จับตาวิบากกรรมมส. ตะแบงอุ้มธัมมชโย?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/201941

วันศุกร์ ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 06.00 น.
นี่ขนาดธัมมชโย เจ้าสำนักจานบินทำผิดทั้งต่อพระธรรมวินัยและทำผิดกฎหมายบ้านเมืองอย่างร้ายแรงทั้งเผยแพร่ลัทธิที่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า ยักยอกเงินวัดมาเป็นของตัวเองจนพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาตั้งแต่เมื่อปี 2542 ให้ปาราชิกพ้นความเป็นพระและล่าสุดธัมมชโยกำลังจะถูกฟ้องฐานร่วมขบวนการฟอกเงินคดีที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร คนสนิท
ธัมมชโยยักยอกเงินฝากเหล่าคนชรากว่า 16,000 ล้านบาท แล้วเล่นแร่แปรธาตุโอนเงินส่วนหนึ่งเข้าบัญชีธัมมชโยและสำนักธรรมกาย แต่ล่าสุดมหาเถรสมาคม(มส.) ซึ่งมีสมเด็จช่วงเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ พระอุปัชฌาย์ของธัมมชโยเป็นประธานก็มีมติส่อตะแบงอุ้มธัมมชโยโดยไม่สนใจผิดถูกชั่วดี สวรรค์หรือนรก ซึ่งนั่นเป็นเส้นทางที่มส.เลือกและอาจต้องรับผลกรรมที่จะตามมา

ความจริงแล้ว ธัมมชโย พ้นจากความเป็นพระทันทีตั้งแต่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ มีพระบัญชาเมื่อปี 2542 แต่ มส.ภายใต้การนำของ สมเด็จช่วง ส่อเจตนาขัดพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช และอย่างที่ นายชูชาติ ไตรประสิทธิ์อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ให้ความเห็นว่า กรณี ธัมมชโย แม้จะยอมคืนเงินเกือบ 1,000 ล้านบาทที่ยักยอกไปหลังถูกจับได้ แต่ยังถือว่าความผิดสำเร็จแล้วจะอ้างว่าโกงแล้วคืนไม่ผิดไม่ได้ แต่ที่สำคัญในทางพระธรรมวินัยถือว่าปาราชิกพ้นความเป็นพระไปแล้ว

แต่ในเมื่อมส.ไม่เลือกทางสวรรค์ส่อตะแบงอุ้มธัมมชโย โดยตะแบงอ้างโกงแล้วคืนไม่ผิดก็คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)จะดำเนินการอย่างไรกับ มส.และสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้ยื่นเรื่องถึงมส.และพศ.ให้ทำตามพระบัญชาของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ

ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) และ นพ.มโน เลาหวณิช อดีตกรรมการปฏิรูปฯ แถลงก่อนหน้านี้ว่าหาก มส.ยังเพิกเฉยด้วยการอุ้ม ธัมมชโย ก็จะฟ้องดำเนินคดีอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่

สำหรับ สมเด็จช่วง ก็กำลังเผชิญวิบากกรรมไม่น้อยไปกว่า ธัมมชโย ผู้เป็นลูกศิษย์เพราะดีเอสไอเตรียมแถลงผลการตรวจสอบรถเบนซ์โบราณหรูที่สะสมอยู่ในพิพิธภัณฑ์วัดปากน้ำ ซึ่งพบการทำผิดกฎหมายหลายประการทั้งการหลบเลี่ยงภาษีและทำเอกสารจดประกอบรถเท็จ

แต่ที่สำคัญรถเบนซ์คันดังกล่าวมีข่าวลือสะพัดว่ามีสมเด็จช่วงเป็นเจ้าของซึ่งหากเป็นความจริงงานนี้อาจถือเป็นกฎแห่งกรรมทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ ขณะที่พุทธศาสนิกชนจำนวนไม่น้อยต้องการให้มีการสังคายนาปฏิรูปวงการสงฆ์ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอำนาจบทบาทและโครงสร้างมส.ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าซ่อนไว้ด้วยเรื่องผลประโยชน์ในคราบผ้าเหลือง รวมทั้งรื้อ พ.ร.บ.สงฆ์ปัจจุบัน
ที่ถูกแก้ไขในยุคระบอบแม้วเรืองอำนาจโดยเฉพาะประเด็นการลิดรอนพระราชอำนาจในการตั้งสมเด็จพระสังฆราช และถ่ายโอนอำนาจมาให้มส.ที่ถูกมองว่าเป็นร่างทรงของลัทธิจานบินอันเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นกับระบอบแม้วที่ต่างมีเป้าหมายหวังผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ทีมข่าวการเมือง

สาวกเพื่อแม้วผวาไม้แข็งคสช. พลิกลิ้นเสียงอ่อยไม่คิดคว่ำรธน.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/201736

วันพฤหัสบดี ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ช่วงนี้เหล่าแกนนำสาวกเพื่อแม้วต่างออกมาแสดงท่าทีแปลกๆ โดยกลับลำกลืนน้ำลายด้วยการดาหน้าออกมาส่งสัญญาณว่าไม่คิดคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะท่าทีของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯน้องเขยนายใหญ่นักโทษหนีคุก นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อแม้ว หรือล่าสุดนายนพดลปัทมะ ทนายหน้าหอคนใกล้ชิดนักโทษชายแม้วเสียงอ่อยว่า การออกมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญเป็นการทำเพื่อชาติไม่ได้ต้องการป่วนเมือง พร้อมแนะรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ควรทำใจนิ่งๆ

ท่าทีเหล่าสาวกเพื่อแม้วล่าสุดต่างกับความเคลื่อนไหวแบบดับเครื่องชนเพื่อคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงก่อนหน้านี้ราวหน้ามือกับหลังเท้า ไม่ว่าจะเป็นท่าทีแข็งกร้าวของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อนายจาตุรนต์ ฉายแสง และถึงขนาดเพื่อแม้วออกแถลงการณ์ไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำ

เมื่อมีเหตุย่อมมีผลสรรพสิ่งย่อมมีที่มาที่ไป ซึ่งการที่บรรดาสาวกเพื่อแม้วพลิกลิ้นกลับลำก็เพราะผวาไม้เด็ดยาแรงของคสช.และรัฐบาลหลังจากที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ฟิวส์ขาดเดือดสุดขีดที่มีขบวนการบิดเบือนจ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญทั้งบนดินและใต้ดิน โดยเฉพาะการเปิดศึกผ่านโซเชียลมีเดีย จน นายมีชัยขู่ว่าจะเสนอคสช.และรัฐบาลให้ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับขบวนการจ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญด้วยวิธีสกปรก

สำหรับมาตรการกำราบขบวนการป่วนประเทศจ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญปราบโกงขั้นเบา ก็คือ เรียกมาปรับทัศนคติ แต่หากขั้นแรงอาจถึงขั้นดำเนินคดีฐานสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายบ่อนทำลายประชาธิปไตยและความมั่นคงของรัฐ หรืออาจฟ้องให้ยุบพรรคเพื่อแม้ว

สาเหตุการถอยของสาวกเพื่อแม้วอีกประการหนึ่งเกิดจากการที่ นักโทษชายแม้ว วีดีโอฯมายังเหล่าสาวกเพื่อแม้วกลุ่มกทม.โดยมีการโจมตีร่างรัฐธรรมนูญว่าห่วยแตกและถล่ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ในทำนองไร้วุฒิภาวะผู้นำ พร้อมทั้งปลุกระดมให้สาวกเพื่อแม้วเตรียมพร้อมกลับมาเป็นใหญ่ทำเอาพรรคเพื่อแม้วถึงกับผวาเพราะยิ่ง นักโทษชายแม้ว โผล่ออกเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นการประจานตอกย้ำทำให้ขบวนการเพื่อแม้วหมดความชอบธรรมมากขึ้นเท่านั้น และยังเป็นการเร่งให้คสช.และรัฐบาลจัดการกับขบวนการเพื่อแม้วแรงขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้นอาจเข้าข่ายบ่อนทำลายประชาธิปไตยถึงขั้นถูกร้องให้ยุบพรรคได้ จึงไม่แปลกที่ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ชี้ว่าพฤติการณ์ของ นักโทษชายแม้ว ที่บงการปลุกปั่นสาวกเพื่อแม้วเข้าข่ายทำให้พรรคเพื่อแม้วถูกยุบพรรคเนื่องจากแสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อแม้วถูกบงการโดยนักโทษหนีคุกคดีทุจริตอันเป็นการขัดหลักประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง

ที่สำคัญภายใต้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ถือเป็นไม้เด็ดดาบอาญาสิทธิ์ของคสช.ที่จะจัดการขั้นเด็ดขาดกับขบวนการเพื่อแม้วได้อย่างคาดไม่ถึง จึงไม่แปลกที่เหล่าสาวกเพื่อแม้วต่างผวาและพลิกลิ้นเปลี่ยนเกมจาละหวั่นพร้อมกับประกาศเสียงอ่อยว่าไม่ได้คิดคว่ำรัฐธรรมนูญ

ทีมข่าวการเมือง

นช.แม้วโผล่สัญญาณอันตราย ซ่อนแผนร้ายป่วนเมือง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/201607

วันพุธ ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ความเห็นของนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ก็เหมือนกับนักวิเคราะห์การเมืองหลายคนที่ตั้งข้อสงสัยว่าขบวนการเพื่อแม้วน่าจะวางแผนร้ายโดยซ่อนเป้าหมายแอบแฝงบางอย่างหวังสร้างความสับสนนำไปสู่วิกฤติความรุนแรง

นายสุวพันธุ์ นั้นเป็นอดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติเพราะฉะนั้นการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองย่อมไม่ธรรมดาแน่ โดยตั้งข้อสงสัยว่า ขบวนการเพื่อแม้วนั้นด้านหนึ่งประกาศแข็งกร้าวดับเครื่องชนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญให้ได้ แต่ขณะเดียวกันกลับกดดันให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุดซึ่งเป็นสองจุดยืนที่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง เพราะหากคว่ำร่างรัฐธรรมนูญแน่นอนว่าการเลือกตั้งอาจจะต้องลากยาวเพราะต้องไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ขบวนการร่างรัฐธรรมนูญอีกรอบ

ด้วยเหตุนี้อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ มือเก๋าอย่าง นายสุวพันธุ์จึงตั้งคำถามชี้เป็นนัยๆ ให้คิดว่า “คนเหล่านี้ต้องการอะไรกันแน่คิดอะไรที่ซับซ้อนในใจ ผมก็ตอบไม่ได้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่คงต้องรบกวนสังคมช่วยกันหาคำตอบ”

หากถอดรหัสตามการวิเคราะห์ของ นายสุวพันธุ์ อาจตีความได้ว่าเครือข่ายขบวนการเพื่อแม้วกำลังวางแผนร้ายบางอย่างก่อนเปิดศึกขั้นแตกหักโดยอาศัยวิกฤติรัฐธรรมนูญเป็นหัวเชื้อสุมไฟไปสู่ความรุนแรงโดยเฉพาะช่วงก่อนและหลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในเดือนก.ค.นี้

สัญญาณชักธงรบของขบวนการเพื่อแม้วเริ่มส่อเค้าเมื่อล่าสุดมีรายงานข่าวว่า นักโทษชายแม้ว ซึ่งมาปักหลักบัญชาการอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านใกล้ไทยนี่เอง วีดีโอคอลล์มายังบรรดาอดีต สส.เพื่อแม้วที่เลี้ยงฉลองปีใหม่ย้อนหลังที่บ้านย่านลาดปลาเค้า ของ หญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยนายใหญ่นอกจากกล่าวชมหญิงหน่อย ว่าเก่ง เหมือนส่งสัญญาณดันเป็นทายาททางการเมืองแล้ว ที่สำคัญยังถล่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แบบไม่ยั้งว่าห่วยแตกโดยเฉพาะกำหนดให้อำนาจศาลธรรมนูญมากไป ขณะเดียวกันก็ส่อเจตนาโจมตีบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่างรุนแรงว่า เป็นผู้นำที่บ้าอำนาจขาดสติขาดวุฒิภาวะแสดงกิริยาไม่สมควร พร้อมกันนี้ นักโทษชายแม้ว ผู้เป็นนายใหญ่ก็สั่งเหล่าสาวกให้เตรียมตัวเลือกตั้งเพราะมั่นใจว่าพรรคเพื่อแม้วมีโอกาสสูงจะได้กลับมาเป็นใหญ่ยึดครองประเทศอีกหลังเลือกตั้ง

จากท่าทีของ นช.แม้วที่โผล่ออกมาบัญชาการรบอีกครั้ง สะท้อนสัญญาณเร่งเกมปลุกเร้าให้เหล่าสาวกเครือข่ายเพื่อแม้วทั้งหลายเกิดความฮึกเหิมพร้อมรบแตกหักโดยใช้วิกฤติรัฐธรรมนูญเป็นเชื้อสุมไฟวิกฤติเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐ ก่อนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิดผู้เป็นน้องสาว จะต้องพบวิบากกรรมต้องติดคุกและถูกยึดทรัพย์ในคดีมหกรรมโกงโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความวิบัติล่มจมให้ประเทศ ครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์

ทีมข่าวการเมือง

กรธ.ควรแก้รธน.บางประเด็น ปิดข้ออ้างพวกจ้องล้มปฏิรูปปราบโกง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/201266

วันจันทร์ ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 06.00 น.
เหล่าสาวกขบวนการเพื่อแม้วเหมือนกระดี่ได้น้ำเพราะได้แนวร่วมต้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปประเทศทั้งจากพรรคการเมืองด้วยกัน นักวิชาการ หรือแม้แต่คนกันเองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)คือเหล่าสมาชิกสภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ(สปท.) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ซึ่งเป็นองค์กรในแม่น้ำ 5 สายของคสช.ก็ยังออกมาร่วมคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญในบางประเด็น

โดยแท้ที่จริงแล้วจุดยืนและเป้าหมายของขบวนการเพื่อแม้วกับบรรดาแนวร่วมที่ออกมาคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญต่างกันราวหน้ามือกับหลังเท้า เพราะขบวนการเพื่อแม้วตั้งธงมาแต่แรกมุ่งป่วนเมืองด้วยการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปเพื่อปราบโกงและล้มการปฏิรูปประเทศตาม จึงไม่น่าแปลกใจที่สาวกเพื่อแม้ว อาทิ นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตสส.พรรคเพื่อไทย แกนนำเสื้อแดง จะออกมาโจมตีร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงโดยตะแบงอ้างว่าจะเป็นอุปสรรคทำให้ประเทศขับเคลื่อนไหวได้ช้าตามประเทศคู่แข่งไม่ทัน ขณะที่เหล่าสาวกเพื่อแม้วคนอื่นๆ ต่างดาหน้าออกมาเล่นลิ้นใช้วาทกรรมโฆษณาชวนเชื่อเพื่อให้เกิดความสับสนปั่นป่วนก่อนเปิดศึกแตกหัก

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ นักวิชาการหรือสมาชิกสปท.และสนช.หลายคนแม้จะคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ แต่ก็อยู่บนพื้นฐานเชิงสร้างสรรค์ติเพื่อก่อ โดยเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีข้อดีอยู่มากโดยเฉพาะในเรื่องการมุ่งขจัดธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยอันชั่วร้ายซึ่งเป็นต้นเหตุบ่อนทำลายชาติตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา แต่ก็มีจุดบกพร่องอยู่หลายประเด็นเช่นกันซึ่งควรมีการแก้ไข

อย่าง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นอย่างน่าสนใจว่า จุดแข็งของร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปมีอยู่หลายประเด็นซึ่งที่สำคัญคือมุ่งขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) อยากให้ทุกอย่างเดินหน้าไปตามโรดแมปที่กำหนดไว้ก็ควรแก้ไขเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญในบางประเด็นให้มีความสมบูรณ์ขึ้น มีข้อขัดแย้งน้อยลงและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเพื่อให้สามารถผ่านประชามติได้

ขณะที่ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสนช. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาเสนอแนะและรวบรวมความเห็นเพื่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญของสนช. เสนอให้แก้ไขร่างรัฐธรรมนูญใน 5 ประเด็นคือ 1.การเลือกตั้งแบบใช้บัตรลงคะแนนใบเดียวหรือระบบจัดสรรปันส่วนผสมเนื่องจากเห็นว่าซับซ้อนเข้าใจยาก ควรใช้ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเหมือนเดิม 2.ไม่เห็นด้วยกับการให้พรรคการเมืองต้องเสนอชื่อผู้ที่จะเป็นนายกฯล่วงหน้า 3 คน 3.ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ทางอ้อมจาก 20 กลุ่มอาชีพเพราะไม่สามารถป้องกันการบล็อกโหวตซื้อเสียงซึ่งควรใช้สว.จากการสรรหาทั้งหมดจะเหมาะสมกว่าโดยปรับแก้ที่มาของคณะกรรมการสรรหาให้เปิดกว้างมากขึ้น 4.หมวดการปฏิรูปซึ่งในร่างรัฐธรรมนูญกำหนดไว้เฉพาะเรื่องการปฏิรูปอัยการ การศึกษา และตำรวจควรเพิ่มเติมให้มีการปฏิรูปหลากหลายมากขึ้น 5.ประเด็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ยังเขียนไม่ชัดเจน

เพราะฉะนั้นเพื่อสร้างแนวร่วมและปิดข้ออ้างของขบวนการจ้องป่วนเมือง กรธ.ควรยอมแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในบางประเด็นโดยยอมสละเป้าหมายเล็กเพื่อรักษาเป้าหมายใหญ่ดีกว่าจะปล่อยให้กระแสต้านลุกลามบานปลายซึ่งอาจทำให้การปฏิรูปประเทศเพื่อขจัดธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยอันชั่วร้ายต้องเสียของ

ทีมข่าวการเมือง

รธน.ใหม่ต้องสร้างการยอมรับ แก้จุดอ่อนหากจะให้ผ่านประชามติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/201115

วันอาทิตย์ ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 02.00 น.
ทันทีหลังจากที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ที่มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน แถลงโฉมหน้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กรธ.พิจารณาเสร็จสิ้นแล้วปรากฏว่า บรรดานักลากตั้งและนักวิชาการต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์โจมตีร่างรัฐธรรมนูญกันขนานใหญ่ ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่จากการสำรวจของสวนดุสิตโพลยังไม่แน่ใจว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงหรือไม่

ขบวนการระบอบทักษิณทั้งแกนนำพรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดงดาหน้าออกมาดับเครื่องชนประกาศคว่ำร่างรัฐธรรมนูญแบบหัวชนฝาตั้งแต่ร่างยังพิจารณาไม่เสร็จด้วยซ้ำโดยเฉพาะท่าทีจาก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการคนเสื้อแดง นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมต.พรรคเพื่อไทย ซึ่งการเคลื่อนไหวของขบวนการระบอบทักษิณถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีเป้าหมายแอบแฝงโดยด้านหนึ่งเพื่อคว่ำร่างรัฐธรรมนูญให้จงได้เพื่อล้มการปฏิรูปประเทศ ขณะที่อีกด้านหนึ่งถูกวิเคราะห์ว่าเครือข่ายระบอบทักษิณวางแผนคิดที่จะอาศัยความขัดแย้งกรณีรัฐธรรมนูญเป็นเงื่อนไขจุดชนวนนำไปสู่วิกฤติความรุนแรงครั้งใหญ่

ความจริงแล้วการที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถือเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าร่างรัฐธรรมนูญที่เผยโฉมออกมาเป็นเพียงต้นแบบซึ่งยังจะต้องผ่านการแก้ไขปรับปรุงหลังจากที่รับฟังความเห็นจากประชาชนทั่วทุกภาคของประเทศในช่วงเวลา 2 เดือนจากนี้ไป ซึ่ง นายมีชัย ก็แถลงชัดเจนว่า กรธ.พร้อมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อนำมาแก้ไขปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญหากเป็นความเห็นที่เกิดประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง ยกเว้นความเห็นที่ไม่มีสาระหรือมีเบื้องหลังแอบแฝงทางการเมือง

ทั้งนี้หากมองกลุ่มที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะพบว่ามีหลายกลุ่มทั้งกลุ่มที่วิพากษ์วิจารณ์แบบติเพื่อก่อเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นประโยชน์ต่อการทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีความสมบูรณ์มากขึ้นและมีข้อบกพร่องน้อยที่สุด กับนักลากตั้งบางพรรค โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่มีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งคำนึงถึงแต่ประโยชน์ของตัวเองโดยอ้างประชาธิปไตยจอมปลอมบังหน้า และตั้งธงประกาศจ้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ยังไม่ทันยกร่าง เพราะมีวาระซ่อนเร้นคือมุ่งล้มรัฐธรรมนูญฉบับนี้ซึ่งมีสาระสำคัญใช้ยาแรงในการปฏิรูปประเทศเพื่อขจัดธุรกิจการเมืองโกงชาติปล้นแผ่นดินที่เป็นเชื้อร้ายและเป็นต้นเหตุวิกฤติบ่อนทำลายชาติตลอดช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา รวมทั้งแผนจุดชนวนให้เกิดวิกฤติรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดการลุกฮือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐ

จากผลสำรวจความเห็นประชาชนทั่วประเทศของสวนดุสิตโพลต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในประเด็นที่ว่าจะไปลงประชามติหรือไม่สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 41.42 จะไปใช้สิทธิ์ลงประชามติ รองลงมาร้อยละ 37.67 ขอดูก่อน และร้อยละ 20.91 จะไม่ไปใช้สิทธิ์

ส่วนประเด็นที่ว่าจะรับร่างหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญจะพิจารณาจากอะไร ร้อยละ 83.11 ตอบว่าฟังจากกระแสสังคมและเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน รองลงมาร้อยละ 79.52 พิจารณาจากเนื้อหารัฐธรรมนูญที่ครอบคลุม ชัดเจน เข้าใจง่าย เหมาะสมกับสภาพสังคมไทย มีความเป็นธรรม และร้อยละ 77.43 พิจารณาจากประโยชน์ที่จะเกิดต่อประเทศชาติและประชาชน

ที่สำคัญที่สุดเมื่อถามว่าจะรับร่างหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในการลงประชามติ ปรากฏว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 60.92 ไม่แน่ใจ รองลงมาร้อยละ 22.62 จะรับร่าง โดยร้อยละ 16.46 คิดว่าจะไม่รับร่าง

ผลสำรวจของสวนดุสิตโพลสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนยังสับสนและขาดความเข้าใจในสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญและส่วนใหญ่ยังลังเลที่จะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ

ดังนั้นจากนี้เป็นต้นไปซึ่งเป็นห้วงเวลาสำคัญที่ กรธ.จะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างความชอบธรรมการยอมรับในร่างรัฐธรรมนูญก่อนการลงประชามติ โดยจะต้องโหมเผยแพร่สื่อสารประชาสัมพันธ์และสรุปสาระหัวใจของร่างรัฐธรรมนูญในแบบฉบับที่สั้นและเข้าใจง่ายที่สุดเพื่อรณรงค์ชี้แจงเผยแพร่ตามสื่อทุกประเภท ขณะเดียวกันต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปใช้ยาแรงปราบโกงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันต้องแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญในบางประเด็นเพื่อสร้างการยอมรับในวงกว้าง เพราะมิฉะนั้นแล้วภารกิจสำคัญที่จะปฏิรูปชาติบ้านเมืองให้พ้นจากวงจรอุบาทว์อันเลวร้ายอาจเสียของและเปิดโอกาสให้ระบอบธุรกิจการเมืองเผด็จการในคราบประชาธิปไตยอันชั่วร้ายกลับมาหลอกหลอนทำร้ายชาติบ้านเมืองอีก

ทีมข่าวการเมือง

ถึงเวลาสังคายนามส.-พศ. ลบภาพเสื่อมร่างทรงธัมมชโย?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/201024

วันเสาร์ ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 02.00 น.
จากนี้ไปคงต้องดูท่าทีของมหาเถรสมาคม(มส.) ซึ่งมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ อาจารย์ของธัมมชโย เจ้าลัทธิจานบินเป็นประธาน และนายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ยังจะทำเป็นทองไม่รู้ร้อนต่อไปอีกหรือไม่ หลังจากที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง หัวหน้าพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้มีหนังสือถึงทั้งสองหน่วยงานเพื่อให้จับสึกธัมมชโยตามพระบัญชาของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ที่ชี้ชัดตั้งแต่เมื่อปี 2542 ว่าธัมมชโยทำผิดร้ายแรงขั้นปาราชิกพ้นความเป็นพระฐานยักยอกเงินวัดมาเป็นสมบัติส่วนตัวเกือบ 1,000 ล้านบาท และทำผิดพระธรรมวินัยเผยแพร่ลัทธิส่อขัดต่อคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมส.และพศ.ถูกตั้งข้อสังเกตมานานแล้วว่าพยายามอุ้มธัมมชโยมาตลอด แต่ครั้งนี้ดีเอสไอยื่นโนติสให้ พศ.ดำเนินการกับธัมมชโยโดยเร็ว เพราะหากยังแกล้งดื้อตาใสมีสิทธิเข้าคุกด้วยมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญาฐานเป็นเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

หลายปีที่ผ่านมา หลังยุคระบอบทักษิณเรืองอำนาจสุดขีดทั้งระบอบทักษิณและสำนักจานบินซึ่งเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นพยายามผูกขาดอำนาจทั้งฝ่ายอาณาจักรและศาสนจักรหวังยึดครองประเทศแบบเบ็ดเสร็จ โดยระบอบทักษิณตั้งคนของตัวเองเข้าไปควบคุมอำนาจในทุกหน่วยราชการทุกระดับรวมทั้ง พศ. ขณะที่สำนักจานบินถูกตั้งข้อสังเกตว่าใช้ผลประโยชน์ครอบงำ มส. ดังนั้นอิทธิพลของระบอบทักษิณและสำนักจานบินจึงยังฝังรากลึกในทุกองคาพยพ ของประเทศมาจนบัดนี้

อาจจะด้วยเหตุนี้ที่ผ่านมา มส.และ พศ.จึงส่อพฤติการณ์ปกป้องธัมมชโยมาตลอด ถึงขั้นกล้าขัดพระบัญชาของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ด้วยการลงมติฟอก ธัมมชโย จนบริสุทธิ์ผุดผ่องและไม่ต้องถูกจับสึก

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา มส.และ พศ.ถูกมองว่าเป็นแดนสนธยาที่มีพฤติการณ์ส่อเป็นร่างทรงของขบวนการพันธมิตรระบอบทักษิณ กับสำนักจานบิน ถึงขนาดอดีตผู้บริหาร พศ.บางคนไปร่วมชุมนุมกับม็อบเสื้อแดง

ความเสื่อมและเป็นอันตรายต่อพุทธศาสนาและความมั่นคงของชาติของ มส.และพศ.ทำให้มีผู้เสนอให้สังคายนา มส.และพศ.อย่างจริงจังเสียทีในยุคปฏิรูปประเทศภายใต้อำนาจพิเศษของคสช. เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จนมีรัฐบาลลากตั้ง โดยเฉพาะเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณแน่นอนว่าหมดโอกาสชำระล้างความเน่าเฟะในมส.และพศ.อีกต่อไป ซ้ำความชั่วร้ายต่างๆ ในวงการผ้าเหลืองอาจจะเฟื่องฟูมากกว่าที่เป็นอยู่

เพราะฉะนั้นอาจถึงเวลาแล้วและนับเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งสำหรับการชำระล้างวงการพระพุทธศาสนาให้ขาวสะอาด ด้วยการสังคายนาทั้งตัวบุคคลและแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้มส.และพศ.กลับมาเป็นหน่วยงานที่สะอาดโปร่งใสตรวจสอบได้อย่างแท้จริง และเพื่อไม่ให้เหล่าอลัชชีในคราบผ้าเหลืองมีช่องทางแสวงหาอำนาจผลประโยชน์เสพสุขอย่างลอยนวล

ทีมข่าวการเมือง

จิ้งจอกมะกันอันตรายหางโผล่ จับตาแผนร้ายหนุนเพื่อแม้วป่วนเมือง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/200885

วันศุกร์ ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 02.00 น.
มหาอำนาจจอมอันธพาลโลกซึ่งเป็นซาตานในคราบประชาธิปไตยยังไม่ละความพยายามแทรกแซงสุมไฟวิกฤติให้กับไทยโดยแสดงปาหี่การทูตสองหน้าซึ่งหน้าฉากสร้างภาพทำทีย้ำความสัมพันธ์ฉันมหามิตรระหว่างมะกันอันตรายกับไทยที่มีมาอย่างยาวนาน แต่หลังฉากส่อวางแผนชั่วร้ายหนุนหลังขบวนการเพื่อแม้วสุมไฟป่วนประเทศเพื่อให้กลับมามีอำนาจเป็นทาสรับใช้มะกันอันตรายในการแผ่ขยายอิทธิพลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดที่สะท้อนแผนร้ายมะกันอันตรายก็คือกรณีที่ นายแพททริคเมอร์ฟี่ อัครราชทูตที่ปรึกษามะกันอันตรายประจำประเทศไทย อดีตผู้ทำหน้าที่เอกอัครราชทูตมะกันอันตรายประจำประเทศไทย แอบบินเงียบจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญของขบวนการเพื่อแม้วโดยข่าวแจ้งว่า นักการทูตผู้นี้ได้นัดพบปะแบบลับๆ กับกลุ่มขบวนการเคลื่อนไหวป่วนเมืองหลายคนที่ส่อพฤติการณ์บ่อนทำลายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)และกองทัพหวังฟื้นขบวนการเพื่อแม้วให้กลับมามีอำนาจยึดครองประเทศ ซึ่งในบรรดานักเคลื่อนไหวที่ นายเมอร์ฟี่ นัดพบปะก็คือ นายนิธิ เอียวศรีวงศ์นักวิชาการเสื้อแดง ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะเขียนบทความเรื่อง “ทหารมีไว้ทำไม” อันเป็นการบ่อนทำลายกองทัพอย่างรุนแรง

สำหรับ นายเมอร์ฟี่ ผู้นี้เคยดำรงตำแหน่งอุปทูตมะกันอันตรายประจำประเทศไทย และทำหน้าที่เอกอัครราชทูตในช่วงที่ตำแหน่งทูตมะกันอันตรายประจำประเทศไทยว่างลงหลังการพ้นจากหน้าที่อดีตทูตเสื้อแดง นางคริสตี้ เคนนี่ย์ ที่เคยไปพบปะให้กำลังใจกลุ่มเสื้อแดงถึงภาคอีสานในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดย นายเมอร์ฟี่ ก็เหมือนกับตัวแทนรัฐบาลมหาอำนาจมะกันอันตรายทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศมะกันอันตราย หรือนายเกลน ที. เดวี่ส์ทูตมะกันอันตรายประจำประเทศไทยคนปัจจุบัน ซึ่งล้วนรับนโยบายมาจากซีไอเอและรัฐบาลมะกันอันตราย

ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า การแอบนัดพบปะกับกลุ่มนักเคลื่อนไหวป่วนเมืองของ นายเมอร์ฟี่ ครั้งนี้ถูกฝ่ายทหารและตำรวจ ตลอดจนสื่อมวลชนกลุ่มหนึ่งเฝ้าติดตามทำให้ นายเมอร์ฟี่ เปลี่ยนแผนหลบหนีการถูกติดตามและบินกลับกรุงเทพฯทันที

สะท้อนพฤติการณ์ที่น่าสงสัยว่ามหาอำนาจจอมอันธพาลโลกกำลังวางแผนร้ายแทรกแซงกิจการภายในของไทยเหมือนกับที่ทำกับประเทศต่างๆทั่วโลกโดยหวังบ่อนทำลายคสช.ให้พ้นจากอำนาจโดยเร็ว ด้วยการสนับสนุนให้ขบวนการแดงป่วนเมืองทั้งที่เป็นนักการเมือง นักวิชาการ พระ นักศึกษา ออกมาเคลื่อนไหวยั่วยุท้าทายอำนาจรัฐเพื่อจุดชนวนโหมไฟให้เกิดวิกฤติความขัดแย้งในชาติอย่างรุนแรงโดยอาศัยวิกฤติรัฐธรรมนูญและการเรียกร้องประชาธิปไตยบังหน้า โดยเป้าหมายเฉพาะหน้าคือช่วยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ให้รอดพ้นวิบากกรรมคดีโครงการรับจำนำข้าว ส่วนระยะยาวคือสถาปนาขบวนการเพื่อแม้วกลับมายึดครองประเทศเพื่อเป็นทาสรับใช้อันซื่อสัตย์ในการแผ่ขยายอิทธิพลของมหาอำนาจจอมอันธพาลโลกมะกันอันตราย

ทีมข่าวการเมือง

มส.ส่อดึงเกม อุ้ม‘ธัมมชโย’?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/200709

วันพฤหัสบดี ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 06.00 น.

มหาเถรสมาคม(มส.)ซึ่งมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของธัมมชโย เจ้าสำนักธรรมกาย เป็นประธานถูกตั้งข้อสงสัยว่า จนป่านนี้ทำไมถึงไม่พิจารณาลงโทษธัมมชโยแต่กลับเร่งรีบประชุมลับเมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อลงมติเสนอชื่อสมเด็จช่วงเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ได้สรุปผลสอบสวนตามคำร้องของหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐมโดยชี้ชัดว่าธัมมชโยปาราชิกตามพระบัญชาของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ตั้งแต่เมื่อปี 2542 กรณียักยอกเงินวัดเกือบ 1,000 ล้านบาทมาเป็นสมบัติส่วนตัวรวมทั้งทำผิดพระธรรมวินัยเผยแพร่ลัทธิที่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยดีเอสไอส่งผลสอบสวนไปยังมส.แล้วแต่เรื่องกลับเงียบสนิทจนถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการปกป้องธัมมชโย

ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ดีเอสไอ ซึ่งประชุมร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุดเห็นชอบให้ดำเนินคดีกับ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเป็นคนสนิทของ ธัมมชโย และพวก ซึ่งรวมทั้งธัมมชโย และเครือข่ายวัดพระธรรมกายในข้อหาฟอกเงินและรับของโจร

คดีมหกรรมโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเป็นเงินฝากของประชาชนทั่วประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุหรือข้าราชการบำนาญที่หวังกินดอกผลเลี้ยงชีพในช่วงบั้นปลายของชีวิตมูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาทถูกนำไปเล่นแร่แปรธาตุซึ่งส่วนหนึ่งถูกโอนเข้าบัญชีของ ธัมมชโย และเครือข่ายสำนักธรรมกาย

ทั้งข้อหาปาราชิกตามคำบัญชาของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช รวมทั้งการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีฐานรับของโจรและฟอกเงินของในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นของ ธัมมชโย ถือเป็นข้อหาร้ายแรงที่น่าจะพ้นสถานะพระไปนานแล้ว

แต่น่าแปลกที่มส.กลับส่อเฉยเมยทำเหมือนทองไม่รู้ร้อนไม่นำวาระเรื่องของ ธัมมชโย เข้าพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วนทั้งที่เป็นเรื่องร้ายแรง ซึ่งที่ผ่านมามส.ถูกวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสังเกตมาตลอดว่า ปกป้อง ธัมมชโย มาตลอดถึงขั้นเคยลงมติแย้งกับพระบัญชา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช โดยชี้ว่า ธัมมชโย ไม่ปาราชิก

การที่ดีเอสไอ รวมทั้งสำนักงานอัยการสูงสุดยุคนี้กล้าทำความจริงให้ปรากฏอย่างตรงไปตรงมาถือเป็นเรื่องที่ต้องชื่นชมและให้กำลังใจ เพราะหากเป็นยุคระบอบแม้วครองเมืองคดีใหญ่เหล่านี้รวมทั้งสิ่งชั่วร้ายต่างๆ เชื่อว่าจะถูกทำให้ดำเป็นขาวขาวเป็นดำหรือถูกแช่แข็งแน่นอนเพื่อปกป้องพวกเดียวกัน

เพราะฉะนั้นพุทธศาสนิกชนทั้งหลายต้องจับตาดูบทบาทของมส.ต่อไปว่าจะยึดความถูกต้องจัดการอย่างไรกับธัมมชโยหรือไม่ และเรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในปมปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความเหมาะสมของสมเด็จช่วงซึ่งได้รับการเสนอชื่อเป็นประมุขสงฆ์องค์ใหม่ด้วย นอกเหนือจากข้อเคลือบแคลงในเรื่องผลประโยชน์รูปแบบต่างๆ ระหว่างสำนักธรรมกายกับเหล่าพระเถระผู้ใหญ่ในมส. ทั้งนี้กาลเวลาและกฎแห่งกรรมจะเป็นเครื่องพิสูจน์

ทีมข่าวการเมือง

กระแสต้านรธน.ต้องแยกแยะ พวกติเพื่อก่อหรือแก๊งทำลายชาติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/200535

วันพุธ ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 06.00 น.
การออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงจากคนหลากหลายกลุ่มหลายสีหากมองในแง่มุมหนึ่งถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่ประเทศอยู่ภายใต้อำนาจพิเศษ ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์หากทำด้วยความบริสุทธิ์ใจเชิงสร้างสรรค์ถือเป็นเรื่องที่ดี เพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สมบูรณ์แบบและมีข้อบกพร่องน้อยที่สุด แต่ที่ประณามไล่ไปให้ไกลก็คือแก๊งป่วนเมืองหวังสุมไฟวิกฤติเผาชาติบ้านเมือง

นับเป็นปรากฏการณ์เหลือเชื่อเมื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่เพิ่งจะคลอดออกมาจะทำให้เกิดความปรองดองของคู่แค้นที่ไม่มีทางเป็นมิตรกันตลอดกาลอย่างสองพรรคใหญ่คือพรรคเพื่อแม้วกับพรรคประชาธิปัตย์และระหว่างกลุ่มเสื้อแดงกับกลุ่มมวลมหาประชาชน กปปส.โดยแกนนำของแต่ละพรรคแต่ละสีล้วนออกมาสามัคคีกันต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงกันอย่างดุเดือด อาทินายภูมิธรรม เวชชยชัย เลขาธิการจากพรรคเพื่อแม้ว นายจาตุรนต์ ฉายแสงอดีตรมต.พรรคเพื่อแม้ว นายจตุพรพรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง ส่วนทางฝ่ายประชาธิปัตย์ที่เป็นขาประจำค้านหัวชนฝาคือ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติรองหัวหน้าพรรค ขณะที่แกนนำกปปส. เช่น ดร.สมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ โดยแต่ละคนให้เหตุผลในการต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงแตกต่างกันไป

นอกจากนี้ยังมีนักวิชาการจากหลายสถาบันก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ค้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ

ถ้าจะว่าไปแล้วตัวแทนทุกสีทุกกลุ่มหรือนักวิชาการที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต้านร่างรัฐธรรมนูญถือเป็นคนแค่หยิบมือหากเทียบกับมวลมหาประชาชนทั้งประเทศ แต่ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อจุดยืนของประชาชนเนื่องจากรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องเข้าใจยากและซับซ้อน ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เสพจากข่าวและใช้ความเห็นของเหล่านักลากตั้ง ตลอดจนนักวิชาการเป็นข้อมูลประกอบในการกำหนดจุดยืนของตัวเองซึ่งเป็นอันตรายมากหากความเห็นเหล่านั้นซ่อนไว้ด้วยยาพิษที่มีเป้าหมายแอบแฝงทางการเมือง

สาธารณชนทั้งหลายจึงต้องรู้เท่าทันและแยกแยะกลุ่มที่ออกมาวิพาก์วิจารณ์ให้ดีเพราะบางคนบางกลุ่มออกมาวิจารณ์แบบติเพื่อก่อเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งประโยชน์ทางความคิด แต่บางกลุ่มบางพวกมีเป้าหมายแอบแฝงชัดเจนโดยเฉพาะขบวนการเพื่อแม้ว

คำให้สัมภาษณ์ของ นายจตุพรดูเหมือนจะสะท้อนจุดยืนขบวนการเพื่อแม้วได้อย่างชัดเจน ด้วยคำกล่าวที่ว่า “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยทั้งฉบับ แม้แต่ตัวนายมีชัยฤชุพันธุ์ เองก็ไม่เป็นประชาธิปไตย”

นั่นสะท้อนว่าไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงจะดีสักแค่ไหนก็ตาม ขบวนการเพื่อแม้วตั้งธงส่อเจตนาหาเรื่องป่วนประเทศอยู่วันยังค่ำ โดยมุ่งคว่ำรัฐธรรมนูญเพื่อการปฏิรูปประเทศ และจ้องล้มคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยใช้รัฐธรรมนูญและความเป็นประชาธิปไตยเป็นข้ออ้างบังหน้าสุมไฟวิกฤติ โดยเป้าหมายที่แท้จริงนอกจากหวังฟื้นขบวนการเพื่อแม้วกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศแล้ว ยังหวังช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต
นายกฯหุ่นเชิดให้พ้นชะตากรรมในฐานะจำเลยคนสำคัญคดีมหกรรมโกงโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความล่มจมให้ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์

ทีมข่าวการเมือง

เพื่อแม้วอ้างประชาธิปไตยบังหน้า สุมไฟจุดชนวนวิกฤติรธน.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/200345

วันอังคาร ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 02.00 น.

แกนนำขบวนการเพื่อแม้วดาหน้าออกมาหาเรื่องดับเครื่องชนถล่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แบบตั้งธงประกาศคว่ำร่างรัฐธรรมนูญตั้งแต่ร่างยังไม่ทันเสร็จด้วยซ้ำ แสดงว่าวางแผนร้ายล่วงหน้าซึ่งนอกจากคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงเพื่อล้มการปฏิรูปประเทศอันเป็นเป้าหมายรอง แต่เป้าหมายหลักของขบวนการเพื่อแม้วตามใบสั่งของนายใหญ่ในต่างแดนที่ต้องจับตาก็คือเดินหน้าสร้างสถานการณ์จุดชนวนลุกฮือแตกหักเพื่อล้มคสช.หวังช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด จำเลยคนสำคัญคดีโกงจำนำข้าวที่มีแนวโน้มนับถอยหลังใกล้คุกและถูกยึดทรัพย์เข้าไปทุกขณะ

บรรดาแกนนำขบวนการเพื่อแม้วคำก็ประชาธิปไตย สองคำก็ประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่ความจริงอ้างประชาธิปไตยบังหน้า หรืออย่างล่าสุดการที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อแม้ว ออกมาถล่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงว่า เป็นการหว่านล้อมประชาชนให้ยอมรับกติกาเผด็จการของกลุ่มชนชั้นนำเป็นการเล่นลิ้นใช้วาทกรรมโฆษณาชวนเชื่อตามแบบฉบับอดีตสหายคนเดือนตุลาฯ

ขบวนการเพื่อแม้วชอบอ้างประชาธิปไตยและเผด็จการบังหน้าโดยไม่ส่องกระจกดูตัวเอง ทั้งๆ ที่ธาตุแท้ตัวตนที่แท้จริงของขบวนการเพื่อแม้วตั้งแต่เริ่มต้นก่อตัวขึ้นมาเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วเป็นธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยที่บริหารในรูปบริษัทการเมือง โดยที่สส.หาใช่ตัวแทนปวงชนที่แท้จริง แต่เป็นแค่พนักงานบริษัทที่ต้องรับฟังคำสั่งจากนายทุนเจ้าของบริษัทการเมืองเพียงคนเดียว

พรรคธุรกิจการเมืองเพื่อแม้วเริ่มสร้างความยิ่งใหญ่ทางลัดด้วยการใช้ผลประโยชน์ทุกรูปแบบกวาดต้อนซื้อเหล่านักการเมืองเสือสิงห์กระทิงแรดเพื่อให้เป็นพรรคใหญ่ที่สุดแล้วซื้อเสียงเพื่อให้มีสส.เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลไม่ต่างจากการซื้อประเทศซื้อประชาธิปไตย และเมื่อได้เป็นรัฐบาลก็ใช้อำนาจโกงชาติปล้นแผ่นดินมโหฬารถอนทุนบวกกำไรมหาศาล แล้วใช้อำนาจทำสิ่งร้ายตามใจชอบ รวมทั้งคิดผูกขาดอำนาจหวังยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ และทะเยอทะยานถึงขั้นคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศในอนาคต

ระบอบเพื่อแม้วยังแทรกแซงองค์กรอิสระ และไม่ยอมรับอำนาจศาล ขณะเดียวกันก็ทำลายหลักนิติรัฐด้วยการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอยโดยมีเป้าหมายแอบแฝงฟอกโทษผิดให้ อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกทักษิณ ชินวัตร เพื่อจะได้กลับบ้าน
แบบเท่ๆ โดยไม่ต้องติดคุกคดีทุจริตตามคำพิพากษาศาล จนเป็นชนวนให้มวลมหาประชาชนเกือบ 10 ล้าน ออกมาชุมนุมแสดงพลังครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เพื่อขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์

ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า นักโทษชายแม้ว บินมาปักหลักอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านใกล้ไทยนี่เองเพื่อบัญชาการเหล่าสาวกขบวนการเพื่อแม้วเพื่อทำศึกใหญ่ขั้นแตกหักโดยหวังอาศัยวิกฤติรัฐธรรมนูญเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดกระแสลุกฮือ

ทั้งนี้ สถานการณ์ที่ต้องจับตาก็คือจากนี้เป็นต้นไปจนถึงช่วงใกล้จะมีการลงประชามติเดือนก.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งเชื่อว่าขบวนการเพื่อแม้วจะเร่งโหมเดินเกมเข้มข้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะกว่าจะมีเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่คงไม่ทันการกับชะตากรรมของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักโทษชายแม้วยอมไม่ได้ที่จะเห็นน้องสาวต้องติดคุกและถูกยึดทรัพย์คาตา

ทีมข่าวการเมือง