ไอเอสร้ายแรงกว่าอาบูนิดาล

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160328/224862.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2559
ไอเอสร้ายแรงกว่าอาบูนิดาล

มองมุมยุทธศาสตร์ : ไอเอสร้ายแรงกว่าอาบูนิดาล : โดย…เรือรบ เมืองมั่น http://www.facebook.com/ruarob.muangman

                    การบุกเข้าไประเบิดตัวเองตายพร้อมกับผู้โดยสารอีกสิบกว่าคนกลางสนามบินนานาชาติบรัสเซลส์เมื่ออังคารที่แล้ว เป็นอีกความน่าสะพรึงกลัวหนึ่งที่กลุ่มไอเอสได้สร้างให้โลกใบนี้เห็น ที่ผ่านมาพวกเขาโชว์ความตายหลากหลายรูปแบบจนอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขาจะมีวันหมดมุกหรือเปล่า การโจมตีสนามบินนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะเป็นหนึ่งในสถานที่รักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดที่สุดของแต่ละประเทศ ถ้าไม่บ้าจริงๆ ก็คงไม่กล้าวางแผนนี้ ในอดีตเคยมีกลุ่มที่เคยทำแบบนี้มาแล้ว แต่มาวันนี้ไอเอสน่าจะเป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชาติมากที่สุดนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปแล้ว
                    ในยุค 70-80 นั้นชาติตะวันตกเผชิญศึกกระหนาบหลายทาง สงครามสู้คอมมิวนิสต์นั้นไกลตัวออกไปยังอเมริกาใต้กับเอเชียก็จริง แต่นิวเคลียร์โซเวียตก็จ่อคอหอยอยู่ กระนั้นก็ตามภัยคุกคามถึงเลือดถึงเนื้อก็คือผู้ก่อการร้ายเชื้อสายอาหรับที่แค้นอิสราเอลกับชาติตะวันตกที่หนุนหลังยิวอยู่ พวกนี้พยายามก่อเหตุบนผืนแผ่นดินยุโรป วิธีการที่ใช้ก็อุกอาจยิ่ง มักออกแนวกราดยิงและจับตัวประกัน บางทีก็มีคนตายมาก เช่น ขบวนการกันยายนทมิฬบุกสนามกีฬามิวนิค หรือพวกปาเลสไตน์ไฮแจ็กเครื่องบินแพนแอม แม้ว่าสถานการณ์จะดูดีขึ้นเมื่อยัสเซอร์ อาราฟัต บรรลุแผนสันติภาพกับอิสราเอลได้ แต่ก็ยังมีกลุ่มก่อการร้ายรายย่อยที่ไม่ยอมรับ ก่อเหตุต่อไปอีก
                    27 ธันวาคม 1985 กลุ่มอาบูนิดาลพร้อมปืนกลและระเบิดบุกโจมตีสนามบินนานาชาติอิตาลีกับเวียนนา ฆ่าคนตายไป 19 คน ส่วนใหญ่เป็นยิว นับเป็นข่าวดังในยุคนั้น กลุ่มนี้ยังก่อเหตุน่ากลัวอีกหลายครั้งเช่นยึดเรือสำราญสังหารคนรวยเล่น อย่างไรก็ตาม กลุ่มนี้ก็ค่อยๆ เงียบลงไป เมื่อตะวันตกบรรลุข้อตกลงกับโมอัมมาร์ กัดดาฟี แห่งลิเบีย ท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่ม เริ่มหมดยุคผู้ก่อการร้ายคลั่งเชื้อชาติ โลกค่อยๆ หมุนไปเจอกับโจรคลั่งศาสนาหัวรุนแรงแทนเมื่อเปลี่ยนศตวรรษใหม่ อย่างอัล-ไกดา และตอนนี้ก็ไอเอส
                    เมื่อมองรอบมิติ ไอเอสร้ายกาจกว่าอาบูนิดาลหรือขบวนการก่อการร้ายอื่นใดในอดีต พวกเขาใจถึงกว่าที่ใช้ระเบิดฆ่าตัวตายผสมผสานกับทักษะการต่อสู้และการวางแผน เครือข่ายก่อการร้ายยุคใหม่ที่ไม่ยุดโยงกับองค์กร เชื่อมต่อกันแค่หลักคิด โดยมีโลกอินเทอร์เน็ตหล่อเลี้ยง ทำให้ใครๆ ก็เป็นผู้ก่อการร้ายได้ เกิดได้เร็วกว่า ตายได้ไวกว่า ด้วยชุดข้อมูลมหาศาลที่อัดเข้าสู่หัวพวกอยากจะขึ้นสู่สวรรค์ งานนี้จับมือคนเชื้อสายเดียวกันไม่กี่คนก็ถล่มปารีสและบรัสเซลส์ได้
                    การกวาดล้างไอเอสนั้นยากมากในยุคนี้ เพราะสามสิบปีผ่านไปยุโรปมีคนที่มิใช่ “ฝรั่ง” เต็มประเทศซะแล้ว จะรณรงค์ยังไงก็แตะต้องเรื่องของสิทธิมนุษยชน กลุ่มหนุนหลังไอเอสที่พอจะตกลงได้หรือให้ตัดท่อน้ำเลี้ยงได้ก็ไม่มี ความเร็ว ปริมาณและเทคนิคของสื่อออนไลน์ก็มากล้ำจนควบคุมไม่ได้
                    แต่อย่าเพิ่งวิตกไปครับ กาลเวลาจะช่วยปรับสถานการณ์เอง โลกคงไม่ยอมให้ไอเอสตั้งรัฐได้แบบองค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ตั้ง และจะค่อยๆ ปราบจนน่วมแม้จะนานหน่อย ระยะเวลาที่ยาวนาน อาจทำให้คนที่อยากเป็นคนร้ายเลิกบ้าและตระหนักว่าไม่มีทางที่จะเปลี่ยนโลกนี้ได้ด้วยการก่อการร้ายตามแนวคิดไอเอส แนวคิดนี้จะค่อยๆ สงบไปเองแบบอุดมการณ์อื่นๆ ก่อนหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างมีวันพีคและวันสิ้นอายุของมัน
——————–
(มองมุมยุทธศาสตร์ : ไอเอสร้ายแรงกว่าอาบูนิดาล : โดย…เรือรบ เมืองมั่น http://www.facebook.com/ruarob.muangman)

ภัยคุกคามใหม่ของศรีลังกา (1)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160307/223689.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2559
ภัยคุกคามใหม่ของศรีลังกา (1)

ภัยคุกคามใหม่ของศรีลังกา (1) : มองมุมยุทธศาสตร์ เรือรบ เมืองมั่น

           ได้มีโอกาสไปเยือนศรีลังกาและพูดคุยปัญหาความท้าทายด้านความมั่นคงที่นั่นอีกครั้ง หลังจากเมื่อสองปีก่อนก็ไปมาที่เกาะเล็กแห่งนี้หลังสิ้นสงครามกลางเมืองไปแล้ว 7 ปี กำลังอยู่ในขั้นตอนทะยานตัวขึ้น โผบินเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของเอเชีย-แปซิฟิก ที่กำลังรุ่งเรืองจนกลายเป็นภูมิภาคที่กระฉับกระเฉงร้อนแรงที่สุดในโลก มิใช่อ้อมอกเดิมที่เย็นชืดของเอเชียใต้ แน่นอนว่าอนาคตนั้นอาจมิได้งามหรูดังฝัน ภัยคุกคามแบบใหม่กำลังถูกประเมิน แล้วเราก็ต้องประเมินความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับศรีลังกาอีกทีหนึ่ง เพราะสองชาตินี้ห่างกันเพียงหนึ่งชั่วโมงบินเท่านั้น และศรีลังกาอยู่บนเส้นทางสายส่งกำลังบำรุงของหลายชาติ เป็นจุดศูนย์ดุลมหาสมุทรอินเดียที่จะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในยุคที่เอเชีย-แปซิฟิกกำลังขยายตัวผนวกเป็นภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

สมัยก่อนเมื่อนึกถึงความมั่นคงของศรีลังกานั้นไม่ต้องคิดนาน ความแข็งแกร่งของขบวนการพยัคฆ์ทมิฬอีแลม กลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์โลกยุคใหม่นั้น เป็นเรื่องที่ดังไปทั่วโลก กลุ่มก่อการร้ายนี้มีกองกำลังหลายหมื่นคน มีอาวุธครบสามเหล่าทัพ ปรับเป็นกองกำลังตามแบบ มีกำลังทางเรือไล่จมเรือรบรัฐบาลได้ มีกำลังทางอากาศทิ้งระเบิดไกลถึงเมืองหลวง กำลังทางบกบุกยึดป้อมค่ายฆ่าทหารตายทีละหลักพัน มีกำลังรบพิเศษ ทั้งฆ่าตัวตายและจรยุทธ์ ระเบิดทำลายสนามบิน ตลาดหุ้น ฆ่าผู้นำรัฐบาล เรียกว่าสารพัดจะน่าสะพรึงกลัว สามารถยึดครองพื้นที่ทางภาคเหนือและตะวันออกของประเทศ สถาปนาเป็นรัฐอย่างไม่เป็นทางการได้ พร้อมทั้งมีผู้สนับสนุนโพ้นทะเลหลายล้านคน ตั้งแต่ พ.ศ. 2526-2552 มีคนตายเหลือคณานับ หนักว่าสงครามปราบคอมฯ บ้านเราหลายเท่า

แต่ทุกวันนี้ขบวนการนี้สิ้นซากไปแล้ว ศรีลังกาเป็นประเทศเดียวในโลกยุคใหม่ที่อวดอ้างตนเองอย่างภูมิใจว่า อาศัยกำปั้นเป็นหลักในการเอาสยบศัตรูภายในประเทศ ที่อื่นๆ ในโลกล้วนต้องอาศัยการเจรจา ไม่ว่าจะเป็น มินดาเนา หรืออาเจะห์ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลมแม้จะน้อยนิด ก็ยังเป็นภัยคุกคามหมายเลขหนึ่งที่ศรีลังกาจับจ้องมอง

ถึงจะไม่มีอีกแล้วพวกชาวทมิฬที่รวมตัวกันมาทำสงคราม จัดหาอาวุธ หรือก่อเหตุร้ายสักเหตุเดียวในรอบ 7 ปีมานี้ แต่ในยามที่ศรีลังกาลดการ์ดลง (เนื่องจากเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ที่สมกับเป็นรัฐบาลยามสันติ ไม่ใช่รัฐบาลเดิมที่ถึงแม้จะเป็นวีรบุรุษสงคราม แต่ก็ชักจะออกลูกเผด็จการมากไปตามการอยู่ยาวของการครองอำนาจ) ก็มีความห่วงใยกันว่า แนวร่วมที่ต้องการเรียกร้องเอกราชให้ชาวทมิฬจะฟื้นคืนชีพ สร้างความวุ่นวายในประเทศได้อีก

แนวร่วมเหล่านี้มีอยู่ไม่ขาดสายในประเทศเพื่อนบ้านและในยุโรป ประเทศแถบนั้นก็ไม่ค่อยญาติดีกับฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐของศรีลังกา มีทหารหลายคนยังติดแบล็กลิสต์เรื่องสิทธิมนุษยชนอันเป็นผลมาจากการทำสงครามกลางเมืองอยู่เลย การปลุกระดมอาจนำไปสู่เรื่องร้ายได้ นี่คือภัยคุกคามลำดับแรก ในสัปดาห์หน้าจะมากล่าวถึงอีกสามภัยคุกคามกันต่อครับ

ตอบโต้เปียงยาง กระเทือนปักกิ่ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160222/222891.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2559
ตอบโต้เปียงยาง กระเทือนปักกิ่ง

มองมุมยุทธศาสตร์ : ตอบโต้เปียงยาง กระเทือนปักกิ่ง : โดย…เรือรบ เมืองมั่น http://www.facebook.com/ruarob.muangman

                      คาบสมุทรเกาหลีมีเรื่องให้จับตามองอยู่เนืองๆ ตามพฤติการณ์ของผู้นำบ้าอำนาจบ้าง ตามการพยายามอวดโอ่ขีดความสามารถทางทหารบ้าง หรือแม้แต่การดำเนินการของฝ่ายโลกเสรีเองที่บ่อนทำลายระบอบคิม เช่นข่าวปล่อยต่างๆ การพยายามยั่วยุ เช่น จะมีการซ้อมรบประจำปีระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐ ในเดือนหน้าก็เป็นเรื่องที่จะทำให้ภูมิภาคแถบนี้ตึงเครียดขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม การกระทำใดๆ ของฝ่ายพันธมิตรนั้นเป้าหมายที่แท้จริงอยู่ที่จีน มิใช่เกาหลีเหนือ
                      ปัญหาคาบสมุทรเกาหลีนั้นมีมายาวนาน และบทบาทที่ คิม จอง อึน เล่นนี่ก็ไม่ใหม่ พ่อเขาก็นิยมเล่นแบบนี้ การคุกคามเพื่อนบ้านนั้นไม่ใช่แค่เป็นเกมเสี่ยงที่หวังล่อให้ฝ่ายตรงข้ามต้องยอมทำตามความประสงค์ของรัฐบาลเปียงยาง ซึ่งอย่างน้อยก็คือความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่างๆ แต่แท้จริงแล้วก็เป็นการเบี่ยงเบนปัญหาการปกครองประเทศไปด้วย ความขัดแย้งภายในที่เกิดอยากต่อเนื่อง จนทำให้คิมต้องประหารข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคน บางคนเพิ่งแต่งตั้งในยุคที่เขาเป็นผู้นำด้วยซ้ำ แสดงให้เห็นว่า มีการไม่ลงรอยในการบริหารประเทศ แต่การถูกกดไว้ด้วยความเหี้ยมโหดของคิมไม่รู้ว่าจะนำไปสู่การปะทุรุนแรงเมื่อใด
                      ยิ่งเกาหลีเหนือทะเลาะกันภายในเท่าใด ก็แสดงออกอย่างเกรี้ยวกราดต่อเพื่อนบ้านตามไปด้วย สหรัฐและพันธมิตรก็ยิ่งยั่ว การปิดนิคมอุตสาหกรรมแกซองเป็นการลงโทษที่รุนแรงมากและความร้ายแรงของสถานการณ์อาจไปไกลจนยากจะคาด เพราะนี่คือการตัดท่อน้ำเลี้ยงเกาหลีเหนือของแท้ แท้ที่น่าห่วงกว่านี้คือ กิจกรรมหลายอย่างที่สหรัฐและพันธมิตรเหวี่ยงใส่เกาหลีเหนือนั้น กระทบแรงต่อจีนมาก เช่นอเมริกาอาศัยข้ออ้างเรื่องความห้าวของโสมแดง ไปประจำการระบบต่อต้านขีปนาวุธแธดให้โสมขาว ระบบนี้ดูเผินๆ ก็เป็นเชิงรับ ไม่ได้รุกเล่นงานจีน แต่ในความเป็นจริง ระบบนี้ครอบคลุมจีนด้วย ทำให้จีนจะโจมตีไต้หวันหรือญี่ปุ่นนั้นเป็นเรื่องไม่ง่าย ทั้งยังเป็นการปักธงอาวุธแบบนี้ของสหรัฐในเกาหลีใต้ สหรัฐอาจพัฒนาระบบขีปนาวุธโจมตีขึ้นมาจากการรวมระบบนี้ของเกาหลีใต้เข้ากับญี่ปุ่น เพื่อสู้กับจีน
                      ยิ่งเกาหลีเหนือแรง สหรัฐยิ่งกระแซะให้จีนต้องร่วมแก้ปัญหาคาบสมุทรเกาหลีนี้ด้วย แม้จีนจะบอกว่าโสมแดงไปคุยกับทำเนียบขาวเอาเองเถิด นี่จะยิงจรวดถึงกันได้ก็ย่อมแสดงว่าเป็นเพื่อนบ้านติดกันแล้วนี่ แต่สหรัฐก็กดดันจีนให้ลดความซ่าของเกาหลีเหนืออยู่ดี บางทีรัฐบาลวอชิงตันไม่หวังเท่าไหร่หรอกกับความช่วยเหลือเรื่องนี้จากจีน แต่กลับกันถ้าจีนกับคิมมีความขัดแย้งระหองระแหงกัน ก็จะเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐ
                      ไทยเรายังมองดูเรื่องพวกนี้อยู่ห่างๆ อาจแสวงประโยชน์เสียด้วย อย่างเช่นตอนที่คาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดกันทั้งปีเมื่อสามปีก่อน ตั๋วทัวร์เกาหลีถูกมาก คนไทยก็ไปเที่ยวกันเยอะ แต่ถ้าเกิดสงครามขึ้นมาเมื่อใด อย่าลืมว่าไทยยังมีสถานะเป็นคู่สงครามกับโสมแดงอยู่ด้วย เพราะสงครามเกาหลีเพียงแต่ชะงักไป ไม่เคยยุติจริงๆ อย่างเป็นทางการ หากเกิดสงครามขึ้นอีก ไทยจะกลับไปรบหรือไม่นั้นยังเป็นคำถามก็จริง แต่กว่าจะตอบได้ก็คงหนักใจพอสมควร
——————–
(มองมุมยุทธศาสตร์ : ตอบโต้เปียงยาง กระเทือนปักกิ่ง : โดย…เรือรบ เมืองมั่น http://www.facebook.com/ruarob.muangman)

ไชน่าดรีมด้านความมั่นคง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160208/222000.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2559
ไชน่าดรีมด้านความมั่นคง

ไชน่าดรีมด้านความมั่นคง : มองมุมยุทธศาสตร์ เรือรบ เมืองมั่น

              จีนยุคสี่ จิ้นผิง ผู้นำรุ่นที่ห้า มีการปรับเปลี่ยนและสืบสานยุทธศาสตร์เดิมหลายอย่างที่ทำให้ดูแตกต่างจากผู้นำรุ่นก่อน พร้อมที่จะนำจีนพุ่งทะยานออกไปแผ่อิทธิพลและควบกล้ำผลประโยชน์มากกว่าเดิม หนึ่งในยุทธศาสตร์ใหม่ที่เขาใช้คือ “ไชน่าดรีม” หรือความฝันของจีน ซึ่งอ้างว่ามาจากการนำความฝันของคนจีนมาผนึกกันเพื่อเป็นเข็มมุ่งให้สู่เป้าหมายนั้นก็ได้ เช่น จีนต้องพ้นจากความเป็นชาติอดอยากสมัยเหมา เจ๋อตุง สร้างชาติปี 1949 ให้เป็นชาติพัฒนาแล้วภายในปี 2049 ให้ได้ และความยิ่งใหญ่เกรียงไกรนั้น ส่วนสำคัญเลยคือความมั่นคง

ไชน่าดรีมนี้อาจเป็นความฝันของสี่ และเหล่าผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์มากกว่าคนจีนอื่นก็เป็นได้ ยังไม่ชัดเจนว่าอะไรอยู่เบื้องหลังแรงขับที่ทำให้จีนในยุคนี้ดูกร้าวในเวทีระหว่างประเทศมากกว่าในยุคเติ้ง เสี่ยวผิง หรือหู จินเทา ทำไมจีนต้องเร่งยึดเกาะแก่งในทะเลจีนใต้อย่างเป็นรูปธรรมและพร้อมที่จะเปิดศึกกับชาติใดที่ทำให้จีนต้องถอนตัวออกจากอธิปไตยเส้นประเก้าเส้น ขณะที่โครงการใหญ่อย่างเส้นทางสายไหมทั้งทางบกทางทะเลก็ดูกว้างยาวใหญ่โตเกินจริง สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ต้องอาศัยกำลังกองทัพที่ยิ่งฉกาจฉกรรจ์พันลึก จนทำให้จีนต้องปฏิรูปกองทัพเพื่อตามให้ทัน ยุทโธปกรณ์ที่ล้ำสมัยมากขึ้นก็อาจยั่วยุความขัดแย้งแรงขึ้นด้วย

เหตุผลที่ว่าจีนต้องการใช้กำลังทางทหารคุ้มครองเส้นทางส่งกำลังบำรุงที่ยาวไกลจากแปซิฟิกไปแอฟริกาและยุโรป หรือจีนต้องการให้ตนมีขอบหน้าพื้นที่การรบไกลบ้านแบบสหรัฐ หรือเป็นฐานต่อระยะเวลาต้องทำศึก หรือคิดง่ายๆ ว่าก็เพราะตรงนั้นมีน้ำมัน จีนต้องการพลังงานมหาศาลไว้ใช้ ล้วนแต่เป็นเหตุเป็นผลได้ทั้งนั้น แต่ก็มีข้อแย้งว่า มันจำเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ พลังงานน้ำมันจะล้าสมัยในอีกไม่นานนี้แล้วเพราะโลกกำลังหาพลังงานทดแทนอย่างจริงจัง อีก 33 ปีที่จีนจะเป็นประเทศพัฒนานั้น โลกและจีนอาจไม่ใช้น้ำมันในการขับเคลื่อนอีกแล้ว จีนไม่มีความจำเป็นต้องยึดเกาะเล็กน้อยที่ถมสร้างอย่างไรก็อาศัยไม่ได้เท่าไหร่หรอก เรือรบหรือเครื่องบินจริงๆ นั้นแล่นออกมาจากไหหลำเป็นหลัก ไม่ใช่โขดหินกลางทะเลเหล่านี้ เสรีเดินเรือในพื้นที่นั้นไม่เห็นจะขัดขวางการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งทางบกและทะเลของจีนเลย

แต่เพราะ “ไชน่าดรีม” ที่ทำให้จีนมาถึงจุดนี้ นั่นคือจีนต้องการทวงเกียรติภูมิจีนคืนมา ชาวจีนคิดอยู่เสมอว่าตนเองยิ่งใหญ่เหนือใครในทุกด้าน คิดมา 5,000 ปีแล้วและก็มีหลักฐานพยานสนับสนุนมากมาย แต่สักสองร้อยปีมานี้เองที่จีนตกต่ำ ยอมตกเป็นรองต่างชาติ แม้แต่คอมมิวนิสต์ยุคต้นจีนก็ยังล้าหลัง สมัยเติ้ง เสี่ยวผิงเคยบอกว่าปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ก็ให้ไปแก้ยุคหน้า ยุคนั้นมาถึงแล้วคือยุคที่ห้าของสี่ จิ้นผิง ที่จีนกินอิ่มอยู่ดีครบความต้องการพื้นฐานล้นเหลือ พวกเราจึงแสวงหาเกียรติภูมิที่เคยมีในอดีต ในเมื่อมีเงินแล้วต้องโชว์ต้องอวดโก้ให้คนเห็น นี่คือแนวคิดของฮั่นสิน ขุนศึกราชวงศ์ฮั่นเคยปรารภไว้ ยุคนี้พวกเขาจึงนำเอาความสำเร็จทางเศรษฐกิจมาแปลงเป็นความฮึกเหิมทางทหารและความกล้ายึดสิ่งที่คิดว่าเคยเป็นของจีน กลับสู่อ้อมอกครอบครองของจีนให้ได้

ไชน่าดรีม แบบนี้เป็นเรื่องของการวางเป้าหมายด้วยอารมณ์มากกว่าตรรกะ เป็นการยึดอุดมการณ์แบบหนึ่งซึ่งเมื่อขัดเกลาบ่มเพาะถึงที่สุดแล้วก็อาจยากที่จะลดทอนด้วยผลประโยชน์หรือความเป็นเหตุเป็นผล เราคงต้องดูกันต่อไปนะครับว่าไชน่าดรีมจะบรรลุตามหวังได้ไหม หรือจะไปทับเส้นกับดรีมของใครจนเกิดวุ่นวายไปก่อน