เอไอพลิกโฉมเอชอาร์ เพิ่มประสิทธิภาพสรรหา‘คน’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/579405

  • วันที่ 06 ก.พ. 2562 เวลา 11:40 น.

เอไอพลิกโฉมเอชอาร์ เพิ่มประสิทธิภาพสรรหา‘คน’

เรื่อง ทาเลนต์มายด์

ในยุคที่ทุกอย่างกำลังถูกเปลี่ยนแปลงด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ไม่ว่าจะสตาร์ทอัพหรือองค์กรใหญ่ก็ล้วนแต่ต้องไล่ให้ทันความเป็นไปของโลก หรือแม้แต่สร้างนวัตกรรมของตัวเองขึ้นมา เพราะนวัตกรรมในองค์กรจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อทุกคนในบริษัทมีดีเอ็นเอที่ตรงกัน รวมถึงฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือเอชอาร์ ที่ต้องเปลี่ยนตัวเองสู่ เอชอาร์เทค(HR Tech) หรือ ดิจิทัล เอชอาร์

การรวมกันของทรัพยากรบุคคลและเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการเสริมประสิทธิภาพระบบการคัดสรรบุคลากรในการค้นหาและว่าจ้างผู้ปฏิบัติงานมืออาชีพที่มีคุณภาพสูงขึ้น พร้อมประหยัดระยะเวลาในการกลั่นกรองประวัติของผู้สมัครจำนวนมาก และสามารถค้นพบผู้ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งงานเฉพาะด้านได้อย่างรวดเร็ว

โช คอนโด หัวหน้าทาเลนต์มายด์ (TalentMind) บริษัทด้านเทคโนโลยีทรัพยากรบุคคล กล่าวว่า ในยุคปัจจุบันมีระบบการจัดการการรับสมัครงาน หรือแพลตฟอร์มที่มีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงการสรรหาและการจับคู่ผู้สมัครกับบริษัทที่เหมาะสมกัน ด้วยบริบทนี้ทำให้ทิศทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์ หรือเอชอาร์เทรนด์ 2562 ประกอบด้วย

lการเพิ่มขึ้นของระบบการจัดการข้อมูลของพนักงาน

การเปลี่ยนแปลงในปีนี้เริ่มจากการจัดการฐานข้อมูลพนักงานด้วยตนเอง รวมถึงการจัดการการลาและการเข้างานประจำปีผ่านสเปรดชีตไปยังการจัดการที่ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยแพลตฟอร์ม Artificial Intelligence หรือเอไอ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลผู้สมัครจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และการเก็บข้อมูลมากขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี จะยิ่งทำให้สามารถวิเคราะห์และจัดทำแบบแผนในการทำงานต่างๆ ได้มากขึ้น

lความนิยมที่เพิ่มขึ้นของซอฟต์แวร์การสรรหา

นอกจากประเทศไทยแล้วหลายประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะกลายเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงในด้านทรัพยากรมนุษย์ บริษัทต่างๆ จึงเริ่มหันมาสนใจและให้ความสำคัญกับการพัฒนาอัลกอริทึมเพื่อช่วยหาคนที่เหมาะสม การใช้เอไอจึงเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการสรรหาทรัพยากรบุคคลให้ง่าย รวดเร็ว แม่นยำ และมีต้นทุนที่ลดลง รวมทั้งช่วยลดอคติในการคัดเลือกผู้สมัครได้เป็นอย่างดี

แม้กระนั้นก็ยังมีความกังวลว่าหากใช้เอไอในการคัดกรองพนักงานจะทำให้ได้พนักงานที่ขาดลักษณะความเป็นมนุษย์และเหมือนกับหุ่นยนต์มากเกินไป ดังนั้นจึงยังมีความจำเป็นต้องใช้มนุษย์ในการคัดสรรรอบสุดท้าย ซึ่งจะช่วยลดความกังวลดังกล่าวได้

lการใช้งานซอฟต์แวร์บนคลาวด์ เติบโตอย่างมาก

คลาวด์ หมายถึง การทำงานการประมวล จัดเก็บข้อมูล และอื่นๆ บนระบบออนไลน์ การทำงานด้านเอชอาร์อาจจะต้องใช้เอกสารมากมาย การนำคลาวด์เข้ามาเก็บข้อมูลช่วยทำให้เอกสารไม่สูญหาย ช่วยทำให้ประหยัดเวลาในงานด้านเอกสารลง และยังช่วยลดเอกสารที่ต้องใช้ลงอีกด้วย ทำให้ประหยัดต้นทุกลงไปมากจากการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ ทำให้เอชอาร์สามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับพนักงานได้รวดเร็ว ตลอดเวลาและสามารถใช้งานได้ทุกที่ และยังช่วยทำให้การวางแผนทรัพยากรบุคคลเข้าถึงพนักงานได้ดีมากขึ้น

ในอนาคตเมื่อเอไอได้รับการพัฒนาให้ใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆและแพร่หลายไปยังธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ก็คงถึงยุคของเอไออย่างแท้จริง และนับเป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่ช่วยทำให้โลกของเราสะดวกสบายมากขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกนำมาใช้งานและดูแลการใช้งานได้อย่างเหมาะสม

ครบ15ปีเฟซบุ๊ก! “ซัคเคอร์เบิร์ก”ชี้ทำให้ผู้คนมีพลังมากขึ้น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/579380

  • วันที่ 05 ก.พ. 2562 เวลา 20:23 น.

ครบ15ปีเฟซบุ๊ก! "ซัคเคอร์เบิร์ก"ชี้ทำให้ผู้คนมีพลังมากขึ้น

ซีอีโอเฟซบุ๊ก เผยเนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปี ของบริษัท ชี้โซเชียลมีเดียทำผู้คนให้มีพลังมากขึ้น และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม

นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก กล่าวเนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปีของบริษัทว่า ในบางกรณี บุคคลบางคนได้วิจารณ์ไปไกลโดยได้นิยามการเปลี่ยนแปลงที่ช่วยสร้างพลังให้ผู้คนอย่างที่อินเทอร์เน็ตและสื่อโซเชียลสามารถทำได้ว่า เป็นสิ่งที่อันตรายต่อสังคม ซึ่งเป็นการวิจารณ์ในแง่ลบเกินไปสำหรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เฟซบุ๊กได้ทำให้เกิดขึ้น

“ขณะที่เครือข่ายของผู้คนได้เข้าไปแทนที่ชนชั้นทางสังคมแบบดั้งเดิมและเปลี่ยนแปลงสถาบันทางสังคมต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ภาคธุรกิจ สื่อ หรือชุมชน แต่บุคคลบางกลุ่มไม่ได้ยินดีกับการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่กลับเน้นให้ความสนใจกับเรื่องลบมากเกินไป” นายมาร์ค กล่าว

ซีอีโอเฟซบุ๊ก กล่าวด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอาจก่อให้เกิดความไม่แน่นอน แต่ผู้คนก็มีพลังมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งแนวโน้มในระยะยาวก็คือ การปรับเปลี่ยนทางสังคมจะมีการเปิดกว้างและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นตามกาลเวลา

“ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องของการที่ผู้คนสร้างเครือข่ายเหล่านี้ขึ้นมาและเริ่มเห็นผลกระทบของมัน และในอีก 15 ปีข้างหน้าจะเป็นเรื่องของการที่ผู้คนได้ใช้พลังของตนเองในการเปลี่ยนแปลงสังคม”

ภาพ เอเอฟพี

ถอดสูตรสำเร็จลาล่ามูฟ คุณภาพคู่เทคโนโลยี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/579275

  • วันที่ 05 ก.พ. 2562 เวลา 11:00 น.

ถอดสูตรสำเร็จลาล่ามูฟ คุณภาพคู่เทคโนโลยี

เรื่อง วันเพ็ญ พุทธานนท์

ตลอด 4 ปีที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ลาล่ามูฟผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นขนส่งสินค้าแบบออนดีมานด์เดลิเวอรี่หรือส่งสินค้าทันที สามารถขึ้นแท่นผู้นำตลาดอันดับหนึ่งได้อย่างงดงาม และปิดยอดขายในปี 2561 ด้วยการเติบโต 123% มีมูลค่าการทำธุรกรรมรวมกว่า 1,200 ล้านบาท จึงเป็นอีกหนึ่งโมเดลธุรกิจที่น่าศึกษายิ่ง

พสิษฐ์ เธียรนภาพรโชค ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ลาล่ามูฟ ประเทศไทย เปิดเผยว่า จุดที่ทำให้ลาล่ามูฟประสบความสำเร็จในระยะเวลารวดเร็วมาจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ คุณภาพ ที่เน้นการให้บริการที่รวดเร็ว ตรงเวลาและมีประสิทธิภาพ โดยพบว่าคุณภาพการจัดส่ง (Full Fillment) ของลาล่ามูฟสามารถเติมเต็มการวิ่งได้ถึง 99% ซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพอใจ

อีกปัจจัยความสำเร็จคือเทคโนโลยีแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้ โดยเปิดการใช้งานเพียง 4 ขั้นตอนสำคัญเท่านั้น ทำให้ไม่ยุ่งยากสำหรับผู้ใช้ ซึ่งในปีนี้จะมีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์ เพื่อให้หน้าตาหรืออินเทอร์เฟซมีความแปลกใหม่และเหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ขณะที่แผนปีนี้จะขยายการให้บริการที่เต็มรูปแบบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีเชื่อมต่อเอพีไอ (API) เข้ามาเป็นตัวช่วยในการให้บริการสำหรับร้านค้าและคู่ค้าในการทำธุรกิจที่สร้างผลกำไรมากยิ่งขึ้น โดยสามารถสร้างแพลตฟอร์มการสั่งและส่งสินค้าให้แก่ร้านค้าออนไลน์ได้เองได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายบริการรถขนาดใหญ่สำหรับขนส่งสินค้า รวมไปถึงการบริการส่งสินค้าแบบรวมเที่ยว (LTL-Less Than Truckload) และบริการส่งสินค้าภายในวันเดียวกัน รวมไปถึงการขยายพื้นที่ให้บริการไปยังภูมิภาคอื่นๆ ในประเทศ โดยจะเริ่มจากจังหวัดใหญ่ เช่น เชียงใหม่และภูเก็ต โดยจะพิจารณาจากความต้องการของคู่ค้าที่เป็นลูกค้ากลุ่มองค์กรเป็นหลัก

“เราจะเน้นการพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยยึดความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลักและไม่เข้าไปแข่งขันด้านราคา ซึ่งเชื่อว่าปีนี้ตลาดขนส่งสินค้าจะแข่งขันดุเดือดมากกว่าปีที่ผ่านมา จากการเข้าร่วมชิงตลาดของผู้ประกอบการรายใหม่เพิ่มมากขึ้น” พสิษฐ์ กล่าว

ความสำเร็จตลอด 4 ปี ของลาล่ามูฟเห็นได้จากการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเปรียบเทียบจากอัตราการเติบโตของมูลค่าการทำธุรกรรมเริ่มจากปี 2558-2559 เติบโต 500% มูลค่ารวม 121 ล้านบาท ปี 2560 เติบโต 400% มูลค่ารวม 532 ล้านบาท และปี 2561 เติบโต 123% มูลค่าการทำธุรกรรมรวม 1,200 ล้านบาท ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้ามูลค่าการทำธุรกิจเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ลาล่ามูฟ เปิดตัวเป็นครั้งแรกในฮ่องกงปี 2556 โดยเป็นผู้ริเริ่มการบริการจัดส่งสินค้าในช่วงสุดท้ายที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ภายใต้สโลแกน “ส่งถึงไว ภายใน 1 ชั่วโมง” โดยพนักงานมืออาชีพและไว้ใจได้ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล

ปัจจุบันลาล่ามูฟเป็นผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดครอบคลุมทั่วในภูมิภาคเอเชีย มีการดำเนินธุรกิจอยู่ใน 10 เมืองหลักใน 8 ประเทศเขตภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งอีกกว่า 100 เมืองในจีน โดยในไทยมีผู้ดาวน์โหลดแล้วจำนวน 2.5 ล้านราย และมีจำนวนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าร่วมกว่า 8 หมื่นคน ซึ่งในจำนวนนี้จัดส่งวันกว่า 1 หมื่นคน

ฐากรลั่นทำทุกทางช่วยเอกชนชิง’5จี’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/579258

  • วันที่ 05 ก.พ. 2562 เวลา 07:37 น.

ฐากรลั่นทำทุกทางช่วยเอกชนชิง'5จี'

กสทช.เดินหน้าเปิดศูนย์ 5จี ประกาศให้กู้เงินกองทุน ช่วยเอกชนประมูล เร่งคุยรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า กสทช.จะพยายามทำทุกทางเพื่อให้การประมูล 5จี เกิดขึ้นให้ได้ในประเทศไทย หากผู้ประกอบการมีปัญหาด้านการเงิน กสทช.พร้อมให้การช่วยเหลือ ทั้งแนวทางให้กู้เงินกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ ดอกเบี้ยพิเศษ ขยายระยะเวลาการจ่ายค่าสัมปทาน

“เรามีแนวทางช่วยเหลือทั้งให้กู้ดอกเบี้ยพิเศษ 1.5% ถูกกว่าธนาคาร หรือการขยายเวลาการจ่ายค่าสัมปทาน โดยอาจขอใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 กสทช.พร้อมจะตอบทุกคำถาม หากรัฐบาลต้องการคำตอบ” นายฐากร กล่าว

ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งด้านโทรคมนาคมและทีวีดิจิทัล กสทช.จะหารือกับรัฐบาลเพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น เพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนให้มีเงินมาลงทุน 5จี ซึ่งในปี 2563 ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมทั้งเอไอเอสและทรู มีภาระที่ต้องจ่ายเงินค่าประมูล 4จี รวม 1.2 แสนล้านบาท ขณะที่ดีแทคจะต้องจ่ายเงินในปี 2565

อย่างไรก็ตาม สำนักงาน กสทช.ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดศูนย์ 5G AI/IoT Innovation Center เพื่อเป็นศูนย์ปฏิบัติการทดสอบ 5จี ที่มีการติดตั้งและดูแลอุปกรณ์สถานีฐานของโครงข่าย 5จี เตรียมความพร้อมและรองรับการให้บริการโทรคมนาคม ซึ่งเป็นโครงการที่ประเทศไทยสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียน

นายฐากร กล่าวว่า สำหรับการประมูล 5จี มี 2 ส่วน คือ ประมูลเฉพาะพื้นที่ และประมูลทั่วประเทศ ซึ่งการคำนวณมูลค่าคลื่นความถี่จะแตกต่างกัน

คิกออฟ 5จี เงื่อนไขอยู่ที่ค่าประมูล

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/579249

  • วันที่ 05 ก.พ. 2562 เวลา 06:36 น.

คิกออฟ 5จี เงื่อนไขอยู่ที่ค่าประมูล

โดย…เบ็ญจวรรณ รัตนวิจิตร

วันที่ 5 ก.พ. 2562 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ถือฤกษ์ดีเปิดศูนย์ 5G AI/IOT Innovation Center ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคมของไทย

ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่เปิดศูนย์ทดสอบ 5จี ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาระบบ 5จี อย่างรวดเร็ว ในช่วง 3 ปีจากนี้ โดย กสทช.ได้อนุมัติคลื่นความถี่สำหรับให้บริการ 5จี รวม 3 ย่านความถี่ ได้แก่ 2600 เมกะเฮิรตซ์ 3500 เมกะเฮิรตซ์ และคลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ เมื่ออุปกรณ์มีความพร้อม กสทช.จะเดินหน้าประมูลต่อไป

“สำหรับภาคเอกชนที่มีความกังวลว่าการประมูล 5จี ต้องใช้เงินลงทุนสูง ขอบอกว่าไม่ต้องกังวล กสทช.จะทำทุกวิถีทางที่จะเดินหน้า 5จี ต่อไปให้ได้” ฐากร ระบุ

สำหรับการทดลองทดสอบการใช้เทคโนโลยี 5จี ที่จะเกิดขึ้น ได้แก่ การพัฒนาการขนส่งด้วยระบบ 5จี ระบบเซ็นเซอร์วัดสภาพแวดล้อม (Smart CU-PoP Bus) Smart Hospital and Telehealth และการทดสอบระบบการใช้งานเสาอัจฉริยะยุคหน้า (Smart Pole)

โดยสาเหตุที่เลือกจุฬาฯ เป็นพื้นที่ในการทดสอบ เพราะเป็นชุมชนขนาดใหญ่ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคน รวมทั้งบริเวณโดยรอบทั้งสยามสแควร์ โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ย่านการค้าสวนหลวง และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เป็นพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น เหมาะสมที่จะทดสอบเคสต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนา 5จี

คนึงเดช ไตรรัตนอุปถัมภ์ ผู้อำนวยการ ด้านเทคนิค-คุณภาพโครงข่าย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า อย่างที่ทราบดีว่าตลาดมือถือในประเทศไทยอิ่มตัว โดยมีอัตราการครอบครองอุปกรณ์ ถึง 140% ผู้ประกอบการต้องหาแหล่งรายได้ใหม่ และ 5จี คือคำตอบ

“แต่ทั้งนี้ รูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ต้องกลับไปที่ต้นทุน ถ้าคลื่นความถี่ยังมีโครงสร้างราคาแบบปัจจุบันนี้ บอกได้ว่า 5จี เกิดได้ยากมาก” คนึงเดช กล่าว

ขณะที่ ดร.เอก จินดาพล ผู้อำนวยการและผู้เชี่ยวชาญพิเศษฝ่ายกลยุทธ์เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค กล่าวว่า การเกิดขึ้นของ 5จี มี 3 ส่วนที่สำคัญ คือ 1.อีโคซิสเต็มส์ ที่จะต้องสร้างความเข้าใจและความร่วมมือกันของอุตสาหกรรมในประเทศไทย 2.การกำกับดูแล โดยเฉพาะหลักเกณฑ์ในการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน และ 3.คลื่นความถี่ที่ กสทช.จะต้องวางโรดแมปที่ชัดเจน

“เงื่อนไขสำคัญอยู่ที่การลงทุนที่จะเกิดประโยชน์มากที่สุด และราคาเริ่มต้นการประมูลที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่เจ้าของเทคโนโลยี แต่เป็นผู้ใช้งาน” ดร.เอก ระบุ

วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส กล่าวว่า สิ่งสำคัญของ 5จี คือ การวางระบบโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน เป็นยุทธศาสตร์ของชาติ ทั้งเทคโนโลยี การพัฒนาบุคลากร และสร้างการรับรู้ถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น ทั้งผู้ประกอบการ ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนผู้ใช้บริการ

อย่างไรก็ตาม วันนี้ กสทช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้คิกออฟ 5จี ขึ้นแล้วในประเทศไทย แต่จะพัฒนาต่อได้มากน้อยขนาดไหน อยู่ที่เงื่อนไขของการประมูล การกำหนดราคาตั้งต้น ที่จะชี้ขาดว่า 5จี จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่

‘นักประดิษฐ์ไทย’ โชว์ฝีมือก้าวไกลสุดล้ำ @ไบเทค บางนา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/578977

  • วันที่ 02 ก.พ. 2562 เวลา 12:11 น.

‘นักประดิษฐ์ไทย’ โชว์ฝีมือก้าวไกลสุดล้ำ @ไบเทค บางนา

โดย ปอย

“วันนักประดิษฐ์ 2562” จัดประจำทุกปี โดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เปิดงานวันแรกวันนี้-6 ก.พ.นี้ ที่ Event Hall 102-104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

เดินทางสะดวก ไปเดินเที่ยวชมงานประดิษฐ์เก๋ๆ ล้ำๆ ใช้ทางเชื่อม BTS-BITEC SkyWalk หรือทางเดินเชื่อมบีทีเอส-ไบเทค เข้าศูนย์นิทรรศการได้เลย

ไฮไลต์ปีนี้นอกจากมอบรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ รางวัลผลงานวิจัย รางวัลวิทยานิพนธ์ และรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2562 และรางวัล 2018 TWAS Prize for Young Scientists in Thailand เริ่มตั้งแต่ 09.00 น. เป็นต้นไป

วัตถุประสงค์หลักเพื่อน้อมรำลึกถึงวันประวัติศาสตร์ ในการทูลเกล้าฯถวายสิทธิบัตรการประดิษฐ์ “เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย” หรือ “กังหันน้ำชัยพัฒนา” แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร นับได้ว่าเป็นสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของไทยและเป็นครั้งแรกของโลก รวมถึงทรงเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักประดิษฐ์ไทยในการสร้างสรรค์ผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและสังคมส่วนรวมได้เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง

แม่งานใหญ่ ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไลเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้ร่วมกับสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดงาน“วันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2562” (ThailandInventors’ Day 2019) ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 21 เพื่อนำเสนอสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมพร้อมใช้ และความก้าวหน้าด้านการประดิษฐ์คิดค้นของประเทศ ให้เกิดการขยายผลและนำไปใช้ประโยชน์ในมิติต่างๆ สอดคล้องกับเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) และเป้าหมายประเทศไทย 4.0 ในการนำการวิจัยและนวัตกรรมเป็นกลไกสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมของประเทศ ในแนวคิด “สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม เพื่อความก้าวไกลของประเทศไทย” โดยมีทัพสิ่งประดิษฐ์กว่า 1,300 ผลงานร่วมโชว์ศักยภาพ

ชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร นิทรรศการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร “พระบิดาแห่งการประดิษฐ์ไทย”

นิทรรศการรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ นิทรรศการสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับรางวัลจากเวทีนานาชาติ นิทรรศการสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนบัญชีสิ่งประดิษฐ์ไทยและบัญชีนวัตกรรมไทย

และนิทรรศการสิ่งประดิษฐ์จากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน แบ่งออกเป็น 7 กลุ่มเรื่อง ได้แก่

1.สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมเพื่อการเกษตร

2.สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมเพื่อพลังงาน

3.สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรม

4.สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมเพื่อการแพทย์และสาธารณสุข

5.สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมเพื่อทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

6.สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมเพื่อการศึกษาและภูมิปัญญาไทย

7.สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมเพื่อความมั่นคงปลอดภัย มหกรรมสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ

ฟังการประชุม/สัมมนา และการประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์ระดับนานาชาติ การประกวดสิ่งประดิษฐ์ระดับเยาวชนโครงการ “รางวัลนักคิดสิ่งประดิษฐ์รุ่นใหม่”และการประกวดสิ่งประดิษฐ์โครงการ “Innovation For Street Food” การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การประดิษฐ์เพื่อสร้างอาชีพและสร้างรายได้

การจัดเสวนาและกิจกรรมบนเวที เช่น การนำเสนอผลงานประดิษฐ์คิดค้นในภาคการสาธิต บรรยาย การพูดคุยกับนักประดิษฐ์เจ้าของไอเดีย รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์และเทคโนโลยี และการบริการให้คำปรึกษาทางธุรกิจสำหรับนักประดิษฐ์ ที่ต้องการต่อยอดผลงานสู่การเพิ่มมูลค่าในเชิงพาณิชย์เป็นต้น

เรียกน้ำย่อยกันสักชิ้น โครงการรางวัลนักคิดสิ่งประดิษฐ์รุ่นใหม่ ประจำปี 2562 ระดับมัธยมศึกษา กลุ่มการเกษตร คิดผลิตภัณฑ์ผงโรยอาหารและเครื่องดื่มต้านอนุมูลอิสระจากดอกเฟื่องฟ้า

นำดอกเฟื่องฟ้าหาปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระรวม ด้วยวิธี DPPH RadicalScavenging พบปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระรวมสูง สีของดอกเฟื่องฟ้ามีผลต่อความต่างของปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระรวม สีชมพูอมขาวมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระรวมสูงที่สุด และได้ศึกษาต่อว่าส่วนไหนของดอกมีปริมาณสูงที่สุด โดยเลือกศึกษาแบบทั้งดอกและเฉพาะส่วนใบประดับ พบว่าส่วนที่เป็นใบประดับมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระรวมสูงกว่าแบบทั้งดอก

จากนั้นนำดอกเฟื่องฟ้าไปผ่านกรรมวิธีประกอบอาหาร ลวก ตากแห้ง และที่โรยอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

มีอีกหลายชิ้นล้ำๆ โดยนักวิจัยจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงจากนานาชาติ 25 ประเทศ เช่น อุปกรณ์กลั่นน้ำจากน้ำทะเลด้วยพลังงานลม มหาวิทยาลัยรังสิต,เครื่องผสมน้ำหวานและเครื่องดื่มอัจฉริยะ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, ผลิตภัณฑ์ผงโรยอาหารและเครื่องดื่มต้านอนุมูลอิสระจากดอกเฟื่องฟ้า โรงเรียนสงวนหญิง, แอลฟาแทรซ ระบบแยกขยะอัตโนมัติ โรงเรียนกำเนิดวิทย์,เครื่องสำอางสีธรรมชาติกันรังสียูวีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา,มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบบ AC Induction วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต, น้ำยาบ้วนปากจากข้าวอินทรีย์ มหาวิทยาลัยมหิดล, เลื่อยหุ่นยนต์ผ่าศพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, การพัฒนาแผ่นเกราะกันกระสุนจากวัสดุธรรมชาติ โรงเรียนเตรียมทหาร, เครื่องแกะสลักอัตโนมัติ โรงเรียนช่างกรมอู่ทหารเรือ ฯลฯ

นักเรียน นักศึกษา นักประดิษฐ์ นักวิจัยและประชาชน สามารถมาชมงานเพื่อรับแรงบันดาลใจใหม่ ซึ่งอาจนำไปต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์ได้จริง และอาจจะเป็นแนวทางในการสร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงพาณิชย์ได้

คลิกดูข้อมูลหรือลงทะเบียนล่วงหน้าสำหรับผู้สนใจร่วมกิจกรรมเสวนา อบรม และประชุม ที่ http://www.inventorday.nrct.go.th โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

เอไอเอสชี้5จีเกิดปี’64

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/578934

  • วันที่ 02 ก.พ. 2562 เวลา 12:04 น.

เอไอเอสชี้5จีเกิดปี'64

เอไอเอส ระบุพิจารณา 3 ปัจจัย ก่อนร่วมประมูลคลื่น 5จี ผุดเทคโนโลยีไว-ไฟ 6 ความเร็วเพิ่ม  40% รองรับไทยสู่ไอโอที

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) เปิดเผยว่า แนวโน้มในไทยปี 2564 ถึงจะเกิดการเทคโนโลยี 5จี ในเชิงพาณิชย์ในภาคอุตสาหกรรมใหม่ๆ ซึ่งมองว่าการพัฒนารูปแบบการใช้งานในปี 2563 ถือว่าเร็วเกินไป ส่วนการก้าวสู่การให้บริการ 5จี ของกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม โอเปอเรเตอร์ ต้องมีคลื่นความถี่รายละ 100 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการจัดสรรจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากทางภาครัฐด้วย

ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เตรียมจัดประมูลคลื่นความถี่ย่าน 700 เมกะเฮิรตซ์ เดือน ธ.ค. 2562 หลักการพิจารณาเข้าร่วมประมูลคลื่นมาจาก 1.ความต้องการใช้งาน 2.การกำหนดราคาขั้นต่ำในการประมูล และ 3.การแข่งขัน รวมทั้งขณะนี้บริษัทยังมีจำนวนคลื่น 60 เมกะเฮิรตซ์ เพียงพอกับการใช้งาน โดยยังไม่สามารถประเมินมูลค่าของการลงทุนเทคโนโลยีในครั้งนี้

สำหรับวิสัยทัศน์ของปี 2562 เดินหน้าสู่ผู้ให้บริการเซอร์วิส โพรไวเดอร์ พร้อมกับเดินหน้าขับเคลื่อน 5 ปี มุ่งสร้างดิจิทัล แพลตฟอร์มให้ได้ โดยแตกธุรกิจใหม่ 2 กลุ่ม ได้แก่ จัดตั้งหน่วยงานบิ๊กดาต้า อะนาไลติกส์ เพื่อนำศักยภาพฐานข้อมูลลูกค้า 41 ล้านหมายเลข บริการวิเคราะห์พฤติกรรมให้กับอุตฯ อื่นๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ อาทิ อุตสาหกรรมโฆษณา

นอกจากนี้ บริษัทยังจับมือกับพันธมิตรทุกกลุ่มเชื่อมต่อดิจิทัล แพลตฟอร์ม และทำงานร่วมกันในลักษณะอีโคซิสเต็ม เพื่อร่วมสร้างนวัตกรรมและบริการดิจิทัล ส่วนปีนี้ได้เริ่มนำเทคโนโลยี Wi-Fi 6 มาเริ่มให้บริการชื่อ เอไอเอส ซูเปอร์ ไวไฟ พลัส มีความเร็ว 4.8 Gpbs หรือราว 40% เพิ่มความสามารถรองรับอุปกรณ์เชื่อมต่อได้มากถึง 8 เท่า ตอบโจทย์การเติบโตของ ไอโอทีและฟิกซ์ บรอดแบนด์ และอยู่ระหว่างศึกษารองรับเทคโนโลยี 5จี

สมาร์ทโฟนโลกอ่วมยอดขายร่วงทุบสถิติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/578930

  • วันที่ 02 ก.พ. 2562 เวลา 06:42 น.

สมาร์ทโฟนโลกอ่วมยอดขายร่วงทุบสถิติ

ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกร่วงหนัก 4.1% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เหตุคนซื้อเครื่องใหม่ยากขึ้น-ผลกระทบเศรษฐกิจชะลอ

บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี ไอดีซี เปิดเผยว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลก ลดลง 4.1% ไปอยู่ที่ 1,400 ล้านเครื่อง ในปี 2561 ซึ่งเป็นปีที่ยอดขายลดลงมากที่สุดเท่าที่ไอดีซีเก็บข้อมูลมา พร้อมคาดการณ์ว่า ตลาดสมาร์ทโฟนจะยังไม่ฟื้นตัวในไตรมาสแรกของปีนี้ และเสี่ยงซบเซาลงตลอดทั้งปี

ไอดีซี ระบุว่า สำหรับในไตรมาส 4 ปี 2561 แม้เป็นช่วงเทศกาลจับจ่ายใช้สอยสิ้นปี แต่ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลก ลดลง 4.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ไปอยู่ที่ 375.4 ล้านเครื่อง นับเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 5

“ในตอนนี้ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกกำลังประสบปัญหา นอกเหนือจากตลาดที่มีการเติบโตสูงไม่กี่แห่ง เช่น อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และเวียดนามแล้ว เรามองไม่เห็นถึงทิศทางบวกในตลาดอื่นๆ เลยในปีที่ผ่านมา” นายไรอัน รีธ นักวิเคราะห์จากไอดีซี กล่าว พร้อมระบุว่า สำหรับตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดสมาร์ทโฟนใหญ่ที่สุดในโลก คิดเป็นสัดส่วนราว 30% ของทั่วโลก มียอดขายสมาร์ทโฟนร่วงลงถึง 10%

นายรีธ เสริมว่า สาเหตุฉุดตลาด สมาร์ทโฟนมาจากการที่ผู้บริโภคใช้สมาร์ทโฟนนานขึ้นและเปลี่ยนเครื่องใหม่ยากขึ้น ราคาสมาร์ทโฟนแพงขึ้น รวมถึงผล กระทบจากความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและการเมือง โดยเฉพาะในจีนที่กำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโตต่ำสุดในรอบ 28 ปี

ด้าน นายทารัน พาธัค ผู้อำนวยการจากบริษัทที่ปรึกษาเทคโนโลยี เคาน์เตอร์พอยต์ รีเสิร์ช ระบุว่า แม้ว่าตลาดสมาร์ทโฟนจะเติบโตในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ เช่น อินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม หรือรัสเซีย แต่โดยรวมแล้วก็ยังคงไม่สามารถชดเชยการชะลอตัวลงในตลาดจีนได้

ไอดีซี ระบุด้วยว่า ซัมซุงยังครองตำแหน่งแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 1 ของโลกในปีที่ผ่านมา โดยมีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดอยู่ที่ 20.8% แต่สัดส่วนดังกล่าว ลดลงจากปี 2560 อยู่ที่ 21.7% ด้าน แอปเปิ้ลมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 อยู่ที่ 14.9% ตามด้วยหัวเว่ยอยู่ที่ 14.7%  อย่างไรก็ดี ยอดขายของทั้งซัมซุงและแอปเปิ้ลลดลงในปีที่แล้ว โดยยอดขายซัมซุงปรับลง 8% ไปอยู่ที่ 292.3 ล้านเครื่อง ด้านยอดขายทั่วโลกของแอปเปิ้ลลดลง 3.2% อยู่ที่ 208.8 ล้านเครื่อง

ทั้งนี้ แอปเปิ้ลนับเป็นหนึ่งในผู้ผลิต สมาร์ทโฟนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและปัญหาการตั้งราคาแพง โดยก่อนหน้านี้แอปเปิ้ลเปิดเผยว่า รายได้จากสมาร์ทโฟนในไตรมาสแรกปีนี้ลดลงมากถึง 15% ไปอยู่ที่ 5.19 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.62 ล้านล้านบาท) โดยเฉพาะรายได้จากยอดขายสมาร์ทโฟนในจีนที่ลดลง 27% เมื่อเทียบกับปีก่อน ไปอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 4.1 แสนล้านบาท)

ทีวีดิจิทัลผนึกออนไลน์ รับโฆษณาอินเทอร์เน็ตโต

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/578818

  • วันที่ 01 ก.พ. 2562 เวลา 06:18 น.

ทีวีดิจิทัลผนึกออนไลน์ รับโฆษณาอินเทอร์เน็ตโต

โดย…จะเรียม สำรวจ

ผ่านไปแล้ว 5 ปี สถานการณ์ของธุรกิจทีวีดิจิทัลยังคงน่าเป็นห่วง เพราะนอกจากจะต้องแข่งขันกันเอง เพื่อชิงเรตติ้งมาต่อยอดรายได้แล้ว ปัจจุบันผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลยังต้องแข่งกับพฤติกรรมของผู้บริโภค และเทคโนโลยีที่จะเข้ามาดิสรัปชั่น ทำให้ทุกรายต่างต้องปรับตัวตามสถานการณ์ในปัจจุบันให้ทัน ด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับการผนึกกำลังกับแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อขยายฐานผู้ชมเพิ่ม เนื่องจากปัจจุบันคนดูรายการต่างๆ ผ่านหน้าจอทีวีลดลง

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้แพลตฟอร์มออนไลน์ค่อนข้างเนื้อหอม เห็นได้จากรายการต่างๆ มีการดึงไปออกอากาศในช่องทางออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่น ของแต่ละช่อง ตลอดจนยูทูบ ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในการดูรายการย้อนหลังมาก รวมไปถึงไลน์ทีวี และล่าสุดวิว ผู้ให้บริการให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งแบบ (Over The Top : OTT) เจ้าตลาดการดูซีรี่ส์เกาหลีย้อนหลังก็เริ่มโดดเข้ามาชิงเค้กคอนเทนต์ไทย

แม้ว่าเม็ดเงินที่ไหลเข้าในช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์จะไม่สูงเท่ากับเม็ดเงินที่ไหลผ่านสื่อทีวี แต่ช่องทางดังกล่าวก็ถือเป็นช่องทางที่มีอนาคต เพราะล่าสุด มายด์แชร์ เอเยนซีโฆษณาชื่อดังออกมาคาดการณ์ว่าอีกกว่า 3 ปีนับจากนี้ สื่อโฆษณาออนไลน์ จะมีส่วนแบ่งงบโฆษณารวม ตีตื้นสื่อทีวีขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 40% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 12.6% จากมูลค่าสื่อโฆษณารวมปีละ 118,480 ล้านบาท

ขณะที่สื่อทีวีจะปรับส่วนแบ่งตลาดลดลงเหลืออยู่ที่ 50% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 59.1% ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 10% จะเป็นสัดส่วนของสื่อนอกบ้าน สื่อโรงหนัง สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อวิทยุ

การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลต้องออกมาผนึกกำลังกับแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อขยายฐานผู้ชมควบคู่ไปกับแพลตฟอร์มทีวี โดยล่าสุด อสมท ได้ออกมากางแผนงานด้านดิจิทัล ด้วยการชู “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” เป็นหัวหอกในการขยายฐานผู้ชมในช่องทางออนไลน์ พร้อมกับตอกย้ำการเป็นข่าวบันเทิงที่มีผู้สนใจสูงสุดในสื่อออนไลน์ ด้วยการ นำเสนอความเคลื่อนไหววงการบันเทิงแบบรวดเร็วเพื่อขยายฐานผู้ชมเพิ่มจากปัจจุบันมีฐานผู้เข้าชมอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านเพจวิวในทุกเดือน

นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิด 3 เพจใหม่ทางเฟซบุ๊ก ประกอบด้วย NINE ENTERTAIN EAT, NINE ENTERTAIN TOUR และ NINE ENTERTAIN BEAUTY เพื่อขยายฐานผู้ชมและนำมาซึ่งรายได้ในการดำเนินงาน

เขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท กล่าวว่า ไนน์เอ็นเตอร์เทนจะมีโครงสร้างธุรกิจ 3 แนวทางหลักๆ ประกอบด้วย การจับมือกับพันธมิตรใหม่ทั้งไทยและต่างประเทศในการผลิตรายการ (Content) การจัดกิจกรรมที่โดนใจสร้างการบริการหลากหลายครบทุกแนว ทั้งการมอบรางวัล การจัดคอนเสิร์ต การบริหารกิจกรรมพิเศษ (Event & Organizer) รวมถึงจะรุกตลาดออนไลน์เต็มรูปแบบขยายกลุ่มผู้ชมและเนื้อหาให้ครอบคลุมในการดำเนินธุรกิจ (Online)

ขณะเดียวกัน ในส่วนของบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ ก็ได้มีการผนึกกำลังกับบริษัท พีซีซีดับเบิลยู โอทีที (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการด้าน วิดีโอสตรีมมิ่งแบบ OTT ภายใต้ชื่อ Viu (วิว) ในการผลิตคอนเทนต์ละครร่วมกัน

สำหรับละครเรื่องแรกที่เวิร์คพอยท์จะร่วมผลิตกับวิว คือ “โฮะ แฟมิลี่” เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายหลัก เจนแซดเริ่มนำมาออกอากาศตอนแรกในเดือน ก.พ.นี้ ผ่านทางช่องเวิร์คพอยท์ และดูย้อนหลังแอพพลิเคชั่นของวิว ใน 16 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ฮ่องกง มาเลเซีย เมียนมา อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง คือ บาห์เรน อียิปต์ จอร์แดน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วยความถี่ 1 ตอน/สัปดาห์ รวมทั้งสิ้น 15 ตอน

ชลากรณ์ ปัญญาโฉม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานดิจิทัลทีวี บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ กล่าวว่า การจับมือกับวิวในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการขยายฐานผู้ชม ซึ่งนอกจากวิวแล้วบริษัทยังมีพันธมิตรในช่องทางออนไลน์อีกหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ของเวิร์คพอยท์เอง ยูทูบ หรือไลน์ทีวี เพื่อเข้าถึงผู้ชมทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งหลังจากนี้ไปน่าจะมีความร่วมมืออื่นๆ ตามมาอีกมากมายในฐานะคอนเทนต์โพรไวเดอร์

ด้านจีเอ็มเอ็ม25 ก็เดินหน้าขยายฐานผู้ชมผ่านคอนเทนต์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องผ่านการออกอากาศในช่องทางหน้าจอทีวีและแพลตฟอร์มออนไลน์ สถาพร พานิชรักษาพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล ผู้บริหารช่องจีเอ็มเอ็ม25 กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทจะมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายให้มีความชัดเจนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Young Adult อายุ 18-35 ปี และ Young at Heart อายุ 35 ปีขึ้นไป ด้วยคอนเทนต์ที่โดนใจและตอบโจทย์

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาช่องจีเอ็มเอ็ม25 มียอดผู้ชมในทุกแพลตฟอร์มรวมกว่า 16 ล้านคน/วัน แบ่งเป็นทางทีวีกว่า 6 ล้านคน และทางออนไลน์กว่า 10 ล้านคน โดยในส่วนช่องทางออนไลน์เมื่อเทียบในกลุ่มช่องดิจิทัลทีวีในประเทศไทยแล้วช่องจีเอ็มเอ็ม25 มียอดเอ็นเกจเมนต์ คอมเมนต์ ไลค์ แชร์ ในเฟซบุ๊กเพจ GMM25Thailand สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ขณะเดียวกันก็มียอดผู้ติดตามในยูทูบสูงสุดเป็นอันดับ 5 มีผู้ชมในไลน์ทีวีสูงสุดเป็นอันดับ 2 และเป็นคอนเทนต์ไทยที่มียอดรับชมสูงที่สุดใน Viu แพลตฟอร์มยักษ์ระดับเอเชีย

การปรับตัวดังกล่าว น่าจะทำให้แต่ละช่องทีวีมีผลประกอบการเป็นบวกเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีเพียง 3 ช่องเท่านั้นที่ผลประกอบการมีกำไร

ทั่วโลกแห่ใช้โอเพ่นซอร์ส ‘เรดแฮต’บุกอาเซียน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/it/578707

  • วันที่ 31 ม.ค. 2562 เวลา 10:30 น.

ทั่วโลกแห่ใช้โอเพ่นซอร์ส ‘เรดแฮต’บุกอาเซียน

เรื่อง รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

ทิศทางของกลุ่มองค์กรทั่วโลก มีแนวโน้มว่าจะใช้โอเพ่นซอร์ส (Open Source) หรือซอฟต์แวร์ที่สามารถนำไปใช้งาน ศึกษา แก้ไข และเผยแพร่ได้อย่างเสรีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งองค์กรในประเทศไทยก็มีแนวโน้มการใช้งานโอเพ่นซอร์สเพิ่มขึ้น เนื่องจากลดค่าใช้จ่ายจากลิขสิทธิ์ และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้ใช้

เดเมียน วอง รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพ ประจำภูมิภาคอาเซียน บริษัท เรดแฮต เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีสัญญาณไม่ดี ทำให้องค์กรทั่วโลกที่ต้องทรานส์ฟอร์เมชั่นเพื่อก้าวสู่ดิจิทัลนั้น ต้องชะลอแผนการลงทุนเพื่อรอดูทิศทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้องค์กรทั่วโลกมีแนวโน้มว่าจะใช้โอเพ่นซอร์สเพิ่มขึ้นภายใต้เทคโนโลยี เรดแฮตโอเพ่นชิฟต์ คอนเทนเนอร์ แพลตฟอร์ม

ทั้งนี้ แผนธุรกิจของบริษัทจะโฟกัสตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนถือว่ามีอัตราการเติบโตเร็วที่สุด โดยจะมุ่งทำตลาดใน 5 ประเทศ อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศไทย สำหรับเรดแฮตมีพันธมิตรที่พัฒนาโอเพ่นซอร์สจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีไอโอที เออาร์/วีอาร์ เอไอ ซึ่งบริษัทก็มองหาโอเพ่นซอร์สที่มีศักยภาพ เพื่อนำมาต่อยอดให้กับองค์กรในด้านต่างๆ

“อุปสรรคของการใช้โอเพ่นซอร์สวัฒนธรรมขององค์กรและวิชั่นระดับผู้บริหาร ที่จะยอมรับการใช้โอเพ่นซอร์สจากข้างนอกหรือไม่ และโจทย์ใหญ่ขององค์กร คือ นอกจากเรียนรู้งานจากโอเพ่นซอร์สแล้ว ต้องสามารถนำไปพัฒนาหรือต่อยอดได้ เหมือนเช่นเรดแฮตจะเลือกนวัตกรรมโอเพ่นซอร์ส เพื่อนำมาต่อยอดและนำเสนอให้กับลูกค้า” วอง กล่าว

สำหรับโอเพ่นซอร์สในเอเชีย-แปซิฟิก องค์กรนำมาใช้งาน เพื่อช่วยแก้ไขความท้าทายในยุคดิจิทัล โดยในปี 2560 เรดแฮตได้จัดกิจกรรมเรดแฮตฟอรั่ม เอเชียแปซิฟิก ประกาศรางวัลเรดแฮต อินโนเวชั่น อวอร์ด เอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีสองบริษัทได้รับรางวัล คือ บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป และบริษัท แอสเซนด์ มันนี่

ด้าน จรุง เกียรติสุภาพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป กล่าวว่า แอพเคพลัส สามารถปรับปรุงและพัฒนาได้ดีขึ้นมาก ด้วยระบบฟิดการแจ้งเตือนแบบใหม่ ด้วยเทคโนโลยี เรดแฮต โอเพ่นชิฟต์ คอนเทนเนอร์ แพลตฟอร์ม และเรดแฮต เอเอ็มคิว การอัพเกรดครั้งนี้ ครอบคลุมบริการแจ้งเตือน ตั้งแต่ด้านการเงินและส่วนบริการอื่นๆ เช่น บริการไลฟ์สไตล์คำสั่งถอนเงินในแอพโมบายแบงก์กิ้ง

“แอพพลิเคชั่นเคพลัส วางเป้าหมายการพัฒนาดังกล่าวจะช่วยขยายฐานลูกค้าจาก 10 ล้านบัญชี เพิ่มเป็น 20 ล้านบัญชีภายใน 3 ปี หรือปี 2564 และเพิ่มจำนวนธุรกรรมเป็น 2 เท่า จาก 5,000 ธุรกรรม/วินาที เป็น1 หมื่นธุรกรรม/วินาทีในปีนี้ นอกจากนี้ยังตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 5 หมื่นธุรกรรม/วินาทีภายในปีหน้า” จรุง กล่าว

ทิม ฮาเวิร์ด หัวหน้าฝ่ายการให้บริการเทคโนโลยี บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ กล่าวว่า เทคโนโลยีของเรดแฮต ช่วยให้บริษัทสามารถผนวกรวมระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ทรู มันนี่ ได้ครอบคลุมทั่วภูมิภาค และเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ในการโอนเงินให้แก่ครอบครัวและคนใกล้ชิดที่อยู่ห่างกันไกล แพลตฟอร์มดังกล่าวช่วยให้บริษัทขยายเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว ครอบคลุมตัวแทนกว่า 5 หมื่นรายในอาเซียน

“การดำเนินธุรกิจฟินเทค ต้องพัฒนางานด้านบริการตลอดเวลา ซึ่งบริษัทมีความพร้อมด้านการลงทุนอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญของการพัฒนาเซอร์วิสให้ตอบโจทย์กับการใช้งานทั้ง 6 ประเทศที่บริษัทดำเนินการอยู่ ข้อดีของการใช้โอเพ่นซอร์ส ทำให้มีนวัตกรรมใหม่ๆ และช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัททรานส์ฟอร์เมชั่นได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น” ฮาเวิร์ด กล่าว

โอเพ่นซอร์สอาจจะตอบโจทย์องค์กรในด้านของการประหยัดเวลา ไม่ต้องเสียเวลามาทดลองอะไรใหม่ๆ แต่สุดท้ายแล้ว การทรานส์ฟอร์เมชั่นขององค์กรต้องใช้ ทั้งเทรดิชันแนลซอฟต์แวร์และโอเพ่นซอร์สควบคู่กัน เพื่อสร้างขีดความสามารถองค์กรมีประสิทธิภาพสูงที่สุด