อียูผ่านกม.ลิขสิทธิ์บีบยักษ์ไอทีจ่ายเงินผู้ผลิตคอนเทนต์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/584877

  • วันที่ 28 มี.ค. 2562 เวลา 21:02 น.

อียูผ่านกม.ลิขสิทธิ์บีบยักษ์ไอทีจ่ายเงินผู้ผลิตคอนเทนต์

ยุโรปผ่านกฎหมายปกป้องลิขสิทธิ์ออนไลน์ฉบับใหม่ บีบบิ๊กไอทีโลกจ่ายเงินผู้ผลิตคอนเทนต์

รัฐสภายุโรปลงมติผ่านกฎหมายปกป้องลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ ด้วยคะแนน 348-274 เสียง เพื่อขจัดการละเมิดลิขสิทธิ์และเพิ่มการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาบนโลกออนไลน์ โดยกฎหมายดังกล่าวจะส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทไอที เนื่องจากยักษ์ไอที เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และยูทูบ มีแนวโน้มต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้เจ้าของคอนเทนต์เพิ่ม

ภายใต้กฎหมายดังกล่าว มาตรา 11 ระบุว่า บริษัทไอทีต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์อย่างเป็นธรรมให้แก่ผู้ผลิตคอนเทนต์ เมื่อนำเนื้อหาไปแชร์ และมาตรการ 13 กำหนดให้บริษัทไอทีต้องขอสิทธิในการเผยแพร่คอนเทนต์จากผู้สร้างโดยตรง และติดตั้งระบบกรองคอนเทนต์เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์

อัลฟาเบท อิงค์ บริษัทแม่ของกูเกิล ระบุว่า กฎหมายนี้จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจดิจิทัลของสหภาพยุโรป (อียู)ขณะที่ EDiMa สมาคมบริษัทไอทีในยุโรป กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวจะบั่นทอนความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นของพลเมืองอียู

ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับรองอย่างเป็นทางการจากคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปก่อนมีผลบังคับใช้ และเมื่อผ่านการรับรองแล้ว สมาชิกอียูจะมีเวลา 24 เดือนในการปรับใช้กฎหมายดังกล่าว

ภาพ เอเอฟพี

ก้าวรุก‘ตลาด ดอท คอม’ สู่อีคอมเมิร์ซครบวงจร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/584797

  • วันที่ 28 มี.ค. 2562 เวลา 11:40 น.

ก้าวรุก‘ตลาด ดอท คอม’ สู่อีคอมเมิร์ซครบวงจร

เรื่อง ปากกาด้ามเดียว

จากจุดเริ่มต้นของการเป็น อี-มาร์เก็ตเพลส และสั่งสมประสบการณ์ในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซมามากกว่า 20 ปี ในวันนี้สภาพภูมิทัศน์ธุรกิจของประเทศไทยที่เชื่อมต่อสู่โลกค้าออนไลน์มากขึ้น ทำให้ ตลาด ดอท คอม มองเห็นโอกาสและปรับเปลี่ยนธุรกิจจากอี-มาร์เก็ตเพลส สู่การเป็นผู้ให้บริการอี-คอมเมิร์ซครบวงจร

ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ตลาด ดอท คอม กรุ๊ป เปิดเผยว่า ความรุนแรงของการแข่งขันด้านการค้าออนไลน์ผ่านอี-มาร์เก็ตเพลสที่ดุเดือดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาของผู้ประกอบการจาก ต่างประเทศ รวมถึงการที่ธุรกิจไทยต้องการเข้าสู่ธุรกิจออนไลน์ ประกอบกับปัจจุบันยังไม่มีผู้ให้บริการอี-คอมเมิร์ซอย่างครบวงจร ตลาด ดอท คอม (TARAD.com) จึงผันตัวมาเป็นตลาด กรุ๊ป และปรับรูปแบบธุรกิจเข้าสู่ผู้ให้บริการอี-คอมเมิร์ซครบวงจร (E-Com merce Services)

ทั้งนี้ ได้เปิดตัวบริการ ยู-คอมเมิร์ซ (U-Commerce) แพลตฟอร์มบริหารการค้าออนไลน์ทั้งหมดได้ในที่เดียวแบบ วัน สต็อป เซอร์วิส โดยผนึกกำลังกับพันธมิตรจากภาคธุรกิจที่หลากหลาย อาทิ แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ ระบบชำระเงิน ระบบขนส่ง และการโฆษณาออนไลน์ โดยจะเชื่อมโยงบริการทั้งหมดแบบครบวงจรผ่านการให้บริการจากยู-คอมเมิร์ซเพียงที่เดียว

“ปีนี้ตลาดอี-คอมเมิร์ซของประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยมูลค่า 3.15 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14.04% ประกอบกับมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงถึง 45 ล้านคน ทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่าธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยจะยังคงมาแรง ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจต่างๆ ในประเทศหันมาค้าขายผ่านออนไลน์เพิ่มมากขึ้น” ภาวุธ กล่าว

ปัจจุบันผู้ค้าออนไลน์ยังคงให้ความสำคัญกับ 3 ช่องทางหลักที่เป็นหัวใจของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ คือ การขายผ่านทางเว็บไซต์ส่วนตัวของแบรนด์หรือบริษัทเอง การขายผ่านอี-มาร์เก็ตเพลส อย่าง ช้อปปี้ ลาซาด้า เป็นต้น และการขายผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซ เช่น เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม

นอกจากนี้ ตลาด กรุ๊ป ยังวางพันธกิจเพื่อส่งเสริมและผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยสามารถดำเนินธุรกิจและมีความสามารถในการแข่งขันได้อย่างมีศักยภาพ โดยมีเป้าหมายในการสร้างระบบนิเวศพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ครบวงจรที่สุดในประเทศไทยเพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยสามารถดำเนินธุรกิจภายใต้การแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับ ยู-คอมเมิร์ซ จะเชื่อมต่อกับช่องทางการค้าออนไลน์ทุกช่องทางที่สำคัญ ได้แก่ การเชื่อมกับอี-คอมเมิร์ซชั้นนำของไทย ได้แก่ ลาซาด้า และช้อปปี้ เชื่อมกับโซเชียลมีเดียอย่าง เฟซบุ๊ก และเชื่อมโยงกับหน้าเว็บไซต์ของร้านค้าเอง มีการเชื่อมกับระบบชำระเงินครบวงจร ทั้งการชำระเงินผ่านทางออนไลน์ บัตรเครดิต เดบิต และออฟไลน์อย่างพร้อมเพย์และคิวอาร์โค้ด ของ เพย์ โซลูชั่นส์

พร้อมกันนี้ ยังเชื่อมกับระบบขนส่งมากกว่า 10 บริษัท ผ่านทางช้อปปี้ดอทคอมและบริการคลังสินค้าและจัดส่งของ สยาม เอาท์เลต ดอทคอม รวมถึงบริการโฆษณาออนไลน์ โดยร่วมมือกับ กูเกิล เฟซบุ๊ก และไลน์ เป็นต้น

“แอปเปิล”เปิดตัวบริการคอนเทนต์จากสื่อชั้นนำและเกมแบบบอกรับสมาชิก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/584589

  • วันที่ 26 มี.ค. 2562 เวลา 11:42 น.

"แอปเปิล"เปิดตัวบริการคอนเทนต์จากสื่อชั้นนำและเกมแบบบอกรับสมาชิก

แอปเปิลเปิดตัวบริการคอนเทนต์คุณภาพจากสื่อหนังสือพิมพ์ และนิตยสารชื่อดัง รวมทั้งบริการเกมแบบบอกรับสมาชิก

สำนักข่าวต่างปรเทศรายงานว่า แอปเปิล ได้เปิดตัวบริการใหม่ที่เป็นบริการคอนเทนต์คุณภาพจากสื่อมวลชนชั้นนำ ภายใต้ชื่อบริการว่า “Apple News+” ภายในงาน “Show Time” ณ สำนักงานใหญ่ในเมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย

แอปเปิลระบุว่า บริการ Apple News+ จะเปิดให้ผู้ใช้เข้าถึงคอนเทนต์จากนิตยสาร หนังสือพิมพ์ชั้นนำในรูปแบบดิจิทัลผ่านแอพพลิเคชั่น โดยจะมีให้บริการในสหรัฐและแคนาดา

สำหรับสื่อที่เข้าร่วมอยู่ในบริการนี้จะประกอบไปด้วยหนังสือพิมพ์ชั้นนำ อาทิ วอลล์สตรีท เจอร์นัล ลอสแอนเจลิสไทม์ส และโตรอนโต สตาร์ ของแคนาดา รวมถึงนิตยสารเช่น ดิ แอตแลนติก ไทม์ และเนชั่นแนล จีโอกราฟิก

“เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนสื่อสารมวลชนที่มีคุณภาพ และด้วย Apple News+ เราต้องการที่จะฉลองความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของนิตยสารและสื่อต่างๆ” ลอเร็น เคิร์น บรรณาธิการบริหารของ Apple News กล่าว

แอปเปิลระบุว่า ผู้ใช้ต้องอัพเดท iOS เป็นเวอร์ชั่น 12.2 หรือ macOS เป็นเวอร์ชั่น 10.14.4 เพื่อสมัครสมาชิกรายเดือนของ Apple News+ ที่ราคา 9.99 ดอลลาร์ในสหรัฐ และ 12.99 ดอลลาร์ในแคนาดา

นอกจากนี้ในงาน “Show Time” แอปเปิลยังได้ประกาศเปิดตัว Apple Arcade ซึ่งเป็นบริการเกมแบบบอกรับสมาชิกสำหรับวิดีโอเกมในระบบ iOS สำหรับผู้ใช้งานมือถือ เดสค์ท็อป และผ่านสมาร์ททีวีภายในห้องนั่งเล่นอีกด้วย

ภาพ เอเอฟพี

กสทช.ร่วมสธ.เร่งให้บริการหมอทางไกล

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/584576

  • วันที่ 26 มี.ค. 2562 เวลา 10:13 น.

กสทช.ร่วมสธ.เร่งให้บริการหมอทางไกล

เดินหน้าลุย เทเลเฮลท์ ภายใต้โครงการเน็ตชายขอบ นำร่อง 8 จังหวัด

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช.ได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในการนำระบบโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศมาพัฒนาและประยุกต์ใช้ในระบบดูแลสุขภาพทางไกลในพื้นที่ชนบท ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (โซนซี) และพื้นที่ชายขอบ (โซนซีบวก)

ทั้งนี้ โครงการนี้จะใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี พร้อมอุปกรณ์การแพทย์ เหมือนผู้ป่วยได้เดินทางไปรับคำปรึกษาจากแพทย์ด้วยตัวเอง ทำให้ได้รับคำปรึกษาได้อย่างทันเวลา และยังช่วยลดความแออัดของจำนวนคนไข้ ลดภาระของแพทย์ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในเมือง เป็นการยกระดับการรักษาพยาบาลให้ประชาชนในพื้นที่ชนบทมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ปัจจุบันพบว่าประเทศไทยมีปัญหาจำนวนแพทย์ต่อประชากรต่ำกว่าเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก คือมีแพทย์ 1 คน ต่อประชากร 2,065 คน จากเกณฑ์เฉลี่ยแพทย์ 1 คน ต่อจำนวนประชากร 439 คน

ทั้งนี้ จะมี 8 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ จ.เชียงราย เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ สุรินทร์ สุราษฎร์ธานี และสงขลา ครอบคลุมโรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำบล 15 แห่ง คลินิกหมอครอบครัว 4 แห่ง โรงพยาบาลชุมชน 5 แห่ง และโรงพยาบาล ประจำจังหวัด 8 แห่ง

แอลจีลุยนวัตกรรมเอไอ พัฒนา-เชื่อมต่อ-เปิดรับ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/583945

  • วันที่ 21 มี.ค. 2562 เวลา 10:30 น.

แอลจีลุยนวัตกรรมเอไอ พัฒนา-เชื่อมต่อ-เปิดรับ

หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งกับการโชว์นวัตกรรมล้ำสมัยที่ถือเป็นการปฏิวัติวงการเครื่องใช้ไฟฟ้าในงาน CES 2019 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แอลจีก็ได้นำผลิตภัณฑ์ล่าสุดในกลุ่มเอไอ ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ และเครื่องปรับอากาศ ที่เปิดตัวในงานดังกล่าวมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลกภายในงาน LG InnoFest 2019 – APAC ณ ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

การจัดงานแสดงดังกล่าว จัดขึ้นภายใต้แนวคิด LG ThinQ (แอลจี ธิงคิว) พร้อมแนวคิด “พัฒนา-เชื่อมต่อ-เปิดรับ” (Evolve, Connect, Open) ซึ่งแอลจีได้นำเสนอผ่าน LG Mansion หรือบ้านแอลจีหลังใหญ่ เพื่อนำเสนอประสบการณ์การทำงานของเอไอ ที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละคน และนำมาซึ่งความสะดวกสบายผ่านการจัดการผลิตภัณฑ์แบบเชิงรุก พร้อมประสิทธิภาพและการบริการที่ได้รับการพัฒนายิ่งขึ้น

แอลจีนับเป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์แรกๆ ที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์เอไอ ด้วยแอลจี ธิงคิว เป็นครั้งแรกในปี 2554 ซึ่งประกอบด้วยตู้เย็นอัจฉริยะที่โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ชาญฉลาดต่างๆ เช่น ตัวเลือกด้านการประหยัดพลังงาน ระบบการจัดการอาหารและหน้าจอแอลซีดีบนตัวตู้เย็น ต่อมาในปี 2560 ได้เปิดตัวแบรนด์ แอลจี ธิงคิว อย่างเป็นทางการ ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเอไอ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น

จนมาถึงปีนี้แอลจีได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีเอไอไปอีกขั้น เพื่อนำเสนอประสบการณ์การใช้งานอันล้ำสมัยแบบที่ผู้บริโภคไม่เคยสัมผัสมาก่อน พร้อมผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด และการให้บริการที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด โดย แอลจี ธิงคิว จะช่วยส่งข้อมูลการใช้งานโดยละเอียด ผ่านการส่งข้อความแบบตัวอักษรและเสียง ผู้บริโภคจึงไม่ต้องใช้หนังสือคู่มือ และระบบอัจฉริยะนี้ยังจดจำรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน ทำให้ฟังก์ชั่นที่ถูกใช้งานบ่อยที่สุดจะขึ้นมาเป็นอันดับแรกเพื่อการเข้าถึงที่ง่ายดาย

แอลจี ธิงคิว ยังสามารถพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานได้ด้วยตัวเอง โดยวิเคราะห์และระบุถึงปัญหาและแจ้งเตือนผู้ใช้งาน พร้อมแนะนำทางออกที่ดีที่สุด และหากปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องแก้ไขผ่านความช่วยเหลือเพิ่มเติม ก็จะเชื่อมต่อกับศูนย์บริการใกล้เคียงและนัดเวลาเพื่อเข้ามาตรวจสอบ

นอกจากนี้ เครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ และเครื่องกรองน้ำของแอลจี จะรับรู้ได้ว่าอะไหล่บางชนิดควรถูกเปลี่ยนใหม่เมื่อไร โดยวิเคราะห์จากพฤติกรรมและรูปแบบการใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาตั้งแต่ต้น

ทั้งหมดนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแอลจีในการนำนวัตกรรมมาปรับใช้ในผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยยกระดับการใช้ชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ตอบรับสโลแกน Life’s Good นั่นเอง

อียูสั่งปรับกูเกิล1.49 พันล้านยูโร ฐานขัดขวางการแข่งขันโฆษณาออนไลน์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/583928

  • วันที่ 20 มี.ค. 2562 เวลา 21:26 น.

อียูสั่งปรับกูเกิล1.49 พันล้านยูโร ฐานขัดขวางการแข่งขันโฆษณาออนไลน์

สหภาพยุโรปสั่งปรับกูเกิลเป็นเงิน 1.49 พันล้านยูโรในข้อหาขัดขวางการแข่งขันในภาคโฆษณาในตลาดออนไลน์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สหภาพยุโรป (EU) มีคำสั่งให้บริษัทกูเกิล อิงค์จ่ายเงินค่าปรับจำนวน 1.49 พันล้านยูโร (1.69 พันล้านดอลลาร์) ในข้อหาขัดขวางการแข่งขันในภาคโฆษณาในตลาดออนไลน์

รายงานข่าวระบุว่า คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของ EU ระบุว่า กูเกิลได้ทำสัญญากับสื่อ โดยห้ามสื่อแสดงผลการสืบค้นข้อมูลจากบริษัทคู่แข่งของกูเกิล และต่อมาในปี 2552 กูเกิลได้แจ้งต่อสื่อว่า สื่อจะต้องขออนุญาตจากกูเกิลก่อน เกี่ยวกับรูปแบบการแสดงโฆษณาจากคู่แข่งของกูเกิล

นางมาร์เกรท เวสทาเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายการแข่งขันของ EU กล่าวว่า กูเกิลได้ขัดขวางคู่แข่งจากการแข่งขัน และการแสดงนวัตกรรมในตลาดโฆษณาออนไลน์

EC ระบุว่า ในระหว่างปี 2549 และ 2559 กูเกิลถือเป็นบริษัทที่ครองส่วนแบ่งตลาดสืบค้นข้อมูลมากที่สุด โดยมีสัดส่วนตลาดมากกว่า 70%

ขณะที่ กูเกิลเปิดเผยว่า รายได้จากการโฆษณาพุ่งขึ้น 20% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว สู่ระดับ 3.26 หมื่นล้านดอลลาร์

ภาพ เอเอฟพี

ออปโป้ย้ำผู้นำ ส่ง’เอฟ11 โปร’ดันแชร์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/583829

  • วันที่ 20 มี.ค. 2562 เวลา 10:30 น.

ออปโป้ย้ำผู้นำ ส่ง'เอฟ11 โปร'ดันแชร์

เรื่อง จะเรียม สำรวจ

แม้ว่าปี 2561 ที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนไทยจะมีการขยายตัวลดลงจากปี 2560 แต่ภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจสมาร์ทโฟนในประเทศไทยยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะแบรนด์สมาร์ทโฟนจากประเทศจีนที่ทยอยตบเท้าเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลของบริษัทวิจัย คานาลิส (Canalys) ที่ออกมาเปิดเผยผลสำรวจยอดขายสมาร์ทโฟนไทยในปี 2561 ที่ผ่านมา ระบุว่า ตลาดสมาร์ทโฟนของไทยมีการขยายตัวสูงกว่าหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลให้ปัจจุบันไทยกลายเป็นประเทศที่มีขนาดตลาดสมาร์ทโฟนใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

แม้ว่าภาพรวมไตรมาส 4 ปี 2561 ที่ผ่านมาจะประสบปัญหายอดขายลดลง 13.6% เหลืออยู่ 4.9 ล้านเครื่อง ทำให้ภาพรวมทั้งปี 2561 ไทยมียอดขายสมาร์ทโฟนทั้งหมดมีอยู่ที่ 19.2 ล้านเครื่อง ลดลง 8.6% จากปี 2560 ที่มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านเครื่อง

นอกจากนี้ คานาลิส ยังระบุอีกว่า ไตรมาส 4 ปี 2561 ที่ผ่านมา แบรนด์ออปโป้ (OPPO) สามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนในตลาดไทยได้มากกว่า 1.1 ล้านเครื่อง ครองส่วนแบ่งตลาด 22.2% ขึ้นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนของไทยแซงหน้าแบรนด์ซัมซุง (Samsung) ที่มีส่วนแบ่งตลาด 21.1% ในด้านของจำนวนยูนิต

ขณะที่แบรนด์หัวเว่ย (Huawei) มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 13.1% และแบรนด์วีโว่ (Vivo) มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 12.7% ส่วนแบรนด์แอปเปิ้ล (Apple) อยู่อันดับที่ 5 มีส่วนแบ่งตลาด 8.6%

ความสำเร็จของแบรนด์ออปโป้ที่ได้รับดังกล่าว ทำให้ปี 2562 นี้ ออปโป้ต้องเดินหน้าขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการวางแผนเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่เข้ามาทำตลาดประมาณ 11-12 รุ่น โดยสินค้ารุ่นแรกที่ได้ทำการเปิดตัวเข้ามาทำตลาดในช่วงไตรมาสแรกนี้ คือ OPPO F11 Pro ผลิตภัณฑ์ตระกูล F Series ซึ่งถือเป็นฮีโร่โปรดักต์ของออปโป้ หลังจากก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีกับการเปิดตัว OPPO F9 เข้าทำตลาด

ชานนท์ จิรายุกุล รองประธานกรรมการฝ่ายบริหาร ออปโป้แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากจุดเด่นของ OPPO F11 Pro ที่โดดเด่นด้วยกล้องถ่ายภาพ ดีไซน์สวยสะดุดตา และราคาที่เข้าถึงง่าย คือ จำหน่ายอยู่ที่ราคา 10,990 บาท ส่งผลให้หลังจากเปิดพรีออร์เดอร์ในช่วง 3 วันแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายไปแล้วประมาณ 80% จากเป้าหมายยอดขายทั้งหมด ซึ่งจากผลการตอบรับที่ดีดังกล่าวบริษัทมั่นใจว่าจะมียอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ เพื่อสร้างการรับรู้ในสินค้ารุ่น OPPO F11 Pro ล่าสุดได้ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าดังกล่าว เพื่อสะท้อนความสง่างามคลาสสิก สื่อถึงแนวคิด “Brilliant Portrait in Low Light – Portrait สวย แม้แสงน้อย” อุปกรณ์คู่ใจใหม่ เพื่อการบันทึกและสร้างสรรค์ภาพถ่าย ซึ่งจากแผนการดำเนินงานดังกล่าว ออปโป้คาดว่าหวังจะสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ได้ไว้อย่างถาวร

ชานนท์ กล่าวอีกว่า ปัจจัยที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในด้านของยอดขายมีอยู่ด้วยกัน 3 ปัจจัย คือ 1.การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่น ปีที่ผ่านมาได้มีการนำเทคโนโลยี VOOC Flash Charge ทำให้ชาร์จแบตเต็มเร็วขึ้นมาใช้

ปัจจัยที่ 2.การทำกิจกรรมการตลาดที่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้ง 40 ประเทศทั่วโลก ควบคู่ไปกับการทำโลคัลแคมเปญให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศที่เข้าไปทำตลาด และ 3.การมีศูนย์บริการหลังการขายที่ครอบคลุม ซึ่งในส่วนของประเทศไทยมีศูนย์บริการหลังการขายมากถึง 46 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้สินค้ายังมีราคาเหมาะสมและมีบริการซ่อมด่วนภายใน 1 ชั่วโมงบริการลูกค้า

ดีแทคเจาะเกมเมอร์ หวังเพิ่มค่าเฉลี่ยใช้งาน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/583720

  • วันที่ 19 มี.ค. 2562 เวลา 10:30 น.

ดีแทคเจาะเกมเมอร์ หวังเพิ่มค่าเฉลี่ยใช้งาน

เรื่อง พลพัต สาเลยยกานนท์

อัตราการเติบโตของผู้เล่นเกมบนโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันขยายเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ Newzoo.com ระบุว่า ปี 2561 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมเกมทั่วโลกเติบโตอย่างมาก ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้อุตสาหกรรมเกมเติบโตขึ้นนั้นมาจากกลุ่มของเกมบนมือถือ โดยการขยายตัวของเกมมือถือมีมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับปี 2560

สุกัณณี เลิศสุขวิบูลย์ ผู้อำนวยการสายงานการตลาดระบบเติมเงิน บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค กล่าวว่า บริษัทมองเห็นแนวโน้มกระแสของตลาดเกมบนโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าดีแทคที่ปัจจุบันมีลูกค้าที่สนใจเกม (เกมเมอร์) มากกว่า 30% ของฐานลูกค้ารวม 21 ล้านราย

ทั้งนี้ ค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายของลูกค้าเติมเงินกลุ่มเกมเมอร์มีอัตราการใช้จ่ายสูงกว่าลูกค่าเติมเงินปกติทั่วไปถึง 1 เท่าตัว จึงมองเห็นโอกาสการเติบโตของลูกค้ากลุ่มนี้ ซึ่งฐานเกมเมอร์ผู้หญิงค่อนข้างเติบโตขึ้นในปีที่ผ่านมา แต่ฐานลูกค้าผู้ชายยังคงเยอะกว่า โดยกลุ่มช่วงอายุจะอยู่ในช่วงอายุต่ำกว่า 24 ปี และ 25-39 ปี มากกว่า 50% อาศัยอยู่ในบริเวณกรุงเทพมหานคร

ล่าสุด บริษัทได้ใช้งบประมาณทางการตลาดรวม 100 ล้านบาท ในการเป็นผู้สนับสนุนรายการแข่งขันกีฬาอี-สปอร์ตกับบริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) ในเกม “ฟรี ไฟร์ ไทยแลนด์” เป็นครั้งแรก รายการ “Free Fire Thailand Championship 2019 Presented by dtac” โดยมีการจัดกิจกรรมในการแข่งขันและการจัดโปรโมชั่นตลอดทั้งปี และสำหรับลูกค้าดีแทคทั้งระบบรายเดือนและเติมเงิน ซื้อแพ็กเสริมเน็ตที่กำหนด รับไอเท็มสุดพิเศษในเกม และรับไอเท็มสุดพิเศษอีกมากมาย เมื่อซื้อไอเท็มในเกมผ่านระบบชำระเงินของดีแทค (Pay via dtac) ตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งบริษัทได้พิจารณาหลังจากนี้ในการจัดทำซิมพิเศษสำหรับเกมเมอร์ จะต้องรอผลตอบรับจากรายการดังกล่าว

นอกจากนี้ ปัจจุบันค่าเฉลี่ยการใช้บริการทุกประเภท/คน/เดือน อยู่ที่ 250 บาท/คน/เดือน แบ่งเป็นลูกค้าเติมเงิน 150 บาท/คน/เดือน และลูกค้ารายเดือน 500 บาท/คน/เดือน ซึ่งการเจาะตลาดกลุ่มเกมเมอร์คาดหวังว่าจะมียอดเฉลี่ยใช้จ่ายต่อเดือนเพิ่มขึ้นจากพฤติกรรมในการใช้งานดาต้าที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ภาพรวมตลาดเกมในประเทศ ไทยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ราว 2 หมื่นล้านบาท/ปี ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตจากการมีปริมาณผู้เล่นและบริษัทผู้พัฒนาเกมเปิดตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ศรุต วานิชพันธุ์ ผู้อำนวยการ บริษัท Sea (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มชั้นนำ อาทิ การีนา (Garena) กล่าวว่า ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมเกมและความร่วมมือระหว่าง การีนาและดีแทค เป็นการตอบโจทย์และเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ซึ่งมองหานวัตกรรมและประสบการณ์การเล่นเกมใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ความร่วมมืออย่างเต็มรูปแบบในครั้งนี้รวมถึงความพิเศษบนตัวเกม เช่น ไอเท็มต่างๆ เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะลูกค้าดีแทค และความยิ่งใหญ่บนการแข่งขันอี-สปอร์ตซึ่งดีแทคได้เข้ามาสนับสนุนรายการแข่งขันทั้งระดับประเทศในรายการดังกล่าวภายในกลางปี 2562

การเจาะกลุ่มลูกค้าในกลุ่มนี้น่าจะเป็นอีกทางหนึ่งทำให้ “ดีแทค” เติบโตได้

CJ BED : จับคู่บันเทิงผนวกแบรนด์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/583243

  • วันที่ 14 มี.ค. 2562 เวลา 11:31 น.

CJ BED : จับคู่บันเทิงผนวกแบรนด์

คอนเทนต์ด้านบันเทิงเป็นคอนเทนต์ที่มีคนสนใจเป็นจำนวนมากและนั่นทำให้มันกลายเป็นแหล่งข้อมูลล้ำค่าสำหรับคนทำแบรนด์

**********************

โดย…CJ WORX

คอนเทนต์ด้านบันเทิง (Entertainment) นับว่ามีคนสนใจในอันดับแรก และมีข้อมูล (Data) ที่มหาศาล ใครก็ชอบ ใครๆ ก็สนใจ ใครๆ ก็เสพ เพราะเป็นเรื่องความบันเทิง แต่ใครที่นำดาต้าของผู้บริโภคเหล่านั้น ที่สนใจด้าน Entertainment มาให้เกิดประโยชน์นั่นคือ แหล่งข้อมูลล้ำค่ามหาศาลเลยทีเดียว

CJ WORX เห็นความสำคัญของดาต้าที่มีค่ามากกว่าการยิงโฆษณาตามหลังแบบรีทาร์เก็ตติ้ง แต่คือการเก็บเส้นทางของกลุ่มผู้รับสารหรือ Audience Journey ว่าเค้าเริ่มต้นจากอะไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เสพสื่ออะไรนอกจากความบันเทิงนี้ เสพที่ไหนเวลาใด ฯลฯ

CJ WORX จึงเปิดตัว CJ BED หรือ CJ Branded Entertainment Data ที่เป็นการผนึกพันธมิตรทางธุรกิจสายบันเทิง เพื่อหา Entertainment Data ผนึกกับแบรนด์ต่างๆ เป็นโอกาสช่องทางทางธุรกิจที่ทั้งฝั่งแบรนด์ ฝั่งธุรกิจสายบันเทิงหรือศิลปิน และสำนักพิมพ์ในออนไลน์ จะมาบรรจบด้านข้อมูลรวมกัน ขณะที่ CJ WORX ที่ใช้ประสบการณ์ด้านข้อมูลต่างๆ มาสร้างให้เกิดมูลค่ากับทุกฝ่าย

ขณะนี้เราได้เอ็กซ์คลูซีฟพาร์ตเนอร์รายแรก อย่างค่ายเพลง What the duck ที่มีศิลปินนักร้องชื่อดังขวัญใจวัยรุ่นอย่าง เดอะทอยส์, สิงโต นำโชค, แป้งโกะ ฯลฯ

การทำโปรเจกต์ CJ BED นี้จะทำ ให้ได้ดาต้า นอกจากคนที่ชอบนักร้องเดอะทอยส์ อาจพบว่าชอบการดื่มนมยี่ห้อนี้หรือชอบอ่านเพจนี้อีกด้วย มันจึงเป็นการจับพฤติกรรมที่สอดคล้องกันของผู้บริโภคคนหนึ่งให้เกิดเป็นช่องทางของธุรกิจใหม่ โดยอาศัยดาต้าที่ลึกกว่าปกติ โดยที่ CJ WORX มี DMP (Data Management Platform) ซึ่งเป็นระบบที่รวบรวม จัดเรียง และส่งต่อข้อมูลต่างๆ ตามที่ต้องการ จากการเก็บข้อมูลจาก Entertainment Data ที่ในแต่ละวันมีมากมาย ทำให้สามารถแยกแยะกลุ่มและนำข้อมูลเหล่านั้น มาเลือกใช้ให้เกิดมูลค่าทางธุรกิจกับแบรนด์ ผ่านการวิเคราะห์ของ CJ WORX ด้วย

สิ่งที่แตกต่างที่ไม่ใช่ใครที่มีงบประมาณในการหา DMP ได้ ก็สามารถทำได้ แต่เพราะข้อมูลด้าน Insight ของผู้บริโภคจากประสบการณ์กว่า 7 ปีของ CJ WORX ที่ดูแลแคมเปญและแบรนด์มากกว่า 200 แคมเปญ รวมถึงประสบการณ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่เฉพาะทางและลึกเข้าใจถึงผู้บริโภคอย่างแม่นยำ

ดังนั้น โอกาสทางธุรกิจของ CJ WORX ต่อยอดนี้ผ่าน CJ BED จึงเป็นการเปิดโฉมใหม่ของการผนึกกำลังด้านดาต้ากับแหล่ง Entertainment ที่มีผู้บริโภคให้ความสนใจต่างๆ รวมถึงกับแบรนด์ต่างๆ ด้วย นับว่าเป็นการบรรจบของส่วนผสมที่ลงตัว ที่จะนำข้อมูลมาจบกันตาม Audience Journey ที่สร้างขุมกำลังด้านดาต้าและโอกาสทางธุรกิจอย่างแท้จริง

หากมีประเด็นอินไซต์ในแวดวงดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง แลกเปลี่ยนพูดคุยกันได้ที่ insightworx@hotmail.com

อาชญากรไซเบอร์ น่ากลัวกว่าคนแปลกหน้า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/583213

  • วันที่ 14 มี.ค. 2562 เวลา 10:30 น.

อาชญากรไซเบอร์ น่ากลัวกว่าคนแปลกหน้า

เรื่อง แอนทอน ชินกาเรฟ รองประธานฝ่ายกิจการสาธารณะ แคสเปอร์สกี้ แลป

รายงานความเสี่ยงทั่วโลกประจำปี 2019 จาก World Economic Forum ได้วาดภาพอันน่าสะพรึงของภัยคุกคามอันดับต้นๆ ต่อโลกไว้ โดยที่นำโด่งมาอันดับแรก และแผ่อิทธิพลครอบงำทุกสิ่งที่ตามมา คือ ผลกระทบจากความต่างระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นทุกวัน มีประเทศจำนวนมากที่กำลังหาหนทางควบคุมทิศทางประเทศของตนในเรื่องต่างๆ อาทิ กิจการภายใน เศรษฐกิจ ความมั่นคงปลอดภัย มากขึ้นทุกที

ในโลกที่ต่อเชื่อมโยงเข้าถึงกันหลายมิติเช่นนี้ ผู้ร้ายไซเบอร์ตั้งแต่กลุ่มจารกรรมที่มีผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการโดยรัฐบาลไปจนกระทั่งโจรทั่วไป สามารถจะโจมตีใครก็ย่อมได้ และรัฐบาลของแต่ละประเทศก็ย่อมต้องพยายามที่จะปกป้องประชาชนของตนเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ซึ่งรูปแบบการกีดกันทางการค้าตั้งกำแพงสกัดกั้นการค้าขายเลือกเฉพาะทำธุรกิจเฉพาะรายไปเช่นนี้ คือ การทำ “Balkanization” ของระบบความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์

ช่วงกลางปี 2561 จากการสำรวจข้อมูลจากหลายประเทศเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่อยู่ในจิตใจของผู้คนต่างๆ ได้ดีขึ้น เกี่ยวกับองค์กรบริษัทธุรกิจที่มาจากประเทศอื่นนอกประเทศของตนเอง และเกี่ยวกับความปลอดภัยทางออนไลน์ พบว่า คนส่วนมากมิได้กลัว “Stranger Danger” หรืออันตรายจากคนแปลกหน้าจากที่อื่นๆ มากเท่าที่รัฐบาลของพวกเขาคิดแทน

ขณะที่กลุ่มธุรกิจจำนวนเกินครึ่ง หรือ 55% และกลุ่มผู้บริโภค 66% ต่างกล่าวว่า รัฐบาลของพวกเขาควรที่จะเลือกทำงานไปกับบริษัทเวนเดอร์ที่มีผลิตภัณฑ์และบริการที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมที่สุดจะดีกว่า แม้จะเป็นเวนเดอร์จากภายนอกประเทศของตนเองก็ตาม ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้น 8 ใน 10 โดยเฉพาะในพื้นที่วิกฤตด้านความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ

รัฐบาลมีหน้าที่ต้องป้องกันโครงการหลักสำคัญของประเทศ รวมทั้งระบบเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนในประเทศ ในโลกไซเบอร์ ย่อมหมายถึงการให้ความปลอดภัยกรอบการทำงานการใช้งานไซเบอร์ของทั้งประเทศ ให้พ้นความเสี่ยงจากภัยคุกคามไซเบอร์ที่มาจากภายนอก การบ่อนทำลาย และการจารกรรมไซเบอร์ ที่ง่ายดายที่สุดที่พึงทำได้ในสถานการณ์เช่นนี้คือ การจำกัดหรือแบนซัพพลายเออร์ที่มาจากประเทศที่เป็นกังวล แต่คนที่ได้รับประโยชน์จากการจำกัดกีดกันเช่นนี้ คือ อาชญากรไซเบอร์ เพราะภัยคุกคามไซเบอร์ไม่มีพรมแดน ดังนั้น เพื่อรับมือกับภัยเหล่านี้ ระบบความมั่นคงปลอดภัยจำเป็นจะต้องปฏิบัติการได้แบบไร้พรมแดนเช่นเดียวกัน

บริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านระบบความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะมาจากประเทศใดก็ตาม ต่างทำสงครามต่อสู้อยู่กับผู้ร้ายไซเบอร์กลุ่มเดียวกัน และความร่วมมือระหว่างกันจะเป็นประโยชน์ต่อวงการอุตสาหกรรมของเรามากกว่า ไม่มีบริษัทใดที่สามารถมองได้รอบด้านเห็น 360 องศา รู้และทันเกมของภัยไซเบอร์ได้ทั้งหมด แต่หากมีความร่วมมือกัน นักวิจัยจากต่างองค์กร ต่างบริษัทกันก็สามารถที่จะเข้าใจสภาพการณ์และตามเกมภัยไซเบอร์ได้ดียิ่งขึ้น