วิกฤติราคาข้าวทรุด ศึกหนักท้าทายรัฐนาวาบิ๊กตู่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/243346

วันอาทิตย์ ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ปัญหาราคาข้าวตกต่ำเป็นประวัติการณ์กำลังเป็นปัญหาท้าทายสำหรับรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และอาจนำไปสู่วิกฤติศรัทธากลายเป็นจุดบอดเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามอำนาจรัฐใช้เป็นเงื่อนไขสุมไฟบ่อนทำลายรัฐบาลและปูทางให้ธุรกิจการเมืองแบบเดิมๆ กลับมามีอำนาจบริหารประเทศ
อีกครั้งหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า

ราคาข้าวหอมมะลิในพื้นที่ภาคอีสานตกต่ำเหลือเพียงกก.ละ 5-6 บาท เทียบกับราคาเมื่อปีที่แล้ว กก.ละ 9-12 บาท โดยชาวนากล่าวว่าถูกโรงสีกดราคารับซื้อโดยอ้างว่าข้าวมีความชื้นสูง และชาวนาบางรายถึงกับประชดประชันว่าข้าวราคากก.ละ 5-6 บาทยังถูกกว่าราคาบะหมี่สำเร็จรูป 1 ซองเสียอีกและเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเร่งด่วน

จากวิกฤติราคาข้าวที่ตกต่ำทำให้ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล ต้องรีบออกมาชี้แจงว่า ปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำเกิดจากหลายปัจจัยทั้งปัจจัยภายนอกประเทศและภายในประเทศ ขณะที่ผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดมากเกินไป ซึ่งรัฐบาลพยายามหามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ชี้ว่า มีขบวนการที่ไม่หวังดีอาศัยกรณีข้าวราคาตกต่ำปล่อยข่าวปลุกปั่นให้เกิดความสับสน

ขณะที่ นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ถึงกับมีหนังสือด่วนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้ชี้แจงทำความใจกับชาวนาว่ารัฐบาลกำลังหาทางช่วยเหลืออยู่และให้เตรียมรับมือหากชาวนาจะก่อหวอดประท้วง

ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเกาะติดเรื่องข้าวมาตลอดตั้งข้อสังเกตเตือนให้รัฐบาลรู้เท่าทันขบวนการกลุ่มพ่อค้าข้าวซึ่งใกล้ชิดกับกลุ่มการเมืองที่ร่วมกันทุจริตโครงการรับจำนำข้าวพยายามเดินเกมปั่นราคาข้าวให้ตกต่ำเพื่อบ่อนทำลายรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลต้องรีบแก้เกมด้วยการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของขบวนการกลุ่มนี้เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด ขณะเดียวกันรัฐต้องสนับสนุนให้ชาวนารวมตัวกันอย่างครบวงจรทั้งปลูกเอง สีข้าวเอง และขายเองเพื่อไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากนายทุนคนกลาง

จากวิกฤติราคาข้าวทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.) เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือชาวนาเป็นการด่วน โดยล่าสุดคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ปล่อยสินเชื่อให้ชาวนาเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางเป็นเงิน 90% ของราคาตลาดโดยชาวนาจะได้รับสินเชื่อและเงินช่วยเหลือรวมรายละ 13,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าไปก่อน

ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ เปิดโปงว่า มีการร่วมมือระหว่างนักการเมืองและโรงสีบางกลุ่มมีเจตนากดราคารับซื้อข้าวจากชาวนาหวังจุดชนวนสร้างสถานการณ์ให้เกิดกระแสม็อบชาวนาออกมาต่อต้านรัฐบาล

ขณะที่คนของระบอบทักษิณ อาทิ นายอนุสรณ์ เปี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาตอบโต้ พล.อ.ประยุทธ์ ทันทีอ้างว่าเป็นการโยนความผิดให้พรรคเพื่อไทย ส่วน นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีตสส.พรรคเพื่อไทย ฉวยโอกาสออกมาบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจากวิกฤติราคาข้าวตกต่ำโดยประชดประชันเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปขอโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แล้วขอคำแนะนำโครงการรับจำนำข้าว

วิกฤติราคาข้าวตกต่ำที่เกิดขึ้นด้านหนึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศเนื่องจากปริมาณข้าวทั่วโลกมีเกินความต้องการทำให้ราคาตกต่ำ ขณะที่ประเทศผู้ผลิตข้าวมีมากขึ้น ส่วนปัจจัยภายในประเทศจากพิษโครงการรับจำนำข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ค้างอยู่ในสต๊อกถึงเกือบ 20 ล้านตัน ที่ขายไม่ออกเพราะราคาสูงกว่าตลาดถึงกว่าเท่าตัว ซ้ำยังมีข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ทยอยออกมาเพิ่มเติมยิ่งทำให้ข้าวล้นประเทศและราคาตกต่ำ

ขณะที่อีกด้านหนึ่งวิกฤติราคาข้าวยังเกิดจากเกมทางการเมืองจากการปลุกปั่นและวางแผนทำให้ข้าวราคาตกโดยกลุ่มการเมืองอำนาจเก่าที่สมคบกับพ่อค้าข้าวตลอดจนโรงสีซึ่งเป็นจำเลยในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวรวมหัวกันวางแผนกดราคารับซื้อข้าวจากชาวนาเพื่อสร้างกระแสราคาข้าวให้ตกต่ำอันจะเป็นชนวนทำให้ชาวนาลุกฮือจนบานปลายและนำไปสู่อุบัติเหตุทางการเมืองหรืออย่างน้อยทำให้เกิดวิกฤติศรัทธาต่อคสช.ซึ่งจะทำให้พรรคการเมืองกลุ่มอำนาจเก่ามีโอกาสมากขึ้นที่จะชนะการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าด้วยการหาเสียงปลุกผีโครงการรับจำนำข้าว

เพราะฉะนั้นวิกฤติราคาข้าวจึงเป็นปัญหาท้าทายรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ที่จะต้องแก้ปัญหาชาวนาทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่างยั่งยืน และที่สำคัญคือต้องแก้เกมทางการเมืองของขบวนการที่จ้องล้มรัฐบาล ซึ่งขณะนี้กำลังหลังพิงฝาพ่ายแพ้ทุกแนวรบจึงพยายามทำทุกวิถีทางสุมไฟสร้างสถานการณ์ให้เกิดการลุกฮือของม็อบชาวนา

ทีมข่าวการเมือง

ปูไม่สำนึกดราม่าอ้อนชาวนาขย่มรัฐ ยังคิดนั่งนายกฯปลุกผีจำนำข้าว?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/243269

วันเสาร์ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิดภายใต้สโลแกน “ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ” ขึ้นนั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศด้วยเวลาเตรียมการเพียง 4 เดือนจากการวางแผนชักใยโดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกผู้เป็นพี่ชาย โดยนายทักษิณเคยให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติยอมรับว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็คือโคลนนิ่งของตัวเองดังนั้นการแสดงบทบาททุกย่างก้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่าล้วนถูกวางบทบาทชักใยโดยนายทักษิณและทีมงานด้านประชาสัมพันธ์ของขบวนการเพื่อแม้วมาตลอด

จากปัญหาราคาข้าวตกต่ำในขณะนี้เปิดช่องให้ขบวนการที่พยายามสุมไฟให้เกิดม็อบชาวนาลุกฮือ แต่แผนร้ายดังกล่าวล้มเหลวเพราะรัฐบาลรู้ทันจึงรีบตัดไฟแต่ต้นลมแก้เกมด้วยการอนุมัติโครงการจำนำยุ้งฉางข้าวตันละ 13,000 บาท เพื่อช่วยเหลือชาวนาทำให้แผนปลุกม็อบชาวนาจุดไม่ติด ทั้งๆ ที่บรรดาสาวกระบอบแม้วต่างพากันออกมาโจมตีขย่มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)

ล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องออกมาเดินหน้าชนด้วยตัวเอง โดยเดินสายพบปะบรรดาชาวนาในจังหวัดภาคอีสานคือ อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการจัดฉากโดยอดีตสส.และทีมงานประชาสัมพันธ์ขบวนการเพื่อแม้วโดยมีการจัดตั้งทั้งชาวนาไม่กี่คนที่มาขายข้าวริมถนนโดยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกพาให้ไปพบบรรดาชาวนากลุ่มนี้ ตามด้วยบทดราม่าชาวนาสวมกอด น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมเรียกร้องถามหาโครงการรับจำนำข้าวรวมทั้งอยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมาบริหารประเทศอีก

ดราม่าถึงขั้นบางรายมอบเงินช่วยน.ส.ยิ่งลักษณ์เพื่อเป็นค่าชดใช้ค่าเสียหายแก่แผ่นดินจากคดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงบทถนัดที่เคยใช้มาตลอดคือหลั่งน้ำตาสวมกอดชาวนาพร้อมกับอ้อนเรียกคะแนนสงสารว่าไม่มีเงินชดใช้ความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว 35,7000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ก็ประกาศว่าถ้ามีโอกาสกลับมาบริหารประเทศอีกก็จะเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวทำให้ราคาข้าวสูงขึ้นสร้างความสุขแก่ชาวนาอีกครั้ง

ข้อน่าสังเกตคือหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ควักเงินส่วนตัวซื้อข้าวจากชาวนา แต่พอคล้อยหลังเท่านั้น ชาวนากลุ่มดังกล่าวสลายตัวหายวับไปทันทีเหมือนภารกิจสำเร็จลุล่วงตามบทแล้ว

ข้อน่าสังเกตความเป็นดราม่าของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อีกประการหนึ่งก็คือ ทีมงานประชาสัมพันธ์ขบวนการเพื่อแม้วดำเนินการจัดฉากทุกขั้นตอนทั้งผลิตป้อนภาพและข่าวสำเร็จรูปให้นักข่าวสำนักต่างๆ เสร็จสรรพ

สำหรับการเดินสายปลุกม็อบชาวนาของขบวนการเพื่อแม้วโดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับบทนางเอกด้วยตัวเองครั้งนี้เป้าหมายน่าจะอยู่ที่ความพยายามย้ำแผลความล้มเหลวของรัฐบาลนายกฯลุงตู่ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำได้จนในที่สุดต้องรับจำนำยุ้งฉางข้าว ขณะเดียวกัน ก็เป็นการปลุกม็อบชาวนาพร้อมกับการปลุกผีโครงการรับจำนำข้าว

นอกจากเดินสายดราม่าในภาคอีสาน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันถัดมา ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปให้การในฐานะจำเลยถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีการจัดฉากมวลชนและแกนนำองค์กรชาวนาเสื้อแดงแห่ไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อชิงพื้นที่ข่าวสร้างกระแสโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประกาศย้ำว่า ถ้าได้กลับมาเป็นรัฐบาลจะทุ่มงบประมาณรับจำนำข้าวทุกเมล็ดแบบไม่อั้น อันเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่สำนึกว่า ตัวเองเป็นจำเลยคนสำคัญในโครงการรับจำนำข้าวแบบผิดเพี้ยนที่มีการโกงชาติปล้นแผ่นดินมโหฬารและสร้างความฉิบหายให้ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โดยทิ้งหนี้ไว้ให้คนรุ่นหลังต้องแบกภาระใช้หนี้กว่า 5 แสนล้านบาท ยังไม่พูดถึงความเสียหายที่เกิดกับประเทศมาจนถึงปัจจุบันมูลค่ามหาศาลจนไม่อาจประเมินได้ ขณะที่คนแค่หยิบมือเดียวร่ำรวยมหาศาลจากโครงการรับจำนำข้าว

ทั้งนี้หากโครงการรับจำนำข้าวดีจริงชาวนาคงไม่ฆ่าตัวตายไป 10 กว่าคน เพราะเครียดที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ถังแตกค้างค่าจำนำข้าวชาวนานานข้ามปี

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิดโฆษกรัฐบาล ตั้งข้อสังเกตอย่างรู้ทันความเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า หากไม่มีเหตุผลเคลือบแฝงหรือจัดฉากเพื่อหวังผลทางการเมืองถือว่าสังคมยอมรับได้ แต่หากทำเพื่อวัตถุประสงค์โหนกระแส สร้างข่าว สร้างเรื่องราวดราม่าเพื่อหวังกลบหรือบิดเบือนความผิดในอดีตและคดีที่กำลังเป็นอยู่เชื่อว่าพี่น้องประชาชนคงไม่สบายใจที่เห็นนักการเมืองเอาความเดือดร้อนของเกษตรกรโดยเฉพาะชาวนามาแสวงประโยชน์ทางการเมืองเช่นนี้

พล.ท.สรรเสริญ ย้ำว่าการจำนำยุ้งฉางตามนโยบายของรัฐบาลเป็นเพียงมาตรการเฉพาะหน้า แต่นโยบายของรัฐบาลต้องการแก้ปัญหาชาวนาอย่างยั่งยืนในระยะยาวเพราะหากยังแก้ปัญหาแบบเดิมๆ อย่างในอดีต ในที่สุดก็จะเกิดปัญหาไม่รู้จบและไม่ได้ทำให้ชาวนามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง

ทีมข่าวการเมือง

สมาคมโรงสีจุดชนวนระเบิดเวลา จับตาเกมบอยคอตต์กดดันรัฐบาล?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/243093

วันศุกร์ ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

นับเป็นปรากฏการณ์ที่น่าชื่นชมและนับเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับชาติบ้านเมืองเมื่อทุกภาคส่วนต่างพากันแสดงเจตนาร่วมด้วยช่วยกันเพื่อซับน้ำตาชาวนา

มหาวิทยาลัยอย่างน้อย 3 แห่ง ประกาศเจตนาช่วยเหลือชาวนาขายข้าวโดยตรงกับผู้บริโภค อันประกอบด้วยมหาวิทยาลัยรังสิต ที่มี ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ เป็นอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งต่างจัดพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยให้ชาวนานำข้าวสารมาขายให้กับผู้บริโภคโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางโดยเฉพาะโรงสีหลังจากที่มีข่าวว่าชาวนาถูกโรงสีกดราคารับซื้อ

สำหรับมหาวิทยาลัยรังสิตยังให้ชาวนามาใช้โรงสีของมหาวิทยาลัยซึ่งตั้งอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี ได้ฟรี และนักศึกษาที่เป็นลูกชาวนาสามารถนำข้าวมาจ่ายเป็นค่าหน่วยกิตได้ และมหาวิทยาลัยจะมอบทุนการศึกษาแก่นักศึกษาที่เป็นลูกชาวนาเป็นกรณีพิเศษ

ไม่เพียง 3 มหาวิทยาลัยข้างต้น แต่ยังมีผู้ประกอบการภาคธุรกิจหลายรายและประชาชนทั่วไปต่างแสดงเจตจำนงร่วมด้วยช่วยชาวนากันเป็นจำนวนมาก

ในหมู่ดาราคนวงการบันเทิงก็แสดงน้ำใจร่วมด้วยช่วยชาวนา อาทิ พระเอก “ป๋อ” ณัฐวุฒิ สกิดใจ หรือผู้กำกับภาพยนตร์ พจน์ อานนท์ ก็ประกาศรับซื้อข้าวจากชาวนา ขณะที่คนจำนวนมากประกาศตัวพร้อมช่วยชาวนาขายข้าวผ่านทางโซเชียลมีเดีย

จากปรากฏการณ์ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวและเกื้อกูลกันในสังคมไทยที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงผลพวงกระแสทำดีเพื่อพ่อถวายสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการก่อตัวของประชาชนทุกหมู่เหล่าที่พร้อมร่วมด้วยช่วยกันสร้างชาติให้มั่นคง

แต่ขณะที่ทุกภาคส่วนร่วมด้วยช่วยชาวนาปรากฏว่าล่าสุดสมาคมโรงสีข้าวไทยออกแถลงการณ์ประท้วงกรณีที่โรงสีบางแห่งถูกกล่าวหาว่าสมคบกับนักการเมืองกดราคารับซื้อข้าวจากชาวนาทำให้เกิดกระแสในทางลบต่อโรงสี ดังนั้นคณะกรรมการบริหารสมาคมโรงสีข้าวไทยจึงขอยุติบทบาท

จากท่าทีของสมาคมโรงสีดังกล่าวเป็นสถานการณ์ที่ต้องจับตาอย่ากะพริบเพราะอาจเป็นสัญญาณการกดดันรัฐบาลขั้นแตกหักเพราะสมาคมโรงสีข้าวไทย มีโรงสีเป็นสมาชิกทั่วประเทศราว 1,000 ราย ครอบคลุมกว่า 50 จังหวัดทั่วประเทศ หากพร้อมใจกันบอยคอตต์ ถือเป็นวิกฤติและเป็นชนวนระเบิดเวลาสำหรับรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ทีมข่าวการเมือง

คสช.รู้ทันแผนร้ายระบอบแม้ว สกัดแผนสุมไฟม็อบปฏิวัติชาวนา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/242957

วันพฤหัสบดี ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ในภาวะที่ระบอบแม้วกำลังเสื่อมใกล้เข้าตาจนไปทุกขณะโดยเฉพาะคดีโครงการรับจำนำข้าวที่เดินหน้าตามกระบวนการยุติธรรมคืบหน้าไปเรื่อยๆทั้งคดีทางอาญาและการฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อให้ มีการชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดินในคดีโครงการรับจำนำข้าวที่มีการทุจริตอย่างมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้ระบอบแม้วต้องทำทุกวิถีทางทั้งบนดินและใต้ดินเพื่อบ่อนทำลายอำนาจรัฐภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ภายใต้แนวคิดที่ว่า “หากข้าอยู่ไม่ได้ พวกเองและประเทศก็อย่าหวังอยู่กันอย่างเป็นสุข”

ในด้านหนึ่งปัญหาราคาข้าวตกต่ำขณะนี้เกิดขึ้นจริงซึ่งก็เป็นไปตามภาวะตลาดโลกที่ราคาข้าวตกเนื่องจากผลผลิตข้าวออกมามาก ขณะที่มีหลายประเทศที่ผลิตข้าวหอมมะลิจนกลายเป็นคู่แข่งของไทย  ขณะที่อีกด้านหนึ่งมีความพยายามจากขบวนการระบอบแม้ววางแผนผสมโรงฉวยโอกาสขณะที่อยู่ในฤดูกาลขายข้าวของชาวนาพยายามปลุกปั่นยุยงสร้างสถานการณ์หวังให้เกิดการลุกฮือปฏิวัติโดยม็อบชาวนาเพื่อล้มรัฐบาล

ที่ อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร  ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้นำชาวนาบางคนถึงกับขู่จะนำชาวนาออกมาปิดถนนประท้วงราคาข้าวตกต่ำ ทั้งๆที่รัฐบาลกำลังหาทางช่วยเหลือชาวนา ขณะที่ส.ส.พรรคเพื่อแม้วบางคนให้สัมภาษณ์สื่อบิดเบือนหลอกประชาชนหวังสร้างกระแสให้เกิดการลุกฮือของชาวนาว่า รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงที่กำลังจะประกาศใช้มีเนื้อหากำหนดให้ผลผลิตทางการเกษตรเป็นไปตามกลไกตลาดเท่ากับปิดประตูช่วยเกษตรกรได้ ซึ่งจากเกมสกปรกดังกล่าวทำให้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ถึงกับเดือดให้สัมภาษณ์อย่างเหลืออดประณาม ส.ส.พรรคเพื่อแม้วว่าโกหกบิดเบือนอย่างไร้ความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่

นอกจากนี้ยังมีขบวนการปล่อยข่าวบิดเบือนหรือโจมตีรัฐบาลอย่างรุนแรงเกี่ยวกับราคาข้าวตกต่ำทางสื่อออนไลน์จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็พยายามปลุกผีโครงการรับจำนำข้าว

การที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์  ชี้ว่ามีนักการเมืองท้องถิ่นบางพรรคและโรงสีบางแห่งจงใจกดราคารับซื้อข้าวจากชาวนาเพื่อสร้างสถานการณ์ให้ปัญหาบานแปลายเพื่อบ่อนทำลายรัฐบาล

แสดงว่าได้รับรายงานข่าวกรองความเคลื่อนไหวของขบวนการป่วนเมือง  ขณะที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำหนด โฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่าขณะนี้ได้เบาะแสขบวนการสร้างสถานการณ์หวังจุดชนวนม็อบชาวนาแล้ว โดยมีความเคลื่อนไหวมากเป็นพิเศษที่จ.พิจิตร

ขณะที่ นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ยืนยันข้อมูลที่น่าเชื่อถือว่า มีความเคลื่อนไหวของขบวนการปลุกปั่นยุยงให้ชาวนาลุกฮือจริงในภาคอีสานและภาคกลาง

จากแผนปลุกม็อบปฏิวัติโดยชาวนาดังกล่าว รัฐบาลนายกฯลุงตู่รู้ทันแต่แรกจึงต้องตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการอนุมัติโครงการรับจำนำยุ้งฉางตันละ 13,000 บาทเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวนาชั่วคราว และเป็นการขจัดเงื่อนไขข้ออ้างแผนร้ายที่จะปลุกปั่นให้เกิดวิกฤติม็อบชาวนา ขณะที่กองทัพได้รับมอบหมายให้เปิดเกมรุกจัดการขบวนการป่วนเมือง

ทีมข่าวการเมือง

เพื่อแม้วตะแบง ปลุกผีจำนำข้าว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/242718

วันพุธ ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ขณะที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)กำลังผชิญวิกฤติราคาข้าวตกต่ำเป็นประวัติการณ์เปิดช่องให้เหล่าสาวกระบอบแม้วได้ทีฉวยโอกาสออกมาขย่มดีสเครดิตรัฐบาล ขณะเดียวกันพยายามตะแบงปลุกผีรื้อฟื้นโครงการรับจำนำข้าว

อย่าง นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีต ส.ส.พรรคเพื่อแม้ว ที่ออกมาให้ความเห็นแดกดันเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปขอโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯแล้วขอคำแนะนำเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว ทั้งๆที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลยคนสำคัญคดีโครงการรับจำนำข้าวที่มีการทุจริตอย่างมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์

นายชินวัฒน์ อาจจะลืมไปว่า ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีตประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังเคยเตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ทบทวนโครงการรับจำนำข้าวเพราะจะทำให้รัฐบาลพังเนื่องจากการรับจำนำข้าวในราคาที่สูงกว่าตลาดถึงกว่าเท่าตัวผิดหลักการรับจำนำอย่างสิ้นเชิง และจะเปิดช่องให้มีการทุจริตมโหฬารรวมทั้งทำให้การคลังและระบบข้าวของประเทศพังทั้งระบบ

อีกทั้งพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นฝ่ายค้านขณะนั้นอภิปรายไม่ไว้วางใจเปิดโปงหลักฐานการทุจริตและความหายนะอันเกิดจากโครงการรับจำนำข้าว  หรือแต่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)  สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) รวมทั้งกระทรวงการคลังและสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติก็เตือน

และที่สำคัญรัฐบาลถังแตกไม่มีเงินจ่ายค่าจำนำข้าวให้ชาวนานานข้ามปีจนชาวนาเครียดฆ่าตัวตายไปกว่า 10 คนและออกมาชุมนุมประท้วงทวงค่าจำนำข้าว แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ภายใต้นโยบาย “ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ” กลับเมินคำเตือนยืนกรานเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวต่อไป

นอกจากนี้ผลจากการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดในราคาที่สูงกว่าตลาดถึงเท่าตัวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังส่งผลกระทบสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อชาติบ้านเมืองมาจนทุกวันนี้ ยังไม่รวมหนี้มหาศาลกว่า 5 แสนล้านบาทที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทิ้งไว้เป็นภาระของคนรุ่นหลัง ทั้งนี้เนื่องจากข้าวที่ขายไม่ออกจนล้นประเทศเพราะราคาสูงกว่าตลาดมากปริมาณมหาศาลถึงเกือบ 20 ล้านตันที่ค้างอยู่ในโกดังซ้ำร้ายข้าวจำนวนไม่น้อยเสื่อมคุณภาพเพราะมีการทุจริตปลอมปนกลายเป็นภาระที่ รัฐบาลชุดนี้ต้องเข้ามาแก้ปัญหา เพราะข้าวค้างสต๊อกปริมาณมหาศาล ขณะที่ข้าวฤดูการผลิตใหม่ของชาวนาทะยอยออกมาเรื่อยๆทำให้ปริมาณข้าวมีมากกว่าความต้องการของตลาดจนราคาตกต่ำซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะระบายข้าวค้างโกดังอันเป็นผลงานอัปยศยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้หมด

เพราะฉะนั้นเหล่าสาวกระบอบแม้วเลิกตะแบงหลอกชาวนาและพยายามปลุกผีฟื้นโครงการรับจำนำข้าวทั้งๆที่ทำลายประเทศจนย่อยยับมาแล้ว

ทีมข่าวการเมือง

แฉแผนขบวนการระบอบแม้ว เดินเกมสุมไฟปลุกชาวนาลุกฮือ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/242602

วันอังคาร ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559, 02.00 น.

จากวิกฤติราคาข้าวตกต่ำในบางพื้นที่โดยเฉพาะจังหวัดภาคอีสานในที่สุดถูกเปิดโปงว่า ที่แท้เกิดจากความพยายามของเหล่าสาวกขบวนการระบอบแม้วที่เคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบหวังสร้างสถานการณ์ปลุกระดมม็อบชาวนาให้ลุกฮือขึ้นต่อต้านอำนาจรัฐ

ก่อนหน้านี้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเกาะติดความเคลื่อนไหวโครงการรับจำนำข้าวมาตลอดเพิ่งออกมาตั้งข้อสังเกตเตือนให้รัฐบาลรู้เท่าทันนักการเมืองบางพรรคและโรงสีบางแห่งที่เคยสุมหัวทุจริตโครงการรับจำนำข้าว โดยขณะนี้นักการเมืองและโรงสีกลุ่มดังกล่าวสมคบกันวางแผนสร้างสถานการณ์กดราคารับซื้อข้าวจากชาวนาในบางจังหวัด หวังให้เป็นเชื้อไฟจุดชนวนให้ม็อบชาวนาออกมาต่อต้านรัฐบาล

ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่ามีการร่วมมือกันระหว่างนักการเมืองในพื้นที่กับโรงสีบางโรง จงใจกดราคารับซื้อข้าวจากชาวนาหวังใช้เป็นชนวนจุดกระแสให้ชาวนาออกมาต่อต้านรัฐบาล

ขณะที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาลระบุว่ามีขบวนการกลุ่มผู้ไม่หวังดีพยายามปล่อยข่าวเพื่อสร้างกระแสให้เกิดความสับสนโดยอาศัยกรณีราคาข้าวตกต่ำ

ทั้งนี้ มีข้อน่าสังเกตว่าช่วงนี้สาวกขบวนการระบอบแม้วต่างดาหน้าออกมาโจมตีรัฐบาลกรณีราคาข้าวตกต่ำ พร้อมทั้งพยายามปลุกผีโครงการรับจำนำข้าวโดยอ้างว่าเป็นโครงการที่ช่วยเหลือชาวนาให้ลืมตาอ้าปากได้

นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีต สส.พรรคเพื่อแม้วถือโอกาสออกมาประชดประชันเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ขอโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมทั้งขอแนะนำการดำเนินนโยบายโครงการรับจำนำข้าว

ความพยายามสุมไฟโดยอ้างปัญหาราคาข้าวตกต่ำสะท้อนถึงสถานการณ์ที่เข้าตาจนเข้าไปทุกขณะของขบวนการระบอบแม้ว โดยเฉพาะคดีโครงการรับจำนำข้าวสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์กำลังคืบหน้าไปเรื่อยๆ ซึ่งจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานหาผู้กระทำผิดที่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายร้ายแรงที่เกิดกับชาติบ้านเมืองทั้งทางอาญาและทางแพ่งไม่ว่าผู้กระทำผิดจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลยคนสำคัญซึ่งมีแนวโน้มนับถอยหลังใกล้คุกและต้องชดใช้ความเสียหายแก่แผ่นดิน 35,700 ล้านบาท เข้าไปทุกขณะ ประกอบกับภายใต้สถานการณ์ของระบอบแม้วที่พ่ายแพ้ในทุกแนวรบจึงอยู่ในภาวะเลือดเข้าตา พร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างสถานการณ์ให้ชาติบ้านเมืองลุกเป็นไฟภายใต้แนวคิดที่ว่า หากตัวเองอยู่ไม่ได้ก็อย่าหวังว่าชาติบ้านเมืองจะอยู่อย่างสงบสุข

ทีมข่าวการเมือง

คนไม่ดีแค่หยิบมือคือตัวปัญหา ยังบ่อนทำลายชาติถ่วงปรองดอง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/242295

วันอาทิตย์ ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศได้สร้างปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ต่อประเทศไทยและเลื่องลือไปทั่วโลก โดยเฉพาะการสูญเสียศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติก่อให้เกิดพลังแผ่นดินอันยิ่งใหญ่นั่นคือ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทยทั้งชาติทุกหมู่เหล่า ทุกสาขาอาชีพ ทุกสี ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ทุกเพศทุกวัย โดยคลื่นพสกนิกรจากทั่วสารทิศมืดฟ้ามัวดินต่างแต่งชุดดำมุ่งหน้าสู่พระบรมมหาราชวังเพื่อถวายสักการะพระบรมศพ พร้อมทั้งแสดงเจตนารมณ์จะทำดีสานพระปณิธานของพ่อหลวงของแผ่นดินโดยเฉพาะการรู้รักสามัคคีเกื้อกูลกันของคนในชาติ

ปรากฏการณ์พลังแห่งแผ่นดินที่เกิดขึ้นสะท้อนพื้นฐานของปวงชนชาวไทยส่วนใหญ่ทุกหมู่เหล่าของประเทศที่แม้จะมีความเห็นที่ต่างกัน แต่ไม่แตกแยกพร้อมที่จะหันหน้าเข้าหากันเพื่อสืบสานพระปณิธานพ่อแห่งแผ่นดินในการทำความดีเพื่อชาติ ขณะเดียวกันก็เป็นการบ่งชี้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ใช่ต้นเหตุแห่งปัญหาความแตกแยกและการสร้างความปรองดอง

แต่ปัญหาความแตกแยกในชาติตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมาจวบจนปัจจุบันเกิดจากการที่ยังคงมีขบวนการที่ยังไม่เลิกความพยายามบ่อนทำลายชาติบ้านเมืองทั้งๆ ที่เป็นคนเพียงหยิบมือเดียวที่ทุจริตคอร์รัปชั่นโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างมโหฬารและที่เลวร้ายคือยังเคลื่อนไหวบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะ ประธานคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงในราชอาณาจักรหรือคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าด้วยความผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูงกล่าวถึงการที่ก่อนหน้านี้ได้ส่งหนังสือไปยังเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ ประจำประเทศไทย 7 ประเทศ ซึ่งให้ที่พักพิงแก่ขบวนการหมิ่นเบื้องสูงเพื่อขอความร่วมมือในการส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทยโดยย้ำว่า ขบวนการหมิ่นเบื้องสูงเหล่านี้ล้วนเป็นกลุ่มเดิมๆที่คนไทยรู้ดีว่าใครให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งการที่ขบวนการชั่วร้ายกลุ่มนี้ฉวยโอกาสอาศัยสถานการณ์ที่คนไทยทั้งประเทศกับกำลังเศร้าโศกซ้ำเติมทำร้ายจิตใจประชาชนเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

ดังนั้นความปรองดองในชาติอย่างแท้จริงต้องแยกแยะแยกนั่นคือ แยกประชาชนทั่วไปที่ไม่ใช่ตัวสร้างปัญหาความแตกแยกออกจากขบวนการคนเพียงหยิบมือเดียวที่ยังคงคิดร้ายทำลายชาติและสถาบันเบื้องสูงและเป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องทำให้ขบวนการชั่วร้ายพวกนี้ไม่ให้มีโอกาสเข้ามามีอำนาจในชาติบ้านเมือง

ดังกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศในพิธีเปิดงานวันลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 6 ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2512 มีใจความตอนหนึ่งว่า “ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองเป็นปกติสุขเรียบร้อย จึงไม่ใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดีปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้”

ทั้งนี้การสร้างความปรองดองที่แท้จริงจะต้องไม่ใช่การยื่นหมูยื่นแมวเจรจาต่อรองจากกลุ่มอิทธิพลทางการเมือง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยใช้วิธีการรุนแรงบ่อนทำลายชาติเพื่อใช้เป็นเครื่องมือข่มขู่กดดันต่อรองในทำนองว่าหากอยากให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุขก็ต้องยอมรับเงื่อนไขที่ฝ่ายตัวเองเสนอ

การข่มขู่กดดันโดยใช้การสร้างความปรองดองเป็นเครื่องมือบังหน้าอาจรวมถึงข้อเสนอให้มีการนิรโทษกรรมโทษความผิดทั้งหมดในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาทั้งคดีเกี่ยวกับความมั่นคง คดีทุจริต และคดีความผิดตามมาตรา 112 อันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ ซึ่งการข่มขู่กดดันเพื่อต่อรองหรือใช้วิธีการหักดิบด้วยเสียงข้างมากอย่างไม่ชอบธรรมแทนที่จะนำไปสู่ความปรองดองอาจกลับกลายเป็นชนวนสุมไฟให้เกิดวิกฤติความแตกแยกที่รุนแรงยิ่งขี้น ซึ่งมีบทเรียนมาแล้วในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ที่พยายามผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยที่ส่อเจตนาแอบแฝงมุ่งที่จะลบล้างโทษความผิดให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกคดีทุจริต เพื่อจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ต้องรับโทษ จนนำไปสู่การออกมาแสดงพลังต่อต้านของมวลมหาประชาชนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์หลายล้านคนกลายเป็นวิกฤตการณ์ทางการเมืองครั้งใหญ่

คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.)ที่มี ดร.คณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด เป็นประธานเคยศึกษาและสรุปแนวทางการสร้างความปรองดองโดยย้ำว่าการนิรโทษกรรมควรจะลบล้างโทษความผิดให้เฉพาะประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยบริสุทธิ์ใจ และต้องไม่ครอบคลุมคดีทุจริต คดีความมั่นคงและความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูงเพราะเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ

ดังนั้นการสร้างความปรองดองจึงยังเป็นปัญหาท้าทายของชาติในวันข้างหน้าเพราะขบวนการอิทธิพลที่สูญเสียผลประโยชน์ซึ่งเป็นคนแค่หยิบมือเดียวยังคงเคลื่อนไหวทั้งบนดินและใต้ดินหวังบ่อนทำลายชาติและสถาบันเบื้องสูงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง ซึ่งที่น่าวิตกคือขบวนการซึ่งนับวันเสื่อมใกล้เข้าตาจนเข้าไปทุกขณะพร้อมที่จะใช้วิธีการเลวร้ายทุกรูปแบบบ่อนทำลายชาติแบบพังกันไปข้างอย่างที่นายใหญ่จอมบงการขบวนการกลุ่มนี้เคยพูดว่า หากฝ่ายตัวเองอยู่ไมได้ ประเทศนี้ก็อย่าหวังจะอยู่อย่างสงบสุขอีกต่อไป

ทีมข่าวการเมือง

รัฐบาลต้องปฏิรูปวิธีคิด แก้ปัญหาชาวนาอย่างยั่งยืน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/242193

วันเสาร์ ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ปัญหาราคาข้าวตกต่ำถือเป็นจุดบอดของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่จนบัดนี้ก็ยังไม่สามารถสร้างความสุขให้ชาวนาทั่วประเทศได้ ซ้ำล่าสุดราคาข้าวหอมมะลิในพื้นที่ภาคอีสานตกต่ำเหลือเพียงกก.ละ 5-6 บาท จากราคาเมื่อปีที่แล้วกก.ละ 9-12 บาท โดยสาเหตุเกิดจากชาวนาถูกโรงสีกดราคารับซื้อโดยอ้างว่าข้าวมีความชื้นสูง

ในด้านหนึ่งก็น่าเห็นใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องรับเคราะห์แบกรับภาระของเสียเน่าเฟะที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทิ้งไว้จากโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งนอกจากหนี้ก้อนมหึมากว่า 5 แสนล้านบาท ที่ทิ้งไว้ให้ลูกหลานต้องชดใช้ขณะที่คนแค่หยิบมือร่ำรวยมหาศาลจากการโกงชาติปล้นแผ่นดินแล้ว ยังทิ้งข้าวล้นประเทศปริมาณถึง 21 ล้านตัน ที่ขายไม่ออกเพราะรัฐรับซื้อในราคาจำนำสูงกว่าราคาตลาดถึงเท่าตัวซึ่งผิดธรรมชาติ ซ้ำยังมีข้าวเน่าเสื่อมคุณภาพและข้าวปลอมปนจำนวนมากจากการทุจริตซึ่งนั่นหมายถึงมูลค่าความล่มจมของชาติที่เพิ่มขึ้น

ข้าวล้นประเทศปริมาณมหาศาลที่ค้างสต๊อกอยู่ในโกดังคือสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ราคาข้าวตกต่ำเพราะของเก่าก็ยังขายไม่ได้ ยังมีข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ทยอยออกมาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ข้าวล้นประเทศมากขึ้นซึ่งแน่นอนว่าราคาข้าวดิ่งลงแน่นอน

ส่วนปัญหาเรื่องชาวนาถูกโรงสีกดราคารับซื้อเป็นมหากาพย์ที่เกิดขึ้นซ้ำซากมานานแสนนานแล้วและจะยังคงเกิดขึ้นต่อไป โดยรัฐไม่มีทางจับได้ไล่ทันเล่ห์โรงสี ตราบใดที่รัฐบาลไม่ปฏิรูปวิธีคิดการช่วยเหลือชาวนาอย่างยั่งยืนเพื่อให้มีอำนาจต่อรองและพึ่งตัวเองได้ตามแนวปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ที่ทรงแจกเบ็ดให้เกษตรกรแทนการแจกปลาอย่างที่เหล่านักการเมืองชอบทำมาตลอด

ที่ผ่านมาเหล่านักการเมืองอาศัยโครงการประชานิยมอย่างโครงการรับจำนำข้าวเพื่อเป็นช่องทางทำมาหากินโกงชาติปล้นแผ่นดินมหาศาล ขณะเดียวกันก็จับชาวนาเป็นตัวประกันซ้ำ อ้างบุญคุณโกยคะแนนคะแนนนิยมจากชาวนาอีกต่างหาก ทั้งๆ ที่โครงการรับจำนำข้าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าล้มเหลวทำให้ระบบข้าวของประเทศพังทั้งระบบ เพราะไม่อย่างนั้นชาวนาคงไม่เครียดหนักฆ่าตัวตายกว่า 10 คน ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์เพราะรัฐบาลถังแตกไม่มีเงินจ่ายค่าจำนำข้าวให้ชาวนานานข้ามปี

แม้รัฐบาลยุคปฏิรูปชุดนี้จะหลีกเลี่ยงแนวทางประชานิยมตามที่เหล่านักการเมืองชอบทำกัน แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลมัวแต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าคลายทุกข์ให้ชาวนาชั่วครั้งชั่วคราวด้วยการทุ่มงบประมาณแจกชาวนาเป็นคราวๆ ไป ซึ่งวิธีการแบบนี้ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม และแก้ปัญหาไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลจะต้องทุ่มเงินแจกไปตลอด ขณะที่ชาวนาก็ตั้งหน้าตั้งตารอเงินจากรัฐซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดและยั่งยืน

เวลา 3 ปีหลังจากที่ คสช.เข้ามาควบคุมอำนาจการปกครองประเทศซึ่งน่าจะเป็นเวลามากพอที่จะแก้ปัญหาชาวนาได้สำเร็จลุล่วงและยั่งยืนมากกว่าการที่เอาแต่แก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้าอย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้

แนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศที่แจกเบ็ดแทนแจกปลาให้ชาวนาซึ่งเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนนั้นมุ่งหมายที่จะทำให้ชาวนาพึ่งตัวเองได้ในระยะยาว ซึ่งเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้ชาวนามีอำนาจต่อรองไม่ต้องไปพึ่งพาโรงสีหรือนายทุนกลุ่มไหนก็คือ ตัวอย่างที่องค์ภัทรมหาราชผู้ประเสริฐได้เคยทำตัวอย่างให้เห็นมาแล้วในโครงการพระราชดำริหลายโครงการนั่นคือ การจัดตั้งระบบสหกรณ์ชาวนาในชุมชน โดยภาครัฐคอยให้การช่วยเหลือสนับสนุนชาวนาไม่ว่าจะเป็นการจัดหาที่ดินให้ชาวนารอยย่อยที่ไม่มีที่ดินของตัวเองรวมตัวกันเช่าในราคาถูก การให้ผู้เชี่ยวชาญมาให้องค์ความรู้แก่ชาวนา การแจกหรือขายเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงแก่ชาวนาในราคาถูก การจัดหาเครื่องมือการผลิต อาทิ รถหว่านไถนาประจำสหกรณ์ในชุมชนหรือให้เช่าในราคาถูก การลดต้นทุนการผลิตของชาวนาด้วยการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ การจัดตั้งโรงสีสหกรณ์ชุมชนเพื่อให้ชาวนาแปรรูปข้าวเปลือกเป็นข้าวสารและบรรจุถุงเพื่อเก็บข้าวไว้ได้นาน ซึ่งจะทำให้ชาวนาไม่ต้องพึ่งโรงสีอีกต่อไปอันจะทำให้ชาวนากำหนดราคาข้าวได้เองไม่ถูกกดราคา ไปจนถึงปลายทางนั่นคือรัฐช่วยเหลือจัดหาตลาดให้ชาวนา โดยในระยะแรกรัฐต้องส่งผู้เชี่ยวชาญมาคอยให้คำแนะนำในเรื่องการบริหารจัดการจนกระทั่งสหกรณ์ชาวนาชุมชนเข้มแข็งพึ่งตัวเองได้ ซึ่งเมื่อนั้นชาวนาก็จะยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเองและมีความสุขอย่างยั่งยืน

เพราะฉะนั้นยังไม่สายเกินไปที่รัฐบาลโดยเฉพาะ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ต้องหันมาปฏิรูปแนวทางช่วยเหลือชาวนาอย่างยั่งยืนให้เป็นจริงเสียที แทนที่จะใช้งบประมาณแจกชาวนาอันเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบไม่รู้จบ และที่สำคัญกลายเป็นจุดบอดที่ขบวนการฝ่ายตรงข้ามคสช.นำวิกฤติราคาข้าวตกต่ำไปขยายผลชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนอกวีถีทางประชาธิปไตยล้มเหลวยิ่งกว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อการปฏิรูปประเทศและปูทางให้ธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมมีโอกาสกลับมาทำร้ายชาติบ้านเมืองอีกกลายเป็นวงจรอุบาทว์ซ้ำซากซึ่งผู้ที่รับเคราะห์อย่างแท้จริงคือชาติและประชาชน

ทีมข่าวการเมือง

พลังทำดีเพื่อพ่อร่วมด้วยช่วยกัน ไม่มีเวลาอีกแล้วสำหรับพวกป่วนเมือง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/242030

วันศุกร์ ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

นับเป็นโอกาสทองสำหรับชาติบ้านเมืองยามนี้ที่คนไทยทั้งแผ่นดิน มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวเกื้อกูลกันและสมัครสมานสามัคคีรวมพลังทำความดีเพื่อพ่อแห่งแผ่นดิน ซึ่งจะเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะผลักดันให้ประเทศสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง ขณะที่ยังมีคนแค่หยิบมือเดียวที่ไม่เลิกคิดป่วนเมืองบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูง

พวกป่วนเมืองหยิบมือเดียวก็คือขบวนการเสื้อแดงไม่กี่สิบคนที่หนีข้อหาหมิ่นเบื้องสูงไปกบดานปักหลักอยู่ในหลายประเทศและยังเหิมเกริมเคลื่อนไหวบ่อนทำลายสถาบันผ่านทางโซเชียลมีเดียทั้งๆ ที่คนไทยทั้งประเทศอยู่ในภาวะเศร้าโศก

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคง ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยัง 7 ประเทศ ซึ่งให้ที่พักพิงกับแก๊งหมิ่นเบื้องสูงราว 20 คน ที่ถูกออกหมายจับเพื่อขอให้ส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย ล่าสุด พล.อ.ไพบูลย์ เปิดเผยว่า ได้รับสัญญาณตอบรับที่กระตือรือร้นจากประเทศต่างๆ เหล่านั้นซึ่งคงจะต้องรอดูกันต่อไปว่า 7 ประเทศ อันประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร กัมพูชา ลาว นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย จะจริงใจดำเนินการตามที่ทางการไทยร้องขออย่างจริงจังหรือไม่

นี่ล่าสุด นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม อดีตทนายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก ออกมาปกป้องขบวนการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงที่ขอลี้ภัยอยู่ในประเทศต่างๆ โดยกล่าวโจมตีสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอชซีอาร์) กรณีที่ก่อนหน้านี้ออกแถลงการณ์ประณามขบวนการหมิ่นเบื้องสูงในภาวะที่คนไทยทั้งประเทศกำลังเศร้าโศก

นอกจากขบวนการหมิ่นเบื้องสูงแล้ว กลุ่มการเมืองบางกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังขบวนการบ่อนทำลายสถาบันยังคงออกมาเคลื่อนไหวสร้างความปั่นป่วนสับสนทั้งๆ ที่บ้านเมืองอยู่ในยามเศร้าโศกครั้งยิ่งใหญ่ โดยคนกลุ่มนี้คิดแต่จะหาทางทำให้ตัวเองรอดพ้นโทษความผิดในคดีที่มีการทุจริตอย่างมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ รวมทั้งคิดแต่จะวางแผนเอาชนะศึกเลือกตั้งครั้งหน้าหวังกลับมามีอำนาจยิ่งใหญ่ โดยหาได้สำนึกถึงวาระแห่งความเศร้าโศกแม้แต่น้อย

ดังนั้นชาติบ้านเมืองในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญจึงมีแต่ปวงชนชาวไทยที่จงรักภักดีและทำดีเพื่อพ่อแห่งแผ่นดินเท่านั้น ที่จะรวมพลังพัฒนาชาติให้สงบสุขร่มเย็นตามรอยพ่อ และไม่มีเวลาอีกแล้วที่จะปล่อยให้เหล่าขบวนการป่วนเมืองซึ่งเป็นคนเพียงหยิบมือเดียวคอยบ่อนทำลายฉุดรั้งการเดินหน้าพัฒนาประเทศ

ทีมข่าวการเมือง

จับตาขบวนการนอกกม.จับมือเพื่อแม้ว รวมหัวเอาชนะศึกเลือกตั้งครั้งหน้า?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/241855

วันพฤหัสบดี ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกยังคงแสดงบทบาทในฐานะนายใหญ่จอมบงการ พรรคเพื่อแม้ว โดยล่าสุดส่งสัญญาณแสดงความมั่นใจว่าพรรคเพื่อแม้วจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า แกนนำพรรคเพื่อแม้วกว่า 10 คน บินไปพบนายใหญ่ที่กรุงดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยกลุ่มหนึ่งเป็นอดีตสส.ภาคเหนือ นำโดย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์หรือ “เจ๊แดง” น้องสาวของ นช.แม้วส่วนอีกกลุ่มหนึ่งเป็นอดีตสส.กทม.ที่นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์หรือ “หญิงหน่อย” โดยข่าวระบุว่านช.แม้ว ได้สั่งให้อดีตสส.พรรคเพื่อแม้ว เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังใกล้เข้ามา พร้อมทั้งเสนอว่าอาจจำเป็นต้องตั้งพรรคสำรองหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองที่ไม่คาดคิด

ขณะเดียวกัน นช.แม้ว แสดงความมั่นใจว่าพรรคเพื่อแม้วจะชนะเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า โดยได้จำนวนสส.มาเป็นอันดับหนึ่งแน่นอน ซึ่งนั่นเป็นการสะท้อนว่า นช.แม้ว ยังมั่นใจในปัจจัยหลายๆ อย่างที่จะทำให้พรรคเพื่อแม้วชนะการเลือกตั้ง ทั้งปัจจัยเรื่องเงินทุนมหาศาลที่สามารถดูแลบรรดาอดีตสส.ให้เกาะกลุ่มกันเหนียวแน่นไม่แปรพักตร์ รวมทั้งระบบหัวคะแนนของพรรคเพื่อแม้ว
ที่ยังเข้มแข็ง โดยเฉพาะในภาคอีสานและภาคเหนือ

ส่วนการซื้อเสียงผ่านระบบหัวคะแนนนั้น ถึงแม้จะมีกฎหมายป้องกันการทุจริตเลือกตั้งที่เข้มข้นเพียงใดก็ตาม ก็คงยากที่จะจับได้ไล่ทันเพราะพวกทุจริตเลือกตั้งย่อมพัฒนาวิธีการซื้อเสียงได้แนบเนียนยิ่งขึ้น อาทิ การตกเขียวจ่ายเงินซื้อเสียงล่วงหน้าส่วนหนึ่งช่วงก่อนการเลือกตั้งนานนับเดือน โดยจะไม่มีการซื้อเสียงในช่วงคืนหมาหอนเหมือนในอดีตอีกต่อไปเพื่อเลี่ยงการถูกจับได้ และหลังรู้ผลการเลือกตั้งหากคะแนนเป็นไปตามเป้าหมายจึงจะจ่ายเงินซื้อเสียงส่วนที่เหลือให้กับหัวคะแนน

นอกจากนี้พรรคเพื่อแม้วอาจมั่นใจว่าจะกวาดสส.ในสนามเลือกตั้งกทม.ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยประเมินว่าคนกรุงเสื่อมความนิยมในพรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารพรรคกับทีมงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าฯกทม.

นอกจากนี้บรรดาข้าราชการที่เคยได้ประโยชน์จากระบอบทักษิณหรือพวกข้าราชการเสื้อแดงมีจำนวนไม่น้อยที่ฝังตัวลึกในระบบราชการแทบทุกหน่วยงาน ซึ่งพร้อมที่จะแอบให้การช่วยเหลือสนับสนุนพรรคเพื่อแม้วให้ชนะการเลือกตั้ง

แต่ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษก็คือบรรดากลุ่มผู้สูญเสียผลประโยชน์อย่างหนัก จากนโยบายการจัดระเบียบประเทศกวาดล้างสิ่งผิดกฎหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งขบวนการค้ายาเสพติดขบวนการค้ามนุษย์ ขบวนการผิดกฎหมายต่างๆ ตลอดจนเหล่ามาเฟียผู้มีอิทธิพลที่ถูกนโยบายคสช.กวาดล้างเชื่อว่าจะรวมหัวกันติดต่อไปยังพรรคเพื่อแม้วเพื่อร่วมมือกันเอาชนะการเลือกตั้งอันเป็นการทำให้คสช.พ้นจากอำนาจไปโดยเพื่อขบวนการผิดกฎหมายเหล่านี้จะได้กลับมารํ่ารวยจากการบ่อนทำลายชาติได้เหมือนเดิม

ทีมข่าวการเมือง