SootinClaimon.Com

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย2 [SartKasetDinPui2] : รวบรวม ข้อมูล เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เกษตร ดิน น้ำ ปุ๋ย

SootinClaimon.Com

ความลับของเหรียญไอ้ไข่โคตรรวย เนื้อดวงเศรษฐี เขียวเหนี่ยวทรัพย์ ทำไมเซียนพระเจาะจงเนื้อนี้เป็นพิเศษ #ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย

#ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/knowledge/432128?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=section_knowledge

ความลับของเหรียญไอ้ไข่โคตรรวย เนื้อดวงเศรษฐี เขียวเหนี่ยวทรัพย์ ทำไมเซียนพระเจาะจงเนื้อนี้เป็นพิเศษ

ความลับของเหรียญไอ้ไข่โคตรรวย เนื้อดวงเศรษฐี เขียวเหนี่ยวทรัพย์ ทำไมเซียนพระเจาะจงเนื้อนี้เป็นพิเศษ

ความลับของเหรียญไอ้ไข่โคตรรวย  เนื้อดวงเศรษฐี เขียวเหนี่ยวทรัพย์ ทำไมเซียนพระเจาะจงเนื้อนี้เป็นพิเศษ คอลัมน์… ตามรอยตำนานแผ่นดิน โดย เอก อัคค fb:Akeakkee ake

          อย่างที่เคยเล่าไปแล้วว่า เหรียญไอ้ไข่โคตรรวย วัดบางแพรก หรือไอ้ไข่ เมืองนนท์รุ่นแรก เนื้อว่านนั้นมีอยู่ ๓ เนื้อ ทั้งหมดใช้มวลสารหลักเหมือนกัน แต่จะผสมต่างกันในบางตัวเพื่อเน้นผลเด่นต่างกัน กล่าวคือ
๑.เนื้อผงสุริยัน-จันทรา องค์พ่อจตุคามรามเทพ
เน้นด้านพลิกชะตา แก้วิกฤติ กลับร้ายกลายเป็นดี เสริมดวงบารมี โชคลาภ วาสนา

๒.เนื้อผงไม้ตะเคียนหลักเมืองนคร ๓๐ เน้นพุทธคุณด้านเสริมดวง สร้างฐานะให้มั่นคง การงานเจริญก้าวหน้า โชคลาภ

          ๓.เนื้อผงดวงเศรษฐี หรือ เขียวเหนี่ยวทรัพย์ ซึ่งเป็นเนื้อที่ผสมผงพรายกุมารจากหลายสายมากที่สุด เน้นด้านโชคลาภจากการทำมาค้าขาย เสี่ยงโชค เสริมดวง หนุนชะตา เสริมบารมี

          และล่าสุดกลุ่มนักสะสมพระเครื่องรุ่นใหม่ที่นำโดย เต้ย อุตรดิตถ์,อุ้ม กำแพง,โรเบิร์ต ชัยมงคล,บอล เตาปูน,ปู ชัยภูมิ ต่างหันมาพกพาบูชาติดตัวเหรียญเนื้อนี้กันทุกคน

ความลับของเหรียญไอ้ไข่โคตรรวย เนื้อดวงเศรษฐี เขียวเหนี่ยวทรัพย์ ทำไมเซียนพระเจาะจงเนื้อนี้เป็นพิเศษ

เหรียญไอ้ไข่โคตรรวย เนื้อว่านดวงเศรษฐี (ด้านหน้า)

          แสดงว่า บรรดาเซีนนพระเหล่านี้ ต้องสังเกตเห็นว่า ความโดดเด่นในเนืเอนี้เป๋นพิเศษ……

          ซึ่งความลับก็คือว่า เพราะเนื้อเขียวเหนี่ยวทรัพย์ มีการโรยผงแร่บางไผ่ไว้ต่างหากเน้นโชคลาภเป็นพิเศษ เหมาะกับคนทำมาค้าขาย แร่บางไผ่ชุดนี้ ผมกับคุณอ๊อด สิชล ได้รับมอบจากพระครูเกษมธีรคุณท่านเจ้าอาวาสวัดบางแพรก “แร่บางไผ่” เป็นแร่ที่มีลักษณะเหมือนกับมีชีวิต กล่าวคือแร่บางไผ่สามารถกินอาหาร น้ำคาวปลา เศษเนื้อ ฯลฯ สามารถเลี้ยงไว้ได้และก็สามารถตายได้เช่นเดียวกัน

          ว่ากันว่าถ้าเรานำแร่บางไผ่มาแช่น้ำไว้ จะทำให้แร่บางไผ่อยู่ในสภาพที่มีเนื้อแร่เหล็กอยู่ แต่ถ้านำแร่บางไผ่ขึ้นมาไว้บนบกและตากแดดไว้นานๆ แร่บางไผ่ก็จะตาย..

          ที่สำคัญยิ่งคือแร่บางไผ่นี้มีอยู่แห่งเดียวในประเทศไทย คือใน”คลองบางคูลัด จังหวัดนนทบุรี” ท่านได้มาจำนวนพอสมควรและใส่โอ่งเลี้ยงไว้ในห้องที่ปิดลับเฉพาะ การนำมาผสมในวัตถุมงคลชุดไอ้ไข่นี้ ส่วนหนึ่งคุณอ๊อด ได้ผสมลงไปในมวลสารรวมที่ใช้กดพิมพ์ไอ้ไข่ทุกเนื้อ แต่เก็บไว้โรยหลังเนื้อดวงเศรษฐีเป็นพิเศษ

          โดยให้เหตุผลว่า ในความพิเศษย่อมมีพิเศษสุด
โดยเฉพาะพุทธคุณด้าน ดูดโภคทรัพย์ทรัพย์
…….

ความลับของเหรียญไอ้ไข่โคตรรวย เนื้อดวงเศรษฐี เขียวเหนี่ยวทรัพย์ ทำไมเซียนพระเจาะจงเนื้อนี้เป็นพิเศษ

เหรียญไอ้ไข่โคตรรวย เนื้อว่านดวงเศรษฐี(ด้านหลังโรยแร่บางไผ่)

          คือ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เวลาครูบาอาจารย์ท่านปลุกเสก อธิษฐานจิต ท่านจะกำหนดก่อนว่า เนื้อหามวลสารแบบไหนจะประจุพลังด้านไหนให้โดดเด่นหรือว่าดึงพลังด้านไหนออกมาไว้ด้านนอกสุด ถ้าจะให้เน้นแคล้วคลาดก็จะเสกแคล้วคลาดหลังสุด ถ้าเน้นโชคลาภก็เสกคาถาโชคลาภหลังสุด

          อุปมาเหมือนดั่งหัวหอม ที่จะมีกลีบซ้อนกันทีละชั้นทีละชั้น
การใช้อิทธิฤทธิ์กฤตยานุภาพให้เกิดขึ้นมาในวัตถุมงคลก็เช่นกัน ครูบาอาจารย์ท่านจะใช้อำนาจพุทธมนต์และสูตรคาถาต่างๆ ในการปลุกอักขระเลขยันต์ และการปลุกธาตุทั้ง๔ ดิน น้ำ ลมไฟ แล้วใส่ลมหายใจลงไปในวัตถุธาตุ ซึ่งเรียกว่าเป็นกระบวนการของ วิชามัยฤทธิ์

          จากนั้นท่านจะใช้อำนาจของฌานสมาบัติ หรือนั่งปรกเจริญจิตภาวนาในการสร้างอิทธิวัตถุเช่น, พระเครื่องฯ ให้สมบูรณ์ จะต้องใช้รวมกันทั้งสองวิธีการ กล่าวคือ การนั่งปรก คือการเสจริญภาวนาเข้าฌานสมาบัติ หรือ อัปนาสมาธิ แล้วออกจากฌานลงสู่ อุปจารสมาธิ จึงอธิษฐานให้บังเกิดฤทธิ์แก่วัตถุมงคลที่สร้างขึ้นมานั่นเอง

          เพราะฌานนั้นย่อมเป็นบาทหรืออีกก้าวขั้นหนึ่งของฤทธิ์ดังกล่าวและพระเครื่องฯ ที่ผ่านกรรมวิธีของฌานสมาบัติแล้ว จะเปี่ยมด้วย พลานุภาพ ธรรมนุภาพ สังฆนุภาพ อีกเป็นคุณวิเศษอย่างคงทนมิเสื่อมคลาย
……….

ความลับของเหรียญไอ้ไข่โคตรรวย เนื้อดวงเศรษฐี เขียวเหนี่ยวทรัพย์ ทำไมเซียนพระเจาะจงเนื้อนี้เป็นพิเศษ

กลุ่มเซียนพระ คลื่นลูกใหม่แห่งห้างพันธุ์ทิพย์ ที่เชื่อมั่นศรัทธา

ใน “เหรียญไอ้ไข่โคตรรวย เนื้อดวงเศรษฐี”

          เพราะฉะนั้น
ใครมีไอ้ไข่โคตรรวยเนื้อว่านครบทั้ง ๓ เนื้อ ย่อมไม่ธรรมดา
นี่ขนาดเหรียญแจกและทางวัดเปิดให้ทำบุญในราคาเบาๆนะยังขนาดนี้

          ส่วนเหรียญโลหะและองค์บูชา ที่ให้เช่าหาบูชาในราคาที่สูงกว่าก็ย่อมจะมีชนวนโลหะธาตุที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน
ว่างๆจะมาเล่าให้ฟังครับ

“เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์”รุ่นแรกหลวงพ่อปัน อดีตเจ้าอาวาสวัดบางแพรก #ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย

#ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/knowledge/431626?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=section_knowledge

“เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์”รุ่นแรกหลวงพ่อปัน อดีตเจ้าอาวาสวัดบางแพรก

"เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์"รุ่นแรกหลวงพ่อปัน อดีตเจ้าอาวาสวัดบางแพรก

เพชรกลางสวนผลไม้โบราณ”เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์”รุ่นแรกหลวงพ่อปัน อดีตเจ้าอาวาสวัดบางแพรก คอลัมน์… ตามรอยตำนานแผ่นดิน  โดย… เอก อัคคี   Fb :akeakkee ake

          ย้อนหลังไปราวๆ 300 ปี วัดบางแพรกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย เดิมชื่อ “วัดละครทำ” ว่ากันว่า…คณะบุคคลที่มาสร้างวัดแห่งนี้เป็นชาวคณะละครรำที่ล่องเรือมา

แต่เนื่องจากวัดตั้งอยู่ริมคลองบางแพรก ในกาลต่อมา จึงมีผู้เรียกชื่อวัดตามชื่อคลองหน้าวัดว่าวัดบางแพรก และจากการไปศึกษาค้นคว้าเอกสารเก่าพบว่า ตามหนังสือทำเนียบคณะสงฆ์  ของกระทรวงธรรมการ พิมพ์เมื่อ ร.ศ.123 (พ.ศ.2448) ก็ได้มีชื่อวัดบางแพรกแล้ว

"เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์"รุ่นแรกหลวงพ่อปัน อดีตเจ้าอาวาสวัดบางแพรก

เหรียญหลวงพ่อปัน (ด้านหน้า)

วัดเล็กๆแห่งนี้ในอดีต ถือว่าตั้งอยู่ริมคลองกลางสวนผลไม้   การไปมาสัญจรมีเพียงทางน้ำเท่านั้น ไม่มีถนนหนทางจะมา  ต้องเดินลัดเลาะมาตามคันนา ร่องสวน แต่เป็นทางเดินไปวัดโลลีได้ทางเดียว ในสมัยที่ยังไม่มีถนนเส้นบางกรวย จะไปวัดโมลีต้องเดินผ่านมามาข้ามสะพานไม้ที่หน้าวัดบางแพรก

และที่หัวสะพานฝั่งวัดก็มีต้นพิกุลใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาร่มเงา  ตรงนี้ก็ขึ้นชื่อลือชาว่า ผีดุยิ่งนัก เลยตะวันชิงพลบไปแล้ว ถ้าใครพายเรือผ่านหน้าวัดหรือเดินข้ามสะพานถือว่า ใจถึงพึ่งได้ แถมหลังวัดข้างเมรุ ยังมีต้นตะเคียนใหญ่อีกต้น (ปัจจุบันต้นนี้ยืนตายพรายจึงถูกพลีโค่นมาวางไว้ริมคลองหน้าโบสถ์)

แต่นั่นคืออดีตกาลนานโพ้นมาแล้ว  เพราะหลังจากที่ผ่านสมภารครองวัดมาหลายรูป มาถึงสมัย   ของหลวงพ่อปัน(อาจารย์ของพระอาจารย์มหาธีร์)ความเจริญเริ่มรุกเข้ามา แม้ว่า วัดโบราณแห่งนี้จะเฮี้ยนจะแรงแต่ ท่านก็เอาอยู่ สามารถพัฒนาวัดจนเจริญในย่านนี้มีญาติโยมคหบดีชาวสวนมาอุปถัมป์มากมาย

แต่ต่างยอมรับในวิชาอาคม พุทธาคมของท่าน  เพียงแต่ท่านนิยมสันโดษ ไม่ชอบอวดอ้างเรื่องวิทยาคม  เรียกว่าเป็นเพชรกลางสวนก็ว่าได้ อยู่ในร่มไม้เงาบังเร้นกาย  เพราะถ้าท่านไม่แน่จริง คงไม่สามารถมาครองวัดโบราณนี้   มาได้ยาวนานจนมรณภาพหรอก แต่ด้วยที่ท่านเก็บตัวเงียบ
จนไม่ค่อยมีคนทราบประวัติความเป็นมาของท่าน

"เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์"รุ่นแรกหลวงพ่อปัน อดีตเจ้าอาวาสวัดบางแพรก

เหรียญหลวงพ่อปัน (ด้านหลัง)

ท่านเคยอนุญาตให้ออกวัตถุมงคลเพียงไม่กี่รุ่น   นี่เป็นพระเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อปัน อุตฺตโม  ซึ่งสร้างขึ้นในปีพศ.๒๕๒๓ในวาระที่ท่านได้รับ พระราชทานสมณศักดิ์พัดยศที่“พระครูอุดมนนทคุณ”   เป็นลักษณะทรงเหรียญเสมา เรียบง่ายเข้มขลัง

ด้านหน้าเป็นรูปหน้าตรงของท่าน  จารึกอักษรด้านบน”นะโมพุทธายะ”พร้อมกับคำว่า “ที่ระลึกฉลองสมณศักดิ์พัดยศ พระครูอุดมนนทคุณ (ปัน อุตตโม) ๑๑ พค.๒๓”

ด้านหลังเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระประธานคู่บุญของชาวบางแพรก หรือที่คนเรียกกันว่าหลวงพ่อหิน จารึกอักษรว่า “หลวงพ่อศิลาแรง วัดบางแพรก อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี”

ผมส่องแล้ว ยอมรับว่าเป็นเหรียญที่สวยงามไม่แพ้รุ่นใด และทราบมาจากพระอาจารย์มหาธีร์ เจ้าอาวาสปัจจุบันว่าท่านสร้างด้วยสรรพวิชาแห่งพุทธคุณโบราณ ผนวกกับสายวิชาแคล้วคลาดเมตตาคงกระพัน นับเป็นเหรียญที่สร้างในสายเดียวกับเหรียญหลวงปู่เผือกวัดโมลี จ.นนทบุรีและหลวงปู่เกิดวัดมะเดื่อ จ.นนทบุรี สองสุดยอดเกจิคณาจารย์ผู้สร้างตำนานพระปิดตาแร่บางไผ่อันเป็นที่รู้จักของนักสะสมพระเครื่องเมืองไทย

มีเรื่องเล่ากันว่าสมัยก่อน หลวงพ่อปัน จะสร้างวัตถุมงคลจำนวนน้อยมากและไม่ได้สร้างบ่อยซึ่งทุกรุ่นที่สร้างนั้นมีจำนวนน้อย นอกจากเหรียญรุ่นแรกรุ่นนี้แล้วที่ท่านสร้างนั้นจะเป็นในวาระครบรอบอายุเท่านั้น เช่นครบรอบอายุ๗๒ปี สร้างปี ๒๕๓๙ เช่นเหรียญสี่เหลี่ยมรูปนั่ง,รูปหล่อลอยองค์ หรือครบรอบอายุ๘๒ปีเป็นรูปหล่อลอยองค์หรือวาระสำคัญอีก๒รุ่นคือ สร้างพระปิดตาแร่บางไผ่ “ปิดตาหลวงพ่อหิน วัดบางแพรกรุ่น๑” เมื่อปี ๒๕๓๖ หรือสร้างเหรียญเสมา ที่ระลึกซื้อที่ดิน เมื่อปี๒๕๔๓ เท่านั้น

"เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์"รุ่นแรกหลวงพ่อปัน อดีตเจ้าอาวาสวัดบางแพรก

พระครูเกษมธีรคุณ เจ้าอาวาสวัดบางแพรก

          ปกติท่านจะไม่ค่อยนำมาแจกให้ทั่วไป แต่จะเก็บไว้เงียบๆ ศิษยานุศิษย์ที่ต้องการต้องมาขอกับท่านที่กุฏิเป็นการส่วนตัว ปัจจุบันมีผู้ที่ครอบครองต่างได้รับประสบการณ์หรือต่างได้รับบารมีจากท่านและเล่าสู่กันปากต่อปากถึงเรื่องราวต่างๆมากมาย จึงไม่แพร่หลายในวงกว้างเพราะเซียนพระไม่รู้

พระเดชพระคุณเป็นพระเถระผู้ปฏิบัติภาวนาอย่างดียิ่ง….ทำให้กำลังจิตของท่านนั้นมากด้วยบารมีและพุทธคุณอย่างยิ่ง ปกติท่านจะมีวัตรปฏิบัติที่เรียบง่าย สมถะ ภาวนาน่าเลื่อมใสเคารพบูชาอย่างยิ่ง   ทั้งงานก่อสร้างเสนาสนะที่ท่านจะลงมือทำร่วมกับพระเณรในวัดอยู่ปกติจนคุ้นชิน  เป็นเหตุให้วัดบางแพรกพัฒนาขึ้นอย่างมั่นคงและสวยงามจนทุกวันนี้

หลังจากท่านมรณภาพ สังขารของท่านก็เก็บไว้ที่วัดยาวนานถึง๙ ปี จนถึงวันที่๒๗พย.๒๕๕๙ พระครูเกษมธีรคุณ เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏีของท่านได้จัดพิธีพระราชทานเพลิงสังขารของท่าน

และนำเหรียญรุ่นแรกของท่านมาแจกจ่ายให้ญาติโยมที่มา ช่วยงานพระราชทานเพลิงศพจำนวนหนึ่ง ส่วนที่เหลือพระอาจารย์มหาธีร์บอกว่า “เก็บไว้ใครอยากได้เดี๋ยวเขาก็มาขอเองแหละ เพชรก็คือเพชร วันยันค่ำแหละโยม”

“โรคความดันโลหิตสูง”ที่ผู้สูงอายุมักเข้าใจผิด #ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย

#ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/knowledge/431154?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=section_knowledge

“โรคความดันโลหิตสูง”ที่ผู้สูงอายุมักเข้าใจผิด

"โรคความดันโลหิตสูง"ที่ผู้สูงอายุมักเข้าใจผิด

กรมการแพทย์ ชี้ โรคความดันโลหิตสูงที่ผู้สูงอายุมักเข้าใจผิด ทำให้เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน

กรมการแพทย์  ชี้ประเด็นโรคความดันโลหิตสูงที่ผู้สูงอายุมักเข้าใจผิด เช่น เมื่อไม่มีอาการผิดปกติแสดงว่าควบคุมโรคได้ดี หรือ ไม่ควรรับประทานยาต่อเนื่องเป็นเวลานานเนื่องจากจะทำให้ตับและไตเสื่อม เหล่านี้เป็นความเชื่อที่ผิด

นายแพทย์วีรวุฒิ  อิ่มสำราญ  รองอธิบดีกรมการแพทย์  กล่าวว่า โรคความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุ ร้อยละ 95 จะตรวจไม่พบสาเหตุ แต่อาจมีปัจจัยเสี่ยงคือ ความอ้วน ภาวะไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่ ดื่มสุรา รับประทานอาหารเค็ม ไม่ออกกำลังกาย หรือบุคคลในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 5 มีสาเหตุจากโรคอื่นๆ เช่น โรคไต โรคต่อมไร้ท่อ โรคระบบประสาท การได้รับสารเคมีหรือยาบางชนิด ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่ค่าความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัว (ค่าตัวบน) มีค่าเท่ากับหรือมากกว่า 140 มิลลิเมตรปรอท และค่าความดันโลหิตขณะหัวใจคลายตัว(ค่าตัวล่าง) มีค่าเท่ากับหรือมากกว่า 90 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการผิดปกติแต่ก็ก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกายได้ในระยะยาวเช่นไตเสื่อม โรคหัวใจ และ โรคหลอดเลือดสมอง อาการเบื้องต้นที่พบบ่อย เช่น อาการปวดมึนศีรษะ มักปวดตื้อบริเวณท้ายทอยช่วงเช้าหลังตื่นนอน ถ้าความดันโลหิตสูงรุนแรงอาจมีอาการ ปวดศีรษะรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน ตามัว เหนื่อยง่าย และอาจมีอาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วย                                                                รองอธิบดีกรมการแพทย์,นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

นายแพทย์สกานต์  บุนนาค  ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ  กรมการแพทย์  กล่าวเพิ่มเติมว่า  การรักษาโรคความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุ ได้แก่

1. รักษาด้วยการไม่ใช้ยา โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร งดอาหารรสเค็ม รับประทานผัก  ผลไม้  ดื่มน้ำให้พอเพียงและบริโภคอาหารที่มีไขมันต่ำ ออกกำลังกายเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนัก งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ ฝึกสมาธิ ไม่เครียด ทำจิตใจให้ผ่องใส นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ แต่หากความดันโลหิตยังคงสูงอยู่ถึงจะใช้วิธีการรักษาด้วยยา

2. รักษาด้วยการใช้ยา ผู้ป่วยไม่ควรหยุดยาหรือปรับยาด้วยตนเอง และยาลดความดันโลหิตจัดเป็นกลุ่มยาที่มีความปลอดภัยสูงสามารถใช้ต่อเนื่องได้เป็นเวลานานหรือตลอดชีวิต ผู้ป่วยจึงไม่ควรกลัวการรับประทานยาต่อเนื่อง ในทางกลับกันผู้ป่วยหลายรายเข้าใจผิดว่าการกินยาต่อเนื่องจะเป็นอันตรายต่อร่างกายเช่นทำให้ตับหรือไตเสื่อมจึงหยุดยาเองเมื่อไม่มีอาการผิดปกติ โดยไม่รู้ตัวว่ามีความดันโลหิตสูงหลังหยุดยาเนื่องจากไม่มีอาการผิดปกติ จนกระทั่งเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หัวใจวาย ไตวาย ผู้ป่วยจึงไม่ควรหยุดยาเอง ยกเว้นเมื่อรับประทานยาแล้วมีความดันโลหิตต่ำ อาการมึนงง หน้ามืด โดยเฉพาะเวลาลุกขึ้นนั่งหรือยืน ควรหยุดยาแล้วไปพบแพทย์ทันที                                                           "โรคความดันโลหิตสูง"ที่ผู้สูงอายุมักเข้าใจผิด

                                                        "โรคความดันโลหิตสูง"ที่ผู้สูงอายุมักเข้าใจผิด

#กรมการแพทย์   #สถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ   #โรคความดันโลหิตสูง  #ผู้สูงอายุ

ป้องกันภูตผีด้วย…. “ท้าวเวสสุวรรณ ชินบัญชรมหาปราบ” #ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย

#ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/knowledge/430175?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=section_knowledge

ป้องกันภูตผีด้วย…. “ท้าวเวสสุวรรณ ชินบัญชรมหาปราบ”

ป้องกันภูตผีด้วย.... "ท้าวเวสสุวรรณ ชินบัญชรมหาปราบ"

ป้องกันภูตผีด้วย…. “ท้าวเวสสุวรรณ ชินบัญชรมหาปราบ” คอลัมน์…  ตามรอยตำนานแผ่นดิน  โดย… เอก อัคคี   FB:Akeakkee ake

ผมว่าบรรดาพญายักษ์ที่คนไทยเรารักมากที่สุด ไม่มีพญายักษ์ตนใดเกินหน้าเกินตา “ท้าวเวสสุวรรณ”ไปได้เลย เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว “ยักษ์”นั้น ตามความเชื่อของคนไทยเรามักจะจัดอยู่ในกลุ่มผู้ร้ายไม่ใช่กลุ่มผู้ดี อาจจะเพราะว่า คนไทยเราจำพฤติกรรมของพญายักษ์นามว่า ทศกัณฐ์ ในเรื่องรามเกียรติมาเป็นข้อยุติ เลยสรุปว่า ขึ้นชื่อว่า”ยักษ์”ต้องเป็นตัวร้าย

          นี่เข้าข่าย—ยักษ์ตนเดียวทำเสียไปทั้งเผ่าพงษ์พันธุ์ เข้าทำนอง “ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง”นั้นแหละครับ!!!!

          แต่เรื่องจริงที่น่าแปลกคือ มีพญายักษ์ตนหนึ่งผู้ที่นามว่า ท้าวเวสสุวรรณ ที่บอกไปแล้วว่า คนไทยเรารักมาก-ถามว่า รักเพราะอะไร?

แฮ่ม…รักเพราะท่านคือ ราชาแห่งโภคทรัพย์และเป็นพญายักษ์ผู้พิทักษ์ปกป้องพระพุทธศาสนา จะเรียกว่า ท่านเป็นยักษ์ธรรมะธรรมโมก็ว่าได้ ในหนังสือสารานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เล่มที่ ๓ หน้า ๑๔๓๙ กล่าวถึงท้าวกุเวรหรือท้าวเวสสุวรรณเอาไว้ว่า

ป้องกันภูตผีด้วย.... "ท้าวเวสสุวรรณ ชินบัญชรมหาปราบ"

 รูปหล่อท้าวเวสสุวรรณ ชินบัญชนมหาปราบ (หน้า)

          “กุเวร-ท้าว พระยายักษ์ผู้เป็นเจ้าแห่งขุมทรัพย์ มียักษ์และคุยหกะ (ยักษ์ผู้เฝ้าขุมทรัพย์) เป็นบริวาร ท้าวกุเวรนั้น บางทีก็เรียกว่าท้าวไวศรวัน (เวสสุวรรณ) ภาษาทมิฬเรียก “กุเวร” ว่า “กุเปรัน” ซึ่งมีเรื่องอยู่ในรามเกียรติ์ว่า เป็นพี่ต่างมารดาของทศกัณฐ์ และทศกัณฐ์ไปแย่งบุษบกของท้าวกุเวรไป ท้าวกุเวรมีรูปร่างพิการผิวขาว มีฟัน ๘ ซี่ และมีขาสามขา (ภาพท้าวเวสวัณจึงมักเขียนท่ายืนแยงแย ถือไม้กระบองยาว อยู่หว่างขา) ท้าวกุเวรเป็นโลกบาลประจำทิศเหนือ คนจีนเรียกว่า “โต้เหวน” หรือ “โต้บุ๋น” คนญี่ปุ่นเรียกว่า “พสมอน”…..”

……………

อ่านประวัติแล้วก็น่าเห็นใจท่านนะ เพราะว่าทศกัณฐ์ที่ร้ายจริงๆกับพี่ชายก็ยังแย่งของ!!
กล่าวสำหรับในพระพุทธศาสนานั้นจะเรียกท่านว่า “ท้าวไพสพ”  ในฐานะที่เป็นเจ้าแห่งภูตผีปีศาจทั้งหลาย คือเป็นเจ้ากรมผู้บังคับบัญชาสูงสุดของบรรดาภูตผีทั้งหลายตำแหน่งนี้ถือว่าสำคัญมากและจากนี้ท่านยังมีตำแหน่งเป็นหนึ่งในคณะจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้ทำหน้าที่คุ้มครองดูแลโลกมนุษย์

          ตามเอกสารโบราณบันทึกกันเอาไว้ว่า อาณาเขตที่ ท้าวเวสสุวรรณ ปกครองนั้นกว้างใหญ่มหาศาลมาก ยิ่งไปกว่านั้นในคณะจตุโลกบาลทั้ง ๔ อันประกอบไปด้วย “พระอินทร์” (ท้าวธตรฐ) ปกครองโลกด้านทิศตะวันออก , “พระยม” (ท้าววิรุฬหก) ปกครองโลกด้านทิศใต้ และ “พระวรุณ” (ท้าววิรูปักษ์) ปกครองโลกด้านทิศตะวันตกและท่านท้าวเวสสุวรรณ(ท้าวกุเวส)ผู้ปกครองโลกด้านทิศเหนือนั้นยังควบตำแหน่งหัวหน้าของคณะจตุโลกบาลด้วย!!

ป้องกันภูตผีด้วย.... "ท้าวเวสสุวรรณ ชินบัญชรมหาปราบ"

รูปหล่อท้าวเวสสุวรรณ ชินบัญชรมหาปราบ(หลัง)

              ท่านท้าวเวสสุวรรณ นั้นมี คฑาหรือกระบองเป็นอาวุธ ซึ่งมีฤทธิ์เดชเป็นที่เกรงกลัวของบรรดายักษ์ อมนุษย์ และภูติผียิ่งนัก  พระเกจิครูบาอาจารย์ทั้งหลายตั้งแต่โบราณนานมารวมไปถึงผู้เรืองวิชา มักนิยมนำพระคาถารวมอาวุธของท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ มารวมกับคาถาพระพุทธเจ้าแล้วจารจารึกในมีดหมอ  ไม้เท้าครู  หรือใช้เสกหวาย  เสกก้านมะยม เสกโพล เสกว่าน เสกทราย เสกข้าวสาร เสกด้ายมงคลลงลูกประคำ  หรือทำน้ำมนต์สำหรับเฆี่ยนขับผีดียิ่งนัก เรียกว่า พระคาถาอาวุธห้าประการ  สวดว่า “สักกัสสะ  วะชิราวุธัง  ยมมัสสะ  นัยยะสาวุธัง  อาฬะวะกัสสะ  ทุสาวุธัง  เวสสุวัณณัสสะ  คะทาวุธัง  พุทธัสสะ  ธัมมะจักกะวุธัง  อะระหัง  พุทโธ  นะโมพุทธายะ”

ด้วยเหตุที่ท่านท้าวเวสสุวรรณ เป็นเจ้าแห่งอสูร คนโบราณจึงมักทำรูป ท้าวเวสสุวรรณ แขวนไว้เหนือเปลเด็กอ่อน เพราะเชื่อว่าจะช่วยป้องกันภูตผีปีศาจไม่ให้มารบกวนได้ รวมทั้งจำหลักรูป ท้าวเวสสุวรรณ ไว้ที่มีดหมอของสัปเหร่อ เพื่อกำราบวิญญาณ  และยังมีผู้พกพารูป ท้าวเวสสุวรรณ หรือทำเป็นเครื่องรางของขลัง ป้องกันภัยจากวิญญาณต่างๆอีกด้วยอีกด้วย

สำหรับเครื่องรางของขลังรูปหล่อจำลองท้าวเวสสุวรรณในอดีตที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในวงการพระเครื่องนั้น  คือ ท้าวเวสสุวรรณสายสำนักวัดสุทัศน์ สร้างโดย พระมงคลราชมุนีหรือพระศรีสัจจญาณมุนี (สนธิ์  ยฺติธฺโร) อันเป็นสมณศักดิ์เดิมของท่านก่อนได้รับเลื่อนเป็น “พระมงคลราชมุนี” ท่านคือผู้สืบทอดการสร้างพระกริ่งจากสมเด็จพระสังฆราช (แพ)ที่ถือว่าเป็นอมตะพระกริ่งของเมืองไทย

เหตุของการสร้างรูปหล่อท้าวเวสสุวรรณในคราวนั้น เกิดจากเมื่อครั้งที่ ท่านไปดำเนินการก่อสร้างพระอุโบสถวัดศรีจอมทอง (วัดตีนโนน) อ. พระพุทธบาท  จ. สระบุรี  ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้บ้านเกิดของท่าน ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ในสมัยนั้น ยังมีความเชื่อในเรื่องภูติผีปีศาจอยู่มาก โดยเฉพาะเรื่องผีปอบ เพราะจะว่าไปแล้วบ้านเมืองในสมัยนั้นโดยเฉพาะชนบทที่ห่างไกลสระบุรีก็เป็นป่าลึก  ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้ดำริสร้างรูปจำลองท้าวเวสสุวรรณขึ้นเพื่อแจกจ่ายแก่บรรดาชาวบ้านไว้เป็นเครื่องรางป้องกันภูติผีต่าง ๆ

ลักษณะของท้าวเวสสุวรรณของท่านพระมงคลราชมุนีจำลองแบบออกมาเป็นรูปยักษ์ยืนถือกระบอง แต่งองค์ทรงเครื่องมีลวดลายชัดเจนสวยงามมาก  โดยเฉพาะลายกระบองจะชัดเจนเป็นพิเศษ ส่วนกระแสเนื้อนั้นท่านได้นำชนวนที่ได้จากการเทพระกริ่งรุ่นก่อนๆ  ที่ท่านเทไว้มาเป็นเชื้อผสมลงไปในเนื้อโลหะ กระแสเนื้อจะออกไปทางเหลืองทอง  มีสนนราคาเช่าหาอยู่ในหลักพันปลาย แต่ถ้าสวยจัด ๆ แบบคมชัดผิวเดิมมีคราบน้ำทองก็ต้องว่ากันเป็นหมื่นกลาง

ป้องกันภูตผีด้วย.... "ท้าวเวสสุวรรณ ชินบัญชรมหาปราบ"

พระครูอรุณธรรมญาน มอบ”ของดี”ให้ผู้เขียนไว้

……………………

แต่ที่ผมอยากจะแนะนำให้ไปเสาะหากันมาไว้พกพาบูชาติดตัวตอนนี้คือ ท้าวเวสสุวรรณ วัดอรุณราชวราราม จัดสร้างโดยท่านพระครูอรุณธรรมญาน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม เพราะเท่าที่ได้รับรู้ว่า สรรพวิชาพุทธาคมของท่านไม่ธรรมดาเพราะร่ำเรียนมาจากหลายสำนักทั้งจากครูบาอาจารย์ที่เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่และจากครูฆารวาสจอมขมังเวทย์ รวมไปถึงจากอาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ ศิษย์เอกหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดระหารไร่นั้นเอง

องค์หล่อท้าวเวสสุวรรณที่ท่านพระครูอรุณธรรมญานสร้างในปีนี้ หลอมรวมมาจากชนวนโลหะธาตุสำคัญคือ ชนวนช่อพระกริ่งชินบัญชร ลป.ทิม อิสริโก วัดระหารไร่ ,ผงตะไบพระกริ่งปี๑๗ ที่มูลนิธิหลวงปู่ทิมนำมาโรยขุนแผนแสนแสบ ๓.ผงยอดเจดีย์ ๔.ก้านชนวนพระกริ่งวัดสุทัศน์ ๕.แผ่นจารอักขระเลขยันต์ต่างๆที่เรียนมาจากอ.คำมา หงส์ทอง ฆารวาสจอมเวทย์แห่งเมืองช้าง-สุรินทร์ และผงตะไบพระกริ่งชินบัญชร

จะเรียกว่า รูปหล่อท้าวเวสสุวรรณ สายช่อพระกริ่งชินบัญชรหลวงปู่ทิม ที่เสกกำกับด้วยพระคาถาชินบัญชรมหาปราบ ก็ไม่ผิดปาก!!

ที่สำคัญท่านพระครูอรุณธรรมญาน ปลุกเสกเดี่ยวด้วยพระคาถาครูเวสสุวรรณเรียกว่าคาถาศิษย์บริวาร ซึ่งการปลุกเสกเดี่ยวท้าวเวสสุวรรณในสายวิชานี้จะปลุกเสกโดยการเดินมนต์ตราพระคาถาที่ครูบาอาจารย์ประสิทธิให้ ไม่นิยมให้พระเกจิอื่นๆมาร่วมนั่งล้อมวงปลุกเสก

เพราะสายวิชานี้ถือว่ามีครูเวสสุวรรณและองค์บรมครูท้าวมหาอปรพรหมจะมาเป็นองค์ประสิทธิให้แล้วโดยตรงถือว่าการปลุกเสกเดี่ยวตามพิธีพรหมศาสตร์ ซื่งท่านพระครูอรุณธรรมญานได้สืบทอดจากพระเดชพระคุณพระธรรมมงคลเจดีย์เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม ซึ่งถือว่าเป็นอาจารย์อาวุโสในสายวิชา ผู้ถือคติว่า ชาติเสือไม่ขอเนื้อใครกิน!

สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างเพื่อซื้อต้นไม้ประดับจัดแต่งพระอารามให้เกิดความสวยงามเพราะเป็นท่องเที่ยวสนองนโยบายพระเดชพระคุณพระธรรมมงคลเจดีย์เจ้าอาวาสวัดอรุณฯใครอยากได้ไว้บูชาพกพาติดตัวก่อนออกเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ เพื่อให้ท่านท้าวเวสสุวรรณปกป้องคุ้มครองก็เชิญไปสอบถามกันได้ที่ ศาลาทำบุญข้างพระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม

ไม่ต้องถามมาที่ผมนะครับ เพราะผมมีไว้กันผี-ตนเดียว

ท้าวเวสสุวรรณ ชินบัญชรมหาปราบ  !!

ไขปริศนา…เหรียญที่แพงอันดับหนึ่ง “หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน” สุดยอดพระเครื่องแห่งเมืองกรุง #ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย

#ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/knowledge/429339?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=section_knowledge

ไขปริศนา…เหรียญที่แพงอันดับหนึ่ง “หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน” สุดยอดพระเครื่องแห่งเมืองกรุง

ไขปริศนา...เหรียญที่แพงอันดับหนึ่ง "หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน" สุดยอดพระเครื่องแห่งเมืองกรุง

ไขปริศนา…เหรียญที่แพงอันดับหนึ่ง “หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน” สุดยอดพระเครื่องแห่งเมืองกรุง คอลัมน์…  ตามรอยตำนานแผ่นดิน  โดย…  เอก อัคคี  FB: Akeakkee ake

ผมเคยมีโอกาสไปกราบรูปเหมือนของหลวงปู่ไข่ อินฺทสโร ที่วัดเชิงเลนหรือวัดบพิตรพิมุขวรวิหาร ริมถนนจักรวรรดิ กรุงเทพมหานคร

อ่านข่าว…  พระของขวัญวัดปากน้ำ ๑๒๐ ปี รพ.ศิริราช ของดีที่ไม่ควรมองข้าม… ได้ทั้งพุทธคุณและบุญกุศล

เมื่อเอ่ยนามหลวงปู่ไข่ อินฺทสโร หลายท่านอาจจะเฉยๆ แต่ถ้าใครเป็นนักเลงพระเครื่องหรือนักสะสมเหรียญคณาจารย์ ต้องบอกว่า นามนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะว่า ท่านเป็นเจ้าของเหรียญแห่งตำนานที่ว่ากันว่า เป็นเหรียญที่แพงที่สุดในโลก เพราะ “บอย ท่าพระจันทร์”ออกมาการันตีผ่านสื่อมวลชนว่า สภาพสวยสมบูรณ์ เหรียญเดียว ๓๐ ล้านบาท รับเช่าถ้าใครมี-ยกมือขึ้น(ราคาเมื่อ ๒๕๕๗)!!

ไขปริศนา...เหรียญที่แพงอันดับหนึ่ง "หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน" สุดยอดพระเครื่องแห่งเมืองกรุง

เหรียญหลวงปู่ไข่ มีรอยจาร 
ภาพจาก”หนังสือประวัติและเกียติคุณหลวงปู่ไข่ อินฺทสโร” น.๒๓

          เพราะเหรียญรูปเหมือนของท่าน สร้างน้อยมากบ้างก็ว่าสร้างเพียง ๒๖ เหรียญ บ้างก็ว่า ๗๒ เหรียญ(เท่ากับ๖รอบอายุ) ยังไม่มีข้อยุติไม่มีบทสรุปที่ชัดเจน แต่เป็นมาตราฐานว่าจำนวนไม่เกินนี้แน่นอน และสำหรับหลวงปู่ไข่นั้น นอกจากเหรียญรุ่นแรกของท่านจะโด่งดังอมตะแล้ว ยังมีวัตถุมงคลของท่านที่ติดอันดับอยู่ในชุดเบญจภาคีเหมือนกัน เพราะป๋ายัพ-พยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย เคยบอกว่า เบญจภาคีพระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก แพงทุกองค์ คือ 1.พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเคลือวัลย์ จ.ชลบุรี 2.พระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง จ.นนทบุรี 3.พระปิดตาหลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน (วัดบพิตรพิมุข) กทม. 4.พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี  และ 5.พระปิดตาหลวงปู่จีน วัดท่าลาด จ. ฉะเชิงเทรา

วันที่ไปทำบุญทางเจ้าหน้าที่วัดฯได้มอบหนังสือปกแข็งชื่อ “หนังสือประวัติและเกียติคุณหลวงปู่ไข่ อินฺทสโร” ให้ผมหนึ่งเล่มเอาไว้ศึกษาหาความรู้ ซึ่งเป็นหนังสือที่ผ่านการชำระข้อมูลแล้ว พิมพ์ครั้งแรกเมื่องานประชุมเพลิงหลวงปู่ไข่ ในปี ๒๔๗๖ หลังท่านมรณภาพได้ ๑๐๐วันและพิมพ์ครั้งที่๒ เมื่อ๒๕๑๕ ในโอกาสที่ทางวัดทำพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลย้อนยุคหลวงปู่ไข่ ชุดใหญ่และมาปรับปรุงต้นฉบับใหม่อีกครั้ง เป็นเล่มที่ผมได้รับมอบมาในปี ๒๕๔๘ โดย พระเทพปริยัติสุธี เจ้าอาวาสวัดบพิตรพิมุขวรวิหาร จัดพิมพ์เดือนพฤศจิกายน

ไขปริศนา...เหรียญที่แพงอันดับหนึ่ง "หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน" สุดยอดพระเครื่องแห่งเมืองกรุง

เหรียญรุ่น ๒ อยู่ในตลับพร้อมใช้อย่างดี ที่วัดยังเพียบ

          ในเล่มนี้ระบุข้อมูลเอาไว้ชัดเจนว่า 
” เหรียญหลวงปู่ไข่ เป็นรูปเหมือนของท่านนั่งขัดสมาธิ ครองจีวรเฉวียงบ่า พาดผ้าสังฆาฎิคาดรัดประคดอก มีตัวอักษรว่า “อินฺทสโรภิกขุ”ซึ่งเป็นฉายาของท่าน เนื้อสำริดออกเหลือง ท่านสร้างไว้แจกลูกศิษย์ที่ใกล้ชิด ลักษณะจะเป็นเหรียญรูปไข่ ขนาดกว้าง ๒.๖ เซ็นติเมตร ส่วนวงรียาวประมาณ ๓.๕ เซ็นติเมตร มีหูห่วงเชื่อมตะกั่ว ส่วนด้านหลังเรียบมีรอยจารด้วยเหล็กแหลมลงอักขระยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ “นะโมพุทธายะ”

          นี่แหละครับ  จึงทำให้กลายเป็น“ของดีที่หลายคนมองข้าม”ไปอย่างน่าเสียดาย

          ถ้าถามว่าเรื่องความหายากและราคาเช่าหานั้น-เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่ไข่ อินฺทสโร ๒๔๗๒(แต่บอย ท่าพระจันทร์บอก ๒๔๗๓) หายากและแพงมานานแล้วและขอบอกว่าของเก๊-ของเลียนแบบ มีจำนวนมากมายมหาศาลนับล้านเหรียญที่สำคัญเป็นเหรียญที่ไม่สามารถจัดอยู่ในชุด เบญจภาคีเหรียญคณาจารย์ยอดนิยมได้ เพราะเนื่องจากมีจำนวนน้อยและหายากมากถึงมากที่สุด

          สำหรับชุดเหรียญเบญจภาคี ประกอบด้วย เหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ(อยุธยา),เหรียญหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม(สมุทรสงคราม),เหรียญหลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม(เพชรบุรี),หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า (ชัยนาท),หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง(บางขุนเทียน กรุงเทพฯ) ซึ่งทั้งห้าเหรียญ ถือว่าเป็นสุดยอดเหรียญเบญจภาคียุคเก่า แต่แม้ว่าจะหายาก ว่ากันว่ายังพอหาได้มีหมุนเวียนในตลาดนักสะสม

          เพราะการจะยกย่องให้เป็นสุดยอดเหรียญเบญจภาคีนั้น จะต้องมีองค์ประกอบหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ค่านิยม,พุทธคุณ,พุทธศิลป์,ราคาเช่าหาและที่สำคัญคือ การวนเวียนเหรียญในตลาดนักสะสม ซึ่งทั้ง๕ เหรียญมีครบถ้วนแต่สำหรับเหรียญหลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน อย่างที่บอกว่า หมดสิทธิ์ เพราะข้อสุดท้ายคือไม่มีวนเวียน!!

          เพราะถ้านำเหรียญหลวงปู่ไข่ ไปจัดอยู่ในชุดเบญจภาคี ต่อให้ใครมีครบ๔ เหรียญก็ยังขาดเหรียญที่๕ คือ เหรียญหลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน อยู่ดี เพราะความสบายใจของทุกฝ่ายและเพื่อให้การเล่นหาสะสมมีอนาคต จึงมีการตัดเหรียญของหลวงปู่ไข่ออกมา เช่นเดียวกับสมัยก่อนนั้น เหรียญหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม ไม่ได้อยู่ในชุดเบญจภาคี แค่เหรียญที่อยู่ในชุดคือ เหรียญหลวงปู่ขาว วัดหลักสี่  แต่เพราะความหายากมากๆเลยต้องตัดออกไปแล้วเอาเหรียญหลวงพ่อคง เข้ามาแทน

          เหรียญหลวงปู่ไข่ เหรียญจริง-เหรียญแท้ คนที่นำมาโชว์อยู่บ่อยๆผ่านสื่อมวลชนทั้งหลายก็เห็นจะมีแค่ไม่กี่ท่าน หนึ่งในจำนวนนั้นคือ “บอย ท่าพระจันทร์” เซียนพระร้อยล้านเท่านั้นเอง ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า น่าจะมีหลงเหลืออยู่ไม่น่าจะเกิน๑๐ เหรียญ เพราะผ่านกาลเวลามายาวนานและคนในสมัยก่อนก็ไม่ได้สะสมเพื่อผลประโยชน์ อาจจะมอบให้ลูกหลานไป ทำสูญหายไปหรือเวลามีงานหล่อพระพุทธรูปก็หย่อนลงไปในเบ้าหล่อมเลยก็มี ฯลฯ

          อาจจะด้วยเหตุผลสารพันนี้จึงทำให้เหรียญรุ่นนี้ที่สร้างน้อยอยู่แล้วยิ่งมีน้อยลงไปอีก!?!

          เขา ยังเคยอธิบายเอาไว้ว่าปกติแล้ว ถ้าเป็นเหรียญวงรีรูปทรงไข่ การสร้างเหรียญตั้งแต่ปี ๒๔๖๐- ๒๔๘๐ ประมาณ๙๘% จะเป็นเหรียญชนิดหูเชื่อม แต่ความพิเศษของเหรียญหลวงปู่ไข่รุ่นนี้ แม้จะสร้างในปี ๒๔๗๓  กลับเป็นเหรียญหูในตัว ในกรณีการสร้างเหรียญปั๊มข้างกระบอก ส่วนใหญ่จะเป็นเหรียญที่มีการสร้างในหลักร้อยเหรียญขึ้นไปการผลิตเหรียญรุ่นนี้ เป็นเป็นเหรียญข้างเลื่อย ชนิดหูในตัว (เหรียญที่เลื่อยเผื่อหูสำหรับเจาะรูภายหลัง โดยเหรียญและหูเชื่อมทำมาพร้อมๆ กัน) ส่วนที่มาเข้าใจกันว่า เป็นเหรียญหูเชื่อม ถ้าเชื่อตามข้อมูลในหนังสือชื่อ “หนังสือประวัติและเกียติคุณหลวงปู่ไข่ อินฺทสโร”  )

          ผมสันนิษฐานเอาเองว่า ถ้าเช่นนั้นจริงคงเป็นเพราะเซียนรุ่นเก่าผู้เก๋าประสบการณ์คงไม่อยากเปิดเผยจุดสำคัญ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นได้ว่า เซียนต้องการซื้อเก็บไว้เอง หรือไม่ก็อาจจะมีความรู้เรื่องเหรียญไม่มากพอ

          เหรียญหลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน จึงเป็นเหรียญในตำนาน ที่ใครได้ครอบครองถือว่า เป็นสุดยอดของคนเล่นพระเหรียญอย่างแท้จริง

          เอาน่า…ขอปลอบใจว่า แต่ถ้าใครไม่คิดมาก นิมนต์รุ่น ๒ ไปเก็บไว้พกพาบูชาติดตัวก็ได้ แนะนำไปไปเช่าที่วัดฯเพราะเห็นยังมีให้เช่าบูชาอยู่ในราคา ๕๐๐บาท เป็นเหรียญที่สร้างปี ๒๕๑๕ แต่ว่าทุกวันนี้ยังมีไม่ขาดวัดเพราะสร้างไว้ ๗๓,๐๐๐ เหรียญ มีพระเกจิ ๕๖ ร่วมพุทธาภิเษก เอาน่า-เข้มขลังอยู่แล้ว!!

          ส่วนรุ่นแรกจะหากันไปทำไม…มีไม่เกิน ๗๒ เหรียญ แถมปลุกเสกเดี่ยวอีกต่างหาก…แหะ แหะ(พวกองุ่นเปรี้ยวชัดๆ-ฮา)

พระของขวัญวัดปากน้ำ ๑๒๐ ปี รพ.ศิริราช ของดีที่ไม่ควรมองข้าม… ได้ทั้งพุทธคุณและบุญกุศล #ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย

#ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/knowledge/428495?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=section_knowledge

พระของขวัญวัดปากน้ำ ๑๒๐ ปี รพ.ศิริราช ของดีที่ไม่ควรมองข้าม… ได้ทั้งพุทธคุณและบุญกุศล

พระของขวัญวัดปากน้ำ ๑๒๐ ปี รพ.ศิริราช ของดีที่ไม่ควรมองข้าม... ได้ทั้งพุทธคุณและบุญกุศล

พระของขวัญวัดปากน้ำ ๑๒๐ ปี รพ.ศิริราช ของดีที่ไม่ควรมองข้าม… ได้ทั้งพุทธคุณและบุญกุศล คอลัมน์…  ตามรอยตำนานแผ่นดิน   โดย…  เอก อัคคี

          เมื่อวันก่อนผมมีโอกาสเดินทางไปโรงพยาบาลศิริราชเพื่อพาลูกชายไปหาคุณหมอและก่อนกลับก็แวะไปที่ศิริราชมูลนิธิ เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับทางโรงพยาบาลเพื่อร่วมสร้างอาคารหลังใหม่ที่ต้องระดมทุนอีกจำนวนมหาศาล

ทางมูลนิธิฯก็มอบของที่ระลึกให้มาหนึ่งชิ้น ปรากฏว่า เป็นพระเครื่องครับ

นี่คือ พระของขวัญเนื้อผงสีขาว ที่เรียกกันว่า พระของขวัญวัดปากน้ำ รุ่น ๑๒๐ปี โรงพยาบาลศิริราช ออกมาครั้งแรกในปี ๒๕๕๑ 

ส่องดูแล้วก็งามจับตา เนื้อหามวลสารก็แน่นหนึบดีขาวนวลสวยงามมาก

กล่าวสำหรับพระของขวัญวัดปากน้ำ นั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งพระเครื่องที่ได้รับความนิยมมายาวนาน เป็นพระผงองค์เล็กๆ ที่หลวงพ่อพระมงคลเทพมุนี หรือ หลวงพ่อสด เจ้าของตำรับเคล็ดวิชาธรรมกาย ท่านได้สร้างขึ้น มีทั้งหมด ๓ รุ่น ด้วยกัน คือ รุ่น ๑ รุ่น ๒ และรุ่น ๓

พระของขวัญวัดปากน้ำ ๑๒๐ ปี รพ.ศิริราช ของดีที่ไม่ควรมองข้าม... ได้ทั้งพุทธคุณและบุญกุศล

          เรื่องแปลกแต่จริงคือพระของขวัญแต่ละรุ่นที่หลวงพ่อท่านสร้างขึ้นมานี้ ว่ากันว่าหลวงพ่อท่านไม่ได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกแต่ประการใด แต่ท่านกระทำให้สำเร็จขึ้นมาด้วยวิธีทำสมาธิภาวนา ตามหลักวิชาธรรมกาย

          แต่ปรากฏว่าพระของขวัญของหลวงพ่อสด จึงมีพุทธคุณ มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง

สำหรับเหตุผลที่หลวงพ่อสดท่านได้สร้างพระของขวัญขึ้นมาก็เพื่อจะมอบให้เป็นของขวัญแก่ผู้ที่มาทำบุญเพื่อสมทบทุนในการก่อสร้างโรงเรียนพระประยัติธรรมของวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

          พระของขวัญ รุ่น ๑ นั้นสร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๙๓ จำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์ ซึ่งเท่ากับจำนวนพระธรรมขันธ์   โดยที่หลวงพ่อสดได้ปรารถว่าต้องการที่จะรวบรวมจตุปัจจัยที่ได้ในการนี้ นำมาเพื่อสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม

พระของขวัญวัดปากน้ำ ๑๒๐ ปี รพ.ศิริราช ของดีที่ไม่ควรมองข้าม... ได้ทั้งพุทธคุณและบุญกุศล

          โดยได้ริเริ่มกดพิมพ์ขึ้นเมื่อประมาณกลางเดือน ๗ก่อนเข้าพรรษาหนึ่งเดือน   เมื่อกดพิมพ์พระเสร็จแล้วก็ได้เริ่มทำพิธีบรรจุพุทธานุภาพตามหลักวิชาธรรมกายด้วยตัวของท่านเองตลอดพรรษา คือในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ไปจนถึงขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑รวมสามเดือน และได้เริ่มแจกในวันแรม ๖ค่ำ เดิอน ๑๑ ปีเดียวกัน ในวันคล้ายวันเกิดของท่าน ณ อุโบสถ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

จากนั้นหลวงพ่อสดได้ทำการแจกเรื่อยมา จนกระทั่งหมดลง เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๗

ท่านผู้รู้บอกผมว่า พระของขวัญรุ่นแรกนั้นมีทั้งหมด๑๐ พิมพ์ จะมีความกว้างประมาณ ๑.๔ ซม. ยาวประมาณ ๒ ซม.   และความหนาประมาณ ๔-๕ มม. พุทธลักษณะทั่วไปเป็นพระนั่งสมาธิราบ ปางปฐมเทศนา องค์พระนั่งอยู่ในซุ้มเรือนแก้วยอดแหลม พระหัตถ์เบื้องขวายกขึ้นเสมอพระอุระ (อก) มีลักษณะจีบนิ้วคือ พระดัชนี (นิ้วชี้) กับพระอังคุฐ (นิ้วหัวแม่มือ) จดกันเป็นวงกลม พระหัตถ์เลื้องซ้ายวางเหนือพระเพลา (ตัก) ข้างซุ้มทั้งสองด้านมีเส้นม่านเป็นขึดๆ เรียงตามแนวราบ เป็นลำดับลงมา ฐานเป็นบัวคว่ำ-บัวหลายสองชั้น ด้านหลังองค์พระพิมพ์เป็นอักขระขอม อ่านว่า ธรรมขันธ์

          ส่วนมวลสารสำคัญของพระของขวัญรุ่นแรก คือมีส่วนผสมหลายอย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นดอกมะลิแห้งซึ่งบดละเอียด, เส้นเกศาของหลวงพ่อ และผงวิเศษที่หลวงพ่อทำขึ้นอีกส่วนหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอื่นๆ  โดยได้นำเอาส่วนผสมต่างๆ มาโขลกตำจนละเอียดเข้ากันดีแล้วจึงได้นำมาพิมพ์ แม้ในรุ่น๒ และรุ่น ๓ก็ใช้กรรมวิธีเดียวกันและพระของขวัญวัดปากน้ำรุ่นแรกนี้ มีทั้งชนิดที่เคลือบทาเชลแล็ก และทั้งชนิดที่ไม่ได้เคลือบทา แต่ส่วนมากจะไม่ได้เคลือบทาไว้ และพระที่เคลือบทาเชลแล็กในรุ่นนี้ ถึงจะมีบ้างก็ส่วนน้อยเท่านั้น

          กล่าวสำหรับการที่ทางโรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วยคณะศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อพระมงคลเทพมุนี หรือหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ) และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วงได้จัดสร้างพระผงวัดปากน้ำ รุ่น “ศิริราช ๑๒๐ ปี เป็นของขวัญขึ้นมาถือว่ามีความน่าสนใจมาก เพราะนอกจากจะได้ของดีที่มีพุทธคุณตามแบบฉบับของพระของขวัญ วัดปากน้ำแล้วได้บุญกุศลแรง

พระของขวัญวัดปากน้ำ ๑๒๐ ปี รพ.ศิริราช ของดีที่ไม่ควรมองข้าม... ได้ทั้งพุทธคุณและบุญกุศล

          เพราะปัจจัยนำไปสร้างอาคารผู้ป่วย  ซึ่งมีด้วยกัน ๒ เนื้อ คือ พระของขวัญเนื้อผงสีขาว

ผสมมวลสารสำคัญคือ ผงมวลสารดอกมะลิ ตามแบบฉบับของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ และพระของขวัญเนื้อผงสีเขียว   ผสมมวลสารเกสรดอกไม้ ตามแบบฉบับหลวงพ่อสดวัดปากน้ำและมีส่วนผสมจากผงจิตรลดา ,ผงพระพุทธเมตตาและผงพระพุทธคุณที่ใช้จัดสร้างพระเนื้อผงสมเด็จศิริราช ๑๐๐ ปี

          ทำบุญที่โรงพยาบาลศิริราชตอนนี้ได้พระเครื่องของขวัญที่มีเจตนาสร้างดี ช่วยคนป่วยคนเจ็บ รับรองว่าได้บุญแรงจริงๆนะครับ!!

เหรียญแจกแม่ครัว “พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์” ใครมีไว้ไม่มีอด #ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย

#ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/knowledge/427684?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=section_knowledge

เหรียญแจกแม่ครัว “พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์” ใครมีไว้ไม่มีอด

เหรียญแจกแม่ครัว "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" ใครมีไว้ไม่มีอด

เหรียญแจกแม่ครัว “พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์” ใครมีไว้ไม่มีอด คอลัมน์… ตามรอยตำนานแผ่นดิน  โดย… เอก อัคคี FB : Akeakkee ake

หลายปีก่อนผมกลับมาไปกราบแม่และขอรื้อหิ้งพระแม่ในฐานะอภิชาติบุตรจะทำอะไรต้องขออนุญาตก่อน ท่านพยักหน้า ผมเลยไปเจอเหรียญเหี้ยนๆเหรียญนี้ “เหรียญพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์” 

เหรียญแจกแม่ครัว "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" ใครมีไว้ไม่มีอด

          ผมเอาผ้าเช็ดฝุ่นออกแล้ว ถามแม่ว่า ทำไมเหี้ยนอย่างนี้ล่ะ แม่หัวเราะก่อนจะบอกว่าก็สมัยก่อนเป็นแม่ค้าขายปลาในตลาดสด มีคนเขาให้บอกว่าเป็น เหรียญพ่อท่านคล้ายแจกแม่ครัว ใส่ตะกร้าเงินทำมาค้าขายแล้วจะดี เงินทองไม่ขาดมือมีกินมีใช้ไม่มีอด แม่เลยพกพาบูชาติดตัวบ้าง,ใส่ตะกร้าเงินบ้าง เสียกสีนานปีเข้าเลยเหี้ยนสึกหรอหมดแล้ว

พอได้ยินอย่างนั้นผมเลยขอท่านว่าอยากเก็บไว้บูชาติดตัว จะได้เหลือกินเหลือใช้เหมือนแม่ แกหัวเราะร่วนเลยรีบออกตัวว่า เอ็งคิดว่าแม่รวยรึไง….

แหม…เข้าทางโจรเลย ผมรีบยิงตรงว่า ไม่รู้ว่ารวยหรือเปล่า จนกว่าจะยกมรดกให้โน่นแหละถึงจะรู้ ว่าแล้วเราสองแม่ลูกก็หัวเราะกันตาหยีตามประสาคนรู้ทางกัน…555 ก็ท่านเป็นแม่ผมนี่ครับจะไม่รู้ไส้รู้พุงลูกชายคนโตคนนี้ได้ไง(ฮา) ท่านรู้ว่าผมพูดเล่นครับเรื่องมรดกสมบัติ-แต่เอาจริง(ฮาอีกที)

……………………………..

ผมมาศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมและสอบถามท่านผู้รู้ในวงการพระเครื่อง จนได้ความว่า เหรียญพ่อท่านคล้าย รุ่น แจกแม่ครัว ถือเป็นพระเครื่องยอดนิยมอีกรุ่นหนึ่งในสายของพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ เทวดาเมืองนครฯ

สร้างขึ้นเมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๐๒ ด้วยเหตุที่ว่า ในสมัยนั้นวัดสวนขัน อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราชที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่นั้น เริ่มมีชาวบ้านได้มาตั้งบ้านเรือนอยู่รอบๆวัดสวนขันเป็นจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการขยายตัวของครัวเรือนมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีการสร้างบ้านมาติดต่อกับพื้นที่ของวัด เรียกว่าบ้านล้อมวัดกันแล้ว

ทางคณะกรรมการวัดสวนขันจึงได้ประชุมหารือกัน และได้สรุปแนวคิดที่จะก่อสร้างกำแพงวัดพร้อมซุ้มประตูบอกชื่อวัด เพื่อกั้นอาณาเขตวัดให้เป็นสัดส่วนแยกจากบ้านเรือนของชาวบ้าน หลังจากที่ประชุมหารือกันจนได้ข้อสรุปแล้ว จึงได้เข้าขอความเห็นชอบจากพ่อท่านคล้ายซึ่งท่านก็ได้อนุญาต ชาวบ้านจึงได้เรี่ยไรปัจจัยต่างๆแล้วนำไปซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างต่างๆ ตลอดจนช่วยกันก่อสร้างกำแพงวัดพร้อมซุ้มประตูบอกชื่อวัดสวนขัน จนแล้วเสร็จประมาณกลางเดือน ๔ หรือเดือนมีนาคม

เหรียญแจกแม่ครัว "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" ใครมีไว้ไม่มีอด

          ในวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๐๒ ทางกรรมการวัดและชาวบ้านจึงได้มีการจัดงานฉลองกำแพงวัดขึ้นพร้อมกันกับวันสรงน้ำทำบุญครบรอบวันเกิดอายุครบ ๘๓ ปี ของพ่อท่านคล้ายไปด้วยในคราวเดียว

          ในวาระพิเศษอย่างนี้จึงได้มีการแจกเหรียญวัตถุมงคลเหรียญรูปเหมือนของพ่อท่านคล้ายขึ้นมาด้วย  ซึ่งจัดสั่งมาโดยแม่ชีเขมร อภัยวงศ์ แม่ชีผู้อุปัฏฐากพ่อท่านคล้าย เพื่อต้องการจะแจกให้แก่ชาวบ้านที่มาร่วมงานและมาประกอบอาหารการกินต่างๆ โดยเหรียญดังกล่าวจัดสั่งปั๊มมาจากกรุงเทพ จำนวนประมาณ ๒,๐๐๐  เหรียญแล้วมอบให้พ่อท่านคล้าย ปลุกเสกเดี่ยว จนท่านพอใจแล้วจึงนำมาแจกให้กับคนที่มาร่วมงาน

          ปรากฏผู้ที่ได้ไปครอบครองก็เจอประสบการณ์มากมาย โดยเฉพาะด้านการทำมาค้าขายเมตตามหานิยมถึงว่า ฉมังนัก เป็นเหรียญที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าในเมืองนครศรีฯและจังหวัดใกล้เคียงนิยมเสาะหากันมาก

จนเหรียญแจกแม่ครัวโด่งดังไปทั่วประเทศ เพราะชื่อก็เป็นโภคทรัพย์อยู่แล้ว แจกแม่ครัว…แสดงว่ามีกินไม่มีอด เพราะผมเองก็ไม่เคยเห็นพ่อครัวแม่ครัวที่ไหนอดอยากปากแห้งสักคน เพราะทำไปกินไป ของดีๆก่อนจะปรุงเลี้ยงแขกเหรื่อ แหม…ก็ต้องเก็บไว้หน่อย พุงปลา,จำปีตีนวัว,โคนหาง,เนื้อกระพุ้งแก้มหมู ฯลฯ

เหรียญแจกแม่ครัว "พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์" ใครมีไว้ไม่มีอด

เมื่อเป็นมงคลอย่างดีด้านการทำมาหากิน คนก็ต้องการกันมาก จากเหรียญแจกฟรี ราคาก็มีเพิ่มขึ้นจนแพงหลายหมื่น ทุกวันนี้เลยมีเหรียญปลอม-เหรียญเลียนแบบออกมาไม่น้อย ผมไปสอบถามจากผู้รู้หลายท่าน ต่างมีความเห็นตรงกันว่า วิธีดูเหรียญพ่อท่านคล้าย รุ่นแจกแม่ครัว ปี2505 วัดสวนขัน ของแท้นั้น มีข้อสังเหตุดังนี้

คือบริเวณพื้นเหรียญจะเห็นเส้นวิ่งจากขอบเหรียญมาบริเวณกลางเหรียญค่อนข้างชัดเจน สำหรับเหรียญเก๊จะไม่มี สำหรับด้านหลังเหรียญ ลักษณะเส้นยันต์ปั๊มได้คมชัดเป็นแท่งมีเหลี่ยมมีมุม สำหรับเหรียญปลอมนั้นจะไม่เป็นแท่งครับ

ซึ่งผู้ที่ชี้จุดตายของเหรียญรุ่นนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจคือ คุณอ้น หาดใหญ่ คุณอ้น บอกว่าเราควรที่จะรู้ว่ารูปแบบและธรรมชาติของเหรียญแท้นั้นเป็นอย่างไร จุดสำคัญคือ

 บริเวณคอหูเหรียญแท้ จะมีลักษณะเว้าคอคอด ในขณะที่เหรียญปลอม คอหูเหรียญตั้ง

กรณีนี้ใช้ดูเหรียญหลวงพ่อคลิ้งรุ่นโกหว่าได้เหมือนกันครับ(แต่ เอ้ โพสพอกไปแบบนี้ เดี๋ยวพรรคพวก เอาไปแก้ไข ก็ต้องระวังกันหน่อยนะครับ) และเนื้อบริเวณหูเหรียญด้านหลังของปลอม ก็ไม่แน่น รอยเจาะหูมาด้านหลัง ก็ไม่ปลิ้น แบบของแท้ครับ

          เส้นสายจากการปั้มเหรียญของแท้ เห็นชัดเจน ของปลอมจะไม่มี
ตัวหนังสือ ยันต์บางจุดของปลอม ดูคล้าย แต่ไม่เหมือนสักทีเดียว
ก้อนเนื้อในหูด้านซ้าย ของปลอมใหญ่กว่าของแท้ ที่ดูเล็ก และตื้น
เนื้อทองแดง ของปลอม ดูหมอง กว่าของแท้ ราวกับว่า คุณภาพทองแดงด้อยกว่าและถ้าเป็นเหรียญแท้ไม่ผ่านการใช้ มักจะมีผิวไฟระเรื่อ ๆ ทุกองค์ มากน้อยแล้วแต่การเก็บรักษา

…………………….

แต่จะมาดูจากเหรียญของผมไม่ได้นะครับ เพราะว่า ของผมเป็นเหรียญที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน ความเค็มของเหงื่อแม่ค้าอย่างแม่ผมกัดกร่อนจนร่อนสึก ซึมเข้าไปในอณูของเนื้อหนังแม่ผู้ให้กำเนิดผมและเป็นผู้ที่เคารพศรัทธาพ่อท่านคล้ายอย่างสุดหัวใจ

          ความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ของเหรียญรุ่นนี้ สำหรับผมไม่มีคำบรรยายใดๆที่จะลึกซึ้งเท่ากับความจริงที่ปรากฏตรงหน้า แม่ผมจากแม่ค้าขายปลาเข่งเล็กๆเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน มาวันนี้ ท่านมีกิจการมากมายอยู่ดีกินอร่อย ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งก็เพราะบารมีเหรียญแจกแม่ครัวนี่แหละครับ!! 

          (ปล.ผู้ที่สนใจจะสึกษา เรื่องราวประวัติและเหรียญพ่อท่านคล้าย หาอ่านในหนังสือ “พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์”เรียบเรียงโดย ธรรมยุทธ  ธนสารสมบัติ  สนพ.นาครมีเดีย จัดพิมพ์)

แพทย์เสียงแตก “หลักฐานไม่ชัดเจน” ควันบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงติดโควิด-19 มากขึ้น #ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย

#ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/knowledge/427383?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=section_knowledge

แพทย์เสียงแตก “หลักฐานไม่ชัดเจน” ควันบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงติดโควิด-19 มากขึ้น

แพทย์เสียงแตก "หลักฐานไม่ชัดเจน" ควันบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงติดโควิด-19 มากขึ้น

แพทย์เสียงแตก “หลักฐานไม่ชัดเจน” ควันบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงติดโควิด-19 มากขึ้น

           สถานการณ์แพร่ระบาดใหญ่ของโรคจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้พลเมืองโลกตื่นตระหนกและระแวงภัยรอบตัว หนึ่งในข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นล่าสุด คือประเด็น การพ่นควันบุหรี่และไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้าอาจเป็นช่องทางแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งหลายหน่วยงานออกมาให้ข้อมูลด้านนี้โดยการเชื่อมโยงกับสถิติผู้ป่วยเพศชายได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 รุนแรงถึงตายมีจำนวนมากกว่าเพศหญิงนั้น  มีปัจจัยด้านประวัติสูบบุหรี่ทั้งในอดีตและปัจจุบันเกี่ยวเนื่องด้วย

แพทย์เสียงแตก "หลักฐานไม่ชัดเจน" ควันบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงติดโควิด-19 มากขึ้น

นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนตั้งสมมติฐานว่าอาจเป็นเพราะผู้ชายมีแนวโน้มที่จะสูบบุหรี่มากกว่าเพศหญิงเพราะประชากรชายเกือบสองในสามสูบบุหรี่เปรียบเทียบกับผู้หญิงที่มีอัตราการสูบบุหรี่น้อยกว่า 5% ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจีนกล่าวว่ามีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนทฤษฎีนี้เนื่องจากมีเพียงร้อยละ 1.4 ของการเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาไวรัสในจีนที่เป็นผู้สูบบุหรี่

ขณะที่ หน่วยงานสาธารณสุขและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายรายก็ให้เห็นความว่าไม่มีหลักฐานชี้ชัดที่จะสรุปข้อสันนิษฐานที่เกิดขึ้น โดยนางโรซานนา โอ คอนนอร์ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ (Public Health England: PHE) ระบุถึงรายงานของ PHE ในปี 2018 ที่ยืนยันว่าไอของบุหรี่ไฟฟ้าไม่เป็นอันตรายต่อผู้ที่อยู่รอบข้าง และกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าสามารถติดเชื้อไวรัสโคโรน่าจากการสัมผัสกับไอละอองของบุหรี่ไฟฟ้า

ด้านนักวิชาการด้านการแพทย์ ดร.นีล เบโนวิตส์ (Dr.Neal Benowitz) ศาสตราจารย์เกียรติคุณด้านแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซาน ฟรานซิสโก แย้งว่ายังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะสรุปได้ว่าควันบุหรี่และไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้าช่วยกระจายเชื้อไวรัสได้  ยกเว้นกรณีผู้พ่นควันมีอาการไอและจามร่วมด้วย

ดร.เบโนวิตส์ เผยกับ เมลล์ออนไลน์ เวบไซต์ข่าวของอังกฤษว่า ปริมาณน้ำมูกเสมหะและน้ำลายใน ควันและไอระเหยบุหรี่ไฟฟ้าที่พ่นออกมานั้นมีน้อยมากจนไม่น่าจะเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อร้ายนี้ได้ โดยอธิบายว่า “ควันที่พ่นจากผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า จะประกอบด้วย อนุภาคขนาดเล็กมากเป็นเหมือนละอองน้ำ ที่มีสารโพรไพลีนไกลคอล (propylene glycol)  สารกลีเซอรีน (glycerin) และสารแต่งรสแต่งกลิ่นเท่านั้น ไม่มีสารคัดหลั่งอย่างน้ำลายของคนสูบบุหรี่กระจายออกมาด้วย” โดยสารเคมีที่ ดร.เบโนวิตส์ เอ่ยถึง ทั้ง โพรไพลีนไกลคอล และ กลีเซอรีน ได้รับการรับรองจากทางองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ FDA ว่ามีความปลอดภัยในการใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารและยา เช่นเดียวกับสารแต่งกลิ่นและรส ที่ปลอดภัยใช้กับอาหารสำหรับบริโภคทั่วไปได้

ดร.เบโนวิตส์  ยังย้ำว่า ควันบุหรี่ไฟฟ้ามีลักษณะเป็นไอ ที่ระเหยได้รวดเร็วกว่าละอองน้ำลายหรือเสมหะที่ออกมาจากการไอจามทั่วไป โดยกล่าวว่า “ส่วนของควันที่เกิดจากไอระเหยในบุหรี่ไฟฟ้านั้นจะระเหยไปอย่างรวดเร็วเพราะเป็นอนุภาคขนาดเล็กมาก  เมื่อเทียบกับอนุภาคขนาดใหญ่กว่าที่ออกมาพร้อมกับการไอหรือจามและลอยอยู่ในอากาศได้นานกว่า ผมจึงไม่คิดว่า ควันจากบุหรี่ไฟฟ้าจะเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19  ยกเว้นมีการไอหรือจามขณะพ่นควันออกมา”  (อ้างจากบทสัมภาษณ์ใน http://www.mailonline.com)

ข้อมูลจากเวปไซด์ขององค์การอนามัยโลก (WHO ) ก็สรุปเพียงว่าผู้สูบบุหรี่มีแนวโน้มที่จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ COVID-19 เนื่องจากนิ้วที่คีบบุหรี่อาจสัมผัสกับริมฝีปากซึ่งเพิ่มความเป็นไปได้ในการแพร่เชื้อไวรัสจากมือสู่ปาก ส่วนการใช้บุหรี่ไฟฟ้ามักนิยมใช้ร่วมกัน ซึ่งทำให้เกิดการแพร่เชื้อระหว่างกันได้ รวมถึงโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ทำให้ผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ อาทิ โรคหอบหืด อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากกว่าคนทั่วไป และคนสูบบุหรี่มานานหลายปี ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเสี่ยงอันตรายมากขึ้นอีก

แม้จะยังไม่มีข้อสรุปใดๆ แต่การสูบบุหรี่ก็อันตรายอยู่แล้ว ยิ่งต้องไปรวมกันอยู่ในสถานที่จำกัด เช่น พื้นที่ที่กำหนดเป็นพื้นที่สูบบุหรี่ ก็อาจจะเพิ่มความเสี่ยงได้ ดังนั้นแล้ว เลิกบุหรี่ได้ก็จะดีที่สุดต่อสุขภาพ

หลวงพ่อเอียดดำ วัดศาลาไพ พระขลังเมืองนครฯ อีกหนึ่งอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ของ “ขุนพันธรักษ์ราชเดช” #ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย

#ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/knowledge/426700?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=section_knowledge

หลวงพ่อเอียดดำ วัดศาลาไพ พระขลังเมืองนครฯ อีกหนึ่งอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ของ “ขุนพันธรักษ์ราชเดช”

หลวงพ่อเอียดดำ วัดศาลาไพ พระขลังเมืองนครฯ อีกหนึ่งอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ของ "ขุนพันธรักษ์ราชเดช"

หลวงพ่อเอียดดำ วัดศาลาไพ พระขลังเมืองนครฯ อีกหนึ่งอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ของ “ขุนพันธรักษ์ราชเดช” ตอลัมน์… ตามรอยตำนานแผ่นดิน โดย…  เอก  อัคคี   – FB: Akeakkee Ake

ในอดีต “วัดศาลาไพ” อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นั้นมีพระภิกษุผู้ที่มาร่ำเรียนวิชาจนได้เป็นพระเกจิอาจารย์ ผู้แก่กล้าและเชี่ยวชาญทางด้านพระเวทวิทยาคมสูงมากมาย อย่าง พ่อท่านเขียว วัดหรงบล, พ่อท่านเนียม วัดบางไทร, พ่อท่านวรรณ วัดเสาธงทอง หรือที่เป็นฆราวาสผู้เป็นที่รู้จักกันดีใน นามจอมขมังเวทแดนใต้ ก็คือ “ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ” ท่านก็เป็นผู้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจาก ครูบาอาจารย์ แห่งวัดศาลาไพ มาเช่นกันก่อนจะไปร่ำเรียนวิชาไสยเวทย์ต่อที่สำนักเขาอ้อ เมืองพัทลุง

          ในปี2480 นอกจากสำนักเขาอ้อ จ.พัทลุง แล้วในจังหวัดนครศรีธรรมราชนั้น ซึ่งในยุคก่อนก็นับว่ามีพระเกจิแก่กล้าวิชาอยู่มากมาย ขุนพันธรักษ์ราชเดชได้ศึกษาร่ำเรียนไสยเวทจาก อาจารย์ของท่านที่มีอยู่สองเอียดที่ถ่ายทอดสรรพวิชาอาคมให้เอียดหนึ่งคือ พระอาจารย์เอียด วัดดอนศาลา พัทลุง และอีกเอียดหนึ่งคือพ่อท่านเอียด วัดศาลาไพ

          ทั้งสองเอียดนี้เป็นเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแคว้นแดนใต้ยุคนั้น ผมเคยได้ยินนาม พ่อท่านเอียดดำมานานแล้ว เพราะเหรียญรูปเหมือนของท่านมีค่านิยมสูงนับแสนบาท และนับเป็นเหรียญยอดนิยมหนึ่งในเหรียญเบญจภาคี ของนครฯกล่าวกันว่าวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง ซึ่งปลุกเสกโดยพ่อท่านเอียดดำมีพุทธคุณในด้านแคล้วคลาดคงกระพันสุดยอดเรียกว่า เหนียวชนิดแมลงไม่ได้กินเลือดเลยทีเดียว

หลวงพ่อเอียดดำ วัดศาลาไพ พระขลังเมืองนครฯ อีกหนึ่งอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ของ "ขุนพันธรักษ์ราชเดช"

อ.นำ แก้วจันทร์ ฆราวาสจอมขมังเวทย์
(ก่อนบวชครั้งที่สองเป็น พระอาจารยนำชินวโร),
ขุนพันธรักษาราชเดช,พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์

          หลวงพ่อเอียดดำ บวชเณรตั้งแต่อายุ 12 ปีได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดยวนแหล อุปสมบทเป็นพระที่วัดวังตะวันตก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยมี ท่านพระครูกาชาด เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า อริยวังโส เมื่ออาจารย์เอียดอุปสมบทได้ซักระยะหนึ่ง ท่านก็ออกธุดงค์ ไปตามป่าเขาต่างๆ ค่ำที่ไหนปักกลดที่นั่น ผจญสัตว์ป่าและภยันตรายต่างๆ อาจารย์เอียดดำท่านธุดงค์หลายปีได้พบเจอแลกเปลี่ยนศึกษาวิชาอาคมกับพระอาจารย์ต่างๆมามาก ท่านธุดงค์ไปจนถึงเขตประเทศพม่า และเมื่อท่านเดินทางกลับสู่จังหวัดนครศรีธรรมราช และได้จำพรรษาที่วัดศาลาไพ

          อาจารย์เอียดดำได้นำวิชาความรู้ด้านไสยเวทที่เชี่ยวชาญชำนาญการยิ่งสงเคราะห์ญาติโยมจนชื่อเสียงกิติศัพท์โด่งดังไปกว้างไกล ดังนั้นในราวปี 2482 ชาวบ้านจึงขอให้ท่านสร้างวัตถุมงคลขึ้นบ้าง ซึ่งท่านก็ได้สร้างเสื้อยันต์ผ้าประเจียดตะกรุดและเครื่องรางของขลังต่างๆ อีกทั้งมอบหมายให้ นายไข่ คะงา ไปจัดทำเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก ซึ่งสร้างจำนวนน้อยมากวัตถุมงคลทั้งหมด พ่อท่านเอียดดำประกอบพิธีปลุกเสก เดี่ยวตามลำพัง

          ซึ่งในห้วงนั้นขุนพันธรักษ์ราชเดช รับหน้าที่เป็นเจ้าพิธีฝ่ายฆารวาส เมื่อเสร็จพิธีกรรม ประจุพุทธาคมแล้ว พ่อท่านเอียดดำก็ได้แจกวัตถุมงคลให้แก่ผู้เลื่อมใสศรัทธา ซึ่งก็ได้ปรากฏพุทธคุณเป็นที่เลื่องลือ ความเก่งกล้าในวิชาคาถาอาคมของพ่อท่านเอียดดำเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว นครศรีธรรมราช แม้กระทั่งพระอาจารย์เขียวก็ยังดั้นด้นมาขอศึกษาวิชาอาคม

          ซึ่งในยุคถัดมาพ่อท่านเขียว วัดหรงบน ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศครั้นในปี 2484 ได้เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพากองทัพทหารญี่ปุ่นได้ยกกำลังขึ้นที่บ้านท่าแพ นครศรีธรรมราช ทหารกล้าฝ่ายไทยก็ได้ยกกำลังเข้าต่อต้านและในห้วงระยะนี้เองที่วัดศาลาไพจะเนืองแน่นไปด้วยเหล่าทหาร ซึ่งมาขอของดีคุ้มภัยพ่อท่านเอียดดำก็ได้มอบให้ทุกรายเป็นผ้ายันต์บ้างตะกรุดบ้าง

หลวงพ่อเอียดดำ วัดศาลาไพ พระขลังเมืองนครฯ อีกหนึ่งอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ของ "ขุนพันธรักษ์ราชเดช"

เหรียญ รุ่นแรกของพ่อท่านเอียดดำ หนึ่งในเบญจภาคีเหรียญเมืองใต้

          ปรากฏว่าบรรดาทหารกล้าที่มีของดีอาจารย์เอียดดำติดกายอยู่รอดปลอดภัย บางรายโดนทหารญี่ปุ่นยิงจนล้มคะมำ แต่ก็ลุกขึ้นสู้ต่อเพราะอำนาจกระสุนไม่สามารถต้านอำนาจพุทธคุณได้ ดังนั้นประโยคที่ว่ามีของดี อาจารย์เอียดดำ แมลงวันไม่ได้กินเลือดก็ดังกระหึ่มไปทั่วแดนใต้

          ในยุคนั้นละแวกวัดศาลาไพนับเป็นถิ่นคนดุจนเรียกกันเป็นดงเสือแดนสิงห์ แต่หลวงพ่อเอียดดำก็ได้ใช้เมตตาธรรมอบรมสอนสั่งจนทุกคนประพฤติตนเป็นคนดีถ้วนทั่ว

          นอกจากจะเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทแล้ว หลวงพ่อเอียดดำยังเป็นพระนักพัฒนาจึงได้ทำนุบำรุงวัดศาลาไพจนรุ่งเรืองและยังได้ก่อสร้างโรงเรียนวัดศาลาไพในปี 2475 หลังจากที่ได้ทำนุบำรุงวัดศาลาไพและก่อสร้างโรงเรียนแล้วเสร็จ หลวงพ่อเอียดดำจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์อีกครั้งจนได้พบว่าที่วัดในเขียวซึ่งขณะนั้นอยู่ในสภาพทรุดโทรม จึงได้อยู่จำพรรษาทำนุบำรุงวัดในเขียวอีกแห่ง ในระหว่างนั้นท่านก็ได้ไปๆ มาๆ ระหว่างวัดศาลาไพและวัดในเขียวซึ่งเดินทางโดยเท้าเปล่า จนกระทั่งในปี 2486 เมื่อท่านพิจารณาเห็นว่าทางวัดศาลาไพได้เจริญรุ่งเรืองสมดังเจตนาแล้ว แต่ทางวัดในเขียวยังต้องพัฒนาอีกมาก

          จึงตัดสินใจย้ายมาอยู่วัดในเขียวเป็นการถาวรจนกระทั่งได้ละสังขารที่วัดในเขียวในปี 2495 และทางวัดได้เก็บรักษาสังขารของอาจารย์เอียดดำ ท่านใว้จนถึงปี 2499 จึงได้ทำการฌาปนกิจ

          “หลวงพ่อเอียดดำ” ท่านเป็นที่นับถือของศิษยานุศิษย์และบุคคลทั่วไป เอกลักษณ์และคุณวิเศษที่เลื่องลือ คือการสรงน้ำ 7 วัน อาบน้ำ 1 ครั้ง โดยไม่มีใครเห็นและไม่มีกลิ่นตัว ท่านใช้พระคาถาปราบช้าง ขณะที่ช้างกำลังตกมันได้ ท่านใช้คาถาปราบสัตว์ที่ดุร้าย เช่น เสือ หมี งู และท่านสามารถห้ามฝนตกได้ ทุกครั้งที่แถวนั้นมีงานชาวบ้านมักจะนิยมไปบนบานบอกกล่าวกับรูปหล่อหลวงพ่อเอียดดำ ซึ่งแต่ละคนได้ประจักษ์เรื่องประสบการณ์ด้านค้าขายร่ำรวย โชคลาภและแคล้วคลาดปลอดภัยมากมาย

          วัดอ้ายเขียว-วัดในเขียว (คงคาวง) ตั้งอยู่หมู่ 3 ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2420 ได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ.2497 เหตุที่ชื่อว่าวัด คงคาวง เพราะอยู่ใกล้โขงเขาจดคลองในเขียวหรือ อ้ายเขียว ซึ่งไหลอ้อมเป็นวงรอบบริเวณที่ตั้งของวัด หมายถึง มีลำคลองไหลผ่าน ล้อมรอบเป็นวง จึงเรียกว่า วัดคงคาวง และ มีลำธารไหลผ่านตอนกลาง รวมถึงมีเหวลึกแบ่งเขตวัดเป็น 2 ส่วน ภายในพระอุโบสถวัดคงคาวง (อ้ายเขียว) ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์พระพุทธสิหิงค์

          พระเครื่องอาจารย์เอียดดำ และเครื่องรางที่ท่านหลวงพ่อเอียดดำสร้างเป็นที่ต้องการของทุกคน เพราะมีพุทธคุณในด้านแคล้วคลาดคงกระพันสุดยอดโดยเฉพาะเหรียญพ่อท่านเอียดดำ วัดศาลาไพ จ.นครศรีธรรมราช ปี 2480 หนึ่งในห้าเหรียญยอดนิยมของเมืองนคร เพราะได้เกิดปาฏิหารย์กับผู้ที่ได้รับของดีจากท่านมากมาย

          ใครมีไว้รักษาให้ดีนะครับ!!

ศิลป์สร้างสรรค์ปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19 #ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย

#ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/knowledge/425263?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=section_knowledge

ศิลป์สร้างสรรค์ปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19

ศิลป์สร้างสรรค์ปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19

ดร.ดอยธิเบศร์ นำผลงานช่วงสุดท้ายพ่อ อ.ถวัลย์ ต่อยอดช่วยโควิด-19

          ในช่วงเวลาที่เกิดสถานการณ์วิกฤติแต่ละครั้ง สิ่งหนึ่งที่มักจะมองเห็นอยู่เสมอคือธารน้ำใจของคนไทยที่หลั่งไหลเข้ามาช่วยเหลือกันและกันแบบไม่ขาดสาย ทั้งในส่วนภาครัฐและเอกชน ร่วมถึงจิตอาสามากมาย ทุกสาขาวิชาชีพต่างเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือกัน เพื่อให้สังคมนี้ก้าวเดินต่อไปได้ด้วยกันอย่างแข็งแรง

ศิลป์สร้างสรรค์ปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19

          ด้วยเหตุนี้ “โครงการสืบศิลป์สร้างสรรค์แบ่งปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19”  จึงเกิดขึ้นโดย ดร.ดอยธิเบศร์ ดัชนี ทายาทของ ดร.ถวัลย์ ดัชนีศิลปินแห่งชาตินำภาพผลงานของ ดร.ถวัลย์ ดัชนี ซึ่งวาดไว้ในช่วงท้ายของชีวิต และไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน มาจัดทำเป็นภาพชุดจำหน่ายเป็นครั้งแรก เพื่อนำรายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่าย นำไปซื้อ “เครื่องช่วยหายใจ” และอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ ตลอดจนสนับสนุนโรงพยาบาลทั่วประเทศ

ศิลป์สร้างสรรค์ปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19

         ดร.ดอยธิเบศร์ ดัชนี กล่าวว่า  ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่คนไทยทุกคนต้องการความสามัคคี ร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจ เพื่อที่จะฝ่าฟันวิกฤตินี้ไปด้วยกัน ตนทราบดีถึงความยากลำบากของทุกฝ่าย ทั้งที่อยู่ในฐาะของนายจ้างและลูกจ้าง ตนเองก็เป็นผู้นำองค์กรที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงเงินเดือนพนักงานทุกคน ซึ่งไม่รู้ว่าจะสามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปได้อีกนานแค่ไหน แต่สิ่งเดียวที่ตนเหลืออยู่ตอนนี้คือ “ศรัทธา” ที่เชื่อว่า ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ มีสติปัญญา มีความอดทน เราจะต่อสู้และผ่านจุดนี้ไปได้ ตนไม่อยากทิ้งใครไว้ข้างหลัง และไม่อยากเห็นคนไทยทิ้งกัน

ศิลป์สร้างสรรค์ปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19

ศิลป์สร้างสรรค์ปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19

        สำหรับการจัดตั้ง “โครงการสืบศิลป์สร้างสรรค์แบ่งปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19” ขึ้น เป็นการนำภาพชุด “จตุรธาตุพิฆาตภัย” ผลงานของคุณพ่อซึ่งวาดไว้ในช่วงท้ายของชีวิต และไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน นำมาจำหน่าย ใน 1 ชุด ประกอบด้วยภาพ 4 ภาพ ได้แก่  นพสุบรรณ (ช้าง), กัณฐกะ (ม้า), นันทวิสาล (กระทิง) และ นิลกาลพยัคฆ์รา (เสือ) จัดพิมพ์บนกระดาษเกรดพรีเมียมอย่างดี ขนาด A2 (42X59 ซ.ม.) จำนวน 500 ชุด ราคาชุดละ 2,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) โดยรายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่ายจะนำไปบริจาคเพื่อซื้อเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ ตลอดจนสนับสนุนโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อเป็นอาวุธสำคัญในการรักษาและช่วยชีวิตผู้ป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19

ศิลป์สร้างสรรค์ปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19

โดยสามารถสั่งจองภาพได้ที่ https://forms.gle/unN41q2WwbTHh7Gp8 เข้าไปกรอกรายละเอียดที่อยู่การจัดส่ง พร้อมโอนเงินค่าภาพเข้าบัญชีโรงพยาบาลหรือองค์กรตามที่ท่านต้องการบริจาคโดยตรง จากนั้นส่งหลักฐานการโอนเงินไปที่ Line: @thawanduchanee ทางโครงการจะดำเนินการจัดส่งภาพไปให้ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้

ศิลป์สร้างสรรค์ปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19

        ผู้ที่สนใจงานศิลปะและมีจิตกุศลอยากร่วมแบ่งปันน้ำใจ สามารถรวมพลังจุดเทียนแห่งความเสียสละคนละเล่มให้โลกที่ใกล้มืดมิดอยู่ตอนนี้สว่างไสวขึ้นด้วยน้ำใจของทุกคนเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน