้อเสียง

นับวันเหล่านักลากตั้งโดยเฉพาะพรรคเพื่อแม้ว จะโหมสุมไฟกระแสต้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงรุนแรงขึ้นทุกขณะ โดยพยายามใช้วาทกรรมชี้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจถอยหลังลงคลองย้อนยุคหลายสิบปี ขณะที่คสช.ยังยืนยันในแนวคิดว่า ถึงยังไงก็ต้องมีกลไกพิเศษคอยประคับประคองประเทศหลังการเลือกตั้งเพื่อไม่ให้การปฏิรูปเสียของ

เมื่อเป็นเช่นนี้ในที่สุดคนที่จะตัดสินชี้ขาดก็คือประชาชนผู้เป็นเสียงสวรรค์ในการลงประชามติเดือนก.ค.ที่จะถึงนี้

อย่างไรก็ตาม นักสังเกตการณ์ทางการเมืองมองว่า ไม่ว่าผลการลงประชามติจะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญออกมาอย่างไร คสช.ก็กินรวบมีแต่ได้กับได้ เพราะหากร่างผ่านทุกอย่างก็จะเดินหน้าไปตามแผนของคสช.ที่วางไว้ทุกประการ

แต่หากร่างถูกคว่ำก็มี 2 แนวทางที่เป็นไปได้คือ แนวทางแรกเริ่มกระบวนการนับหนึ่งยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หลังจากที่เคยถูกคว่ำมาแล้วในร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่มี ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานซึ่งนั่นเท่ากับยืดเวลาในอำนาจของคสช.และรัฐบาลออกไปอีก

หรือแนวทางที่สองใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวประกาศใช้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับพิเศษซึ่งคสช.เตรียมไว้แล้วทันที

เพราะฉะนั้นการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีขึ้นเชื่อว่าอาจเป็นเพียงพิธีการ เพราะสิ่งสำคัญก็คือ เป้าหมายซึ่งคสช.ตั้งธงไว้แต่แรกแล้วว่า ถึงอย่างไรก็ตาม ต้องมีกลไกพิเศษช่วงเปลี่ยนผ่าน

ทีมข่าวการเมือง

จับตาเพื่อแม้วเร่งเกมสุมไฟวิกฤติ จ้องชิงอำนาจรัฐช่วยปูพ้นคดีจำนำข้าว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/205861

วันอังคาร ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
การเคลื่อนไหวของขบวนการเพื่อแม้วตลอดช่วงที่ผ่านมาส่อพฤติการณ์ไม่ได้มุ่งทำเพื่อประชาธิปไตยอย่างที่สร้างภาพ แต่ต้องการสุมไฟสร้างกระแสคว่ำร่างรธน.ปราบโกงล้มการปฏิรูปประเทศ และบ่อนทำลายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หวังฟื้นระบอบแม้วกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้ง

ความจริงขบวนการเพื่อแม้วจ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญตั้งแต่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกชุดที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานกรรมการยกร่าง โดยเหล่าแกนนำพรรคเพื่อแม้วและแกนนำเสื้อแดงประกาศแข็งกร้าวคว่ำร่างรัฐธรรมนูญตั้งแต่ยังไม่ทันร่างด้วยซ้ำ และล่าสุดก็คือการออกมาป่วนของ 3 สาวกเสื้อแดงที่ออกรณรงค์คว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงที่มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานกลางกรุงจนถูกตำรวจคุมตัวไปอบรมแล้วปล่อยตัวไป

ก็อย่างที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. ตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มที่ออกมารณรงค์ให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้สนใจร่างรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำไป และไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะร่างออกมาอย่างไร ขบวนการป่วนเมืองกลุ่มนี้ก็หาข้ออ้างสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายอยู่วันยังค่ำ

เป้าหมายของขบวนการเพื่อแม้วนั้น นอกจากต้องการสร้างกระแสคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงอันเป็นการล้มการปฏิรูปประเทศแล้ว ยังส่อเจตนาสุมไฟสร้างสถานการณ์ให้สุกงอม เพื่อทำสงครามแตกหักหวังโค่นคสช.ให้พ้นจากอำนาจโดยเร็ว โดยเป้าหมายสำคัญเฉพาะหน้าก็คือทำทุกวิถีทางเพื่อช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ซึ่งเป็นจำเลยคนสำคัญคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายล่มจมให้ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โดยคดีนี้มีพยานหลักฐานมัดแน่นชัดเจน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุก 10 ปี โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองโดยอยู่ในช่วงการไต่สวนของศาลและคาดว่าคดีนี้น่าจะตัดสินได้ไม่เกินต้นปีหน้า

นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังจะถูกฟ้องทางแพ่งและอาจถูกยึดทรัพย์เพื่อให้ชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินซึ่งคาดว่าจะเป็นมูลค่านับแสนล้านบาท

ทั้งนี้ เป้าหมายเฉพาะหน้าซึ่ง นักโทษหนีคุกทักษิณ ชินวัตร ยอมไม่ได้และกังวลเป็นอย่างมากก็คือชะตากรรมของน้องสาวที่กำลังนับถอยหลังใกล้คุกและอาจถูกยึดทรัพย์เข้าไปทุกขณะ จึงพยายามทำทุกวิถีทางเร่งเกมหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยเร็วที่สุด เพราะยิ่งทอดเวลาออกไปเท่ากับชะตากรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นับถอยหลังสู่ประตูคุกและมีสิทธิ์ถูกยึดทรัพย์ใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินจากโครงการรับจำนำข้าวใกล้เข้าไปเรื่อยๆ

เพราะฉะนั้นไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะร่างออกมาอย่างไรขบวนการเพื่อแม้วก็จ้องคว่ำอยู่วันยังค่ำโดยเป้าหมายสำคัญคือ สร้างความปั่นป่วนระส่ำระสายทั้งในและนอกประเทศเพื่อสร้างสถานการณ์ความชอบธรรมปูทางไปสู่การทำศึกแตกหักเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐโดยเร็วที่สุด

ทีมข่าวการเมือง

ขบวนการส่อตะแบง ดันสมเด็จช่วงเป็นสังฆราช?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/205662

วันจันทร์ ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
หลังจากที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินสรุปการพิจารณาคำร้องของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) โดยชี้ว่า มติของมหาเถรสมาคม(มส.)ที่มีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำเป็นประธานที่ผ่านมาโดยเสนอชื่อสมเด็จช่วงเป็นสังฆราชองค์ใหม่ไม่ถูกต้องตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.สงฆ์ เพราะมส.ไม่มีอำนาจเสนอชื่อพระสังฆราชได้เอง โดยเป็นอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ปรากฏว่าขบวนการหน้าเดิมๆ ออกมาเคลื่อนไหวไม่ยอมรับคำชี้ขาดของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขณะเดียวกันพยายามกดดันให้มีการเสนอชื่อสมเด็จช่วงเป็นสังฆราชโดยเร็ว

ขบวนการส่อตะแบงดัน สมเด็จช่วง เป็นสังฆราชไม่ว่าจะเป็น พระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พ.ศ.) ที่ยืนกรานว่ายังไงมติของมส.ในการเสนอชื่อ สมเด็จช่วง ก็ต้องเดินหน้าต่อไปทบทวนไม่ได้เด็ดขาด รวมทั้ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง ที่ล่าสุดโจมตีสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินอย่างแข็งกร้าวรุนแรงโดยอ้างว่า สมคบกับแก๊ง“3พ” ต้าน สมเด็จช่วง ขึ้นเป็นสังฆราชอย่างชั่วร้ายเลวทราม

เพราะฉะนั้นเพื่อตีแผ่ขบวนการตะแบงของคนบางกลุ่มจึงต้องนำสาระสำคัญผลการพิจารณาของ สำนักงานผู้ตรวจการ
แผ่นดินที่ชี้แจงได้อย่างละเอียดลออทุกแง่มุมและมีเหตุมีผลเพื่อให้สาธารณชนได้พิจารณาดังนี้คือ

มาตรา 7 ของ พ.ร.บ.สงฆ์ บัญญัติว่า “ในกรณีที่ตำแหน่งพระสังฆราชว่างลง ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช”

คำว่า “ให้”ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานหมายถึง“มอบ อนุญาต เป็นคำกริยาบอกความบังคับจึงเป็นการให้อำนาจแก่ผู้ที่กำลังจะกล่าวถึง ซึ่งจากรูปประโยคในมาตรา 7 ที่ว่า

“ให้นายกรัฐมนตรี…..มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานของประโยค โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม……เป็นบทขยายประธานของประโยค ส่วนคำว่า“เสนอ”เป็นคำกริยาของภาคประธาน…”

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินยังชี้ให้เห็นว่า ในทางกลับกันหากแปลความหมายบทบัญญัติตามมาตรา 7 ข้างต้นเป็นว่า
ให้มส.เป็นผู้เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์เพื่อให้นายกฯนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช เท่ากับว่านายกฯจะมีอำนาจหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือนำความขึ้นทูลเกล้าฯ
ไม่ต่างจากบุรุษไปรษณีย์ซึ่งเป็นไปไม่ได้และขัดต่อหลักความเป็นจริงเพราะเมื่อพระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จ
พระสังฆราชแล้ว นายกฯคือผู้ที่สนองพระบรมราชโองการอันเป็นการสะท้อนอำนาจและความสำคัญของนายกฯ

นี่แค่ตัวอย่างรายละเอียดคำชี้แจงที่มีน้ำหนักสมเหตุสมผลของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะฉะนั้น ขบวนการตะแบงควรเลิกเคลื่อนไหวและหยุดข่มขู่กดดันใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายได้แล้ว และถ้าจะว่าไปแล้วหากสมเด็จช่วงเป็นสงฆ์ที่ละแล้วซึ่งกิเลสก็น่าจะประกาศไม่ขอรับตำแหน่งพระสังฆราชเพื่อความสงบของพุทธศาสนาและชาติบ้านเมือง

ทีมข่าวการเมือง

ระบอบทักษิณเสื่อม แต่คสช.ต้องไม่ทำปชช.ผิดหวัง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/205538

วันอาทิตย์ ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
การเปิดตัวออกมาดับเครื่องชนสู้ขั้นแตกหักแบบเลือดเข้าตาของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก
และเหล่าแกนนำเครือข่ายขบวนการระบอบทักษิณไม่เว้นแม้แต่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯที่อุตส่าห์หอบสังขารวัยไม้ใกล้ฝั่งออกมาร่วมถล่มคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)อย่างหนักหน่วงสะท้อนอาการดิ้นรนของระบอบทักษิณกำลังจะพ่ายแพ้ในทุกแนวรบจึงต้องทำทุกวิถีทางทำศึกแตกหักเพื่อเอาตัวรอดและหวังพลิกสถานการณ์กลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้ง

การออกมาเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ยังมีเป้าหมายเพื่อปลุกเร้าเหล่าสาวกให้มีความฮึกเหิมด้วยความหวังว่าจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ขณะเดียวกันเป็นการส่งสัญญาณเตือนเหล่าข้าราชการให้คิดให้ดีในการสนองนโยบายคสช.ที่สักวันหนึ่งต้องพ้นจากอำนาจ แต่การออกมาบงการเพื่อทำสงครามแตกหักของ นายทักษิณ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันแตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่คสช.เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 โดยมีการกวาดล้างกองกำลังติดอาวุธระบอบทักษิณ รวมทั้งใช้อำนาจและมาตรการทางกฎหมายจัดการกับเหล่าแกนนำระบอบทักษิณจนอยู่ในสภาพสะบักสะบอม ยังไม่รวมถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งจะกำหนดกรอบปฏิรูปประเทศเพื่อล้างธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยอย่างรุนแรงทำให้อนาคตที่จะกลับมายิ่งใหญ่ของระบอบทักษิณเลือนรางเต็มที

ที่สำคัญตราบใดที่กองทัพยังคงอยู่ ระบอบทักษิณซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติคงยากที่จะกลับมายิ่งใหญ่ได้อย่างราบรื่น

ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์เผยแพร่บทวิเคราะห์ที่ชี้ว่า ขบวนการระบอบทักษิณนับวันจะเสื่อมจากการที่เครือข่ายนักการเมือง นักธุรกิจที่เคยให้การสนับสนุนระบอบทักษิณ ตลอดจนคนเสื้อแดงต่างพากันตีตัวออกห่างมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ภาคอีสานซึ่งเป็นฐานคะแนนเสียงอันเข้มแข็งของระบอบทักษิณช่วงที่ผ่านมาแต่ปัจจุบันพบว่าชาวอีสานไม่กระตือรือร้นสนับสนุนระบอบทักษิณเหมือนในอดีต

แม้แต่คนในพรรคเพื่อไทยบางคนก็ยอมรับว่าบทวิเคราะห์ของรอยเตอร์สอดคล้องกับความเป็นจริงภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันโดยเครือข่ายที่เคยสนับสนุนระบอบแม้วทั้งนักการเมือง ข้าราชการท้องถิ่น หรือนักธุรกิจต่างพากันแตกกระเจิงไปคนละทาง ไม่เว้นแม้แต่คนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยที่แสดงท่าทีชัดเจนตีตัวออกห่าง ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก่อนหน้านี้ก็คือ การประกาศยุติบทบาทในฐานะขุนพลคนเสื้อแดงภาคอีสานของ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ที่ประกาศวางมือทางการเมือง หรือ ของ นายขวัญชัย ไพรพนา ที่หันมาร่วมขบวนการสร้างความปรองดองของคนทุกสีในจ.อุดรธานี

ที่สำคัญภายใต้อำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ทำให้ขณะนี้อดีตสส.และหัวคะแนนพรรคเพื่อแม้วจำนวนไม่น้อยได้เล็งหาพรรคใหม่สังกัด เพราะอนาคตของระบอบแม้วนั้นหมดลงแล้วโดยเฉพาะบารมีของ นายทักษิณ และตระกูลชินมีแต่จะเสื่อมลงเรื่อยๆ

ขณะที่แกนนำ นักวิชาการ และมวลชนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยที่ตีจากระบอบทักษิณเนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมา
นายทักษิณ ไม่จริงใจหลอกใช้คนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองมาตลอด และเมื่อคนเสื้อแดงหมดประโยชน์ก็ถูกลอยแพให้ติดคุกอย่างไม่เหลียวแล โดยเฉพาะคนเสื้อแดงในเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553

อีกตัวอย่างคือเหตุการณ์ก่อจลาจลทั่วกทม.และบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนที่พัทยาเมื่อปี 2552 นายทักษิณ ปลุกระดมให้มวลชนเสื้อแดงสู้ตาย โดยหากมีกระสุนปืนนัดแรกดังขึ้นเมื่อไหร่ตัวเองจะกลับมานำทัพคนเสื้อแดงสู้แตกหักทันที แต่หลังกำลังทหารเข้ากระชับพื้นที่และระดมยิงปืนขึ้นฟ้าขู่และสลายม็อบเสื้อแดงได้อย่างราบคาบโดยไม่เสียเลือดเนื้อ แต่ นายทักษิณ และครอบครัวกลับบินไปตั้งหลักนอกประเทศใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยไม่สนใจคำสัญญาจะกลับมานำทัพคนเสื้อแดงอย่างสิ้นเชิง

หรือกรณียุครัฐบาลยิ่งลักษณ์มีมวลชนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งเสนอให้ออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนทุกสีที่ออกมาชุมนุมโดยสันติวิธีไม่ครอบคลุมแกนนำและคนบงการเพื่อความปรองดอง แต่ นายทักษณ กลับค้านหัวชนฝาเพราะตัวเองไม่ได้ประโยชน์และมีการปลุกระดมเรียกร้องให้มวลชนกลุ่มเสื้อแดงส่วนน้อยเสียสละเพื่อส่วนใหญ่ด้วยการผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยเพื่อให้ตัวเองได้กลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุก

ขณะที่ระบอบทักษิณอยู่ในภาวะเสื่อม คสช.เองนับวันก็ถูกกระแสโจมตีหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ซึ่งประเด็นอ่อนไหวที่สุดซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. จะต้องระวังไม่ให้เกิดวิกฤติศรัทธาของประชาชนอย่างเด็ดขาดโดยเฉพาะประเด็นเรื่องการทุจริตโดยคนใกล้ตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งต้องสร้างผลงานให้เข้าตามหาชนทั้งประเทศโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชน ตลอดจนการปฏิรูปประเทศทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้งเพื่อขจัดธุรกิจการเมืองและเผด็จการทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอันเป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ให้หมดสิ้นไป

ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ของประเทศในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปฏิรูปประเทศให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ถือเป็นช่วงอันตรายเพราะหากประชาชนเกิดวิกฤติศรัทธาผิดหวังต่อคสช.นั่นเท่ากับเปิดช่องให้ระบอบธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยอันชั่วร้ายมีโอกาสฟื้นคืนชีพกลับมาเป็นฝันร้ายทำลายชาติบ้านเมืองอีกครั้ง

ทีมข่าวการเมือง

จับตาม็อบผ้าเหลืองอุ้มสมเด็จช่วง ตัวชี้ยึดกฎหมายหรือใช้กฎหมู่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/205441

วันเสาร์ ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
เมื่อคณะผู้ตรวจการแผ่นดินชี้ชัดตามคำร้องของนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)ว่ามติมหาเถรสมาคม (มส.) ที่มีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เป็นประธานดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอนของพ.ร.บ.สงฆ์ในการเสนอชื่อสมเด็จช่วงขึ้นเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่เพราะอำนาจการเสนอชื่อต้องเริ่มจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่พิจารณาแล้วจึงส่งต่อไปยังมส.เพื่อให้เห็นชอบ

ก่อนหน้านี้ มส.ส่องุบงิบแอบประชุมลับแล้วลงมติเสนอชื่อ สมเด็จช่วง เป็นพระสังฆราชอย่างเร่งรีบ พร้อมกับใช้ม็อบพระที่เคยล็อกคอทหารกลุ่มหนึ่งซึ่งมีพระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นแกนนำออกมาแสดงพลังที่พุทธมณฑลโดยยื่นคำขาดกดดันให้รัฐบาลนำชื่อ สมเด็จช่วง ที่มส.มีมติให้เป็นพระสังฆราชขึ้นทูลเกล้าฯโดยเร็ว มิฉะนั้นสงฆ์ทั่วประเทศจะออกมาแสดงสังฆามติ

ล่าสุดมีการเพิ่มแรงกดดันด้วยการเดินเกมให้วัดหลายแห่งทั่วประเทศขึ้นป้ายสนับสนุนสมเด็จช่วง เป็นพระสังฆราช ทั้งๆ ที่สมเด็จช่วง มีมลทินมัวหมองทั้งกรณีส่อปกป้อง ธัมมชโย เจ้าสำนักธรรมกาย ผู้เป็นศิษย์ไม่ให้ปาราชิกพ้นความเป็นพระอันเป็นการขัดพระบัญชา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ที่ชี้ชัดตั้งแต่ปี 2542 ว่า ธัมมชโย ปาราชิกพ้นจากความเป็นพระทันทีฐานยักยอกเงินวัดเป็นสมบัติส่วนตัวเกือบ 1,000 ล้าน และเผยแพร่ลัทธิอุบาทว์ที่ขัดต่อพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าอย่างร้ายแรง อีกทั้ง สมเด็จช่วง ยังพันพัวคดีครอบครองรถเบนซ์โบราณหรูซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ตรวจสอบพบว่าเป็นรถผิดกฎหมาย

พุทธศาสนิกชนจำนวนไม่น้อยวิพากษ์วิจารณ์ว่าด้วยมลทินของสมเด็จช่วงจึงไม่เหมาะที่จะขึ้นเป็นประมุขสงฆ์และยิ่งไม่สมควรอย่างมากที่ผลักภาระโยนเผือกร้อนการเสนอรายชื่อพระเถระผู้ใหญ่ที่มีมลทินขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อแต่งตั้งเป็นพระสังฆราช

ในกรณีรถเบนซ์โบราณผิดกฎหมายซึ่งมีลายเซ็นสมเด็จช่วงเป็นเจ้าของ แม้ทนายความชุดใหม่ของสมเด็จช่วง จะอ้างว่ารถผิดกฎหมายดังกล่าวมีญาติโยมบริจาคให้ และล่าสุด สมเด็จช่วง พร้อมจะคืนให้ผู้บริจาค

แต่ความผิดสำเร็จแล้ว เหมือนโจรเที่ยวจี้ปล้นพอถูกจับได้ก็ขอคืนของกลางที่ปล้นแล้วอ้างว่าขอให้เลิกรากันไป หรือนักการเมืองโกงชาติปล้นแผ่นดินพอถูกดำเนินคดีก็ใช้เล่ห์ศรีธนญชัยยอมคืนเงินที่โกงชาติแล้วอ้างว่าขอให้เจ๊ากันไป ซึ่งกรณีรถเบนซ์โบราณผิดกฎหมาย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม พูดในเชิงหลักการของกฎหมายอย่างมีเหตุมีผลว่า ของที่ผิดกฎหมายไม่ว่าผู้ครอบครองจะคืนหรือไม่คืนก็ผิดกฎหมายอยู่วันยังค่ำ

และยิ่งเมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินชี้ชัดแล้วว่ามติมส.ผิดขั้นตอนของกฎหมายจึงต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของม็อบพระล็อกเพราะจะเป็นการพิสูจน์ว่า ขบวนการที่อยู่เบื้องหลังสมเด็จช่วงจะยึดกฎหมายหรือจะใช้กฎหมู่ป่วนเมือง และจะเป็นการพิสูจน์ว่าเป็นพระแท้หรือพระเทียม

ทีมข่าวการเมือง

แผนเพื่อแม้วยั่วยุท้าทายคสช. หวังสุมไฟจุดชนวนวิกฤติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/205277

วันศุกร์ ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ขณะที่นักโทษชายแม้วผู้เป็นนายใหญ่ทั้งเดินสายป่วนชาติด้วยการให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติผีโม่แป้งแทบรายวันและใช้บริษัทล็อบบี้ยิสต์ข้ามชาติจัดฉากสร้างข่าวลวงโลกดับเครื่องชนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เหล่าสาวกขบวนการเพื่อแม้วในประเทศก็เดินเกมยั่วยุท้าทายคสช.ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ หวังให้คสช.ใช้มาตรการรุนแรงเพื่อใช้เป็นข้ออ้างสร้างข่าวชักศึกเข้าบ้านตามแผนโลกล้อมไทย และจุดชนวนให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายกลายเป็นวิกฤติประเทศ

แกนนำขบวนการเพื่อแม้วที่ออกโรงเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันเดินเกมยั่วยุท้าทายคสช. ขณะนี้ก็คือ นายวัฒนา เมืองสุข ที่ล่าสุดถูกทหารหิ้วตัวไปปรับทัศนคติแล้วปล่อยตัว หลังจากที่ก่อนหน้านี้นายวัฒนา เคยถูกคุมตัวไปปรับทัศนคติในค่ายทหารมาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งมีคำสั่งคสช.ห้ามออกนอกประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมา นายวัฒนา ส่อเจตนาหาเรื่องบ่อนทำลายรัฐบาลและคสช.มาตลอดโดยล่าสุดเผยแพร่ข้อความโจมตี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงและบางประเด็นเป็นเรื่องเท็จจนถูกหิ้วตัวไปปรับทัศนคติครั้งล่าสุด

ขณะที่ นายวัฒนา ออกมาเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันเดินเกมยั่วยุท้าทาย คสช. น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด จำเลยคดีโครงการรับจำนำข้าว ก็อออกมาเคลื่อนไหวคู่ขนานสอดรับด้วยการสร้างภาพวีนแตกประณามการคุมตัวนายวัฒนา ของคสช. โดยชี้ว่าเป็นการคุกคามเสรีภาพของประชาชนโดยเผด็จการทหาร

ขณะเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังพยามสร้างข่าวว่าถูกคสช.คุกคามเสรีภาพด้วยการส่งทหารตามประกบทุกฝีก้าว

ล่าสุดทั้งๆ ที่ทหารเพิ่งปล่อยตัว นายวัฒนา ก็ยั่วยุคสช.โดยโจมตีว่าทหารลุแก่อำนาจ พร้อมท้าทายว่า “ทำไมผมจะวิจารณ์คุณไม่ได้”

แกนนำเพื่อแม้วซึ่งเป็นขาประจำอีกคนที่ออกมารุมถล่มคสช.ก็คือ นายจาตุรนต์ ฉายแสง โดยโจมตีว่าการคุมตัว นายวัฒนา ครั้งล่าสุดเป็นเรื่องความโกรธส่วนตัวของคนมีอำนาจในรัฐบาล

แผนยั่วยุท้าทายดูเหมือนจะไร้ผลเนื่องจากคสช.รู้ทันเกมโดยพยายามใช้กฎหมายจัดการ และไม่ควบคุมตัวเหล่าแกนนำเพื่อแม้วที่พยายามยั่วยุ
ท้าทายไว้นาน โดยนำตัวมาปรับทัศนคติแล้วปล่อยตัวโดยเร็วเพื่อไม่ให้ใช้เป็นข้ออ้างจุดชนวนให้เหตุการณ์ลุกลาม

ขณะเดียวกันแผนยั่วยุท้าทายหวังใช้โลกล้อมไทยของขบวนการเพื่อแม้วดูเหมือนจะไร้ผล แม้จะพยายามดึงให้องค์กรสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้ามาแทรกแซงการเมืองในไทย โดย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับตัวแทนระดับสูงของยูเอ็นได้รับการยืนยันว่า ยูเอ็นเข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองแบบไทยๆ ดีว่ากำลังมีความก้าวหน้าและเดินไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย โดยยูเอ็นพร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาลไทยในทุกด้าน

เพราะฉะนั้นจากนี้ไปต้องจับตาการเคลื่อนไหวของขบวนการเพื่อแม้วที่คาดว่าจะเพิ่มระดับความเข้มข้นในการยั่วยุท้าทายอำนาจรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ หวังสุมไฟให้เกิดวิกฤติเพราะยิ่งทอดเวลาออกไปขบวนการเพื่อแม้วก็ยิ่งเสื่อมและเข้าตาจน

ทีมข่าวการเมือง