เทรนด์เทคโนโลยีคลาวด์ พันธมิตรหนุนเป้าธุรกิจ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/582384

  • วันที่ 06 มี.ค. 2562 เวลา 10:30 น.

เทรนด์เทคโนโลยีคลาวด์ พันธมิตรหนุนเป้าธุรกิจ

เรื่อง มาร์ค ฟิลลิปส์ หัวหน้าฝ่ายแนวทางดิจิตอลประจำภูมิภาค EMEIA ฟูจิตสึ

ฟูจิตสึคาดการณ์เทคโนโลยีคลาวด์ สำหรับปี 2562 โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ที่นับจากนี้จะเป็นหัวใจของทุกสิ่ง โดยเทคโนโลยีบล็อกเชน ไอโอที ระบบวิเคราะห์ข้อมูล ระบบงานอัตโนมัติที่ใช้หุ่นยนต์ และทุกๆ สิ่งจะถูกขับเคลื่อนด้วยเอไอ ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างจะชาญฉลาด และทำงานแบบอัจฉริยะ เช่น เมื่อใช้งานร่วมกับระบบงานอัตโนมัติที่ใช้หุ่นยนต์เอไอจะช่วยปรับปรุงการดำเนินธุรกิจทั้งในเรื่องของความสะดวกรวดเร็ว การทำงานแบบอัตโนมัติ และบริการที่ดีเยี่ยม ควบคู่ไปกับการลดค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ ยังถือเป็นการเริ่มต้นของคลาวด์เนทีฟ องค์กรต่างๆ ได้ทดลองใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์เนทีฟมานานหลายปี และในปี 2562 จะได้พบเห็นกรณีการใช้งานจริงทางด้านธุรกิจและได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการติดตั้งและใช้งานจริงจังอย่างกว้างขวางสำหรับเทคโนโลยีคลาวด์เนทีฟ จนถึงปัจจุบัน คลาวด์เนทีฟยังจำกัดอยู่ในกลุ่มเฉพาะ เช่น ใช้ในการปรับขนาดระบบตามความต้องการทางธุรกิจด้วยความยืดหยุ่นสูงสุด

แนวโน้มสำหรับปี 2562 ก็คือ เทคโนโลยีที่เกิดในระบบคลาวด์ จะช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนากลยุทธ์ใหม่ๆ ที่สร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง เช่น ปัจจุบันอุตสาหกรรมการรักษาความปลอดภัยพึ่งพาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่คอยเฝ้าดูแลสถานที่ ลองนึกภาพการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกที่เทคโนโลยีคลาวด์เนทีฟสามารถเก็บรวบรวมและตรวจสอบข้อมูลด้านการรักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ ผ่านกล้องวิดีโอวงจรปิดหรือเซ็นเซอร์ และมีการจัดวางเจ้าหน้าที่ไว้เฉพาะในจุดที่จำเป็นเพื่อรองรับการทำงานอย่างมีเป้าหมาย นับเป็นการยกระดับการทำงานอย่างเหนือชั้นโดยอาศัยเทคโนโลยีคลาวด์เนทีฟ

ขณะที่คลาวด์เนทีฟกลายเป็นมาตรฐานใหม่ ในช่วงปี 2562 บุคลากรจะต้องตัดสินใจว่าจะพัฒนาแอพโดยใช้เทคโนโลยีเนทีฟบนแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างเช่น AWS และ Microsoft Azure หรือจะใช้เทคโนโลยีที่มีลักษณะเป็นนามธรรมและเปิดกว้างมากกว่า เช่น คอนเทนเนอร์ (Container) อย่างเช่น Docker และ Kubernetes ด้วยการแยกองค์ประกอบของแอพพลิเคชั่นให้กลายเป็นเอนทิตี้ขนาดเล็กที่ถูกห่อหุ้มไว้

คอนเทนเนอร์เหล่านี้จะสามารถนำไปประกอบเข้าด้วยกันเป็นแอพพลิเคชั่นที่ซับซ้อน และกระจายไปยังแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ช่วยให้สามารถประมวลผลหลายๆ งานพร้อมกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือ การพัฒนาและการดูแลรักษาที่ง่ายดายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับฝ่ายพัฒนาแอพพลิเคชั่นได้อย่างมาก ทั้งยังเพิ่มความรวดเร็วในการตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป สามารถปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่นเพื่อให้บริการในระดับต่างๆ และลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก

ขณะเดียวกัน หากตรวจสอบประโยชน์ของเอไออย่างเจาะลึก จะพบว่าการหยุดทำงานของแพลตฟอร์มคลาวด์ที่สำคัญจะส่งผลกระทบน้อยลง เพราะการดำเนินงานที่รองรับไอเอ จะย้ายลูกค้าไปยังระบบสำรองโดยอัตโนมัติ และจากนั้นก็ย้ายลูกค้ากลับมาอีกครั้ง เมื่อระบบคลาวด์ที่เลือกไว้กลับใช้งานได้ตามเดิม โดยที่บุคลากรไม่ต้องเข้าไปจัดการเลยแม้แต่น้อย นี่คือความเป็นจริงของโลกใหม่

ฟูจิตสึเชื่อว่าระบบไอทีแบบไฮบริด ซึ่งประกอบสร้างขึ้นจากระบบคลาวด์สาธารณะ ระบบคลาวด์ภายในองค์กร และระบบไอทีแบบติดตั้งภายในองค์กรในสัดส่วนที่ลงตัว คืออนาคตของสภาพแวดล้อมองค์กร แต่ก็มีแนวโน้มว่าในบางพื้นที่อาจปฏิเสธแนวทางนี้ บริการคลาวด์ภายในองค์กรกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับเทคโนโลยีคลาวด์ เนื่องจากเหตุผลเรื่องประสิทธิภาพ การปฏิบัติตามกฎระเบียบ ความปลอดภัย และความใกล้เคียงกับบริการอื่นๆ ดังนั้นระบบคลาวด์สาธารณะเพียงอย่างเดียวจึงไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกโจทย์ความต้องการ

ที่สำคัญคือพันธมิตรด้านเทคโนโลยีจะตอบสนองเป้าหมายทางธุรกิจของลูกค้าได้อย่างลงตัวมากขึ้น ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เราจำเป็นที่จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่เกิดจากเทคโนโลยี

ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยีและบริการของฟูจิตสึระบุถึงแนวคิดของเทคโนโลยีดิจิทัลที่แท้จริง หรือ Real Digital ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราพยายามที่จะหลีกเลี่ยงกับดักนี้อย่างไร แนวทางหนึ่งที่เป็นไปได้ก็คือ การสร้างความสอดคล้องอย่างรอบด้านระหว่างพันธมิตรด้านเทคโนโลยีกับลูกค้า ด้วยการกำหนดสัญญาโดยอ้างอิงผลลัพธ์ทางด้านธุรกิจ แทนที่จะอ้างอิงการใช้บริการ ซึ่งในปัจจุบันมักจะอ้างอิงตามจำนวนเวอร์ชวลแมชีน (Virtual Machine) หรือยูนิตการใช้งานระบบคลาวด์ที่มีการใช้งานจริง

โมเดลนี้มีอยู่แล้วในภาคธุรกิจอื่นๆ เช่น บริษัทผู้ให้บริการลิฟต์ที่คิดค่าบริการตามชั่วโมงการใช้งานจริง หรือผู้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินที่คิดค่าใช้จ่ายตามจำนวนชั่วโมงที่ทำการบิน โดยคาดว่าโมเดลนี้จะปรากฏให้เห็นอย่างแพร่หลายมากขึ้นในภาคธุรกิจบริการด้านไอทีในช่วงปี 2562

กสทช.มีมติเรียกคืนคลื่น 2600 MHz จาก “อสมท-กองทัพ” เพื่อนำมาประมูล5G

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/582323

  • วันที่ 05 มี.ค. 2562 เวลา 15:05 น.

กสทช.มีมติเรียกคืนคลื่น 2600 MHz จาก "อสมท-กองทัพ" เพื่อนำมาประมูล5G

บอร์ดกสทช. มีมติเห็นชอบเรียกคืนคลื่น 2600 MHz จาก อสมท-กองทัพบก-กองทัพไทย จำนวน 190 MHz นำมาประมูล 5G

เมื่อวันที่ 5 มี.ค.62 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า วั ที่ประชุม กสทช. เห็นชอบการเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 2600 เมกะเฮิร์ตซ์ (MHz) จำนวนรวม 190 MHz โดยเรียกคืนจากบมจ. อสมท (MCOT) จำนวน 154 MHz กรมการทหารสื่อสาร กองทัพบก และกรมการสื่อสารทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย รวม 2 หน่วยงานอีก 12 MHz ที่เหลือเป็นคลื่นว่างที่ไม่มีการใช้งาน เพื่อนำมาจัดสรรใหม่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล เพื่อให้เกิดประโยชน์ยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ กสทช. ได้กำหนดวันสิ้นสุดการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เป็น 45 วันนับจากวันที่ กสทช. มีมติให้เรียกคืนคลื่นความถี่ พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขการยุติการใช้คลื่นความถี่ที่เรียกคืน โดยในระหว่างดำเนินการให้สามารถใช้คลื่นความถี่ที่เรียกคืนดังกล่าวไปพลางก่อนได้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 120 วันนับจากที่ กสทช. มีมติให้เรียกคืนคลื่นความถี่

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติสำรองค่าใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่าย รายการเงินงบกลางของสำนักงาน กสทช. ประจำปี พ.ศ. 2562 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อประเมินมูลค่าการเรียกคืนคลื่นความถี่ และการทดแทน ชดใช้ หรือจ่ายค่าตอบแทนสำหรับผู้ที่ถูกเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 2500-2690 เมกะเฮิรตซ์ การประเมินมูลค่าคลื่นความถี่ในการนำมาใช้ในกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลในย่านความถี่ดังกล่าว จำนวน 3 ชุด รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 7,500,000 บาท และเมื่อมีการประมูลคลื่นความถี่ 2500-2690 เมกะเฮิรตซ์ เสร็จสิ้นแล้ว ให้ดำเนินการหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจ้างที่ปรึกษาดังกล่าวจากเงินรายได้ที่ได้รับจากการประมูล

นายฐากร กล่าวว่า ที่ประชุม กสทช. ได้มีมติเห็นชอบในหลักการของ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการพัฒนาและทดสอบนวัตกรรมในพื้นที่กำกับดูแลเฉพาะ (Regulatory Sandbox) หรือที่เรียกว่า ประกาศ Sandbox และให้นำไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ โดยประกาศฉบับนี้เป็นไปเพื่อการสนับสนุนการทดลอง และทดสอบ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเทคโนโลยี 5G โดย กสทช. จะอนุญาตให้ใช้ความถี่ในพื้นที่เฉพาะ เป็นกรณีพิเศษโดยไม่ใช้กฎระเบียบปกติ เพื่อให้มีการทดสอบนวัตกรรมใหม่ที่ใช้คลื่นความถี่ในพื้นที่นั้นๆ แต่พื้นที่ที่เราเรียกว่า Sandbox นี้ จะจำกัด อาทิเช่น พื้นที่ที่เป็นสถานศึกษาที่มีการศึกษาแบบสหวิทยาการ ตัวอย่างเช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เนื่องจากประกาศที่มีอยู่เดิมมีข้อจำกัดมาก เมื่อประกาศฉบับนี้ออกมากรณีนำเข้านำออก เพื่อทดลองทดสอบจะได้รับการยกเว้นเพื่อเอื้อต่อการทดลองทดสอบ จะได้ไม่ต้องมาขออนุญาตมาก หน่วยงานต่างๆ รายย่อย สามารถขอใช้ความถี่เพื่อการทดลองทดสอบได้ไม่ใช่เฉพาะโอเปอเรเตอร์รายใหญ่เท่านั้น รวมถึงภาคส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องก็สามารถขอใช้คลื่นนี้ได้ เช่น เอสเอ็มอีรายย่อย หรือนักพัฒนารายย่อยก็สามารถขอใช้คลื่นได้ อุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างอุตสาหกรรมขนส่ง การแพทย์ ก็สามารถขอใช้คลื่นได้ เอื้อเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากจ่ายแค่ค่าธรรมเนียมการขอใช้คลื่นแค่ 5,000 บาททุกราย การขอใบอนุญาต และขยายเวลาในการใช้งานคลื่นเพื่อทดลองทดสอบจากเดิมอนุญาตแค่ 270 วันเป็น 720 วัน หรือ 2 ปีโดยประมาณ

นอกจากนั้น ที่ประชุม กสทช. ยังได้เห็นชอบกรอบระยะเวลาดำเนินการและกรอบวงเงินงบประมาณการดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ทดลองทดสอบ 5G ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 68,000,000 บาท เพื่อเป็นการนำร่องในการทดลองทดสอบใช้เทคโนโลยี 5G โดยจัดตั้งศูนย์ทดลองทดสอบและติดตั้งโครงข่าย 5G บนพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทั้งหมด ซึ่งรวมถึงสยามสแควร์ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ด้วย โดยเป็นการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุน กทปส. ซึ่งเรื่องนี้จะส่งให้บอร์ดกองทุน กสทช. พิจารณาต่อไป

คู่แข่งกระอัก แอมะซอนลุยธุรกิจของชำ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/582269

  • วันที่ 05 มี.ค. 2562 เวลา 12:14 น.

คู่แข่งกระอัก แอมะซอนลุยธุรกิจของชำ

แอมะซอนเตรียมเปิดสาขาขายของชำ ผู้ค้ารายเดิมอ่วมหนัก ขณะวอลมาร์ทงัดแผนสู้

วอลสตรีท เจอร์นัล รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า แอมะซอนดอทคอม ยักษ์อี-คอมเมิร์ซสหรัฐ วางแผนเปิดร้านขายของชำแบบมีหน้าร้านหลายสิบสาขาในสหรัฐ หวังขยายเข้าสู่ตลาดของชำที่มีมูลค่ากว่า 8.4 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 26.75 ล้านล้านบาท) หลังเข้าซื้อกิจการโฮล ฟูดส์ เชนซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่วงเงิน 1.37 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.36 แสนล้านบาท) ในปี 2017 และทดลองบริการส่งของชำ มานานกว่า 10 ปี

รายงานระบุว่า แอมะซอนจะเริ่มเปิดร้านขายของชำสาขาแรกในนครลอสแองเจลิสภายในสิ้นปีนี้ และกำลังอยู่ระหว่างการเปิดสาขาตามแหล่งช็อปปิ้งในเมืองซานฟรานซิสโก ซีแอตเติล ชิคาโก กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และฟิลาเดลเฟีย ทั้งยังพิจารณาเรื่องการซื้อกิจการร้านของชำตามภูมิภาคเป็นส่วนหนึ่งของการขยายธุรกิจด้วย

ข่าวดังกล่าวยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับผู้ค้าของชำรายเดิม ฉุดหุ้นโครเกอร์ปิดลบ 4.5% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และวอลมาร์ทปิดลบ 1.1% สวนทางกับหุ้นแอมะซอนที่ปิดบวกเกือบ 2%

ด้านรอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า วอลมาร์ทกำลังเตรียมแผนรับการแข่งขันที่จะดุเดือดภายใน 2 ปีข้างหน้า โดยวอลมาร์ทตั้งเป้าจะเปิดบริการจุดรับของชำในสาขาให้ถึง 3,100 แห่ง ภายในเดือน ม.ค. 2020 และจะเพิ่มบริการเดลิเวอรี่ของชำอีก 800 สาขา เป็นทั้งหมด 1,600 สาขา ภายในสิ้นปีนี้

3 เทรนด์เทคโนโลยี สร้างสมดุลงาน-ชีวิต

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/582265

  • วันที่ 05 มี.ค. 2562 เวลา 10:30 น.

3 เทรนด์เทคโนโลยี สร้างสมดุลงาน-ชีวิต

เรื่อง ชไนเดอร์ อิเล็คทริค

ปี 2562 นับเป็นปีที่ธุรกิจไอทีจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ทั้งในการทำงานและชีวิตส่วนตัวมากขึ้น จนกล่าวได้ว่าปีนี้เป็นปีทองของเทคโนโลยีก็ว่าได้

โรมาริก เอินส์ท รองประธานธุรกิจไอทีสำหรับองค์กร ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย เปิดเผยว่า 3 เทรนด์หลักที่มีแนวโน้มในการเกิดขึ้นทั่วโลก ได้แก่ เอดจ์ คอมพิวติ้ง ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ และสร้างสมดุลให้กับงานและการใช้ชีวิต

ปัจจุบันกำลังมาถึงจุดที่เอดจ์ คอมพิวติ้ง เข้าสู่ช่วงของการสร้างผลิตผลและกลายเป็นจริง ทั้งนี้ ผู้ใช้ในองค์กรและผู้บริโภคจะเริ่มสัมผัส เอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ได้จากบริการที่นำเสนอในรูปแบบต่างๆ ซึ่ง Global Market Insights คาดการณ์ว่า ตลาดเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ จะอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2567 โดยมีการลงทุนระบบโครงสร้างเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ แล้วในเกือบทุกภาคส่วน

ปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดความต้องการเอดจ์ คอมพิวติ้ง คือผู้บริโภคไม่อดทนกับเรื่องความล่าช้า ดังนั้นการเข้าถึงข้อมูลและความสามารถในการวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ การตัดสินใจสำคัญหลายอย่างในธุรกิจและการตัดสินใจของผู้บริโภค ล้วนขึ้นอยู่กับความคล่องตัวในการเรียกใช้ข้อมูลได้ทันใจในแบบเรียลไทม์

ขณะที่ความต้องการด้านการบริการต่างๆ ที่ต้องอาศัยเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่น โมบาย มันนี่ แอพ ที่ให้ประสิทธิภาพการใช้งานได้ ณ สถานที่นั้นๆ ลูกค้าก็ได้รับประสบการณ์โดยรวมที่ดีขึ้น หรือการทำวิดีโอสตรีมมิ่ง ยานยนต์แบบไร้คนขับ เทคโนโลยีเหล่านี้ ล้วนต้องอาศัยเอดจ์ คอมพิวติ้ง ประสิทธิภาพสูง

ในส่วนของปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ เป็นที่พูดถึงกันเป็นอันดับต้นๆ มาตั้งแต่ปี 2561 และยังคงขยายวงกว้างจนถึงปีนี้ เพราะในแวดวงธุรกิจหรือกระทั่งที่บ้าน ทั้งเวิร์กโหลดและแอพที่ต้องใช้ข้อมูลอย่างจริงจัง ซึ่งให้ศักยภาพการทำงานผ่านเครือข่ายเอดจ์ใหม่ ล้วนต้องอาศัยเอไอในการวิเคราะห์และแปลข้อมูลจากแอพต่างๆ เพื่อช่วยสามารถตัดสินใจและตอบรับกับสถานการณ์ได้แบบเรียลไทม์

ทั้งนี้ เอไอจะช่วยเรื่องการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย ประสิทธิภาพการทำงานและระยะเวลาในการตอบสนองการใช้งาน ซึ่งจะแยกจากงานหนักในส่วนโมเดลการฝึกฝนของเอไอที่เป็นสเกลใหญ่ ซึ่งต้องทำผ่านดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีศูนย์กลางอยู่บนคลาวด์ โดยเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ที่มีการมอนิเตอร์อยู่ตลอด จะเกาะติดกิจกรรมที่มีความผิดปกติ โดยอาศัยการเรียนรู้ของเอไอ ว่าระบบไหนมีพฤติกรรมการทำงานอย่างไร

ในทางกลับกันก็จะช่วยขับเคลื่อนในเรื่องของการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และการบำรุงรักษาระบบงานในเชิงรุกตามเงื่อนไขการทำงาน การเรียนรู้ในระดับของจักรกลจะช่วยให้บริหารจัดการได้อย่างเรียบง่าย ช่วยลดเวลา และลดการใช้ทรัพยากรสำหรับกิจกรรมที่เพิ่มคุณค่าทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

นอกจากนี้ เอไอ และเอดจ์ คอมพิวติ้ง จะวิเคราะห์ได้มากขึ้นและสามารถพยากรณ์แม่นยำมากขึ้น ศักยภาพเหล่านี้จะช่วยจัดสมดุลให้กับชีวิตทั้งเรื่องความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นแต่การสร้างสมดุลที่ถูกต้อง ต้องอาศัยทัศนคติที่ให้ความสำคัญเรื่องของคนมาเป็นอันดับแรก

กล่าวได้ว่าเครื่องมือในการบริหารจัดการซอฟต์แวร์ กำลังช่วยให้มืออาชีพด้านไอที สร้างสมดุลของการใช้ชีวิตและการทำงานได้ดีขึ้น โดยช่วยให้จัดลำดับความสำคัญของข้อมูลที่จำเป็นต่อธุรกิจได้

หัวเว่ยยื่นฟ้องมะกัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/582267

  • วันที่ 05 มี.ค. 2562 เวลา 09:13 น.

หัวเว่ยยื่นฟ้องมะกัน

หัวเว่ยเตรียมยื่นฟ้องรัฐบาลสหรัฐ หลังโดนแบนอุปกรณ์

นิวยอร์กไทมส์รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ของจีน เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลแขวงตะวันออกของรัฐเทกซัส เพื่อฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐในกรณีห้ามหน่วยงานของรัฐบาลกลางใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ย โดยหัวเว่ยมีแนวโน้มระบุว่าการกระทำของรัฐบาลสหรัฐ เป็นการใช้กฎหมายลงโทษบุคคลหรือองค์กรโดยที่ไม่ผ่านกระบวนการพิจารณาจากศาล

นักวิชาการชี้ 9 ประเด็น เปรียบกม.ไซเบอร์เป็น “กฎอัยการศึกของโลกออนไลน์”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/582145

  • วันที่ 03 มี.ค. 2562 เวลา 19:17 น.

นักวิชาการชี้ 9 ประเด็น เปรียบกม.ไซเบอร์เป็น "กฎอัยการศึกของโลกออนไลน์"

นักวิชาการยก 9 ประเด็นต้องแก้ไขในร่างกฎหมายความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ชี้เป็นเหมือน “กฎอัยการศึกของโลกออนไลน์”

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงการเร่งรีบรวบรัด ปราศจากระบบตรวจสอบถ่วงดุลในการผ่านกฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ว่า รัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งควรทบทวนร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ แม้นกฎหมายนี้มีความจำเป็นต่อระบบความมั่นคงของระบบไซเบอร์อันส่งผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ทางการเงินการลงทุนทางสังคมและการเมืองเป็นเครื่องมือในการจัดการกับอาชญากรทางด้านไซเบอร์ แต่หากผ่านมาบังคับใช้ตามเนื้อหาที่ สนช.อนุมัติคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมการสร้างสรรค์ในโลกไซเบอร์และธุรกิจออนไลน์ได้ รวมทั้งอาจกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนและการล่วงละเมิดต่อความลับทางธุรกิจและทรัพย์สินทางปัญญาได้หากมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม

ทั้งนี้มองว่ามีประเด็นที่ต้องแก้ไขและข้อสังเกตเนื้อหาและมาตราต่างๆของกฎหมายที่เป็นเหมือน “กฎอัยการศึกของโลกออนไลน์” ดังต่อไปนี้

ประเด็นที่ 1 รัฐบาลและสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้นำเอาข้อเรียกร้องและข้อท้วงติงต่างๆของนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอทีและไซเบอร์ นักสิทธิมนุษยชน องค์กรภาคประชาชนและภาคธุรกิจมาปรับแก้เนื้อหากฎหมายที่เป็นร่างเดิมที่มีกระแสต่อต้านในช่วงเดือนตุลาคมน้อยมาก

ประเด็นที่ 2 ด้วยเนื้อหาของกฎหมายฉบับนี้จะก่อให้เกิดอุปสรรคต่อความคิดสร้างสรรค์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและเนื้อหาบางส่วนอาจขัดขวางต่อการขยายตัวเติบโตของเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม

ประเด็นที่ 3 กรณีที่มีการใช้อำนาจในการยึดครองทรัพย์สินทางด้านไอที (มือถือ คอมพิวเตอร์ ระบบ Server ระบบปฏิบัติการทางด้านคอมพิวเตอร์และไอที) ของประชาชนและเอกชน ต้องมีระบบและกลไก ขั้นตอนในการกลั่นกรองเพื่อไม่ให้เกิดการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมและผู้มีอำนาจรัฐใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์จากประชาชนและภาคเอกชนโดยทุจริต หากเกิดกรณีที่ต้องใช้อำนาจอย่างฉับพลันเพื่อประโยชน์สาธารณะและเพื่อความมั่นคงต่อระบบเศรษฐกิจ ระบบการเงิน ระบบการเมืองของประเทศต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนต้องมีการให้คำนิยามของคำว่า “เหตุจำเป็น” และ “เหตุวิกฤติร้ายแรง”ให้ชัดเจน ต้องเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างของระบบไซเบอร์ไม่ใช่ประเด็นที่เกี่ยวกับเนื้อหาซึ่งมี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับใหม่ดูแลอยู่แล้ว

เนื้อหากฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ที่ผ่าน สนช.นั้นได้มีการแก้ไขโดยให้ศาลเข้ามาตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจมากขึ้นแต่ก็ยังเปิดช่องให้ไม่ต้องขอหมายศาลในกรณีเร่งด่วนหรือวิกฤติร้ายแรงซึ่งต้องนิยามให้ชัดเจน

ประเด็นที่ 4 การเปิดโอกาสและช่องทางในการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้โดยไม่มีการกำกับตรวจสอบถ่วงดุลที่ดีพอ อำนาจของเลขา กปช. ในมาตรา 46, 47, 48, 54, 55, 56, 57 มีความอ่อนไหวสูงต่อการใช้อำนาจรัฐละเมิดสิทธิประชาชนหรือองค์กรหรือกิจการธุรกิจต่างๆ และอำนาจบางอย่างที่ระบุไว้ในกฎหมายต้องผ่านคำสั่งศาลเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิพื้นฐานของประชาชนและองค์กรต่างๆรวมทั้งเกิดช่องทางหาผลประโยชน์ในทางที่มิชอบโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายและเกิดการทับซ้อนทางผลประโยชน์ได้ ควรมีการใช้อำนาจดุลยพินิจของเลขาธิการ กปช. และ เจ้าหน้าที่ให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ในมาตรา 66 ยังเปิดช่องให้สภาความมั่นคงเข้ามารักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์หากมีภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับวิกฤต

ประเด็นที่ 5 โครงสร้างของคณะกรรมการ NCSC ควรเพิ่มเติมกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมืออาชีพที่เป็นกรรมการอิสระเพิ่มเติมมีผู้แทนจากองค์กรทางด้านสิทธิมนุษยชนและองค์กรภาคธุรกิจด้วย และกรรมการเหล่านี้ควรมีจำนวนไม่น้อยกว่า กรรมการจากฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำ

ประเด็นที่ 6 ทรัพย์สินสารสนเทศในมาตราสาม ครอบคลุมอุปกรณ์และทรัพย์สินส่วนบุคคลของประชาชนและองค์กรต่างๆ เช่น มือถือ อุปกรณ์สื่อสารส่วนบุคคล Internet of Thing ด้วยจึงอาจก่อให้เกิดการจำกัดเสรีภาพและละเมิดสิทธิอย่างกว้างขวางได้ หากผู้ใช้อำนาจไม่คำนึงถึงหลักการประชาธิปไตยและหลักสิทธิมนุษยชน

ประเด็นที่ 7 ในมาตรา 58 ระบุว่า “ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยสามารถเข้าถึง ทำสำเนา สกัดกรองข้อมูลสารสนเทศ รวมทั้งสามารถยึดคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ใดๆได้ไม่เกิน 30 วัน กระบวนการนี้จึงเป็นกระบวนการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐอาจดำเนินการไปก่อนแล้วค่อยรายงานต่อศาลได้ภายหลังทำให้เป็นช่องว่างของการใช้อำนาจในทางไม่ชอบธรรมได้ และ หากเกิดความเสียหายแล้ว ต้องมีการกำหนดด้วยว่ามีหลักเกณฑ์อย่างไรในการชดเชยความเสียหายต่อประชาชนและภาคธุรกิจ การใช้อำนาจตามมาตรา 57 และ มาตรา 58 อาจเข้าข่ายในการละเมิดสิทธิประชาชนจำเป็นต้องมีการทบทวนและต้องพิจารณาทบทวนอำนาจในการเข้าถึงทรัพย์สินสารสนเทศทำสำเนาหรือสกัดคัดกรองข้อมูลสารสนเทศหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์และให้สำนักงาน กปช.ต้องรับผิดชอบความเสียหายหากมีข้อมูลรั่วไหลและนำไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง

นอกจากนี้ ในมาตรา 64 การรับผิดชอบควรเกิดขึ้นเมื่อมีการฝ่าฝืนกฎหมายโดยไม่มีเหตุอันควรและ ต้องให้สิทธิผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมลดโอกาสในการกลั่นแกล้งกัน เพื่อให้กฎหมายเป็นไปตามหลักนิติธรรม

ประเด็นที่ 8 มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ หรือ CSA มีอำนาจถือหุ้น ร่วมทุน จึงมีสถานะทั้งเป็น operator และ regulator ทำให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ หรือ Conflict of Interest ได้ การรวบอำนาจไว้ที่หน่วยงานเดียว จึงขาดการตรวจสอบถ่วงดุล

ประเด็นที่ 9 ควรกำหนดความมั่นคงระบบไซเบอร์เพื่อให้เกิดการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (Sharing Economy), ระบบ Machine Learning และ Algorithm, ระบบ Big Data

การกำหนดหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศในกฎหมายไม่ครอบคลุมเพียงพอ ไม่ครอบคลุม Critical Infrastructure สำคัญควรมีการระบุผลกระทบและเกณฑ์ขนาดของหน่วยงานเพื่อไม่ไปสร้างภาระทางการลงทุนทางด้าน ITให้กับหน่วยงานขนาดเล็กที่ไม่มีความพร้อมหรือไม่มีศักยภาพเพียงพอ

ผศ. ดร.อนุสรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องเขียนนิยามภัยคุมคามทางด้านไซเบอร์และความมั่นคงปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ให้มีความชัดเจน การให้อำนาจในการค้นสถานที่ ยึดเครื่องมือสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โดยไม่ต้องขออำนาจศาลโดยอ้างความจำเป็นหรือกรณีวิกฤต ซึ่งยังไม่นิยามให้ชัดเจนเป็นการให้อำนาจกับหน่วยงานทางด้านความมั่นคงไซเบอร์มากเกินไปอาจก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิอย่างกว้างขวางได้ ต้องทบทวนอำนาจดังกล่าว

เนื้อหาของกฎหมายต้องสอดคล้องและตอบสนองต่อพลวัตของเทคโนโลยีใหม่ๆ ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Cyber security ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐานสากล หลักการประเมินความเสี่ยงเรื่อง Cyber security ต้องเป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล ไม่ก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตและการดำเนินธุรกิจ พระราชบัญญัติความมั่นคงทางไซเบอร์จะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและมีเนื้อหาหลายส่วนอาจขัดขวางต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม

นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชนและการดำเนินการของภาคธุรกิจอีกด้วยกฎหมายนี้แม้นจะมีความจำเป็นในการสร้างระบบความมั่นคงทางด้านไซเบอร์แต่กระบวนการในการร่างกฎหมายต้องให้เกิดการมีส่วนร่วมและต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักการประชาธิปไตยรวมทั้งต้องสอดคล้องพลวัตของระบบสังคมและเศรษฐกิจในอนาคตที่ระบบเศรษฐกิจมีการเคลื่อนตัวสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้นตามลำดับ การมีกฎหมายที่กำลังบังคับใช้ใหม่แต่อยู่บนฐานคิดที่ล้าหลังอยู่ภายใต้กรอบคิดความมั่นคงแบบเก่าๆและไม่เป็นประชาธิปไตยเป็นเรื่องอ่อนไหวต่อสังคม ต่อระบบการดำเนินธุรกิจและระบบเศรษฐกิจ กฎหมายอาจจะนำมาสู่ความขัดแย้งอย่างกว้างขวางและไม่สอดคล้องกับโลกในปัจจุบันและอนาคต

การมีกฎหมายหรือผู้ออกกฎหมายที่มุ่งไปที่มิติความมั่นคงมากเกินไปโดยไม่สนมิติทางเศรษฐกิจ มิติทางสังคมมิติทางด้านสิทธิมนุษยชนและสิทธิส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่น่าห่วงใยอย่างยิ่งต่อสังคมไทยในอนาคต หากผู้บังคับใช้กฎหมายมีลักษณะอำนาจนิยมไม่ยึดหลักการประชาธิปไตยย่อมทำให้เกิดสภาวะ Big Brother มีการสอดส่องพฤติกรรมต่างๆของประชาชน ธุรกิจเอกชนทางออนไลน์เป็นอุปสรรคต่อความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นผลบวกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัลและนวัตกรรม กระทบความเชื่อมั่นต่อนักธุรกิจและนักลงทุนได้เพราะกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ได้ให้อำนาจในการล้วงข้อมูล ดักฟังและเจาะฐานข้อมูลไซเบอร์หรือบอกให้ผู้ให้บริการเครือข่ายส่งข้อมูลต่างๆให้รัฐได้

หากรีบประกาศใช้โดยไม่ทบทวนเนื้อหากระทบภาคการลงทุนและความเชื่อมั่นนักลงทุนแน่นอน ไม่ควรมีการบังคับใช้กฎหมายจนกว่าจะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งอาจถูกใช้เป็นเครื่องมืออย่างไม่เป็นธรรมเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองได้เราได้เห็นตัวอย่างการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กลั่นแกล้งฝ่ายตรงกันข้ามโดยอ้างมาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญาเสนอควรเพิ่มกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจตามกฎหมายโดยศาลเพิ่มเติม

ภาพ เอเอฟพี

ย้ำกฎหมายไซเบอร์ไม่ละเมิด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/581995

  • วันที่ 02 มี.ค. 2562 เวลา 10:00 น.

ย้ำกฎหมายไซเบอร์ไม่ละเมิด

ปลัดดีอี ห่วงภัยไซเบอร์คุกคาม ระบุร่าง พ.ร.บ.ไซเบอร์คุ้มครอง ไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

น.ส.อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้ลงมติในวาระที่ 3 เห็น สมควรประกาศใช้ร่าง “พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. …” และร่าง “พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. …” เป็นกฎหมาย ขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการเตรียม นำทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อลงพระปรมาภิไธย ก่อนประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ความสำคัญของกฎหมาย ทั้งสองฉบับดังกล่าว จะช่วยสร้างความพร้อมให้กับประเทศไทยในการรับมือความเสี่ยงและภัยคุกคามทางไซเบอร์ยุคใหม่ จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัล ที่อาจส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงประเทศและเศรษฐกิจ โดยรวม ตลอดจนถึงการคุ้มครองข้อมูลประชาชนทั่วไป อีกทั้งจะช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล หนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

“กฎหมายนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบและไม่ได้ไปคุกคามสิทธิต่อประชาชนโดย ทั่วไปแต่อย่างใด แต่จะสามารถป้องกันและรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ได้อย่างทันท่วงที เพราะปัจจุบันเกิด ปัญหาการโจมตีทางไซเบอร์อยู่เสมอ” น.ส.อัจฉรินทร์ กล่าว

ก่อนหน้านี้ มี พ.ร.บ.สำคัญเพื่อการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศไทยอีก 4 ฉบับ ซึ่งนำเสนอโดยกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ผ่านการพิจารณารับร่างในวาระ 3 เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมนำทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อลงพระปรมาภิไธย ประกอบด้วย 1.ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่…) พ.ศ. … 2.ร่างพระราชบัญญัติสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. … 3.ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็ก ทรอนิกส์ (ฉบับที่…) พ.ศ. … (ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล) และ 4.ร่างพระราชบัญญัติสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย พ.ศ. …

“เป็นสัญญาณที่ดีที่ประเทศไทยจะมีความพร้อมไปสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในมาตรฐานที่เป็นสากล ทำให้สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงและสามารถรับมือกับภัยคุกคาม ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกเผชิญหน้าอยู่” น.ส.อัจฉรินทร์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม องค์กรภาคประชาชน ระบุว่า มีข้อกังวลต่อร่าง พ.ร.บ.ความมั่นคงไซเบอร์ฯ 8 ด้าน ได้แก่ 1.นิยามภัยคุกคามไซเบอร์ตีความกว้าง ครอบคลุมเนื้อหาบนออนไลน์ 2.เจ้าหน้าที่รัฐสามารถขอข้อมูลจากใครก็ได้ 3.กฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่ยึด ค้น เจาะ ทำสำเนาคอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์ 4.เจ้าหน้าที่รัฐสามารถสอดส่องข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ 5.ในกรณีจำเป็นเร่งด่วนเจ้าหน้าที่สามารถใช้อำนาจได้ไม่ต้องรอหมายศาล 6.การใช้อำนาจนั้นไม่สามารถอุทธรณ์ยับยั้งได้ 7.เมื่อภัยไซเบอร์ถึงระดับวิกฤต ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ 8.ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษปรับและจำคุก

แห่ขนอุปกรณ์ 5จี ประชัน’โมบาย คองเกรส’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/581990

  • วันที่ 02 มี.ค. 2562 เวลา 08:57 น.

แห่ขนอุปกรณ์ 5จี ประชัน'โมบาย คองเกรส'

โดย…ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

ในงาน โมบาย เวิลด์ คองเกรส (MWC) มหกรรมแสดงสินค้าสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ไฮเทคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเพิ่งปิดฉากไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ที่เมือง บาร์เซโลนา ประเทศสเปน บรรดาบริษัทไอทีต่างขนความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีไปแสดงกันอย่างคับคั่ง

“5จี” ยังคงเป็นดาวเด่นมาแรงของงาน ซึ่งบางประเทศ เช่น สหรัฐ และเกาหลีใต้ เตรียมเปิดให้บริการ 5จี เชิงพาณิชย์ภายในสิ้นปี 2019 และอีกหลายแห่งจะเริ่มใช้ในปี 2020

การแสดงเทคโนโลยี 5จี ในปีนี้ถือได้ว่าแตกต่างไปจากปีก่อนหน้าอยู่ไม่น้อย เนื่องจากไม่ได้ชูจุดขายเรื่องประสิทธิภาพการเชื่อมต่อหรือความเร็วแต่เพียงอย่างเดียว แต่เน้นนำเสนอการเอา 5จีไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับชีวิตประจำวันผู้บริโภคมากขึ้น สะท้อนออกมาจากการเปิดตัวอุปกรณ์หลากหลายประเภทที่รองรับ 5จีได้

“สมาร์ทโฟน 5จี” คือตัวอย่างชัดเจนว่าเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงนี้กำลังเข้ามาใกล้ตัวผู้บริโภคมากขึ้นทุกที

“หัวเว่ย” ยักษ์สมาร์ทโฟนสัญชาติจีน เปิดตัว Huawei Mate X สมาร์ทโฟน 5จี ก่อนงาน MWC เพียง 1 วันเท่านั้น โดยสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวไม่เพียงรองรับ 5จี แต่ยังเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้รุ่นแรกของบริษัท

ก่อนหน้านี้ไม่ถึง 1 สัปดาห์ “ซัมซุง”ค่ายคู่แข่งจากเกาหลีใต้เพิ่งเปิดตัว สมาร์ทโฟน 5จี รุ่น กาแล็คซี่ เอส 10 พร้อมสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้รุ่น Samsung Galaxy Fold ที่สร้างความฮือฮาไป ทั่วโลก และคาดว่าจะมีเวอร์ชั่นที่รองรับ 5จี ด้วยเช่นกัน

นอกจาก 2 ค่ายใหญ่แล้ว “เสี่ยวหมี่” บริษัทสมาร์ทโฟนมาแรงแดนมังกร เปิดตัว Mi Mix 3 เวอร์ชั่นรองรับเครือข่าย 5จี ได้ โดยมีราคาย่อมเยาเพียง 680 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.1 หมื่นบาท) เท่านั้น

ด้าน “แอลจี” และ “ซีทีอี” เผยโฉมสมาร์ทโฟน 5จี รุ่นใหม่ภายในงานด้วยเช่นกัน ขณะที่บริษัทไอทีอื่นๆ อย่าง “วันพลัส””โซนี่” และ “ออปโป้” ก็เอาสมาร์ทโฟน 5จีตัวต้นแบบมาโชว์ก่อนจะเปิดตัวจริงภายในปีนี้

อุปกรณ์ 5จี ในทุกอย่าง

นอกจากสมาร์ทโฟนแล้ว 5จียังเข้าไปอยู่ในอุปกรณ์หลายอย่าง โดย ซีเอ็นเอ็นรายงานว่ามีทั้งระบบ 5จีภายในรถยนต์ โดรนดับเพลิง 5จี ระบบฟาร์มปลา 5จี และมีแม้กระทั่งถาดใส่อาหาร 5จี

ตัวอย่างอุปกรณ์ 5จี สำหรับชีวิตประจำคือ HTC 5G Hub ซึ่งทำหน้าที่ เหมือนฮอตสปอตเชื่อม 5จี เข้ากับอุปกรณ์สารพัดอย่างได้ 20 อุปกรณ์

สำหรับอีกหนึ่งความน่าตื่นตาของความก้าวหน้าด้าน 5จี คือ “การไลฟ์สดจากห้องผ่าตัดผ่าน 5จี” โดยทีมศัลยแพทย์จากโรงพยาบาล ฮอสพิทัล คลินิก บาร์เซโลนา ในสเปน ดำเนินการผ่าตัดเนื้อมะเร็งออกจากลำไส้ใหญ่ของผู้ป่วย ขณะที่ ดร.อันโตนิโอ มาเรีย เดอ ลาซี หัวหน้าทีมศัลยแพทย์คอยให้คำแนะนำการผ่าตัดผ่านวิดีโอไลฟ์สดบนเวทีงาน MWC

“เมื่อผมลากเส้นที่ต้องผ่าตัดบนหน้าจอนี้ เส้นที่ว่าจะปรากฏบนหน้าจอในห้องผ่าตัดพร้อมกัน ก่อนมี 5จี เราต้องหยุดวิดีโอก่อน เพราะทำไปพร้อมกันไม่ได้” เดอ ลาซี กล่าว

เดอ ลาซี เสริมว่า การมี 5จี จะช่วยให้การผ่าตัดหลายอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ จากเดิมที่ทำไม่ได้เพราะไม่มีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำในห้องผ่าตัด ทำให้ช่วงที่ผ่านมาโรงพยาบาลทั่วโลกไม่สามารถดำเนินการผ่าตัดถึง 143 ล้านครั้งต่อปี

คืบหน้าแต่ยังไม่พอ

แม้ 5จี ที่มีความเร็วกว่า 4จีถึง 100 เท่า และเชื่อมต่ออุปกรณ์จำนวนมากมายได้อย่างไม่สะดุด ได้กลายเป็นจุดขายหลักของงาน MWC แต่หลายฝ่ายมองว่าการลงทุนใน 5จี ยังคงไม่เพียงพอ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการให้บริการ 5จีเต็มรูปแบบในอนาคต

กรีนซิลล์ บริษัทให้บริการโซลูชั่นทางการเงินในอังกฤษ คาดการณ์ว่า การเดินหน้าให้บริการ 5จี เต็มรูปแบบจะต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมด 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 85 ล้านล้านบาท) ภายในสิ้นปี 2020 โดยต้องลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 31 ล้านล้านบาท) และลงทุนอีกราว 9 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 2.8 ล้านล้านบาท) ในด้านอุปกรณ์และบริการไอโอที (IoT)

ด้าน GSMA สมาคมผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือจากทั่วโลกเปิดเผยว่า การเดินหน้า 5จีในยุโรปต้องใช้เงินลงทุนราว 5.68 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 17 ล้านล้านบาท)

โทนี วอนฟอร์ กรรมการผู้จัดการของ กรีนซิลล์ และผู้เชี่ยวชาญทางการเงินในธุรกิจโทรคมนาคม มองว่า งบการลงทุนใน 5จี จะเป็นจุดเริ่มต้นสู่ปัญหาใหญ่กว่าต่อไปในอนาคต เนื่องจากหลายบริษัทอาจไม่มีงบมากพอในการพัฒนาเทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่างๆ ให้รองรับ 5จี

การตรวจจับ เทรนด์ใหม่ ในข้อมูล

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/581777

  • วันที่ 28 ก.พ. 2562 เวลา 11:40 น.

การตรวจจับ เทรนด์ใหม่ ในข้อมูล

เรื่อง ดร.ปรัชญา บุญขวัญ

สวัสดีครับท่านผู้อ่านหลายท่านอาจจะเคยต้องการหาแนวโน้มหรือทำนายอะไรบางอย่างจากข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ เช่น ข้อมูลผลคะแนนสอบ ONET รายวิชาของนักเรียนทั้งประเทศ หรือข้อมูลยอดขายสินค้าจากร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศรายเดือน ปัญหาหนึ่งที่จะต้องพบคือ ในข้อมูลที่มีมากมายนั้นจะมีบางส่วนที่เป็นข้อมูลที่ผิดปกติ เช่น สูงหรือต่ำผิดปกติเมื่อเทียบกับข้อมูลส่วนใหญ่ ถ้าเรานำข้อมูลเหล่านั้นมาร่วมพิจารณาด้วย ก็อาจจะทำให้การทำนายแนวโน้มผิดพลาดไปมาก เราจึงจำเป็นต้องตรวจจับความผิดปกติในข้อมูลได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะหาแนวโน้มโดยรวมได้ เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การตรวจจับข้อมูลผิดปกติ (Outlier Detection หรือ Anomaly Detection)

ผู้เขียนจะนำเสนอวิธีการตรวจจับข้อมูลผิดปกติแบบง่ายๆ 3 วิธีด้วยกัน ได้แก่ วิธีการแรก เราจะดูจากระยะห่างของข้อมูลจากค่าเฉลี่ยหรือที่เรียกว่า Z-score หากข้อมูลตัวใดมีระยะห่างจากค่าเฉลี่ยของชุดข้อมูลทั้งหมด เกินขอบเขตที่กำหนดไว้ จะถือว่าข้อมูลตัวนั้นผิดปกติทันที โดยทั่วไปเรามักจะกำหนดขอบเขตระยะห่างจากค่าเฉลี่ยเอาไว้ที่ 2 เท่าของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน

วิธีการที่สอง เราจะดูจากระยะห่างของข้อมูลจากค่ามัธยฐาน (Median) ซึ่งเรียกว่า MAD (Median Absolute Deviation) หลักการคือให้นำข้อมูลมาเรียงลำดับจากน้อยไปมากแล้วหยิบเอาข้อมูลที่ตำแหน่งตรงกลางลำดับมา เรียกว่า “ค่ามัธยฐาน” จากนั้นให้นำข้อมูลแต่ละตัวมาคำนวณระยะห่างเทียบกับค่ามัธยฐาน แล้วเรียงลำดับค่าระยะห่างที่เราคำนวณได้จากน้อยไปมากอีกครั้ง เพื่อเลือกค่าระยะห่างที่อยู่ตรงกลาง เรียกค่าระยะห่างที่อยู่ตรงกลางนี้ว่า “ค่า MAD” หากข้อมูลใดที่มีระยะห่างจากค่ามัธยฐานเกินกว่าขอบเขตที่กำหนด จะถือว่าเป็นข้อมูลผิดปกติทันที

วิธีการที่สาม จะนำข้อมูลมาเรียงลำดับจากน้อยไปมากก่อน จากนั้นให้เลือกข้อมูลในตำแหน่งที่ 25% และ 75% จากนั้นให้นำทั้งสองค่านี้มาลบกัน เราจะเรียกผลต่างที่ได้นี้ว่า “ค่า IQR” หากข้อมูลใดอยู่นอกขอบเขตที่เรากำหนด จะถือว่าเป็นข้อมูลผิดปกติทันที

อีกปัญหาหนึ่งซึ่งน่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ บางครั้งเราอาจจะต้องการตรวจจับกระแสหรือแนวโน้มใหม่ ที่เริ่มจะก่อตัวในข้อมูลลำดับเวลาด้วย เช่น เราอาจจะต้องการหาหัวข้อใหม่ๆ ที่คนในโลกโซเชียลกำลังพูดถึงในขณะนี้ ซึ่งแตกต่างจากข้อมูลส่วนใหญ่โดยสิ้นเชิง เราจะเรียกกระบวนการนี้ว่า การตรวจจับแนวโน้มใหม่ (Novelty Detection)

ถ้ามองในแง่ของการจัดการข้อมูลแล้ว เราสามารถใช้เทคนิคแบบเดียวกันได้ กับทั้งการตรวจจับข้อมูลผิดปกติและการตรวจจับแนวโน้มใหม่

กลยุทธ์ความปลอดภัยไซเบอร์ ในการป้องกันอุปกรณ์ไอโอที-5จี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/581649

  • วันที่ 27 ก.พ. 2562 เวลา 11:40 น.

กลยุทธ์ความปลอดภัยไซเบอร์ ในการป้องกันอุปกรณ์ไอโอที-5จี

เรื่อง โจนาธาน อึงไกเย็นโดฟ ฟอร์ติเน็ต

อุปกรณ์ไอโอที (IoT) ที่เชื่อมโยงกันผ่านอินเทอร์เน็ตกำลังถูกนำมาใช้กับเครือข่าย 5จี เป็นจำนวนมาก โดยฟอร์ติเน็ตมีรายงานที่คาดว่าเม็ดเงินการใช้จ่ายทั่วโลกทั้งหมดในไอโอทีน่าจะสูงถึง 745 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ เพิ่มขึ้น 15.4% จากยอดใช้จ่าย 646 พันล้านดอลลาร์ ในปี2561 ที่ผ่านมา และน่าจะสูงเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2565 ทำให้ต้องพิจารณาถึงผลกระทบกับเครือข่าย 5จี และด้านความปลอดภัยของเครือข่ายด้วย

เทคโนโลยี 5จี จะส่งผลทำให้ความเร็วในการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความจุเครือข่ายที่มากขึ้น มีความหน่วงของเวลาน้อยลง และมีบริการที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้องค์กรต่างๆ สามารถนำเสนอนวัตกรรมบริการประเภทคอนเทนต์ที่ดีกว่า ทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์ได้มากขึ้น และลูกค้าผู้ใช้งานด้านกิจกรรมบันเทิงและเชิงพาณิชย์จะมีประสบการณ์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ความหน่วงของเวลาที่ต่ำกว่าและการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้สูงขึ้น จะทำให้ส่วนระบบประมวลผลและสั่งงานที่ตัวอุปกรณ์ (Edge-based computing) ทำงานดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใช้งานศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ใกล้เคียง เซิร์ฟเวอร์ในเครือข่าย 5จี จึงทำหน้าที่เป็นแอพพลิเคชั่นเซิร์ฟเวอร์อันชาญฉลาดเพื่อรองรับแอพพลิเคชั่นธุรกรรมและกระบวนการทางธุรกิจที่ตัวอุปกรณ์หรือขอบเครือข่ายได้

ยิ่งไปกว่านั้นทรัพยากรที่ทำหน้าที่ประมวลผลที่บริเวณขอบเครือข่ายจะถูกติดตั้งกระจายทั่วทั้งเครือข่ายมากขึ้น และมีการเชื่อมต่อด้วยความเร็วสูงระหว่างกันโดยผ่านแอพพลิเคชั่นชั้นสูงระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ เพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรจะสามารถติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลที่มีปริมาณมาก เวิร์กโฟลว์และธุรกรรมต่างๆ นั้นได้แบบเรียลไทม์

ท่ามกลางแอพพลิเคชั่นและบริการที่มีความหลากหลายมากขึ้นเช่นกัน ทั้งหมดนี้ส่งผลให้เครือข่ายส่วนขอบนี้ยิ่งจำเป็นต้องมีความฉลาดและแข็งแกร่งในวิธีจัดการกับอุปกรณ์ ข้อมูล แอพพลิเคชั่น เวิร์กโฟลว์ วิธีการเชื่อมต่อกับทั้งเครือข่ายแบบดั้งเดิมและเครือข่ายคลาวด์สมัยใหม่อีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นประเด็นท้าทายมากในปัจจุบัน

เครือข่าย 5จี จึงรองรับอุปกรณ์ไอโอทีที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลของผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์มากมาย เช่น บริการสื่อสารภายในยานยนต์แห่งอนาคตที่ประยุกต์ใช้การเชื่อมโยงไอโอที (Connected Car) ในการขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างแผงควบคุมไปยังอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ระบบเบรก ระบบจีพีเอสนำทาง ระบบความบันเทิง ระบบธุรกรรมทางการเงิน อาทิ การชำระค่าน้ำมันค่าผ่านทาง ค่าจอดแบบอัตโนมัติ สั่งอาหารแบบขับผ่าน หรือโดยไม่ต้องดึงบัตรเครดิตออกจากกระเป๋าในการชำระ เป็นต้น

ขณะที่โรงพยาบาลสามารถใช้อุปกรณ์ไอโอทีทางการแพทย์ในการส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ผ่านเครือข่าย 5จี เช่น การผ่าตัดระยะไกล การวิเคราะห์ ทดสอบและสแกนโดยผู้เชี่ยวชาญจากระยะไกล ซึ่งความก้าวหน้าเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ป่วยในสถานที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงแพทย์ที่ดีที่สุดในโลกได้เท่าเทียมกัน

ทั้งนี้ เนื่องจากอุปกรณ์ไอโอทีนับพันล้านเครื่องเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับเครือข่ายกลางแบบดั้งเดิมแต่จะเป็นการเชื่อมต่อกันที่ไขว้ไปมาเป็นตาข่ายในส่วนริมเครือข่าย (Meshed Edge) แทน อุปกรณ์ทุกชิ้นจึงกลายเป็นจุดอ่อนที่สุดและทำให้ทั้งองค์กรมีความเสี่ยงได้

ดังนั้น องค์กรจึงควรเตรียมกลยุทธ์ในด้านเครือข่ายและความปลอดภัยไซเบอร์ยุคใหม่อย่างน้อย 4 ประการ ดังนี้

1.ความปลอดภัยจะต้องครอบคลุมตั้งแต่ขอบเครือข่ายด้านหนึ่งไปจนขอบอีกด้านหนึ่งทั้งหมด รวมถึงจากขอบที่รอบรับไอโอทีไปยังแกนกลางองค์กรและออกไปยังสำนักงานสาขาและระบบคลาวด์สาธารณะที่ใช้อยู่หลากหลายระบบนั้นอีกด้วย ซึ่งในรูปแบบนี้ องค์กรจำเป็นจะต้องสามารถระบุ จัดอันดับความสำคัญและสถานะของอุปกรณ์ทุกชิ้นที่เชื่อมต่อกันทั้งหมดได้ ยิ่งไปกว่านี้องค์กรต้องสามารถตรวจสอบ ยืนยัน รับรองความถูกต้อง และอนุมัติคำขอเข้าถึงทรัพยากรเครือข่ายทั้งหมดได้อีกด้วย

2.ระบบด้านความปลอดภัยไซเบอร์นั้นจะต้องรองรับระบบไฮบริดสมัยใหม่ที่องค์กรมักใช้ในการรวมระบบใหม่และระบบดั้งเดิมเข้าด้วยกันซึ่งต้องมีความยืดหยุ่นสูง โดยปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าในการจัดการกับภัยไซเบอร์และป้องกันทรัพยากรที่มีค่านั้น องค์กรมักเลือกใช้กลยุทธ์จัดแบ่งเครือข่ายเป็นส่วนๆ (Network Segmentation) ส่งผลให้องค์กรต้องการศักยภาพในการรวมทรัพยากรทั้งหมดนั้น ทั้งที่อยู่ในองค์กรและในที่ห่างไกล ในส่วนต่างๆ ทั้งที่องค์กรสามารถควบคุมได้และควบคุมไม่ได้มาใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพตามความต้องการ ทีมไอทีจึงต้องพิจารณาหาวิธีในการบริหารระบบที่ซับซ้อนเหล่านี้ในขณะที่พัฒนาเครือข่าย 5จี และบริการพับลิคคลาวด์ใหม่ๆ ขององค์กรด้วย

3.สิ่งที่สำคัญคือ องค์กรจำเป็นต้องได้รับการแบ่งปันข้อมูลภัยคุกคามเชิงลึกผ่านการวิเคราะห์มาแล้ว ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างรวดเร็วและเป็นแบบอัตโนมัติ ทั้งนี้ เทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิ่งและระบบที่ทำงานเองเป็นอัตโนมัติจะเป็นกุญแจสำคัญจะช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้น จึงช่วยปิดช่องว่างระหว่างการตรวจจับภัยและการลดผลกระทบที่เกิดจากภัยคุกคามลงได้

4.เนื่องจากอุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายมีความหลากหลาย ดังนั้นแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยจำเป็นต้องมีศักยภาพสูงสามารถทำงานเข้ากันได้กับอุปกรณ์ที่แตกต่างกันนั้น เราจะเห็นมาตรฐานความปลอดภัยแบบ 5จี เป็นระบบเปิดที่ประยุกต์ใช้ APIs ประสานกับหลายๆ ผู้ให้บริการความปลอดภัยไซเบอร์และบริหารจัดการ พร้อมทั้งกำหนดนโยบายด้านความปลอดภัยได้จากส่วนกลางได้อย่างสอดคล้องราบรื่น

ยังมีหลายองค์กรที่ยังมองข้ามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเครือข่าย 5จี และผลกระทบในวิธีการดำเนินธุรกิจและการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันที่มีประสิทธิภาพในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่องค์กรสามารถทำได้ในขณะนี้ คือ การยกระดับอุปกรณ์ความปลอดภัยแบบดั้งเดิมที่มักป้องกันแบบแยกจุด ให้ไปเป็นโครงสร้างสถาปัตยกรรมเครือข่ายการรักษาความปลอดภัยที่ออกแบบมาให้เป็นแบบบูรณาการครบถ้วนตั้งแต่ต้นจนปลายทาง มีศักยภาพสูง ทำงานได้เองแบบอัตโนมัติ เป็นระบบเปิด มีมาตรฐานสูง และใช้มาตรฐานด้านความปลอดภัยแบบ API ที่ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการความปลอดภัยไซเบอร์อื่นๆ ได้ สามารถเห็นและบริหารจัดการอุปกรณ์และภัยได้จากหน้าจอเดียวกัน มีเทคโนโลยีทำงานเข้ากับระบบแบบดั้งเดิมและระบบใหม่ๆ