ประชาชนต้องช่วยรัฐสอดส่อง สกัดแผนร้ายวินาศกรรม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/239847

วันพฤหัสบดี ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ภาพและข่าวกำลังหน่วยอรินทราชของตำรวจบุกตรวจค้นอพาร์ตเมนท์หลายจุดทั่วกทม.และปริมณฑลพร้อมจับกุมผู้ต้องสงสัยที่อาจเกี่ยวข้องกับแผนลอบก่อวินาศกรรมคาร์บอมบ์หลายจุดกลางเมืองหลวงได้ราว 10 คน แน่นอนว่าคงไม่ใช่เรื่องวิตกจริตจนเกินเหตุ แต่แสดงว่าต้องมีรายงานด้านการข่าวที่มีมูลโดยเฉพาะจากการแจ้งเตือนจากหน่วยงานด้านความมั่นคงของออสเตรเลีย

การบุกตรวจค้นอพาร์ตเมนท์ในหลายจุดแสดงว่ามีเป้าหมายและข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ไม่หวังดีซึ่งตามข่าวบ่งชี้ว่าน่าจะมีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมระเบิดและเผา 7 จังหวัดภาคใต้เมื่อวันที่ 10-12 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะรถยนต์มิตซูบิชิไทรทันสีดำ ทะเบียน บต 3597 และรถยนต์ฮอนด้าสีดำ ทะเบียน วฐ 1563 ที่คนร้ายใช้ในปฏิบัติการวินาศกรรมใน 7 จังหวัดภาคใต้ที่คาดว่าอาจถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการณ์คาร์บอมบ์เมืองหลวงครั้งนี้

ความจริงเป็นเรื่องน่าเห็นใจเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐอยู่เหมือนกันเพราะรัฐนั้นอยู่ในที่แจ้งตกเป็นฝ่ายตั้งรับ ขณะที่ฝ่ายที่คิดจ้องก่อวินาศกรรมอยู่ในที่มืดหาโอกาสลงมือโดยเป็นฝ่ายกำหนดสถานที่และเวลาลงมือตามใจชอบซึ่งยากที่จะป้องกัน

นอกเหนือจากฝ่ายรัฐที่จะต้องปรับปรุงด้านการข่าวให้มีความรวดเร็วทันต่อสถานการณ์และแม่นยำมากยิ่งขึ้น รวมทั้งแผนปฏิบัติการเชิงรุกแทนการตั้งรับแล้ว มาตรการสำคัญประการหนึ่งที่จะสกัดแผนร้ายของกลุ่มผู้ไม่หวังดีได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ ประชาชนที่ไม่ควรเอาแต่ตื่นตระหนกต่อข่าวแผนลอบก่อวินาศกรรม แต่จะต้องร่วมมือกับรัฐด้วยการช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องหากพบความเคลื่อนไหวของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล หรือวัตถุสิ่งของผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีอาทิ พบบุคคลที่มีความเคลื่อนไหวในลักษณะต้องสงสัยมาอาศัยอยู่ในพื้นที่หรือพบวัตถุต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นระเบิดหรือรถต้องสงสัยว่าจะเป็นของคนร้าย

ความร่วมมือจากประชาชนช่วยให้บางประเทศรอดพ้นจากการถูกลอบก่อวินาศกรรมครั้งร้ายแรงมาแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาที่เยอรมนี โดยหน่วยข่าวกรองของเยอรมนีได้รับข่าวกรองว่าจะมีการลอบก่อวินาศกรรมด้วยระเบิดคาร์บอมบ์สนามบิน ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงของเยอรมนีพยายามติดตามล่าตัวมือระเบิดที่ต้องสงสัย พร้อมประกาศให้ชาวเยอรมันทราบเพื่อร่วมแจ้งเบาะแส

ปรากฏว่ามาตรการของทางการเยอรมนีประสบความสำเร็จทำให้รอดพ้นจากระเบิดคาร์บอมบ์ครั้งร้ายแรงไปได้อย่างหวุดหวิด เพราะมือระเบิดซึ่งเป็นผู้อพยพชาวซีเรียได้หนีการตามล่าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในชุมชนชาวซีเรียแห่งหนึ่งพร้อมระเบิดที่เตรียมไว้ใช้ในปฏิบัติการณ์คาร์บอมบ์สนามบินซึ่งเมื่อผู้อพยพชาวซีเรียในชุมชนดังกล่าวรู้คำประกาศขอความร่วมมือจากทางการเยอรมนีจึงได้แจ้งเบาะแสไปยังทางการเยอรมนีจนนำไปสู่การจับกุมมือระเบิดชาวซีเรียดังกล่าวได้อย่างหวุดหวิด ทั้งนี้ชาวซีเรียอพยพเกรงว่าหากเกิดเหตุร้ายจะส่งผลกระทบต่อสถานภาพของตัวเองที่อาจถูกผลักดันกลับบ้านเกิดของตัวเองที่ขณะนี้อยู่ในภาวะสงครามกลางเมือง

เพราะฉะนั้นหากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาร่วมมือกับรัฐในการรักษาชาติบ้านเมืองเชื่อว่าจะสามารถสกัดแผนการร้ายของกลุ่มผู้ไม่หวังดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทีมข่าวการเมือง

ขบวนการบ่อนทำลายชาติหน้าเดิม วางแผนก่อวินาศกรรมรอบใหม่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/239671

วันพุธ ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ข่าวที่ฝ่ายตำรวจโดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเปิดเผยรายงานด้านการข่าวว่าจะมีการลอบก่อวินาศกรรมคาร์บอมบ์ 3 จุด ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลระหว่างวันที่ 25-30 ต.ค.นี้ โดยขบวนการบ่อนทำลายชาติได้สร้างความตื่นตระหนกทำให้ตลาดหุ้นหุ้นดิ่งเหวตกลงถึงเกือบ 50 จุด

ล่าสุดกำลังตำรวจหน่วยอรินทราชนับร้อยบุกเข้าตรวจค้นห้องเช่าย่านรามคำแหงและคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ราว 10 คนมาสอบปากคำเพราะอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนลอบก่อวินาศกรรม

จากงานด้านการข่าวระบุว่า แผนเตรียมก่อวินาศกรรมคาร์บอมบ์ครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุลอบก่อวินาศกรรมด้วยระเบิดและเผาใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนก่อนหน้านี้ ขณะที่มีรายงานข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคงบางกระแสระบุว่า มีการจ้างมือก่อวินาศกรรมจากกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกร่วมปฏิบัติการก่อเหตุใน 7 จังหวัดภาคใต้ก่อนหน้านี้ โดยกลุ่มมือก่อวินาศกรรมจากยุโรปตะวันออกมักไม่เป็นที่เพ่งเล็งและไม่มีประวัติอยู่ในบัญชีดำของตำรวจสากล ซึ่งมือก่อวินาศกรรมพวกนี้เมื่อลงมือปฏิบัติการเสร็จแล้วจะรีบเดินทางออกนอกประเทศทันทีเพื่อเป็นการตัดตอน

การลอบก่อวินาศกรรมนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงที่ผ่านมาคงไม่ใช่ฝีมือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีเป้าหมายต้องการแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดชายแดนใต้

ซึ่งหากก่อเหตุร้ายนอกพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เท่ากับแปรสภาพขบวนการที่มีอุดมการณ์ต้องการแบ่งแยกดินแดนเป็นกลุ่มก่อการร้ายซึ่งจะหมดความชอบธรรมในการต่อสู้ทันที

ประเด็นสำคัญคืออะไรคือแรงจูงใจในการลอบก่อวินาศในหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา รวมทั้งการเตรียมแผนลอบก่อเหตุรุนแรงครั้งใหม่

คำตอบซึ่งเป็นข้อน่าสังเกตก็คือแผนเตรียมลอบก่อวินาศกรรมรอบใหม่ครั้งนี้ต่อเนื่องกับความเคลื่อนไหวบ่อนทำลายชาติในช่วงนี้นับตั้งแต่การที่คนบางกลุ่มพยายามอาศัยการครบรอบรำลึก 40 ปีเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เป็นเครื่องมือจุดชนวนให้เกิดกระแสลุกฮือต่อต้านอำนาจรัฐ ขณะที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก ที่เงียบไปนานจู่ๆ กลับโผล่ออกมาเคลื่อนไหวปลุกระดมโจมตีรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

แผนเตรียมลอบก่อวินาศกรรมรอบใหม่ยังเกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ นับวันจะเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจากการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชียครั้งที่สองหรือเอซีดีซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพและเพิ่งจะเสร็จสิ้นไป

ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศก็เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ในทางกลับกันขบวนการเพื่อแม้วกลับอยู่ในสภาพหลังพิงฝาพ่ายแพ้ในทุกแนวรบซึ่งอาจทำให้นายใหญ่จอมบงการเลือดเข้าตาใช้วิธีการเดิมๆ นั่นคือการใช้วิธีการรุนแรง

ที่ผ่านมาจุดแข็งของอำนาจรัฐปัจจุบันก็คือสามารถควบคุมสถานการณ์ของประเทศให้เกิดความสงบสุข ดังนั้น
แรงจูงใจในแผนเตรียมก่อวินาศกรรมรอบใหม่ก็เพื่อทำลายจุดแข็งของอำนาจรัฐปัจจุบันนั่นคือความสงบสุขของประเทศ ขณะเดียวกัน ก็เป็นการบ่อนทำลายความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการปฏิรูปประเทศซึ่งฝ่ายที่ได้ประโยชน์ก็คือฝ่ายที่ต้องการล้มอำนาจรัฐปัจจุบัน

ทีมข่าวการเมือง

เพื่อแม้วดิ้นทุกวิถีทาง หวังพลิกคดีจำนำข้าว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/239497

วันอังคาร ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

น้ำยิ่งลดตอก็ยิ่งผุดในคดีโครงการรับจำนำข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่สร้างความล่มจมให้ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ว่าตรวจจุดไหนก็เจอตรงนั้นเพราะเป็นขบวนการส่อโกงชาติปล้นแผ่นดินสะบั้นหั่นแหลกอย่างย่ามใจทุกขั้นตอนตั้งแต่นักการเมืองพ่อค้าที่ใกล้ชิดนักการเมือง ข้าราชการเจ้าของโรงสี เจ้าของโกดัง บริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์)ซึ่งคดีประวัติศาสตร์มหกรรมโคตรโกงโครงการรับจำนำข้าวกำลังงวดเข้ามาทุกขณะทำให้ขบวนการเพื่อแม้วย่อมต้องพยายามดิ้นรนทำทุกวิถีทางไม่ว่าจะด้วยวิธีการบนดินหรือใต้ดินเพื่อหนีโทษความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา

ภายใต้ภาวการณ์ของคดีจำนำข้าวที่งวดเข้าไปทุกขณะทำให้มีรายงานข่าวว่า เกิดขบวนการลึกลับส่งสัญญาณข่มขู่กดดันข้าราชการตลอดจนพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีโครงการรับจำนำข้าว แม้แต่อัยการบางคนซึ่งได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบสำนวนคดีก็ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ลึกลับคุกคามความปลอดภัยด้วยการตามประกบทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ซึ่งน่าห่วงเป็นอย่างยิ่งเพราะอาจมีผลทำให้รูปคดีพลิกจนขบวนการคนผิดลอยนวล

แต่ที่นักสังเกตการณ์ทางการเมืองวิตกยิ่งกว่าก็คือหากคดีโครงการรับจำนำข้าวทั้งการฟ้องร้องทางแพ่งและทางอาญายืดเยื้อออกไปจนมีรัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า และที่สำคัญคือหากพรรคเพื่อแม้วชนะการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าจนสามารถกลับมามีอำนาจบริหารประเทศแน่นอนว่าคดีรับจำนำข้าวมีหวังถูกแทรกแซงเพื่อพลิกคดีจนทำให้ขบวนการโกงชาติปล้นแผ่นดินมีหวังลอยนวล

ยิ่งพรรคเพื่อแม้วได้จำนวนสส.มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มอำนาจต่อรองและโอกาสที่จะใช้อำนาจแทรกแซงคดีโครงการรับจำนำข้าวมากเท่านั้น

ในทางกลับกันหากพรรคเพื่อแม้วจะได้จำนวน สส.ไม่มาก ซึ่งแม้จะจัดตั้งรัฐบาลผสมสำเร็จก็มีอำนาจต่อรองหรือใช้อำนาจเพื่อแทรกแซงคดีจำนำข้าวได้ยากขึ้น

เพราะฉะนั้นเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าจึงมีความสำคัญมาก หากประชาชนเลือกพรรคเพื่อแม้วจนชนะอย่างถล่มทลายก็จะทำให้คดีจำนำข้าวอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะถูกพลิกจากดำเป็นขาว แต่หากประชาชนไม่เลือกจนพรรคเพื่อแม้วมีจำนวนสส.ไม่มากก็จะทำให้คดีจำนำข้าวปลอดภัยจะกลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่สร้างบรรทัดฐานให้เห็นว่า นักการเมืองที่โกงชาติปล้นแผ่นดินไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตามหากทำผิดก็ต้องถูกลงโทษภายใต้หลักกฎหมายอย่างเท่าเทียม ไม่ใช้อำนาจอิทธิพลของความเป็นนักการเมืองบิดเบือนคดีจากผิดเป็นถูกแล้วลอยนวลเหมือนที่ผ่านๆ มา

ทีมข่าวการเมือง

มหกรรมโครงการจำนำข้าว เทียบไม่ได้กับกรณีทริปฮาวายฉาว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/239314

วันจันทร์ ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ขณะที่รัฐนาวา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ต้องเผชิญมรสุมวิกฤติศรัทธาจากข่าวอื้อฉาวกรณีการเดินทางไปร่วมประชุมรมว.กลาโหมอาเซียนกับรมว.กลาโหมสหรัฐฯ ของคณะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ที่เกาะฮาวาย ของสหรัฐ แต่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศล่าสุดของชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัยซูเปอร์โพลต่อกรณีทริปฮาวายฉาวกับคดีโครงการรับจำนำข้าว และประเด็นการเมืองสำคัญอื่นๆ ปรากฏว่า ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์มากกว่าเรื่องทริปฮาวายฉาวอย่างเทียบกันไม่ติด

ในกรณีทริปฮาวายฉาวสำนักงานตำรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แถลงผลการตรวจสอบแล้วว่าไม่พบการทุจริต แต่ก็ต้องยอมรับว่าคาใจมหาชนถึงเรื่องจิตสำนึกและความเหมาะสมของผู้มีอำนาจรัฐที่ถูกมองว่าถลุงงบประมาณเอาเปรียบแผ่นดินซึ่งเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีและไม่ควรเกิดขึ้นอีก

จากกรณีทริปฮาวายฉาวบรรดาสาวกขบวนการเพื่อแม้วแม้แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด จำเลยคนสำคัญคดีโครงการรับจำนำข้าว ฉวยโอกาสผสมโรงโหนกระแสข่าวทริปฮาวายฉาวถล่มรัฐนาวาบิ๊กตู่หวังกลบเกลื่อนมหกรรมโคตรโกงคดีโครงการรับจำนำข้าว ทั้งๆ ที่สองกรณีทั้งพฤติกรรมทุจริตและความเสียหายต่างกันราวฟ้ากับดิน

ก่อนหน้านี้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) โดย ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร อดีตประธานทีดีอาร์ไอ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าวเคยทำวิจัยชี้ว่า โครงการรับจำนำข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์สร้างความเสียหายแก่ประเทศไม่ต่ำกว่า 500,000 ล้านบาท

สำหรับความคืบหน้าคดีโครงการรับจำนำข้าวยิ่งนับวันก็ยิ่งถูกเปิดโปงความเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยก่อนหน้านี้บริษัทซิงตั๊กกรุ๊ปที่ประมูลข้าวเหนียวจากคลังของรัฐยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์มูลค่า 500 ล้านบาท ยื่นเรื่องร้องเรียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ ให้เอาผิดกับขบวนการปลอมปนข้าวเหนียวเสื่อมคุณภาพที่ซุกอยู่ในกองข้าวเหนียวที่บริษัทประมูลได้ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายเป็นมูลค่านับร้อยล้านบาท และที่สำคัญมีการเปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีคนที่อ้างว่าใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยมาติดต่อขอให้บริษัทยุติการร้องเรียนเพื่อปกปิดเรื่องนี้โดยยอมชดใช้ความเสียหายให้บางส่วน แต่บริษัทไม่ยอม ซึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงตัวอย่างโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันทั่วประเทศ

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ผลสำรวจของซูเปอร์โพลสะท้อนว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้นักการเมืองที่เกี่ยวข้องโครงการรับจำนำข้าวต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดกับชาติบ้านเมือง

ทีมข่าวการเมือง

สารพัดเรื่องอื้อฉาวรุมเร้า สั่นคลอนศรัทธารัฐนาวาบิ๊กตู่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/239177

วันอาทิตย์ ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ความมุ่งมั่นและสร้างผลงานตลอดช่วง 3 ปีที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์และจัดระเบียบประเทศทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ยังเป็นที่ศรัทธาของมหาชนส่วนใหญ่อย่างคงเส้นคงวาซึ่งสะท้อนจากผลสำรวจของโพลล์สำนักต่างๆ ทำให้เส้นทางสู่เก้าอี้นายกฯคนนอกมีแนวโน้มค่อนข้างสดใส ขณะที่ในทางกลับกันระบอบทักษิณกลับกำลังพ่ายแพ้ในทุกแนวรบโดยแกนนำคนสำคัญของระบอบทักษิณต่างอยู่ในสภาพเลือดเข้าตาจนทยอยถูกเช็คบิลด้วยกระบวนการของกฎหมายเป็นทิวแถวโดยเฉพาะคดีโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ที่งวดเข้ามาทุกขณะโดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หุ่นเชิดและพวกเป็นจำเลยคนสำคัญ แต่ขณะที่เรตติ้งของนายกฯลุงตู่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นกลับปรากฏข่าวอื้อฉาวของคนใกล้ตัว พล.อ.ประยุทธ์ อย่างต่อเนื่องจนอาจสั่นคลอนความศรัทธาของมหาชนที่มีต่อผู้นำและรัฏฐาธิปัตย์ภายใต้อำนาจคสช.

นับเป็นวิบากกรรมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะหลังจากเกิดข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับภรรยาและบุตรชายของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นน้องชายของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ส่อไปในทางไม่สุจริตเพิ่งจะซาลงไป กลับปรากฏข่าวอื้อฉาว กรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กำลังถูกโจมตีอย่างหนักในเรื่องถลุงงบประมาณแผ่นดินเกือบ 21 ล้านบาท ในการเหมาเครื่องการบินไทยพาคณะไปร่วมประชุมรมว.กลาโหมอาเซียนและรมว.กลาโหมสหรัฐที่ฮาวาย สหรัฐอเมริกาก่อนหน้านี้

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับคนใกล้ตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ในทำนองเดียวกันหลุดออกมาอย่างต่อเนื่องทั้งปมกรณีภรรยาและลูกชายของ พล.อ.ปรีชา ตามมาติดๆ ด้วยเรื่องอื้อฉาวกรณีของ พล.อ.ประวิตร ซึ่งข้อมูลที่หลุดออกมาคนนอกไม่มีสิทธิล่วงรู้แน่ แสดงว่าต้องมีเกลือเป็นหนอนชี้เบาะแสเพื่อให้คนนอกและสื่อนำไปขยายผลจนบานปลาย

นายนิพิฏฐ์ ยังให้ความเห็นว่าหากรัฏฐาธิปัตย์ยังปล่อยให้ข่าวในทำนองนี้ออกมาเรื่อยๆ ก็จะทำให้ประชาชนมองว่า คณะรัฐประหารไม่ได้ต่างจากนักการเมือง ซ้ำนักการเมืองยังมีข้อดีมากกว่าเพราะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน

ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยเปิดเผยรายงานเรื่องปีทองของ พ.ต.หญิงชลรัศมี งาทวีสุข ผู้ประกาศข่าวสาวของสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 กองทัพบก ที่โกยรายได้จากธุรกิจบริษัทรับจ้างโฆษณาส่วนตัวสูงถึง 34.2 ล้านบาท ซึ่งหลังจากที่เผยแพร่รายงานดังกล่าวปรากฏว่า ได้มีเจ้าหน้าที่หน่วยราชการได้ประสานมายังสำนักข่าวอิศราเพื่อขอความร่วมมือให้ระงับการเผยแพร่ข้อมูลก่อนที่จะมีการสาวลึกไปถึงเบื้องหลังผลประโยชน์ในสถานีโทรทัศน์ช่อง 5

จากนี้ไปยังไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับคนใกล้ตัว พล.อ.ประยุทธ์ รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งในรัฐบาล หรือคนใน คสช.หรือหน่วยราชการอะไรอีก จึงไม่แปลกที่ช่วงนี้จะเห็น พล.อ.ประยุทธ์ มีสีหน้าเคร่งเครียดและอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะมีขบวนการหนอนบ่อนไส้ที่คอยเจาะยางบ่อนทำลายคสช.ซึ่งกำลังเดินหน้าปฏิรูปประเทศหวังเปิดทางให้ระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจอีกครั้งหรือไม่ก็ตาม สิ่งสำคัญก็คือสนิมเกิดแต่เนื้อในตน ซึ่งรัฐบาลจะต้องมีคำชี้แจงที่สมเหตุสมผลต่อเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนและฉับพลัน โดยไม่มีความพยายามที่จะปกป้องหากมีการทำผิดอย่างเด็ดขาดโดยเฉพาะท่าทีจาก พล.อ.ประยุทธ์ ขณะเดียวกันต้องรีบกำจัดจุดอ่อนไม่ให้เกิดเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นอีกซ้ำซากโดยเฉพาะหากเกิดเรื่องทุจริตร้ายแรงซึ่งจะกลายเป็นระเบิดเวลาก่อวิกฤติศรัทธาต่อตัวพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของรัฏฐาธิปัตย์อันจะเป็นอุปสรรคต่อภารกิจสำคัญในการเดินหน้าปฏิรูปประเทศ

จากเรื่องไม่ดีไม่งามที่เกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเร่งกำจัดจุดอ่อนอย่างจริงจังด้วยการปรามทั้งคณะรัฐมนตรีและเครือญาติใกล้ชิดไม่ให้ก่อเรื่องที่ไม่ดีไม่งามอีก ซึ่งอารมณ์เสียอ้างว่าถูกสื่อจ้องจับผิดคงไม่ช่วยแก้ปัญหา เพราะหากคนใกล้ตัวไม่ประพฤติจนเกิดจุดอ่อนจริงก็คงไม่เกิดเรื่องจนถูกจ้องจับผิดได้

ดังนั้น แม้ประชาชนยังศรัทธาในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตและตั้งใจแก้ปัญหาใหญ่ของบ้านเมือง แต่หากยังขืนปล่อยให้คนใกล้ชิดประพฤติไม่เหมาะสมตกเป็นข่าวอื้อฉาวซ้ำซากย่อมสั่นคลอนศรัทธาของมหาชนที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ คสช. และรัฐบาลซึ่งประชาชนจะแสดงออกผ่านการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า

ทีมข่าวการเมือง

อย่าอ้างอุดมการณ์บริสุทธิ์6ตุลาฯบังหน้า ใช้เป็นเครื่องมือปลุกระดมป่วนเมือง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/239088

วันเสาร์ ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

การจัดพิธีรำลึกครบรอบ 40 ปีโศกนาฏกรรมสังหารหมู่นักศึกษาที่ชุมนุมกันอย่างสงบภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อย่างโหดเหี้ยมในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 โดยสถาบันการศึกษาไม่ว่าจะเป็น จุฬาฯ ธรรมศาสตร์หรือการทำพิธีรำลึกโดยบรรดาญาติและผู้อยู่ในเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดครั้งนั้นถือเป็นสิทธิเสรีภาพและสมควรอย่างยิ่งที่มีการเรียกร้องให้ชำระประวัติศาสตร์เหตุการณ์ในอดีตเพื่อเป็นบทเรียนอุทาหรณ์เตือนสติไม่ให้รัฐใช้อำนาจเผด็จการไปในทางชั่วร้ายเข่นฆ่านักศึกษาประชาชนด้วยวิธีการอันโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ซึ่งแม้กาลเวลาจะล่วงเลยมาแล้ว 40 ปี แต่เชื่อว่าบาปกรรมจากการกระทำอันชั่วร้ายของผู้ที่เกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมสังหารหมู่ครั้งนั้นจะเป็นตราบาปตามหลอกหลอนอยู่ในใจผู้กระทำไปจวบจนวันตายและคงต้องไปใช้กรรมในอเวจี อย่างไรก็ตามวาระครบรอบประวัติศาสตร์การต่อสู้และเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ของนักศึกษาในประวัติศาสตร์ 6 ตุลาฯ 2519 ไม่ควรถูกคนบางกลุ่มฉวยโอกาสใช้เป็นเครื่องมือปลุกระดมโดยมีเจตนาทางการเมืองอันเลวร้ายบางอย่างแอบแฝง

การที่นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯนำโดยนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตรัฐศาสตร์ชั้นปีที่ 1 ซึ่งพยายามเชิญ นายโจชัว หว่อง นักศึกษาฮ่องกงวัย 19 ปี ซึ่งเป็นแกนนำต่อต้านรัฐบาลจีน เดินทางมาร่วมเสวนาในงาน 6 ตุลาฯ แต่ถูกทางการไทยส่งกลับฮ่องกงเสียก่อน กระนั้นก็ตาม นายโจชัว หว่อง ก็ยังเดินหน้าป่วนด้วยการสไกป์มายังเวทีเสวนาที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯปลุกระดมนักศึกษาไทยให้ลุกขึ้นต่อสู้เผด็จการเหมือนต้องการกระทบชิ่งไปยังอำนาจรัฐไทยปัจจุบันตามแผนการของขบวนการชักศึกเข้าบ้านของไทย

การจุดกระแสหวังให้ นายโจชัว หว่อง ร่วมป่วนการเมืองของไทยโดยอาศัยวาระครบรอบ 40 ปี 6 ตุลาฯบังหน้านั้นถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการจัดตั้งและทำอย่างเป็นขบวนการโดยมีคนวางแผนชักใยอยู่เบื้องหลังโดยใช้ นายเนติวิทย์และ นายโจชัว หว่อง เป็นเครื่องมือ ซึ่งเห็นได้ว่ามีการเคลื่อนไหวอย่างสอดรับกันอย่างเป็นระบบทั้งนักวิชาการและนักศึกษาสายเสื้อแดงบางกลุ่มและที่สำคัญคือการจัดฉากออกมาเคลื่อนไหวชิงพื้นที่ข่าวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก ซึ่งออกมาโฆษณาชวนเชื่อส่อเจตนาปลุกระดมสร้างกระแสต่อต้านอำนาจรัฐไทยที่นครลอสแองเจลิสสหรัฐอเมริกาในช่วงจังหวะวันเดียวกัน

การอาศัย นายโจชัวหว่อง เป็นเครื่องมือเคลื่อนไหวทั้งๆ ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ตุลาฯเลยแม้แต่น้อยเป็นแผนที่มีเป้าหมายยิงกระสุนนัดเดียวได้นกถึงสามตัวในเวลาเดียวกันกล่าวคือประการแรก เป็นการดิสเครดิตบ่อนทำลายความชอบธรรมทางการไทยภายใต้อำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ว่าใช้อำนาจเผด็จการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพการแสดงความเห็นเชิงวิชาการด้วยการห้าม นายโจชัว หว่อง เข้าประเทศตามคำขอของทางการจีน ประการที่สอง เป็นการประจานบ่อนทำลายภาพพจน์ของทางการจีนที่ใช้อิทธิพลเหนือทางการไทยเพื่อไม่ให้ นายโจชัว หว่องแสดงความคิดเห็นประการที่สาม เป็นการอาศัยนักศึกษา 2 คนคือนายเนติวิทย์ และนายโจชัว หว่อง เป็นเครื่องมือปลุกระดมนักศึกษาคนรุ่นใหม่ให้เกิดกระแสต่อต้านเผด็จการทหาร

อีกความเคลื่อนไหวหนึ่งที่มีการตั้งข้อสังเกตก็คือการกล่าวรำลึกครบรอบ 40 ปีเหตุการณ์ 6 ตุลาฯของ นายสุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ อดีตกรรมการสายผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ยุครัฐบาลระบอบทักษิณที่พยายามเรียกร้องให้ทหารถอยออกไปอย่ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาทางการเมือง ซึ่งความเห็นของ นายสุรชาติ ด้านหนึ่งเป็นหลักการที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย

แต่ในอีกด้านหนึ่งที่ นายสุรชาติ ไม่พูดถึงก็คือการที่ทหารก่อรัฐประหารหรือเกิดคสช.ในวันนี้ต้นเหตุที่แท้จริงเกิดจากการที่ทหารเข้ามายึดอำนาจเพื่อตัวเองหรือเพราะพฤติกรรมชั่วร้ายเน่าเฟะเหลวแหลกของธุรกิจการเมืองทุนสามานย์เผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่เต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่น ซื้อเสียง ซื้ออำนาจรัฐ ซื้อประชาธิปไตย ซื้อประเทศ และใช้อำนาจในทางชั่วร้ายอย่างย่ามใจจนนำพาประเทศไปสู่ทางตันกลายเป็นรัฐล้มเหลวที่ไม่สามารถเดินหน้าได้อีกต่อไปทำให้คสช.จำเป็นต้องเข้ามากอบกู้สถานการณ์ก่อนที่ชาติจะพินาศล่มจมทั้งจากภาวะรัฐล้มเหลวและสงครามกลางเมืองจากการแสดงพลังขับไล่รัฐบาลธุรกิจการเมืองของพลังมวลมหาประชาชน

เพราะฉะนั้นหากจะแก้ปัญหาการรัฐประหารที่รากเหง้าต้นเหตุโดยเฉพาะจากช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจำเป็นต้องมีการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่อย่างจริงจัง ด้วยการกำหนดกติกาที่เฉียบขาดรุนแรงเพื่อขจัดธุรกิจการเมืองทุนสามานย์เผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมไม่ให้มีโอกาสเข้ามีอำนาจบริหารชาติบ้านเมือง ซึ่งหากนักการเมืองอยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาลก็ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ที่ทหารจะมีข้ออ้างในการเข้ามาล้มกระดาน แต่ทุกวันนี้กลับตรงกันข้ามเพราะมหาชนส่วนใหญ่ล้วนศรัทธาเชื่อถือในทหารมากกว่านักการเมือง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนเอือมระอาเต็มทีกับธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมแบบเดิมๆ ที่เป็นต้นเหตุของวงจรอุบาทว์ซ้ำซาก

ทีมข่าวการเมือง

กรณี ‘โจชัว หว่อง’ สุมไฟชักศึกเผาบ้าน?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/238910

วันศุกร์ ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

กรณีนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตชั้นปี 1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ การเชิญ นายโจชัว หว่อง แกนนำนักศึกษาฮ่องกง ซึ่งรู้กันอยู่ว่าเป็นทาสรับใช้ที่ได้รับการหนุนหลังโดยมะกันอันตรายเพื่อใช้เป็นเครื่องมือเคลื่อนไหวบ่อนทำลายจีนมาร่วมเสวนาที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ในวาระครบรอบ 40 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519 จนทางการไทยต้องส่งตัว นายโจชัว หว่อง กลับฮ่องกงตามคำร้องขอของทางการจีน ถือเป็นการส่อเจตนาชักศึกเข้าบ้านสุมไฟทำลายชาติของขบวนการป่วนเมืองหน้าเดิมๆ

นายเนติวิทย์ คงไม่ได้เดินเกมคนเดียวแน่แต่มีคนชักใยอยู่เบื้องหลังโดยเฉพาะมะกันอันตรายและรวมทั้งพวกนักวิชาการเสื้อแดงหน้าเดิมๆ ทั้งนี้รู้ทั้งรู้อยู่ว่า นายโจชัว หว่อง ผู้นี้เป็นบุคคลอันตรายที่หลายประเทศขึ้นบัญชีดำไม่ยอมให้เข้าประเทศเพราะหัวโจกการก่อม็อบ “ปฏิวัติร่ม”ต่อต้านรัฐบาลจีนจนเกิดเหตุวุ่นวาย โดยนายโจชัว หว่อง เป็นที่รู้กันว่าได้รับการชุบเลี้ยงและบงการโดยมะกันอันตรายเพื่อบ่อนทำลายจีน แต่ขบวนการชักศึกเข้าบ้านเผาทำลายชาติตัวเองก็ยังเชิญบุคคลมหาประลัยอัปมงคลอย่างนายโจชัว หว่อง ซึ่งอายุแค่ 19 ปี ที่ไม่เกี่ยวข้องและไม่มีความเข้าใจในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ เมื่อ 40 ปีแม้แต่น้อยเข้ามาร่วมเสวนา ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าไทยไม่มีผู้รู้แล้วหรือถึงกับต้องเชิญนักศึกษาต่างชาติอายุแค่ 19 ปีมาพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์6 ตุลาฯ ซึ่งสะท้อนพวกที่เชิญส่อเจตนามีแผนร้ายแอบแฝง

หลังทางการไทยส่งตัว นายโจชัว หว่องกลับฮ่องกง ปรากฏว่ากลุ่มขบวนการป่วนเมืองหน้าเดิมออกมาเคลื่อนไหวรับลูกทันทีโดยกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ นำโดย นายสิรวิชญ์เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” จ่านิวยกพวกไปชูป้ายประท้วงหน้าสถานทูตจีน

รัฐบาลและคสช.ไม่ได้ห้ามจัดงานรำลึก6 ตุลาฯ เพราะฉะนั้นการจงใจเชิญ นายโจชัว หว่องครั้งนี้จึงส่อเจตนาต้องการบ่อนทำลายทั้งอำนาจรัฐไทยและจีน ซึ่งเข้าทางมะกันอันตรายและระบอบแม้ว และก็เป็นไปตามคาดที่สื่อตะวันตกสมุนมะกันอันตรายทั้งหลายต่างพากันประโคมข่าวถล่มทั้งไทยและจีนว่าคุกคามเสรีภาพทางวิชาการ

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติถึงออกมาตั้งข้อสังเกตว่า นายโจชัว หว่อง ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ แล้วจะเชิญมาพูดเรื่องอะไรนอกจากด่าจีนให้คนไทยฟังเท่านั้น

สรุปกรณีของนายโจชัว หว่อง ด้วยคำกล่าวของ พล.ท.นันทเดช ที่ว่า “ประเทศไทยจะไปกลัวอะไรกับโจชั่วขี้ข้าไอ้กันเพราะหลายประเทศในอาเซียนก็ไม่ให้ไอ้โจชั่วนี่เข้าประเทศอยู่แล้ว เพราะกลัวตกเป็นเครื่องมือของโจชัวไปด่าจีน พวกสื่อตะวันตกที่อยู่ในฮ่องกงสนิทกับโจชั่วนี่ดีมากๆ แต่ดันไม่ให้สัมภาษณ์ในฮ่องกง เสือกจะมาขอสัมภาษณ์ในไทย นี่มันจัดฉากด่าจีนกับไทยโดยตรงเลยครับ”

ทีมข่าวการเมือง

จับตาเกมเพื่อแม้วอ่อยเหยื่อปชป. ชูอภิสิทธิ์-ชวนนายกฯสกัดคนนอก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/238736

วันพฤหัสบดี ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ขณะที่คอการเมืองยังสองจิตสองใจว่าสองพรรคใหญ่คู่แค้นคือเพื่อแม้วกับประชาธิปัตย์จะจับมือกันตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งได้จริงหรือไม่หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นายสามารถแก้วมีชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อแม้ว ออกมาแบะท่าว่า พรรคเพื่อแม้ว พร้อมจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลอันเป็นการเดินเกมสกัดนายกฯคนนอก จนนายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาสวนกลับทันทีว่า ประชาธิปัตย์ จะไม่มีวันจับมือกับพรรคเพื่อแม้วเพราะอุดมการณ์จุดยืนทางการเมืองต่างกันสิ้นเชิง

ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้าพรรคเพื่อไทย ยังคงจุดยืนเดิมเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับครอบครัวหรือบุคคล แล้วก็ยังมีปัญหาเรื่องนิรโทษกรรม การคอร์รัปชั่น หรือการดำเนินงานทางการเมืองที่เอาความรุนแรงมาใช้ผ่านกลไกมวลชน ประชาธิปัตย์ไม่ร่วมด้วย”

นี่คือสัญญาณตอกฝาโลงสนิทสำหรับแผนของพรรคเพื่อแม้ว ที่ชงสูตรสองพรรคใหญ่จับมือตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง เพราะพรรคเพื่อแม้วไม่มีทางที่จะเลิกความเป็นบริษัทการเมืองจำกัดซึ่งมีตระกูลชินเป็นเจ้าของและบริหารบงการโดยคนเพียงคนเดียวนั่นคือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก มาเป็นสถาบันการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงได้อย่างเด็ดขาด ยังไม่ต้องพูดถึงแนวคิดความพยายามที่จะผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอยที่มีเป้าหมายแอบแฝงมุ่งลบล้างโทษความผิดให้นายใหญ่นักโทษหนีคุก รวมทั้งพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่นซึ่งขณะนี้กำลังเป็นคดีมากมายโดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวสร้างความเสียหายแก่ชาติครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โดยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการเปิดโปงความเหลวแหลกในโครงการรับจำนำข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์

นอกจากนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ขบวนการระบอบทักษิณสลายกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งที่ผ่านมาถูกใช้เป็นเครื่องมือเคลื่อนไหวทางการเมืองจนนำไปสู่วิกฤติความรุนแรง

แม้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะออกมาแสดงจุดยืนไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคเพื่อแม้ว อย่างไรก็ตามมีข่าวบางกระแสระบุว่า แกนนำพรรคเพื่อแม้ว พยายามเดินเกมล็อบบี้แกนนำพรรคประชาธิปัตย์บางคนเพื่อเสนอสูตรจับมือจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกันโดยอ่อยเหยื่อยื่นเสนอเงื่อนไขพร้อมให้นายอภิสิทธิ์ หรือ นายชวน หลีกภัยประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์อดีตนายกฯ 2 สมัย เป็นนายกฯเพื่อสกัดนายกฯคนนอก

สำหรับระบอบแม้วที่กำลังจะพ่ายแพ้ในทุกแนวรบและเข้าตาจนเข้าไปทุกขณะย่อมพร้อมที่จะแบะท่าทำทุกวิธีการเพื่อเอาตัวรอด แม้แต่การกลืนน้ำลายตัวเองหันไปจับมือกับพรรคที่เป็นศัตรูคู่แข่งที่มีจุดยืนอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกันอย่างสิ้นเชิง

จากข่าวข้อเสนออ่อยเหยื่อของพรรคเพื่อแม้วที่พร้อมยกเก้าอี้นายกฯให้พรรคประชาธิปัตย์ดังกล่าวจึงเป็นความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาและทำให้เกิดคำถามว่า หากมีการเสนอเงื่อนไขอ่อยเหยื่อจริงนายอภิสิทธิ์จะยังยืนยันในจุดยืนไม่จับมือกับพรรคเพื่อแม้วหรือไม่

ทีมข่าวการเมือง

วิบากกรรมบิ๊กตู่ พิษคนใกล้ตัวทำให้เสื่อม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/238561

วันพุธ ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ขณะที่เรตติ้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังเป็น
ที่ศรัทธาของมหาชนส่วนใหญ่อย่างคงเส้นคงวาซึ่งสะท้อนจากผลสำรวจของโพลล์สำนักต่างๆ ทำให้เส้นทางสู่เก้าอี้นายกฯคนนอกมีแนวโน้มสดใส ในทางกลับกันแกนนำคนสำคัญของขบวนการเพื่อแม้วกำลังเข้าตาจนทยอยใช้กรรมจากคดีสำคัญกันเป็นทิวแถวโดยเฉพาะคดีโครงการรับจำนำข้าวที่มีการทุจริตอย่างมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ที่งวดเข้ามาทุกขณะโดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิดและพวกเป็นจำเลยคนสำคัญแต่แล้วกลับมีการปูดข้อมูลลับอื้อฉาวเกี่ยวกับคนใกล้ตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตไว้อย่างน่าสนใจหลังจากที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กำลังถูกโจมตีอย่างหนักในเรื่องถลุงงบประมาณแผ่นดินเกือบ 21 ล้านบาท ในการเหมาเครื่องการบินไทยพาคณะไปร่วมประชุมรมว.กลาโหมอาเซียนและรมว.กลาโหมสหรัฐ ที่ฮาวาย สหรัฐอเมริกาก่อนหน้านี้ โดยชี้ว่า เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับคนใกล้ตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ในทำนองเดียวกันหลุดออกมาอย่างต่อเนื่องทั้งปมกรณีภรรยาและลูกชายของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นน้องชายของ พล.อ.ประยุทธ์ และตามมาติดๆ ด้วยเรื่องอื้อฉาวกรณีของ พล.อ.ประวิตร ซึ่งข้อมูลที่หลุดออกมาคนนอกไม่มีสิทธิ์ล่วงรู้แน่ แสดงว่าต้องมีเกลือเป็นหนอนชี้เบาะแสเพื่อให้คนนอกและสื่อนำไปขยายผลจนบานปลาย

นายนิพิฏฐ์ ยังให้ความเห็นว่าหากรัฏฐาธิปัตย์ยังปล่อยให้ข่าวในทำนองนี้ออกมาเรื่อยๆก็จะทำให้ประชาชนมองว่า คณะรัฐประหารไม่ได้ต่างจากนักการเมือง ซ้ำนักการเมืองยังมีข้อดีมากกว่าเพราะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน

แต่ไม่ว่าจะมีขบวนการหนอนบ่อนไส้ในกองทัพหรือในรัฐบาลที่วางแผนเจาะยางบ่อนทำลายคสช.ที่กำลังเดินหน้าปฏิรูปประเทศหวังเปิดทางให้ขบวนการเพื่อแม้วกลับมามีอำนาจอีกครั้งหรือไม่ก็ตาม สิ่งสำคัญก็คือหากเป็นเรื่องจริงและยังเกิดอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะเกิดเรื่องอื้อฉาวร้ายแรงอาจกลายเป็นระเบิดเวลาก่อวิกฤติศรัทธาต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์ และเป็นอุปสรรคต่อภารกิจสำคัญในการเดินหน้าปฏิรูปประเทศ

จากเรื่องไม่ดีไม่งามที่เกิดขึ้นเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังพอเข้าใจ แยกแยะได้ว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่กระนั้นก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ หรือคนในรัฐบาลต้องไม่ออกมาแสดงท่าทีเชิงปกป้อง ขณะเดียวกันต้องเร่งกำจัดจุดอ่อนปราม
ทั้งคณะรัฐมนตรีและเครือญาติใกล้ชิดไม่ให้ก่อเรื่องที่ไม่ดีไม่งามอีก ซึ่งการอารมณ์เสียอ้างว่าถูกสื่อจ้องจับผิดคงไม่ช่วยแก้ปัญหา เพราะหากคนใกล้ตัวไม่ประพฤติเสื่อมเสียจริงก็คงไม่เกิดเรื่องจนถูกจ้องจับผิดได้

แม้ประชาชนยังศรัทธาในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตและตั้งใจแก้ปัญหาใหญ่ของบ้านเมือง แต่หากยังขืนปล่อยให้คนใกล้ชิดประพฤติไม่เหมาะสมตกเป็นข่าวอื้อฉาวซ้ำซากย่อมสั่นคลอนศรัทธาของมหาชนที่มี พล.อ.ประยุทธ์ คสช. และรัฐบาล ซึ่งประชาชนจะแสดงออกผ่านการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า

ทีมข่าวการเมือง

วัดใจปชป.จับมือเพื่อแม้ว สกัดบิ๊กตู่นั่งนายกฯคนนอก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/creative/238382

วันอังคาร ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 02.00 น.

ขณะที่พรรคเพื่อแม้ว โดยนายสามารถ แก้วมีชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร จะออกมาแบไต๋พร้อมจับมือพรรคประชาธิปัตย์ จัดตั้งรัฐบาลหวังสกัดนายกฯคนนอก แต่ระดับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังกั๊กสงวนท่าทีจะมีก็แต่นายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.ออกมาย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีทางจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อแม้วเด็ดขาด

แต่การเมืองเป็นเรื่องที่เปลี่ยนได้ตลอดเวลาและในอดีตบางเรื่องเปลี่ยนอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ก็เคยมีบทเรียนให้เห็นมาแล้ว ซึ่งจุดยืนท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ก็เช่นกันต้องจับตาดูจนถึงวินาทีสุดท้ายว่าจะจูบปากกับพรรคเพื่อแม้ว ซึ่งเป็นศัตรูทางการเมืองเพื่อร่วมกันสกัดนายกฯคนนอกหรือไม่

ทั้งนี้ เกิดคำถามว่า หนึ่งในอุดมการณ์หลักของพรรคประชาธิปัตย์ก็คือ ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ ซึ่งที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์เมื่อครั้งเป็นฝ่ายค้านได้เปิดโปงการทุจริตของรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณมาตลอด ซึ่งที่สำคัญคือเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลโครงการรับจำนำข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่มีการโกงชาติปล้นแผ่นดินมโหฬารและสร้างความพินาศล่มจมให้ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์

ยังไม่ต้องพูดถึงขบวนการเพื่อแม้วเคยก่อจลาจลทั่วกทม. โดยม็อบเสื้อแดงที่บ้าคลั่งกลุ่มหนึ่งถึงกับบุกกระทรวงมหาดไทย หมายสังหาร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนและผู้นำชาติมหาอำนาจคู่เจรจาที่พัทยา เมื่อปี 2552 ตามด้วยการสร้างสถานการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองปี 2553 จนนายอภิสิทธิ์ ต้องยุบสภา

เมื่อเป็นอย่างนี้ทำให้เกิดคำถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะจับมือเพื่อสนองประโยชน์ทางการเมืองของพรรคเพื่อแม้วในการสกัดนายกฯคนนอกที่กำลังจะเดินหน้าปฏิรูปประเทศเพื่อขจัดธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอย่างนั้นหรือ และถ้าจะว่าไปแล้วช่องทางที่จะมีนายกฯคนนอกก็เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งที่เตือนสติพรรคประชาธิปัตย์ ก็คือ หากประชาธิปัตย์กับเพื่อแม้วจับมือกันตั้งรัฐบาลไม่ว่าหัวหน้าพรรคไหนจะเป็นนายกฯก็แล้วแต่ แน่นอนว่าฝ่ายพรรคเพื่อแม้วจะต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อใช้อำนาจรัฐแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพื่อช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ซึ่งเป็นจำเลยคนสำคัญในคดีโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งเหล่าบริวารขบวนการเพื่อแม้วที่เป็นจำเลยคดีทุจริตและคดีความมั่นคงอีกมากมาย อีกทั้งขบวนการเพื่อแม้วจะไม่มีทางเลิกธาตุแท้อันชั่วร้ายเหมือนในอดีต จึงเกิดคำถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะจับมือกับพรรคเพื่อแม้วหรือไม่

เพราะฉะนั้นต้องจับตาต่อไปและจะเป็นการวัดใจพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะยอมเปลี่ยนจุดยืนหันจับมือกับพรรคเพื่อแม้วที่เป็นธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมเพื่อร่วมกันสกัดนายกฯคนนอกที่จะเข้ามาปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ในช่วงเปลี่ยนผ่านหรือไม่

ทีมข่าวการเมือง