กรณีสรยุทธแบบอย่างอันตราย หวั่นสร้างค่านิยมโกงเรื่องธรรมดา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/205036

วันพฤหัสบดี ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.
กรณีสถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 ประกาศอุ้มนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรข่าวชื่อดังและเจ้าของบริษัทไร่ส้ม ให้ทำหน้าที่พิธีกรเล่าข่าวต่อไปหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุก 13 ปี 4 เดือน ในคดียักยอกค่าโฆษณาของ บริษัท อสมท จำกัด(มหาชน)เป็นเงิน 138 ล้านบาทท่ามกลางกระแสสังคมที่บอยคอตต์ขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นบทพิสูจน์จริยธรรมทั้งของช่อง 3 นายสรยุทธ รวมทั้งสังคมยุคปฏิรูปที่กระแสต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นกำลังมาแรง

การที่องค์กรด้านสื่อออกมาเรียกร้องให้ นายสรยุทธ หยุดการทำหน้าที่สื่อชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า นายสรยุทธ ไม่มีความผิดก็สามารถกลับมาทำหน้าที่สื่อได้ตามเดิมถือเป็นข้อเรียกร้องที่เป็นธรรมและไม่เกินเลย เพราะการที่สื่อซึ่งถือตัวเองว่าเป็นฐานันดรที่ 4ไม่ได้หมายความว่าผู้ทำหน้าที่สื่อจะวิเศษหรือได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนในสังคม ตรงกันข้ามกลับต้องทำหน้าที่ด้วยความโปร่งใสเพราะบทบาทหน้าที่ของสื่อนั้นมีอิทธิพลอย่างสูงต่อการชี้นำสังคม จึงต้องทำหน้าที่อย่างมีความรับผิดชอบภายใต้จรรยาบรรณในวิชาชีพ

ที่ผ่านมาสื่อวิพากษ์วิจารณ์โจมตีเรียกร้องให้ลงโทษเหล่าผู้ทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะฉะนั้นเมื่อสื่อโกงเสียเองย่อมต้องถูกลงโทษทั้งตามกฎหมายและโทษตามจรรยาบรรณในวิชาชีพเช่นกัน

แต่ที่น่าห่วงเป็นอย่างมากก็คือการประกาศยืนกรานอุ้ม นายสรยุทธให้ทำหน้าที่สื่อต่อไปของทีวีช่อง 3เพราะจะเป็นการสร้างแบบอย่างอันตรายต่อวาระแห่งชาติการรณรงค์ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น รวมทั้งมาตรฐานจรรยาบรรณของผู้มีอาชีพสื่อ เพราะอาจสร้างค่านิยมว่า สื่อเมื่อประพฤติผิดจรรยาบรรณร้ายแรงก็ยังเฉยเมยทำหน้าที่ต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าช่อง 3รวมทั้ง นายสรยุทธ เป็นสถานีโทรทัศน์และพิธีกรซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดของประเทศจึงมีอิทธิพลอย่างสูงต่อทัศนคติของประชาชนทั้งประเทศ

อีกทั้งเป็นการสร้างค่านิยมให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมุ่งแต่เรื่องรายได้ผลประโยชน์มากกว่าจริยธรรมและเป็นการส่งเสริมให้เกิดค่านิยมอันตรายในสังคมลักษณะที่ว่ามือใครยาวสาวได้สาวเอา การทุจริตฉ้อฉลไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมกลายเป็นเรื่องธรรมดา โกงแล้วคืนถือว่าไม่ผิด ยอมรับได้หากโกงแล้วแบ่ง หรือชื่นชมคนเก่งหรือมีชื่อเสียงแต่โกง

การที่นักการเมืองอย่างนายวัฒนา เมืองสุข จากพรรคเพื่อไทยหรือแม้แต่นักร้องแนวร็อกที่โด่งดังอย่าง เสก โลโซ ที่มีผู้คนชื่นชอบจำนวนมากออกมาแสดงตัวสนับสนุนให้กำลังใจ นายสรยุทธ ยิ่งทำให้สังคมสับสนและคล้อยตาม

ขณะนี้ยังไม่สายเกินไปนักหากนายสรยุทธจะคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยการแสดงสปิริตขอพักการทำหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาซึ่งจะช่วยฟื้นศรัทธาความเป็นพิธีกรข่าวอันดับหนึ่งและสร้างแบบอย่างจรรยาบรรณที่สง่างามสมกับความเป็นฐานันดรที่ 4 ตรงกันข้ามหากยังดึงดันนั่นหมายถึงการตกนรกทั้งเป็นไปตลอดกาล

ทีมข่าวการเมือง

พิรุธนช.แม้วกระพือข่าวลวงโลก อ้างตัวเองตกเป็นเป้าลอบสังหาร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/204909

วันพุธ ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ช่วงนี้นักโทษชายแม้วเดินสายให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติผีโม่แป้งเพื่อป่วนประเทศรายวัน โดยล่าสุดให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอัล-จาซีราซ้ำเป็นครั้งที่สอง ทั้งๆ ที่เพิ่งจัดฉากให้สัมภาษณ์สำนักข่าวแห่งนี้ไปเมื่อ 3-4 วันก่อนนี่เอง แต่ครั้งนี้นักโทษชายแม้วเปิดประเด็นกระพือข่าวใหม่ด้วยการอ้างว่าตัวเองตกเป็นเป้าถูกลอบสังหารจึงไม่กล้ากลับไทย

คำให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอัล-จาซีราครั้งล่าสุดของ นักโทษชายแม้วส่อพฤติการณ์พลิกลิ้นลวงโลกเพราะไม่กี่วันก่อน นักโทษชายแม้ว เพิ่งจะให้สัมภาษณ์สำนักข่าวต่างชาติหลายสำนักแบะท่าพร้อมเจรจายุติศึกในชาติและพร้อมกลับไทยโดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ นักโทษชายแม้ว ถึงกับประกาศว่าตัวเองพร้อมแล้วที่จะกลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุก แต่วันนี้กลับพลิกลิ้นว่าไม่คิดกลับไทยเพราะกลัวถูกลอบสังหาร พร้อมทั้งอ้างว่าที่ผ่านมาตัวเองเคยถูกลอบสังหารมาแล้วถึง 4 ครั้งแต่รอดมาได้

ข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งซึ่งเป็นการจับโกหกของ นักโทษชายแม้ว ก็คือในยุครัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณที่มี นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ
นักโทษชายแม้ว ได้บินกลับไทยเป็นครั้งแรกหลังถูกรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย. 2549และสร้างภาพด้วยการก้มลงกราบพื้นสนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้น นักโทษชายแม้ว ก็ใช้ชีวิตอย่างฟูฟ่าไปตามสถานที่ต่างๆ และบงการอยู่หลังฉากรัฐบาลหุ่นเชิด โดยไม่มีทีท่ากลัวการถูกปองร้ายเลยแม้แต่น้อย

ส่วนการที่ นักโทษชายแม้ว ต้องกลายเป็นสัมภเวสีเคลื่อนไหวอยู่นอกประเทศจนทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะถูกปองร้ายอย่างที่มีการสร้างข่าวลวงโลก เพราะความจริง นักโทษชายแม้ว หนีคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก หลังจากที่ใช้ทีมทนายถือถุงขนมที่ภายในบรรจุเงิน 2 ล้านบาท พยายามชิมลางติดสินบนเจ้าหน้าที่ศาลและผู้พิพากษาก่อนที่จะมีคำพิพากษาลงโทษ แต่ผู้พิพากษาไม่เล่นด้วยและฟ้องกลับฐานติดสินบนทำให้ นักโทษชายแม้ว รู้ชะตากรรมตัวเองบินหนีโทษความผิดออกนอกประเทศ

ทั้งนี้ หากมีแผนลอบสังหาร นักโทษชายแม้ว จริง นักโทษชายแม้ว ก็คงไม่มีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้เพราะในยุคที่ นักโทษชายแม้ว เรืองอำนาจสุดขีดเข้าถึงตัวได้ง่ายมากเพราะมักจะสร้างภาพจับไม้จับมือกับประชาชนตลอดเวลา หรือหากจะสังหารนอกประเทศก็ไม่ยากเช่นกันด้วยการจ้างทีมสังหารมืออาชีพซึ่งมีอยู่ในหลายประเทศ

ส่วนคดีแผนเตรียมลอบวางระเบิดเพื่อสังหาร นักโทษชายแม้ว ที่เรียกว่าคดีคาร์บ๊องส์ในยุคปลายรัฐบาลทักษิณนั้นถูกตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นการจัดฉากเพื่อเรียกคะแนนสงสารในสถานการณ์ที่ นักโทษชายแม้ว ขณะนั้นเสื่อมสุดขีด โดยมีข้อน่าสังเกตคือตัวการสำคัญที่ตกเป็นข่าวพัวพันอยู่เบื้องหลังคดีคาร์บ๊องส์คือ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ซึ่งปัจจุบันก็คือหนึ่งในแกนนำสายฮาร์ดคอร์ขบวนการเพื่อแม้ว อีกทั้งระเบิดแสวงเครื่องที่พบก็ถูกพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องวัตถุระเบิดขณะนั้นชี้ว่าไม่สามารถใช้งานได้เพราะไม่มีชิ้นส่วนสำคัญในวงจรจุดระเบิด

เพราะฉะนั้นการกระพือข่าวแผนลอบสังหารของนักโทษชายแม้วครั้งล่าสุดจึงส่อเป็นการขายคำโฆษณาชวนเชื่อเก่าๆ เพื่อบ่อนทำลายความชอบธรรมของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขณะเดียวกัน ก็เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองที่กำลังเดินเกมใช้โลกล้อมไทย

ทีมข่าวการเมือง

WPIองค์กรกำมะลอไร้เครดิต ส่อรับจ้างนช.แม้วป่วนไทย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/204739

วันอังคาร ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

นับเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่สถาบันนโยบายโลก (World Policy Institute-WPI)ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่มหานครนิวยอร์ก แดนมะกันอันตรายอยู่ดีๆ ก็จัด “สนทนาเป็นการส่วนตัวกับทักษิณ ชินวัตร” ในวันที่ 9 มี.ค.นี้

ข้อน่าสังเกตก็คือ WPI เป็นองค์กรกึ่งธุรกิจซึ่งใครก็ตั้งได้และมีอยู่หลายแห่งในโลกนี้ที่ก่อตั้งในลักษณะเดียวกัน โดยไม่ใช่องค์กรซึ่งเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติกันอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

นอกจากนี้ยังมีข้อน่าสังเกตคือเว็บไซต์ของ WPI ได้ขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับบริษัท Invescore Limited ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายการจัดสนทนาเป็นการส่วนตัวกับ นักโทษชายแม้ว ครั้งนี้ จนมีการตั้งข้อสงสัยว่า นักโทษชายแม้ว ซึ่งรู้กันอยู่ว่าทุ่มเงินมหาศาลจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ข้ามชาติหลายสำนักไว้เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อเดิมเกมการเมืองระหว่างประเทศให้ตัวเองตามแผนโลกล้อมไทย โดยล็อบบี้รัฐบาล นักการเมือง องค์กรระหว่างประเทศและนักเคลื่อนไหวในประเทศต่างๆ เพื่อให้สร้างภาพสนับสนุนตัวเอง ดังนั้นเชื่อว่าบริษัทล็อบบี้ยิสต์ของ นักโทษชายแม้ว ติดต่อจ้าง บริษัท Invescore Limited ให้เงินสนับสนุน WPI

พิรุธอีกอย่างคือ WPI เจาะจงเลือก ทักษิณ และจัดเวทีให้ ทักษิณ เคลื่อนไหวได้เหมาะเจาะถูกเวลาขณะที่ทักษิณ กำลังเดินแผนโลกล้อมไทยโดยการเดินสายให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติและพูดในเวทีต่างๆ สร้างข่าวไปทั่วโลกอันเป็นการชักศึกเข้าบ้านเพื่อบ่อนทำลายไทยและเปิดศึกดับเครื่องชนถล่มคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยส่อเจตนาหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐล้มการปฏิรูปประเทศและเปิดทางให้ตัวเองกลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุก ตลอดจนทำให้ระบอบแม้วกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศซึ่งจะทำให้คดีของคนตระกูลชินโดยเฉพาะคดีโครงการรับจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด เป็นจำเลยถูกฟอกจนพ้นผิด

ทั้งนี้ เว็บไซต์ของ WPI ระบุว่า การสนทนาส่วนตัวกับ นักโทษชายแม้ว ครั้งนี้จะเสนอข้อมูลเชิงลึกด้านเศรษฐกิจรวมทั้งผลกระทบในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของไทยต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยซึ่งเข้าทางแผนโลกล้อมไทยของ นักโทษชายแม้ว ตรงเผ็ง

จากพฤติการณ์ที่ไม่ชอบมาพากลของ WPI ที่ส่อเป็นองค์กรกำมะลอที่ไร้ความน่าเชื่อถือทำให้เหล่าคนไทยในสหรัฐเข้าชื่อกดดันให้ WPI เลิกเป็นเครื่องมือของ นักโทษชายแม้ว ซึ่งนอกจากเป็นนักโทษหนีคุกคดีทุจริตแล้วยังมีคดีติดตัวอีกมากมาย นอกจากนี้เมื่อครั้ง นักโทษชายแม้ว เรืองอำนาจยังละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงเข้าข่ายเป็นอาชญากรโลกโดยเฉพาะนโยบายสงครามกวาดล้างยาเสพติดโดยมีการสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์แบบเหวี่ยงแหกว่า 2,500ศพ นอกจากนี้ยังสั่งสลายการชุมนุมของชาวไทยมุสลิมที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 ศพ รวมทั้งการใช้กำลังทหารและตำรวจถล่มมัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบราย

เพราะฉะนั้นคงต้องจับตาดูท่าทีของ WPI ว่าจะยกเลิกการสนทนาส่วนตัวกับนักโทษชายแม้วในวันที่ 9 มี.ค.นี้ หรือไม่ ทั้งนี้หากการสนทนายังมีขึ้นตามกำหนดก็ทำให้น่าสงสัยว่านี่คือแผนร้ายสมคบกันเพื่อบ่อนทำลายไทยและถล่มคสช.ให้ย่อยยับ

ทีมข่าวการเมือง

ระบอบแม้วเสื่อมรอล่มสลาย สาวกแห่หนีหาบ้านใหม่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/204577

วันจันทร์ ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 02.00 น.
สื่อตะวันตกอย่างสำนักข่าวรอยเตอร์ของอังกฤษซึ่งปกติที่ผ่านมาปกป้องสนับสนุนระบอบแม้วมาตลอด แต่ล่าสุดกลับเผยแพร่บทวิเคราะห์ที่ชี้ว่า ขบวนการเพื่อแม้วนับวันจะจะตกต่ำจากการที่เหล่าสาวกทั้งเครือข่ายนักการเมือง นักธุรกิจที่เคยให้การสนับสนุน ตลอดจนคนเสื้อแดงต่างพากันตีตัวออกห่างมากขึ้นเรื่อยๆ

บทวิเคราะห์ของรอยเตอร์ซึ่งอ้างข้อมูลจากนักวิเคราะห์ของไทยรวมทั้งคนในขบวนการระบอบแม้วชี้ว่า แม้แต่ภาคอีสาน
ซึ่งเป็นฐานคะแนนเสียงอันเข้มแข็งของระบอบแม้วในช่วงที่ผ่านมาปัจจุบันพบว่าชาวอีสานไม่กระตือรือร้นสนับสนุนระบอบแม้วเหมือนในอดีต

ขณะที่ นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานกลุ่มคนเสื้อแดง เปิดใจกับรอยเตอร์ว่า คนเสื้อแดงจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับ นักโทษชายแม้ว ที่ผลักดัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาวขึ้นเป็นนายกฯเมื่อปี 2554 รวมทั้งความพยายามผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยโดยมีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งลบล้างโทษความผิดให้กับ นักโทษชายแม้ว ซึ่งนั่นคือการจุดชนวนสร้างเงื่อนไขให้มีการประท้วงบนท้องถนนของมวลมหาประชาชนและเปิดช่องให้กองทัพเข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557

“มีคนรักทักษิณมาก แต่ก็มีคนเกลียดทักษิณมากเช่นกัน” นางธิดา กล่าวกับรอยเตอร์

แม้แต่คนในพรรคเพื่อแม้วบางคนก็ยอมรับว่าบทวิเคราะห์ของรอยเตอร์สอดคล้องกับความเป็นจริงภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันโดยเครือข่ายที่เคยสนับสนุนระบอบแม้วทั้งนักการเมือง ข้าราชการท้องถิ่น หรือนักธุรกิจแต่ไม่ลึกซึ้งมากนักซึ่งกลุ่มนี้มีอยู่จำนวนมากต่างพากันแตกกระเจิงไปคนละทาง ไม่เว้นแม้แต่คนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยที่แสดงท่าทีชัดเจนตีตัวออกห่าง

ที่สำคัญภายใต้อำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ทำให้ขณะนี้อดีตสส.และหัวคะแนนพรรคเพื่อแม้วจำนวนไม่น้อยได้เล็งหาพรรคใหม่สังกัด เพราะอนาคตของระบอบแม้วนั้นหมดลงแล้วโดยเฉพาะบารมีของ นักโทษชายแม้วและตระกูลชินมีแต่จะเสื่อมลงเรื่อยๆ

นักวิชาการเสื้อแดง อาทิ ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งปัจจุบันหลบหนีคดีออกนอกประเทศ หรือ รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยให้ความเห็นว่าในทำนองว่า นักโทษชายแม้ว หักหลังไม่จริงใจต่อมวลชนคนเสื้อแดง โดยใช้มวลชนคนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือเพื่อตัวเองเท่านั้น และอำมหิตถึงกับลอยแพมวลชนคนเสื้อแดงที่ออกมาเสี่ยงตายเพื่อตัวเองในเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 ต้องรับชะตากรรมอยู่ในคุกโดยไม่มีการเหลียวแล

หากยังจำกันได้ในเหตุการณ์ก่อจลาจลทั่วกทม.และบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนที่พัทยาเมื่อปี 2552 นักโทษชายแม้ว ปลุกระดมให้มวลชนเสื้อแดงสู้ตาย โดยหากมีกระสุนปืนนัดแรกดังขึ้นเมื่อไหร่ตัวเองจะกลับมานำทัพคนเสื้อแดงสู้แตกหักทันที แต่หลังกำลังทหารเข้ากระชับพื้นที่และระดมยิงปืนขึ้นฟ้าขู่จนสลายม็อบเสื้อแดงได้อย่างราบคาบโดยไม่เสียเลือดเนื้อ นักโทษชายแม้ว และครอบครัวที่บินออกไปตั้งหลักนอกประเทศ กลับเดินช็อปปิ้งในห้างหรูในต่างแดนอย่างมีความสุขเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยลืมคำประกาศจะกลับมานำทัพคนเสื้อแดงอย่างสิ้นเชิง

หรือกรณียุครัฐบาลยิ่งลักษณ์มีมวลชนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งเสนอให้ออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนทุกสีที่ออกมาชุมนุมโดยสันติวิธีไม่ครอบคลุมแกนนำและคนบงการเพื่อความปรองดอง แต่ นักโทษชายแม้ว กลับค้านเพราะตัวเองไม่ได้ประโยชน์ปลุกระดมเรียกร้องให้มวลชนกลุ่มเสื้อแดงส่วนน้อยเสียสละเพื่อส่วนใหญ่ด้วยการผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยเพื่อให้ตัวเองได้กลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุก

ด้วยธาตุแท้เลือดเย็นส่อเห็นแก่ตัวของนักโทษชายแม้วที่มุ่งทำทุกอย่างเพื่อตัวเองจึงไม่แปลกที่ระบอบแม้วเสื่อมลงเรื่อยๆ และนับถอยหลังไปสู่การล่มสลาย

ทีมข่าวการเมือง

ทักษิณดิ้นสู้หลังพิงฝา คนเลือดเข้าตาอันตราย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/204437

วันอาทิตย์ ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 02.00 น.
การเปิดหน้าดับเครื่องชนออกมาให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติผีโม่แป้งขาประจำคือวอลล์สตรีทเจอร์นัลและไฟแนนเชียลไทม์ตามด้วยสื่อต่างชาติอีกหลายสำนักแบบรายวันของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกคดีทุจริตตามคำพิพากษาของศาลซึ่งป้วนเปี้ยนอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ด้วยการโจมตีอำนาจรัฐปัจจุบันอย่างรุนแรงว่ากำลังจัดฉากร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ขณะเดียวกันกลับส่งสัญญาณแบะท่าว่าพร้อมเจรจากับผู้คุมอำนาจรัฐโดยอ้างว่าเพื่อให้ชาติบ้านเมืองเกิดความสงบและเดินหน้าต่อไปได้

ทั้งนี้นับเป็นการแสดงท่าทีเปิดตัวขอเจรจากับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)อย่างชัดเจนของ ทักษิณ นับตั้งแต่มีการยึดอำนาจของคสช. เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 อันเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามดิ้นรนภายใต้สถานการณ์ของเครือข่ายระบอบทักษิณตลอดจนพันธมิตรคือสำนักธรรมกายที่กำลังใกล้พ่ายแพ้ในทุกแนวรบ

แต่เป้าหมายสำคัญที่คาดว่า ทักษิณ วิตกที่สุดก็คือคนในตระกูลชินที่กำลังจะประสบชะตากรรมอาจถึงขั้นติดคุกและถูกยึดทรัพย์มูลค่ามหาศาลนั่นคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ผู้เป็นน้องสาวที่กำลังเผชิญวิบากกรรมในฐานะจำเลยคนสำคัญคดีโครงการรับจำนำข้าวที่มีการโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างมโหฬารและสร้างความล่มจมให้ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์มูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท

ขณะที่ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของทักษิณ อาจจะถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงินในคดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับเครือบริษัทกฤษดามหานครมูลค่านับหมื่นล้านบาท

ทั้งคดีโครงการรับจำนำข้าวและคดีแบงก์กรุงไทยปล่อยกู้ให้กับเครือบริษัทกฤษดามหานครยังโยงไปถึงคนในตระกูลชินและคนใกล้ชิดอีกหลายคน

ยังไม่รวมคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯหุ่นเชิด น้องเขยของทักษิณ เมื่อปี 2551 ทำให้ประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรม

และเมื่อพิจารณาศักยภาพกำลังรบของขบวนการระบอบทักษิณในสถานการณ์ปัจจุบันพบว่าอ่อนพลังลงตามลำดับหลังจากที่ถูกคสช.กวาดล้างกดดันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความหวังเดียวสำหรับระบอบทักษิณที่จะฟอกโทษความผิดของตัวเองและกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้งก็คือ การเอาชนะในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้น แต่นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นความหวังที่ไม่แน่นอนและเลือนรางเพราะภายใต้อำนาจพิเศษของคสช.ที่กำลังเดินหน้าปฏิรูปประเทศอย่างเข้มข้นด้วยวิธีการทุกรูปแบบ และผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงที่กำหนดมาตรการคาดโทษการทุจริตทั้งก่อนและหลังเลือกตั้งอย่างรุนแรง รวมทั้งการออกแบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมที่ทำให้พรรคใหญ่หมดโอกาสที่จะกวาดจำนวนสส.ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหมือนที่ผ่านมาทำให้พรรคเพื่อไทยคงยากที่จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง อย่าว่าแต่มีรายงานข่าวว่า อดีต สส.พรรคเพื่อไทยจำนวนไม่น้อยที่คิดแปรพักตร์เตรียมย้ายไปอยู่พรรคการเมืองอื่นเพราะรู้ว่าระบอบทักษิณและตระกูลชินนับวันมีแต่เดินไปสู่การล่มสลาย

นอกจากนี้ ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คาดว่าจะมีการออกแบบให้มีองค์กรพิเศษคอยเป็นพี่เลี้ยงรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเพื่อวางรากฐานประคับประคองประเทศภายใต้แผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ที่คสช.กำหนดไว้เพื่อให้เป็นไปด้วยความราบรื่น

อย่างไรก็ตามการออกมาเดินเกมสู้แบบหลังพิงฝาของ ทักษิณ ทั้งด้วยการกดดันพร้อมกับแบะท่าขอเจรจาสงบศึก ในขณะเดียวกันกลับถูกคนสำคัญในรัฐบาลเรียงหน้าออกมาบอกปัดอย่างสิ้นเชิงแบบไม่ให้ราคา ทักษิณ แม้แต่น้อย โดยเฉพาะพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล โดยชี้ว่า ทักษิณ อยู่ในฐานะนักโทษหนีคุกคดีทุจริต เพราะฉะนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเจรจาต่อรอง ถ้าเห็นแก่ชาติบ้านเมืองและเป็นนักประชาธิปไตยจริงต้องเลิกหนีแล้วยอมกลับมาติดคุกตามคำพิพากษาศาลและสู้คดีอื่นๆ อีกมากมายตามกระบวนการยุติธรรม หากไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมก็ถือเป็นบุคคลไร้เครดิตเพราะทำตัวอยู่เหนือกฎหมายจึงไม่มีสิทธิขอเจรจา

พล.ต.สรรเสริญ ยังตอบโต้อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกอย่างเจ็บแสบว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ร่างขึ้นเพื่อปกป้องคุ้มครองประชาชน การเรียกร้องให้มีการเจรจาจนกลุ่มการเมืองพอใจร่างรัฐธรรมนูญถือเป็นการสำคัญผิดคิดว่านักการเมืองสำคัญกว่าประชาชน ทั้งๆ ที่ผ่านมา ประเทศเสียหายทั้งจากการทุจริตคอร์รัปชั่น การใช้กำลังก่อความวุ่นวายล้วนเกิดจากนักการเมืองใหญ่บางคนเป็นต้นเหตุทั้งสิ้น การเรียกร้องให้เจรจาจึงเป็นตลกร้ายที่รับไม่ได้ อีกทั้งการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อปราบคนโกงก็ไม่ควรให้คนโกงมาร่วมร่างหรือเจรจาจนคนโกงพอใจ

เพราะฉะนั้นภายใต้สถานการณ์จากนี้ไปสำหรับการสู้แบบหลังพิงฝาเลือดเข้าตาของเครือข่ายระบอบทักษิณคล้ายสัญญาณเริ่มต้นก่อนเกิดเหตุการณ์ก่อจลาจลทั่วกทม.และบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนและผู้นำชาติมหาอำนาจคู่เจรจาที่พัทยาเมื่อปี 2552 ตามด้วยเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาประเทศปี 2553 ขณะที่คสช.แสดงท่าทีชัดเจนแข็งกร้าวใช้มาตรการทางกฎหมายขจัดคนเลวและมุ่งมั่นเดินหน้าปฏิรูปวางรากฐานประเทศ ดังนั้นจากนี้ไปอะไรจะเกิดคงต้องเกิดภายใต้ศึกชนช้างที่เข้มข้นมากขึ้นทุกขณะ

ทีมข่าวการเมือง

จิ๋ว-นช.แม้วมาตามนัด ขบวนการฝนตกขี้หมูไหลป่วนชาติ?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/204341

วันเสาร์ ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 02.00 น.
แล้วก็เป็นไปตามคาดเมื่อเหล่าตัวละครหน้าเดิมทาสรับใช้ขบวนการฝนตกขี้หมูไหลเพื่อแม้วต่างทยอยเผยโฉมออกมาเปิดศึกดับเครื่องชน หลังจากที่ผู้นำขบวนการตัวพ่อคือนักโทษชายแม้วออกมาให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติต่อเนื่อง 2 วันซ้อนถึง 5 สำนักโดยเปิดศึกถล่มคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) อย่างไม่ยั้งโดยอ้างประชาธิปไตยบังหน้า ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณแบะท่าขอเจรจาหย่าศึกกับคสช.หวังช่วยคนในครอบครัวตัวเองที่กำลังทยอยใช้กรรมที่ทำไว้กับชาติบ้านเมืองอย่างแสนสาหัส

ล่าสุด พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯต้มยำกุ้ง อุตส่าห์ลากสังขารวัยไม้ใกล้ฝั่ง 80 กว่าปีจงใจออกมาแถลงข่าวใหญ่โตเหมือนมาตามนัดเคลื่อนไหวคู่ขนานกับ นักโทษชายแม้ว โดย จิ๋วต้มยำกุ้ง มาได้ถูกจังหวะเวลาขณะที่นายใหญ่ขบวนการเพื่อแม้วกับสำนักจานบินกำลังเพลี่ยงพล้ำจนต้องเดินเกมเปิดศึกแตกหักแบบเลือดเข้าตากับคสช.ชนิดใครดีใครอยู่

สำหรับ จิ๋วต้มยำกุ้ง ความจริงอยู่ในวัยช่วงบั้นปลายชีวิตที่ควรใช้ชีวิตอย่างสงบและละเว้นทำชั่ว ขณะเดียวกันทำในสิ่งที่ดีโดยเฉพาะกับชาติบ้านเมืองเพื่อไถ่โทษกับสิ่งเลวร้ายที่เคยทำไว้เพื่อให้ลาจากโลกนี้ไปอย่างสงบสุขและภาคภูมิไม่เสียชาติเกิด

แต่ล่าสุด จิ๋วต้มยำกุ้ง ด้านหนึ่งออกมาแถลงยกย่องเชิดชู นักโทษหนีคุกแม้ว และสนับสนุนให้กลับประเทศ ทั้งๆ ที่ จิ๋วต้มยำกุ้ง และ นักโทษหนีคุกแม้ว เคยร่วมกันก่อกรรมทำลายชาติบ้านเมืองจนย่อยยับในอดีต ขณะเดียวกันก็ถล่ม คสช.แบบไม่ยั้งว่าล้มเหลวและให้รีบสละอำนาจโดยเร็วที่สุดแล้วให้มีการเลือกตั้งทันทีในปีนี้

จิ๋วต้มยำกุ้งยังทำตัวไร้ค่าอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เพราะจากอดีตที่เป็นถึงผู้นำสูงสุดของกองทัพและอดีตผู้นำประเทศแต่พอมาเล่นการเมืองกลับส่อพฤติการณ์เป็นนักธุรกิจการเมืองและเซ้งพรรคความหวังใหม่เพื่อเสริมความยิ่งใหญ่ให้กับ นักโทษชายแม้ว จนได้ขึ้นนั่งเก้าอี้นายกฯภายใต้ระบอบธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่มีการถอนทุนบวกกำไรโกงชาติปล้นแผ่นดินมโหฬาร และคิดผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ส่อพฤติการณ์เป็นภัยต่อสถาบันเบื้องสูง และทะเยอทะยานถึงขั้นคิดเปลี่ยนแปลงประเทศ

การที่ จิ๋วต้มยำกุ้ง ออกมาป้อง นักโทษชายแม้ว และถล่มคสช.ตามแผนของขบวนการฝนตกขี้หมูไหลอาจเป็นเพราะอาการอัลไซเมอร์วัยทองกำเริบจนลืมไปว่า ตัวเองเคยทำอะไรไว้กับชาติบ้านเมืองในอดีตโดยเฉพาะสมัยที่เป็นนายกฯโดยมี นักโทษหนีคุกแม้ว เป็นรองนายกฯคุมด้านเศรษฐกิจทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งจนชาติล่มจมทั้งประเทศ และที่เลวร้ายยิ่งกว่าก็คือการงุบงิบลดค่าเงินบาทจนชาติพินาศย่อยยับขณะที่คนเพียง 2-3 คนร่ำรวยมหาศาลจากการเก็งกำไรค่าเงินบาทเพราะรู้ข้อมูลภายในล่วงหน้า ซึ่งถือเป็นความบัดซบสุดชั่วร้ายของคนที่แสวงหาผลประโยชน์บนความฉิบหายของชาติ จนในที่สุดกรรมก็ตามทันเมื่อมวลมหาประชาชนทนไม่ไหวออกมาขับไล่จนพ้นจากอำนาจ

ปูมหลัง เฒ่าจิ๋วศิษย์อาจารย์เสริฐ ยังมีแนวคิดตั้งสภาเปรสซิเดี้ยมที่เคยสร้างความฮือฮามาแล้วในอดีต

เพราะฉะนั้นจิ๋วต้มยำกุ้งหากยังมีความหวังดีต่อชาติบ้านเมืองอยู่บ้างไม่ลดตัวเป็นทาสรับใช้ใครควรใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบ หรือถ้ามือไม่พายก็อย่าเอาเท้าราน้ำป่วนชาติ เพราะไม่อย่างนั้นอาจถูกคนรุ่นหลังก่นด่าสาปแช่งเป็นตัวอัปมงคลให้เป็นที่อัปยศในวาระสุดท้ายของชีวิต

ทีมข่าวการเมือง

เพื่อแม้วอย่าคิดชักศึกเข้าบ้าน ดึงยูเอ็นทำลายชาติเพื่อตัวเอง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/204193

วันศุกร์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 02.00 น.
นักโทษชายแม้วเมื่อครั้งเรืองอำนาจเคยประกาศอย่างอหังการว่า “ยูเอ็นไม่ใช่พ่อ” แต่ล่าสุดบรรดาสาวกเพื่อแม้วกลับส่อเทิดทูนองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ดุจพระเจ้า โดยมีการล็อบบี้เชิญตัวแทนระดับสูงของยูเอ็นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสร้างภาพบ่อนทำลายภาพพจน์ประเทศและกดดันอำนาจรัฐปัจจุบัน

ที่พรรคเพื่อไทยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาขบวนการเพื่อแม้วชุดใหญ่นำทีมโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด จำเลยคดีโครงการรับจำนำข้าวสุดอื้อฉาว พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อแม้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ต้อนรับตัวแทนยูเอ็น นำโดย H.E.Miroslav Jenca ผู้ช่วยเลขาธิการยูเอ็นฝ่ายการเมือง ซึ่งเดินทางมาเพื่อรับทราบข้อมูลสถานการณ์การเมืองของไทย การพัฒนาประชาธิปไตยและกระบวนการนำไปสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในไทย โดยประชาคมโลกต้องการเห็นไทยกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยสอดคล้องกับหลักสากล และคืนอำนาจอธิปไตยกลับสู่ประชาชนโดยเร็ว

การเดินทางมาของตัวแทนระดับสูงยูเอ็นครั้งนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเกิดจากการล็อบบี้และจัดฉากตามแผนโลกล้อมไทยหวังทำลายภาพพจน์ของอำนาจรัฐปัจจุบัน

พฤติการณ์ของขบวนการเพื่อแม้วถือเป็นการชักศึกเข้าบ้านบ่อนทำลายภาพพจน์ความน่าเชื่อถือของประเทศ และเป็นการปูทางให้ยูเอ็นเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย

ขบวนการเพื่อแม้วสร้างภาพอ้างประชาธิปไตยบังหน้ามาตลอด ทั้งๆ ที่พฤติกรรมที่เป็นจริงของตัวเองตรงกันข้ามกับประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง เพราะตัวตนที่แท้จริงของพรรคเพื่อแม้วก็คือบริษัทธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอม ที่อำนาจสิทธิ์ขาดอยู่ที่เจ้าของเพียงคนเดียวคือ นักโทษชายแม้ว ขณะที่สส.เป็นเพียงพนักงานบริษัทที่รอรับคำสั่ง โดยไม่มีสิทธิ์มีเสียงในฐานะผู้แทนราษฎรแม้แต่น้อย

10 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลหุ่นเชิดพรรคเพื่อแม้ว ทุจริตโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างมโหฬาร แทรกแซงองค์กรอิสระ ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองและใช้อำนาจทำสิ่งชั่วร้ายที่ขัดต่อหลักประชาธิปไตยที่แท้จริงมากมาย แต่กลับอ้างประชาธิปไตยชักศึกเข้าบ้านหวังใช้โลกล้อมไทย

การพบกับตัวแทนระดับสูงของยูเอ็นครั้งนี้คาดว่าจะต้องมีการสร้างเรื่องร้องเรียนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองในคดีรับจำนำข้าวหวังให้ยูเอ็นใช้มาตรการกดดันรัฐบาลไทย

ดังนั้นพฤติการณ์ของขบวนการเพื่อแม้วจึงส่อเป็นการชักศึกเข้าบ้านทำลายความน่าเชื่อถือของแผ่นดินเกิดเพื่อตัวเอง และหวังใช้ยูเอ็นเป็นเครื่องมือแทรกแซงกิจการภายในของไทย รวมทั้งสร้างกระแสให้นานาชาติรวมหัวบอยคอตต์ไทยจนอำนาจรัฐปัจจุบันอยู่ไม่ได้ ซึ่งเข้าแผนขบวนการเพื่อแม้วที่จ้องกลับมาเป็นใหญ่ยึดครองประเทศเพื่อทำสิ่งชั่วร้ายได้เหมือนเดิม

ทีมข่าวการเมือง

เพื่อแม้ว-ลัทธิจานบินเลือดเข้าตา สัญญาณจับมือเปิดศึกแตกหัก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/203972

วันพฤหัสบดี ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 02.00 น.
หลายคนเห็นอาการสติแตกและแก่ชราลงอย่างเห็นได้ชัดของนักโทษชายแม้ว อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกที่เปิดศึกถล่มดับเครื่องชนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ด้วยการให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติประเภทผีโม่แป้งถึง 5 สำนัก 2 วันติดต่อกันแล้วสังเวชใจ เพราะสะท้อนให้เห็นถึงการดิ้นรนของคนในภาวะหลังพิงฝาที่พร้อมจะสู้แบบเลือดเข้าตา ซึ่งไม่ต่างจากอาการของพระเมธีธรรมาจารย์ แกนนำม็อบพระล็อกซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเครือข่ายของลัทธิจานบินที่ขู่ว่าจะมีม็อบอันธพาลในคราบผ้าเหลืองแห่มาปิดล้อมโรงพักพุทธมณฑลหากตัวเองถูกคุมตัวไปดำเนินคดีฐานปลุกม็อบพระล็อกที่พุทธมณฑลเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา

อาการสติแตกเปิดศึกแตกหักสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ใกล้เข้าตาจนทั้งขบวนการเพื่อแม้วและลัทธิจานบิน โดยในส่วนของขบวนการเพื่อแม้วนั้น คนตระกูลชิน รวมทั้งเหล่าแกนนำเสื้อแดงที่ก่อกรรมทำลายชาติ ขณะนี้กำลังทยอยชดใช้กรรมตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ทำให้ นักโทษชายแม้ว ทนไม่ได้ก็คือ ชะตากรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิดผู้เป็นน้องสาว ที่กำลังใกล้คุกและอาจถูกยึดทรัพย์เพื่อชดใช้เงินแก่แผ่นดินมูลค่านับแสนล้านบาทจากความเสียหายของโครงการรับจำนำข้าว

ขณะที่ นายพานทองแท้ชินวัตร ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ของนักโทษชายแม้ว มีแนวโน้มถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงินในคดีแบงก์กรุงไทยปล่อยกู้ให้เครือบริษัทกฤษดามหานครมูลค่านับหมื่นล้านบาทอย่างฉ้อฉลในยุครัฐบาลทักษิณ ซึ่งคดีนี้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก เป็นจำเลยที่หนึ่ง

ส่วนสำนักจานบินก็อาการหนักไม่แพ้กันเพราะทั้งเจ้าลัทธิและอาจารย์ต่างมีคดีมัดเป็นชนักปักหลังด้วยกันทั้งคู่ทำให้แผนที่จะแผ่ขยายอิทธิพลยึดครองศาสนจักรและยึดประเทศในอนาคตส่อเค้าเหลว และดีไม่ดีอาจถูกจับสึกและติดคุก

สำหรับ พระเมธีธรรมาจารย์หรือที่มีเสียงร่ำลือว่าแท้ที่จริงคือนายประสาร หนองพร้าว อดีตแกนนำเสื้อแดงภาคอีสาน ก็เผยตัวตนส่อพฤติการณ์อันธพาลในคราบผ้าเหลืองใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายด้วยการขู่ใช้ม็อบพระล็อกในคราบผ้าเหลืองบุกโรงพักเพื่อปกป้องตัวเอง

จากพฤติการณ์ทั้งหมดของขบวนการเพื่อแม้วและลัทธิจานบินซึ่งเป็นพันธมิตรกันสะท้อนให้เห็นว่า ล้วนทำเพื่อตัวเองหวังดิ้นรนเอาตัวรอดในภาวะหลังพิงฝา ไม่ได้ทำเพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อประชาธิปไตย หรือเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างที่อ้าง

แต่ที่ต้องจับตาและถือเป็นสัญญาณอันตรายสำหรับชาติบ้านเมืองก็คือขบวนการที่สู้แบบเลือดเข้าตาพร้อมที่จะทำสิ่งชั่วร้ายได้ทุกอย่างโดยมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว ซึ่งจากพฤติการณ์ของขบวนการเพื่อแม้วและลัทธิจานบินในขณะนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เหมือนสัญญาณเริ่มต้นที่อาจซ้ำรอยเหตุการณ์ก่อจลาจลทั่วกทม.และบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนและผู้นำชาติมหาอำนาจคู่เจรจาที่พัทยาเมื่อปี 2552 ตามด้วยเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองในปี 2553

ทีมข่าวการเมือง

เชือดผู้บริหารอคส.และอตก. ส่ออุ้มปูยื้อปิดบัญชีจำนำข้าว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/203786

วันพุธ ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ทำไมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ถึงแสนยากเย็นผิดปกติและครั้งแล้วครั้งเล่าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ส่อพฤติการณ์ดึงเกมเตะถ่วงการปิดบัญชีอันจะทำให้การฟ้องทางแพ่งเพื่อให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หุ่นเชิดชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินจากโครงการรับจำนำข้าวมูลค่าหลายแสนล้านบาทต้องล่าช้าออกไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่มีการขีดเส้นตายปิดบัญชีมาแล้วหลายครั้งตั้งแต่ปีที่แล้ว

ล่าสุดมีรายงานข่าวจาก คณะทำงานปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวที่มีตัวแทนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)เป็นผู้รับผิดชอบว่า เดิมคาดจะสามารถปิดบัญชีได้ภายในเดือนต.ค.2558 ที่ผ่านมาแต่ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถปิดบัญชีได้โดยสาเหตุสำคัญเนื่องจาก อคส.และอ.ต.ก.ยังไม่ยอมส่งข้อมูลใดๆ มาให้คณะทำงาน

ก่อนหน้านี้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของกระทรวงการคลังที่มี นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานไม่สามารถปิดบัญชีสรุปตัวเลขความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีการเลื่อนการปิดบัญชีตามเส้นตายมาแล้วหลายครั้งตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยสาเหตุสำคัญมาจากอคส.และอ.ต.ก. ดึงเกมเช่นกัน

ล่าสุด นายสมชัย ยืนยันว่า คณะอนุกรรมการจะประชุมเพื่อปิดบัญชีให้ได้ภายในเดือนนี้เนื่องจากล่าช้ามามากแล้ว และอนุกรรมการต้องรายงานผลการปิดบัญชีให้กับคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(นบข.)ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธานรับทราบเพื่อแก้ปัญหาขาดทุนและปิดบัญชีโครงการโดยเร็ว ซึ่งคงต้องจับตาดูต่อไปว่าปลัดกระทรวงการคลังจะทำได้จริงอย่างที่พูดหรือไม่

ที่น่าสงสัยก็คือทำไมรัฐบาลทั้งๆที่รู้แน่ชัดว่า อคส.และอ.ต.ก.คือตัวเจ้าปัญหาส่อพฤติการณ์ดึงเกมมาตลอด แต่ทำไมถึงปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อมานานข้ามปีโดยไม่จัดการย้ายผู้บริหารหน่วยงานทั้งสองตั้งแต่เนิ่นๆ

ทั้งนี้ในยุครัฐบาลระบอบทักษิณเรืองอำนาจมีการดันคนของตัวเองเข้าไปคุมอำนาจในทุกหน่วยราชการรัฐวิสาหกิจอย่างฝังรากลึก เพื่อปกป้องรักษาผลประโยชน์ของระบอบทักษิณ ซึ่งแม้ระบอบทักษิณจะพ้นจากอำนาจไปแล้ว แต่คนของระบอบทักษิณอีกจำนวนมากก็ยังฝังตัวอยู่ในทุกหน่วยงานรัฐซึ่งอาจรวมถึงอคส.และอ.ต.ก.ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว

คดีโครงการรับจำนำข้าวเป็นคดีสำคัญที่มีการทุจริตมโหฬารและสร้างความฉิบหายให้ชาติบ้านเมืองครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์มูลค่าหลายแสนล้านบาท ซึ่งจะต้องทำให้เป็นคดีตัวอย่างว่า คนที่โกงชาติปล้นแผ่นดินและสร้างพินาศล่มจมให้ชาติบ้านเมืองต้องได้รับโทษตามความผิดอย่างสาสม ไม่ใช่ลอยนวลหากเป็นยุครัฐบาลลากตั้งเหมือนที่ผ่านๆ มา

อีกทั้งการปิดบัญชีตัวเลขความเสียหายโครงการรับจำนำข้าวที่ล่าช้ายังส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายแก่ประเทศเพราะยิ่งปิดบัญชีล่าช้าก็จะทำให้การระบายข้าวทำได้ลำบากซึ่งทำให้รัฐต้องเสียงบประมาณจำนวนมากในการดูแลข้าวในโกดังตลอดจนทำให้ต้องแบกภาระดอกเบี้ยปีละหลายหมื่นล้านบาทจากหนี้เงินกู้ที่ใช้ผลักดันโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาลชุดที่แล้ว

เพราะฉะนั้นรัฐต้องเลิกเฉื่อยแฉะและน่าจะถึงเวลาที่จะต้องลงดาบเชือดผู้บริหารอคส.และอ.ต.ก.เพื่อให้การปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเดินหน้าเสียทีหลังส่อถูกยื้อมานานเกินควรแล้ว

สัมภเวสีแม้วที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิด หมดราคาแต่ยังจองเวรป่วนชาติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/203661

วันอังคาร ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 02.00 น.

การโผล่ออกมาป่วนเมืองครั้งล่าสุดผ่านสื่อต่างชาติประเภทผีโม่แป้งของนักโทษชายแม้วหวังสร้างภาพสุมไฟบ่อนทำลายชาติบ้านเมืองสะท้อนอาการดิ้นรนแบบเลือดเข้าตาในยามที่ขบวนการเพื่อแม้วกับพันธมิตรคือลัทธิจานบินกำลังจะชดใช้กรรมพ่ายแพ้ในทุกแนวรบ และที่สำคัญคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาวซึ่งเป็นจำเลยคดีโครงการรับจำนำข้าวใกล้คุกและถูกยึดทรัพย์เพื่อชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินเข้าไปทุกขณะ

ก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นน้องสาวของสัมภเวสีแม้วก็ใช้วิธีเชิญสื่อต่างชาติมาสร้างภาพไปทั่วโลกหวังสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองในทำนองว่าถูกกลั่นแกล้งคดีรับจำนำข้าวอันส่อเจตนาบ่อนทำลายชาติ ทั้งๆ ที่จำนนด้วยข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรมที่มีการสอบสวนมานานหลายปี ซึ่งหากรัฐบาลระบอบแม้วยังอยู่ในอำนาจ เชื่อได้เลยว่า ความหายนะล่มจมของชาติบ้านเมืองจะมหาศาลกว่าที่เป็นอยู่และความชั่วร้ายทั้งหมดจะถูกกลบเกลื่อนขณะที่เหล่าคนชั่วที่โกงชาติปล้นแผ่นดินมหาศาลมีหวังลอยนวล

การที่นักโทษชายแม้วออกมาป่วนประเทศครั้งล่าสุดถือเป็นพฤติการณ์ไม่ส่องกระจกดูตัวเอง เพราะความจริงสาเหตุที่เกิดการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลระบอบแม้วถึง 2 ครั้งช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ล้วนมีต้นตอสาเหตุสำคัญมาจากพฤติกรรมเป็นธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่ซื้อประเทศ โกงชาติปล้นแผ่นดิน เหิมเกริมถึงกับมีแนวคิดเป็นภัยต่อสถาบันเบื้องสูง คิดผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ ใช้อำนาจทำสิ่งชั่วร้ายตามอำเภอใจ และสร้างความแตกแยกในชาติลึกซึ้งรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน จนมวลมหาประชาชนหลายล้านคน ออกมาขับไล่กลายเป็นวิกฤติจนกองทัพต้องเข้ายึดอำนาจในที่สุด

พฤติกรรมของขบวนการเพื่อแม้วตรงกันข้ามกับระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างสิ้นเชิง แต่สร้างภาพอ้างประชาธิปไตยบังหน้าเพื่ออำพรางโฉมหน้าธาตุแท้อันชั่วร้ายที่แท้จริงของตัวเอง

การที่นักโทษชายแม้ว และพรรคเพื่อแม้วออกมาโจมตีร่างรัฐธรรมนูญว่าไม่เป็นประชาธิปไตยถูก นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ตอบโต้โดยชี้ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ แม้จะไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็มีสาระสำคัญเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงเพื่อปฏิรูปประเทศ และไม่ว่าจะร่างรัฐธรรมนูญออกมาดีอย่างไรขบวนการเพื่อแม้วก็จ้องล้มอยู่วันยังค่ำเพื่อให้ตัวเองกลับมามีอำนาจโกงกินทำสิ่งชั่วร้ายกับชาติบ้านเมืองได้อีก

ส่วนการที่นักโทษชายแม้วแบะท่าว่าให้มีการเจรจายุติความขัดแย้งเพื่อชาติบ้านเมืองนั้น พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ ย้ำชัดว่า นักโทษชายแม้ว มีโทษความผิดติดตัวจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะมาเจรจา พร้อมเตือนสติให้ยอมรับความจริงหยุดป่วนหากเห็นแก่ชาติบ้านเมือง

ทั้งนี้ ความจริงแล้วปัญหาของชาติบ้านเมืองตลอดช่วงที่ผ่านมา ล้วนเกิดจากการบงการของสัมภเวสีนักโทษชายแม้วทั้งสิ้น ซึ่งหากนักโทษชายแม้วเห็นแก่ชาติบ้านเมืองก็ต้องยอมกลับมาติดคุกคดีทุจริตตามคำพิพากษาของศาลและสู้คดีอื่นๆ เพื่อพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่หนีคำพิพากษาศาลแล้วไปบงการป่วนเมืองอยู่นอกประเทศโดยอ้างประชาธิปไตยบังหน้า

ทีมข่าวการเมือง